Present c52. ตลาด ( Market )
•ตลาด หมายถึง กิจกรรมการตกลงซื้อขาย
สินค้าและบริการรวมทั้งปัจจัยการผลิต ไม่
จำาเป็นต้องเป็นเฉพาะสถานที่ แต่เน้นที่การ
ซื้อขายเป็นหลัก เช่น การซื้อขายบน
อินเตอร์เน็ต การซื้อโดยผ่านทางโทรศัพท์
•ตลาดจึงมีหน้าที่อำานวยความสะดวกให้ผู้
ซื้อและผู้ขายได้ทำาการแลกเปลี่ยน
สินค้าและบริการ อาจเป็นทั้งระบบ
7. โครงสร้างตลาด ( Market
Structure )
•สามารถแบ่งลักษณะของตลาดตามความ
สามารถในการกำาหนดราคาของผู้ผลิต
จำานวนผู้ผลิต และลักษณะของสินค้าและ
บริการ ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
•ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ( Perfectly
Competitive Market )
•ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ ( Imperfectly
Competitive Market ) วึ่งอาจเป็นประ
เภทย่อยๆตามระดับของความไม่สมบูรณ์
8. Competition
- Many Firms,
Free Entry
-One Product
Monopoly
- One Firm, No
Entry
Monopolistic
- Many Firms,
Free Entry
-Differentiated
Product
Oligopoly
- FewFirms,
Limited Entry
-One Product
Number of Firms
roduct Differentiation
13. ข้อสังเกต
•ณ จุดที่กำำไรสูงสุด MC = MR ให้ปริมำณที่
ควรผลิตเท่ำกับ Q
•ดังนั้นรำยได้รวมจึงมีค่ำเท่ำกับ OP.OQ =
พื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่OPAQ
•ต้นทุนต่อหน่วย ณ ปริมำณกำรผลิต Q
พิจำรณำจำกเส้น AC คือ หน่วยละ OC บำท
ดังนั้นต้นทุนรวมเท่ำกับ OC.OQ = พื้นที่
สี่เหลี่ยม OCBQ
•กำำไรเกินปกติที่ได้รับ คือ รำยได้ - ต้นทุน =
19. ตลำดผูกขำดแท้จริง
( Monopoly )
•มีผู้ผลิตเพียงรำยเดียวเท่ำนั้น เรียกว่ำ ผู้
ผูกขำด ( Monopolist )
•สินค้ำนั้นไม่สำมำรถหำสินค้ำใดมำเทียบเคียง
ได้ ( ถ้ำไม่มีสินค้ำทดแทนแสดงว่ำควำม
ยืดหยุ่นมีค่ำเป็นศูนย์ หรือมีค่ำควำมยืดหยุ่นที่
น้อยมำก )
•ผู้ผลิตรำยใหม่ๆไม่สำมำรถเข้ำสู่ตลำดได้
อำจเป็นควำมสำมำรถกีดกันจำกผู้ผลิตรำย
เดิม เช่น สัมปทำน ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร
( ลิขสิทธิ์ และ สิทธิบัตรต่ำงกันอย่ำงไร ??? )
23. ข้อสังเกต
•ณ จุดที่กำำไรสูงสุด MC = MR ให้ปริมำณที่
ควรผลิตเท่ำกับ Q
•ดังนั้นรำยได้รวมจึงมีค่ำเท่ำกับ OP.OQ =
พื้นที่สี่เหลี่ยมใหญ่OPAQ
•ต้นทุนต่อหน่วย ณ ปริมำณกำรผลิต Q
พิจำรณำจำกเส้น AC คือ หน่วยละ OC
บำท ดังนั้นต้นทุนรวมเท่ำกับ OC.OQ =
พื้นที่สี่เหลี่ยม OCBQ
•กำำไรเกินปกติที่ได้รับ คือ รำยได้ - ต้นทุน =
24. •ในกรณีของตลำดผูกขำดสมบูรณ์ รำคำ
สินค้ำสูงกว่ำ MC เสมอ
•รำคำในตลำดผูกขำด สูงกว่ำรำคำในตลำด
สมบูรณ์เสมอ เพรำะผู้ผลิตจะคุมรำคำหรือ
ปริมำณที่ทำำให้ ระดับรำคำสูงกว่ำ MC และ
AC เสมอ เพื่อที่จะสำมำรถได้กำำไรเกินปกติ
•กำำไรเกินปกติจะคงอยู่ เพรำะไม่มีคู่แข่งรำย
ใดสำมำรถเข้ำสู่ตลำดได้จำกอำำนำจกำร
กีดกันของผู้ผลิต
•ผู้ผลิตอำจตั้งรำคำ โดยใช้ หลัก กำรแบ่ง
26. ตลาดผู้ขายน้อยราย
( กรณี 2 ราย : Oligopoly)
•ผู้ขายมีน้อยราย โดยที่สินค้านั้นมีลักษณะที่
เหมือนกัน ดังนั้นผู้ขายจึงทำาการกำาหนด
ปริมาณการผลิต ( ปริมาณสามารถบ่งชี้ว่า
ราคาควรเป็นเท่าไร P = f( Q1 + Q2 ) )
•ผู้ขายรายหนึ่งอาจดูว่าผู้ขายอีกรายจะมี
กลยุทธ์อย่างไรแล้วจึงกำาหนดกลยุทธ์ของตัว
เอง ในขณะที่อีกฝ่ายก็จะทำาในลักษณะ
เดียวกัน
27. •ในการพิจารณาอาจใช้ทฤษฎีเกม ( Game
Theory ) เข้ามาประกอบการตัดสินใจ
สมมตินักโทษ 2 คน วางแผนจะหนีจากคุก ซึ่ง
ถ้าทั้งสองสามารถทำาสำาเร็จก็จะเป็นประโยชน์ทั้ง
คู่ แต่ถ้าไม่แหกคุก ต่างคนก็ต่างรับโทษ แต่หาก
มีใครหักหลังคนที่เอาไปฟ้องก็จะเป็นประโยชน์
ในขณะที่อีกฝ่ายก็จะได้รับโทษมากขึ้น
นักโทษ B
ร่วมมือ หักหลัง
นักโทษ A ร่วมมือ ( 5 , 5 )
( -5 , 2 )
หักหลัง ( 2 , -5 ) ( -2 ,
32. การตั้งราคาตามต้นทุนส่วน
เพิ่ม
•ในการตั้งราคาจะให้ MC = AR แทนที่จะเป็น
ตามเงื่อนไข MC = MR
•ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์แล้วกติกาไม่ได้แตก
ต่างจากเดิม เพราะ AR เป็นเส้นเดียวกับ MR
แต่ในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์นั้นจะมีความ
แตกต่าง
•ความแตกต่างนั้น คือ ราคาของสินค้าและ
บริการจะลดลง จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค
45. ข้อสังเกต
•หากเขาตั้งราคาเดียวที่ P เขาจะมีรายได้ =
สี่เหลี่ยม OPAQ
•หากเขาตั้งราคาเดียวที่ P* เขาจะมีรายได้ =
สี่เหลี่ยม OP*AQ*
•หากเขาตั้งราคาเดียวที่ P** เขาจะมีรายได้
= สี่เหลี่ยม OP**AQ**
•ซึ่งพื้นที่ OPAQ > OP*AQ* > OP**AQ**
•ถ้าเขาตั้งราคาเป็น 3 ระดับ คือ P , P* ,
p** รายได้รวมจะเท่ากับ พื้นที่สี่เหลี่ยม