More Related Content
Similar to การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
Similar to การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น (20)
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
- 1. 1
ชื่อโครงงาน การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ผู้จัดทาโครงงาน นาย จตุรภัทร ไชยโย รหัสนิสิต 54540032
ชื่อที่ปรึกษา ดร. ภูเบศ เลื่อมใส
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557
บทที่1 บทนา
ที่มาและความสาคัญ
การจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพนั้น ปัจจัยสาคัญประการหนึ่งคือ การนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ใน
การศึกษา ทาให้สามารถช่วยถ่ายทอดแนวคิด ข้อเท็จจริง ทักษะ เจตคติ ความซาบซึ้ง ทาให้ผู้ศึกษามองเห็น
คุณค่าในเนื้อหาที่สอน และทาให้เกิดความเข้าใจในความรู้ที่ถ่ายทอด ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทา
ให้วิธีการถ่ายทอดความรู้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นการศึกษา ในปัจจุบันจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง
นาเทคโนโลยีทางการศึกษาเข้ามาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ศึกษามีความเข้าใจในเนื้อหาวิชาการมากขึ้น และช่วยอานวย
ความสะดวกให้กับผู้ศึกษา ในการที่จะอธิบายหรือยกตัวอย่างให้ผู้ศึกษาได้มองภาพพจน์ได้อย่างใกล้เคียงกับ
ความเป็นจริงมากที่สุด
เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ตระหนักรู้ในเรื่องทักษะการใช้โปรแกรมAdobe Audition เบื้องต้นโปรแกรมนี้เป็น
โปรแกรมที่ถูกพัฒนาให้นามาใช้งานในด้านของเสียง หรือออดิโอ อาทิเช่น การอัดเสียง การตัดต่อเสียง การ
แก้ไขเสียง เพิ่มเสียงหนัก เสียงเบา หรือเอฟเฟคต่างๆ เยอะแยะมากมายในการใช้งานซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรม
พื้นฐานที่นิยมใช้ในการทางานทั่วไป ผู้จัดทาได้เห็นถึงประโยชน์ของ โปรแกรม Adobe Audition จึงได้จัดทา
วีดิทัศน์เรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้นขึ้น ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่จะทาให้ผู้ศึกษาได้รู้จักโปรแกรม
Adobe Audition และวิธีใช้ที่ถูกต้อง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
2. เพื่อให้ได้เทคนิคในการผลิตสื่อวิดิทัศน์
- 2. 2
ขอบเขตของการศึกษา
1.การจัดทาโครงงานเทคโนโลยีทางการศึกษาพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Audition
เบื้องต้น
2.โปรแกรมที่ใช้คือพัฒนา คือ โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
หลักการและทฤษฏี
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ในครั้งนี้ ผู้จัดทาได้ยึดหลักการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
แบบซิปปาหรือหลักซิปปา (CIPPA) เป็นหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากแนวคิดหลัก 5 แนวคิด ได้แก่
แนวคิดการสรรค์สร้างความรู้ (Constructivism) แนวคิดเรื่องกระบวนการกลุ่ม และการเรียนรู้แบบร่วมมือ
(Group Process and Cooperative Learning) แนวคิดเกี่ยวกับความพร้อมในการเรียนรู้ (Learning Readiness)
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้กระบวนการ (Process Learning) แนวคิดเกี่ยวกับการถ่ายโอนการเรียนรู้ (Transfer
of Learning)
หลักการสอนของซิปปา (CIPPA) จะประกอบไปด้วย
C มาจากคาว่า Construction of knowledge คือ หลักการสร้างความรู้ หมายถึง การให้ผู้เรียนสร้าง
ความรู้ตามแนวคิดของ Constructivism ซึ่งเชื่อว่าการเรียนรู้เป็นประสบการณ์เฉพาะตนในการสร้าง
ความหมายของสิ่งที่เรียนรู้ด้วยตนเอง กล่าวคือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนมี
โอกาสสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง ทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้ที่มีความหมายต่อตนเอง ซึ่งการ
ที่ผู้เรียนมีโอกาสได้สร้างความรู้ด้วยตนเองนี้เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมทางสติปัญญา
I มาจากคาว่า Interaction หลักการปฏิสัมพันธ์ หมายถึง การให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือ
สิ่งแวดล้อมรอบตัว ทฤษฎี Constructivism และ Cooperative Learning เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการทาง
สังคมที่บุคคลจะต้องอาศัยและพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกัน
กล่าวคือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับบุคคล และแหล่ง
ความรู้ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมทางสังคม
P มาจากคาว่า Process Learning หลักการเรียนรู้กระบวนการ หมายถึง การเรียนรู้กระบวนการต่าง ๆ
เพราะทักษะกระบวนการเป็นเครื่องมือสาคัญในการเรียนรู้ ซึ่งมีความสาคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสาระ (Content)
ของการเรียนรู้ กล่าวคือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการต่างๆ เช่น
กระบวนการคิด กระบวนการทางาน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม
ฯลฯ ซึ่งเป็นทักษะที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต และเป็นสิ่งที่ผู้เรียนจาเป็นต้องใช้ตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นการช่วย
ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมทางด้านสติปัญญาอีกทางหนึ่ง
P มาจากคาว่า Physical participation / Involvement หลักการมีส่วนร่วมทางร่างกาย หมายถึง การให้
ผู้เรียนมีโอกาสได้เคลื่อนไหวร่างกาย โดยการทากิจกรรมในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้เรียนมีส่วน
ร่วมทางกาย กล่าวคือ การเรียนรู้ต้องอาศัยการเรียนรู้การเคลื่อนไหวทางกายจะช่วยให้ประสาทการรับรู้
- 3. 3
"active" และรับรู้ได้ดี ดังนั้นในการสอนจึงจาเป็นต้องมีกิจกรรมให้ผู้เรียนต้องเคลื่อนไหวที่หลากหลาย และ
เหมาะสมกับวัยและความสนใจของผู้เรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการรับรู้และเรียนรู้
A มาจากคาว่า Application หลักการประยุกต์ใช้ความรู้ หมายถึง การนาความรู้ไปประยุกต์ใช้
กล่าวคือ การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงหรือการปฏิบัติจริง จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเรียน ทา
ให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ และเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งขึ้น กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีแต่เพียงการสอน
เนื้อหาสาระให้ผู้เรียนเข้าใจ โดยขาดกิจกรรมการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ จะทาให้ผู้เรียนขาดการเชื่อมโยง
ระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติ ซึ่งจะทาให้การเรียนรู้ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร การจัดกิจกรรมที่ช่วยให้ผู้เรียน
สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้นี้ เท่ากับเป็นการช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ในด้านใด
ด้านหนึ่งหรือหลายๆ ด้านแล้วแต่ลักษณะของสาระและกิจกรรมที่จัด นอกจากนี้ การนาความรู้ไปใช้เป็น
ประโยชน์ในการดารงชีวิต เป็นเป้าหมายสาคัญของการจัดการศึกษาและการเรียนการสอน (ทิศนา แขมมณี.
2545)
จากแนวคิดของ CIPPA นี้ผู้จัดทาได้นาแนวคิดมาประยุกต์ใช้ในการผลิตสื่อวีดิทัศน์ เรื่องการใช้
โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้นขึ้น การใช้สื่อการเรียนการศึกษาในครั้งนี้ ผู้ศึกษาสามารถเรียนรู้ทุกที่ทุก
เวลา และผู้เรียนสามารถนาความรู้ที่ได้จากวีดิทัศน์เพื่อการศึกษานี้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
วิธีดาเนินการ
ก่อนจะทาการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ เรื่องการใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้นผู้จัดทาได้ศึกษา
รูปแบบและขั้นตอนของการพัฒนาสื่อ ดังนี้
1. ขั้นตอนการวิเคราะห์ (Analysis)
ขั้นระดมสมองการวิเคราะห์เนื้อหา ความถูกต้องของทฤษฎี หลักการ และเหตุผล
2. ขั้นออกแบบบทเรียน (Design)
กาหนดกลวิธีการนาเสนอและวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม โดยเริ่มจากนาแผนภูมิโครงข่าย
เนื้อหามาพิจารณากลุ่มหัวเรื่องที่สามารถจัดไว้ในหน่วยการเรียนเดียวกันสร้างแผนภูมิการนาเสนอในแต่ละ
หน่วยซึ่งนับว่าเป็นการออกแบบการจะต้องออกแบบลาดับการนาเสนอเนื้อหาบทเรียนตามหลักการสอนจริง
3. ขั้นพัฒนาบทเรียน (Development)
เขียนรายละเอียดเนื้อหาตามรูปแบบที่ได้กาหนดโดยเขียนเป็นกรอบ ๆ จะต้องเขียนไปตามที่
ได้ออกแบบไว้กาหนด ข้อความ ภาพ เสียง สี ฯลฯ และการกาหนดปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ไว้ให้สมบูรณ์
