More Related Content
Similar to ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
Similar to ภารกิจระดับครูผู้ช่วย (20)
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
- 3. ภารกิจที่ 1
ให้ ท่านวิเคราะห์ วิธีการจัดการเรียนรู้ของครู แต่ ละคนว่ าอยู่ใน
กระบวนทัศน์ การออกแบบการสอนใดและมีพืนฐานมาจาก ้
ทฤษฎีการเรียนรู้ใดบ้ าง พร้ อมทังอธิบายเหตุผล
้
- 4. ครูบุญมี
เป็ นครูสอนวิชาภาษาไทย ในการสอนแต่ละชัวโมงครูจะใช้ วิธีการบรรยาย
่
ส่วนไหนที่สาคัญก็จะเน้ นย ้าให้ นกเรี ยนจดบันทึกและท่องซ ้าหลายครัง ทุกวัน
ั ้
ครูจะให้ นกเรี ยนท่องคาศัพท์วนละ 5 คา พร้ อมทังคัดลายมือมาส่ง
ั ั ้
สื่อที่ครูใช้ ประจาคือ บทเรี ยนโปรแกรมและชุดการสอน
นอกจากนี ้เมื่อเรี ยนจบแต่ละบทครูบญมีก็จะทาการสอบเก็บคะแนนถ้ า
ุ
นักเรี ยนสอบตกก็จะให้ สอบใหม่จนกว่าจะผ่านตามเกณฑ์
- 5. การจัดการเรียนรู้ของครูบุญมี
•ครูใช้ วิธีการบรรยายความรู้ให้ นกเรี ยน ั
•ครูเน้ นย ้าให้ ผ้ เู รี ยนเรี ยนรู้แบบท่องจาและบันทึกคาศัพท์หลายๆครังโดยที่ผ้ เู รี ยน
้
ไม่ได้ สร้ างองค์ความรู้ตางๆ ขึ ้นมาด้ วยตนเอง
่
•ครูเป็ นผู้ถ่ายทอด บรรยายและปอนความรู้
้
เป็ นการจัดการเรี ยนรู้ ตามกระบวน ทังหมดให้ ผ้ เู รี ยน
้
ทัศน์ ท่ เน้ นครู เป็ นศูนย์ กลาง
ี •ผู้ เรี ยนมีหน้ าที่เพียงทาตามคาสังของครู
่
เพื่อให้ เกิดกระบวนการเรี ยนรู้ตามที่ครูต้องการ
•มุ้ งเน้ นให้ ผ้ เู รี ยนจดจาความรู้ได้ ในปริมาณมากที่สด
ุ
มีพนฐานมาจาก
ื้
•บทบาทของผู้ เรี ยนคือเป็ นผู้รับสารสนเทศ
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
•บทบาทของครู คือเป็ นผู้นาเสนอข้ อมูลสารสนเทศ
- 6. ครูบุญช่ วย
เป็ นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ในการสอนแต่ละครังครูจะนาเข้ าสูบทเรี ยนโดยเชื่อมโยง
้ ่
เนื ้อหาที่เรี ยนกับประสบการณ์เดิมของผู้เรี ยน เช่นการใช้ คาถาม การยกตัวอย่างเหตุการณ์
ในชีวิตประจาวัน ข่าวสารต่าง ๆเป็ นต้ น หลักจากนันครูจะแบ่งนักเรี ยนออกเป็ นกลุมแล้ ว
้ ่
มอบสถานการณ์ปัญหาหรื อภารกิจการเรี ยนรู้ให้ ผ้ เู รี ยนทุก ๆ กลุม นอกจากนี ้ครูยงเตรี ยม
่ ั
แหล่งการเรี ยนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือ วีดิทศน์ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้ อง ฯลฯเพื่อให้ ผ้ เู รี ยนค้ นหา
ั
คาตอบ และร่ วมมือกันเรี ยนรู้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การลงมือทดลองเพื่อ
ทดสอบแนวคิดของกลุม โดยมีครูเป็ นผู้ให้ คาแนะนา หากพบว่ามีผ้ เู รี ยนคนใดหรื อกลุมใด
่ ่
