More Related Content
Similar to 140128 วารสารยุวพุทธสัมพันธ์
Similar to 140128 วารสารยุวพุทธสัมพันธ์ (20)
140128 วารสารยุวพุทธสัมพันธ์
- 1. วันมาฆบูชา
วัน เพ็ญสิบห้าค�่ำ
มาฆ ฤกษ์เรืองราม
บู ชิตระลึกตาม
ชา ครธรรมแจ่มจ้า
เดือนสาม
ระยับหล้า
ปาฏิโมกข์
จรัสแจ้งใจชน
คาบนี้คราวเมื่อครั้ง
ณ เวฬุวันสถาน
พระโลกนาถ ธ ประทาน
ภิกษุสาวกได้
พุทธกาล
ไผ่ไม้
โอวาท
สดับถ้อยค�ำสอน
สรรพบาปชั่วเว้น
พึงกอปรกุศลกรรม
จิตใจจุ่งเร่งช�ำ -
สามสิ่งพระตรัสแล้ว
ไป่ท�ำ
ผ่องแพร้ว
ระรอบ
ว่านี้พุทธธรรม
สองพันหกร้อยล่วง
พุทธพจน์คงปรา-
พุทธชนหมั่นบูชา
ย่อมลุธรรมวิสุทธิ์แท้
เวลา
กฏแล้
ปฏิบัติ
สุดสิ้นสงสาร
นายอภิเชน หล้าหิบ
นิสิตชั้นปีที่ ๔ คณะครุศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปฏิบัติธรรมโครงการพุทธธรรม พ.ศ.๒๕๕๔
ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ
- 3. วารสารยุวพุทธสัมพันธ์
ด้วยความเคารพ
ขอกล่าวสวัสดีปใหม่แด่ทานสมาชิกทุกๆ ท่านนะ
ี
่
คะ ทั้งนี้คงไม่ช้าจนเกินไปเพราะวารสารยุวพุทธสัมพันธ์
ฉบับนี้ ออกเป็นฉบับแรกในปี พ.ศ.๒๕๕๗ “ปีมาพาสุข” ค่ะ
้
เด่นในฉบับ
๓
๖
๔
พร้อมกันนี้สมาคมฯได้เเนบซีดีธรรมะชุด “สุขใน
ธรรม” ซึงรวมพระธรรมเทศนา ธรรมบรรยายไว้ ๑๔ เรือง
่
่
๘
เพื่อเป็นพลังแห่งสัมมาทัศนะและสัมมาปฏิบัติของท่าน
๑๔
๒๐
สืบไป
สารจากนายกสมาคม
๒
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้นมักจะเป็นเดือนที่มี
พลต�ำรวจตรี นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์ เพราะเป็นเดือนที่ตรง
ความส�ำคัญต่อชาวพุทธอยู่เสมอ
หลักชาวพุทธ
๓
กับวันเพ็ญเดือน ๓ คือวันมาฆบูชา วันมาฆบูชาได้ชื่อว่า
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
ฺ
เป็น “วันพระธรรม” เพราะเป็นวันที่พระบรมศาสดาสรุป
บูชาปูชนีย์ บูชาจากใจ
๔
หลักการและวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไว้ให้แก่พุทธ
พระนวลจันทร์ กิตติปญโญ
ิ ั
บริษัทมากว่า ๒๖๐๐ ปีแล้ว ในส่วนของประเทศไทยนั้น
ศีลประกันชีวตสูนพพาน ๖
ิ ่ ิ
จะเห็นได้ว่านอกจากประเทศของเรามีความอุดมสมบูรณ์
พระชาญชัย อธิปญฺโญ
ด้วยทรัพยากรหลายหลากแล้ว เรายังมีทุนทางพระพุทธ
สวดมนต์เองวันนี้ ดีกว่ารอคนอืนสวดให้
่
๘
ศาสนาเป็นเครื่องน�ำทาง และค�้ำจุนสังคมตลอดมา แต่
กองบรรณาธิการ
จุดเด่นของชาวพุทธในประเทศไทยกลับไปให้ความส�ำคัญ
กราบสติปฏฐาน ๔ และการเดินจงกรม ๑๐
ั
ต่อกิจกรรมศาสนพิธี และประเพณีทางศาสนา มากกว่า
พระมหาทองมัน สุทธจิตโต
่
ฺ ฺ
การน�ำธรรมะที่แท้จริงไปใช้ในชีวิตอย่างสม�่ำเสมอ ขาด
ชีวตสดใส หัวใจใฝ่ธรรมะ
ิ
๑๒
ข้อปฏิบัติที่สามารถประเมินได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
พระราชสิทธิมนี (วิ.)
