More Related Content
Similar to ครูผู้ช่วย (20)
ครูผู้ช่วย
- 2. ภารกิจ ระดับครู ผู้ ช่วย
ห้ องเรียนที 1
ภารกิจการเรียนรู ้
1. ให้ ท่านวิเคราะห์วิธีการจัดการเรี ยนรู ้ ของครูแต่ละคนว่าอยู่ในกระบวน
ทัศน์การออกแบบการสอนใด และมีพื นฐานมาจากทฤษฎีการเรี ยนรู ้ ใดบ้ าง พร้ อม
อธิบายเหตุผล
2. วิธีการเรี ยนรู ้ ของครูแต่ละคนมีข้อดีและข้ อเด่นอย่างไร
3. วิธีการจัดการเรี ยนรู ้ ของใครทีสอดคล้ องกับพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มากทีสุด เพราะเหตุใด
- 4. ครู บุญมี
กระบวนทั ศน์การออกแบบการสอน พื นฐานการออกแบบการเรี ยนรู ้ มาจาก
ทฤษฎีการเรี ยนรู ้ ตามแนวพฤติกรรมนิยม
เป็ นการสอนทีเน้ นการบรรยายโดยครู — เน้ นให้ ผู ้ เรี ยนจดจําเนื อหาได้ ปริ มาณมาก
เป็ นผู ้ ถ่ายทอดเนื อหาไปยังผู ้ เรี ยนเพียง โดยวิธีการท่องจํา
อย่างเดียว นักเรี ยนก็มีหน้ าทีจดจํา — ผู ้ สอนเป็ นผู ้ นําเสนอสารสนเทศให้ ผู ้ เรี ยน
ความรู ้ ทีครูถ่ายทอดให้ ได้ ปริ มาณมาก เพียงฝ่ ายเดียว
ทีสุดซึงจะเน้ นการท่องจํา — สือการสอนจะเน้ นให้ ผู ้ เรี ยนได้ รับ
สารสนเทศจํานวนมาก เช่น บทเรี ยน
โปรแกรม ชุดการสอน เป็ นต้ น
- 5. ครู บุญช่ วย
พื นฐานการออกแบบการเรี ยนรู ้ มาจาก
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอน
ทฤษฎีการเรี ยนรู ้ ตามแนวคอนสตรัคติ
วิสต์
เป็ นการเรี ยนการสอนทีเน้ นผู ้ เรียนเป็ น — เน้ นการเรี ยนรู ้ ทีผู ้ เรี ยนเป็ นผู ้ สร้ างความรู ้
สําคัญ ให้ ผู ้ เรี ยนได้ ทําการเรี ยนรู ้ ด้วย ด้ วยตนเอง
ตนเองโดยการเชือมโยงความรู ้ เดิม
— ผู ้ สอนทําหน้ าทีแนะนําและจัดรูปแบบ
ประสบการณ์ต่างๆจนเกิดเป็ นความรู ้
การเรี ยนเพือให้ นักเรี ยนเกิดการเรี ยนรู ้
ใหม่ ครูผู ้ สอนจะเป็ นผู ้ ให้ คําแนะนําและ
จัดรูปแบบการเรี ยนการสอนให้ เหมาะสม — เน้ นการเรี ยนรู ้ ทีเป็ นการเรี ยนรู ้ แบบ
กับการเรี ยนรู ้ ตามสภาพจริ งของผู ้ เรี ยน ร่วมมือกัน
- 6. ครู บุญชู
กระบวนทั ศน์การออกแบบการเรี ยนการสอน พื นฐานการออกแบบการเรี ยนรู ้มาจาก
ทฤษฎีการเรี ยนรู ้ตามแนวพุทธิปัญญานิยม
— เน้นให้ผู้ เรี ยนได้เชือมโยงความรู้ใหม่กับ
เป็ นการเรี ยนการสอนทีให้ผู้ เรี ยนได้ ความรู้เดิม
เชือมโยงความรู้เดิมไปใช้ในการเรี ยนรู้ — ผู้ สอนจะใช้เทคนิคแนะนํ าและการ
ความรู้ใหม่ ครู ผู้ สอนจะทํ าหน้าทีในการ นําเสนอสารสนเทศให้ผู้ เรี ยนเกิดการ
