More Related Content
Similar to แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
Similar to แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ (20)
แผนการเรียนรู้โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
- 1. 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทยาศาสตร์
ิ
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑
สาระที่ ๑ สิ่ งมีชีวตกับกระบวนการดารงชีวต
ิ ิ
มาตรฐาน ว ๑. ๑ เข้ าใจหน่ วยพืนฐานของสิ่ งมีชีวต ความสั มพันธ์ ของโครงสร้ าง และหน้ าที่ของระบบต่ างๆ
้ ิ
ของ สิ่ งมีชีวตทีทางานสั มพันธ์ กน มีกระบวนการสื บเสาะหาความรู้ สื่ อสารสิ่ งทีเ่ รี ยนรู้ และนาความรู้ ไปใช้ ในการดารงชี วตของตนเองและ
ิ ่ ั ิ
ดูแลสิ่ งมีชีวต
ิ
วิเคราะตัวชี้วด
ั
คุณลักษณะ คุณลักษณะ
สมรรถนะ
ตัวชี้วด
ั รู้ อะไร ทาอะไรได้ ภาระงาน/ชิ้นงาน ตามลักษณะ อันพึง
สาคัญ
ของวิชา ประสงค์
๑. สังเกตและ เซลล์ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว และเซลล์ของ
ิ - บันทึกผลการสังเกต 1.การสื่ อสาร การตั้ง 1. ซื่อสัตย์
อธิ บายรู ปร่ าง สิ่ งมีชีวตหลายเซลล์
ิ - ผังความคิด สรุ ปองค์ความรู้ 2. การคิด คาถาม สุ จริ ต
ลักษณะของ สังเกต ตั้งคาถาม ตั้งสมมติฐาน วางแผนการ เกี่ยวกับเซลล์พืช เซลล์สัตว์สืบค้น
เซลล์ของสิ่ ง สารวจ สารวจ รวบรวม จัดกระทา วิเคราะห์ 3.ไฝ่ เรี ยนรู้ ตั้งคาถาม 2. มีวนยิ ั
ข้อมูล สารวจ รวบรวมข้อมูล
มีชีวตเซลล์
ิ บันทึกผลการสังเกต นาเสนอผลการสังเกตและ - วางแผนการทดลอง 4. มุ่งมันใน
่ สังเกตและ 3. ใฝ่ เรี ยนรู้
เดียวและเซลล์ อธิ บายรู ปร่ างและลักษณะของเซลล์สิ่งมีชีวต ิ - รายงานผลการทดลองเรื่ องการใช้ การทา สารวจ 4. มุ่งมันใน
่
ของสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวและหลายเซลล์ รวบรวม การทางาน
หลายเซลล์ กล้องจุลทรรศน์
- รายงานผลการทดลอง เรื่ อง ศึกษา นาเสนอ
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
- ทาแบบทดสอบ
- 2. 2
คุณลักษณะ คุณลักษณะ
สมรรถนะ
ตัวชี้วด
ั รู้ อะไร ทาอะไรได้ ภาระงาน/ชิ้นงาน ตามลักษณะ อันพึง
สาคัญ
ของวิชา ประสงค์
๒.สังเกตและ นิวเคลียส ไซโทพลาซึม และเยือหุมเซลล์
่ ้ - อภิปราย ตั้งคาถาม 1.การสื่ อสาร การตั้ง 1. ซื่อสัตย์
เปรี ยบเทียบ เป็ นส่ วนประกอบสาคัญของเซลล์ที่เหมือนกัน - สื บค้นข้อมูล บันทึกผล 2. การคิด คาถาม สุ จริ ต
ส่ วนประกอบ ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ผนังเซลล์และคลอ - บัน
สาคัญของ โรพลาสต์ เป็ นส่ วนประกอบ ที่พบได้ในเซลล์ - ทาใบงานที่ 2 3.ไฝ่ เรี ยนรู้ ตั้งคาถาม 2. มีวนยิ ั
เซลล์พืชและ พืช 4. มุ่งมันใน
่ สังเกตและ 3. ใฝ่ เรี ยนรู้
เซลล์สัตว์ สังเกต ตั้งคาถาม วางแผนการสารวจข้อมูล การทา สารวจ 4. มุ่งมันใน
่
สารวจ รวบรวม จัดกระทา วิเคราะห์ บันทึก รวบรวม การทางาน
แสดงผล และเปรี ยบเทียบส่ วนประกอบสาคัญ
ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ นาเสนอ
๓. ทดลองและ นิวเคลียส ไซโทพลาซึม เยือหุมเซลล์ แวคิว
่ ้ - อภิปราย ตั้งคาถาม 1.การสื่ อสาร การตั้ง 1. ซื่อสัตย์
อธิบายหน้าที่ โอล เป็ นส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์สัตว์ - สื บค้นข้อมูล บันทึกผล 2. การคิด คาถาม สุ จริ ต
ของ มีหน้าที่แตกต่างกัน - บัน
ส่ วนประกอบ นิวเคลียส ไซโทพลาซึม เยือหุมเซลล์
่ ้ - ทาใบงานที่ 3-4 3.ไฝ่ เรี ยนรู้ ตั้งคาถาม 2. มีวนยิ ั
ที่สาคัญของ แวคิวโอล ผนังเซลล์และครอโรพลาสต์เป็ น 4. มุ่งมันใน
่ สังเกตและ 3. ใฝ่ เรี ยนรู้
เซลล์พืชและ ส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์พืช มีหน้าที่ การทา สารวจ 4. มุ่งมันใน
่
เซลล์สัตว์ แตกต่างกัน รวบรวม การทางาน
สังเกต ตั้งคาถาม ตั้งสมมติฐาน วางแผน
การทดลอง ทดลอง รวบรวม จัดกระทา นาเสนอ
วิเคราะห์ บันทึกผล สรุ ป และสร้างแบบจาลอง
หรื อแผนภาพอธิ บายหน้าที่แต่ละส่ วนประกอบ
ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ นาเสนอผลงาน
- 3. 1
แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 1
สาระการเรี ยนรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้ นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
ชื่อวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 21101
เรื่อง โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ จานวน 4 ชัวโมง ่
