SlideShare a Scribd company logo
N E W Y O R K T I M E S
B E S T S E L L E R
AI SUPERPOWERS
จีน อเมริกา มหาอ�านาจ Technology เงินตรา อนาคต
COPYRIGHT NOTICE EXACTLY AS IN USA EDITION
Copyright © 2018 by Kai-Fu Lee.
Published by arrangement with Brockman, Inc.
Thai language translation copyright © 2020 by Superposition Co., Ltd.
All right reserved.
เลขมาตรฐานสากลประจ�าหนังสือ
ผู้เขียน: Kai-Fu Lee
ผู้แปล: วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา
กองบรรณาธิการ: จิรวรรณ วงค�าเสา, ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์,
ธีร์ มีนสุข, ธีพร บรรจงเปลี่ยน
ออกแบบปก: สมเกียรติ ภูผาสิทธิ์
จัดรูปเล่ม: อรณัญช์ สุขเกษม
ราคา 450 บาท
จัดพิมพ์และจัดจ�าหน่ายโดย ส�านักพิมพ์บิงโก
ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.)
18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170
อีเมล superposition.books@gmail.com
โทรศัพท์ 094-810-7272
เว็บไซต์ www.bingobook.co เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bingobooks
พิมพ์ที่ Pimdee โทรศัพท์ 02-401-9401
สารบัญ
บทที่ 1	 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
บทที่ 2	 นักก๊อปในโคลอสเซียม
บทที่ 3	 จักรวาลอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างของจีน
บทที่ 4	 เรื่องเล่าของสองประเทศ
บทที่ 5	 คลื่น	AI	ทั้งสี่
บทที่ 6	 แดนสวรรค์	แดนนรก	และวิกฤติใหญ่
บทที่ 7	 ปัญญาจากมะเร็ง
บทที่ 8	 โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับ	AI
บทที่ 9	 เรื่องราวจากทั่วโลก
15
45
91
137
173
227
275
307
341
- ค�านิยม -
4
ในหนังสือเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์(AI,ArtificialIntelligence)
ที่มีขายอยู่มากมายในร้านหนังสือ หนังสือ AI Superpowers ที่เขียน
โดย Dr. Kai-Fu Lee นั้น เป็นหนังสือ AI ที่ผมชอบในล�าดับต้นๆ
หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ยากไม่ต้องการความรู้พื้นฐานด้านAIแต่อ่านแล้ว
ท�าให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงส�าคัญในอนาคตที่ก�าลังเกิดขึ้นได้
เป็นอย่างดี
Dr.Kai-FuLeeเป็นคนไต้หวันที่ไปเรียนหนังสือที่อเมริกาตั้งแต่
อายุ11ปีเรียนจบปริญญาเอกด้านAIจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน
เคยท�างานที่Apple,SGI,Microsoftเป็นประธานบริษัทGoogleChina
และปัจจุบันเป็นประธานและ CEO ของ Sinovation Ventures บริษัท
ลงทุนที่เน้นการพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคตของจีน น่าจะเป็น
ผู้ทรงอิทธิพลด้าน AI ล�าดับต้นๆ ของจีน
Dr.Kai-Fu Lee เขียนหนังสือเล่มนี้แบบคนที่เข้าใจ AI ลึกใน
ทุกด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านธุรกิจ การมองอนาคต และ ที่ส�าคัญ
ที่สุดมุมมองในแง่ของความเป็นมนุษย์
เรื่องที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนที่เขาเขียนเล่าถึง
การแข่งขันหมากล้อม (โกะ) ในปี 2017 ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวจีน
เค่อเจี๋ย กับ AlphaGo ซึ่งเป็น AI ที่พัฒนาโดย Google ในการแข่งขัน
ระหว่างเค่อเจี๋ยกับ AlphaGo ปรากฎว่า AI เอาชนะแชมป์โลกได้
5
ทั้งสามกระดาน โดยแต่ละกระดานใช้เวลาเล่นนานกว่าสามชั่วโมง
เค่อเจี๋ยพยายามทุกวิถีทาง แต่ AI ไม่เปิดช่องโหว่และค่อยๆ บดขยี้
เขาลง
ดูเหมือนAIจะเป็นผู้ชนะมนุษย์อย่างราบคาบแต่Dr.Kai-FuLee
เล่าว่าเขาได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งหมากล้อมในครั้งนั้น และเขา
ยังคงมองเห็นความหวังและทางรอดของมนุษยชาติในยุคของ AI
“อะไรคือความหวังและทางรอดของมนุษยชาติ (ซึ่งอาจจะ
รวมถึงประเทศไทย) ที่ Dr. Kai-Fu Lee กล่าวถึง?”
ลองพลิกไปหาค�าตอบในหนังสือเล่มนี้ได้เลยครับ
ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์
- ค�านิยม -
6
หากต้องการรู้เกี่ยวกับปัจจุบันและอนาคตของเทคโนโลยีไฮเทค
อะไรสักอย่าง เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence)
คุณจะท�าอย่างไร?หากคุณต้องการรู้ว่าคนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรม
กันที่แข่งขันกันเอาชัยกันในเทคโนโลยีด้านใดด้านหนึ่ง(อีกครั้งเช่นAI)
ปัจจัยอะไรแน่จะเป็นตัวตัดสิน?
มีหลายวิธีที่จะตอบค�าถามทั้งหมดข้างต้น แต่เชื่อแน่ว่าคงจะ
มีหลายคนเชื่อว่าน่าจะหาหนังสือสักเล่มที่พอจะช่วยตอบค�าถามเหล่า
นั้นได้
หนังสือแบบนี้ต้องการผู้เขียนแบบไหนกัน?
หากเป็นผม ก็คงต้องมองหาคนหนังสือที่คนเขียนมีพื้นฐาน
ความรู้ในสาขาวิชาดังกล่าว ยิ่งมีประสบการณ์ที่ตรงและหลากหลาย
ก็ยิ่งน่าสนใจ และหากเป็นคนที่เข้าไปซึมซับอยู่ในวัฒนธรรมทั้งสองที่
ก�าลังห�้าหั่นกันอยู่ก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้เห็นมุมมองวิธีคิดจนสามารถ
ให้เหตุผลหรือค�าอธิบายเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งบาง
ครั้งเราอาจจะคิดไม่ถึงทีเดียวว่า ท�าไมจึงเป็นเช่นนั้น
Dr.Kai-FuLeeผู้แต่งหนังสือ“AI Superpowers จีน อเมริกา
มหาอ�านาจ เทคโนโลยี เงินตรา อนาคต” เกิดที่ไต้หวัน ก่อนจะ
ย้ายไปอยูที่สหรัฐอเมริกา จนเรียนจบได้ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์
คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาเอกด้าน AI
7
จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน หลังจากท�างานเป็นอาจารย์สักพัก
เขาก็ลาออกไปท�างานเป็นนักวิจัยที่ Apple และ Microsoft ก่อนที่
Google จะซื้อตัวไปเป็นประธานบริษัท Google China ปัจจุบันเขา
เป็นผู้เชี่ยวชาญ AI และเจ้าของ Sinovation Ventures บริษัทที่ลงทุน
เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ
จากชีวประวัติของ Dr. Kai-Fu Lee ดังกล่าว ก็ย่อมจะเห็นได้
ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะเขียนเกี่ยวกับ
สงคราม AI ระหว่างมหาอ�านาจสองชาติคือ สหรัฐอเมริกาและจีน
ไม่เพียงเท่านั้น หากได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ จะต้องประทับใจ
ในความรู้ และความสามารถในการเล่าเรื่อง รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ด
น้อยต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี อุปนิสัยและมุมมองของผู้เกี่ยวข้อง
ในสงครามครั้งนี้ ตลอดไปจนถึงวัฒนธรรมที่ขับดันอยู่เบื้องหลังการ
แข่งขันทางการค้าของคนทั้งสองชาติ ขณะที่คุณวิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา
ผู้แปลก็ท�าหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาได้ดี
โดยสรุปแล้ว นอกจากจะเป็นหนังสือที่อ่านได้ความรู้แล้ว ยัง
อ่านง่าย และอ่านเพลินอย่างไม่น่าเชื่อ แนะน�าครับ
ดร.น�าชัย ชีววิวรรธน์
8
- ค�านิยม -
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ก�าลังพลิก
โลกครั้งมโหฬาร เหมือนที่เครื่องจักรไอน�้า ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ได้
เปลี่ยนแปลงโลกและสังคมมนุษย์อย่างก้าวกระโดดมาถึง 3 ครั้งแล้ว
ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยคนที่อยู่ในใจกลางพายุ
ของการเปลี่ยนแปลงล้วนมีบทบาทที่น่าตื่นใจเสมอทั้งเจมส์วัตต์แห่ง
ยุคเครื่องจักรไอน�้า, โธมัส อัลวา เอดิสัน และนิโคลา เทสลา แห่งยุค
ไฟฟ้า, บิลล์ เกตส์ และสตีฟ จ็อบส์ แห่งยุคคอมพิวเตอร์
แล้วยุค AI เล่า เรานึกถึงใครที่ใจกลางพายุ?
AI ผ่านยุคที่รุ่งเรืองและตกต�่าหลายรอบ ผ่านนักวิทยาศาสตร์
หลายรุ่นตั้งแต่ทศวรรษ1950แต่ล้มลุกคลุกคลานอย่างยาวนานเพราะ
การถกเถียงข้อโต้แย้งทางทฤษฎี 2 สาย และความไม่พร้อมของระบบ
นิเวศทางด้านดิจิทัล
จนผ่านมาถึงอีก 50 ปี เมื่อเจฟฟรีย์ ฮินตัน นักจิตวิทยาและ
นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษค้นพบเทคนิคใหม่ของ
Neural Networks เรียกว่า Deep Learning พร้อมๆ กับเวลานั้น มี
การพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจ�านวนมหาศาล
ในชั่วพริบตา ยุคสมัยของ AI จึงก�าเนิดขึ้น
และถ้าเราเพ่งมองกลุ่มคนที่อยู่ใจกลางพายุของAIเราต้องเห็น
หนุ่มใหญ่เชื้อสายไต้หวันชื่อ Dr.Kai-Fu Lee ยืนเด่นอยู่ตรงนั้นด้วย
Dr.Kai-Fu Lee เกิดในไต้หวัน เขาจบปริญญาเอกด้าน AI จาก
มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ได้รับ
9
การยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก จนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100
ผู้ทรงอิทธิพลของโลกประจ�าปี 2556
เขามีชีวิตที่แตกต่างอย่างสมดุล 2 ด้านอย่างน่าประหลาด
เขาเคยท�างานเป็นนักบริหารมืออาชีพกับยักษ์ใหญ่ในวงการ
ดิจิทัลทั้ง Apple, Microsoft และ Google แต่วันนี้เขาเป็นนักลงทุน
นักเขียน ครู และบล็อกเกอร์ที่มีคนติดตามกว่า 50 ล้านคน
เขาเติบโต เรียนหนังสือ และเริ่มท�างานที่สหรัฐอเมริกา แต่เขา
เคยเป็นประธานบริษัทGoogleChinaอยู่4ปีก่อนผันตัวเป็นนักลงทุน
สนับสนุนสตาร์ทอัพในจีน
เขาเคยท�างานหามรุ่งหามค�่าเพราะเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนแปลง
โลก แต่เมื่อพบว่าตนเป็นมะเร็ง เขาจึงรู้ว่า ครอบครัว แม่ ภรรยา และ
ลูกสาวสองคนส�าคัญที่สุด และความรักส�าคัญกว่าตัวเลขใดๆ
ความรู้ที่ได้จากหนังสือ AI Superpowers เล่มนี้จึงมั่นใจได้ว่า
เป็นความรู้จากผู้รู้จริง ผู้ที่คลุกคลีระดับวงในของผู้น�าอุตสาหกรรม AI
และผู้ที่เข้าใจความสามารถในการแข่งขันด้าน AI ของสหรัฐอเมริกา
และจีนอย่างถ่องแท้ แม้มีผู้ค่อนขอดว่า เขาดูจะเข้าข้างจีนมากกว่า
ข้อคิดที่ผมชอบที่สุดจากหนังสือ ไม่ใช่เรื่อง AI จะเปลี่ยนวิถี
ชีวิตของเราไปมากมายเพียงใด แต่เป็นประโยคในหน้าสุดท้ายที่
Dr.Kai-Fu Lee ได้รู้แจ้งถึง “ปัญญาที่แท้” ว่า
“AIท�ำให้เรำเข้ำใจตัวเองอย่ำงแท้จริงไม่ใช่เพรำะAIเลียนแบบ
มนุษย์ส�ำเร็จแต่เป็นเพรำะมันปลดปล่อยเรำให้พ้นจำกกำรหมกมุ่นกับ
วัตถุ และท�ำให้เรำจดจ่อกับสิ่งที่ท�ำให้เรำเป็นมนุษย์
นั่นคือ กำรแสดงควำมรัก และกำรได้ควำมรักตอบกลับมำ”
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
10
หน้าที่อย่างหนึ่งของผมในฐานะนักลงทุน คือการกล่าวบรรยาย
เรื่อง AI ให้นักธุรกิจข้ามชาติและนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลฟัง
ความสนุกอย่างหนึ่งของงานนี้อยู่ตรงที่บางครั้งผมก็ต้องไปพูด
เรื่องเดียวกันนี้ให้เด็กอนุบาลฟังด้วย
น่าประหลาดที่คนฟังทั้งสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
มักถามค�าถามคล้ายๆ กัน อย่างตอนที่ผมไปเยือนโรงเรียนอนุบาล
ที่ปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มเด็ก 5 ขวบกระหน�่าผมด้วย
ค�าถามเกี่ยวกับอนาคตของ AI
“เราจะมีครูที่เป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า?”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถหุ่นยนต์คันหนึ่งไปชนรถหุ่นยนต์อีกคัน
แล้วเราได้รับบาดเจ็บ?”
“คนจะแต่งงานและมีลูกกับหุ่นยนต์หรือเปล่า?”
“คอมพิวเตอร์จะฉลาดจนกลายเป็นนายเราหรือไม่?”
“ถ้าหุ่นยนต์ท�าได้ทุกอย่างจริง แล้วเราจะท�างานอะไร?”
