More Related Content
Similar to ธันยพร นกศิริ ม409 เลขที่2
Similar to ธันยพร นกศิริ ม409 เลขที่2 (20)
ธันยพร นกศิริ ม409 เลขที่2
- 3. ข้อ มูล (DATA) คือ สิ่งทีใช้อธิบาย
่
คุณลักษณะของวัตถุ เหตุการณ์ กิจกรรม
โดยบันทึกจากการสังเกต การทดลอง หรือ
การสำารวจด้วยการแทนรูปแบบใดรูปแบบ
หนึ่ง เช่น บันทึกไว้เป็นตัวเลข ข้อความ
รูปภาพ และสัญลักษณ์
ตัวอย่างของข้อมูลต่าง ๆ ทีนกเรียน
่ ั
สามารถพบเห็นในชีวิตประจำา เช่น เกรดที่
นักเรียนได้รับในแต่ละวิชา ราคาสินค้า
ชนิดต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้า รูปภาพและ
ข้อความต่าง ๆ ทีปรากฏในเว็บไซต์
่
- 4. สารสนเทศ (Information) หมายถึง
ผลลัพธ์ที่เกิดจากการนำาข้อมูลมาประมวล
ผล เพือให้ได้สิ่งทีเป็นประโยชน์ในการนำา
่ ่
ไปใช้งานมากขึ้น เช่น ส่วนสูงของ
นักเรียนหญิงและนักเรียนชายแต่ละคนใน
ชั้นเรียนเป็นข้อมูล จะสามารถสร้าง
สารสนเทศจากข้อมูลเหล่านีได้หลายรูป
้
แบบ เพื่อนำาไปใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่าง
กัน ตัวอย่างเช่น การนำาข้อมูลเหล่านีมา
้
เรียงตามลำาดับจากมากไปน้อย หรือการ
หาค่าเฉลี่ยของส่วนสูงของนักเรียน
- 5. ความรู้ (Knowledge) คือ สิ่งทีประกอบด้วยข้อมูล
่
และสารสนเทศทีถกจัดรูปแบบและประมวลผลเพื่อนำา
่ ู
ไปประยุกต์ใช้ในปัญหาทีต้องการนำาข้อมูลและ
่
สารสนเทศเหล่านีไปแก้ไข
้
นิยามความรู้ทเกี่ยวข้องกับเรื่องของข้อมูลและ
ี่
สารสนเทศ คือ ความรู้ทแฝงอยู่ในข้อมูล เป็นสิ่งที่
ี่
สามารถสกัดจากสารสนเทศทีมรูปแบบน่าสนใจ เป็น
่ ี
จริงสำาหรับข้อมูลใหม่หรือข้อมูลทีไม่เคยเห็นมาก่อน
่
เป็นรูปแบบใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งผลลัพธ์
สุดท้ายจากการวิเคราะห์สารสนเทศจะได้เป็นความรู้
ทีเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ได้
่
- 7. ระบบสารสนเทศเพือการจัดการความรู้ สามารถช่วยองค์
่
กรนการจัดการความรู้เหล่านี้ได้ โดยระบบนี้ จะทำางาน
แตกต่างกันไปตามจุดมุงหมายขององค์กร ผู้ใช้ในองค์กร
่
ประกอบด้วย พนักงานทัวไป ผู้บริหาร หรือบุคคล
่
ภายนอก เป็นผู้สร้างสารสนเทศเพือเก็บไว้ในระบบ โดย
่
ระบบจะต้องสามารถจัดหมวดหมู่ ค้นหา รวมถึงกระจาย
สารสนเทศให้กบผู้ใช้คนอื่น เพือให้ผู้ใช้แต่ละคน
ั ่
สามารถนำาสารสนเทศไปใช้ได้ตามสิทธิ์ของตนเอง
ความฉลาดร่วม (collective intelligence) เป็นการ
สร้างความฉลาดหรือสร้างความรู้ร่วมกันระหว่างผู้ใช้
ตัวอย่างของการสร้างความรู้ในลักษณะนี้ เช่น วิกพีเดีย
ิ
(Wikipedia) ผู้ใช้แต่ละคนสามารถเพิมเติม แก้ไข
่
ข้อมูลร่วมกันได้ โดยผู้ใช้คนอื่น ๆ ทีไม่ได้มส่วนร่วมใน
่ ี
การเพิ่มเติมหรือแก้ไขข้อมูล ก็สามารถเข้าถึงและใช้
ข้อมูลหรือความรู้เหล่านันได้ เป็นต้น
้
- 9. ข้อมูลทีดีควรมีลักษณะดังนี้
่
1)ความถูกต้องของข้อมูล
2) ความสมบูรณ์ครบถ้วนใน
การนำาไปใช้งาน
3) ความถูกต้องตามเวลา
4) ความสอดคล้องกันของข้อมูล
- 10. ประเภทของข้อมูล จำาแนกข้อมูลออกเป็นประเภท จะแบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) หมายถึง ข้อมูล
ทีได้จากการรวบรวม หรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง
่
ซึ่งอาจจะได้จากการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำารวจ
และการจดบันทึก ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักร
อัตโนมัติ เช่น เครื่องอ่านรหัสแท่ง เครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก
2. ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) หมายถึง
ข้อมูลที่มผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว บางครั้งอาจมีการประมวล
ี
ผลเพือเป็นสารสนเทศ เช่น สถิติจำานวนประชากรแต่ละ
่
จังหวัด สถิติการนำาสินค้าเข้า และการส่งสินค้าออก เป็นต้น
- 13. ลำา ดับ ขั้น ของข้อ มูล ในฐานข้อ มูล ลำาดับชั้นล่างสุดของ
การแทนข้อมูล นั่นคือ การแทนข้อมูลด้วยตัวเลขฐานสอง
ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขสองตัว คือ ‘0’ และ ‘1’ ในทาง
คอมพิวเตอร์ จะเรียกตัวเลขฐานสองหนึ่งหลักนี้ว่า 1 บิต
(บิต) ซึงถือว่าเป็นหน่วยเล็กทีสุดของข้อมูล และหากนำาบิต
่ ่
มาต่อกันจำานวน 8 บิต จะเรียกว่า 1 ไบต์ (byte)
- 14. เขตข้อ มูล (field) ข้อมูลระดับบิตมาเรียงต่อกันเพื่อแทน
ข้อมูลใด ๆ ที่ต้องการเก็บในฐานข้อมูล ต้องจัดข้อมูลที่เป็นบิต
มารวมกันเพื่อแทนความหมายบางอย่าง โดยเขตข้อมูลอาจ
แทนข้อมูลดังต่อไปนี้
จำา นวนเต็ม (integer) คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเลข
ขนาด 32 บิต ซึ่งขนาดของตัวเลขอาจเปลี่ยนไปตาม
เทคโนโลยีของเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวเลขฐานสองขนาด 32
บิต สามารถแทนตัวเลขจำานวนเต็มได้ตั้งแต่ -2,147,483,6
48 ถึง 2,147,483,647 (-231 ถึง 231 -1)
จำา นวนทศนิย ม (decimal number) ในคอมพิวเตอร์จะ
เก็บตัวเลขทศนิยม โดยใช้ระบบโฟลททิงพอยต์ (floating
point) การเก็บในลักษณะนี้ไม่มีการกำาหนดตำาแหน่งตายตัว
สำาหรับตำาแหน่งของจุด โดยทั่วไปการเก็บข้อมูลตัวเลขจะมี
สองขนาด คือ 32 บิต และ 64 บิต
- 15. ข้อ ความ (text) ในการแทนข้อความ ต้องเปลี่ยน
ข้อความให้เป็นรหัสซึ่งใช้แทนตัวอักขระแต่ละตัว ตาม
มาตรฐานทัวไปจะใช้เป็นรหัสแอสกี (ASCII code) ต่อมา
่
มีการใช้รหัสแบบยูนโคด (Unicode) ซึ่งสามารถแทน
ิ
ภาษาได้หลายภาษามากกว่ารหัสแอสกี ความยาวของเขต
วัน เวลา (date / time) ข้อมูลทีเป็นวันเวลา เช่น วันที่
่
ข้อมูลประเภทนี้ ขึ้นอยูกับจำานวนตัวอักขระในข้อความ
่
เริ่มใช้งาน วันลงทะเบียน และเวลาที่ซอสินค้า มีความแตก
ื้
ต่างจากข้อมูลประเภทอื่น ดังนันจึงต้องมีชนิดของข้อมูลเป็น
้
วันเวลา เพื่อรองรับเขตข้อมูลทีต้องการเก็บข้อมูลเป็นวัน
่
เวลา
ไฟล์ (file) เขตข้อมูลบางประเภทใช้เก็บไฟล์รูปภาพหรือ
ไฟล์อื่น ๆ ซึ่งเขตข้อมูลประเภทหนึงเป็นเขตข้อมูลขนาด
่
ใหญ่ โดยปกติจะมีความยาวมากกว่าเขตข้อมูลประเภทอื่น
ๆ โดยเขตข้อมูลนี้จะเก็บข้อมูลในลักษณะเป็นบิตเรียงต่อกัน
- 16. ระเบีย น (record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลทีมความ
่ ี
สัมพันธ์กัน โดยเขตข้อมูลแต่ละส่วนอาจเป็นข้อมูล
ต่างชนิดกัน ระเบียนแต่ละระเบียนจะประกอบด้วย
โครงสร้างเขตข้อมูลทีเหมือนกัน
่
- 17. ตาราง (table) คือ กลุ่มของระเบียน ซึ่งเขตข้อมูลใน
แต่ละระเบียนจะเก็บข้อมูลทีมความสัมพันธ์กัน ในตรา
่ ี
รางจะเก็บข้อมูลหลาย ๆ ระเบียน แต่ละระเบียนจะมี
โครงสร้างเหมือนกันในตาราง นอกจากจะเก็บข้อมูล
หลายระเบียนแล้ว ยังสามารถอ้างถึงระเบียนแต่ละละ
เบียนได้อีกด้วย