************************************************************************************
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่ งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้ าง และหน้าที่ของระบบ
ั
ต่างๆ ของสิ่ งมีชีวตที่ทางานสัมพันธ์กน มีกระบวนการสื บเสาะหาความรู ้ สื่ อสารสิ่ งที่เรี ยนรู ้และนาความรู ้ไปใช้
ิ
ในการดารงชีวตของตนเองและดูแลสิ่ งมีชีวต
ิ ิ
ตัวชี้วด ั
ว 1.1 ม.1/1 สังเกตและอธิ บายรู ปร่ าง ลักษณะของเซลล์ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว และ
ิ
เซลล์ของสิ่ งมีชีวตหลายเซลล์
ิ
ว 1.1 ม.1/2 สังเกตและเปรี ยบเทียบส่ วนประกอบสาคัญของเซลล์พืชและเซลล์สตว์ ั
ว 1.1 ม. 1/3 ทดลองและอธิ บายหน้าที่ของส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิ ตวิทยาศาสตร์ ในการสื บเสาะหาความรู้ การ
่
แก้ปัญหา รู ้ วาปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิ ดขึ้นส่ วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิ บายและตรวจสอบ
ได้ ภายใต้ขอมูลและเครื่ องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่ งแวดล้อมมี
้
ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กน ั
ตัวชี้วดั
ว 8.1 ม.1/8 บันทึกและอธิบายผลการสังเกต การสารวจตรวจสอบค้นคว้าเพิ่มเติมจาก
แหล่ ง ความรู ้ ต่าง ๆ ให้ไ ด้ข ้อมู ล ที่เชื่ อถื อได้ และยอมรับ การเปลี่ ยนแปลงความรู้ ที่ ค้นพบเมื่ อมี ขอมูล และ
้
ประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรื อโต้แย้งจากเดิม
สาระการเรี ยนรู้
เซลล์ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว และเซลล์ของ สิ่ งมีชีวตหลายเซลล์ เช่น เซลล์พืช และเซลล์สตว์มีรูปร่ าง
ิ ิ ั
ลักษณะแตกต่างกัน
นิวเคลียส ไซโทพลาซึ ม และเยือหุ มเซลล์ เป็ นส่ วนประกอบสาคัญของเซลล์ท่ีเหมือนกันของเซลล์พืช
่ ้
และเซลล์สัตว์
ผนังเซลล์และคลอโรพลาสต์ เป็ นส่ วนประกอบ ที่พบได้ในเซลล์พืช
นิวเคลียส ไซโทพลาซึ ม เยือหุ มเซลล์ แวคิวโอล เป็ นส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์สัตว์ มีหน้าที่แตกต่างกัน
่ ้
- 4. 2
นิวเคลียส ไซโทพลาซึม เยือหุมเซลล์ แวคิวโอล ผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์ เป็ นส่ วนประกอบที่
่ ้
สาคัญของเซลล์พืช มีหน้าที่แตกต่างกัน
ทักษะ/กระบวนการ
1. ใช้กระบวนการวิจยในการเรี ยนรู้
ั
2. ใช้ทกษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ั
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. ซื่อสัตย์สุจริ ต
2. มีวนย
ิ ั
3. ใฝ่ เรี ยนรู้
4. มุ่งมันในการทางาน
่
เปาหมาย/จุดเน้ นของโรงเรี ยน
้
นักเรี ยนสามารถเรี ยนรู้โดยใช้กระบวนการวิจย
ั
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. การตั้งคาถาม(ลักษณะของเซลล์ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว และ เซลล์ของสิ่ งมีชีวตหลายเซลล์)
ิ ิ
2. การวางแผนการค้นหาคาตอบ ตามคาถามที่ต้ งไว้ ั
3. การค้นหาคาตอบโดยการใช้ทกษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ั
4. จัดทาแผนผังความคิดเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
5. สรุ ปผลการศึกษา/นาเสนอผลงาน
กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นตั้งคาถาม (ชั่วโมงที่ 1-2 )
1. กระตุนความสนใจของนักเรี ยนโดยการนาภาพ และวิดิทศน์ มาให้นกเรี ยนดู
้ ั ั
- 5. 3
วิดิทศน์
ั
2. แบ่งกลุ่มให้นกเรี ยนช่วยกันตั้งคาถามเพื่อหาว่าภาพที่เห็นคืออะไร
ั
3. ให้นกเรี ยนแต่ละกลุ่มสรุ ปคาถาม นาคาถาม ซึ่ งคาดว่าจะนาไปสู่ การค้นหาคาตอบได้มาเขียนสรุ ป
ั
คาถามของแต่ละกลุ่ม
4. นักเรี ยนคิดว่า การศึกษาโครงสร้างของสิ่ งมีชีวตขนาดเล็ก ที่เป็ นพืช และ สัตว์ จะศึกษา
ิ
ได้อย่างไร
5. นักเรี ยนคิดว่าหน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวตมีขนาดเท่าใด สามารถมองดูดวยตาเปล่าได้หรื อไม่
ิ ้
นักเรี ยนสามารถนาอุปกรณ์ชนิดใดมาช่วยในการมองดูได้บาง ้
ขั้นที่ 2 ขั้นเตรียมการค้ นหาคาตอบ (ชั่วโมงที่ 3 )
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มนาคาถามจากครั้งก่อนมาร่ วมกันค้นหาคาตอบโดยศึกษาใบความรู้ และดูวดิโอ ครู ิ
กระตุนให้นกเรี ยนออกแบบการค้นหาคาตอบ
้ ั
2. นักเรี ยนคิดว่า การศึกษาโครงสร้างของสิ่ งมีชีวตขนาดเล็ก ที่เป็ นพืช และ สัตว์ จะศึกษาได้อย่างไร
ิ
3. นักเรี ยนคิดว่าหน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวตมีขนาดเท่าใด สามารถมองดูดวยตาเปล่าได้หรื อไม่
