More Related Content
Similar to บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Similar to บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง (20)
More from TheeraWat JanWan
More from TheeraWat JanWan (8)
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- 1. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่อง Photoshop นี้ ผู้จัดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
ในการสร้างรูปภาพหรือตกแต่ง ตัดต่อ เพื่อความสวยงาม และนาไปใช้ในงานต่างๆใน
โปรแกรม Photoshopต้องมีความรู้ความเข้าใจในพื้นฐานโปรแกรม เครื่องมือ การใช้ และ
ส่วนประกอบต่างๆ เสียก่อนถึงจะปฎิบัติได้ถูกต้องและมีคุณภาพที่ดี พร้อมทั้งสามารถนาไป
พัฒนาตนเองได้ด้วย ถึงจะลงมือทาได้ กลุ่มของพวกเราได้มองเห็นความสาคัญจึงจัดทาโครงงาน
การใช้โปรแกรม Photoshopขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ และนักเรียนนักศึกษา
เอกสารอ้างอิง
http://www.newart.ob.tc/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0
%B9%881.htm
2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
1. หน่วยส่งข้อมูล เป็นหน่วยที่ต้องการแจ้งหรือส่งข้อมูลให้
หน่วยอื่น ๆ ทราบ เป็นต้นทางของการสื่อสารข้อมูล มีหน้าที่ส่ง
ข้อมูลข่าวสาร อาจจะเป็นคน หรือวัตถุก็ได้
2. ช่องทางการสื่อสาร คือกระบวนการ ช่องทาง หรือสื่อใด ๆ ที่
ทาให้ข้อมูลสามารถส่งไปถึงหน่วยรับข้อมูลอย่างไม่ผิดพลาด เป็น
- 2. สื่อสัญญาณทางสายหรือไร้สายก็ได้
3. หน่วยรับข้อมูล เป็นปลายทางของการสื่อสารข้อมูลที่ทาหน้าที่
รับข้อมูลส่งมาผ่านช่องทางการสื่อสาร อาจจะเป็นคนหรือวัตถุก็ได้
ทิศทางการสื่อสารข้อมูล มี 3 ชนิดคือ
1. แบบทิศทางเดียว (Simplex หรือ One-Way) ข้อมูลจะถูกส่ง
จากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง โดยไม่สามารถย้อนกลับมา
ได้ เช่น ระบบวิทยุ ระบบโทรทัศน์ การส่งอีเมล์ เป็นต้น
2. แบบกึ่งสองทิศทาง (Half Duplex) ข้อมูลสามารถส่งสลับกัน
ได้ทั้ง 2 ทิศทางโดยต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเท่านั้น เช่น
วิทยุสื่อสารแบบผลัดกันพูด
3. แบบสองทิศทาง (Full Duplex หรือ Both-Way) ข้อมูล
สามารถส่งพร้อม ๆ กันได้ทั้ง 2 ทิศทางอย่างอิสระ เช่น ระบบ
โทรศัพท์ การChat Online
สัญญาณไฟฟ้าในระบบโทรคมนาคม แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. สัญญาณแอนะล็อก (Analog Signal) เป็นสัญญาณไฟฟ้าใน
ลักษณะคลื่นต่อเนื่อง (Sine wave) สัญญาณไฟฟ้าที่จะใช้เนเสียง
หรือรูปภาพ เช่น ระบบวิทยุ โทรศัพท์ โทรทัศน์ เคเบิลทีวี
2. สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) เป็นสัญญาณไฟฟ้าใน
ลักษณะไม่ต่อเนื่องเป็นระบบ 2 สภาวะ คือ สภาวะที่ไม่มี
สัญญาณไฟฟ้าและมีสัญญาณไฟฟ้าโดยแทนสัญญาณข้อมูลด้วย
"0" หรือ "1"
วัตถุประสงค์ของการนาการสื่อสารข้อมูลเข้ามาใช้ในองค์กร
1. เพื่อรับข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งข้อมูล
2. เพื่อส่งและกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
3. เพื่อลดเวลาในการทางาน
4. เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งข่าวสาร
- 3. 5. เพื่อช่วยขยายการดาเนินงานขององค์กรให้ดีขึ้น
6. เพื่อช่วยปรับปรุงการบริหารองค์กรให้สะดวกมากขึ้น
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
2.2.1 ความหมายของ Social Media
ก่อนที่จะพูดถึงประเภทของ Social Media ต่างๆ ขอให้เราทราบว่าทุกประเภทจะมี
ลักษณะที่ร่วมกันคือการที่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคเป็นคนที่สร้างเนื้อหาดังกล่าวขึ้น หรือที่เรียกว่า
Users Generated Content หรือ Consumer Generated
Content นะครับ เอาละมาลุยกันทีละประเภทเลย
(1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา
(Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทาให้ผู้ใช้
สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมา
นั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจาก
เนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ลดหลั่นลงไปตามลาดับของเวลา (Chronological
Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มีความสามารถในด้านต่างๆ สามารถ
เผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทา
ให้เกิด Blog ขึ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลกออนไลน์ได้เป็นจานวนมหาศาล
อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้เกิดลักษณะของ Social คือการเปิด
ให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง
ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog
(Corporate Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก
Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตนถนัดและมีผู้ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็น
Marketing Influencer
(2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จากัดขนาดของ
การ Post แต่ละครั้งไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้
ผู้ใช้เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทาอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการ
ต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง
- 4. Brand หรือเป็นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายัง
สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย
Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทาให้เว็บไซต์ประเภท Social Network
ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กาลังทาอะไรกันอยู่ นั้นก็คือการนา
Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง
(3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่
เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ
Profile ซึ่งประกกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note)
หรือการใส่วิดีโอ (Video) และอื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือ
สาคัญในการสร้างจานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ Find
Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย
นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูป
ของการสร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ
CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็
สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ขึ้นมาได้
เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2
ประเภท คือ ประเภทแรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น
Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายใน
เชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo
เป็นต้น
(4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือ
วิดีโอเพื่อแบ่งปันให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด
ณ ปัจจุบันไม่จาเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอล
ราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing
อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย
หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนาขึ้นไปสู่เว็บไซต์
อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือ
บรรยากาศในการทางานของกิจการ เป็นต้น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนา
- 5. รูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอรีส่วนตัว ทาให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะ
ทาการจ้าง
(5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยัง
บทความหรือเนื้อหาใดในอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทาการ
โหวตได้ เป็นเสมือนมหาชนช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ใน
ส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทาการ
Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง
แต่สามารถทาผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะ
แบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้างจานวนคนเข้า
มายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ
(6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็น
เสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง
การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหา
ที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะบางครั้งอาจจะเป็นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการ
ของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทาความเข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
กับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
โดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์เนื้อหาต่างๆ
จากประเภทของ Social Media ที่กล่าวมาข้างต้น (อันที่จริงมีมากกว่านี้ แต่ผมเห็นว่ายังไม่
ค่อยเป็นที่นิยมในไทยถึงไม่ได้กล่าวถึง) จะถูกนักการตลาดนามาใช้กับสินค้าหรือบริการของ
ตนเองในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ผมจะได้ลงรายละเอียดของแต่ละประเภทในบท
ต่อๆไป
- 6. 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media
เครือข่ายสังคม (Social Network)
กรณีศกษา: ยูทูบ (YouTube) วิดีโอ ออนไลน์ สื่อเพื่อสร้างสรรค์หรือเพื่อทาลายล้าง ???
ึ
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจารองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (๑) กองบัญชาการกองทัพไทย
ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต กาลังเป็นที่นิยมและมีผลกระทบในทุกๆด้านใน
ปัจจุบัน ทาให้ทุกคน ทุกสังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทันต่อการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงใน
โลกของการสื่อสาร และการพัฒนาของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web;
WWW) จากยุคแรก คือ Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเป็น Static Web คือมีการนาเสนอ
ข้อมูลทางเดียว (one-way communication) ด้วยการแปลงข้อมูล ข่าวสารที่มีอยู่
รอบตัวเราให้อยู่ในรูปของดิจิตอล (Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือการโฆษณาตาม
หน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้สามารถอ่านได้แต่ไม่สามารถเข้าร่วมในการสร้างข้อมูลได้แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยุค
ที่ 2 ของเทคโนโลยีคือ WWW หรือ Web 2.0 เป็นยุคที่ทาให้อินเทอร์เน็ตมีศักยภาพใน
การใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ (Co- Creation) ลงบนเว็บไซต์