ุ
พระเดชพระคุ ณ พระพรหมคุ ณ าภรณ์ จึ ง ได้ น� ำ เสนอ
ฝึกฝนจิตละกิเลส
๑๔
แนวทางการประพฤติปฏิบติ ทีเ่ รียกว่า “หลักชาวพุทธ” ซึง
ั
่
ปรียวิศว์ โยธีพทกษ์
ิ ั
แบ่งเป็น ๓ หมวดคือ การมีศีลวัตรประจ�ำตน การเจริญ
ค�ำถามนีมคำตอบ
้ ี �
๑๖
กุศลเนืองนิตย์ และการท�ำชีวิตให้งามประณีต เพื่อความ
เรืองเล่าจากเยาวชน
่
๑๗ เข้า ใจ และมีหลักปฏิ บัติที่พุทธศาสนิกชนไทย สามารถ
ประสบการณ์จากการปฏิบตธรรม
ั ิ
๑๘
ประเมินตนเองได้
ดรุณธรรม
๒๐
ขุมทรัพย์ธรรม
๒๒
รอบรัวบ้านแห่งธรรม
้
๒๔
ร่วมกิจกรรมสร้างบุญปลูกปัญญา
๓๐
ร่วมสร้างทานบารมี
๓๒
คณะทีปรึกษา : รศ.วารินทร์ มาศกุล : รศ.ดร.วิไล เทียนรุงโรจน์ หนุนภักดี
่
่
: คุณพจนา ประกาศเวชกิจ
บรรณาธิการ : รศ.อมรา รอดดารา
ผูชวยบรรณาธิการ : คุณกวี บุญดีสกุลโชค : คุณณชัยยัณห์ ยิมส�ำรวย
้่
้
กองบรรณาธิการ : คุณภรณี บุญมี : คุณกาญจนา กรัณยประเสริฐ
: คุณกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ : คุณธนา เตรัตนชัย
: คุณนิภา วรพันธ์ : คุณดวงกมล สุวชชากุล
ิ
: คุณอัจฉริยา นันทกิจ : คุณจรินทร พรชัยวิรช
ั
: คุณสมรรัตน์ มาพบสุข : คุณจตุพร สินตรา
: คุณณัชชา บูรณะเหตุ : คุณปรีชา แสนเขียว
คณะกรรมการวารสารยุวพุทธสัมพันธ์ ตระหนัก
ถึงความส�ำคัญของการเป็นชาวพุทธที่แท้จริง ตามหลัก
ปฏิ ัติการของชาวพุทธทั้ง ๑๒ ประการ แนวคิดในการ
บ
จัดท�ำวารสารในปีนี้จึงขอน�ำเสนอ ข้อธรรม และธรรมะ
บรรยายทีจะส่งเสริมและเผยแผ่หลักการ เพือการตระหนัก
่
่
รู้และปฏิบัติตามแนวทางอย่างสม�่ำเสมอ ส่วนในด้านรูป
เล่ม เนื้อหาของวารสารในแต่ละฉบับก็พยายามเลือกสรร
ธรรมะบรรยาย และคอลัมน์ที่หลากหลายมาเสนอเพื่อ
ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ส�ำหรับสมาชิกทุกท่านโดยเฉพาะ
เด็กและเยาวชนซึ่งจะเป็นก�ำลังอันส�ำคัญของชาติต่อไปใน
อนาคต
รองศาสตราจารย์อมรา รอดดารา
บรรณาธิการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
1
- 4. สมา ราจากม
นายกส ค
พลต�ำรวจตรี นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์
ท่านสมาชิกและสาธุชนทังหลาย เราได้ผานเทศกาลปีใหม่มาแล้วรวมทังได้ผานสถานการณ์วนวายของบ้านเมือง
้
่
้ ่
ุ่
ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งสาเหตุของความขัดแย้งและความแตกแยกที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็มาจากรากเหง้าของ