ค�าถามของเด็กอนุบาลเหล่านี้ไม่แตกต่างจากของบุคคล
ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกหลายๆ คน และมันบอกอะไรได้หลายอย่าง
ประการแรกคือมันแสดงให้เห็นว่าAIก�าลังอยู่ในความสนใจของผู้คน
- ค�าน�า -
11
แค่ไม่กี่ปีก่อน AI ยังเป็นสาขาวิชาที่ถูกกล่าวถึงอยู่แต่ในห้องวิจัยและ
ในหนังวิทยาศาสตร์อยู่เลย ถึงแม้คนทั่วไปอาจพอรู้ว่า AI เป็นเรื่อง
เกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ที่คิดได้เหมือนมนุษย์ แต่แทบนึกไม่ออกเลย
ว่ามันจะมาเกี่ยวโยงกับชีวิตประจ�าวันของเราอย่างไร
แต่ทั้งหมดนั้นเปลี่ยนไปแล้ว หน้าหนังสือพิมพ์ที่เราอ่าน
เต็มไปด้วยข่าวนวัตกรรมAIแทบทุกวันมีการสัมมนาทางธุรกิจที่พูดถึง
การใช้ AI เพิ่มผลก�าไร อีกทั้งรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็
ก�าลังประกาศแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นประโยชน์ จู่ๆ AI
ก็กลายเป็นข้อถกเถียงในวงกว้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
การค้นคว้าในเชิงทฤษฎีของAIที่ส�าคัญๆในที่สุดก็เอามาใช้จริง
ได้แล้วและมันพร้อมจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเราปัจจุบันAIอยู่เบื้องหลัง
แอพและเว็บไซต์ยอดนิยมจ�านวนมาก ในอนาคต AI จะขับรถของเรา
จัดการพอร์ตการลงทุนของเรา ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ที่เราซื้อ และอาจ
ท�าให้เราตกงาน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เต็มไปด้วยโอกาสและวิกฤติ
ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม
การพูดคุยระหว่างผมกับเด็กอนุบาลสะท้อนบางอย่างออกมา
เมื่อไม่นานมานี้ จีนยังล้าหลังสหรัฐอเมริกาในเรื่อง AI อยู่หลายปี
หรือหลายสิบปี แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีกระแสคลั่ง AI เกิดขึ้น
ในจีน ความตื่นตัวในเรื่องนี้พุ่งสูงขึ้นชนิดที่ไม่มีที่ใดในโลกนี้เทียบได้
ความตื่นเต้นเรื่อง AI ลามไปทั่ว ตั้งแต่ในแวดวงเทคโนโลยีและธุรกิจ
การก�าหนดนโยบายของรัฐบาล ไปจนถึงห้องเรียนอนุบาลในปักกิ่ง
เลยทีเดียว
12
แรงสนับสนุนในวงกว้างแสดงให้เห็นว่าสาขา AI ในจีนเข้มแข็ง
มาก บริษัทและนักวิจัย AI ของจีนก�าลังตีตื้นคู่แข่งอย่างอเมริกาขึ้นมา
ทั้งภาคธุรกิจและภาควิชาการได้ร่วมมือกันเปลี่ยนจีนให้กลายเป็น
มหาอ�านาจ AI ตัวจริง จีนจึงกลายเป็นชาติเดียวที่ต่อกรกับอเมริกาใน
สาขานี้ได้ เศรษฐกิจและการเมืองในโลกนี้จะเดินหน้าไปทางไหนต่อก็
ขึ้นอยู่กับว่าทั้ง 2 ประเทศนี้เลือกแข่งขันหรือร่วมมือกันอย่างไร
หลังจากพูดคุยกับนักเรียนตัวน้อยกลุ่มนั้นผมก็พบกับสัจธรรมที่อยู่ลึก
ลงไปอีกว่า เราทุกคนก็เป็นเหมือนเด็กอนุบาล เราทุกคนล้วนมีค�าถาม
ที่ไม่มีค�าตอบ
เราพยายามเพ่งมองไปในอนาคตด้วยความวิตกกังวลเหมือน
ผู้ใหญ่ แต่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็ก
เราอยากรู้ว่าระบบอัตโนมัติของ AI จะมีผลกระทบอย่างไร
ต่องานและอนาคตของเรา
เราอยากรู้ว่าใครและประเทศไหนจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี
อันยิ่งใหญ่นี้
เราอยากรู้ว่าAIจะพาเราไปสู่โลกที่อุดมสมบูรณ์ได้หรือไม่และ
มนุษย์จะยังมีที่ยืนในโลกที่เต็มไปด้วย AI หรือเปล่า
ไม่มีใครมีลูกแก้ววิเศษที่ตอบค�าถามเราได้ทุกอย่าง แต่ความ
ไม่แน่นอนก็ท�าให้เรายังต้องถามพวกเราก็พยายามหาค�าตอบอย่างสุด
ความสามารถ และหนังสือเล่มนี้ก็คือความพยายามในการหาค�าตอบ
13
ของผม ผมไม่ใช่หมอดูที่จะบอกอนาคตได้อย่างชัดเจน แต่ผมจะใช้
ประสบการณ์ของผมทั้งจากฝั่งจีนและฝั่งอเมริกา ในฐานะนักวิจัย AI
ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี และนักลงทุนในปัจจุบัน เพื่อมาวิเคราะห์
หาค�าตอบให้ได้
ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะให้ความกระจ่างพอสมควรว่าเรามา
ถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดข้อถกเถียงใหม่ๆ
เกี่ยวกับที่ที่เราจะไปต่อจากนี้
เหตุผลหนึ่งที่ท�าให้การท�านายบทสรุปของเรื่องราว AI ยากมาก
เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับหุ่นยนต์อย่างเดียว แต่เกี่ยวกับมนุษย์ด้วย
มนุษย์ที่มีอิสระทางความคิด จะเลือกสิ่งที่ต้องการและก�าหนด
ชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรก็ได้อนาคตAIจะเกิดขึ้นด้วยน�้ามือของเรา
มันจะสะท้อนทางเลือกที่เราเลือกและการกระท�าที่เราท�าลงไปผมหวังว่า
เราจะมองลึกลงไปในตัวเราเองและในตัวเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อ
ค้นหาคุณค่าและความรู้ที่จะน�าทางเราได้
และนั่นคือภาพรวมทั้งหมด เรามาเริ่มการเดินทางกันได้แล้ว
ณ บัดนี้
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
15
-1-
จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
วั ยรุ่นจีน สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมผู้นี้ ดูไม่เหมือนปราการด่าน
สุดท้ายของมนุษยชาติเลย เค่อเจี๋ยที่มาในชุดสูทสีด�าเสื้อเชิ้ต
สีขาวและเน็คไทด�า ก�าลังนั่งจมอยู่ในที่นั่งของตัวเอง เขาถูขมับ
ขณะก�าลังครุ่นคิดปัญหาตรงหน้า เด็กหนุ่มวัย 19 ปีผู้นี้ ปกติมี
ความมั่นใจสูงลิ่วจนเกือบถึงขั้นหยิ่งยโส มาตอนนี้กลับนั่งอึดอัด
บนเก้าอี้หนังของเขา ถ้าไปอยู่ในสถานการณ์อื่น เขาก็คงเป็นแค่เด็ก
มัธยมปลายที่ก�าลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับโจทย์เรขาคณิตที่แก้ไม่ออก
เท่านั้นเอง
แต่ในสถานการณ์เมื่อบ่ายของเดือนพฤษภาคมปี 2017 นั้น
เขาก�าลังต่อสู้แบบทุ่มสุดตัวกับหนึ่งในสุดยอด AI ที่ฉลาดที่สุดในโลก
นามว่า AlphaGo ที่กูเกิลเป็นผู้สร้าง โดยมีสมรภูมิเป็นกระดานขนาด
19x19 ช่อง และมีตัวหมากสีด�าและสีขาววางอยู่
โกะเป็นเกมที่ดูเรียบง่ายแต่จริงๆซับซ้อนผู้เล่น2คนจะผลัดกัน
วางตัวหมากบนกระดานเพื่อล้อมตัวหมากของฝ่ายตรงข้าม ไม่มี
มนุษย์โลกคนใดเก่งโกะกว่าเค่อเจี๋ย แต่วันนี้ เขาถูกจับให้มาเจอกับ
ผู้เล่นโกะที่มีฝีมือในระดับที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
15
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
16
เชื่อกันว่าโกะมีมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว มันมีประวัติศาสตร์
ยาวนานกว่าเกมกระดานใดๆ ในโลก สมัยจีนโบราณ โกะเป็นหนึ่งในสี่
รูปแบบของศิลปะที่นักปราชญ์จีนทุกคนต้องเชี่ยวชาญเชื่อกันว่าเกมนี้
จะปลูกฝังความคิดที่ละเอียดอ่อนและภูมิปัญญาตามแบบฉบับเซ็นแก่
ผู้เล่นในขณะที่หมากรุกของตะวันตกมุ่งเน้นการวางกลยุทธ์อย่างตรงไป
ตรงมาแต่เกมโกะมีพื้นฐานอยู่บนการปักหลักอย่างอดทนและการล้อม
อย่างค่อยเป็นค่อยไป มันจึงเป็นศิลปะทางความคิดที่ลึกซึ้ง
ประวัติศาสตร์โกะลึกล�้าพอๆ กับการเล่นที่ซับซ้อนของมัน
เราอธิบายกฎการเล่นพื้นฐานจบได้ภายใน 9 ประโยค แต่ต�าแหน่ง
การวางหมากกลับมีไม่สิ้นสุด ท�าให้วงการ AI รู้สึกว่าการจะเอาชนะ
แชมป์โลกโกะให้ได้นั้น เปรียบเสมือนการพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์
หลายคนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ AI ไม่มีความรู้สึกให้กับโกะเหมือน
คนเราส่วนวิศวกรก็คิดว่ารูปแบบการเดินหมากมีมากเกินคอมพิวเตอร์
จะค�านวณได้
ในวันนั้น AlphaGo ไม่เพียงชนะเค่อเจี๋ย แต่ยังถล่มเขาจน
ย่อยยับ ตลอดการแข่งขัน 3 ยก ยกละนานกว่า 3 ชั่วโมง เค่อเจี๋ย
ใช้ทุกอย่างที่มีเข้าห�้าหั่นเจ้าAIตัวนี้เขาลองทุกรูปแบบการเล่นทั้งแบบ
รัดกุม แบบเชิงรุก แบบเชิงรับ และแบบไร้รูปแบบ แต่ไม่มีวิธีใดได้ผล
AlphaGo ไม่เปิดช่องให้เค่อเจี๋ยเลย ตรงกันข้าม มันค่อยๆ บีบเขา
มากขึ้นเรื่อยๆ
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
17
มุมมองจากปักกิ่ง
คุณมองเห็นอะไรจากการแข่งขันครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกมองมุมไหน
ส�าหรับผู้ติดตามข่าวสารในอเมริกา ชัยชนะของ AlphaGo ไม่เพียง
ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงชัยชนะของ AI เหนือมนุษย์ แต่ยังเป็นชัยชนะ
ของบริษัทเทคโนโลยีจากตะวันตกเหนือทุกคนในโลกด้วย
บริษัททั้งหลายจากซิลิคอนวัลเลย์ครองตลาดเทคโนโลยีโลก
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เฟซบุ๊กและกูเกิลกลายเป็นมาตรฐาน
อินเทอร์เน็ตส�าหรับการเข้าสังคมและค้นหาข้อมูลซึ่งระหว่างทางบริษัท
เหล่านี้ก็ได้บดขยี้สตาร์ทอัพท้องถิ่นในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ฝรั่งเศส
ไปจนถึงอินโดนีเซีย
ยักษ์ใหญ่ในอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ท�าให้สหรัฐอเมริกาครองโลก
ดิจิทัล เช่นเดียวกับที่อเมริกาครองอ�านาจทางทหารและทางเศรษฐกิจ
และเพราะ AlphaGo เป็นผลงานของบริษัทสตาร์ทอัพในอังกฤษที่ชื่อ
ดีพมายด์(ถูกกูเกิลซื้อกิจการไปในปี2014)โลกตะวันตกจึงมีแนวโน้ม
ที่จะครองความเป็นเจ้าแห่งยุค AI ต่อไป
แต่ถ้ามองจากมุมของผม ในช่วงเวลาที่เค่อเจี๋ยแข่งขันอยู่ ผมเห็น
สิ่งที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง
ส�านักงานใหญ่ของไซโนเวชันเวนเจอร์ส(บริษัทของผม)ตั้งอยู่ที่
ย่านจงกวนชุนในปักกิ่งหรือชื่อเล่นว่า“ซิลิคอนวัลเลย์แห่งประเทศจีน”
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
18
ปัจจุบันจงกวนชุนเป็นชีพจรของกระแสAIในจีนส�าหรับคนที่นี่ชัยชนะ
ของAlphaGoเป็นความท้าทายและเป็นแรงบันดาลใจพวกเขาได้เข้าสู่
“ช่วงเวลาสปุตนิก” ในโลกแห่ง AI แล้ว
ตอนที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรได้ส�าเร็จ
ในเดือนตุลาคม 1957 มันส่งผลต่อความรู้สึกและการท�างานของรัฐ
ในอเมริกาอย่างรวดเร็วและรุนแรง เหตุการณ์นี้กระตุ้นความกลัว
ในสังคมอเมริกันอย่างกว้างขวาง กังวลเรื่องความเหนือชั้นกว่าของ
เทคโนโลยีรัสเซีย
ชาวอเมริกันเฝ้าติดตามดาวเทียมสปุตนิกดวงนั้นของโซเวียตใน
ท้องฟ้ายามค�่าคืน และปรับคลื่นวิทยุเพื่อหาช่องสัญญาณของสปุตนิก
องค์การนาซา (NASA) ได้ถือก�าเนิดขึ้น บวกกับแรงหนุนจาก
รัฐบาลกลางที่เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาคณิตศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ เท่ากับเปิดฉากการแข่งขันด้านอวกาศอย่างเป็นทางการ
ความตื่นตัวของชาวอเมริกันประสบผลในอีก 12 ปีต่อมา เมื่อนีล
อาร์มสตรอง กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ส�าเร็จ
ย้อนไปในเดือนมีนาคม 2016 AlphaGo ประกาศชัยชนะครั้งแรก
ในการแข่งขัน5ยกกับผู้เล่นระดับต�านานชาวเกาหลีชื่ออีเซดลโดยชนะ
4 ต่อ 1 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่แทบไม่ทราบเรื่องนี้เลย แต่การแข่งขัน
ทั้ง 5 ยกมีคนจีนติดตามชมมากกว่า 280 ล้านคน แล้วกระแส AI ก็เริ่ม
ระบาดไปทั่วประเทศจีนในชั่วข้ามคืน
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
19
จริงอยู่ที่ระดับความตื่นเต้นนี้ยังไม่เท่ากับตอนที่ชาวอเมริกัน
ตื่นเต้นกับสปุตนิก แต่มันคือตัวจุดประกายของจีนที่ลุกโชนอย่าง
ต่อเนื่อง
เมื่อนักลงทุน ผู้ประกอบการ และรัฐบาลจีนพร้อมใจกันให้
ความส�าคัญกับอะไรทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนตอนนี้จีนก�าลังเร่งพัฒนา
AI ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ทั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ นักลงทุน
และรัฐบาลจีนต่างเทเงินอุดหนุน นักศึกษาจีนก�าลังแห่เรียนคอร์ส
AI ชั้นสูง หรือกระทั่งดาวน์โหลดคอร์ส AI จากตะวันตกมาดูใน
โทรศัพท์มือถือ ส่วนบริษัทสตาร์ทอัพก็ก�าลังคิดค้นธุรกิจใหม่ๆ เพื่อ
ตามกระแส AI
หลังเค่อเจี๋ยพ่ายแพ้ต่อ AlphaGo ได้ไม่ถึง 2 เดือน รัฐบาล
จีนได้ประกาศแผนพัฒนา AI ชุดใหญ่ ทั้งเพิ่มการลงทุน สนับสนุน
ด้านนโยบายและระดมก�าลังทั้งชาติเพื่อพัฒนาAIโดยมีเป้าหมายยาว
ถึงปี 2025 และจะเป็นศูนย์กลางโลกด้าน AI ให้ได้ภายในปี 2030 ทั้ง
ในด้านทฤษฎี เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้
นักลงทุนจีนตอบรับกระแสนั้นตั้งแต่ก่อนปี 2017 แล้ว เม็ดเงิน
ลงทุนที่เทในสตาร์ทอัพ AI มากขึ้นเป็น 48% ของการลงทุนด้าน AI
ทั่วโลก ซึ่งมากกว่าการลงทุนของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
20
เกมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมโลก
เหตุผลที่รัฐบาลจีนสนับสนุน AI เสียใหญ่โต ก็เพราะ AI จะมีผลกับ
เศรษฐกิจในอนาคตระดับมโหฬารเดิมทีAIก้าวหน้าอย่างช้าๆมาหลาย
ทศวรรษแต่มันก�าลังเริ่มรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเราเริ่มน�าสูตรยากๆ
ในทฤษฎี มาเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่สร้างเงินและจับต้องได้
ผมคุ้นชินกับการเห็นคอมพิวเตอร์แข่งโกะชนะมนุษย์อยู่แล้ว
ตอนเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขาAIที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน
ผมเป็นลูกศิษย์ของราช เรดดี นักวิจัย AI รุ่นบุกเบิก ตอนปี 1986
ผมสร้างซอฟต์แวร์ที่เอาชนะแชมป์โลกในเกมโอเธลโลได้เป็นตัวแรก
โอเธลโลเป็นเกมกระดานคล้ายโกะแต่ง่ายกว่าบนกระดานขนาด8x8ช่อง
มันเป็นความส�าเร็จพอตัวเลยในขณะนั้นแต่เทคโนโลยีนั้นก็ยังไม่พร้อม
ที่จะแก้ปัญหาอื่นใดนอกจากแข่งขันเกมง่ายๆ
จากนั้นในปี1997คอมพิวเตอร์DeepBlueของบริษัทไอบีเอ็ม
ได้ชนะแกร์รี คาสปารอฟ แชมป์โลกหมากรุก ผู้ได้รับสมญานามว่า
“ปราการด่านสุดท้ายของสมอง”เหตุการณ์นั้นได้ก่อให้เกิดความกังวลว่า
หุ่นยนต์ที่ฉลาดมากๆ อาจเข้าปกครองมนุษย์… แต่นั่นก็ไม่ได้ท�าให้
ราคาหุ้นของ IBM เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด AI ยังคงถูกน�าไปประยุกต์ใช้
น้อยมาก
ผ่านไปหลายสิบปีนักวิจัยก็ยังไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงชนิด
พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ออกมา
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
21
Deep Blue ใช้วิธี “หักดิบ” เพื่อเอาชนะมนุษย์ โดยอาศัย
คอมพิวเตอร์ราคาแพงมาก อีกทั้งมีแชมป์หมากรุกมาช่วยใส่แนว
ค�าตอบเข้าไปในซอฟต์แวร์ด้วย
แน่นอนว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจในวงการ
วิศวกรรม แต่เอาจริงๆ มันก็แค่ใช้เทคโนโลยีที่มีมานานแล้วมาท�างาน
ภายใต้กรอบที่จ�ากัดอย่างมากก็เท่านั้น ถ้า Deep Blue ไม่ได้ถูกใช้
วิเคราะห์เกมหมากรุก 8x8 ช่องนี้แล้ว ความฉลาดของมันก็จะไม่
หลงเหลืออยู่เลย อาชีพเดียวที่มันจะแย่งได้ก็คือแชมป์โลกหมากรุก
เท่านั้นเอง
แต่ปัจจุบันทุกสิ่งเปลี่ยนไป การแข่งขันของเค่อเจี๋ยเกิดขึ้น
บนกระดานโกะก็จริง แต่มันเชื่อมโยงถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งกระแส AI จีนที่ลุกโชนขึ้นทั้งเทคโนโลยี
ที่อยู่เบื้องหลังความส�าเร็จของมัน
AlphaGo มีการท�างานแบบดีพเลิร์นนิ่ง (Deep Learning)
ดีพเลิร์นนิ่งเป็น AI ชนิดใหม่ที่เก่งกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด ทุกวันนี้ AI