ร่วมกันและสามารถโต้ตอบกับข้อมูลที่อยู่บนเว็ปไซท์ได้ (Interactivity) มีลักษณะเป็น
Dynamic Web ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหา (Content) แลกเปลี่ยน และกระจายข้อมูล
ข่าวสารเพื่อแบ่งปันถึงกันได้ทั้งในระดับบุคคล กลุ่ม และองค์กร จะเห็นได้ว่า Web 2.0 เป็น
ยุคของการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการรับส่ง
อีเมล์ (E-mail) รูปภาพ หรือการดาวน์โหลดข้อมูลผ่าน Search Engine หรือใช้เว็บ
บอร์ด (Web board) ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเท่านั้น Web 2.0 ยังช่วยสร้าง
ความสัมพันธ์ (Relationship) ระหว่างผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายทางสังคม
(Social Network) บนโลกออนไลน์ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กลายเป็นสังคมเสมือนจริง (Virtual Communities) ซึ่งเป็สังคมหนึ่งในโลกของ
อินเทอร์เน็ต ที่ปัจจุบันยังคงผูกพันและซ้าซ้อนกับการดาเนินชีวิตของผู้คนในโลกของความเป็นจริง
จุดกาเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยุค Web 3.0 หรือ Semantic
Web ทาให้กระแสความนิยมขอ Social Network มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นไป
ตามผลการสารวจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่พบว่า มีผู้เข้าใช้บริการ Social Network เพิ่ม
สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีแนวโน้มของผู้ใช้บริการทั่วโลกมากกว่า 1,200 ล้านคน ปัจจุบัน
Social Network Website ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนา และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เข้าไปมีส่วน
ร่วมในการใช้ประโยชน์เชิงสังคมกันมากขึ้น ทั้งเว็บไซต์ในตระกูลของ Wiki, YouTube,
- 7. Hi5, Myspace Face book และอีกมากมาย ซึ่งในแต่เว็บไซต์จะมีลักษณะเฉพาะ
สาหรับการใช้งานแตกต่างกันออกไปโดยเว็บไซต์ที่มีจานวนผู้เข้าชมสูงสุดทั่วโลกในขณะนี้คือ
My space รองลงมา คือ Facebook และ Orkut แต่ถ้าดูจากจานวนสมาชิกในเว็บไซต์
ผลการสืบค้นข้อมูลในปี 2008 จะเห็นว่า Facebook เป็นเว็บที่มีจานวนสมาชิกสูงสุดถึง
90 ล้านคน รองลงมาคือ Hi5 80 ล้านคน Friendster 75 ล้านคน Myspace 72
ล้านคน และ LinkedIn 5 ล้านคนสาหรับกระแสความนิยมของ Social Network ใน
ประเทศไทยนั้น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค
(NECTEC) ได้ทาการสารวจกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยผ่านออนไลน์ จานวน
14,809 คน ในช่วงเดือน สิงหาคม-กันยายน 2551 ที่ผ่านมา พบว่า Hi5 เป็นเว็บที่ได้รับ
ความนิยมมากที่สุด มีผู้ใช้งานสูงถึง 47.5% เฉลี่ย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 69.7% มี
บล็อก (Blog) เป็นของตัวเอง ส่วนวิกีพีเดีย (Wikipedia) เป็นเว็บไซต์ที่มีการใช้งาน
รองลงมาคือ 14.4% You Tube 12.6% และMyspace 3.8%ตามลาดับ จาก
ข้อมูลทางสถิติเบื้องต้น เราคงต้องยอมรับว่า Hi5 เป็น Social Network Website ที่
ติดอันดับของโลกรวมถึงในสังคมไทยเรา ดังนั้นเราคงต้องจับตามองกันต่อไปในฐานะที่เป็นสื่อ
สองคมบนสังคมออนไลน์และมีผลกระทบมากมายซึ่งผู้ใช้ในสังคมควรต้องรู้ให้เท่าทันรูปแบบการ
สื่อสารในลักษณะสังคมเครือข่ายที่เรานิยมเรียกกันว่า Community Network หรือ
Social Network กาลังได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรธุรกิจ
เพราะเป็นสังคมออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้เข้าไปใช้เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว บทความ รูปภาพ ผลงาน
พบปะ แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความสนใจร่วมกัน และกิจกรรมอื่น ๆ รวม
ไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจานวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้ อหาขึ้นได้ตามความสนใจของ
แต่ละบุคคลSocial Networking มีจุดเริ่มต้นจากเว็บไซต์ Classmates.com
(1995) และเว็บไซต์ SixDegrees.com(1997) ซึ่งเป็นเว็บที่จากัดการใช้งานเฉพาะ
นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกันเพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลติดต่อสื่อสาร ส่งข้อความ และ
แลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาเว็บไซต์Epinions.com
(1999) ซึ่งเกิดขึ้นจากการพัฒนาของ Jonathan Bishop โดยได้เพิ่มในส่วนของการที่
ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ไม่เพียงแต่เพื่อนในลิสต์เท่านั้น นับได้ว่าเป็น
จุดเริ่มต้นของ Social
Networking ทั้งหลายที่ก่อกาเนิดต่อมาในยุคปัจจุบัน เช่น MySpace, Google,
Facebook เป็นต้น
- 8. เนื่องจากมีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Network เป็นจานวนมากมาย จึงเป็นการยากที่จะ
จาแนก
ประเภทของ Social Network ได้อย่างเจาะจงชัดเจน หากจะลองจัดเข้าหมวดหมู่ตามที่เรา
พบเห็นทั่วไป อาจแบ่งได้ 6 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (data/knowledge) ที่เห็นได้ชัดเจนเช่น
wikipedia, google
earth, answers, digg, bittorrent ฯลฯ เป็นต้น
2. ประเภทเกมส์ออนไลน์ (online games) ที่นิยมมาก เช่น SecondLife,
Audition, Ragnarok,
Pangya ฯลฯ เป็นต้น
3. ประเภทสร้างเครือข่ายทางสังคม (community) เพื่อเป็นการหาเพื่อนใหม่ สร้างและ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน เช่น Hi5, Facebook, MySpace, MyFriend