ิ ้
นักเรี ยนสามารถนาอุปกรณ์ชนิดใดมาช่วยในการมองดูได้บาง ้
4. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ร่ วมกันศึกษาใบกิจกรรมที่ 1 และร่ วมกันอภิปราย ตั้งปั ญหา ตั้งสมมติฐาน วาง
แผนการทดลอง
- 6. 4
5. ครู แนะนาวิธีการทาสไลด์สด จากเยือหอม และบอกข้อควรระวังในการทดลองและการสังเกตผลการ
่
ทดลอง
ขั้นที่ 3 ขั้นดาเนินการค้ นหาและตรวจสอบคาตอบ (ชั่วโมงที่ 4 - 5)
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มทาการทดลองตามใบกิจกรรมที่ 2 เรื่ อง ส่ วนประกอบของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
โดยครู เน้นย้าเรื่ อง การใช้กล้องจุลทรรศน์
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ร่ วมกันอภิปรายผลการทดลอง เกี่ยวกับภาพของเยือหอม สาหร่ ายหางกระรอก
่
และเยือบุขางแก้ม ว่ามีความเหมือนหรื อแตกต่างกันอย่างไร
่ ้
3. ให้นกเรี ยนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู ้ที่ 3 เกี่ยวกับ หน้าที่ของส่ วนประกอบของเซลล์พชและเซลล์
ั ื
สัตว์
4. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม วาดภาพเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ที่ได้จากการทดลอง และแสดงส่ วนประกอบ
หน้าที่ของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ขั้นที่ 4 ขั้นสรุ ปและนาเสนอผลการค้ นหาคาตอบ (ชั่วโมงที่ 4)
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม นาภาพวาดนาเสนอหน้าชั้นเรี ยน พร้อมทั้งอธิ บายถึงรู ปร่ าง ลักษณะของ
สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวและสิ่ งมีชีวตหลายเซลล์ หน้าที่ และส่ วนประกอบของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ิ ิ
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ร่ วมกันอภิปราย ข้อแตกต่างระหว่าง เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
3. นักเรี ยนและครู ร่วมกันอภิปราย หน้าที่ของส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์พชและ ื
เซลล์สัตว์
4. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับ รู ปร่ าง หน้าที่ และส่ วนประกอบที่สาคัญ
ของเซลล์พืชและเซลล์สตว์ เพิ่มเติม จากห้องสมุดโรงเรี ยน ห้องสมุดกลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์ หรื อห้องศูนย์
ั
อินเตอร์เน็ต
5. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการค้นคว้า จากแหล่งเรี ยนรู ้ มานาเสนอหน้าชั้นเรี ยน
6. ครู ชมเชยนักเรี ยน กลุ่มที่รับผิดชอบ งานที่ได้รับมอบหมาย และทางานเสร็ จตามกาหนด พร้อมทั้ง
แนะนากลุ่มที่ขาดความรับผิดชอบ
7. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มประเมินชิ้นงาน ภาพวาดของแต่ละกลุ่ม โดยร่ วมกันตั้งเกณฑ์ เกี่ยวกับลักษณะ
รู ปร่ างเซลล์ หน้าที่ ส่ วนประกอบ ความถูกต้องของเนื้ อหา
8. นักเรี ยนทาใบกิจกรรมที่ 2 เรื่ อง หน้าที่ส่วนประกอบของเซลล์
- 7. 5
9. นักเรี ยนทาใบกิจกรรมที่ 3 เรื่ อง แผนผังความคิดเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
10. นักเรี ยนทาแบบทดสอบหลังเรี ยน เรื่ อง โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
สื่ อและอุปกรณ์
1. ภาพปริ ศนา
2. กล้องจุลทรรศน์
3. วิดิโอ (ในภาคผนวก)
4. ใบความรู้ที่ 1 เรื่ อง สิ่ งมีชีวต
ิ 2 เรื่ องกล้องจุลทรรศน์ 3 เรื่ อง เซลล์พืช เซลล์สัตว์
5. ใบกิจกรรมที่ 1 - 3
การวัดและประเมินผล
วิธีการวัดและประเมิน
รายการประเมิน วิธีการประเมิน เครื่องมือประเมิน
1. ด้ านความรู้ - ทดสอบ - แบบทดสอบ
การสารวจ การสังเกตส่ วนประกอบที่ - ตรวจใบงาน - ใบงาน
สาคัญของเซลล์พืช และเซลล์สัตว์
การสื บค้นข้อมูล และการอภิปราย
เกี่ยวกับ ลักษณะและรู ปร่ าง ของเซลล์ต่าง
ๆ ของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว กับสิ่ งมีชีวต
ิ ิ
หลายเซลล์ หน้าที่ของส่ วนประกอบของ
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
2. ด้ านทักษะกระบวนการ -การตั้ งคาถาม การ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ
1.ใช้กระบวนการวิจยในการเรี ยนรู้
ั เตรี ยมการค้นหาคาตอบ เรี ยนรู้โดยใช้กระบวนการวิจย
ั
2.ใช้ทกษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ั การค้นหาคาตอบและตรวจ -แบบสังเกตพฤติกรรมการ
คาตอบ การสรุ ปและ เรี ยนรู้โดยใช้ทกษะกระบวนการ
ั
นาเสนอ ทางวิทยาศาสตร์
3. ด้ านคุณลักษณะ
ใฝ่ เรี ยนรู้ -การสังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
