การฟัง 43. เว้น วิจ ารณ์ว ่า งเว้น
สดับ ฟัง
เว้น ทีถ ามอัน ยัง
่
ไป่ร ู้
เว้น เล่า ลิข ิต สัง เกต
ว่า ง เว้น นา
เว้น ดัง กล่า วว่า ผู้
ปราชญ์ไ ด้ฤ ามี
4. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการฟัง
การฟัง เป็น ทัก ษะการรับ สารที่
มนุษ ย์ใ ช้ม ากที่ส ด ในการดำา เนิน
ุ
ชีว ิต ประจำา วัน
การฟัง เป็น เครื่อ งมือ สื่อ สารที่
สำา คัญ ในการแสวงหาความรู้ ผู้
ฝึก ทัก ษะการฟัง ได้ด ีย ่อ มประสบ
ความสำา เร็จ ในชีว ิต ได้
5. การฟัง
การฟัง เป็น องค์ป ระกอบ
แรกของการเป็น ผู้ร ู้
ดัง
ปรากฏในหัว ใจนัก ปราชญ์ว ่า
สุ. (สุต )
=
ฟัง
จิ. (จิน ตนะ )
=
คิด
6. ความหมายของการฟัง
การฟัง ไม่ใ ช่เ พีย งการได้ย ิน
เท่า นัน
้
การฟัง หมายถึง การรับ รู้เ รื่อ ง
ราวต่า งๆ โดยอาศัย โสต
ประสาทเป็น เครื่อ งรับ รู้ ซึ่ง ต้อ ง
ใช้ค วามตัง ใจ สามารถเข้า ใจ
้
ความหมาย และตีค วามจากเรื่อ ง
ที่ไ ด้ฟ ัง อย่า งถูก ต้อ งด้ว ย
7. ข้อ แตกต่า งระหว่า งการได้ย ิน กับ
การฟัง
การได้ย ิน
การฟัง
๑. มีค วามพร้อ มทาง
ร่า งกาย
๑. มีค วามพร้อ มทาง
ร่า งกายและจิต ใจ
๒. เป็น พฤติก รรมทีเ กิด
่
ขึ้น ทุก ขณะ
เมือ ประสาทหูส ามารถ
่
รับ คลื่น เสีย งได้
๒. เป็น พฤติก รรมทีเ กิด
่
ขึ้น เมือ ผู้ฟ ง มี
่
ั
สมาธิ มีค วามตัง ใจ
้
และมีเ จตจำา นงทีจ ะ
่
ฟัง สาร
๓. ไม่ต ้อ งใช้ส มรรถภาพ
ทางสมองเพือ จับ
่
ประเด็น วิเ คราะห์
๓. ใช้ส มรรถภาพทาง
สมองเพือ จับ
่
ประเด็น วิเ คราะห์
8. กระบวนการฟัง
ฟัง หรือ
ได้ย ิน
ทำา ความ
เข้า ใจ
ประเมิน
หรือ
ตีค วาม
ตอบ
สนอง
a. ขั้น การฟัง หรือ ได้ย ิน เป็นการฟังที่สามารถทำาได้ง่าย แม้จะ
เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เป็นการเตรียมตัวล่วงหน้า
b. ขั้น ทำา ความเข้า ใจ เป็นขั้นที่จะต้องทำาความเข้าใจเรื่องราวที่
ได้ยินว่าตนเองเคยรู้จักหรือไม่ สื่อความหมายอย่างไร เพือ
่
ทำาความเข้าใจสารที่ได้รับฟัง
c. ขั้น ประเมิน หรือ ตีค วาม เป็นการประเมินสารที่เราเข้าใจแล้ว
ว่าสิ่งที่ได้ฟังนันถูกต้องเพียงใด มีเหตุผลหรือไม่ และต้อง
้
ตีความหรือวิเคราะห์วาผู้ส่งสารมีเจตนาทีแท้จริงอย่างไร
่
่
9. ความสำา คัญ ของการฟัง
a. การฟัง เป็น เครื่อ งมือ สำา คัญ ใน
การแสวงหาความรู้
b. การฟัง ก่อ ให้เ กิด สมาธิ
c. การฟัง ช่ว ยส่ง เสริม ความคิด
สร้า งสรรค์
d. การฟัง ช่ว ยสร้า งความ
เพลิด เพลิน
11. a. ฟัง เพื่อ เพิ่ม พูน ความรู้แ ละประสบการณ์
คือ การฟัง ที่ม ง หาความรู้โ ดยเก็บ ราย
ุ่
ละเอีย ดต่า งๆ เช่น การฟัง บรรยายในชัน
้
เรีย น การฟัง ข่า ว เหตุก ารณ์ป จ จุบ น
ั
ั
เป็น ต้น ต้อ งอาศัย ความตัง ใจและสมาธิ
้
มากกว่า แบบอืน ๆ เพื่อ เก็บ ความรู้แ ละจับ
่
ประเด็น หรือ สาระของเรื่อ งให้ไ ด้
b. ฟัง เพื่อ ความเพลิด เพลิน เป็น การฟัง ที่
ง่า ยที่ส ด มัก มีจ ุด ประสงค์เ พื่อ ปล่อ ย
