More Related Content
Similar to แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 7 การออสโมซิส
Similar to แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 7 การออสโมซิส (16)
More from Wann Rattiya (12)
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 7 การออสโมซิส
- 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 7
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการ
ศึกษา 2552
แผนย่อยหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การออสโมซิส (osmosis)
เวลา 2 คาบ ส.4-1
*****************************************************
*************************
1. จุดประสงค์การเรียนรู้ (เฉพาะหน่วยการเรียนรู้)
1. นักเรียนสามารถบอกหลักการแพร่กระจายของโมเลกุล
ของนำ้าได้
2. นักเรียนสามารถบอกความหมายของการออสโมซิสได้
2. คุณลักษณะที่ต้องการพัฒนา
1. ซื่อสัตย์สุจริต
2. มีวินัย
3. ใฝ่เรียนรู้
4. มีจิตสาธารณะ
3. แนวคิด
นำ้าและแร่ธาตุเคลื่อนที่เข้าในเซลล์ขนราก ด้วยวิธีที่แตกต่าง
กันคือ อนุภาคนำ้าเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ขนราก โดยผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
ด้วยวิธีออสโมซิส ส่วนแร่ธาตุเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ด้วยวิธีการแพร่
4. สาระการเรียนรู้
ออสโมซิส (osmosis)
กระบวนการแพร่ของนำ้าจากที่ซึ่งมีอนุภาคของนำ้ามากกว่า
ไปสู่ที่มีอนุภาคของนำ้าน้อยกว่า โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน
(semipermeable membrane) เช่นกระดาษเซลโลเฟน เยื่อ
หุ้มเซลล์ เป็นต้น เราเรียกกระบวนการแพร่ของนำ้าผ่านเยื่อเลือก
ผ่านนี้ว่า ออสโมซิส (osmosis)
5. กิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำา (10 นาที)
- 2. 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคำาถามเพื่อทบทวนความรู้เดิม
เรื่องการแพร่
- การแพร่ คืออะไร (การกระจายของอนุภาคของสารจากที่มีความ
เข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสู่ที่ซึ่งมีความเข้มข้นของน้อย
จนกระทั่งอนุภาคของสารบริเวณทั้งสองมีความเข้มข้นเท่ากัน)
- การกระจายอนุภาคของสารในการแพร่นั้นมีทิศทางเป็นอย่างไร
(ไม่แน่นอน)
- นักเรียนคิดว่านำ้าและแร่ธาตุมีการเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ขนรากด้วย
วิธีการที่เหมือนกันหรือไม่ (ไม่เหมือนกัน)
2. ครูกล่าวว่า “ในคาบเรียนนี้เราจะมาทำากิจกรรมเพื่อศึกษา
ว่านำ้าและแร่ธาตุมีวิธีการเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ของพืชเหมือนกันหรือ
”ไม่
ขั้นสอน (70 นาที)
1. ครูอธิบายกิจกรรมที่ เรื่องออสโมซิสให้นักเรียนเข้าใจ
ตรงกัน
1.1 ให้นักเรียนใช้กระดาษเซลโลเฟนปิดปากกรวย
แก้ว รัดให้แน่น
1.2 ใส่นำ้าเชื่อมลงในกรวยแก้วให้สูงพอประมาณ
1.3 แช่กรวยแก้วลงในบีกเกอร์ที่มีนำ้าโดยให้กรวย
แก้วอยู่ตำ่ากว่าระดับนำ้าใน
บีกเกอร์ ยึดกรวยแก้วด้วยที่หนีบติดกับขาตั้ง
1.4 สังเกตการเปลี่ยนแปลงทุกนาทีเป็นเวลา 5 นาที
บันทึกผลลงในหนังสือ
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติกิจกรรม พร้อม
บันทึกผลลงในหนังสือ
3. ครูสุ่มนักเรียนถามถึงผลการทำากิจกรรม ด้วยประเด็น
คำาถามต่อไปนี้
- สารในกรวยแก้ว และในบีกเกอร์คืออะไร (นำ้าเชื่อม และนำ้า)
- โมเลกุลของนำ้าในบีกเกอร์กับในกรวยแก้วต่างกันอย่างไร
(โมเลกุลของนำ้าในบีกเกอร์มีขนาดเล็กกว่าโมเลกุลของนำ้าเชื่อมใน
กรวยแก้ว)
- การเปลี่ยนแปลงของระดับของเหลวในกรวยแก้วเป็นอย่างไร
เพราะเหตุใด (ระดับของเหลวในกรวยแก้วสูงกว่าระดับนำ้า
เนื่องจากนำ้าจากด้านนอกมีโมเลกุลเล็กสามารถเคลื่อนที่ผ่านกระ
ดาษเซลโลเฟนเข้าไปได้)
- นักเรียนคิดว่าการใส่ปุ๋ยพืชคราวละมากๆ ดีหรือไม่ เพราะเหตุใด
(ไม่ดี )
ขั้นสรุป (10 นาที)
- 3. 1. ครูและนักเรียนร่วมกันกิจกรรมเรื่องการออสโมซิส ให้
เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า “
“กระบวนการแพร่ของนำ้าที่ซึ่งมีอนุภาคของนำ้ามากกว่าไปสู่ที่มี
อนุภาคของนำ้าน้อยกว่า โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน เช่น กระดาษเซล
โลเฟน เยื่อหุ้มเซลล์ เป็นต้น เราเรียกกระบวนการแพร่ของนำ้าผ่าน
เยื่อเลือกผ่านนี้ว่า ออสโมซิส (osmosis)
2. ครูให้นักเรียนอ่านหนังสือเพิ่มเติมเรื่องส่วนประกอบ
ของดอกไม้
6. สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้
- หนังสือเสริมพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ว๒๑๑๐๑
- กรวยแก้ว - บีกเกอร์ขนาด 500
ลูกบาศก์เซนติเมตร
- ขาตั้งพร้อมที่หนีบ - กระดาษเซลโลเฟน
- หนังยางรัดหรือเชือกสำาหรับผูก - สารละลายนำ้าตาล
(นำ้าเชื่อม) -นำ้า
7. การวัดและประเมินผล
- สังเกตพฤติกรรมนักเรียนจากการทำากิจกรรมในชั้นเรียน
เช่น การร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน การซักถามและตอบคำาถามของ
นักเรียน
- 4. 8. บันทึกหลังการสอน (วิจัยชั้นเรียน)
1. ปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา
..........................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
....................................................... ..........................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
.......................................... .......................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
............................. ....................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
................
2. แนวทาง / วิธีการสอน / รูปแบบการสอน /
เทคนิคที่ใช้พัฒนาหรือแก้ปัญหา
..........................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................