จัดทาลาดับเนื้อหาเป็นการนาเอากรอบเนื้อหาหรือที่เขียนเป็น Script ไว้มาเรียบเรียงลาดับการนาเสนอที่ได้
วางแผนไว้ซึ่งจะยังเป็นเอกสารสิ่งพิมพ์อยู่ การลาดับกรอบนี้นับว่าสาคัญมากแล้วนาเนื้อหาที่ยังเป็นสิ่งพิมพ์นี้
มาตรวจสอบหาค่าความถูกต้องจะเป็นการเขียนตารางใหม่ทั้งเรื่อง ควรอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้น ๆ เป็นผู้
ตรวจสอบให้ จากนั้นนาเนื้อหาไปทดลองหาค่า ContentValidityและ Reader Reliability โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง
- 4. 4
เป้าหมายมาทดสอบด้วย แล้วปรับปรุงให้สมบูรณ์ และนาไปสร้างแบบทดสอบส่วนต่าง ๆ ต้องนามาหาค่า
ความยากง่าย อานาจจาแนก ความเที่ยง และความเชื่อมั่นทุกแบบทดสอบ และต้องปรับปรุงให้สมบูรณ์
4. ขั้นการนาเสนอบทเรียนบนคอมพิวเตอร์(Implementation)
เลือก Software หรือโปรแกรมสาเร็จรูปที่เหมาะสมและสามารถสนองตอบต่อความต้องการ
ที่กาหนดไว้เป็นตัวจัดการเสนอบทเรียนบนคอมพิวเตอร์จัดเตรียมรูปภาพ เสียง หรือการถ่ายวิดีโอหรือภาพนิ่ง
หรือ Caption ไว้ให้พร้อมที่จะใช้งาน โดยสร้างเป็นแฟ้ม นาCourseware เข้าในโปรแกรมด้วยความประณีต
และด้วยทักษะที่ดี
5. ขั้นประเมินผล (Evaluation )
ตรวจสอบคุณภาพของ Package ทาการทดลองการดาเนินการทดสอบหาประสิทธิภาพ ด้วย
กลุ่มตัวอย่างเป้ าหมาย ทาการปรับปรุง และนาผลมากาหนดกลวิธีการหาประสิทธิภาพจริงต่อไป จัดทาคู่มือ
การใช้ โดยในคู่มือการใช้ควรประกอบไปด้วยหัวเรื่องดังนี้ บทนา อุปกรณ์ที่ใช้เรียน การกาหนดหน้าจอ
คอมพิวเตอร์ก่อนเข้าบทเรียน เป้ าหมายของบทเรียน ข้อมูลเสริมที่สาคัญ
เครื่องมือที่ใช้
1.คอมพิวเตอร์
2.เครื่องบันทึกเสียง
งบประมาณ
ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
สถานที่ดาเนินการ
มหาวิทยาลัย บูรพา
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้สื่อวีดิทัศน์ เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
2. ได้เทคนิคในการผลิตสื่อวิดิทัศน์
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- 5. 5
การจัดทาโครงงานเทคโนโลยีทางการศึกษา เพื่อพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe
Audition เบื้องต้น นี้ ผู้จัดทาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1 ความสาคัญของเทคโนโลยี
2 โปรแกรมที่ใช้ในการดาเนินงาน
1 ความสาคัญของเทคโนโลยี
เทคโนโลยี (Technology) คือ การใช้ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ความรู้ ระเบียบวิธี
กระบวนการตลอดจน ผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์และวิธีการ มาประยุกต์ใช้ในระบบงานเพื่อช่วย
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทางานให้ดียิ่ง ขึ้นและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้มีมาก
ยิ่งขึ้น
การนาเทคโนโลยีมาใช้กับงานในสาขาใดสาขาหนึ่งนั้นเทคโนโลยี มีความสาคัญ 3 ประการ คือ
1.ประสิทธิภาพ (Efficiency) เทคโนโลยีจะช่วยให้การทางานบรรลุผลตามเป้ าหมายได้เที่ยงตรงและ
รวดเร็ว
2.ประสิทธิผล (Productivity) เกิดผลผลิตเต็มที่ ได้ประสิทธิผลสูงสุด
3.ประหยัด (Economy) ประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก
ความสาคัญของเทคโนโลยี
1.เป็นพื้นฐานปัจจัยจาเป็นในการดาเนินชีวิตของมนุษย์
- 6. 6
2.เป็นปัจจัยหลักที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนา
3.เป็นเรื่องราวของมนุษย์และธรรมชาติ
ในช่วงสองทศวรรษทีผ่านมา วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ได้มีบทบาทสาคัญเพิ่มขึ้นจนสามารถสร้าง
นวัตกรรม (Innovation) ซึงก็คือ การเรียนรู้ การผลิตและ การใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ ให้เกิดผลทั้งทาง
เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เทคโนโลยีทาให้สังคมโลกทีเ รียบง่าย กลายเป็นสังคม
ที่มีการดารงชีวิตที สลับซับซ้อนมากขึ้น ก่อให้เกิดกระแสแห่งความไร้พรมแดน หรือกระแสโลกาภิวัฒน์ ทีเข้า
มาสู่ทุกประเทศอย่าง รวดเร็ว จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ อันเป็นการผสมผสาน 4 ศาสตร์
เข้าด้วยกันได้แก่ อิเล็อทรอ นิกส์ โทรคมนาคม และข่าวสาร (Electronics , Computer ,Telecomunication and
Information หรือเรียกย่อๆ ว่า ECTI ) ทาให้สังคมโลกสามารถสื่อสารกันได้ทุกแห่งทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