ุ
อารมณ์ต ามสบาย เช่น การฟัง เพลง
ระหว่า งทำา งานบ้า น การฟัง ละครวิท ยุ
ขณะซัก ผ้า เป็น ต้น
12. ประเภทของการฟัง
a. การฟัง โดยผู้ฟ ง มีส ว นร่ว มโดยตรง
ั
่
ในกระบวนการสื่อ สาร
b. การฟัง โดยผู้ฟ ง ไม่ม ีส ว นร่ว มใน
ั
่
กระบวนการสือ สาร
่
c. การฟัง โดยผ่า นสือ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์
่
13. การฟัง โดยผู้ฟ ัง มีส ่ว นร่ว มโดยตรง
ในกระบวนการสือ สาร
่
เป็น กระบวนการสือ สารระหว่า ง
่
บุค คลหรือ การสือ สารภายในกลุ่ม อาจ
่
เกิด ขึ้น ในลัก ษณะของการทัก ทาย การ
สนทนา การเจรจาธุร กิจ การพูด คุย
ทางโทรศัพ ท์ ฯลฯ หรือ สือ สารภายใน
่
กลุ่ม ที่ม ีบ ุค คลตั้ง แต่ ๓ คนขึ้น ไป เช่น
การประชุม การสัม มนา การอภิป ราย
กลุ่ม ย่อ ย ฯลฯ
14. อุป สรรค์ข องการฟัง ที่ผ ู้ฟ ัง มีส ว นร่ว ม
่
โดยตรงในกระบวนการสื่อ สาร
๑ . มีอ คติต อ คูส นทนา
่ ่
๒ . ระบบความคิด
๓ . อวัย วะการฟัง บกพร่อ ง
๔ . ขาดทัก ษะด้า นภาษา
๕ . แสดงตนเป็น ฝ่า ยค้า น
๖ . ไม่ม ม ารยาท
ี
๗ . สภาพทางกายภาพ
15. ศิล ปะการฟัง ที่ช ว ยให้ก ารมีส ่ว นร่ว มโดยตรงใน
่
กระบวนการสือ สารประสบความสำา เร็จ
่
๑ . ปรับ ตัว ให้เ ข้า กับ คู่ส นทนา
๒ . แสดงความสนใจ
๓ . ฟัง ด้ว ยความอดทน
16. การฟัง โดยผู้ฟ ง ไม่ม ีส ่ว นร่ว มใน
ั
กระบวนการสื่อ สาร
เป็น กระบวนการการสือ สารสาธารณะ
่
ที่ม ีบ ค คลอืน ๆ จำา นวนมาก โดยผูฟ ัง เป็น ผูร ับ
ุ
่
้
้
สารทางเดีย ว และอยู่ใ นที่ป ระชุม เดีย วกัน
ผูฟ ัง จึง ต้อ งสำา รวมกิร ิย ามารยาท โดยไม่ก ่อ
้
ให้เ กิด ความรำา คาญแก่ผ อ ื่น การฟัง ลัก ษณะ
ู้
นีเ ป็น การฟัง จากเหตุก ารณ์ต ่า งๆ เช่น
้
ปาฐกถา การโฆษณาหาเสีย ง การบรรยาย
สรุป การพูด ในโอกาสต่า งๆ เป็น ต้น
17. อุป สรรคอัน อาจเกิด ขึน จากการฟัง โดยผูฟ ัง
้
้
ไม่ม ส ว นร่ว มในกระบวนการสือ สาร
ี ่
่
๑ . อยู่ใ นตำา แหน่ง การรับ สารที่ไ ม่เ หมาะ
สม
๒ . เสแสร้ง ว่า เข้า ใจคำา พูด ของผูพ ูด
้
๓ . ผูพ ูด ขาดทัก ษะการนำา เสนอ
้
ศิล ปะการฟัง ในการสือ สารสาธารณะ
่
๑ . ศึก ษาข้อ มูล ล่ว งหน้า
๒ . แสดงปฏิก ิร ิย าตอบสนองให้เ หมาะสม
๓ . จับ ประเด็น สำา คัญ
๔ . มีส มาธิใ นการรับ ฟัง
๕ . จดบัน ทึก สาระสำา คัญ
18. การฟัง โดยผ่า นสื่อ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์
เป็น การฟัง ผ่า นสือ ต่า งๆ ทั้ง วิท ยุ
่
โทรทัศ น์ ภาพยนตร์ วิด ีโ อ วีซ ีด ี ดีว ีด ี ซึ่ง
เป็น สือ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์ท ี่ม ีบ ทบาทสำา คัญ ใน
่
ชีว ิต ประจำา วัน มาก เพราะสือ มวลชนแต่ล ะ
่
แขนงต่า งก็แ ข่ง ขัน กัน เสนอเรื่อ งราวต่า งๆ
ให้ร วดเร็ว ทัน เหตุก ารณ์ จึง อาจทำา ให้ข ้อ มูล
คลาดเคลื่อ นจากความเป็น จริง ไปบ้า ง ผูฟ ัง
้
ที่ด ีจ ึง ควรมีว ิจ ารณญาณสูง ในการเลือ กฟัง
สือ แต่ล ะประเภท
