17. สมการการออม
Yd = C + S
S = Yd – C
จากสมการ C = a + bYd
S = Yd – (Ca + bYd)
S = -Ca + (1-b)Yd
โดยที่
-a = การออมในอดีตที่ถูกใช้ในการบริโภคเมื่อรายได้ = 0
(1-b) = อัตราส่วนของการออมที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อรายได้สุทธิส่วนบุคคลเปลี่ยนแปลงไป 1
หน่วย
18. ความโน้มเอียงในการออมเฉลี่ย
(The Average Propensity to Save : APS)
APS =
S
Yd
มีการออม -250 บาท
ณ รายได้ 3,000 บาท
APS = -250 / 3,000 = -0.08
S < 0 ; APS < 0
มีการออม 0 บาท
ณ รายได้ 4,000 บาท
APS = 0 / 4,000 = 0
S = 0 ; APS = 0
มีการออม 250 บาท
ณ รายได้ 5,000 บาท
APS = 250 / 5,000 = 0.05
S > 0 ; APS > 0
การออมเป็นสัดส่วนเท่าใด
ของรายได้
21. 0 Yd
C
Yd = C
C = a + b Yd
4000
4000
S = -a + (1-b) Yd
1000
-1000
จากตัวเลขในตาราง เราสามารถเขียนเส้นการบริโภคและการออม ดังรูป
22. ความสัมพันธ์ระหว่างการออมกับการลงทุน
เมื่อ Y = C + S
S การออมเกิดขึ้นเมื่อจาก Y > C และเมื่อ S เกิดขึ้น ประชาชนจะนํา S ที่เก็บออม
ไว้มาลงทุน (I) เพื่อให้เกิดมูลค่ามากกว่าการเก็บออมเพื่อได้รับดอกเบี้ยเงินฝาก
ดังนั้นถ้า Y = C + S
จึงเท่ากับ Y = C + I
C+S = C+I เท่ากับ Y
ส่วนรั่วไหล = ส่วนอัดฉีด
36. ปัจจัยกําหนดการใช ้จ่ายของรัฐบาล
◦ รายได้ของรัฐบาล
◦ ลักษณะนโยบายของรัฐบาล
นโยบายการคลังแบบหดตัว
นโยบายการคลังแบบหดตัว
นโยบายการคลังเป็ นอิสระจากระดับรายได้ประชาชาติ แต่ถูกกําหนดจากนโยบายของรัฐใน
แต่ละเวลา ดังนั้น รายจ่ายของรัฐบาลจึงถูกสมมุติให้เป็ นปัจจัยภายนอก เท่ากับค่าคงที่ค่าหนึ่ง
คือ Ga
G = Ga
G
Y
Ga