สามารถรับรู้ข่าวสาร ความเคลื อนไหวต่างๆ ได้พร้อมกัน สามารถบริหารจัดการและตัดสินใจได้ทุกขณะเวลา
การลงทุนค้าขาย และธุรกรรมการเงินทได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเทคโนโลยี กาลังทาให้โลกใบนี้ “เล็กลง” ทุก
ขณะ
วิวัฒนาการเทคโนโลยี (Evolution of Technolgy)
เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไปขั้นตอนการเปลี่ยนนแปลงขึ้นอยู่กับ
กระบวนการทางวิวัฒนาการ (Evolution) ของระบบหรือเครื่องมือนั้นๆ ดังนั้นคาว่าวิวัฒนาการของเทคโนโลยี
(Evolution of Technology) จึงหมายถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรือเครื่องมือที่เกิดขึ้นอย่าง
ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตามลาดับอย่างต่อเนื่องอันมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ
วิวัฒนาการสามารถแบ่งได้เป็น 5 ยุค
- ยุคหิน (Stone age)
- ยุคทองสัมฤทธิ์ ( Bronze age)
- ยุคเหล็ก (Iron age)
- ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)
- ยุคศตวรรษที่ 20 (The 20th Century)
ความสัมพันธ์ระหว่าง เทคโนโลยี กับ นวัตกรรม
- 7. 7
คาว่า นวัตกรรม เป็นคาที่ใช้ควบคู่กับ เทคโนโลยี เสมอๆ ในภาษาอังกฤษใช้คาว่า Innotech ความจริง
แล้ว นวัตกรรมและเทคโนโลยีนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเนื่องจากนวัตกรรมเป็นเรื่องของการคิดค้น
หรือการกระทาใหม่ ๆเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นซึ่งอาจจะอยู่ในขั้นของการเสนอความคิดหรือ
ในขั้นของการทดลองอยู่ก็ได้ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยของสังคม ส่วนเทคโนโลยีนั้นมุ่งไปที่การนาสิ่งต่าง ๆรวมทั้ง
วิธีการเข้ามาประยุกต์ใช้กับการทางาน หรือแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าหากพิจารณาว่านวัตกรรม
หรือสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นี้น่าจะนามาใช้ การนาเอานวัตกรรมเข้ามาใช้นี้ ก็จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีด้วย และในการ
ใช้เทคโนโลยีนี้ถ้าเราทาให้เกิดวิธีการหรือสิ่งใหม่ๆ ขึ้น สิ่งนั้นก็เรียกว่าเป็นนวัตกรรม เราจึงมักเห็นคา
นวัตกรรม และ เทคโนโลยี อยู่ควบคู่กันเสมอ
2 โปรแกรมที่ใช้ในการดาเนินงาน
การใช้โปรแกรม Adobe Audition (Audition ตัดต่อเสียง อัดเสียง) : โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมที่ถูก
พัฒนาให้นามาใช้งานในด้านของเสียง หรือออดิโอ อาทิเช่น การอัดเสียง การตัดต่อเสียง การแก้ไขเสียง เพิ่ม
เสียงหนัก เสียงเบา หรือเอฟเฟคต่างๆ เยอะแยะมากมายในการใช้งาน สาหรับโปรแกรมนี้มีนามว่า Adobe
Audition ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับ โปรแกรม Adobe Premiere Pro หรือ โปรแกรม Adobe After Effects จัด
อยู่ในหมวดของ Adobe Creative Cloud ที่ทาง Adobe ได้พัฒนาออกมาใหม่ และแตกต่างจาก โปรแกรมแต่ง
เพลง ตัวอื่น โปรแกรมตัดต่อเสียง Adobe Audition ตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษจะเห็นได้ว่า {โปรแกรมมิกซ์เพลง}
ตัวเก่าๆ จะทาได้แค่เพียงการตัดเสียง ต่อเสียง หรือการปรับเสียงดนตรีต่างๆ ภายในเพลงนั้นๆ อาทิเช่น เสียง
เบส เสียงกีต้าร์ เสียงคนร้อง หรือเสียงกลองเป็นต้น แต่โปรแกรมนี้สามารถทาได้มากกว่านั้น โดยการนาไฟล์
รูป หรือไฟล์วีดีโอเพื่อนามาประกอบในการมิกซ์เสียงได้ด้วย เรียกได้ว่าไม่มีโปรแกรมตัดต่อเสียงตัวใดทาได้
ละเอียดเท่าตัวนี้มาก่อน
การใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
- 8. 8
Adobe Audition เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ บันทึกเสียง( Rec) แก้ไข ( Edit) และการผสมเสียง
(Mix) เพื่อนาเสียงที่ผ่านกระบวนการไปใช้ตามวัตถุประสงค์
1. การเรียกใช้ โปรแกรม Adobe Audition สามรถเรียกใช้โปรแกรมได้จาก Short cut หน้า Desk top
ของคอมพิวเตอร์ได้เลย
1.1 Shot cut โปรแกรม Adobe Audition
เมื่อเรียกโปรแกรมขึ้นมา จะพบหน้าตาโปรแกรม ดังนี้
1.2 หน้าโปรแกรม Adobe Audition (Multitrack View)
ตัวโปรแกรมจะประกอบด้วยโหมดหลัก3โหมด คือ Edit View , Multitrack View , CD Project
View
- 10. 10
การบันทึกเสียงให้กดเครื่องหมายเริ่ม การบันทึกเสียงที่แถบเครื่องมือ
2.1.1 แถบเครื่องมือในโหมด Edit
เมื่อกดปุ่มบันทึกแล้วจะมี กล่องโต้ตอบเพื่อให้เลือก Sample Rate ให้เลือกไปที่ 48000 แล้วกด O.K.