่
19. อุป สรรคในการฟัง สารจากสื่อ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์
๑ . สือ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์บ กพร่อ ง
่
๒ . ข้อ จำา กัด เรื่อ งเวลา
๓ . สิง แวดล้อ มอืน ที่น า สนใจกว่า
่
่
่
๔ . ความรู้ไ ม่เ ท่า ทัน สือ
่
ศิล ปะในการฟัง สารผ่า นสือ อิเ ล็ก ทรอนิก ส์
่
ให้ม ีป ระสิท ธิภ าพ
๑ . เลือ กฟัง รายการต่า งๆ ให้ห ลาก
หลาย
๒ . มีว ิจ ารณญาณในการฟัง
๓ . ฟัง ด้ว ยใจเป็น กลาง
20. ลัก ษณะการฟัง ทีด ี
่
a. ตั้ง จุด มุง หมายในการฟัง ให้
่
ชัด เจน
b. ฟัง ด้ว ยความตั้ง ใจ
c. เตรีย มตัว ก่อ นฟัง
d. สนใจผู้พ ด โดยตั้ง ใจฟัง ตลอด
ู
เวลา
e. ฟัง โดยปราศจากอคติต ่อ ผู้พ ูด
f. ฟัง แล้ว จับ ใจความสำา คัญ
g. ซัก ถามข้อ สงสัย
21. มารยาทในการฟัง
มารยาทการฟัง ในที่ส าธารณะหรือ
ในที่ป ระชุม
a. ไปถึง สถานที่ก ่อ นเริ่ม การพูด และนัง
่
แถวหน้า ๆ ให้เ ต็ม ก่อ น
b. ลุก ขึ้น ยืน เพื่อ ต้อ นรับ ประธาน
c. ให้เ กีย รติผ พ ูด ตามโอกาส เช่น ปรบมือ
ู้
เมื่อ มีก ารแนะนำา ผูพ ูด ปรบมือ ขอบคุณ
้
d. รัก ษาความสงบและความเรีย บร้อ ย
e. สำา รวมกิร ิย า
f. ไม่ค วรพูด แทรก
22. มารยาทการฟัง ระหว่า งบุค คล
a. มองสบตาผู้พ ด
ู
b. ตอบสนองเรื่อ งที่ฟ ง อยูด ว ยกิร ิย าที่
ั
่ ้
เหมาะสม
c. อย่า พะวงกับ สิ่ง ต่า ง ๆ รอบตัว ที่
รบกวนการฟัง
d. ไม่พ ูด แทรกขณะที่ผ ู้พ ูด ยัง พูด ไม่
จบ
e. อย่า พูด ตัด บทจนคู่ส นทนารู้ส ึก เสีย
23. หลัก การฟัง
การฟัง จับ ใจความ
a. ฟัง ด้ว ยความตั้ง ใจ เพื่อ จับ ประเด็น
สำา คัญ
b. ฟัง อย่า งวิเ คราะห์ จำา แนกข้อ เท็จ จริง
ข้อ คิด เห็น
c. ฟัง แล้ว ตอบคำา ถามได้ว ่า ใคร ทำา
อะไร ที่ไ หน เมื่อ ไร อย่า งไร
d. ฟัง แล้ว สรุป ความคิด รวบยอด และจด
บัน ทึก
24. การฟัง อย่า งมีว ิจ ารณญาณ
a. วิเ คราะห์เ จตนาผูพ ูด
้
b. ใช้เ หตุผ ลประกอบ
c. วิน ิจ ฉัย ความจริง ใจของผู้พ ด
ู
d. ประเมิน ค่า เรื่อ งที่ไ ด้ฟ ง
ั
e. นำา ไปใช้ป ระโยชน์
25. การฟัง สาร
การฟัง สารให้ค วามรู้
a. คิด ตามเรื่อ งที่ไ ด้ฟ ัง
b. จับ ประเด็น สำา คัญ
c. วิเ คราะห์ว ่า ส่ว นใดเป็น ความรู้
หลัก ความรู้เ สริม หรือ แนวคิด
d. ฝึก ฟัง จากสือ อื่น ๆ อยูเ สมอเพื่อ
่
่
พัฒ นาความรู้ค วามคิด และโลก
ทัศ น์ใ ห้ก ้า วไกล และทัน ต่อ การ
เปลี่ย นแปลงของสัง คม
26. การฟัง สารโน้ม น้า วใจ
a. ตั้ง ใจฟัง
b. มีว ิจ ารณญาณในการฟัง
c. สามารถแยกแยะและประเมิน ค่า
สิ่ง ที่ฟ ง ได้ว ่า ควรเชื่อ หรือ ปฏิบ ต ิ
ั
ั
ตามที่ไ ด้ฟ ัง หรือ ไม่
27. การฟัง สารจรรโลงใจ
a. หาความรู้เ กี่ย วกับ เรื่อ งที่จ ะฟัง มา
ก่อ นเพือ ประกอบความเข้า ใจ
่
b. ทำา จิต ใจให้ป ลอดโปร่ง พร้อ มที่จ ะ
รับ สารที่ผ ู้พ ูด ต้อ งการสือ
่
c. ตั้ง ใจฟัง และพิจ ารณาตามไปด้ว ย
28. การเดิน ทางของกระดาษหนึ่ง ใบ ..