เข้ าคลาดเคลื่อนครูก็จะเข้ าไปอธิบายและกระตุ้นให้ คิด หลังจากได้ คาตอบแล้ วทุกกลุมก็ ่
จะนาเสนอแนวคิดความ และร่ วมกับสรุปบทเรี ยนเป็ นความเข้ าใจของตนเอง
- 7. การจัดการเรียนรู้ของครู บุญช่ วย
•ครูสร้ างองค์ความรู้ใหม่โดยอาศัยการเชื่อมโยงกับความรู้เดิม
•ครูชี ้ให้ เห็นตัวอย่างชัดเจนจากสถานการณ์ในชีวิตประจาวัน ซึงเป็ น ่
แหล่งเรี ยนรู้ที่สาคัญ
•นักเรี ยนได้ ลงมือปฏิบติการทดลองด้ วยตนเอง เพื่อให้ เห็นความรู้
ั
•นักเรี ยนได้ เรี ยนรู้โดยใช้ กระบวนการกลุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
่
•ครูเป็ นผู้กระตุ้นให้ นกเรี ยนเกิดการเรี ยนรู้ และเป็ นโค้ ชที่ให้ คาแนะนา
ั
แต่ไม่ใช่ผ้ ที่ถ่ายทอดความรู้ทงหมดให้ นกเรี ยน
ู ั้ ั
•ครูให้ นกเรี ยนสรุปบทเรี ยนเป็ นความเข้ าใจของตนเอง
ั
- 8. การจัดกระบวนการเรี ยนรู้ ตาม เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนเป็ นผู้สร้ างความรู้ขึ ้นมาด้ วยตนเอง
กระบวนทัศน์ รู้จกใช้ กระบวนการคิดเชื่อมโยงความรู้ พัฒนา
ั
ที่เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ ความรู้ใหม่ขึ ้นมาได้ โดยอาศัยแหล่งเรี ยนรู้ตางๆ ่
•บทบาทของนักเรี ยน คือ ลงมือปฏิบติการ
ั
ทดลอง สร้ างองค์ความรู้ด้วยตนเอง และ
มีพนฐานมาจากทฤษฏี
ื้ เชื่อมโยงความรู้จากประสบการณ์เดิมรวมถึง
คอนสตรั คติวสต์
ิ สถานการณ์ตาง ๆ ในชีวิต
่
•บทบาทของครู เป็ นผู้อานวยความสะดวก ให้
ความช่วยเหลือ ชี ้แนะแนวทางที่ถกแก่ผ้ เู รี ยน
ู
- 9. ครูบุญชู
สามารถสอนให้ นกเรี ยนจาคาศัพท์ภาษาอังกฤษได้ โดยไม่ลืมซึงครูมี
ั ่
เทคนิคดังนี ้ การแต่งเป็ นบทเพลง การใช้ คาคล้ องจองการใช้ แผนภูมิ
รูปภาพประกอบเนื ้อหาที่ต้องการให้ ผ้ เู รี ยนเข้ าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
องค์ประกอบ เช่น แผนผังแสดงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว และที่
น่าสนใจคือ การให้ ผ้ เู รี ยนจาคาศัพท์โดยใช้ การออกเสียงภาษาอังกฤษที่
เหมือนกับภาษาไทย เช่น pic กับ พริ ก และ bear กับ แบมือ พร้ อมมี
รูปประกอบซึงเป็ นการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมที่ผ้ เู รี ยนรู้จกมาช่วยใน
่ ั
การจดจาคาศัพท์
- 10. การจัดการเรียนรู้ของครูบุญชู
• ครูแต่งเพลงเพื่อให้ นกเรี ยนจาคาศัพท์จากเพลง
ั
• ครูเป็ นผู้ถ่ายทอดความรู้ทงหมดให้ ผ้ เู รี ยน เช่น แผนภูมิรูปภาพ
ั้
ประกอบเนื ้อหา ใช้ เพลงช่วยในการจดจาคาศัพท์ เป็ นต้ น
• เน้ นให้ ผ้ เู รี ยนเรี ยนรู้จากกระบวนการจา
เป็ น
การจัดการเรี ยนรู้ ตามกระบวนทัศน์ ท่ ี
เน้ นครู เป็ นศูนย์ กลาง