โปรแกรมจะเริ่มทาการบันทึกเสียง เมื่อต้องการหยุดบันทึกให้กดปุ่ม หยุดที่แถบเครื่องมือ ในระหว่างการ
บันทึกให้สังเกตระดับเสียงที่แถบ Monitor Record ควรให้ระดับเสียงอยู่ที่ 0 db หรือใกล้เคียง 0 db ให้มาก
ที่สุด (ไม่ควรเกินเพราะจะทาให้เสียงที่บันทึกออกมาเป็นเสียงแตก)
2.12 การเลือก Sample Rate
- 11. 11
2.1.3 แสดงการทางานของโปรแกรมขณะทาการบันทึก
2.2 การ Save ไฟล์เสียงที่บันทึกแล้ว
หลังจากที่ทาการบันทึกเสียงเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องทาการ Save ไฟล์เสียงไว้เพื่อที่จะได้นาไฟล์เสียงที่ได้ไป
ใช้ตามวัตถุประสงค์ หรือเพื่อนาไปผสมเสียง (mix) ต่อไป
2.2.1 ขั้นตอนในการ Save ไฟล์เสียง
- ไปที่แถบคาสั่ง File เลือก Save หรือ Save as
- เลือกปลายทาง (1) - ตั้งชื่อไฟล์ (2) - เลือกชนิดของไฟล์ที่จะ Save (3) - กด O.K.
2.2.1 การ Save ไฟล์
- 12. 12
2.2.2 การ Set รายละเอียดไฟล์ก่อนการ Save
2.2.3 ขณะที่โปรแกรมทาการ Save ไฟล์
3. การนาเข้าไฟล์เสียง
- 13. 13
การนาเข้าไฟล์เสียง จะใช้ในกรณีที่ทาการเรียกไฟล์เสียงเก่าที่มีอยู่มาทาการแก้ไข ผสมเสียง หรือ
นาเข้าไฟล์เสียงจากแหล่งอื่นซึ่งเป็นไฟล์เสียงที่ไม่มีมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ไฟล์เสียงต่าง ๆ ที่นาเข้ามาต้อง
เป็นไฟล์เสียงที่มีนามสกุลเป็นที่ยอมรับของโปรแกรมด้วย เช่น .mp3 , .wav , .wma เป็นต้น ในที่นี้ ขอ
ยกตัวอย่างการนาเข้าไฟล์เสียง 2 แบบ คือ แบบเรียกนาเข้าจากในเครื่อง และ แบบนาเข้าเรียกจากแหล่งอื่น
3.1 การนาเข้าไฟล์เสียงแบบเรียกจากในเครื่อง
การเรียกเข้าแบบนี้จะใช้เรียกไฟล์ที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเอง ซึ่งสามารถทาได้ดังนี้
- เปิดโปรแกรมหน้า Edit View
- ไปที่ File เลือก Open หรือ Open as
- เลือกปลายทางที่อยู่ของไฟล์ที่จะนาเข้ามาใช้ เช่น drive C หรือ drive D (A)
- เลือกชื่อไฟล์ที่ต้องการ จากนั้นกด Open รอเครื่องทาการ Load ไฟล์จนเสร็จ ตัวอย่างดังรูปที่
3.1.1 , 3.1.2 , 3.1.3
3.1.1 ไปที่ File เลือก Open หรือ Open as
- 15. 15
ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ การนาเข้าแบบนี้จะมีขั้นตอนเหมือนกับการนาเข้าไฟล์เสียงจากในเครื่องทุกอย่าง
จะต่างเพียงที่อยู่ของไฟล์เท่านั้น และถ้าหากนาเข้าไฟล์เสียงจากแผ่น Cd audio ต้องสั่งให้ File of type เป็น
All file เมื่อพบไฟล์เสียงที่ต้องการสามารถสั่ง Open ได้เลย และเมื่อโปรแกรมนาเข้าไฟล์เสียงเสร็จก็จะได้
Wave from
4. การลบ และ คัดลอก ไฟล์เสียง
ในกรณีที่ มีคา ข้อความ หรือ เสียงที่ต้องการจะลบออกจาก wave from ของไฟล์เสียง ซึ่งอาจเกิดจาก