นําเสนอสารสนเทศให้ผู้ เรี ยนเกิดการ เรี ยนรู้
เรี ยนรู้
— มีการใช้วิธีการ Mnemonic ทีช่วยให้
ผู้ เรี ยนบั นทึกและเรี ยกสารสนเทศกลั บมา
ใช้ได้ง่าย เช่น การใช้ค ํ าคล้องจอง การ
แต่งเป็ นเพลง เป็ นต้น
- 8. วิธีการเรียนรู ้ ของครู บุญมี
ข้ อเด่ น ข้ อดี
•เน้นให้ผู ้ เรี ยนจดจํ าเนื อหาได้ ปริ มาณมาก •ทํ าให้ผู้ เรี ยนได้ทบทวนบทเรี ยนและสามารถที
โดยวิธีการท่องจํ าและการทํ าซํ าๆ จะจดจํ าความรู ้ได้ มากขึ นโดยการท่องจํ าและ
•ครู มีการเน้นยํ าข้ อความทีสําคั ญต่อการ ทํ าซํ า
•ทํ าให้ผู ้ เรี ยนไม่ต้ องกลั บไปอ่านเนื อหาทีเรี ยน
เรี ยนรู ้ในขณะทํ าการบรรยาย ทั งหมด โดยสามารถอ่านแค่ข ้ อความทีครู เน้นก็
•ครู ผู ้ สอนทํ าการสอบเก็บคะแนน สามารถทีจะเข้ าใจเนื อหาทั งหมดได้
หลั งจากเรี ยนจบแต่ละบทเรี ยน •ทํ าให้ผู ้ สอนสามารถทีจะรู ้ว่าผู ้ เรี ยนแต่ละคนนั น
มีความเข้ าใจในเนื อหาทีเรี ยนมากน้อยเพียงใด
- 9. วิธีการเรียนรู ้ ของครู บุญช่ วย
ข้ อเด่ น ข้ อดี
•ผู้ เรี ยนได้ท ํ าการเรี ยนรู้ด้วยตนเองโดยการ •ทํ าให้ผู ้ เรี ยนได้เกิดความกระตือรื อร้นในการ
เชือมโยงความรู้เดิม ประสบการณ์ต่างๆจนเกิด เรี ยนรู ้ด้วยตนเองมากยิ งขึ น
เป็ นความรู้ใหม่ •ทํ าให้ผู ้ เรี ยนได้พ ั ฒนากระบวนการคิดของ
•ครู ผู้ สอนทํ าหน้าทีในการอธิบายและกระตุ ้ นให้ ตนเองให้เป็ นระบบมากยิ งขึ น
ผู้ เรี ยนได้คิดแก้ปัญหาคิด •ทํ าให้ผู ้ เรี ยนได้แสดงความคิดและสามารถทีจะ
•ผู้ เรี ยนมีการเรี ยนรู้แบบร่ วมมือกั น แลกเปลียน สรุ ปเป็ นความรู ้ความเข้ าใจของตนเองได้
ความรู้ นําเสนอความคิดและสรุ ปแนวความรู ้ที
ได้ร่วมกัน
- 10. วิธีการเรียนรู ้ ของครู บุญชู
ข้ อเด่ น ข้ อดี
•เน้นให้ผู้ เรี ยนได้เชือมโยงความรู ้ใหม่กั บความรู ้ •ทํ าให้ผู ้ เรี ยนสามารถทีจะเรี ยนรู ้ใน
เดิม เช่น การให้ผู้ เรี ยนจํ าคํ าศั พท์ เนื อหาทีเรี ยนได้รวดเร็ วและมีความรู ้ความ
โดยใช้การออกเสี ยงภาษาอั งกฤษทีเหมือนกั บ
เข้ าใจมากยิ งขึ น
ภาษาไทย เช่น pic กับ พริ ก และ bear กั บ แบมือ
พร้อมมีรูปประกอบ •ทํ าให้ผู ้ เรี ยนสามารถทีจะบั นทึกและเรี ยก
•ผู้ สอนใช้วิธีการ Mnemonic ทีช่วยให้ผู ้ เรี ยน สารสนเทศกลั บมาใช้ได้ง่ายขึ น
บั นทึกและเรี ยกสารสนเทศกลั บมาใช้ได้ง่าย เช่น
การใช้ค ํ าคล้องจอง การแต่งเป็ นเพลง เป็ นต้ น