- 11. •ผู้ เรี ยนมีความรู้เพิ่มขึ ้นทังปริ มาณและคุณภาพ สามารถ
้
มีพนฐานมาจาก
ื้
จัดรวบรวมความรู้ให้ เป็ นระเบียบและนากลับมาใช้ ใหม่
ทฤษฏีพุทธิปัญญานิยม ได้ ตามต้ องการ รวมถึงถ่ายโยงความรู้และทักษะเดิม
ไปสูบริ บทใหม่ได้ ดังจะเห็นได้ จาก
่
•ครูแต่งคาศัพท์เป็ นเพลง ที่ง่ายต่อการจาได้ เป็ น
เวลานานเมื่อต้ องการใช้ ก็นากลับมาใช้ ได้
•ครูใช้ คาคล้ องจองและแผนภาพประกอบ เป็ นลักษณะ
การสร้ างภาพแทนสารสนเทศ และเป็ นการเชื่อมโยง
ความรู้เดิม ไปเปรี ยบเทียบเป็ นความรู้ใหม่ในบริ บทใหม่
จากเดิม เช่น คาศัพท์ pic กับ พริ ก และ bear กับ แบ
มือ เป็ นต้ น
•ครูใช้ รูปภาพแสดงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
เพื่อเป็ นการจัดระเบียบสารสนเทศให้ กบผู้เรี ยน
ั
- 13. ครูบุญมี
ข้ อดี ข้ อเด่ น
• ใช้ สื่อประกอบการสอน • เน้ นย ้าให้ จดบันทึกและ
เช่นโปรแกรมและสื่อการ ท่องจาหลาย ๆ ครังในส่วน
้
สอน ที่สาคัญ
• มีการสอบเก็บคะแนน หาก • ท่องศัพท์วนละ 5 คา
ั
สอบไม่ผานสามารถสอบ • คัดลายมือ
่
ใหม่จนกว่าจะผ่าน
- 14. ครูบุญช่ วย
ข้ อดี ข้ อเด่ น
• ใช้ การตังคาถาม ข่าวสารต่าง ๆ และ
้
• นาเข้ าสูเ่ นื ้อหาโดยประสบการณ์เดิม ประสบการณ์ในชีวิตประจาวัน มา
• ให้ นกเรี ยนได้ ลงมือแก้ ปัญหาและทา
ั ช่วยในการเชื่อมโยงเข้ าบทเรี ยน
ภารกิจด้ วยตนเอง • ใช้ กิจกรรมกลุมในการเรี ยนการสอน
่
• มีแหล่งเรี ยนรู้ที่เตรี ยมมากมาย เช่น • ครูเป็ นผู้แนะนา ชี ้แนวทางที่ถกให้ กบ
ู ั
หนังสือ วีดิทศน์ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้ อง
ั ผู้เรี ยน อธิบายและกระตุ้นให้ คิด
ฯลฯเพื่อให้ ผ้ เู รี ยนค้ นหาคาตอบ • หลังเรี ยนมีการให้ สรุปความคิด
ร่วมกันในกลุม ่
• มีการสรุปความคิดตามความเข้ าใจ
ของนักเรี ยนแต่ละคน
- 15. ครูบุญชู
ข้ อดี ข้ อเด่ น
• มีเทคนิคที่ช่วยให้ จาศัพท์ได้ ง่าย • แต่งเพลงคาศัพท์ ช่วยในการจา
• ใช้ แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ • ใช้ คาง่ายๆ มาเปรี ยบเทียบ
ขององค์ประกอบต่าง ๆ คาศัพท์เพื่อช่วยในการจาและการ
• ใช้ คาคล้ องเสียงช่วยในการ ออก ออกเสียง
เสียงที่ง่ายขึ ้น
- 17. แนวคิดเกี่ยวกับการศึกษาของประเทศตาม
พระราชบัญญัตการศึกษาแห่ งชาติ พ.ศ. 2542
ิ
มุงเน้ นการพัฒนาศักยภาพของผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ โดยเฉพาะการสร้ าง
่
ความรู้และพัฒนากระบวนการคิด
- 18. ดังนัน การจัดการเรี ยนรู้ที่สอดคล้ องกับพระราชบัญญัติ การศึกษา
้
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มากที่สด คือ ุ
การจัดการเรี ยนรู้ ของครู บุญช่ วย ซึงมีกระบวนทัศน์ที่