ฯลฯ เป็นต้น
4. ประเภทฝากภาพ (photo management) สามารถฝากภาพออนไลน์ได้โดยไม่เปลือง
ฮาร์ดดิสก์
ส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถแชร์ภาพหรือซื้อขายภาพกันได้อย่างง่ายดาย เช่น Flickr,
Photoshop Express,Photobucket ฯลฯ เป็นต้น
5. ประเภทสื่อ (media) ไม่ว่าจะเป็นฝาก โพสท์ หรือแบ่งปันภาพ คลิปวีดีโอ ภาพยนตร์
เพลง
ฯลฯ เช่น YouTube, imeem, Bebo, Yahoo Video, Ustream.tv ฯลฯ เป็น
ต้น
6. ประเภทซื้อ-ขาย (business/commerce) เป็นการทาธุรกิจทางออนไลน์ที่ได้รับความ
นิยมมาก
เช่น Amazon, eBay, Tarad, Pramool ฯลฯ แต่เว็บไซต์ประเภทนี้ยังไม่ถือว่าเป็น
Social Network ที่แท้จริงเนื่องจากมิได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการแชร์ข้อมูลกันได้
หลากหลาย นอกจากการสั่งซื้อและคอมเมนท์สินค้าเป็นส่วนใหญ่
7. ประเภทอื่น ๆ คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการคอนเทนท์ซึ่งไม่สามารถจัดเข้าใน 6 ประเภทได้
นั่นเอง
- 9. 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
การทาการตลาดออนไลน์ด้วย social media นั้น จะ
สามารถทาให้ธุรกิจสามารถเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค
ได้มากขึ้น ผ่านการรับฟังเสียงสะท้อนต่างๆจากลูกค้า ทั้งยัง
สามารถใช้เป็นช่องทางสื่อสารเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของ
บริษัทได้อีกด้วย
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจาก
ระบบแก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์
โดยนอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งใน
การเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้
รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วน
ใหญ่จะเป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก
สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ
ประสบการณ์ จากแหล่ง
ความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทาให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพประเภทของสื่อการเรียนการสอน
สื่อการเรียนการสอนแบ่งตาม
คุณลักษณ 4 ประเภทคือ
1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่สไลด์ แผ่นใส เอกสาร ตารา สารเคมี สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และคู่มือการ
ฝึกปฏิบัติ
2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ของจริง หุ่นจาลอง เครื่องเล่นเทปเสียง เครื่องเล่นวีดิทัศน์
เครื่องฉายแผ่นใส อุปกรณ์และ
- 10. เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ
3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ได้แก่การสาธิต การอภิปรายกลุ่ม การฝึกปฏิบัติ การฝึกงาน
การจัดนิทรรศการ และสถานการณ์จาลอง
4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การนาเสนอด้วย
คอมพิวเตอร์ (Computer presentation) การใช้ Intranet และ
Internet เพื่อการสื่อสาร (Electronic mail: E- mail) และการ
ใช้ WWW (World Wide Web)
2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก
www.wordpess.com
2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Wordpress
เว็บไซต์นี้ จะแนะนาถึงวิธี การใช้ WordPress ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้น ไปจนถึงการ
เพิ่มเทคนิคลูกเล่นต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้กัน เราควรมารู้จักก่อนว่า WordPress คือ อะไร
WordPress คือ โปรแกรมสาเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้
งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม
สาเร็จรูปที่มีไว้สาหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์
WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง)
ทางานบนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข
เพิ่มและลบข้อมูล การใช้งาน WordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ
GNU General Public License
WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt
Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free
Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com
- 11. ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อก
ไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้
งานง่าย ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา Theme
(รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย
นอกจากนี้ สาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา
องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นาไปสร้าง Theme และ Plugins
ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนาซ้า ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MU สาหรับไว้ให้ผู้นาไปใช้ สามารถเปิด
ให้บริการพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บ
บล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain
จากที่ได้เกริ่นนาไปในบทความนี้ คงจะทาให้รู้จัก และได้ทราบประวัติความเป็นมา รวมถึง
ความหมายกันไปบ้างแล้วว่า WordPress คือ อะไร ในบทความหน้า เราจะได้เริ่มเรียนรู้ถึงรูปแบบ
และวิธีการใช้งาน ไปจนถึงการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ต่อไป