ที่ท�างานแบบดีพเลิร์นนิ่งมีความล�้าหน้ากว่ามนุษย์ในการแยกแยะ
ใบหน้า จดจ�าเสียง และอนุมัติเงินกู้ ตอนนี้ยุค AI ที่ดูจะอยู่ไกล
เกินเอื้อมเสมอได้มาถึงแล้ว มันจะท�าให้เศรษฐกิจเติบโตอย่าง
ก้าวกระโดดพร้อมส่งผลต่อผู้คนอย่างลึกซึ้งเพราะAIก�าลังเข้ามาแย่ง
งานเราในทุกธุรกิจ
ในระหว่างการแข่งขันของเค่อเจี๋ย สิ่งที่ผมกลัวไม่ใช่หุ่นยนต์
นักฆ่าเหมือนในหนัง แต่เป็นปีศาจในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งจะถูก
ปลุกขึ้นมาในรูปของคนตกงานมหาศาลและความวุ่นวายในสังคม
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
22
การแย่งงานจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์มันจะ
ไม่แบ่งแยกคนรวยหรือจน แต่จะส่งผลกระทบทั้งแรงงานที่มีฝีมือ
และไม่มีฝีมืออย่างถ้วนหน้า
ในวันที่ AlphaGo ปะทะกับเค่อเจี๋ยนั้น ดีพเลิร์นนิ่งได้โค่น
ผู้เล่นโกะที่เก่งที่สุดของมนุษยชาติ และมันก็ก�าลังคืบคลานเข้าไปใน
โรงงานและในออฟฟิศของคุณ
จิตวิญญาณในเกมโกะ
แต่ในการแข่งขันเดียวกันนั้นผมก็ยังเห็นความหวังอยู่ผ่านไป2ชั่วโมง
กับ 51 นาที เค่อเจี๋ยเจอทางตัน เขางัดทุกอย่างออกมาใช้แล้ว แต่เขา
รู้ว่ามันยังไม่พอ ขณะโน้มตัวอยู่เหนือกระดาน เขาท�าปากจู๋ คิ้วของเขา
เริ่มกระตุก เพราะรู้ตัวว่าไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป
เขาถอดแว่นตาออก แล้วใช้หลังมือปาดน�้าตาจากดวงตาทั้ง
สองข้าง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แต่ทุกคนก็รับรู้ถึงอารมณ์ของ
เค่อเจี๋ยได้
หยาดน�้าตานั้นช่วยดึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและการเอาใจ
ช่วยออกมาให้เค่อเจี๋ยอย่างท่วมท้น ตลอดการแข่งขัน 3 ยกที่ผ่านมา
อารมณ์ความรู้สึกของเค่อเจี๋ยขึ้นสุดลงสุดอยู่หลายรอบ ทั้งมั่นใจ วิตก
กลัว มีความหวัง และผิดหวัง ทั้งหมดนั้นสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่ง
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
23
การต่อสู้ของเขาแต่สิ่งที่ผมเห็นคือความรักโกะอย่างสุดหัวใจแม้จะรู้ว่า
เอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ ฝ่ายคนที่เฝ้าดูเค่อเจี๋ยก็ให้ใจเขากลับคืนเช่นกัน
AlphaGo อาจชนะการแข่งขัน แต่เค่อเจี๋ยชนะใจผู้ชม แล้วผม
ก็เริ่มมองเห็นว่ามนุษย์จะค้นพบงานและความหมายของชีวิตในยุค
แห่ง AI ได้อย่างไร
ผมเชื่อว่าการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีชั้นเชิงจะเป็นโอกาสส�าคัญ
ที่สุดของจีนในการไล่ตามอเมริกาหรืออาจแซงหน้าด้วยซ�้าแต่ที่ส�าคัญ
กว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงนี้จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้กลับมาค้นพบว่า
“อะไรที่ท�าให้เราเป็นมนุษย์”
แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้จักพื้นฐานของเทคโนโลยีนี้ และรู้ว่า
มันจะมาเปลี่ยนโลกของเราได้อย่างไร
ประวัติโดยย่อของดีพเลิร์นนิ่ง
นับตั้งแต่AIถือก�าเนิดขึ้นมามันได้ผ่านยุครุ่งเรืองและตกต�่าหลายรอบ
มีทั้งการค้นพบที่ใหญ่ยิ่ง ตามติดมาด้วย “ฤดูหนาวอันเยือกเย็น”
ที่ท�าให้การลงทุนใน AI หยุดชะงัก เพราะผิดหวังว่ามันใช้จริงไม่ได้
หลังจากนั้นจึงมีดีพเลิร์นนิ่งเกิดขึ้นในที่สุด
ย้อนกลับไปช่วงกลางปี 1950 บรรดาผู้บุกเบิก AI ได้ตั้งภารกิจ
ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา นั่นก็คือ การใช้จักรกลเลียนแบบสมองของมนุษย์
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
24
มันดึงดูดเหล่ายอดฝีมือในวงการคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่
ให้เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นมาร์วิน มินสกี, จอห์น แมคคาร์ธี และ
เฮอร์เบิร์ต ไซมอน
ตอนที่ผมเรียนปริญญาตรีสาขาคอมพิวเตอร์อยู่ที่มหาวิทยาลัย
โคลัมเบียในนิวยอร์ก เรื่องของ AI ทั้งหมดที่กล่าวมาท�าให้จินตนาการ
ของผมบรรเจิดผมเกิดในไต้หวันช่วงต้นทศวรรษที่1960แต่ย้ายไปอยู่
รัฐเทนเนสซีตอนอายุ 11 ขวบและเรียนจบชั้นมัธยมที่นั่น
พอผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมรู้ตัวว่าผมอยากศึกษาเรื่อง AI
ให้กระจ่างตอนผมสมัครเรียนปริญญาเอกด้านคอมพิวเตอร์เมื่อปี1983
ผมเขียนบรรยายไว้ใหญ่โตว่า
AI	คือการรู้แจ้งกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์
คือการท�าให้กระบวนการคิดของมนุษย์จับต้องได้
คือการอธิบายพฤติกรรมมนุษย์	และคือการท�าความ
เข้าใจสติปัญญา	มันคือก้าวสุดท้ายของการรู้จักตัวเอง
ของเรา	และผมอยากมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีน้องใหม่
แต่มีศักยภาพนี้
ข้อเขียนนี้ท�าให้ผมได้เข้าไปเรียนในภาควิชาคอมพิวเตอร์ชั้น
แนวหน้าที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอนที่นี่เป็นแหล่งรวมงานวิจัยAI
ที่ทันสมัย และยังเป็นที่ที่เผยความไร้เดียงสาของผมแบบเต็มๆ
ผมประเมินความสามารถของเราในการสร้าง AI เหนือมนุษย์สูงไป
และประเมินพลังของ AI ในการเปลี่ยนโลกต�่าเกินไป
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
25
ตอนที่ผมเรียนปริญญาเอก ศาสตร์ของ AI แบ่งออกเป็น 2 สาย
ได้แก่
	สายตั้งกฎ
สาย Neural Networks
นักวิจัยในสายตั้งกฎ จะสอนคอมพิวเตอร์ให้คิดโดยบอก
“กฎการคิด” เข้าไปเลยว่าถ้าเกิด A ก็ให้ท�า B วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับ
งานง่ายๆ และมีขอบเขตแน่นอน แต่จะไม่ได้ผลถ้าความเป็นไปได้
หรือทางเลือกมีมากมายมหาศาลนักวิจัยสายนี้จะคอยถามผู้เชี่ยวชาญ
ด้านต่างๆ เพื่อใส่กฎเข้าไป ให้คอมพิวเตอร์มีวิธีคิดใกล้เคียงกับ
สถานการณ์ในโลกจริงมากที่สุด
แต่นักวิจัยสาย Neural Networks ใช้อีกวิธี แทนที่จะสอนกฎ
ต่างๆ ที่มนุษย์คิดขึ้นให้คอมพิวเตอร์ พวกเขากลับพยายามสร้างสมอง
มนุษย์ขึ้นมาเลย เนื่องด้วยเครือข่ายอันซับซ้อนของเซลล์สมองคือ
ต้นก�าเนิดของความฉลาด นักวิจัยสายนี้จึงคิดว่าจัดการที่ต้นตอเลย
ดีกว่า พวกเขาออกแบบคอมพิวเตอร์เป็นชั้นๆ ที่รับส่งข้อมูลได้เหมือน
เซลล์สมองตามธรรมชาติของมนุษย์เรา
แนวทางนี้ไม่เหมือนสายตั้งกฎตรงที่เราจะไม่บอกวิธีตัดสินใจ
ให้คอมพิวเตอร์ แต่จะป้อนข้อมูลมหาศาลให้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ
การเดินหมาก หรือเสียงเข้าไป แล้วปล่อยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จาก
ข้อมูลเหล่านั้นเอง พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ยิ่งมนุษย์แทรกแซงการท�างาน
ของมันน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
26
สมมติเราอยากรู้ว่า“ภาพนี้มีแมวไหม?”ถ้าเป็นสายตั้งกฎเราก็
จะใส่กฎ“ถ้า-แล้ว”เข้าไปเพื่อช่วยตัดสินใจเช่น“ถ้ามีสามเหลี่ยม2รูป
อยู่บนวงกลมก็น่าจะมีแมวในรูปภาพ”แต่ถ้าเป็นวิธีNeuralNetworks
เราก็จะป้อนรูปภาพทั้งที่ “มีแมว” และ “ไม่มีแมว” เป็นล้านๆ ภาพ
เพื่อให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า ภาพแบบไหนถือว่า “มีแมว”
ช่วงแรกๆ Neural Networks ให้ผลลัพธ์ที่ดูดีและสร้างความตื่นเต้น
แต่แล้วนักวิจัยสายตั้งกฎก็โต้กลับ โดยบอกว่ามันใช้งานจริงไม่ได้
แนวทางนี้จึงเสื่อมความนิยมและถูก “แช่แข็ง” ไปในปี 1970 ตลอด
หลายสิบปีหลังจากนั้น Neural Networks ได้รับความสนใจเป็นพักๆ
ก่อนจะแทบถูกลืมเลือนไป
สิ่งที่ท�าให้ Neural Networks ฟื้นคืนชีพ และจุดประกายความ
รุ่งเรืองของ AI ในปัจจุบันขึ้นมา คือการเปลี่ยนแปลงของปัจจัย 2 ข้อ
ที่ถูกป้อนให้NeuralNetworksร่วมกับการค้นพบครั้งใหญ่อีกหนึ่งอย่าง
โดยปัจจัย 2 ข้อแรกที่ว่าคือ
	ข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว
คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลยิ่งข้อมูลมากมันยิ่งฉลาดขึ้นและ
ยิ่งถ้าตัวคอมพิวเตอร์รวดเร็วมันยิ่งประมวลผลข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง
ทั้งข้อมูลและความเร็วของคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีมากมายในช่วง
ปี1950แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วปัจจุบันสมาร์ทโฟนของคุณมีพลัง
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
27
ประมวลผลที่เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ล�้ายุคที่นาซาใช้ส่งนีลอาร์มสตรอง
ขึ้นไปเดินบนดวงจันทร์เมื่อปี 1969 เสียอีก
ในอีกด้านอินเทอร์เน็ตได้สร้างข้อมูลดิจิทัลทุกชนิดทั้งข้อความ
รูปภาพ วิดีโอ คลิก การซื้อสินค้า ทวีต และอื่นๆ ซึ่งเมื่อน�าทั้งหมดนั้น
มารวมกัน เราก็จะมีข้อมูลที่หลากหลายส�าหรับสอน AI อีกทั้งยังมี
คอมพิวเตอร์คุณภาพสูงราคาถูกจ�านวนมากไว้ประมวลผล
แต่นั่นยังไม่เพียงพอครับ เพราะ Neural Networks ในอดีตมี
ความสามารถที่จ�ากัดมากค�าตอบที่แม่นย�าส�าหรับปัญหาที่ซับซ้อนต้อง
อาศัยเซลล์สมองประดิษฐ์หลายต่อหลายชั้นแต่นักวิจัยยังไม่รู้วิธีสร้าง
เครือข่าย Neural Networks ที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
จนกระทั่งกลางช่วงปี 2000 เจฟฟรีย์ ฮินตัน ได้ค้นพบเทคนิค
สร้าง Neural Networks ที่ซับซ้อนและทรงพลัง เขาเรียกเทคนิคใหม่นี้
ว่า “ดีพเลิร์นนิ่ง” มันเป็น AI รุ่นใหม่ที่เก่งกว่าเดิมหลายเท่า มันเรียนรู้
ค�าพูดได้ มันแยกแยะภาพวัตถุออกมันฉลาดเหลือเชื่อในแทบทุกด้าน
ที่เอาไปใช้
หลังจากหลบอยู่ในมุมมืดของการวิจัย AI อยู่นานหลายสิบปี
NeuralNetworksในรูปของดีพเลิร์นนิ่งก็ได้รับความสนใจในชั่วข้ามคืน
การพลิกโฉมครั้งนี้ได้น�าAIออกจากยุคน�้าแข็งและเป็นการน�าพลังAI
มาใช้ในโลกจริงได้เป็นครั้งแรก
นักวิจัย นักอนาคต และซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีเริ่มพูดถึง
ความเป็นไปได้มหาศาลของศาสตร์นี้ส�าหรับการถอดรหัสค�าพูดมนุษย์
แปลเอกสารแยกแยะรูปภาพท�านายพฤติกรรมผู้บริโภคตรวจจับการ
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
28
ปลอมแปลงตัดสินใจปล่อยกู้ท�าให้หุ่นยนต์“มองเห็น”หรือแม้แต่ขับรถ
ผู้คนตื่นเต้นกับดีพเลิร์นนิ่ง เพราะมันสามารถน�าไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตประจ�าวันได้มากมายนั่นคือเหตุผลที่กูเกิลและเฟซบุ๊กเร่งรีบคว้า
ตัวผู้เชี่ยวชาญดีพเลิร์นนิ่งที่มีอยู่หยิบมือมาอยู่กับตนด้วยค่าจ้างหลาย
ล้านดอลลาร์ เพื่อมาท�าโครงการวิจัยสุดท้าทาย
ในปี 2013 กูเกิลซื้อสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยเจฟฟรีย์ ฮินตัน และ
ปีต่อมาก็ซื้อสตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษชื่อ ดีพมายด์ (ที่เป็นผู้สร้าง
AlphaGo ในภายหลัง) ด้วยเงินมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่ได้
จากโครงการเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นแก่ผู้ติดตามและเป็นข่าวพาดหัว
อยู่ตลอดเวลามันเปลี่ยนวัฒนธรรมแห่งยุคสมัยและท�าให้เราสัมผัส
ได้ถึงยุคใหม่ที่ใกล้เข้ามา อันเป็นยุคที่ AI จะส่งเสริมมนุษย์ ...หรือ
ทดแทนมนุษย์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
29
ผู้น�าที่แท้จริงในด้าน AI
แล้วจีนมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไร?เรื่องราวการถือก�าเนิดของดีพเลิร์นนิ่ง
เกิดขึ้นในอเมริกา แคนาดา และอังกฤษเกือบทั้งหมด นอกนั้นก็มี
นักธุรกิจและนักลงทุนจีนกลุ่มเล็กๆ อย่างผม แต่ชุมชนเทคโนโลยีจีน
ส่วนใหญ่ไม่ได้ตื่นตัวกับการปฏิวัติดีพเลิร์นนิ่งจนกระทั่งเกิดช่วงเวลา
สปุตนิกในปี 2016
มหาวิทยาลัยและบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันได้ประโยชน์จากการที่
อเมริกาสามารถดึงดูดคนเก่งๆจากทั่วโลกมาท�างานมานานหลายสิบปี
แล้วความก้าวหน้าในด้านAIก็ไม่ต่างกันอเมริกาตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะ
เป็นผู้น�าในเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่หนีไปไหน เพราะอเมริกามีทั้งเหล่านักวิจัย
หัวกะทิ ความพร้อมเรื่องเงินทุน วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร และบริษัท
เทคโนโลยียักษ์ใหญ่คอยสนับสนุน
ในสายตาของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เทคโนโลยีจีนคงจะเล่น
บทบาทเดิมในโลก AI เหมือนที่เคยท�ามาหลายสิบปีที่ผ่านมา นั่นคือ
เป็นนักก๊อปปี้ที่ไล่ตามหลังความทันสมัยของตะวันตก
ผมจะเล่าในบทต่อๆไปว่านักวิเคราะห์เหล่านั้นคิดผิดพวกเขาคาดการณ์
บนความเชื่อที่ล้าสมัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีของจีน
รวมถึงเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังที่ผลักดันการปฏิวัติ AI ที่ก�าลังด�าเนินอยู่
โลกตะวันตกอาจจุดประกายดีพเลิร์นนิ่งขึ้นมาแต่จีนจะได้รับประโยชน์
จากไฟที่ลุกโชนนี้มากที่สุด เหตุผลเกิดจาก 2 สิ่ง คือ
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
30
การเปลี่ยนจากยุคทฤษฎีเป็นยุคแห่งการประยุกต์ใช้
จุดจบของ“ยุคแห่งผู้เชี่ยวชาญ”มาเข้าสู่ยุคสมัยของ
ข้อมูล
ต้นตอของความเชื่อผิดๆ ว่าอเมริกายังได้เปรียบด้าน AI คือ
หลายคนยังคิดว่าเราอยู่ในยุคทฤษฎี(ข้อ1)ซึ่งต้องการนักวิจัยอัจฉริยะ
มาไขปริศนาลี้ลับสื่อต่างๆชอบประโคมข่าวความสามารถล่าสุดของAI
อย่างไม่ขาดสายเช่นAIวินิจฉัยมะเร็งได้เก่งกว่าหมอ,AIเล่นโป๊กเกอร์
ชนะเซียนไพ่จอมบลั๊ฟ,AIเรียนรู้เองได้โดยมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ฯลฯ
ด้วยข่าวดังท�านองนี้ ผู้เสพข่าวทั่วไป หรือแม้แต่นักวิเคราะห์
ที่มีประสบการณ์ จึงยังคงเชื่อว่าเราก�าลังค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่ส�าคัญๆ ใน
การวิจัย AI อยู่ตลอดเวลา
ไม่ใช่เลย ความส�าเร็จที่เป็นข่าวพวกนั้น เป็นแค่การ
ประยุกต์ใช้การค้นพบที่ส�าคัญเมื่อสิบปีก่อน (ดีพเลิร์นนิ่ง) กับ
ปัญหาใหม่ๆ เท่านั้นเอง จริงอยู่คุณต้องใช้คนจบปริญญาเอกที่เก่งเลข
มาวิเคราะห์ข้อมูล แต่มันก็เท่านั้น มันไม่ใช่การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่
อีกแล้ว มันคือการประยุกต์ใช้ทฤษฎีกับปัญหาต่างๆ ในโลกจริงต่างหาก
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
31
ยุคแห่งการประยุกต์ใช้
โลกของเราก�าลังจะเข้าสู่การประยุกต์ใช้ AI ชนิดดีพเลิร์นนิ่งตั้งแต่
วินิจฉัยโรคเลือกประกันให้ลูกค้าขับรถไปจนถึงแปลประโยคภาษาจีน
เป็นอังกฤษที่อ่านเข้าใจได้ มันไม่ใช่การคิดค้น “สุดยอด AI อัจฉริยะ”
หรือการพลิกโฉมวงการในระดับเดียวกับดีพเลิร์นนิ่ง
ยุคนี้คือยุคแห่งการประยุกต์ใช้และบริษัทที่ท�าเงินในยุคนี้จ�าเป็น
ต้องมีผู้ประกอบการ วิศวกร และผู้จัดการที่มีความสามารถ
แอนดรูว์ อึ้ง ผู้บุกเบิกดีพเลิร์นนิ่ง เคยเปรียบเทียบ AI กับการ
ประยุกต์ใช้ไฟฟ้าของโธมัสเอดิสันว่ามันคือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก
ครั้งใหญ่ และปฏิวัติวงการธุรกิจต่างๆ อีกเป็นสิบ
เช่นเดียวกับที่คนในศตวรรษที่ 19 เริ่มประยุกต์ใช้ไฟฟ้ากับ
การท�าอาหาร การสร้างแสงสว่างในห้อง และการเป็นพลังขับเคลื่อน