่
เน้ นผู้เรี ยนเป็ นสาคัญ เช่น
•ครูจะนาเข้ าสูบทเรี ยนโดยเชื่อมโยงเนื ้อหาที่เรี ยนกับประสบการณ์
่
เดิมของผู้เรี ยน
•การทากิจกรรมกลุม ่
•การสรุปความรู้ในชันเรี ยนด้ วยตนเอง
้
•บทบาทของครูเป็ นเพียงผู้อานวยความสะดวกในชันเรี ยน ชี ้แนะ
้
อธิบาย และกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยนเกิดการเรี ยนรู้
- 19. ห้ องเรี ยนที่ 2
สถานการณ์ ปัญหา
ผมเป็ นครูสอนคณิตศาสตร์ มาหลายปี ขณะสอนนักเรี ยนจะได้ ยินคาถาม
เสมอว่า "อาจารย์ (ครับ/ค่ะ)...เรี ยนเรื่ องนี ้ไปทาไม เอาไปใช้ ประโยชน์อะไรได้ บ้าง"
ก็ได้ แต่ตอบคาถามว่านาไปใช้ ในการเรี ยนต่อชันสูง และนาไปประยุกต์ใช้ ในวิชา
้
วิทยาศาสตร์ ซึงบางเนื ้อหาก็มีโจทย์ปัญหาเป็ นแนวทางทาให้ พอรู้วาจะนาไปใช้
่ ่
อะไรได้ บ้าง แต่บางเนื ้อหาก็จะได้ ยินเสียงบ่นพึมพาว่า "เรี ยนก็ยาก สูตรก็เยอะ
ไม่ร้ ูจะเรี ยนไปทาไม ไม่เห็นได้ นาไปใช้ เลย" ในความเป็ นจริงดิฉนคิดว่าหลักสูตร
ั
วิชาคณิตศาสตร์ ของไทยน่าจะมีการ apply ให้ มากกว่านี ้ในแต่ละเรื่ องทัง้ ม.
ต้ น และม.ปลาย ผู้เรี ยนจะได้ ร้ ูวาถ้ าเรี ยนแล้ วสามารถนาไปใช้ ได้ จริงไม่วาจะเรี ยน
่ ่
ต่อสายสามัญหรื อสายอาชีพและเห็นความสาคัญของวิชานี ้มากขึ ้น
- 21. สาเหตุของปั ญหาที่มาจาก
ครูผ้ ูสอน
• 1. ครูผ้ สอนยังไม่สามารถจัดการเรี ยนการสอนให้ เด็กได้ เข้ าใจถึงเนื ้อหา
ู
ได้ ชดเจน ว่าเนื ้อหานี ้มีลกษณะเป็ นแบบไหน สามารถใช้ ได้ จริงอย่างไร
ั ั
และวิชาคณิตศาสตร์ สาคัญแค่ไหน ใกล้ ไกลกับตัวเองมากน้ อยเพียงใด
• 2. ครูยงไม่มีเทคนิคการเชื่อมโยงเนื ้อหาบทเรี ยนให้ เด็กได้ เข้ าใจ
ั
เกี่ยวข้ องในชีวิตประจาวัน เช่น อาจจะแต่งในส่วนของเนื ้อหา เป็ นนิทาน
ชีวิตประจาวัน เพื่อลดความน่าเบื่อในเนื ้อหา และจาทาให้ เด็กสามารถ
จดจาได้ ขึ ้นใจ
- 22. • 3. ครูเพียงแค่สอนคณิตศาสตร์ ในเนื ้อหาเพียงอย่างเดียว เช่น สูตรที่
ยากๆก็ให้ เด็กท่องจาเอง ครูน่าจะมีวิธีการ ทริคการจาได้ แม่นและนาน
• 4. ครูควรจะเปิ ดโอกาสเกิดข้ อสงสัย และถามคาถามแสดงความ
คิดเห็น แล้ วครูสามารถให้ คาตอบที่ชดเจนกับเด็กได้ โดยเตรี ยมคาตอบ
ั
มาก่อน
• 5. ครูควรจะสนับสนุนนักเรี ยนด้ านวิชาการนี ้ สร้ างแรงจูงใจให้ เด็ก เกิด
ความสนใจให้ มากกว่านี ้
- 23. สาเหตุของปัญหาทีมาจาก นักเรียน
่
• 1.นักเรี ยน ยังไม่สามารถเข้ าใจในส่วนของวิชาคณิตศาสตร์ ว่ามีเนื ้อหา
การเรี ยนแบบใดบ้ าง
• 2.นักเรี ยนยังไม่ทราบผลการเรี ยนรู้ที่คาดหวังชัดเจน และจุดประสงค์
ของการเรี ยนการสอนของวิชาคณิตศาสตร์
- 24. • 3.นักเรี ยนส่วนใหญ่ มักจะคิดว่า คณิตศาสตร์ ยาก มีสตรเยอะ