- 12. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ.2542
และทีแก้ไขเพิมเติม ( ฉบับที 2 ) พ.ศ.2545
(เฉพาะสาระทีเกียวข้ องกับการประกันคุณภาพ)
หมวด 4
แนวการจัดการศึกษา
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้ องยึดหลั กการว่าผู ้ เรี ยนทุกคนมีความสามารถ
เรี ยนรู ้ และพั ฒนาตนเองได้ และถือว่าผู ้ เรี ยนมีความสําคั ญทีสุ ด
กระบวนการจัดการศึกษาต้ องส่ งเสริ มให้ผู ้ เรี ยนสามารถพั ฒนาตาม
ธรรมชาติและเต็มตามศั กยภาพ
- 13. วิธีการจัดการเรียนรู ้ ของครู บุญช่ วย
เป็ นการเรี ยนการสอนทีเน้นผู ้ เรี ยนเป็ นสําคั ญ ให้ผู ้ เรี ยนได้ ท ํ าการเรี ยนรู ้ด้ วยตนเอง
โดยการเชือมโยงความรู ้เดิม ประสบการณ์ต่างๆจนเกิดเป็ นความรู ้ใหม่ ครู ผู ้ สอนจะ
เป็ นผู ้ ให้ค ํ าแนะนํ าและจัดรู ปแบบการเรี ยนการสอนให้เหมาะสมกั บการเรี ยนรู ้ตาม
สภาพจริ งของผู ้ เรี ยน การเรี ยนรู ้ของนักเรี ยนได้พ ั ฒนากระบวนการคิดของตนเอง
อย่างเป็ นระบบโดยจะเน้นการร่ วมมือกั นแก้ ปัญหา นําเสนอแนวความคิด และสรุ ป
ความรู ้ทีได้ตามความเข้ าใจของตนเอง นักเรี ยนนั นสามารถทีจะคิดได้ อย่างอิสระ
โดยครู นั นจะใช้ค ํ าถามเป็ นการกระตุ ้ นให้นักเรี ยนได้ คิด การเรี ยนการสอนใน
ลั กษณะนี นักเรี ยนสามารถทีจะนําไปปรับใช้ในชีวิตประจํ าวั นได้
- 14. ภารกิจ ระดับครู ผู้ ช่วย
ห้ องเรียนที 2
ภารกิจการเรียนรู ้
1. ให้ ท่านวิเคราะห์ปัญหาทีเกิดขึ นว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไรบ้ าง
2. วิเคราะห์หาทฤษฎีการเรี ยนรู ้ และการออกแบบการสอนทีสามารถแก้ ปัญหาได้
3. ออกแบบการจัดการเรี ยนรู ้ ทีสามารถแก้ ปัญหาดังกล่าวได้
- 15. สถานการณ์ ปัญหา
ผมเป็ นครู สอนคณิตศาสตร์ มาหลายปี ขณะสอนนักเรี ยนจะได้ ยินคําถามเสมอว่ า
"อาจารย์ (ครับ/ค่ ะ)...เรี ยนเรื องนี ไปทําไมเอาไปใช้ ประโยชน์ อะไรได้ บ้าง"
ก็ได้ แต่ ตอบคําถามว่ านําไปใช้ ในการเรี ยนต่ อชั นสูง และนําไปประยุกต์ ใช้ ในวิชา
วิทยาศาสตร์ ซึ งบางเนื อหาก็มีโจทย์ ปัญหาเป็ นแนวทางทําให้ พอรู ้ ว่าจะนําไปใช้
อะไรได้ บ้าง แต่ บางเนื อหาก็จะได้ ยินเสียงบ่ นพึมพําว่ า"เรี ยนก็ยาก สูตรก็เยอะ
ไม่ รู้ จะเรียนไปทําไม ไม่ เห็นได้ นําไปใช้ เลย" ในความเป็ นจริงดิฉันคิดว่ าหลักสูตร
วิชาคณิตศาสตร์ ของไทยน่ าจะมีการ apply ให้ มากกว่ านี ในแต่ ละเรื องทั งม.ต้ น