การพูดผิด อ่านผิด ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดจากการบันทึกเสียง หรือ เป็น wave from เสียงที่ไม่ต้องการ
เราสามารถลบทิ้งได้ เช่นเดียวกับ การคัดลอก จะมีลักษณะรูปแบบในการทางานเหมือนกัน จะต่างกันตรงที่
คาสั่งว่าให้โปรมแกรม ลบ หรือ คัดลอก การลบ หรือ คัดลอก นี้จะทาในโหมด Edit View
4.1 ขั้นตอนในการลบ wave from เสียงที่ไม่ต้องการออก
- นาเข้าไฟล์เสียง ในหน้าโหมด Edit View
- เลือกช่วงของไฟล์เสียง ที่ต้องการลบโดยกดด้านซ้ายของ Mouse ค้างไว้แล้วลาก Mouse คลุม
ช่วงที่ต้องการลบ
- กด Delete ที่คีย์บอร์ด หรือ ที่ Edit แล้วใช้คาสั่ง delete selection
4.1 เลือกช่วงของไฟล์เสียงที่ต้องการลบ
4.2.2 ขั้นตอนในการวางไฟล์ที่คัดลอก wave from (Past)
- นา Mouse ไปวางในส่วนที่ต้องการวาง wave from ที่คัดลอกไว้แล้วใช้คาสั่ง Past โดยคาสั่งจะ
อยู่ที่โหมด Edit หรือคลิ๊กขวาที่ Mouse แล้วสั่ง Past
- 16. 16
จะเห็นขั้นตอนในการทางานในโหมดคัดลอก จะมีขั้นตอนในการทางานเหมือนกันกับการลบ wave
from แต่จะแตกต่างที่คาสั่งระหว่าง ลบ (Delete) หรือ คัดลอก (Copy) เท่านั้น
4.2.2 ขั้นตอนในการวางไฟล์ที่คัดลอก wave from (Past)
ในระหว่างการลบ หรือ การคัดลอกหากเกิดการผิดพลาด เราสามารถยกเลิกการกระทาครั้งล่าสุดได้
โดยการกด Back ที่แถบเครื่องมือ เพื่อย้อนกลับมายังหน้า wave from ก่อนหน้านี้ได้ ใกล้ๆปุ่ม Back จะมีปุ่ม
Fwd ซึ่งจะทาหน้าที่คล้ายๆ ปุ่มBack แต่จะเป็นการเดินหน้าแทน
4.2.3 การเรียกกลับ Wave from
5. การใส่ Effect ไฟล์เสียง
ในโหมดนี้จะขอกล่าวถึงสิ่งที่จาเป็นและใช้บ่อยๆ ซึ่งในโปรแกรมโหมดนี้จะมีโหมดให้เลือกใช้มาก
พอสมควร ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเพียงการเพิ่ม-ลด ความดังของเสียง
- 17. 17
5.1 การเพิ่มลด – เพิ่มเสียง ให้ไฟล์เสียง
การลดและการเพิ่มเสียงนั้นใช้แก้ไขไฟล์เสียงที่มีระดับเสียง ดัง หรือเบาเกินไป ซึ่งจะแก้ไขในโหมด
Edit View ดังนี้
- นาเข้าไฟล์เสียงมายังโหมด Edit View
- ลาก mouse คลุมบริเวณที่ต้องการลด หรือ เพิ่ม
- ไปที่คาสั่ง effect สั่ง Amplitude เลือก amplify/fade
5.1.1 ไปที่คาสั่ง effect สั่ง Amplitude เลือก amplify/fade
- 18. 18
บทที่3 ขั้นตอนการดาเนินงาน
เครื่องมือที่ใช้
-คอมพิวเตอร์
-เครื่องบันทึกเสียง
เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา
-โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
ขั้นตอนและแผนดาเนินการ
แผนการดาเนินโครงงานการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์
เรื่อง การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
แผนการดาเนินงาน
ระยะเวลา
19 -
23
ม.ค.
58
26 -30
ม.ค.