เครื่องจักรอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ AI ในปัจจุบันก็เดินตามรอย
เดียวกันโดยใช้ดีพเลิร์นนิ่ง ยุคของงานวิจัย AI ที่ยากและจับต้อง
ไม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้ก็ได้เวลาที่นักธุรกิจหัวใสจะลงมือ
เปลี่ยนสูตรเลขยากๆ ให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน
แต่นั่นไม่ได้ลดทอนความตื่นเต้นกับ AI ในปัจจุบันลงเลย การ
ประยุกต์ใช้คือการท�าให้ความก้าวหน้าทางวิชาการมีความหมายขึ้นมา
ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจ�าวันของพวกเราไปอย่างถาวร ยุค
แห่งการประยุกต์ใช้จะท�าให้เราได้เห็นคุณค่าจริงของ AI หลังการวิจัย
หลายสิบปี นี่คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
32
โลกได้เปลี่ยนจากยุคแห่งทฤษฎีเป็นยุคแห่งการประยุกต์ใช้แล้ว
นี่คือหัวใจส�าคัญของการเข้าใจว่าAIจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปอย่างไร
และใครหรือประเทศไหนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่ส�าคัญ
ในยุคแห่งทฤษฎี ความก้าวหน้าถูกผลักดันโดยอัจฉริยะกลุ่ม
เล็กๆ เท่านั้น ซึ่งทุกคนอยู่ในอเมริกาหรือไม่ก็แคนาดา พวกเขาใช้
สติปัญญาที่ลึกล�้าสร้างนวัตกรรมทางปัญญาที่เพิ่มพูนศักยภาพให้กับ
คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วและรุนแรง นับตั้งแต่มีดีพเลิร์นนิ่งเกิดขึ้น
เป็นต้นมา ก็ไม่มีกลุ่มนักวิจัยหรือวิศวกรกลุ่มใดที่สร้างนวัตกรรมใน
ระดับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นอีกเลย
ยุคสมัยแห่งข้อมูล
มาถึงการเปลี่ยนแปลงที่ส�าคัญอย่างที่สองนั่นคือการเปลี่ยนจากยุคของ
ผู้เชี่ยวชาญมาเป็นยุคของข้อมูลโดยAIที่จะประสบความส�าเร็จในทุก
วันนี้ต้องอาศัย 3 สิ่ง
	ข้อมูลจ�านวนมหาศาล
คอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว
วิศวกรที่เก่งแต่ไม่ต้องถึงขั้นอัจฉริยะ
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
33
การน�าพลังของดีพเลิร์นนิ่งมาแก้ปัญหาใหม่ๆ จ�าเป็นต้องใช้
ทั้ง 3 สิ่ง แต่ข้อมูลคือแกนหลัก เพราะเมื่อคอมพิวเตอร์และวิศวกรดี
พอใช้ได้ระดับหนึ่ง ปริมาณข้อมูลจะเป็นตัวตัดสินประสิทธิภาพและ
ความแม่นย�าโดยรวมของตัว AI
ไม่มีค�าว่าข้อมูลมากเกินไปส�าหรับดีพเลิร์นนิ่ง ยิ่งมากยิ่งดี
มันจะยิ่งช่วยให้ AI เก่งกาจและแม่นย�าขึ้น ขอแค่มีข้อมูลมหาศาล
วิศวกรระดับกลางๆก็สร้างAIที่ดีกว่าอัจฉริยะระดับโลกได้การที่คุณมี
ผู้เชี่ยวชาญชั้นน�าอยู่ในมือไม่ใช่สิ่งส�าคัญอีกต่อไปแล้ว
นักวิจัย AI อัจฉริยะยังคงมีศักยภาพในการยกระดับวงการต่อ
ไปอีกขั้นแต่ความก้าวหน้าในระดับนั้นจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้งในรอบหลาย
สิบปีซึ่งในระหว่างรอปรากฎการณ์อันยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ดีพเลิร์นนิ่งก็จะ
ส่งผลเปลี่ยนแปลงธุรกิจนับไม่ถ้วนทั่วโลก ด้วยข้อมูลที่มากขึ้นเรื่อยๆ
กลับเป็นจีนที่เหนือกว่า
เมื่อ100ปีก่อนการน�าไฟฟ้าที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่มาใช้ต้องอาศัยปัจจัย
4 ประการ
	น�้ามันหรือถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า
นักธุรกิจที่กล้าลุย
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
34
วิศวกรไฟฟ้า
รัฐบาลที่คอยสนับสนุน
ตอนนี้การใช้ AI หรือ “ไฟฟ้าแห่งศตวรรษที่ 21” ก็ต้องอาศัย
ปัจจัย 4 ประการเช่นกัน
	ข้อมูลมหาศาล
นักธุรกิจที่กล้าลุย
วิศวกรซอฟต์แวร์
รัฐบาลที่คอยสนับสนุน
ซึ่งเมื่อดูจุดแข็งในปัจจัยทั้งสี่ดังกล่าวของจีนและอเมริกา เราก็
ท�านายถึงสมดุลแห่งอ�านาจที่ก�าลังจะเกิดขึ้นในโลกใหม่ได้
การเปลี่ยนแปลงทั้งสองด้านที่เราคุยกันไปท�าให้ความได้เปรียบเอนเอียง
ไปทางจีน เพราะมันทั้งช่วยกลบจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งให้จีน
การที่ยุคสมัยของ AI เปลี่ยนจากทฤษฎีเป็นการประยุกต์ใช้
ช่วยปิดจุดอ่อนที่คนจีนมักไม่คิดตั้งค�าถามวิจัยนอกกรอบและผลักดัน
“นักธุรกิจข้างถนน”ที่เป็นจุดแข็งของจีนให้ขึ้นมาสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้การที่โลกเปลี่ยนจากยุคผู้เชี่ยวชาญเป็นยุคของข้อมูลท�าให้
จีนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีนักวิจัยหัวกะทิระดับโลก และยังช่วยเสริม
น�้าหนักสิ่งที่จีนมีอยู่เหลือล้น นั่นคือ “ข้อมูล”
ธุรกิจสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์ได้ชื่อว่าเป็นพวกท�างานหนัก
ติดอันดับของอเมริกา พวกเขาคือผู้ก่อตั้งบริษัทรุ่นหนุ่มสาวที่มีความ
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
35
หลงใหล ท�างานโต้รุ่งเพื่อเข็นผลิตภัณฑ์ออกมา จากนั้นก็พัฒนา
ผลิตภัณฑ์นั้นไม่หยุด แล้วก็ยังคงมองหาโอกาสทองครั้งต่อไป
จริงอยู่ที่คนที่นั่นท�างานหนัก แต่จากที่ผมเคยใช้เวลาหลายสิบ
ปีอยู่ทั้งในซิลิคอนวัลเลย์และจีนท�างานกับแอปเปิลไมโครซอฟท์และ
กูเกิล ก่อนจะมาลงทุนในสตาร์ทอัพจีนหลายสิบแห่ง ผมว่าคนใน
ซิลิคอนวัลเลย์ดูจะเป็นคนขี้เกียจเมื่อเทียบกับที่จีน
นักธุรกิจอินเทอร์เน็ตของจีนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ล้วนไม่ธรรมดา
พวกเขาอยู่ภายใต้บรรยากาศการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดในโลก มันคือ
สมรภูมิที่ความเร็วคือหัวใจการก๊อปปี้คือเรื่องปกติและคู่แข่งตามไล่ล่า
คุณไม่ปล่อย
ทุกวันในสตาร์ทอัพของจีนคือการลุยไฟพิสูจน์ตัวเอง เหมือน
นักรบกลาดิเอเตอร์ในสนามประลองการต่อสู้นั้นมีชีวิตเป็นเดิมพันและ
คู่ต่อสู้ของคุณไม่มีค�าว่าจริยธรรมในหัวใจ
ทางเดียวที่จะอยู่รอดในการห�้าหั่นดังกล่าว คือการพัฒนาธุรกิจ
อย่างต่อเนื่อง สร้างนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนไอเดีย และสร้างปราการ
ป้องกันบริษัทของคุณ ถ้าข้อได้เปรียบอย่างเดียวของคุณคือไอเดีย
พริบตาเดียวไอเดียนั้นก็จะถูกลอก พนักงานของคุณจะถูกคู่แข่งซื้อตัว
และคุณจะถูกเขี่ยทิ้งออกจากธุรกิจโดยคู่แข่งที่มีเงินทุนเหนือกว่า
บรรยากาศที่ดุเดือดเลือดพล่านเช่นนี้ตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับ
ซิลิคอนวัลเลย์ ที่การลอกเลียนแบบเป็นเรื่องน่าอาย และหลายบริษัท
อยู่ได้ด้วยไอเดียเดียวที่คิดขึ้นได้โดยบังเอิญ สภาพที่ไร้คู่แข่งท�าให้
พวกเขานิ่งนอนใจ ผู้ประกอบการจึงไม่คิดปรับปรุงธุรกิจ หรือต่อยอด
AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา
36
จากไอเดียดั้งเดิมของตน
ตลาดที่สับสนวุ่นวายกับกลวิธีสกปรกในยุค “จอมเลียนแบบ”
ของจีนก่อให้เกิดบริษัทที่น่ากังขา แต่มันก็ได้บ่มเพาะนักธุรกิจที่ว่องไว
เฉลียวฉลาด และท�างานหนักที่สุดในโลก พวกเขาเหล่านี้จะกลายมา
เป็นอาวุธลับที่ช่วยให้จีนเป็นประเทศแรกที่ท�าเงินได้ในยุคสมัยแห่ง
การประยุกต์ใช้ AI
นักธุรกิจเหล่านี้จะเข้าถึง“ทรัพยากร”ของโลกเทคโนโลยีจีนนั่นคือ
ข้อมูลมหาศาลจีนแซงหน้าอเมริกาไปแล้วในฐานะผู้ผลิตข้อมูลอันดับหนึ่ง
ของโลก และไม่ใช่แค่ปริมาณนะครับ จีนยังมีรูปแบบเทคโนโลยีที่
ไม่เหมือนใคร (เหมือนอีกโลกหนึ่งที่มีสินค้าและบริการซึ่งที่อื่นในโลก
ไม่มี) ท�าให้ข้อมูลถูกออกแบบมาไว้เพื่อให้บรรดาบริษัท AI ได้น�าไป
หาเงินโดยเฉพาะ
ถ้าเป็นไม่กี่ปีก่อนการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของบริษัทอินเทอร์เน็ต
จีนกับอเมริกาโดยตรงถือเป็นเรื่องปกติแล้วอเมริกาก็จะน�าหน้าจีนเล็ก
น้อย
แต่พอถึงประมาณปี 2013 อินเทอร์เน็ตของจีนก็เริ่มมีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง คือแทนที่จะเดินตามรอยหรือก๊อปปี้บริษัท
อเมริกันดื้อๆ บรรดานักธุรกิจจีนกลับเริ่มสร้างสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน
ซิลิคอนวัลเลย์
นักวิเคราะห์ที่พูดถึงจีนมักยกชื่อบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์เวลา
อธิบายถึงบริษัทจีน อย่าง “เฟซบุ๊กของประเทศจีน” หรือ “ทวิตเตอร์
บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
37
ของประเทศจีน” เป็นต้น แต่มาในปีหลังๆ นี้ ค�าท�านองนั้นเริ่มใช้ไม่ได้
ในหลายกรณีอินเทอร์เน็ตของจีนได้แปรเปลี่ยนไปเป็นอีกจักรวาลหนึ่ง
เรียบร้อยแล้ว
คนในเขตเมืองของจีนเริ่มจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจ�าวันโดยใช้
QR Code ในโทรศัพท์มือถือ นี่คือการปฏิวัติวิธีช�าระเงินด้วยโทรศัพท์
มือถือแห่งเดียวในโลก เมืองต่างๆ ของจีนมีกองทัพคนส่งอาหารและ
พนักงานนวดตามสั่งขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้าอยู่เต็มท้องถนน
คนเหล่านี้มาจากกระแสสตาร์ทอัพ“ออนไลน์สู่ออฟไลน์”(O2O)
ที่น�าความสะดวกสบายของอีคอมเมิร์ซมาใช้กับบริการในโลกจริงอย่าง
การขายอาหารหรือการเสริมสวยจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยจักรยาน
ให้เช่าสีสันสดใสนับล้านๆ คัน ที่ผู้ใช้สามารถจอดหรือน�าไปใช้ได้ทุกที่
ขอแค่สแกน QR Code จากโทรศัพท์มือถือของพวกเขาเท่านั้น
ผู้ครองโลกที่เปลี่ยนไป
การพัฒนาอันทรงพลังที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ก�าลังดึงสมดุลอ�านาจให้เอนเอียง
ไปทางจีน แต่นั่นยังไม่พอ รัฐบาลจีนยังท�าทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดความ
ได้เปรียบยิ่งขึ้นไปอีกรัฐบาลจีนต้องการเป็นมหาอ�านาจด้านAIพวกเขา
จึงสนับสนุนและให้ทุนเพื่อวิจัย AI อย่างกว้างขวาง และที่ส�าคัญที่สุด
คือ มันจะถูกใช้เป็นแนวทางให้รัฐบาลท้องถิ่นทั่วจีนด�าเนินตาม

More Related Content

More from Piyapong Sirisutthanant

ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdfตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdfตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdfตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdfตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdfตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdfตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdfตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdfตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdfตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdfโปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdfความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdfตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdfตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdfตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
Piyapong Sirisutthanant
 

More from Piyapong Sirisutthanant (20)

ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdfตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือความสำเร็จเริ่มจากรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช่.pdf
 
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdfตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือวิธีเซฟใจในวันที่ครอบครัวไม่ใช่เซฟโซน.pdf
 
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdfตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือสำเร็จทุกเป้าหมายด้วยการจัดระเบียบชีวิตดิจิทัล.pdf
 
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdfตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
ตัวอย่าง_หนังสือทักษะออกแบบชีวิตที่ใช้ได้ตลอดชีวิต.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdfตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ 8 กฎทองของคนอยากเข้าใจรัก.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdfตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เลิกขายดีกำไรน้อย ยุคนี้ต้องขายน้อยกำไรงาม.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdfตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_กล้าที่จะเลิก คำว่าพ่ายแพ้ไม่ได้หมายความว่าพยายามไม่พอ.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdfตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
ตัวอย่างหนังสือ _ความลับเรื่องเงินที่แม่อยากบอกลูกก่อนตาย.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdfตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ยกหิน 10 ตันออกจากอก.pdf
 
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdfโปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น_ตัวอย่าง.pdf
 
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdfความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
ความเจริญไม่เคยเกิดขึ้นเอง Power and progress_ตัวอย่าง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdfตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_พูดคุยอย่างไร ได้ทั้งใจ ได้ทั้งงาน.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdfตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเอง.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถกเถียงอย่างไร ให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เพราะฉันแตกต่างจึงบริหารเวลาแบบนี้.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdfตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เธอหรือฉันใครกันที่Toxic.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdfตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_เก่งด้วยศาสตร์.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdfตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_ถ้าสอนงานแบบนี้.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdfตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_แค่มองให้เป็น.pdf
 
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdfตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
ตัวอย่างหนังสือ_คู่มือทำธุรกิจฉบับคนคิดสร้างสรรค์.pdf
 

AI SUPERPOWERS_Sample

  • 1. N E W Y O R K T I M E S B E S T S E L L E R
  • 2. AI SUPERPOWERS จีน อเมริกา มหาอ�านาจ Technology เงินตรา อนาคต COPYRIGHT NOTICE EXACTLY AS IN USA EDITION Copyright © 2018 by Kai-Fu Lee. Published by arrangement with Brockman, Inc. Thai language translation copyright © 2020 by Superposition Co., Ltd. All right reserved. เลขมาตรฐานสากลประจ�าหนังสือ ผู้เขียน: Kai-Fu Lee ผู้แปล: วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา กองบรรณาธิการ: จิรวรรณ วงค�าเสา, ปิยะพงษ์ ศิริสุทธานันท์, ธีร์ มีนสุข, ธีพร บรรจงเปลี่ยน ออกแบบปก: สมเกียรติ ภูผาสิทธิ์ จัดรูปเล่ม: อรณัญช์ สุขเกษม ราคา 450 บาท จัดพิมพ์และจัดจ�าหน่ายโดย ส�านักพิมพ์บิงโก ภายในเครือ บริษัท ซุปเปอร์โพซิชั่น จ�ากัด (Superposition Co., Ltd.) 18 ซอยดุลิยา ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. 10170 อีเมล superposition.books@gmail.com โทรศัพท์ 094-810-7272 เว็บไซต์ www.bingobook.co เฟซบุ๊ก www.facebook.com/bingobooks พิมพ์ที่ Pimdee โทรศัพท์ 02-401-9401