และม.ปลาย ผู ้ เรียนจะได้ รู้ ว่าถ้ าเรี ยนแล้ วสามารถนําไปใช้ ได้ จริงไม่ ว่าจะเรี ยนต่ อ
สายสามัญหรือสายอาชีพและเห็นความสําคัญของวิชานี มากขึ น
- 17. สาเหตุของปัญหาดังกล่ าว มีดังนี
สาเหตุ พฤติกรรมทีก่ อให้ เกิดปัญหาดังกล่ าว
-นักเรียนไม่ ชอบวิชาจึงทําให้ ไม่ มีความกระตือรือร้ นในการ
เรียน
นักเรียน -นักเรียนไม่ เห็นความสํ าคัญของการเรียนในวิชานั นว่ า
สามารถนําไปใช้ ประโยชน์ ในชีวิตประจําวันได้ อย่างไร
- นักเรียนไม่ ทราบถึงจุดประสงค์ ของการเรียนในวิชานั น
-เนือหาในการเรียนนั นไม่ มีความสอดคล้องกับสภาพความ
เป็ นจริงของผู้ เรียน
เนื อหาวิชาทีใช้ ในการเรียนการสอน - เนือส่ วนมากจะอยู่ ในแบบนามธรรม
-ครู ผู้ สอนขาดการเตรียมความพร้ อมก่อนทําการเรียนการ
สอน
ครูผู ้ สอน -ครู ผู้ สอนขาดทักษะและเทคนิคในการสอนทีดี
-ครู ผู้ สอนขาดความรู้ ความเข้ าใจในเนือหาทีตนเองสอน
- 20. ทฤษฎีการเรียนรู ้ ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
การออกแบบการเรี ยนการสอน ทีเน้นผู ้ เรี ยนเป็ นสําคั ญ ให้ผู ้ เรี ยนได้ ท ํ าการ
เรี ยนรู ้ด้วยตนเองโดยการเชือมโยงความรู ้เดิม ประสบการณ์ต่างๆจนเกิดเป็ นความรู ้
ใหม่ ครู ผู ้ สอนจะเป็ นผู ้ ให้ค ํ าแนะนํ าและจัดรู ปแบบการเรี ยนการสอนให้เหมาะสม
กั บการเรี ยนรู ้ตามสภาพจริ งของผู ้ เรี ยน ใช้การเรี ยนแบบร่ วมกั นแก้ ปัญหาเพือให้
นักเรี ยนได้ ลงมือปฏิบ ั ติด้ วยตนเอง ทํ าให้นักเรี ยนได้ คิดอย่างอิสระ เกิดกระบวนการ
แก้ ปัญหาอย่างเป็ นระบบ ทํ าให้นักเรี ยนได้เรี ยนรู ้ด้ วยตนเองและเห็นความสําคั ญ
ของการเรี ยนว่ามีประโยชน์สามารถทีจะนํ าไปปรับใช้ในชีวิตประจํ าวั นได้
- 22. การจัดการเรียนรู ้ ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
1.ครูบอกให้ ผู ้ เรี ยนทราบถึงเนื อหาทีจะเรี ยน
2.ผู ้ เรี ยนระดมพลังสมองแสดงความคิดเห็นเกียวกับเนื อหาทีเรี ยน
3.ครูจัดกิจกรรมให้ ผู ้ เรี ยนปฏิบัติเพือสร้ างองค์ความรู ้ ใหม่ทีเกียวกับเนื อหาทีเรี ยน
4.ครูกําหนดสถานการณ์ปัญหาให้ กับผู ้ เรี ยน
5.ผู ้ เรี ยนนําองค์ความรู ้ ทีสร้ างขึ นมาใช้ ในสถานการณ์ทีครูกําหนดให้
6. ผู ้ เรี ยนสรุปองค์ความรู ้ ทีเกิดขึ นจากการเรี ยนครั งนี
- 23. รายชือสมาชิก
1. นางสาวพิชญ์ สิริ ลําเภาพันธ์ 543050042-4
2. นางสาวบุณฑริกา ไวยธัญกิจ 543050306-6
3. นางสาวเบญจวรรณ เหงกระโทก 543050356-1
สาขา คณิตศาสตรศึกษา