58
2 - 6
ก.พ.
58
9 - 13
ก.พ.
58
16 -
20
ก.พ.
58
23 -
27
ก.พ.
58
2 - 6
มี.ค.
58
9 - 13
มี.ค.
58
16 -
20
มี.ค.
58
23 -
27
มี.ค.
58
30 - 3
เม.ย.
6 - 10
เม.ย.
13 -
17
เม.ย.
20 -
24
เม.ย.
27 -
30
เม.ย.
1) ศึกษาและสารวจเพื่อจัดทาโครงงาน
2) คัดเลือกเนื้อหา
3) เสนอหัวข้อโครงงาน
4) ศึกษารายละเอียดเนื้อหาที่ได้คัดเลือก
5) ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
6) จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของการบันทึก
7) ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ การใช้งาน
โปรแกรม Adobe Audition เบื้องต้น
8) วิเคราะห์จัดแยกข้อมูลเป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน
9) ออกแบบ เขียนสคริปต์
10) สร้างแบบประเมินด้านต่างๆ และนาไปให้
ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน
11) ทดลองการใช้สื่อวีดิทัศน์
12) จัดทารายงาน นาเสนอโครงงาน
13) เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์
- 19. 19
บทที่ 4
ผลการทดสอบประสิทธิภาพสื่อ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพสื่อ
การจัดทาโครงงานการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe
Audition เบื้องต้น ในครั้งนี้ผลการทดสอบประสิทธิภาพของสื่อมีดังนี้
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการนาเสนอและการแปลความหมายของผลการวิเคราะห์
ข้อมูลจึงกาหนดสัญลักษณ์และอักษรย่อที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
n แทนจานวนกลุ่มตัวอย่าง
𝑥 แทนค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน / ค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียน
S.D. แทนส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนก่อนเรียน / ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ของคะแนนหลังเรียน
T แทนค่าสถิติทดสอบที
P แทนค่าระดับนัยสาคัญของการทดสอบ
การนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
1. การหาประสิทธิภาพของสื่อมัลติมิเดียเรื่องการใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้น
ตามเกณฑ์ประสิทธิภาพ 90/90
2. การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา คณะ
ศึกษาศาสตร์
สาขาเทคโนโลยีการศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังเรียนด้วยเดียเรื่องการใช้โปรมแกนม Adobe
Audition เบื้องต้น
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. อธิบายความหมาย ความสาคัญ วิธีการและแนวคิดเทคนิคในการถ่ายภาพได้อย่างถูกต้อง
2. สามารถถ่ายภาพตามหลักการวิธีการได้อย่างถูกต้องชัดเจน
3. สามารถรู้เทคนิคในการถ่ายภาพได้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
- 21. 21
นร. วัตถุประสงค์เชิง
พฤติกรรม 1
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
2
วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
3
วัตถุประสงค์เชิง
พฤติกรรม 4
คะแนน นร.ที่ผ่าน
เกณฑ์ทุก
วัตถุประส
งค์
1 2 3 4 5 1 2 3 4 5 1 2 3 4 5 1 2 3 4 5
1 / / x / / / / / / / / / / / / / / / / / 19 ผ่าน
2 / / / x / / / / / / / / / / / / / / / / 19 ผ่าน
3 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
4 / / / x / / / x x / / / / / / / / / / / 17 ไม่ผ่าน
5 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
6 / / / / / / / / x / / / / / / / / / x / 18 ผ่าน
7 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
8 / / / / / / x / / / / / / / / / / / / / 19 ผ่าน
9 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
10 / / / x / / / / / / / / x / / / / / / / 18 ผ่าน
11 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
12 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
13 / / / / / / x / / / / / / / / / / x / / 18 ผ่าน
14 / / / / / / / / / / / / / x / / / / / / 19 ผ่าน
- 22. 22
15 / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / 20 ผ่าน
16 / / / x / / / / / / / / x / / / / / / / 18 ผ่าน
17 / / / / / / / / / / / / / / / / / / x / 19 ผ่าน
18 / / x / / / / / / / / / / / / / / / / / 19 ผ่าน
19 / / / x / / / / / / / / / / / / / / / / 19 ผ่าน
20 / / / / / / / / x / / / / / / / / x / / 18 ผ่าน
- 23. 27
จากตาราง พบว่า
ผลรวมคะแนนของนักเรียน คือ 380
จานวนนักเรียนที่ทาแบบทดสอบ คือ 20 คะแนน
คะแนนเต็มของชุดข้อสอบ คือ 20 คะแนน
จานวนนักเรียนที่ผ่านทุกเกณฑ์วัตถุประสงค์มีจานวน 19 คน
สามารถนามาวิเคราะห์เกณฑ์มาตรฐาน 90/90 ได้ดังนี้
90 ตัวแรก =
(
x
)
=
( )
= 95
90 ตัวหลัง =
=
= 95
จากผลการวิเคราะห์สามารถนามาเปรียบเทียบตามเกณฑ์มาตรฐาน90/90ได้ดังตารางนี้
90 ตัวแรก 90 ตัวหลัง
95 95
- 24. 27