- 8. 6
บันทึกการเรียนรู้ เรื่องเซลล์ จาก VCD
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
- 9. 7
ใบความรู้ ที่ 1
เรื่อง เซลล์ของสิ่ งมีชีวต
ิ
่
การศึกษาลักษณะและรู ปร่ างของเซลล์ตางๆ ของสิ่ งมีชีวตพบว่า สิ่ งมีชีวตที่มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว
ิ ิ
เรี ยกว่า สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียว ได้แก่ อะมีบา พารามีเซี ยม ยูกลีนา ฟาคัส ส่ วนสิ่ งมีชีวตที่ประกอบขึ้นจากเซลล์
ิ ิ
หลายเซลล์รวมกันเป็ นรู ปร่ าง เรี ยกว่า สิ่ งมีชีวตหลายเซลล์ ได้แก่ พืช สัตว์
ิ
เซลล์ของสิ่ งมีชีวตประกอบด้วยส่ วนห่อหุ มเซลล์ นิวเคลียส ไซโทพลาซึ ม เซลล์พืชมีส่วนที่ห่อหุ มเซลล์
ิ ้ ้
2 ชั้น คือ ผนังเซลล์ (cell wall) เยือหุมเซลล์ (cell membrane) และ คลอโรพลาสต์
่ ้
่
(Chloroplast) ที่อยูในไซโทพลาซึ ม (Cytoplasm) ส่ วนเซลล์สัตว์ประกอบด้วย เยือหุมเซลล์ (cell ่ ้
membrane) ไซโทพลาซึม (Cytoplasm) และนิวเคลียส (nucleus)
เซลล์ คือหน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวต มีส่วนประกอบพื้นฐานที่สาคัญของสิ่ งมีชีวต เซลล์ของสิ่ งมีชีวต
ิ ิ ิ
อาจมีรูปร่ างและส่ วนประกอบแตกต่างกันเพื่อความเหมาะสมกับการทาหน้าที่
ผูคนพบเซลล์เป็ นคนแรก คือ โรเบิร์ต ฮูก (Robert Hook) เป็ นชาวอังกฤษ พบโครงร่ างที่เป็ นรู ป
้้
เหลี่ยมจากการศึกษาชิ้นไม้คอร์ ก และตั้งชื่ อว่า เซลล์ ต่อมา ชไลเดน (Schleiden) และชวาน (Schwann)
ได้ต้ งทฤษฏีเซลล์ (Cell Theory) มีใจความว่า “ สิ่ งมีชีวตทั้งหลายประกอบด้วยเซลล์และผลิตภัณฑ์ของ
ั ิ
เซลล์ ”
ส่ วนประกอบและหน้ าที่ของเซลล์พช ื
เซลล์พช (Plant cell) มีส่วนประกอบ 3 ส่ วน มีหน้าที่ต่างๆ ดังนี้
ื
1. ส่ วนที่ห่อหุ้มเซลล์ ประกอบด้วย
1.1 เยือหุมเซลล์ (cell membrane) เป็ นเยื่อบางๆ เหนี่ยว ประกอบด้วย
่ ้
สารประเภทไขมันและโปรตีน มีสมบัติเป็ น เยือเลือกผ่าน (semipermeable membrane) ทาหน้าที่
่
ควบคุมปริ มาณและชนิ ดของสารที่ผานเข้าออกจากเซลล์ เช่น อาหาร อากาศ และสารละลายเกลือแร่ ต่างๆ
่
่ ้
1.2 ผนังเซลล์ (cell wall) อยูดานนอกสุ ดของเซลล์ พบเฉพาะเซลล์พชเท่านั้น ทา
ื
่
หน้าที่เสริ มสร้างความแข็งแรงของเซลล์ ทาให้เซลล์พืชคงรู ปอยูได้ ประกอบด้วยเซลล์ลูโลส
2.นิวเคลียส (nucleus) เป็ นส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์ มีลกษณะค่อนข้างกลมภายใน
ั
ของเหลวมีนิวคลีโอลัสและโครมาทิน ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของเซลล์ และกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์
เช่น การหายใจ การบ่งเซลล์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุ กรรม
3. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) เป็ นของเหลวภายในเยื่อหุมเซลล์ ยกเว้น นิวเคลียส มี
้
ส่ วนประกอบที่สาคัญ เช่น โปรตีน ไขมัน และแก๊สต่างๆ ภายในไซโทพลาซึ มประด้วยออร์ แกเนลล์ต่างๆ ซึ่ งมี
รู ปร่ างลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่
- 10. 8
3.1 ไรโบโซม (ribosome) ทาหน้าที่เป็ นแหล่งสังเคราะห์โปรตีน
3.2 เอนโดพลาสมิกเรติคูลม (endoplasmic reticulum) ทาหน้าที่สร้างและ
ั
ขนส่ งโปรตีน
3.3 กอลจิบอดี้ (Golgi body) ทาหน้าที่ขนส่ งโปรตีนออกนอกเซลล์
3.4 คลอโรพลาสต์ (Chloroplast) ประกอบด้วยเยือหุ ้มเซลล์ 2 ชั้น
่
่
ชั้นนอกทาหน้าที่ควบคุมโมเลกุลต่างๆ ที่ผานเข้าออก ชั้นในมีคลอโรฟิ ลล์ (chlorophyll) และเอนไซม์
ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์ดวยแสง ้
3.5 ไมโทคอนเดรี ย (mitochondria) ทาหน้าที่สร้างพลังงาน
3.6 แวคิวโอล (vacuole) ลักษณะเป็ นถุงใส ทาหน้าที่เก็บสะสมของเสี ยก่อนถูกขับ
ออกนอกเซลล์
ส่ วนประกอบและหน้ าที่ของเซลล์สัตว์
เซลล์สัตว์ (Animal cell) มีส่วนประกอบ 3 ส่ วน มีหน้าที่ต่างๆ ดังนี้
่
1. เยือหุมเซลล์ (cell membrane) เป็ นส่ วนที่อยูนอกสุ ดของเซลล์ประกอบด้วย
่ ้
โปรตีนและไขมัน
่
2. มีลกษณะค่อนข้างกลม อยูตรงกลางเซลล์ เป็ นศูนย์กลางควบคุมกิจกรรมภายใน
ั
เซลล์ ภายในนิวเคลียสบรรจุดวยสารควบคุมพันธุ กรรม แต่มีเซลล์บางชนิดเมื่อเจริ ญเติบโตเต็มที่ไม่มีนิวเคลียส
้
เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดง
่
3. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) เป็ นของเหลวที่อยูระหว่างเยือหุ มเซลล์กบ
่ ้ ั
นิวเคลียส ประกอบด้วยออร์ แกเนลล์หลายชนิด ยกเว้น คลอโรพลาสต์ ซึ่ งพบในเซลล์พืชเท่านั้น เซลล์สัตว์ไม่มี
ผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์ ฉะนั้นเซลล์สัตว์จึงอ่อนนุ่มและไม่สามารถสร้างอาหารเองได้
ตารางแสดงข้อแตกต่างระหว่างเซลล์พชและเซลล์สัตว์
ื
รายการ เซลล์พืช เซลล์สัตว์
- 11. 9
1. ผนังเซลล์ มี ไม่มี
2.เยือหุมเซลล์
่ ้ มี มี
3. นิวเคลียส มี มี
4. ไซโทพลาซึม มี มี
5. คลอโรพลาสต์ มี ไม่มี
6.รู ปร่ างของเซลล์ รู ปเหลี่ยม รู ปค่อนข้างกลม
7. ความแข็งแรงของเซลล์ ่
แข็งแรง คงรู ปอยูได้นาน อ่อนนุ่มไม่สามารถคงรู ปได้
สิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวมีการดาเนินกิจกรรมในการดารงชี วตเช่น การกินอาหาร การขับถ่าย การหายใจ การ
ิ ิ
สื บพันธุ์ และการเคลื่อนที่ สิ่ งมีชีวตหลายเซลล์ ประกอบด้วย เซลล์ (cell) ที่มีการจัดเรี ยงตัวกันเป็ น เนือเยือ
ิ ้ ่
(tissue) หลายๆ เนื้อเยื่อจัดเรี ยงตัวกันเป็ น อวัยวะ (organ) หลายๆ อวัยวะจัดเรี ยงตัวกันเป็ น ระบบอวัยวะ
(organ system) หลายๆ ระบบอวัยวะจัดเรี ยงตัวกันเป็ น ร่ างกาย (body) ของสิ่ งมีชีวต ิ
- 12. 10
ใบความรู้ ที่ 2
เรื่อง กล้ องจุลทรรศน์
กล้ องจุลทรรศน์
พ.ศ. 2215 แอนโทนี แวน ลิวเวนฮุก ( Antonie van Leeuwenhoek ) ชาวดัตช์ เป็ นผูประดิษฐ์กล้อง
้
จุลทรรศน์ชนิดเลนส์เดียว
พ.ศ. 2208 รอเบิร์ต ฮุก ( Robert Hooke ) ชาวอังกฤษ เป็ นผูประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ชนิดเลนส์
้
่
ประกอบ และใช้ตรวจดูแผ่นไม้คอร์ กที่ฝานบางๆ พบว่าประกอบด้วยช่องเล็กๆ คล้ายรังผึ้ง เรี ยกช่องนี้วา เซลล์
กล้องจุลทรรศน์เป็ นเครื่ องมือที่ช่วยขยายขนาดของสิ่ งที่มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะมองเห็นได้ดวยตาเปล่า
้
เช่น เซลล์พช เซลล์สัตว์ เป็ นต้น กล้องจุลทรรศน์มีส่วนประกอบและวิธีใช้ดงนี้
ื ั
ส่ วนประกอบของกล้ องจุลทรรศน์
1. ฐาน เป็ นส่ วนที่ใช้วางบนโต๊ะ และรองรับน้ าหนักของตัวกล้อง
2. แขน เป็ นส่ วนที่เชื่ อมระหว่างตัวกล้องกับฐาน
2. แท่นวางวัตถุ เป็ นแท่นสาหรับวางวัตถุหรื อสไลด์ มีช่องกลมอยูตรงกลางเพื่อให้แสงจาก
่
ด้านล่างส่ องผ่านขึ้นมาได้
่ ่ ั
3. ที่หนีบสไลด์ เป็ นแผ่นโลหะอยูบนแท่นวางวัตถุ ทาหน้าที่หนีบสไลด์ให้อยูกบที่
4. ลากล้อง เป็ นท่อเชื่ อมระหว่างเลนส์ใกล้ตากับเลนส์ใกล้วตถุ
ั
5. เลนส์ใกล้ตา เป็ นเลนส์นูน ทาหน้าที่ขยายภาพของวัตถุ สามารถถอดเปลี่ยนกาลังขยายได้
6. เลนส์ใกล้วตถุ เป็ นเลนส์นูน ทาหน้าที่ขยายภาพของวัตถุให้เลนส์ใกล้ตา มีกาลังขยายให้
ั
เลือกได้ 3 ขนาด
7. กระจกเงา เป็ นกระจกเว้า ทาหน้าที่สะท้อนแสงให้ส่องไปที่วตถุั
8. ปุ่ มปรับภาพหยาบ สาหรับใช้หมุนหาภาพของวัตถุก่อนใช้ปุ่มปรับภาพละเอียด
9. ปุ่ มปรับภาพละเอียด สาหรับใช้หมุนปรับภาพของวัตถุให้เห็นชัดเจนยิงขึ้น
่
วิธีการใช้กล้องจุลทรรศน์
กล้องจุลทรรศน์มีความสาคัญมากสาหรับการทางานในห้องปฏิบติการทางวิทยาศาสตร์
ั
และเนื่องจากเป็ นอุปกรณ์ท่ีมีส่วนประกอบและการใช้งานที่ซบซ้อน ดังนั้นจึงจาเป็ นต้องเรี ยนรู ้วธีการใช้และ
ั ิ
ฝึ กฝนเพื่อให้เกิดทักษะที่ถูกต้องดังนี้
- 13. 11
1. วางตัวกล้องบนพื้นราบที่มีความแข็งแรงและมีแสงสว่างเพียงพอโดยให้ลากล้องตั้งตรง
2. หมุนเลนส์ใกล้วตถุ โดยเลือกเลนส์ที่มีกาลังขยายต่าสุ ดมาใช้ก่อน
ั
3. ปรับกระจกเงาใต้แท่นวางวัตถุให้แสงส่ องผ่านเข้าสู่ ลากล้องได้เต็มที่ โดยมองผ่านเลนสใกล้ตาจะ
เห็นวงกลมสว่างที่สุด
่
4. วางแผ่นสไลด์ที่เตรี ยมไว้บนแท่นวางวัตถุ จัดวัตถุให้อยูตรงตาแหน่งที่มีแสงส่ องผ่านได้
แล้วใช้ที่หนีบสไลด์จบแผ่นสไลด์ให้แน่น
ั
5. หมุนปุ่ มปรับภาพหยาบจนเลนส์ใกล้วตถุเลื่อนลงมาต่าที่สุด โดยไม่ชนแผ่นสไลด์
ั
6. มองผ่านเลนส์ใกล้ตาแล้วค่อยๆ หมุนปุ่ มปรับภาพหยาบเลื่อนขึ้นจนมองเห็นภาพของวัตถุ ปรากฏ
ขึ้นชัดเจนที่สุด แล้วจึงหมุนปุ่ มปรับภาพละเอียด ขณะนี้ อาจเลื่อนแผ่นสไลด์เพื่อ
่
ให้มองเห็นวัตถุในตาแหน่งที่เราสนใจอยูตรงกลางพอดี
7. ถ้าต้องการขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ข้ ึน ให้หมุนเลนส์ ใกล้วตถุท่ีมีกาลังขยายสู งมาแทนที่
ั
โดยไม่ตองเลื่อนแผ่นสไลด์ แล้วให้หมุนปุ่ มปรับภาพละเอียด เพื่อปรับภาพให้ชดเจนมาก
้ ั
ขึ้น (ห้ามใช้ปุ่มปรับภาพหยาบ)
8. บันทึกภาพที่เห็นภายใต้กล้องจุลทรรศน์ และระบุกาลังขยายที่ใช้
วิธีคานวณกาลังขยาย
กาลังขยายของกล้อง = กาลังขยายของเลนส์ใกล้ตา x กาลังขยายของเลนส์ใกล้วตถุ ั
เช่น กาลังขยายของกล้อง = 10 x 40
= 400