  • 3. สารบัญ บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ บทที่ 2 นักก๊อปในโคลอสเซียม บทที่ 3 จักรวาลอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างของจีน บทที่ 4 เรื่องเล่าของสองประเทศ บทที่ 5 คลื่น AI ทั้งสี่ บทที่ 6 แดนสวรรค์ แดนนรก และวิกฤติใหญ่ บทที่ 7 ปัญญาจากมะเร็ง บทที่ 8 โลกที่มนุษย์อยู่ร่วมกับ AI บทที่ 9 เรื่องราวจากทั่วโลก 15 45 91 137 173 227 275 307 341
  • 4. - ค�านิยม - 4 ในหนังสือเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์(AI,ArtificialIntelligence) ที่มีขายอยู่มากมายในร้านหนังสือ หนังสือ AI Superpowers ที่เขียน โดย Dr. Kai-Fu Lee นั้น เป็นหนังสือ AI ที่ผมชอบในล�าดับต้นๆ หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ยากไม่ต้องการความรู้พื้นฐานด้านAIแต่อ่านแล้ว ท�าให้เราเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงส�าคัญในอนาคตที่ก�าลังเกิดขึ้นได้ เป็นอย่างดี Dr.Kai-FuLeeเป็นคนไต้หวันที่ไปเรียนหนังสือที่อเมริกาตั้งแต่ อายุ11ปีเรียนจบปริญญาเอกด้านAIจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน เคยท�างานที่Apple,SGI,Microsoftเป็นประธานบริษัทGoogleChina และปัจจุบันเป็นประธานและ CEO ของ Sinovation Ventures บริษัท ลงทุนที่เน้นการพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคตของจีน น่าจะเป็น ผู้ทรงอิทธิพลด้าน AI ล�าดับต้นๆ ของจีน Dr.Kai-Fu Lee เขียนหนังสือเล่มนี้แบบคนที่เข้าใจ AI ลึกใน ทุกด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านธุรกิจ การมองอนาคต และ ที่ส�าคัญ ที่สุดมุมมองในแง่ของความเป็นมนุษย์ เรื่องที่ผมประทับใจมากที่สุดคือ ตอนที่เขาเขียนเล่าถึง การแข่งขันหมากล้อม (โกะ) ในปี 2017 ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวจีน เค่อเจี๋ย กับ AlphaGo ซึ่งเป็น AI ที่พัฒนาโดย Google ในการแข่งขัน ระหว่างเค่อเจี๋ยกับ AlphaGo ปรากฎว่า AI เอาชนะแชมป์โลกได้
  • 5. 5 ทั้งสามกระดาน โดยแต่ละกระดานใช้เวลาเล่นนานกว่าสามชั่วโมง เค่อเจี๋ยพยายามทุกวิถีทาง แต่ AI ไม่เปิดช่องโหว่และค่อยๆ บดขยี้ เขาลง ดูเหมือนAIจะเป็นผู้ชนะมนุษย์อย่างราบคาบแต่Dr.Kai-FuLee เล่าว่าเขาได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งหมากล้อมในครั้งนั้น และเขา ยังคงมองเห็นความหวังและทางรอดของมนุษยชาติในยุคของ AI “อะไรคือความหวังและทางรอดของมนุษยชาติ (ซึ่งอาจจะ รวมถึงประเทศไทย) ที่ Dr. Kai-Fu Lee กล่าวถึง?” ลองพลิกไปหาค�าตอบในหนังสือเล่มนี้ได้เลยครับ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์
  • 6. - ค�านิยม - 6 หากต้องการรู้เกี่ยวกับปัจจุบันและอนาคตของเทคโนโลยีไฮเทค อะไรสักอย่าง เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) คุณจะท�าอย่างไร?หากคุณต้องการรู้ว่าคนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรม กันที่แข่งขันกันเอาชัยกันในเทคโนโลยีด้านใดด้านหนึ่ง(อีกครั้งเช่นAI) ปัจจัยอะไรแน่จะเป็นตัวตัดสิน? มีหลายวิธีที่จะตอบค�าถามทั้งหมดข้างต้น แต่เชื่อแน่ว่าคงจะ มีหลายคนเชื่อว่าน่าจะหาหนังสือสักเล่มที่พอจะช่วยตอบค�าถามเหล่า นั้นได้ หนังสือแบบนี้ต้องการผู้เขียนแบบไหนกัน? หากเป็นผม ก็คงต้องมองหาคนหนังสือที่คนเขียนมีพื้นฐาน ความรู้ในสาขาวิชาดังกล่าว ยิ่งมีประสบการณ์ที่ตรงและหลากหลาย ก็ยิ่งน่าสนใจ และหากเป็นคนที่เข้าไปซึมซับอยู่ในวัฒนธรรมทั้งสองที่ ก�าลังห�้าหั่นกันอยู่ก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้เห็นมุมมองวิธีคิดจนสามารถ ให้เหตุผลหรือค�าอธิบายเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งบาง ครั้งเราอาจจะคิดไม่ถึงทีเดียวว่า ท�าไมจึงเป็นเช่นนั้น Dr.Kai-FuLeeผู้แต่งหนังสือ“AI Superpowers จีน อเมริกา มหาอ�านาจ เทคโนโลยี เงินตรา อนาคต” เกิดที่ไต้หวัน ก่อนจะ ย้ายไปอยูที่สหรัฐอเมริกา จนเรียนจบได้ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาเอกด้าน AI
  • 7. 7 จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน หลังจากท�างานเป็นอาจารย์สักพัก เขาก็ลาออกไปท�างานเป็นนักวิจัยที่ Apple และ Microsoft ก่อนที่ Google จะซื้อตัวไปเป็นประธานบริษัท Google China ปัจจุบันเขา เป็นผู้เชี่ยวชาญ AI และเจ้าของ Sinovation Ventures บริษัทที่ลงทุน เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ จากชีวประวัติของ Dr. Kai-Fu Lee ดังกล่าว ก็ย่อมจะเห็นได้ ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะเขียนเกี่ยวกับ สงคราม AI ระหว่างมหาอ�านาจสองชาติคือ สหรัฐอเมริกาและจีน ไม่เพียงเท่านั้น หากได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ จะต้องประทับใจ ในความรู้ และความสามารถในการเล่าเรื่อง รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ด น้อยต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี อุปนิสัยและมุมมองของผู้เกี่ยวข้อง ในสงครามครั้งนี้ ตลอดไปจนถึงวัฒนธรรมที่ขับดันอยู่เบื้องหลังการ แข่งขันทางการค้าของคนทั้งสองชาติ ขณะที่คุณวิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา ผู้แปลก็ท�าหน้าที่ถ่ายทอดเนื้อหาได้ดี โดยสรุปแล้ว นอกจากจะเป็นหนังสือที่อ่านได้ความรู้แล้ว ยัง อ่านง่าย และอ่านเพลินอย่างไม่น่าเชื่อ แนะน�าครับ ดร.น�าชัย ชีววิวรรธน์
  • 8. 8 - ค�านิยม - ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ก�าลังพลิก โลกครั้งมโหฬาร เหมือนที่เครื่องจักรไอน�้า ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ได้ เปลี่ยนแปลงโลกและสังคมมนุษย์อย่างก้าวกระโดดมาถึง 3 ครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยคนที่อยู่ในใจกลางพายุ ของการเปลี่ยนแปลงล้วนมีบทบาทที่น่าตื่นใจเสมอทั้งเจมส์วัตต์แห่ง ยุคเครื่องจักรไอน�้า, โธมัส อัลวา เอดิสัน และนิโคลา เทสลา แห่งยุค ไฟฟ้า, บิลล์ เกตส์ และสตีฟ จ็อบส์ แห่งยุคคอมพิวเตอร์ แล้วยุค AI เล่า เรานึกถึงใครที่ใจกลางพายุ? AI ผ่านยุคที่รุ่งเรืองและตกต�่าหลายรอบ ผ่านนักวิทยาศาสตร์ หลายรุ่นตั้งแต่ทศวรรษ1950แต่ล้มลุกคลุกคลานอย่างยาวนานเพราะ การถกเถียงข้อโต้แย้งทางทฤษฎี 2 สาย และความไม่พร้อมของระบบ นิเวศทางด้านดิจิทัล จนผ่านมาถึงอีก 50 ปี เมื่อเจฟฟรีย์ ฮินตัน นักจิตวิทยาและ นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษค้นพบเทคนิคใหม่ของ Neural Networks เรียกว่า Deep Learning พร้อมๆ กับเวลานั้น มี การพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจ�านวนมหาศาล ในชั่วพริบตา ยุคสมัยของ AI จึงก�าเนิดขึ้น และถ้าเราเพ่งมองกลุ่มคนที่อยู่ใจกลางพายุของAIเราต้องเห็น หนุ่มใหญ่เชื้อสายไต้หวันชื่อ Dr.Kai-Fu Lee ยืนเด่นอยู่ตรงนั้นด้วย Dr.Kai-Fu Lee เกิดในไต้หวัน เขาจบปริญญาเอกด้าน AI จาก มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ได้รับ
  • 9. 9 การยอมรับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก จนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลกประจ�าปี 2556 เขามีชีวิตที่แตกต่างอย่างสมดุล 2 ด้านอย่างน่าประหลาด เขาเคยท�างานเป็นนักบริหารมืออาชีพกับยักษ์ใหญ่ในวงการ ดิจิทัลทั้ง Apple, Microsoft และ Google แต่วันนี้เขาเป็นนักลงทุน นักเขียน ครู และบล็อกเกอร์ที่มีคนติดตามกว่า 50 ล้านคน เขาเติบโต เรียนหนังสือ และเริ่มท�างานที่สหรัฐอเมริกา แต่เขา เคยเป็นประธานบริษัทGoogleChinaอยู่4ปีก่อนผันตัวเป็นนักลงทุน สนับสนุนสตาร์ทอัพในจีน เขาเคยท�างานหามรุ่งหามค�่าเพราะเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนแปลง โลก แต่เมื่อพบว่าตนเป็นมะเร็ง เขาจึงรู้ว่า ครอบครัว แม่ ภรรยา และ ลูกสาวสองคนส�าคัญที่สุด และความรักส�าคัญกว่าตัวเลขใดๆ ความรู้ที่ได้จากหนังสือ AI Superpowers เล่มนี้จึงมั่นใจได้ว่า เป็นความรู้จากผู้รู้จริง ผู้ที่คลุกคลีระดับวงในของผู้น�าอุตสาหกรรม AI และผู้ที่เข้าใจความสามารถในการแข่งขันด้าน AI ของสหรัฐอเมริกา และจีนอย่างถ่องแท้ แม้มีผู้ค่อนขอดว่า เขาดูจะเข้าข้างจีนมากกว่า ข้อคิดที่ผมชอบที่สุดจากหนังสือ ไม่ใช่เรื่อง AI จะเปลี่ยนวิถี ชีวิตของเราไปมากมายเพียงใด แต่เป็นประโยคในหน้าสุดท้ายที่ Dr.Kai-Fu Lee ได้รู้แจ้งถึง “ปัญญาที่แท้” ว่า “AIท�ำให้เรำเข้ำใจตัวเองอย่ำงแท้จริงไม่ใช่เพรำะAIเลียนแบบ มนุษย์ส�ำเร็จแต่เป็นเพรำะมันปลดปล่อยเรำให้พ้นจำกกำรหมกมุ่นกับ วัตถุ และท�ำให้เรำจดจ่อกับสิ่งที่ท�ำให้เรำเป็นมนุษย์ นั่นคือ กำรแสดงควำมรัก และกำรได้ควำมรักตอบกลับมำ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
  • 10. 10 หน้าที่อย่างหนึ่งของผมในฐานะนักลงทุน คือการกล่าวบรรยาย เรื่อง AI ให้นักธุรกิจข้ามชาติและนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลฟัง ความสนุกอย่างหนึ่งของงานนี้อยู่ตรงที่บางครั้งผมก็ต้องไปพูด เรื่องเดียวกันนี้ให้เด็กอนุบาลฟังด้วย น่าประหลาดที่คนฟังทั้งสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มักถามค�าถามคล้ายๆ กัน อย่างตอนที่ผมไปเยือนโรงเรียนอนุบาล ที่ปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เสียงเซ็งแซ่ของกลุ่มเด็ก 5 ขวบกระหน�่าผมด้วย ค�าถามเกี่ยวกับอนาคตของ AI “เราจะมีครูที่เป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า?” “จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถหุ่นยนต์คันหนึ่งไปชนรถหุ่นยนต์อีกคัน แล้วเราได้รับบาดเจ็บ?” “คนจะแต่งงานและมีลูกกับหุ่นยนต์หรือเปล่า?” “คอมพิวเตอร์จะฉลาดจนกลายเป็นนายเราหรือไม่?” “ถ้าหุ่นยนต์ท�าได้ทุกอย่างจริง แล้วเราจะท�างานอะไร?” ค�าถามของเด็กอนุบาลเหล่านี้ไม่แตกต่างจากของบุคคล ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกหลายๆ คน และมันบอกอะไรได้หลายอย่าง ประการแรกคือมันแสดงให้เห็นว่าAIก�าลังอยู่ในความสนใจของผู้คน - ค�าน�า -
  • 11. 11 แค่ไม่กี่ปีก่อน AI ยังเป็นสาขาวิชาที่ถูกกล่าวถึงอยู่แต่ในห้องวิจัยและ ในหนังวิทยาศาสตร์อยู่เลย ถึงแม้คนทั่วไปอาจพอรู้ว่า AI เป็นเรื่อง เกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ที่คิดได้เหมือนมนุษย์ แต่แทบนึกไม่ออกเลย ว่ามันจะมาเกี่ยวโยงกับชีวิตประจ�าวันของเราอย่างไร แต่ทั้งหมดนั้นเปลี่ยนไปแล้ว หน้าหนังสือพิมพ์ที่เราอ่าน เต็มไปด้วยข่าวนวัตกรรมAIแทบทุกวันมีการสัมมนาทางธุรกิจที่พูดถึง การใช้ AI เพิ่มผลก�าไร อีกทั้งรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ ก�าลังประกาศแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นประโยชน์ จู่ๆ AI ก็กลายเป็นข้อถกเถียงในวงกว้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี การค้นคว้าในเชิงทฤษฎีของAIที่ส�าคัญๆในที่สุดก็เอามาใช้จริง ได้แล้วและมันพร้อมจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเราปัจจุบันAIอยู่เบื้องหลัง แอพและเว็บไซต์ยอดนิยมจ�านวนมาก ในอนาคต AI จะขับรถของเรา จัดการพอร์ตการลงทุนของเรา ผลิตสินค้าส่วนใหญ่ที่เราซื้อ และอาจ ท�าให้เราตกงาน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เต็มไปด้วยโอกาสและวิกฤติ ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม การพูดคุยระหว่างผมกับเด็กอนุบาลสะท้อนบางอย่างออกมา เมื่อไม่นานมานี้ จีนยังล้าหลังสหรัฐอเมริกาในเรื่อง AI อยู่หลายปี หรือหลายสิบปี แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีกระแสคลั่ง AI เกิดขึ้น ในจีน ความตื่นตัวในเรื่องนี้พุ่งสูงขึ้นชนิดที่ไม่มีที่ใดในโลกนี้เทียบได้ ความตื่นเต้นเรื่อง AI ลามไปทั่ว ตั้งแต่ในแวดวงเทคโนโลยีและธุรกิจ การก�าหนดนโยบายของรัฐบาล ไปจนถึงห้องเรียนอนุบาลในปักกิ่ง เลยทีเดียว
  • 12. 12 แรงสนับสนุนในวงกว้างแสดงให้เห็นว่าสาขา AI ในจีนเข้มแข็ง มาก บริษัทและนักวิจัย AI ของจีนก�าลังตีตื้นคู่แข่งอย่างอเมริกาขึ้นมา ทั้งภาคธุรกิจและภาควิชาการได้ร่วมมือกันเปลี่ยนจีนให้กลายเป็น มหาอ�านาจ AI ตัวจริง จีนจึงกลายเป็นชาติเดียวที่ต่อกรกับอเมริกาใน สาขานี้ได้ เศรษฐกิจและการเมืองในโลกนี้จะเดินหน้าไปทางไหนต่อก็ ขึ้นอยู่กับว่าทั้ง 2 ประเทศนี้เลือกแข่งขันหรือร่วมมือกันอย่างไร หลังจากพูดคุยกับนักเรียนตัวน้อยกลุ่มนั้นผมก็พบกับสัจธรรมที่อยู่ลึก ลงไปอีกว่า เราทุกคนก็เป็นเหมือนเด็กอนุบาล เราทุกคนล้วนมีค�าถาม ที่ไม่มีค�าตอบ เราพยายามเพ่งมองไปในอนาคตด้วยความวิตกกังวลเหมือน ผู้ใหญ่ แต่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็ก เราอยากรู้ว่าระบบอัตโนมัติของ AI จะมีผลกระทบอย่างไร ต่องานและอนาคตของเรา เราอยากรู้ว่าใครและประเทศไหนจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี อันยิ่งใหญ่นี้ เราอยากรู้ว่าAIจะพาเราไปสู่โลกที่อุดมสมบูรณ์ได้หรือไม่และ มนุษย์จะยังมีที่ยืนในโลกที่เต็มไปด้วย AI หรือเปล่า ไม่มีใครมีลูกแก้ววิเศษที่ตอบค�าถามเราได้ทุกอย่าง แต่ความ ไม่แน่นอนก็ท�าให้เรายังต้องถามพวกเราก็พยายามหาค�าตอบอย่างสุด ความสามารถ และหนังสือเล่มนี้ก็คือความพยายามในการหาค�าตอบ
  • 13. 13 ของผม ผมไม่ใช่หมอดูที่จะบอกอนาคตได้อย่างชัดเจน แต่ผมจะใช้ ประสบการณ์ของผมทั้งจากฝั่งจีนและฝั่งอเมริกา ในฐานะนักวิจัย AI ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี และนักลงทุนในปัจจุบัน เพื่อมาวิเคราะห์ หาค�าตอบให้ได้ ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะให้ความกระจ่างพอสมควรว่าเรามา ถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดข้อถกเถียงใหม่ๆ เกี่ยวกับที่ที่เราจะไปต่อจากนี้ เหตุผลหนึ่งที่ท�าให้การท�านายบทสรุปของเรื่องราว AI ยากมาก เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับหุ่นยนต์อย่างเดียว แต่เกี่ยวกับมนุษย์ด้วย มนุษย์ที่มีอิสระทางความคิด จะเลือกสิ่งที่ต้องการและก�าหนด ชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรก็ได้อนาคตAIจะเกิดขึ้นด้วยน�้ามือของเรา มันจะสะท้อนทางเลือกที่เราเลือกและการกระท�าที่เราท�าลงไปผมหวังว่า เราจะมองลึกลงไปในตัวเราเองและในตัวเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อ ค้นหาคุณค่าและความรู้ที่จะน�าทางเราได้ และนั่นคือภาพรวมทั้งหมด เรามาเริ่มการเดินทางกันได้แล้ว ณ บัดนี้
  • 14.