เป็น ที่ร ู้ก ัน ดีว ่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้า อยู่ห ัว เริ่ม เสด็จ ฯ
พระราชทานปริญ ญาบัต รตั้ง แต่ป ี พ .ศ . ๒๔๙๓ และหลัง จากนั้น
บัณ ฑิต ทุก คนก็เ ฝ้า รอทีจ ะได้ร ับ พระราชทานปริญ ญาบัต รจาก
่
พระหัต ถ์อ ย่า ง ใจจดใจจ่อ ภาพถ่า ยวัน รับ พระราชทานปริญ ญา
บัต รกลายเป็น ของลำ้า ค่า ที่ต ้อ งประดับ ไว้ต ามบ้า นเรือ นและเป็น
สัญ ลัก ษณ์แ ห่ง ความสำา เร็จ ของหนุม สาวและความภาคภูม ใ จของ
่
ิ
บิด ามารดา จน ๒๙ ปีต ่อ มามีผ ค ำา นวณให้ฉ ุก ใจคิด กัน ว่า
ู้
พระ
ราชภารกิจ ในการพระราชทานปริญ ญาบัต รนัน เป็น พระราช
้
ภารกิจ ที่ห นัก หน่ว งไม่น ้อ ย หนัง สือ พิม พ์ล งว่า หากเสด็จ ฯ
พระราชทานปริญ ญาบัต ร ๔๙๐ ครั้ง ประทับ ครั้ง ละ ราว ๓ ชม .
เท่า กับ ทรงยื่น พระหัต ถ์พ ระราชทานใบปริญ ญาบัต ร ๔๗๐ ,๐๐๐
ครั้ง นำ้า หนัก ปริญ ญาบัต ร ฉบับ ละ ๓ ขีด รวมนำ้า หนัก ทั้ง หมดที่
พระราชทานมาแล้ว ๑๔๑ ตัน ไม่เ พีย งเท่า นั้น ดร .สุเ มธ ตัน ติเ วช
กุล ยัง เล่า เสริม ให้เ ห็น "ความละเอีย ดอ่อ นในพระราชภารกิจ " ที่
ไม่ม ใ ครคาดถึง ว่า "ไม่ไ ด้พ ระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตร
ี
อยู่ต ลอดเวลา โบหลุด อะไรหลุด พระองค์ท า นทรงผูก โบใหม่ใ ห้
่
เรีย บร้อ ย บางครั้ง เรีย งเอกสารไว้ห ลายวัน ฝุน มัน จับ พระองค์
่
ท่า นก็ท รงปัด ออก " ด้ว ยเหตุน ี้จ ึง มีผ ก ราบบัง คมทูล ขอพระราชทาน
ู้
ให้ท รงลดการเสด็จ ฯ พระราชทานปริญ ญาบัต รลงบ้า ง โดยอาจงด
29. กิจ กรรมการฟัง
ให้น ก ศึก ษาฟัง เรื่อ ง “การเดิน ทาง
ั
ของกระดาษหนึง ใบ ” แล้ว สรุป ผลการฟัง
่
พร้อ มให้เ หตุผ ลประกอบคำา อธิบ าย ดัง นี้
๑ . ใจความสำา คัญ ของ
เรื่อ ง ...............................................................
๒ . แนวคิด ทีไ ด้จ าก
่
เรื่อ ง ..................................................................
๓ . ความคิด เห็น ของผู้
ฟัง .................................................................