กิเลส โดยมีความหลงเป็นตัวน�ำ แล้วตามด้วยความโลภและความโกรธ หากคนในประเทศชาติยดมันในคุณธรรม จริยธรรม
ึ ่
รักษาศีล ๕ กันได้มากกว่านี้ หันหน้ามาปฏิบตธรรมกันมากขึน ยึดมันในค�ำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างมุงมันจริงจังแล้ว
ั ิ
้
่
่ ่
ประเทศชาติคงจะพบกับความสงบและเจริญก้าวหน้ายิงไปกว่านี้
่
การจัดหลักสูตรปฏิบตธรรมในปีนี้ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ได้พยายามก�ำหนดหลักสูตรให้มคณภาพยิง
ั ิ
ี ุ
่
ขึน สร้างความสัปปายะในแต่ละหลักสูตรให้มากขึน รวมทังมีการพัฒนาปรับปรุงด้านการเงิน และการบริหารจัดการ เพือให้
้
้
้
่
เป็นไปตามวิสยทัศน์และนโยบายของสมาคมทีจะสนับสนุนงานวิปสสนากรรมฐานแนวทางการเจริญสติปฏฐานสี่ ทังนีการ
ั
่
ั
ั
้ ้
ด�ำเนินการของสมาคมก็ได้มการพัฒนาด้านการบริหารให้มระบบทีดยงขึนเพือความก้าวหน้าและเดินไปข้างหน้าอย่างมันคง
ี
ี
่ ี ิ่ ้ ่
่
เพือเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ทไม่แน่นอน และนอกจากกิจกรรมวิปสสนากรรมฐานแล้ว ในช่วงไตรมาสแรกสมาคมได้จด
่
ี่
ั
ั
กิจกรรมพิเศษส�ำหรับวันมาฆบูชา ซึงตรงกับวันขึน ๑๕ ค�ำ เดือน ๓ และถือเป็นวันของพระธรรมอีกด้วย รวมถึงในเดือน
่
้
่
มีนาคม ๒๕๕๗ นี้ จะมีการประชุมสามัญประจ�ำปี พร้อมทังท�ำบุญในวันนันด้วย ดังนันจึงขอเรียนเชิญท่านสมาชิกได้เข้าร่วม
้
้
้
ประชุมและร่วมท�ำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทังร่วมสนับสนุนการท�ำงานของสมาคมดังทีผานมา
้
่่
ท้ายทีสดนี้ ผมขอฝากข้อคิดจากพุทธพจน์ ให้แก่ทกท่านได้นำไปพิจารณาเพือเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบติ
่ ุ
ุ
�
่
ั
ตน ด�ำรงตนให้มความสุข ดังนี้
ี
“ดูกอนภิกษุทงหลาย ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทองหรือของทีบคคลหวงแหนอย่างใดอย่างหนึง รวมทังทาสกรรมกร
่
ั้
่ ุ
่
้
คนใช้และทีอยูอาศัยสิงอืนๆ ทังหมดนีบคคลน�ำไปไม่ได้ ต้องทอดทิงไว้ทงหมด แต่สงทีบคคลท�ำด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ
่ ่
่ ่
้
้ ุ
้ ั้
ิ่ ่ ุ
นันแหละทีจะเป็นของเขา เป็นสิงทีเขาต้องน�ำไปเหมือนเงาตามตัว เพราะฉะนันผูฉลาดพึงสังสมกัลยาณธรรมอันจะน�ำไปสู่