  • 15. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 15 -1- จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ วั ยรุ่นจีน สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมผู้นี้ ดูไม่เหมือนปราการด่าน สุดท้ายของมนุษยชาติเลย เค่อเจี๋ยที่มาในชุดสูทสีด�าเสื้อเชิ้ต สีขาวและเน็คไทด�า ก�าลังนั่งจมอยู่ในที่นั่งของตัวเอง เขาถูขมับ ขณะก�าลังครุ่นคิดปัญหาตรงหน้า เด็กหนุ่มวัย 19 ปีผู้นี้ ปกติมี ความมั่นใจสูงลิ่วจนเกือบถึงขั้นหยิ่งยโส มาตอนนี้กลับนั่งอึดอัด บนเก้าอี้หนังของเขา ถ้าไปอยู่ในสถานการณ์อื่น เขาก็คงเป็นแค่เด็ก มัธยมปลายที่ก�าลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับโจทย์เรขาคณิตที่แก้ไม่ออก เท่านั้นเอง แต่ในสถานการณ์เมื่อบ่ายของเดือนพฤษภาคมปี 2017 นั้น เขาก�าลังต่อสู้แบบทุ่มสุดตัวกับหนึ่งในสุดยอด AI ที่ฉลาดที่สุดในโลก นามว่า AlphaGo ที่กูเกิลเป็นผู้สร้าง โดยมีสมรภูมิเป็นกระดานขนาด 19x19 ช่อง และมีตัวหมากสีด�าและสีขาววางอยู่ โกะเป็นเกมที่ดูเรียบง่ายแต่จริงๆซับซ้อนผู้เล่น2คนจะผลัดกัน วางตัวหมากบนกระดานเพื่อล้อมตัวหมากของฝ่ายตรงข้าม ไม่มี มนุษย์โลกคนใดเก่งโกะกว่าเค่อเจี๋ย แต่วันนี้ เขาถูกจับให้มาเจอกับ ผู้เล่นโกะที่มีฝีมือในระดับที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 15
  • 16. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 16 เชื่อกันว่าโกะมีมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว มันมีประวัติศาสตร์ ยาวนานกว่าเกมกระดานใดๆ ในโลก สมัยจีนโบราณ โกะเป็นหนึ่งในสี่ รูปแบบของศิลปะที่นักปราชญ์จีนทุกคนต้องเชี่ยวชาญเชื่อกันว่าเกมนี้ จะปลูกฝังความคิดที่ละเอียดอ่อนและภูมิปัญญาตามแบบฉบับเซ็นแก่ ผู้เล่นในขณะที่หมากรุกของตะวันตกมุ่งเน้นการวางกลยุทธ์อย่างตรงไป ตรงมาแต่เกมโกะมีพื้นฐานอยู่บนการปักหลักอย่างอดทนและการล้อม อย่างค่อยเป็นค่อยไป มันจึงเป็นศิลปะทางความคิดที่ลึกซึ้ง ประวัติศาสตร์โกะลึกล�้าพอๆ กับการเล่นที่ซับซ้อนของมัน เราอธิบายกฎการเล่นพื้นฐานจบได้ภายใน 9 ประโยค แต่ต�าแหน่ง การวางหมากกลับมีไม่สิ้นสุด ท�าให้วงการ AI รู้สึกว่าการจะเอาชนะ แชมป์โลกโกะให้ได้นั้น เปรียบเสมือนการพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ หลายคนเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ AI ไม่มีความรู้สึกให้กับโกะเหมือน คนเราส่วนวิศวกรก็คิดว่ารูปแบบการเดินหมากมีมากเกินคอมพิวเตอร์ จะค�านวณได้ ในวันนั้น AlphaGo ไม่เพียงชนะเค่อเจี๋ย แต่ยังถล่มเขาจน ย่อยยับ ตลอดการแข่งขัน 3 ยก ยกละนานกว่า 3 ชั่วโมง เค่อเจี๋ย ใช้ทุกอย่างที่มีเข้าห�้าหั่นเจ้าAIตัวนี้เขาลองทุกรูปแบบการเล่นทั้งแบบ รัดกุม แบบเชิงรุก แบบเชิงรับ และแบบไร้รูปแบบ แต่ไม่มีวิธีใดได้ผล AlphaGo ไม่เปิดช่องให้เค่อเจี๋ยเลย ตรงกันข้าม มันค่อยๆ บีบเขา มากขึ้นเรื่อยๆ
  • 17. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 17 มุมมองจากปักกิ่ง คุณมองเห็นอะไรจากการแข่งขันครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกมองมุมไหน ส�าหรับผู้ติดตามข่าวสารในอเมริกา ชัยชนะของ AlphaGo ไม่เพียง ส่งสัญญาณบ่งบอกถึงชัยชนะของ AI เหนือมนุษย์ แต่ยังเป็นชัยชนะ ของบริษัทเทคโนโลยีจากตะวันตกเหนือทุกคนในโลกด้วย บริษัททั้งหลายจากซิลิคอนวัลเลย์ครองตลาดเทคโนโลยีโลก ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เฟซบุ๊กและกูเกิลกลายเป็นมาตรฐาน อินเทอร์เน็ตส�าหรับการเข้าสังคมและค้นหาข้อมูลซึ่งระหว่างทางบริษัท เหล่านี้ก็ได้บดขยี้สตาร์ทอัพท้องถิ่นในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ฝรั่งเศส ไปจนถึงอินโดนีเซีย ยักษ์ใหญ่ในอินเทอร์เน็ตเหล่านี้ท�าให้สหรัฐอเมริกาครองโลก ดิจิทัล เช่นเดียวกับที่อเมริกาครองอ�านาจทางทหารและทางเศรษฐกิจ และเพราะ AlphaGo เป็นผลงานของบริษัทสตาร์ทอัพในอังกฤษที่ชื่อ ดีพมายด์(ถูกกูเกิลซื้อกิจการไปในปี2014)โลกตะวันตกจึงมีแนวโน้ม ที่จะครองความเป็นเจ้าแห่งยุค AI ต่อไป แต่ถ้ามองจากมุมของผม ในช่วงเวลาที่เค่อเจี๋ยแข่งขันอยู่ ผมเห็น สิ่งที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง ส�านักงานใหญ่ของไซโนเวชันเวนเจอร์ส(บริษัทของผม)ตั้งอยู่ที่ ย่านจงกวนชุนในปักกิ่งหรือชื่อเล่นว่า“ซิลิคอนวัลเลย์แห่งประเทศจีน”
  • 18. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 18 ปัจจุบันจงกวนชุนเป็นชีพจรของกระแสAIในจีนส�าหรับคนที่นี่ชัยชนะ ของAlphaGoเป็นความท้าทายและเป็นแรงบันดาลใจพวกเขาได้เข้าสู่ “ช่วงเวลาสปุตนิก” ในโลกแห่ง AI แล้ว ตอนที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรได้ส�าเร็จ ในเดือนตุลาคม 1957 มันส่งผลต่อความรู้สึกและการท�างานของรัฐ ในอเมริกาอย่างรวดเร็วและรุนแรง เหตุการณ์นี้กระตุ้นความกลัว ในสังคมอเมริกันอย่างกว้างขวาง กังวลเรื่องความเหนือชั้นกว่าของ เทคโนโลยีรัสเซีย ชาวอเมริกันเฝ้าติดตามดาวเทียมสปุตนิกดวงนั้นของโซเวียตใน ท้องฟ้ายามค�่าคืน และปรับคลื่นวิทยุเพื่อหาช่องสัญญาณของสปุตนิก องค์การนาซา (NASA) ได้ถือก�าเนิดขึ้น บวกกับแรงหนุนจาก รัฐบาลกลางที่เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ เท่ากับเปิดฉากการแข่งขันด้านอวกาศอย่างเป็นทางการ ความตื่นตัวของชาวอเมริกันประสบผลในอีก 12 ปีต่อมา เมื่อนีล อาร์มสตรอง กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ได้ส�าเร็จ ย้อนไปในเดือนมีนาคม 2016 AlphaGo ประกาศชัยชนะครั้งแรก ในการแข่งขัน5ยกกับผู้เล่นระดับต�านานชาวเกาหลีชื่ออีเซดลโดยชนะ 4 ต่อ 1 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่แทบไม่ทราบเรื่องนี้เลย แต่การแข่งขัน ทั้ง 5 ยกมีคนจีนติดตามชมมากกว่า 280 ล้านคน แล้วกระแส AI ก็เริ่ม ระบาดไปทั่วประเทศจีนในชั่วข้ามคืน
  • 19. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 19 จริงอยู่ที่ระดับความตื่นเต้นนี้ยังไม่เท่ากับตอนที่ชาวอเมริกัน ตื่นเต้นกับสปุตนิก แต่มันคือตัวจุดประกายของจีนที่ลุกโชนอย่าง ต่อเนื่อง เมื่อนักลงทุน ผู้ประกอบการ และรัฐบาลจีนพร้อมใจกันให้ ความส�าคัญกับอะไรทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนตอนนี้จีนก�าลังเร่งพัฒนา AI ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ทั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ นักลงทุน และรัฐบาลจีนต่างเทเงินอุดหนุน นักศึกษาจีนก�าลังแห่เรียนคอร์ส AI ชั้นสูง หรือกระทั่งดาวน์โหลดคอร์ส AI จากตะวันตกมาดูใน โทรศัพท์มือถือ ส่วนบริษัทสตาร์ทอัพก็ก�าลังคิดค้นธุรกิจใหม่ๆ เพื่อ ตามกระแส AI หลังเค่อเจี๋ยพ่ายแพ้ต่อ AlphaGo ได้ไม่ถึง 2 เดือน รัฐบาล จีนได้ประกาศแผนพัฒนา AI ชุดใหญ่ ทั้งเพิ่มการลงทุน สนับสนุน ด้านนโยบายและระดมก�าลังทั้งชาติเพื่อพัฒนาAIโดยมีเป้าหมายยาว ถึงปี 2025 และจะเป็นศูนย์กลางโลกด้าน AI ให้ได้ภายในปี 2030 ทั้ง ในด้านทฤษฎี เทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ นักลงทุนจีนตอบรับกระแสนั้นตั้งแต่ก่อนปี 2017 แล้ว เม็ดเงิน ลงทุนที่เทในสตาร์ทอัพ AI มากขึ้นเป็น 48% ของการลงทุนด้าน AI ทั่วโลก ซึ่งมากกว่าการลงทุนของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
  • 20. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 20 เกมใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉมโลก เหตุผลที่รัฐบาลจีนสนับสนุน AI เสียใหญ่โต ก็เพราะ AI จะมีผลกับ เศรษฐกิจในอนาคตระดับมโหฬารเดิมทีAIก้าวหน้าอย่างช้าๆมาหลาย ทศวรรษแต่มันก�าลังเริ่มรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเราเริ่มน�าสูตรยากๆ ในทฤษฎี มาเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่สร้างเงินและจับต้องได้ ผมคุ้นชินกับการเห็นคอมพิวเตอร์แข่งโกะชนะมนุษย์อยู่แล้ว ตอนเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขาAIที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอน ผมเป็นลูกศิษย์ของราช เรดดี นักวิจัย AI รุ่นบุกเบิก ตอนปี 1986 ผมสร้างซอฟต์แวร์ที่เอาชนะแชมป์โลกในเกมโอเธลโลได้เป็นตัวแรก โอเธลโลเป็นเกมกระดานคล้ายโกะแต่ง่ายกว่าบนกระดานขนาด8x8ช่อง มันเป็นความส�าเร็จพอตัวเลยในขณะนั้นแต่เทคโนโลยีนั้นก็ยังไม่พร้อม ที่จะแก้ปัญหาอื่นใดนอกจากแข่งขันเกมง่ายๆ จากนั้นในปี1997คอมพิวเตอร์DeepBlueของบริษัทไอบีเอ็ม ได้ชนะแกร์รี คาสปารอฟ แชมป์โลกหมากรุก ผู้ได้รับสมญานามว่า “ปราการด่านสุดท้ายของสมอง”เหตุการณ์นั้นได้ก่อให้เกิดความกังวลว่า หุ่นยนต์ที่ฉลาดมากๆ อาจเข้าปกครองมนุษย์… แต่นั่นก็ไม่ได้ท�าให้ ราคาหุ้นของ IBM เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างใด AI ยังคงถูกน�าไปประยุกต์ใช้ น้อยมาก ผ่านไปหลายสิบปีนักวิจัยก็ยังไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงชนิด พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ออกมา
  • 21. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 21 Deep Blue ใช้วิธี “หักดิบ” เพื่อเอาชนะมนุษย์ โดยอาศัย คอมพิวเตอร์ราคาแพงมาก อีกทั้งมีแชมป์หมากรุกมาช่วยใส่แนว ค�าตอบเข้าไปในซอฟต์แวร์ด้วย แน่นอนว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจในวงการ วิศวกรรม แต่เอาจริงๆ มันก็แค่ใช้เทคโนโลยีที่มีมานานแล้วมาท�างาน ภายใต้กรอบที่จ�ากัดอย่างมากก็เท่านั้น ถ้า Deep Blue ไม่ได้ถูกใช้ วิเคราะห์เกมหมากรุก 8x8 ช่องนี้แล้ว ความฉลาดของมันก็จะไม่ หลงเหลืออยู่เลย อาชีพเดียวที่มันจะแย่งได้ก็คือแชมป์โลกหมากรุก เท่านั้นเอง แต่ปัจจุบันทุกสิ่งเปลี่ยนไป การแข่งขันของเค่อเจี๋ยเกิดขึ้น บนกระดานโกะก็จริง แต่มันเชื่อมโยงถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งกระแส AI จีนที่ลุกโชนขึ้นทั้งเทคโนโลยี ที่อยู่เบื้องหลังความส�าเร็จของมัน AlphaGo มีการท�างานแบบดีพเลิร์นนิ่ง (Deep Learning) ดีพเลิร์นนิ่งเป็น AI ชนิดใหม่ที่เก่งกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด ทุกวันนี้ AI ที่ท�างานแบบดีพเลิร์นนิ่งมีความล�้าหน้ากว่ามนุษย์ในการแยกแยะ ใบหน้า จดจ�าเสียง และอนุมัติเงินกู้ ตอนนี้ยุค AI ที่ดูจะอยู่ไกล เกินเอื้อมเสมอได้มาถึงแล้ว มันจะท�าให้เศรษฐกิจเติบโตอย่าง ก้าวกระโดดพร้อมส่งผลต่อผู้คนอย่างลึกซึ้งเพราะAIก�าลังเข้ามาแย่ง งานเราในทุกธุรกิจ ในระหว่างการแข่งขันของเค่อเจี๋ย สิ่งที่ผมกลัวไม่ใช่หุ่นยนต์ นักฆ่าเหมือนในหนัง แต่เป็นปีศาจในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งจะถูก ปลุกขึ้นมาในรูปของคนตกงานมหาศาลและความวุ่นวายในสังคม
  • 22. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 22 การแย่งงานจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์มันจะ ไม่แบ่งแยกคนรวยหรือจน แต่จะส่งผลกระทบทั้งแรงงานที่มีฝีมือ และไม่มีฝีมืออย่างถ้วนหน้า ในวันที่ AlphaGo ปะทะกับเค่อเจี๋ยนั้น ดีพเลิร์นนิ่งได้โค่น ผู้เล่นโกะที่เก่งที่สุดของมนุษยชาติ และมันก็ก�าลังคืบคลานเข้าไปใน โรงงานและในออฟฟิศของคุณ จิตวิญญาณในเกมโกะ แต่ในการแข่งขันเดียวกันนั้นผมก็ยังเห็นความหวังอยู่ผ่านไป2ชั่วโมง กับ 51 นาที เค่อเจี๋ยเจอทางตัน เขางัดทุกอย่างออกมาใช้แล้ว แต่เขา รู้ว่ามันยังไม่พอ ขณะโน้มตัวอยู่เหนือกระดาน เขาท�าปากจู๋ คิ้วของเขา เริ่มกระตุก เพราะรู้ตัวว่าไม่สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป เขาถอดแว่นตาออก แล้วใช้หลังมือปาดน�้าตาจากดวงตาทั้ง สองข้าง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แต่ทุกคนก็รับรู้ถึงอารมณ์ของ เค่อเจี๋ยได้ หยาดน�้าตานั้นช่วยดึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและการเอาใจ ช่วยออกมาให้เค่อเจี๋ยอย่างท่วมท้น ตลอดการแข่งขัน 3 ยกที่ผ่านมา อารมณ์ความรู้สึกของเค่อเจี๋ยขึ้นสุดลงสุดอยู่หลายรอบ ทั้งมั่นใจ วิตก กลัว มีความหวัง และผิดหวัง ทั้งหมดนั้นสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่ง