ู
หลากหลายขันตอนการแสดงวิธีคิด เรี ยนแล้ วไม่เข้ าใจ หัวช้ า ไม่เร็ว
้
ตัวเองไม่เก่ง
• 4.นักเรี ยนยังขาดทักษะกระบวนการคิด การเชื่อมโยง การให้ เหตุผล ใช้
อารมณ์ความรู้สกตนตัดสิน กับปั ญหา
ึ
- 26. ทฤษฎีการเรี ยนรู้ ท่ สามารถนามาแก้ ไขปั ญหาได้
ี
1.ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม ครูควรจะอธิบาย ชีแจงส่ วนที่เป็ นจุดประสงค์ การเรี ยน
้
และเนื ้อหาให้ ผ้ เู รี ยนได้ คิดตามว่า กาลังจะเรี ยนอะไร เด็กจะทายังไง เรี ยนแล้ ว
อะไร สามารถใช้ ได้ จริง
2.ทฤษฎีพุทธิปัญญานิยม เมื่อครูสอนเนื ้อหา ก็ควรจะเชื่ อมโยงความรู้
ประสบการณ์เดิมของนักเรี ยน มาใช้ ในการเรี ยนและการนาไปใช้ ได้ จริงกับ
ชีวิตประจาวันของผู้เรี ยน
3.ทฤษฎีคอนสตรั คติวสต์ ครูควรจะเน้ นผู้เรี ยนเป็ นศูนย์ กลาง ให้ ผ้ เู รี ยนได้
ิ
ปฏิบติ ทากิจกรรม แก้ ไขปั ญหาด้ วยตนเอง จะสามารถทาให้ เด็กเข้ าใจถึงเนื ้อหา
ั
และเกิดองค์ความรู้ที่ตอบสนองคาถามภายใต้ ข้อสงสัยของตนเองได้
- 27. การออกแบบการสอน
1. ครูผ้ ูสอนควรจะเตรียมแผนการสอน เป็ นอย่ างดี เช่ น
• เนื ้อหาสาระที่ครอบคลุมกับกลุมสาระรายวิชา ชี ้แจงผลการเรี ยนรู้ที่
่
คาดหวังให้ เด็กทราบ
• มีสื่อการสอนต่างๆ ที่สามารถ ทาให้ เด็กได้ เข้ าใจได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น powerpoint วิดทศน์ เป็ นต้ น
ิ ั
- 28. 2. ครูควรจะสร้ างบรรยากาศในชันเรียน ให้ น่าสนใจ เช่ น
้
• การสอนที่มีปฏิสมพันธ์กนระหว่างครูกบนักเรี ยน และนักเรี ยนกับ
ั ั ั
นักเรียน
• มีกิจกรรมคลายเครี ยด ที่ตรงตามการบูรณาการการสอน ที่สอดแทรก
เข้ ามาเกี่ยวข้ องกับเนื ้อหาได้
• เน้ นผู้เรี ยนได้ เกิดการเรียนรู้เอง ครูเป็ นเพียงผู้ให้ คาแนะนา ไปสูคาตอบ
่
ในการแก้ ปัญหาต่างๆ
- 30. การจัดการเรียนรู้โดยใช้ คาถามปลายเปิ ด
สถานการณ์
ปั ญหา
นักเรี ยนจะเป็ นผู้แก้ ไขปั ญหาเอง โดย
ปั ญหานันถูกสร้ างมาเพื่อให้ สามารถ
้ ครูจะเป็ นผู้สงเกตการณ์ตางๆ
ั ่
แก้ ได้ หลากหลายวิธีการคิด เพื่อได้ คอยให้ คาปรึกษาแนะ
คาตอบเพียงหนึ่งคาตอบ
ผู้เรี ยนจะเกิดกระบวนการคิดที่หลากหลาย นักเรี ยนเข้ าใจเกิดความเข้ าใจว่ า
แล้ วสามารถนามาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใน เนือหาการเรี ยนสอดคล้ องกับการ
้
ชันเรี ยน
้ นาไปใช้ ได้ ในชีวตประจาวัน
ิ
- 31. สมาชิกในกลุ่ม
• นางสาวจุฬาลักษณ์ ทิพวัน 543050014-9
• นางสาวรุจราภรณ์ บัวคา
ิ 543050361-8
• นางสาวสุภตรา สอนสนาม
ิ 543050370-7
นักศึกษาปริญญาตรีชันปี ที่ 2 สาขาวิชาคณิตศาสตร์ ศึกษา
้
คณะศึกษาศาสตร์