่
่
่ ่
้ ้
่
สัมปรายภพได้ บุญย่อมเป็นทีพงของสัตว์ทงหลายทังในโลกนีและโลกหน้า”
่ ึ่
ั้
้
้
2
ขอส่งความระลึกถึง ความปรารถนาดี และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยครับ
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
- 5. หลักชาวพุทธ เรือง : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต)
่
ฺ
ปัจจุบนนี้ ปัญหาส�ำคัญยิงอย่างหนึง
ั
่
่
ซึงปรากฏชัดในสังคม คือการทีคนมากมายเป็น
่
่
ชาวพุทธกันเพียงในนาม โดยไม่มทงความรูและ
ี ั้
้
การปฏิบตของชาวพุทธ สภาพเช่นนีเ้ ป็นเหมือน
ัิ
เมฆหมอกทีบดบังแสงสว่างและความงามแห่ง
่
คุณค่าของพระพุทธศาสนา นอกจากตัวบุคคล
นันจะไม่เจริญงอกงามในธรรมแล้ว สังคมก็สญ
้
ู
เสียประโยชน์มากมายที่พึงได้จากพระพุทธ
ศาสนา จึงเป็นปัญหาร้ายแรงทีควรตืนตัวขึนมา
่ ่ ้
เร่งแก้ไข
ค�ำว่า “ชาวพุทธ” มิใช่เป็นถ้อยค�ำ
ที่พึงเรียกขานกันอย่างเลื่อนลอย บุคคลที่จะ
เรียกได้ว่าเป็น “ชาวพุทธ” จะต้องมีหลักการ
มีคุณสมบัติประจ�ำตัว และมีมาตรฐานความ
ประพฤติ ที่รองรับ ยืนยัน และแสดงออกถึง
ความเป็นชาวพุทธนั้น
“
บอกว่าฉันเป็นชาวพุทธ
แต่ความเป็นชาวพุทธอยูทไหน
่ ี่
ท�ำอย่างไร?
”
๕. ส�ำเร็จด้วยกระท�ำกรรมดี: ข้าฯ จะสร้าง
ความส�ำเร็จด้วยการกระท�ำทีดงามของตน โดย
่ี
พากเพียรอย่างไม่ประมาท
๒. ปฏิบตการ
ั ิ
ข้าฯ จะน�ำชีวต และร่วมน�ำสังคมประเทศ
ิ
ชาติ ไปสูความดีงาม และความสุขความเจริญ
่
ด้วยการปฏิบติ ดังต่อไปนี้
ั
ก) มีศลวัตรประจ�ำตน
ี
๑. บู ช าปู ช นี ย ์ : มีปกติกราบไหว้แสดงความ
หลักการ และปฏิบัติการ ที่เรียกว่า เคารพ ต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์
่
“หลักชาวพุทธ” ดังต่อไปนี้ เป็นภูมธรรมขัน และบุคคลทีควรเคารพ
ิ
้
พืนฐานของชาวพุทธ ผูทตงมันอยูในหลักการ ๒. มี ศี ล ห่ า งอบาย: สมาทานเบญจศีลให้เป็น
้
้ ี่ ั้ ่ ่
และด�ำเนินตามปฏิบัติการนี้นอกจากเป็นชาว นิ จ ศี ล คื อ หลั ก ความประพฤติ ป ระจ� ำ ตั ว
พุทธสมแก่นามแล้วจะมีชวตทีพฒนาก้าวหน้า ไม่มืดมัวด้วยอบายมุข
ีิ ่ ั
งอกงาม และช่วยให้สังคมเจริญมั่นคงดํารง ๓. สาธยายพุทธมนต์: สวดสาธยายพุทธวจนะ
อยูในสันติสขเป็นผูสบต่อวิถชาวพุทธไว้ พร้อมทั้ง หรื อ บทสวดมนต์ โ ดยเข้ า ใจความหมาย
่
ุ
้ื
ี
อย่างน้อยก่อนนอนทุกวัน