  • 23. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 23 การต่อสู้ของเขาแต่สิ่งที่ผมเห็นคือความรักโกะอย่างสุดหัวใจแม้จะรู้ว่า เอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ ฝ่ายคนที่เฝ้าดูเค่อเจี๋ยก็ให้ใจเขากลับคืนเช่นกัน AlphaGo อาจชนะการแข่งขัน แต่เค่อเจี๋ยชนะใจผู้ชม แล้วผม ก็เริ่มมองเห็นว่ามนุษย์จะค้นพบงานและความหมายของชีวิตในยุค แห่ง AI ได้อย่างไร ผมเชื่อว่าการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีชั้นเชิงจะเป็นโอกาสส�าคัญ ที่สุดของจีนในการไล่ตามอเมริกาหรืออาจแซงหน้าด้วยซ�้าแต่ที่ส�าคัญ กว่านั้นคือการเปลี่ยนแปลงนี้จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้กลับมาค้นพบว่า “อะไรที่ท�าให้เราเป็นมนุษย์” แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้จักพื้นฐานของเทคโนโลยีนี้ และรู้ว่า มันจะมาเปลี่ยนโลกของเราได้อย่างไร ประวัติโดยย่อของดีพเลิร์นนิ่ง นับตั้งแต่AIถือก�าเนิดขึ้นมามันได้ผ่านยุครุ่งเรืองและตกต�่าหลายรอบ มีทั้งการค้นพบที่ใหญ่ยิ่ง ตามติดมาด้วย “ฤดูหนาวอันเยือกเย็น” ที่ท�าให้การลงทุนใน AI หยุดชะงัก เพราะผิดหวังว่ามันใช้จริงไม่ได้ หลังจากนั้นจึงมีดีพเลิร์นนิ่งเกิดขึ้นในที่สุด ย้อนกลับไปช่วงกลางปี 1950 บรรดาผู้บุกเบิก AI ได้ตั้งภารกิจ ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา นั่นก็คือ การใช้จักรกลเลียนแบบสมองของมนุษย์
  • 24. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 24 มันดึงดูดเหล่ายอดฝีมือในวงการคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ให้เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นมาร์วิน มินสกี, จอห์น แมคคาร์ธี และ เฮอร์เบิร์ต ไซมอน ตอนที่ผมเรียนปริญญาตรีสาขาคอมพิวเตอร์อยู่ที่มหาวิทยาลัย โคลัมเบียในนิวยอร์ก เรื่องของ AI ทั้งหมดที่กล่าวมาท�าให้จินตนาการ ของผมบรรเจิดผมเกิดในไต้หวันช่วงต้นทศวรรษที่1960แต่ย้ายไปอยู่ รัฐเทนเนสซีตอนอายุ 11 ขวบและเรียนจบชั้นมัธยมที่นั่น พอผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมรู้ตัวว่าผมอยากศึกษาเรื่อง AI ให้กระจ่างตอนผมสมัครเรียนปริญญาเอกด้านคอมพิวเตอร์เมื่อปี1983 ผมเขียนบรรยายไว้ใหญ่โตว่า AI คือการรู้แจ้งกระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ คือการท�าให้กระบวนการคิดของมนุษย์จับต้องได้ คือการอธิบายพฤติกรรมมนุษย์ และคือการท�าความ เข้าใจสติปัญญา มันคือก้าวสุดท้ายของการรู้จักตัวเอง ของเรา และผมอยากมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีน้องใหม่ แต่มีศักยภาพนี้ ข้อเขียนนี้ท�าให้ผมได้เข้าไปเรียนในภาควิชาคอมพิวเตอร์ชั้น แนวหน้าที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้เมลลอนที่นี่เป็นแหล่งรวมงานวิจัยAI ที่ทันสมัย และยังเป็นที่ที่เผยความไร้เดียงสาของผมแบบเต็มๆ ผมประเมินความสามารถของเราในการสร้าง AI เหนือมนุษย์สูงไป และประเมินพลังของ AI ในการเปลี่ยนโลกต�่าเกินไป
  • 25. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 25 ตอนที่ผมเรียนปริญญาเอก ศาสตร์ของ AI แบ่งออกเป็น 2 สาย ได้แก่ สายตั้งกฎ สาย Neural Networks นักวิจัยในสายตั้งกฎ จะสอนคอมพิวเตอร์ให้คิดโดยบอก “กฎการคิด” เข้าไปเลยว่าถ้าเกิด A ก็ให้ท�า B วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับ งานง่ายๆ และมีขอบเขตแน่นอน แต่จะไม่ได้ผลถ้าความเป็นไปได้ หรือทางเลือกมีมากมายมหาศาลนักวิจัยสายนี้จะคอยถามผู้เชี่ยวชาญ ด้านต่างๆ เพื่อใส่กฎเข้าไป ให้คอมพิวเตอร์มีวิธีคิดใกล้เคียงกับ สถานการณ์ในโลกจริงมากที่สุด แต่นักวิจัยสาย Neural Networks ใช้อีกวิธี แทนที่จะสอนกฎ ต่างๆ ที่มนุษย์คิดขึ้นให้คอมพิวเตอร์ พวกเขากลับพยายามสร้างสมอง มนุษย์ขึ้นมาเลย เนื่องด้วยเครือข่ายอันซับซ้อนของเซลล์สมองคือ ต้นก�าเนิดของความฉลาด นักวิจัยสายนี้จึงคิดว่าจัดการที่ต้นตอเลย ดีกว่า พวกเขาออกแบบคอมพิวเตอร์เป็นชั้นๆ ที่รับส่งข้อมูลได้เหมือน เซลล์สมองตามธรรมชาติของมนุษย์เรา แนวทางนี้ไม่เหมือนสายตั้งกฎตรงที่เราจะไม่บอกวิธีตัดสินใจ ให้คอมพิวเตอร์ แต่จะป้อนข้อมูลมหาศาลให้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ การเดินหมาก หรือเสียงเข้าไป แล้วปล่อยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จาก ข้อมูลเหล่านั้นเอง พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ยิ่งมนุษย์แทรกแซงการท�างาน ของมันน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น
  • 26. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 26 สมมติเราอยากรู้ว่า“ภาพนี้มีแมวไหม?”ถ้าเป็นสายตั้งกฎเราก็ จะใส่กฎ“ถ้า-แล้ว”เข้าไปเพื่อช่วยตัดสินใจเช่น“ถ้ามีสามเหลี่ยม2รูป อยู่บนวงกลมก็น่าจะมีแมวในรูปภาพ”แต่ถ้าเป็นวิธีNeuralNetworks เราก็จะป้อนรูปภาพทั้งที่ “มีแมว” และ “ไม่มีแมว” เป็นล้านๆ ภาพ เพื่อให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า ภาพแบบไหนถือว่า “มีแมว” ช่วงแรกๆ Neural Networks ให้ผลลัพธ์ที่ดูดีและสร้างความตื่นเต้น แต่แล้วนักวิจัยสายตั้งกฎก็โต้กลับ โดยบอกว่ามันใช้งานจริงไม่ได้ แนวทางนี้จึงเสื่อมความนิยมและถูก “แช่แข็ง” ไปในปี 1970 ตลอด หลายสิบปีหลังจากนั้น Neural Networks ได้รับความสนใจเป็นพักๆ ก่อนจะแทบถูกลืมเลือนไป สิ่งที่ท�าให้ Neural Networks ฟื้นคืนชีพ และจุดประกายความ รุ่งเรืองของ AI ในปัจจุบันขึ้นมา คือการเปลี่ยนแปลงของปัจจัย 2 ข้อ ที่ถูกป้อนให้NeuralNetworksร่วมกับการค้นพบครั้งใหญ่อีกหนึ่งอย่าง โดยปัจจัย 2 ข้อแรกที่ว่าคือ ข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูลยิ่งข้อมูลมากมันยิ่งฉลาดขึ้นและ ยิ่งถ้าตัวคอมพิวเตอร์รวดเร็วมันยิ่งประมวลผลข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง ทั้งข้อมูลและความเร็วของคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีมากมายในช่วง ปี1950แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วปัจจุบันสมาร์ทโฟนของคุณมีพลัง
  • 27. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 27 ประมวลผลที่เหนือกว่าคอมพิวเตอร์ล�้ายุคที่นาซาใช้ส่งนีลอาร์มสตรอง ขึ้นไปเดินบนดวงจันทร์เมื่อปี 1969 เสียอีก ในอีกด้านอินเทอร์เน็ตได้สร้างข้อมูลดิจิทัลทุกชนิดทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ คลิก การซื้อสินค้า ทวีต และอื่นๆ ซึ่งเมื่อน�าทั้งหมดนั้น มารวมกัน เราก็จะมีข้อมูลที่หลากหลายส�าหรับสอน AI อีกทั้งยังมี คอมพิวเตอร์คุณภาพสูงราคาถูกจ�านวนมากไว้ประมวลผล แต่นั่นยังไม่เพียงพอครับ เพราะ Neural Networks ในอดีตมี ความสามารถที่จ�ากัดมากค�าตอบที่แม่นย�าส�าหรับปัญหาที่ซับซ้อนต้อง อาศัยเซลล์สมองประดิษฐ์หลายต่อหลายชั้นแต่นักวิจัยยังไม่รู้วิธีสร้าง เครือข่าย Neural Networks ที่ซับซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งกลางช่วงปี 2000 เจฟฟรีย์ ฮินตัน ได้ค้นพบเทคนิค สร้าง Neural Networks ที่ซับซ้อนและทรงพลัง เขาเรียกเทคนิคใหม่นี้ ว่า “ดีพเลิร์นนิ่ง” มันเป็น AI รุ่นใหม่ที่เก่งกว่าเดิมหลายเท่า มันเรียนรู้ ค�าพูดได้ มันแยกแยะภาพวัตถุออกมันฉลาดเหลือเชื่อในแทบทุกด้าน ที่เอาไปใช้ หลังจากหลบอยู่ในมุมมืดของการวิจัย AI อยู่นานหลายสิบปี NeuralNetworksในรูปของดีพเลิร์นนิ่งก็ได้รับความสนใจในชั่วข้ามคืน การพลิกโฉมครั้งนี้ได้น�าAIออกจากยุคน�้าแข็งและเป็นการน�าพลังAI มาใช้ในโลกจริงได้เป็นครั้งแรก นักวิจัย นักอนาคต และซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีเริ่มพูดถึง ความเป็นไปได้มหาศาลของศาสตร์นี้ส�าหรับการถอดรหัสค�าพูดมนุษย์ แปลเอกสารแยกแยะรูปภาพท�านายพฤติกรรมผู้บริโภคตรวจจับการ
  • 28. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 28 ปลอมแปลงตัดสินใจปล่อยกู้ท�าให้หุ่นยนต์“มองเห็น”หรือแม้แต่ขับรถ ผู้คนตื่นเต้นกับดีพเลิร์นนิ่ง เพราะมันสามารถน�าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจ�าวันได้มากมายนั่นคือเหตุผลที่กูเกิลและเฟซบุ๊กเร่งรีบคว้า ตัวผู้เชี่ยวชาญดีพเลิร์นนิ่งที่มีอยู่หยิบมือมาอยู่กับตนด้วยค่าจ้างหลาย ล้านดอลลาร์ เพื่อมาท�าโครงการวิจัยสุดท้าทาย ในปี 2013 กูเกิลซื้อสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยเจฟฟรีย์ ฮินตัน และ ปีต่อมาก็ซื้อสตาร์ทอัพสัญชาติอังกฤษชื่อ ดีพมายด์ (ที่เป็นผู้สร้าง AlphaGo ในภายหลัง) ด้วยเงินมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ สิ่งที่ได้ จากโครงการเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นแก่ผู้ติดตามและเป็นข่าวพาดหัว อยู่ตลอดเวลามันเปลี่ยนวัฒนธรรมแห่งยุคสมัยและท�าให้เราสัมผัส ได้ถึงยุคใหม่ที่ใกล้เข้ามา อันเป็นยุคที่ AI จะส่งเสริมมนุษย์ ...หรือ ทดแทนมนุษย์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
  • 29. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 29 ผู้น�าที่แท้จริงในด้าน AI แล้วจีนมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างไร?เรื่องราวการถือก�าเนิดของดีพเลิร์นนิ่ง เกิดขึ้นในอเมริกา แคนาดา และอังกฤษเกือบทั้งหมด นอกนั้นก็มี นักธุรกิจและนักลงทุนจีนกลุ่มเล็กๆ อย่างผม แต่ชุมชนเทคโนโลยีจีน ส่วนใหญ่ไม่ได้ตื่นตัวกับการปฏิวัติดีพเลิร์นนิ่งจนกระทั่งเกิดช่วงเวลา สปุตนิกในปี 2016 มหาวิทยาลัยและบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันได้ประโยชน์จากการที่ อเมริกาสามารถดึงดูดคนเก่งๆจากทั่วโลกมาท�างานมานานหลายสิบปี แล้วความก้าวหน้าในด้านAIก็ไม่ต่างกันอเมริกาตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะ เป็นผู้น�าในเรื่องนี้ ซึ่งคงไม่หนีไปไหน เพราะอเมริกามีทั้งเหล่านักวิจัย หัวกะทิ ความพร้อมเรื่องเงินทุน วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร และบริษัท เทคโนโลยียักษ์ใหญ่คอยสนับสนุน ในสายตาของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เทคโนโลยีจีนคงจะเล่น บทบาทเดิมในโลก AI เหมือนที่เคยท�ามาหลายสิบปีที่ผ่านมา นั่นคือ เป็นนักก๊อปปี้ที่ไล่ตามหลังความทันสมัยของตะวันตก ผมจะเล่าในบทต่อๆไปว่านักวิเคราะห์เหล่านั้นคิดผิดพวกเขาคาดการณ์ บนความเชื่อที่ล้าสมัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยีของจีน รวมถึงเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังที่ผลักดันการปฏิวัติ AI ที่ก�าลังด�าเนินอยู่ โลกตะวันตกอาจจุดประกายดีพเลิร์นนิ่งขึ้นมาแต่จีนจะได้รับประโยชน์ จากไฟที่ลุกโชนนี้มากที่สุด เหตุผลเกิดจาก 2 สิ่ง คือ
