More Related Content
Similar to แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
Similar to แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (20)
More from Wann Rattiya (12)
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
- 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้น ม.1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการ
ศึกษา 2552
แผนย่อยหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง กระบวนการสังเคราะห์ด้วย
แสง เวลา 2 คาบ ส.6-1
*****************************************************
*************************
1. จุดประสงค์การเรียนรู้ (เฉพาะหน่วยการเรียนรู้)
1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสงได้
2. นักเรียนสามารถทดลองและระบุปัจจัยบางประการที่
จำาเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสงได้
3. นักเรียนสามารถอธิบายความสำาคัญของกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสงที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้
2. คุณลักษณะที่ต้องการพัฒนา
1. ซื่อสัตย์สุจริต
2. มีวินัย
3. ใฝ่เรียนรู้
4. มีจิตสาธารณะ
3. แนวคิด
พืชสร้างอาหารได้เอง เรียกกระบวนการสร้างอาหารของพืช
ว่า กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง และปัจจัยที่สำาคัญของ
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
นำ้า แสง คลอโรฟิลด์ อาหารที่พืชสร้างได้คือนำ้าตาลกลูโคส ซึ่งถูก
ลำาเลียงไปสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของพืช ในรูปของแป้ง
4. สาระการเรียนรู้
ความหมายของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เป็นกระบวนการสร้าง
อาหารของพืชสีเขียว โดยมีคลอโรฟีลล์ทำาหน้าที่ดูดพลังงานแสง
จากดวงอาทิตย์แล้วเปลี่ยนสารวัตถุดิบ คือนำ้า และแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็นนำ้าตาลกลูโคส นำ้า และแก๊สออกซิเจน
- 2. การเปลี่ยนรูปพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์ที่
เกิดจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
1. พลังงานแสงจะเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานเคมีสะสม อยู่ใน
ผลิตภัณฑ์ คือ นำ้าตาลกลูโคส นำ้า และแก๊สออกซิเจน
2. นำ้าตาลกลูโคสจะถูกเปลี่ยนไปเป็นแป้งทันที และสะสมไว้ใน
เซลล์สีเขียว และแป้งจะเปลี่ยนกลับเป็นนำ้าตาลกลูโคสอีกครั้ง เมื่อ
พืชต้องการนำาไปใช้ในการดำารงชีวิต
3. นำ้าและแก๊สออกซิเจนจะถูกพืชคายออกมาทางปากใบกลับคืนสู่
สิ่งแวดล้อม
แหล่งที่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง
1. การสังเคราะห์ด้วแสงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของพืชที่มีสี
เขียวหรือมีคลอโรฟิลด์อยู่ โดยมีใบเป็นส่วนที่ทำาหน้าที่โดยตรง
ใบส่วนใหญ่จะแผ่เป็นแผ่นบาง จึงรับแสงและแก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี ผิวด้านบนของใบส่วนที่รับแสง เรียก
หลังใบ มักจะมีสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างของใบส่วนที่ไม่ได้รับแสง
เรียกว่า หลังใบ
2. เซลล์ในใบทุกเซลล์อยู่ใกล้ชิดกับเนื้อเยื่อลำาเลียงหรือเส้นใบ
ทำาให้ใบได้รับนำ้าและแร่ธาตุจากรากทางท่อลำาเลียงนำ้าที่เรียกว่า
ไซเลม (Xylem) ของเส้นใบ ส่วนนำ้าตาลที่พืชสร้างขึ้นจะถูกนำาไป
สู่ส่วนต่างๆ ของพืชทางท่อละเลียงอาหารที่เรียกว่า โฟลเอม
(Phloem) ของเส้นใบเช่นกัน
3. คลอโรฟิลล์ เป็นสารสีเขียวอยู่ภายในเม็ดคลอโรพลาสต์ ทำา
หน้าที่ดูดพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ เม็ดคลอโรพลาสต์จะอยู่ใน
ไซโทพลาสซึม พืชสีเขียวจะสร้างคลอโรฟีลล์จากโปรตีนและแร่
ธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียม เหล็ก แมงกานีส โดยใช้พลังงานแสง
ปัจจัยบางประการที่จำาเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
สิ่งที่มีอิทธิพลต่ออัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงประกอบด้วย
ปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. ปริมาณของคลอโรฟีลล์ ถ้าหากคลอโรฟีลล์มีปริมาณมาก
อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงจะสูง ในทางกลับกันถ้าคลอโรฟีลล์มี
ปริมาณน้อย อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงก็ตำ่าด้วย
2. แสงและความเข้มของแสง พบว่าชนิดของแสงที่มีผลทำาให้เกิด
การสังเคราะห์ด้วยแสงได้มากที่สุด คือ แสงสีม่วง แสงสีแดง และ
แสงสีนำ้าเงินตามลำาดับ แสงสีเขียวมีผลน้อยที่สุด ส่วนความเข้ม
ของแสงนั้น ถ้ามีความเข้มของแสงมากอัตราการสังเคราะห์ด้วย