หมายความว่า ภาพที่มองเห็นจากกล้องจุลทรรศน์มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุจริ ง 400 เท่า
ข้ อควรระวังในการใช้ กล้ องจุลทรรศน์
กล้องจุลทรรศน์เป็ นเครื่ องมือที่มีราคาแพงและมีความซับซ้อนในการใช้งาน ผูใช้ ้
จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังและรักษาความสะอาดอยูเ่ สมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี ยหายและสามารถนาไปใช้งาน
ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ข้อควรระวังมีดงนี้
ั
1. การยกกล้องเพื่อเคลื่อนย้าย ให้ใช้มือหนึ่งจับที่แขนของกล้อง อีกมือหนึ่งใช้รองที่ใต้ฐาน ปรับให้ตรง
และยกกล้องในลักษณะตั้งตรง
2. ขณะที่หมุนปรับภาพหยาบเพื่อเลื่อนเลนส์ใกล้วตถุลงใกล้แผ่นสไลด์ ให้คอยมองด้านข้างของเลนส์
ั
ใกล้วตถุไม่ให้ชนแผ่นสไลด์
ั
3. การมองภาพในกล้องจุลทรรศน์ควรลืมตาทั้ง 2 ข้าง
4. การเช็ดเลนส์ให้ใช้กระดาษเช็ดเลนส์เท่านั้น
5. การเก็บกล้องจุลทรรศน์เมื่อใช้งานเสร็ จแล้ว ควรปฏิบติดงนี้
ั ั
- 14. 12
5.1ใช้ผาแห้งนุ่มทาความสะอาดตัวกล้อง
้
5.2 เลื่อนที่หนีบสไลด์ให้ขนานกัน
่
5.3 ปรับกระจกเงาให้อยูในแนวดิ่งตั้งฉากกับตัวกล้อง
่
5.4 หมุนเลนส์ใกล้วตถุท่ีมีกาลังขยายต่าสุ ดให้ตรงกับลากล้อง และเลื่อนให้อยูในระดับต่าที่สุด
ั
- 15. 13
ใบความรู้ ที่ 3 เรื่อง เซลล์พช และเซลล์สัตว์
ื
เซลล์ (Cell) คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวต
ิ
่
เซลล์พช คือหน่วยที่เล็กที่สุดของพืช เซลล์มีอยูในทุกส่ วนของพืช อาจจะมีรูปร่ าง หน้าที่และ
ื
ส่ วนประกอบแตกต่างกันบ้าง แต่โดยทัวไปเซลล์มีส่วนประกอบดังนี้
่
1. ผนังเซลล์ (cell wall) อยูนอกสุ ด พบเฉพาะในเซลล์พืชเท่านั้น ผนังเซลล์ช่วยเสริ มสร้างความแข็งแรง
่
ให้แก่เซลล์ ทาให้เซลล์พืชคงรู ปอยูได้ ส่ วนใหญ่เป็ นสารพวกเซลลูโลสซึ่ งสร้างมาจากน้ าตาล ผนังเซลล์มีช่อง
่
เล็กๆให้สารต่างๆเข้าออกได้
2. เยือหุมเซลล์ (cell membrane) มีลกษณะเป็ นเยือบางๆ ซึ่งเป็ นสารประเภทโปรตีน
่ ้ ั ่
และไขมัน ทาหน้าที่ห่อหุ มไซโทพลาสซึ มให้รวมกันอยูได้ และทาหน้าที่ควบคุมปริ มาณและชนิดของสารที่
้ ่
ผ่านเข้าออกจากเซลล์ เช่น น้ า อากาศ ของเสี ย เกลือแร่ และอื่นๆ
่
3. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) เป็ นของเหลวที่อยูรอบ ๆ นิวเคลียส ประกอบด้วยสารประกอบหลาย
ชนิด เช่น น้ าตาล โปรตีน ไขมัน คาร์ โบไฮเดรต และเกลือแร่ ชนิ ดต่างๆ ในไซโท พลาสซึ ม มีเม็ดสี เขียว เรี ยกว่า
คลอโรพลาสต์ (chloroplast) ซึ่ งภายในมีน้ าและโมเลกุลของสารสี เขียว เรี ยกว่า คลอโรฟิ ลล์ (chlorophy) ซึ่งใช้
ในการสังเคราะห์ดวยแสงของพืช
้
4. นิวเคลียส (Nucleus) มีลกษณะค่อนข้างกลม ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของเซลล์ การเจริ ญเติบโต
ั
และการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุ กรรมจากพ่อแม่ไปสู่ ลูกหลาน
่
เซลล์สัตว์ คือหน่วยที่เล็กที่สุดของสัตว์ ซึ่ งมีอยูในทุก ๆส่ วนของสัตว์ อาจจะมีรูปร่ าง ขนาดและ
ลักษณะแตกต่างกันออกไป ตามแต่ชนิดและหน้าที่ของเซลล์ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทมีลกษณะ ั
เป็ นเส้นยาว เซลล์เม็ดเลือดแดงของกบมีลกษณะรี เป็ นรู ปไข่มีนิวเคลียสตรงกลาง แต่เซลล์เม็ดเลือดแดงของ
ั
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีลกษณะกลมและไม่มีนิวเคลียส
ั
- 16. 14
ส่ วนประกอบและหน้ าที่ของเซลล์สัตว์
เซลล์สัตว์มีส่วนประกอบและหน้าที่ของเซลล์ดงนี้
ั
1. เยือหุ้มเซลล์ เป็ นส่ วนนอกสุ ดของเซลล์ ประกอบด้วยไขมันและโปรตีน
่
่
2. นิวเคลียส มีลกษณะค่อนข้างกลม อยูบริ เวณกลางเซลล์ เป็ นศูนย์กลางควบคุมกิจกรรมภายในเซลล์ ใน
ั
นิวเคลียสบรรจุดวย สารควบคุมลักษณะทางพันธุ กรรม ในเซลล์บางชนิดที่เจริ ญเติบโตเต็มที่แล้ว อาจไม่มี
้
นิวเคลียส เช่น เซลล์เม็ดเลือดแดงของคน เป็ นต้น
่
3. ไซโทพลาซึม เป็ นส่ วนที่อยูระหว่างเยื่อหุ มเซลล์ กับนิ วเคลียส ซึ่ งไม่พบคลอโรพลาสต์ เหมือนใน เซลล์พืช
้
เซลล์สัตว์ก็เช่นเดียวกับเซลล์พืช คือ ประกอบด้วยส่ วนที่เป็ นนิวเคลียสและไซโทพลาซึ มแต่ในไซ
โทพลาซึ มของเซลล์สัตว์ไม่มีคลอโรพลาสต์ จึงเป็ นเหตุผลหนึ่งที่สัตว์สร้างอาหารเองไม่ได้ นอกจากนี้ เซลล์
สัตว์ยงต่างจากเซลล์พืชอีกประการหนึ่งคือ เซลล์สัตว์ไม่มีผนังเซลล์ (cell wall)
ั
มีแต่เยือหุมเซลล์ (cell membranc) ล้อมรอบไซโทพลาซึ มเท่านั้น
่ ้
- 17. 15
ใบกิจกรรมที่ 1
สรุ ปคาถามของสมาชิกในกลุ่มที่...........