จะเห็นได้ว่าจากผลการวิเคราะห์ค่าประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์ตามเกณฑ์มาตรฐาน90/90คือ
95/95
1. จึงสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของสื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition
เบื้องต้นนั้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 90/90
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา คณะ
ศึกษาศาสตร์ สาขา
เทคโนโลยีการศึกษาชั้นปีที่ 1 ก่อนและหลังเรียนด้วยสื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม
Adobe Audition เบื้องต้น สาหรับ มีดังนี้
ผลการ
ทดสอบ
n คะแนนเต็ม ̅ S.D. t
ก่อนเรียน 20 20 18.45 1.19 18.98*
หลังเรียน 20 20 19 9.979
*p < 0.05
จากตาราง พบว่า นิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษา
ปีที่ 1 ที่ได้รับกิจกรรมการเรียนผ่านสื่อมัลติมิเดีย เรื่องการใช้โปรมแกนม Adobe Audition
เบื้องต้นมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ
0.05
- 25. 27
บทที่ 5
สรุปผลการพัฒนาสื่อ
ในการศึกษาค้นคว้าข้อมูล เรื่อง การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เรื่อง การใช้โปรมแก
นม Adobe Audition เบื้องต้น สามารถสรุปผลการพัฒนาสื่อได้ดังนี้
1. สรุปผลการพัฒนาสื่อ
จากการดาเนินการศึกษาตามลาดับขั้นตอนข้างต้น สามารถสรุปผลได้ดังนี้
1สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นผู้ศึกษาค้นคว้าได้
พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 95/95 ดังนั้น สรุปได้ว่ามีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 90/90
ตามที่ตั้งไว้
2. นิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับ
กิจกรรม
การเรียนผ่านสื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
2. อภิปรายผลการพัฒนาสื่อ
จากการทดลองสามารถอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้
1. การหาประสิทธิภาพของสื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition
เบื้องต้นที่สร้างขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐาน90/90พบว่าการพัฒนาการเรียนการสอนผ่าน สื่อมัลติมิ
เดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นมีประสิทธิภาพ95/95หมายความว่า การ
พัฒนาการเรียนการสอนผ่าน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้น
ทาให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และหลังจากที่ผู้เรียนได้เรียนด้วยสื่อวีดิทัศน์แล้วทาให้
พฤติกรรมของผู้เรียนเปลี่ยนไป95/95แสดงว่าสื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe
- 26. 27
Audition เบื้องต้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ซึ่งกาหนดไว้90/90ถือว่าเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพ
สามารถนาไปใช้เป็นบทเรียนได้ที่เป็นเช่นนี้สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe
Audition เบื้องต้นที่ผู้ศึกษาค้นคว้าสร้างขึ้นนั้นเป็นสื่อที่ทันสมัยสามารถส่งเสริมการเรียนรู้
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่จากัดเวลาสถานที่สามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการ
และรวดเร็วตามความสามารถของแต่ละบุคคลวิธีการและขั้นตอนการนาเสนอเน้นให้มีรูปแบบ
เหมือนกับการเรียนรู้กับครูโดยตรงผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าทบทวนได้ตามความต้องการ
2. การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาคณะ
ศึกษาศาสตร์สาขาเทคโนโลยีการศึกษาปีที่1ก่อนและหลังเรียนด้วยการเรียนผ่าน สื่อมัลติมิเดีย
เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นพบว่านิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาคณะ
ศึกษาศาสตร์สาขาเทคโนโลยีการศึกษาปีที่1ที่ได้รับกิจกรรมการเรียนจากการพัฒนาการเรียน
การสอน ผ่าน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ0.05หมายความว่า
หลังจากเรียนผ่าน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นผู้เรียนมี
คะแนนเพิ่มขึ้น ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมีเดีย เรื่อง การใช้
โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นมีรูปแบบการนาเสนอที่เหมือนกับการเรียนกับครูผู้สอน
โดยตรงและมีทั้งตัวอักษร ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว สีสัน และเสียงประกอบ ทาให้ผู้เรียน
สนุกสนานไปกับบทเรียน การเรียนไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการเสริมแรง
โดยอาศัยแนวคิดจากทฤษฎีเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง จากเหตุผลดังกล่าวจึงทา
ให้ผู้เรียนที่เรียนผ่าน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การใช้โปรมแกนม Adobe Audition เบื้องต้นมีความรู้
มากขึ้น