  • 30. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 30 การเปลี่ยนจากยุคทฤษฎีเป็นยุคแห่งการประยุกต์ใช้ จุดจบของ“ยุคแห่งผู้เชี่ยวชาญ”มาเข้าสู่ยุคสมัยของ ข้อมูล ต้นตอของความเชื่อผิดๆ ว่าอเมริกายังได้เปรียบด้าน AI คือ หลายคนยังคิดว่าเราอยู่ในยุคทฤษฎี(ข้อ1)ซึ่งต้องการนักวิจัยอัจฉริยะ มาไขปริศนาลี้ลับสื่อต่างๆชอบประโคมข่าวความสามารถล่าสุดของAI อย่างไม่ขาดสายเช่นAIวินิจฉัยมะเร็งได้เก่งกว่าหมอ,AIเล่นโป๊กเกอร์ ชนะเซียนไพ่จอมบลั๊ฟ,AIเรียนรู้เองได้โดยมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว ฯลฯ ด้วยข่าวดังท�านองนี้ ผู้เสพข่าวทั่วไป หรือแม้แต่นักวิเคราะห์ ที่มีประสบการณ์ จึงยังคงเชื่อว่าเราก�าลังค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่ส�าคัญๆ ใน การวิจัย AI อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เลย ความส�าเร็จที่เป็นข่าวพวกนั้น เป็นแค่การ ประยุกต์ใช้การค้นพบที่ส�าคัญเมื่อสิบปีก่อน (ดีพเลิร์นนิ่ง) กับ ปัญหาใหม่ๆ เท่านั้นเอง จริงอยู่คุณต้องใช้คนจบปริญญาเอกที่เก่งเลข มาวิเคราะห์ข้อมูล แต่มันก็เท่านั้น มันไม่ใช่การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ อีกแล้ว มันคือการประยุกต์ใช้ทฤษฎีกับปัญหาต่างๆ ในโลกจริงต่างหาก
  • 31. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 31 ยุคแห่งการประยุกต์ใช้ โลกของเราก�าลังจะเข้าสู่การประยุกต์ใช้ AI ชนิดดีพเลิร์นนิ่งตั้งแต่ วินิจฉัยโรคเลือกประกันให้ลูกค้าขับรถไปจนถึงแปลประโยคภาษาจีน เป็นอังกฤษที่อ่านเข้าใจได้ มันไม่ใช่การคิดค้น “สุดยอด AI อัจฉริยะ” หรือการพลิกโฉมวงการในระดับเดียวกับดีพเลิร์นนิ่ง ยุคนี้คือยุคแห่งการประยุกต์ใช้และบริษัทที่ท�าเงินในยุคนี้จ�าเป็น ต้องมีผู้ประกอบการ วิศวกร และผู้จัดการที่มีความสามารถ แอนดรูว์ อึ้ง ผู้บุกเบิกดีพเลิร์นนิ่ง เคยเปรียบเทียบ AI กับการ ประยุกต์ใช้ไฟฟ้าของโธมัสเอดิสันว่ามันคือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลก ครั้งใหญ่ และปฏิวัติวงการธุรกิจต่างๆ อีกเป็นสิบ เช่นเดียวกับที่คนในศตวรรษที่ 19 เริ่มประยุกต์ใช้ไฟฟ้ากับ การท�าอาหาร การสร้างแสงสว่างในห้อง และการเป็นพลังขับเคลื่อน เครื่องจักรอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ AI ในปัจจุบันก็เดินตามรอย เดียวกันโดยใช้ดีพเลิร์นนิ่ง ยุคของงานวิจัย AI ที่ยากและจับต้อง ไม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้ก็ได้เวลาที่นักธุรกิจหัวใสจะลงมือ เปลี่ยนสูตรเลขยากๆ ให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน แต่นั่นไม่ได้ลดทอนความตื่นเต้นกับ AI ในปัจจุบันลงเลย การ ประยุกต์ใช้คือการท�าให้ความก้าวหน้าทางวิชาการมีความหมายขึ้นมา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตประจ�าวันของพวกเราไปอย่างถาวร ยุค แห่งการประยุกต์ใช้จะท�าให้เราได้เห็นคุณค่าจริงของ AI หลังการวิจัย หลายสิบปี นี่คือสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาตลอดชีวิต
  • 32. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 32 โลกได้เปลี่ยนจากยุคแห่งทฤษฎีเป็นยุคแห่งการประยุกต์ใช้แล้ว นี่คือหัวใจส�าคัญของการเข้าใจว่าAIจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปอย่างไร และใครหรือประเทศไหนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนความก้าวหน้าที่ส�าคัญ ในยุคแห่งทฤษฎี ความก้าวหน้าถูกผลักดันโดยอัจฉริยะกลุ่ม เล็กๆ เท่านั้น ซึ่งทุกคนอยู่ในอเมริกาหรือไม่ก็แคนาดา พวกเขาใช้ สติปัญญาที่ลึกล�้าสร้างนวัตกรรมทางปัญญาที่เพิ่มพูนศักยภาพให้กับ คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วและรุนแรง นับตั้งแต่มีดีพเลิร์นนิ่งเกิดขึ้น เป็นต้นมา ก็ไม่มีกลุ่มนักวิจัยหรือวิศวกรกลุ่มใดที่สร้างนวัตกรรมใน ระดับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นอีกเลย ยุคสมัยแห่งข้อมูล มาถึงการเปลี่ยนแปลงที่ส�าคัญอย่างที่สองนั่นคือการเปลี่ยนจากยุคของ ผู้เชี่ยวชาญมาเป็นยุคของข้อมูลโดยAIที่จะประสบความส�าเร็จในทุก วันนี้ต้องอาศัย 3 สิ่ง ข้อมูลจ�านวนมหาศาล คอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว วิศวกรที่เก่งแต่ไม่ต้องถึงขั้นอัจฉริยะ
  • 33. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 33 การน�าพลังของดีพเลิร์นนิ่งมาแก้ปัญหาใหม่ๆ จ�าเป็นต้องใช้ ทั้ง 3 สิ่ง แต่ข้อมูลคือแกนหลัก เพราะเมื่อคอมพิวเตอร์และวิศวกรดี พอใช้ได้ระดับหนึ่ง ปริมาณข้อมูลจะเป็นตัวตัดสินประสิทธิภาพและ ความแม่นย�าโดยรวมของตัว AI ไม่มีค�าว่าข้อมูลมากเกินไปส�าหรับดีพเลิร์นนิ่ง ยิ่งมากยิ่งดี มันจะยิ่งช่วยให้ AI เก่งกาจและแม่นย�าขึ้น ขอแค่มีข้อมูลมหาศาล วิศวกรระดับกลางๆก็สร้างAIที่ดีกว่าอัจฉริยะระดับโลกได้การที่คุณมี ผู้เชี่ยวชาญชั้นน�าอยู่ในมือไม่ใช่สิ่งส�าคัญอีกต่อไปแล้ว นักวิจัย AI อัจฉริยะยังคงมีศักยภาพในการยกระดับวงการต่อ ไปอีกขั้นแต่ความก้าวหน้าในระดับนั้นจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้งในรอบหลาย สิบปีซึ่งในระหว่างรอปรากฎการณ์อันยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ดีพเลิร์นนิ่งก็จะ ส่งผลเปลี่ยนแปลงธุรกิจนับไม่ถ้วนทั่วโลก ด้วยข้อมูลที่มากขึ้นเรื่อยๆ กลับเป็นจีนที่เหนือกว่า เมื่อ100ปีก่อนการน�าไฟฟ้าที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่มาใช้ต้องอาศัยปัจจัย 4 ประการ น�้ามันหรือถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้า นักธุรกิจที่กล้าลุย
  • 34. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 34 วิศวกรไฟฟ้า รัฐบาลที่คอยสนับสนุน ตอนนี้การใช้ AI หรือ “ไฟฟ้าแห่งศตวรรษที่ 21” ก็ต้องอาศัย ปัจจัย 4 ประการเช่นกัน ข้อมูลมหาศาล นักธุรกิจที่กล้าลุย วิศวกรซอฟต์แวร์ รัฐบาลที่คอยสนับสนุน ซึ่งเมื่อดูจุดแข็งในปัจจัยทั้งสี่ดังกล่าวของจีนและอเมริกา เราก็ ท�านายถึงสมดุลแห่งอ�านาจที่ก�าลังจะเกิดขึ้นในโลกใหม่ได้ การเปลี่ยนแปลงทั้งสองด้านที่เราคุยกันไปท�าให้ความได้เปรียบเอนเอียง ไปทางจีน เพราะมันทั้งช่วยกลบจุดอ่อนและเสริมจุดแข็งให้จีน การที่ยุคสมัยของ AI เปลี่ยนจากทฤษฎีเป็นการประยุกต์ใช้ ช่วยปิดจุดอ่อนที่คนจีนมักไม่คิดตั้งค�าถามวิจัยนอกกรอบและผลักดัน “นักธุรกิจข้างถนน”ที่เป็นจุดแข็งของจีนให้ขึ้นมาสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้การที่โลกเปลี่ยนจากยุคผู้เชี่ยวชาญเป็นยุคของข้อมูลท�าให้ จีนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีนักวิจัยหัวกะทิระดับโลก และยังช่วยเสริม น�้าหนักสิ่งที่จีนมีอยู่เหลือล้น นั่นคือ “ข้อมูล” ธุรกิจสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์ได้ชื่อว่าเป็นพวกท�างานหนัก ติดอันดับของอเมริกา พวกเขาคือผู้ก่อตั้งบริษัทรุ่นหนุ่มสาวที่มีความ
  • 35. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 35 หลงใหล ท�างานโต้รุ่งเพื่อเข็นผลิตภัณฑ์ออกมา จากนั้นก็พัฒนา ผลิตภัณฑ์นั้นไม่หยุด แล้วก็ยังคงมองหาโอกาสทองครั้งต่อไป จริงอยู่ที่คนที่นั่นท�างานหนัก แต่จากที่ผมเคยใช้เวลาหลายสิบ ปีอยู่ทั้งในซิลิคอนวัลเลย์และจีนท�างานกับแอปเปิลไมโครซอฟท์และ กูเกิล ก่อนจะมาลงทุนในสตาร์ทอัพจีนหลายสิบแห่ง ผมว่าคนใน ซิลิคอนวัลเลย์ดูจะเป็นคนขี้เกียจเมื่อเทียบกับที่จีน นักธุรกิจอินเทอร์เน็ตของจีนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ล้วนไม่ธรรมดา พวกเขาอยู่ภายใต้บรรยากาศการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดในโลก มันคือ สมรภูมิที่ความเร็วคือหัวใจการก๊อปปี้คือเรื่องปกติและคู่แข่งตามไล่ล่า คุณไม่ปล่อย ทุกวันในสตาร์ทอัพของจีนคือการลุยไฟพิสูจน์ตัวเอง เหมือน นักรบกลาดิเอเตอร์ในสนามประลองการต่อสู้นั้นมีชีวิตเป็นเดิมพันและ คู่ต่อสู้ของคุณไม่มีค�าว่าจริยธรรมในหัวใจ ทางเดียวที่จะอยู่รอดในการห�้าหั่นดังกล่าว คือการพัฒนาธุรกิจ อย่างต่อเนื่อง สร้างนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนไอเดีย และสร้างปราการ ป้องกันบริษัทของคุณ ถ้าข้อได้เปรียบอย่างเดียวของคุณคือไอเดีย พริบตาเดียวไอเดียนั้นก็จะถูกลอก พนักงานของคุณจะถูกคู่แข่งซื้อตัว และคุณจะถูกเขี่ยทิ้งออกจากธุรกิจโดยคู่แข่งที่มีเงินทุนเหนือกว่า บรรยากาศที่ดุเดือดเลือดพล่านเช่นนี้ตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับ ซิลิคอนวัลเลย์ ที่การลอกเลียนแบบเป็นเรื่องน่าอาย และหลายบริษัท อยู่ได้ด้วยไอเดียเดียวที่คิดขึ้นได้โดยบังเอิญ สภาพที่ไร้คู่แข่งท�าให้ พวกเขานิ่งนอนใจ ผู้ประกอบการจึงไม่คิดปรับปรุงธุรกิจ หรือต่อยอด
  • 36. AI SUPERPOWERS จีน อ กา หาอานาจ งน า อนา 36 จากไอเดียดั้งเดิมของตน ตลาดที่สับสนวุ่นวายกับกลวิธีสกปรกในยุค “จอมเลียนแบบ” ของจีนก่อให้เกิดบริษัทที่น่ากังขา แต่มันก็ได้บ่มเพาะนักธุรกิจที่ว่องไว เฉลียวฉลาด และท�างานหนักที่สุดในโลก พวกเขาเหล่านี้จะกลายมา เป็นอาวุธลับที่ช่วยให้จีนเป็นประเทศแรกที่ท�าเงินได้ในยุคสมัยแห่ง การประยุกต์ใช้ AI นักธุรกิจเหล่านี้จะเข้าถึง“ทรัพยากร”ของโลกเทคโนโลยีจีนนั่นคือ ข้อมูลมหาศาลจีนแซงหน้าอเมริกาไปแล้วในฐานะผู้ผลิตข้อมูลอันดับหนึ่ง ของโลก และไม่ใช่แค่ปริมาณนะครับ จีนยังมีรูปแบบเทคโนโลยีที่ ไม่เหมือนใคร (เหมือนอีกโลกหนึ่งที่มีสินค้าและบริการซึ่งที่อื่นในโลก ไม่มี) ท�าให้ข้อมูลถูกออกแบบมาไว้เพื่อให้บรรดาบริษัท AI ได้น�าไป หาเงินโดยเฉพาะ ถ้าเป็นไม่กี่ปีก่อนการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของบริษัทอินเทอร์เน็ต จีนกับอเมริกาโดยตรงถือเป็นเรื่องปกติแล้วอเมริกาก็จะน�าหน้าจีนเล็ก น้อย แต่พอถึงประมาณปี 2013 อินเทอร์เน็ตของจีนก็เริ่มมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง คือแทนที่จะเดินตามรอยหรือก๊อปปี้บริษัท อเมริกันดื้อๆ บรรดานักธุรกิจจีนกลับเริ่มสร้างสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน ซิลิคอนวัลเลย์ นักวิเคราะห์ที่พูดถึงจีนมักยกชื่อบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์เวลา อธิบายถึงบริษัทจีน อย่าง “เฟซบุ๊กของประเทศจีน” หรือ “ทวิตเตอร์
  • 37. บทที่ 1 จีนทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศ 37 ของประเทศจีน” เป็นต้น แต่มาในปีหลังๆ นี้ ค�าท�านองนั้นเริ่มใช้ไม่ได้ ในหลายกรณีอินเทอร์เน็ตของจีนได้แปรเปลี่ยนไปเป็นอีกจักรวาลหนึ่ง เรียบร้อยแล้ว คนในเขตเมืองของจีนเริ่มจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจ�าวันโดยใช้ QR Code ในโทรศัพท์มือถือ นี่คือการปฏิวัติวิธีช�าระเงินด้วยโทรศัพท์ มือถือแห่งเดียวในโลก เมืองต่างๆ ของจีนมีกองทัพคนส่งอาหารและ พนักงานนวดตามสั่งขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้าอยู่เต็มท้องถนน คนเหล่านี้มาจากกระแสสตาร์ทอัพ“ออนไลน์สู่ออฟไลน์”(O2O) ที่น�าความสะดวกสบายของอีคอมเมิร์ซมาใช้กับบริการในโลกจริงอย่าง การขายอาหารหรือการเสริมสวยจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยจักรยาน ให้เช่าสีสันสดใสนับล้านๆ คัน ที่ผู้ใช้สามารถจอดหรือน�าไปใช้ได้ทุกที่ ขอแค่สแกน QR Code จากโทรศัพท์มือถือของพวกเขาเท่านั้น ผู้ครองโลกที่เปลี่ยนไป การพัฒนาอันทรงพลังที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ก�าลังดึงสมดุลอ�านาจให้เอนเอียง ไปทางจีน แต่นั่นยังไม่พอ รัฐบาลจีนยังท�าทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดความ ได้เปรียบยิ่งขึ้นไปอีกรัฐบาลจีนต้องการเป็นมหาอ�านาจด้านAIพวกเขา จึงสนับสนุนและให้ทุนเพื่อวิจัย AI อย่างกว้างขวาง และที่ส�าคัญที่สุด คือ มันจะถูกใช้เป็นแนวทางให้รัฐบาลท้องถิ่นทั่วจีนด�าเนินตาม