………………………………………………
…………………………………
………………………………………………
…………………………………
……………………………………………..
…………………………………
….
………………………………………… ………………………………………
………………………………………… ………………………………………
……………………………………….. ……………………….
………………………………………………
……………………………………
………………………………………………
……………………………………
……………………………………………..
……………………………….
ชื่อสมาชิกในกลุ่ม
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
………
- 18. 16
ใบกิจกรรมที่ 2
เรื่อง ส่ วนประกอบของเซลล์พชและเซลล์สัตว์
ื
สิ่ งมีชีวตทุกชนิดประกอบด้วยหน่วยที่เล็กที่สุดเรี ยกว่า เซลล์ พืชและสัตว์คือสิ่ งมีชีวตที่เกิดขึ้นจาก
ิ ิ
เซลล์แต่ละเซลล์มาเชื่อมต่อกันเป็ นจานวนหลายล้านเซลล์ เซลล์จึงเป็ นหน่วยย่อยขนาดเล็กที่มีการดาเนิน
กิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์
ขั้นตั้งคาถาม
1. นักเรี ยนคิดว่าเซลล์พชและเซลล์สัตว์ มีรูปร่ างลักษณะเป็ นอย่างไร
ื
2. นักเรี ยนคิดว่าเซลล์พชและเซลล์สัตว์มีส่วนประกอบที่เหมือนกัน หรื อแตกต่างกันอย่างไร
ื
3. ประเด็นปั ญหาคืออะไร
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
ขั้นเตรียมการค้ นหาคาตอบ
1. นักเรี ยนร่ วมกันตั้งสมมติฐาน
2. นักเรี ยนและครู ร่วมกันวางแผนออกแบบการทดลอง
3. ครู ให้คาแนะนาวิธีการทดลองเพิ่มเติม พร้อมทั้งชี้ แนะข้อควรระวังในการทดลอง
ขั้นดาเนินการค้ นหาคาตอบและตรวจสอบคาตอบ
1. ศึกษาเซลล์ของเยือหอม
่
หยดน้ าลงบนสไลด์ 1-2 หยด ให้พอท่วม
1.1 ลอกเยือด้านในของกลีบหัวหอม วางลงบนหยดน้ า และปิ ดด้วยกระจกปิ ดสไลด์ระวังอย่า
่
ให้มีฟองอากาศ
1.2 ย้อมสี โดยหยดสารละลายไอโอดีน 1 หยด
1.3 นาไปตรวจดูดวยกล้องจุลทรรศน์ โดยใช้เลนส์ใกล้วตถุกาลังขยายต่าและกาลังขยายสู ง
้ ั
ตามลาดับ วาดรู ป และชี้ส่วนประกอบของเซลล์ลงในตารางบันทึกผลการทดลอง
2. ศึกษาเซลล์ของสาหร่ ายหางกระรอก โดยนาใบอ่อนบริ เวณยอดอ่อนมาวางบนหยดน้ าบนสไลด์ ปิ ด
ทับด้วยกระจกปิ ดสไลด์ และดาเนินการเช่นเดียวกับข้อ 1.3
3. ศึกษาเซลล์เยือบุขางแก้ม
่ ้
3.1 หยดสารละลายโซเดียมคลอไรด์ ลงบนสไลด์ 1 หยด
- 19. 17
3.2 ใช้ปลายไม้จิ้มฟันด้านป้ านจุ่ม เอทิลแอลกอฮอล์ 70% ทิ้งให้แห้งสักครู่ นาไปขูดเบา ๆ
ที่ผวเยือบุขางแก้มในปาก และนามาเกลี่ยให้กระจายบนสไลด์
ิ ่ ้
3.3 ดาเนินการเช่นเดียวกับ ข้อ 1.3
อุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมนี้มีอะไรบ้าง
1…………………………………………………………………………………………………
2…………………………………………………………………………………………………
3…………………………………………………………………………………………………
ตารางบันทึกผลการทดลอง
เซลล์ทนามาศึกษา
ี่ ภาพของเซลล์ ส่ วนประกอบทีพบ
่
1. เยือหอม
่
2. สาหร่ ายหางกระรอก
3. เยือบุขางแก้ม
่ ้
สรุ ปผลการทดลองและการคิดวิเคราะห์
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
คาถามท้ายการทดลองและการคิดวิเคราะห์
1. นักเรี ยนสังเกต เซลล์สาหร่ ายหางกระรอกมีลกษณะแตกต่างจากเซลล์เยือบุขางแก้มอย่างไร
ั ่ ้
2. เซลล์พืชมีรูปร่ างแตกต่างจากเซลล์สัตว์อย่างไร
3. ส่ วนประกอบใดบ้างที่พบในเซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์
ขั้นสรุ ปและนาเสนอผลการค้ นหาคาตอบ
1. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม นาภาพวาดนาเสนอหน้าชั้นเรี ยน พร้อมทั้งอธิ บายถึงรู ปร่ าง ลักษณะ หน้าที่ และ
ส่ วนประกอบของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
2. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ร่ วมกันอภิปราย ข้อแตกต่างระหว่าง เซลล์พืชและเซลล์สัตว์
- 20. 18
3. นักเรี ยนและครู ร่วมกันอภิปราย หน้าที่ของส่ วนประกอบที่สาคัญของเซลล์พชและ ื
เซลล์สัตว์
4. นักเรี ยนแต่ละกลุ่ม ศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับ รู ปร่ าง หน้าที่ และส่ วนประกอบที่สาคัญ