- 18. ฐานข้อ มูล (database) เป็นทีรวมของตารางหลาย
่
ๆ ตารางเข้าไว้ดวยกัน ตารางแต่ละตาราง จะมีความ
้
สัมพันธ์กันโดยใช้เขตข้อมูลทีเก็บข้อมูลซึ่งเหมือนกัน
่
เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกัน บางตารางอาจเป็นตาราง
ทีเก็บข้อมูลไว้เฉพาะของตนเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับ
่
ตารางอื่น ในขณะเดียวกันบางตาราง อาจต้องเชื่อม
โยงกับ เขตข้อมูลของตารางอื่น ๆ
- 20. ความเป็น ส่ว นตัว เมือข้อมูลปรากฏอยูในโลกออนไลน์
่ ่
มากขึ้น ทำาให้การรวบรวมข้อมูล การเข้าถึง การค้นหา
และการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องทีสามารถทำาได้
่
ง่ายและเร็วขึ้น ทำาให้ข้อมูลบางประเภทที่มความเป็นส่วน
ี
ตัวสูง เช่น เลขบัตรประจำาตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด
หมายเลขโทรศัพท์มอถือ อาจรั่วไหลไปสู่สาธารณะได้
ื
บางครั้งข้อมูลส่วนตัวอาจถูกนำาไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์
ของเจ้าของข้อมูล
- 21. สิท ธิ์ใ นการเข้า ถึง ข้อ มูล เพือเป็นการรักษาความ
่
ปลอดภัยให้กับข้อมูล ในการเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล จะมี
การกำาหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
โดยระบบจะอนุญาตให้ผู้ใช้คนหนึงเข้าถึงข้อมูลต้องมี
่
การตรวจสอบว่า จะให้เข้าถึงข้อมูลใดได้บ้าง โดยปกติ
แล้วการเข้าถึงระบบใด ๆนัน ผู้ใช้จะต้องได้รับอนุญาต
้
จากผู้ดูแลระบบ (system administrator) ซึ่งมีหน้าที่
ดูแล บำารุงรักษาระบบให้สามารถทำางานได้เป็นปกติ การ
เข้าถึง โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราช
บัญญัติว่าด้วยการกระทำาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.
2550 มีความผิดเกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิ์ในการเข้าถึง
ข้อมูลหลายข้อ
- 22. เช่น
มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ทมการ
ี่ ี
ป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนันมิได้มไว้สำาหรับ
้ ี
ตน ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่ง
หมืนบาท หรือทังจำาทังปรับ
่ ้ ้
มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ทมการ
ี่ ี
ป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนันมิได้มไว้สำาหรับ
้ ี
ตน ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสีหมืน
่ ่
บาท หรือทังจำาทังปรับ
้ ้
มาตรา 8 ผู้ใดกระทำาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทาง
อิเล็กทรอนิกส์ เพือดักรับไว้ ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่
่ ่
อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์
นันมิได้มไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทัวไป
้ ี ่
- 23. ทรัพ ย์ส ิน ทางปัญ ญา ในกระบวนการผลิตโปรแกรม
ระบบปฏิบัติการ รูปภาพ เพลง หรือหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ จำาเป็นต้องใช้ต้นทุนสูง และใช้เวลาใน
การผลิตยาวนาน แต่เมือข้อมูลเหล่านีปรากฏอยูในรูป
่ ้ ่
แบบข้อมูลดิจิทล ผู้ใช้คนอื่น ๆ สามารถทำาซำ้าและนำาไป
ั
ใช้โดยไม่ได้จ่ายเงินให้กับผู้ผลิต ก่อให้เกิดความเสีย
หายทางธุรกิจกับเจ้าของข้อมูล