แสงจะสูง ในทางกลับกันถ้ามีความเข้มของแสงน้อย อัตราการ
สังเคราะห์ด้วยแสงก็จะตำ่าด้วย
3. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน
บรรยากาศมีประมาณ 0.03-0.04% ถ้าเพิ่มความเข้มของแก๊ส
- 3. คาร์บอนไดออกไซด์ให้แก่พืช อัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงก็จะ
เพิ่มมากขึ้นด้วย
4. นำ้า เป็นปัจจัยสำาคัญโดยตรงต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
ความสำาคัญของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชที่มี
ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
1. เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพลังงานที่สำาคัญของสิ่งมีชีวิตทุก
ชนิด
2. เป็นแหล่งผลิตแก๊สออกซิเจนที่สำาคัญของระบบนิเวศ
3. ช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ
5. กิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำา (10 นาที)
1. ครูยกคำาขวัญ “ต้นไม้เป็นเพื่อนชีวิต เจ้าดูดอากาศพิษ
”แทนข้า แล้วถามคำาถามนักเรียน
ด้วยประเด็นดังต่อไปนี้
- จากคำาขวัญนักเรียนคิดว่าต้นไม้มีประโยชน์กับชีวิตเรา
อย่างไร (แหล่งอาหาร แก๊สออกซิเจน เป็นต้น)
- นักเรียนคิดว่า อากาศพิษ ในคำาขวัญคืออะไร (แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์)
- นักเรียนทราบหรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงบอกว่าต้นไม้ช่วยดูด
อากาศพิษ (พืชมีกระบวนสังเคราะห์ด้วยแสง)
- นักเรียนคิดว่าพืชกับมนุษย์แตกต่างกันอย่างไร (พืชสามารถ
สร้างอาหารเองได้)
2. ครูกล่าวว่า “ในคาบเรียนนี้เราจะมาศึกษากันเรื่อง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างอาหาร
”ของพืช
ขั้นสอน (70 นาที)
1. ครูอธิบายกิจกรรมอาหารที่พบในพืชให้นักเรียนฟัง
- ใส่กล้วย เผือก มัน แป้งข้าวเจ้า ผลชอล์ก และดินสอพองป่น
ปริมาณเท่าๆ กัน ลงในจานหลุมพลาสติก สังเกตสีของสาร
แต่ละชนิด บันทึกผล
- หยดสารละลายไอโอดีนลงในสารทั้ง 6 ชนิด ชนิดละ 2
หยด
- สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผลลงในตาราง
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง
พร้อมบันทึกผลการทดลอง
3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาสรุปผลการ
ทดลองของกลุ่ม
- 4. 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่ากิจกรรมดังกล่าวทำาให้
นักเรียนทราบว่า พืชสามารถ
สร้างอาหารเองได้ ซึ่งสารอาหารดังกล่าวคือแป้ง
5. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนคิดว่าพืชมีกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสงอย่างไร
6. ครูอธิบายเรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงให้นักเรียน
ฟัง
ขั้นสรุป (10 นาที)
1. ครูให้นักเรียนดูแผนภาพกระบวนการสร้างอาหารของพืช
ให้นักเรียนดูจากนั้นให้
นักเรียนตอบคำาถาม
2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องกระบวนการสังเคราะห์
ด้วยแสง
6. สื่อและอุปกรณ์การเรียนรู้
- หนังสือเสริมพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ ว๒๑๑๐๑
- กล้วย เผือก มัน แป้งข้าวเจ้า ผลชอล์ก และดินสอพองป่น
- จานหลุมพลาสติก
- สารละลายไอโอดีน
7. การวัดและประเมินผล
- สังเกตพฤติกรรมนักเรียนจากการทำากิจกรรมในชั้นเรียน
เช่น การร่วมกิจกรรมในชั้นเรียน การซักถามและตอบคำาถามของ
นักเรียน
- 5. 8. บันทึกหลังการสอน (วิจัยชั้นเรียน)
1. ปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา
..........................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
....................................................... ..........................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
.......................................... .......................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
............................. ....................................................
..................................................................................
..................................................................................
..................................................................................
................
2. แนวทาง / วิธีการสอน / รูปแบบการสอน /
เทคนิคที่ใช้พัฒนาหรือแก้ปัญหา
..........................................................................
..................................................................................