ของเซลล์พืชและเซลล์สตว์ เพิมเติม จากห้องสมุดโรงเรี ยน ห้องสมุดกลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์ หรื อห้องศูนย์
ั ่
อินเตอร์เน็ต
5. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการค้นคว้า จากแหล่งเรี ยนรู ้ มานาเสนอหน้าชั้นเรี ยน
6. นักเรี ยนแต่ละกลุ่มประเมินชิ้นงาน ภาพวาดของแต่ละกลุ่ม โดยร่ วมกันตั้งเกณฑ์
เกี่ยวกับ ลักษณะ รู ปร่ างเซลล์ หน้าที่ ส่ วนประกอบ ความถูกต้องของเนื้อหา
- 21. 19
ใบกิจกรรมที่ 3
เรื่อง หน้ าที่และส่ วนประกอบของเซลล์
คาชี้แจง นักเรี ยนร่ วมกันอภิปรายในกลุ่ม เพื่อตอบคาถามต่อไปนี้
่
1. นักเรี ยนคิดว่าเยื่อหุ มเซลล์มีคุณสมบัติอย่างไร จึงทาให้สารเคลื่อนที่ผานไปได้หรื อผ่าน
้
ไป ไม่ได้ นักเรี ยนมีวธีการทดลองอย่างไร
ิ
2. เซลล์โดยทัวไปจะมีโครงสร้างพื้นฐานเป็ นอย่างไร จงอธิ บายพร้อมวาดภาพประกอบ
่
3. นักเรี ยนคิดว่ารู ปร่ างของเซลล์มีความสัมพันธ์ กับการทาหน้าที่ของเซลล์น้ นหรื อไม่
ั
อย่างไร จงอธิบาย พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
4. ถ้านักเรี ยนอยากทราบว่า รู ปร่ างลักษณะของสิ่ งมีชีวตเซลล์เดียวและสิ่ งสิ่ งมีชีวตหลายเซลล์มี
ิ ิ
ลักษณะเหมือนหรื อต่างกันอย่างไร นักเรี ยนจะมีวธีการอย่างไร
ิ
- 22. 20
ใบกิจกรรมที่ 4
เรื่องแผนผังความคิด เซลล์พืช และเซลล์สัตว์
ให้นกเรี ยนเขียนแผนผังความคิด ของเซลล์พช และ เซลล์สัตว์ เพื่อบอกถึงส่ วนประกอบและหน้าที่
ั ื
ของเซลล์พืชและเซลล์สตว์ ตามความคิดของนักเรี ยน ตกแต่งระบายสี ให้สวยงาม
ั
- 23. 21
เกณฑ์ การให้ คะแนนผลงานหรือชิ้นงาน
นาหนักคะแนน (คุณภาพ)
้
ชิ้นงาน
๔ ๓ ๒ ๑
๑. สรุ ปองค์ความรู ้ ๑. สรุ ปส่วนประกอบของ ๑. สรุ ปส่วนประกอบ ๑. สรุ ปส่วนประกอบ ๑. สรุ ปส่วนประกอบ
เกี่ยวกับเซลล์ เซลล์พืชและหน้าที่ได้ครบ และหน้าที่ของเซลล์พืช และหน้าที่ของเซลล์พืช และหน้าที่ของเซลล์พืช
ทุกรายการ และเซลล์สตว์ ไม่ครบ ๒ และเซลล์สตว์ ไม่ครบ
ั ั และเซลล์สตว์ ไม่ครบ
ั
๒. สรุ ปเกี่ยวกับ รายการ ๓-๔ รายการ มากกว่า ๔ รายการ
ส่วนประกอบของเซลล์ ๒. เขียนผังความคิด ๒. เขียนผังความคิด ๒. เขียนผังความคิด
สัตว์และหน้าที่ได้ครบทุก - จัดวางองค์ประกอบ - จัดวางองค์ประกอบ - จัดวางองค์ประกอบ
รายการ ไม่ได้สดส่วน ๑-๒
ั ไม่ได้สดส่วน ๓-๔
ั ไม่ได้สดส่วนตั้งแต่ ๕
ั
๓. เขียนผังความคิด ตาแหน่ง ตาแหน่ง ตาแหน่ง
- จัดวางองค์ประกอบได้ - สะอาดหรื อความ - ไม่ค่อยสะอาด มี - ไม่สะอาด และไม่
เหมาะสมกับพื้นที่ สวยงามค่อนข้างดี ร่ องรอยให้เห็นสะอาด เป็ นระเบียบ
- สะอาดดี พอสมควร
- สวยงามเป็ นระเบียบ
๒. การเขียน ๑. รู ปแบบถูกต้อง ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ระบุ ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ระบุ ถูกต้องตามเกณฑ์ที่ระบุ
รายงานผลการ ๒. เขียนจุดประสงค์ได้ ในน้ าหนักคะแนน ๔ ในน้ าหนักคะแนน ๔ ในน้ าหนักคะแนน ๔
ทดลอง ถูกต้อง ๖ รายการ ๕ รายการ ต่ากว่า ๕ รายการ
๓. มีการระบุตาแหน่งได้
ถูกต้อง
๔. เขียนวิธีการทดลองได้
ถูกต้องชัดเจน
๕. มีภาพประกอบการ
ทดลอง
๖. บันทึกผลการทดลองได้
เหมาะสม
๗. วิเคราะห์และสรุ ปได้
ถูกต้อง
- 24. 22
แบบทดสอบ เรื่องเซลล์พชและเซลล์สัตว์
ื
คาสั่ ง : ให้นกเรี ยนบอกความแตกต่างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ (อธิบายพอสังเขป)
ั
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่ างของเซลล์พชและเซลล์สัตว์
ื
รายการ เซลล์พช
ื เซลล์สัตว์
รู ปร่ าง
ผนังเซลล์
คลอโรพลาสต์
เซนทริ โอล
แวคคิวโอล
ไลโซโซม
- 25. 23
ให้ ผ้ ูเรี ยนเติมส่ วนประกอบของเซลล์ ลงในช่ องว่ างและบอกหน้ าที่ของส่ วนประกอบต่ างๆ ให้ ถูกต้ อง
1.
2.
3.
5.
4.
ส่ วนประกอบที่ หน้าที่
1.
2.
3.
4.
5.
- 26. 24
บันทึกการเรียนรู้ เรื่องเซลล์ จาก VCD
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................. …………