รักษาธรรมและความเกษมศานต์ให้แก่โลก
๔. ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา: ท�ำจิตใจให้สงบ ผ่องใส
้
ี่ ื่
“หลั ก ชาวพุ ท ธ”อั น พึ ง ถื อ เป็ น เจริญสมาธิ อันค�ำจุนสติทตนตัว หนุนปัญญา
ทีรทวชัดเท่าทัน และอธิษฐานจิตเพือจุดหมาย
่ ู้ ั่
่
บรรทัดฐาน มีดงต่อไปนี้
ั
ทีเป็นกุศล วันละ ๕–๑๐ นาที
่
ี
๑. หลักการ
๑. ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์: ข้าฯ มันใจว่า มนุษย์
่
จะประเสริ ฐ เลิ ศ สุ ด แม้ ก ระทั่ง เป็น พุทธะได้
เพราะฝึกตนด้วยสิกขาคือการศึกษา
๒. ใฝ่พทธคุณเป็นสรณะ: ข้าฯ จะฝึกตนให้มี
ุ
ปัญญา มีความบริสทธิ์ และมีเมตตากรุณาตาม
ุ
อย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. ถือธรรมะเป็นใหญ่: ข้าฯ ถือธรรม คือความจริง
ความถูกต้องดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตดสิน
ั
๔. สร้างสังคมให้เยียงสังฆะ: ข้าฯ จะสร้าง
่
สังคมตังแต่ในบ้าน ให้มความสามัคคี เป็นทีมา
้
ี
่
เกือกูลร่วมกันสร้างสรรค์
้
ข) เจริญกุศลเนืองนิตย์
๕. ท�ำกิจวัตรวันพระ: บ�ำเพ็ญกิจวัตรวันพระ
ด้ ว ยการตั ก บาตรหรื อ แผ่เ มตตาฟั ง ธรรม
หรืออ่านหนังสือธรรมโดยบุคคลที่บ้านที่วัด
ทีโรงเรียน หรือทีทำงาน ร่วมกัน ประมาณ ๑๕ นาที
่
่ �
๖. พร้อมสละแบ่งปัน: เก็บออมเงิน และ
แบ่งมาบ�ำเพ็ญทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อ
บูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อย
สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๗. หมั่ น ท� ำ คุ ณ ประโยชน์ : เพิ่ ม พู น บุ ญ
กรรมบ�ำเพ็ญประโยชน์อทศแด่พระรัตนตรัย
ุ ิ
เรือง : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตโต)
่
ฺ
มารดาบิดา ครูอาจารย์ และท่านผูเป็นบุพการี
้
ของสังคมแต่อดีตสืบมาอย่างน้อยสัปดาห์ละ
๑ ครัง
้
๘.ได้ปราโมทย์ดวยไปวัด: ไปวั ด ชมอารามที่
้
รื่ น รมย์ และไปร่ ว มกิ จกรรม ทุกวันส�ำ คัญ
ทางพระพุ ท ธศาสนาและวั น ส� ำ คั ญ ของ
ครอบครั ว
ค) ท�ำชีวตให้งามประณีต
ิ
๙. กินอยูพอดี: ฝึกความรูจกประมาณในการ
่
้ั
บริโภคด้วยปัญญา ให้กนอยูพอดี
ิ ่
๑๐.มีชวตงดงาม:ปฏิบตกจส่วนตนดูแลของใช้
ีิ
ั ิิ
ของตนเองและท�ำงานของชีวิตด้วยตนเอง
ท�ำได้ ท�ำเป็น อย่างงดงามน่าภูมใจ
ิ
๑๑. ไม่ตามใจจนหลง: ชมรายการบั น เทิ ง
วั น ละไม่เ กิ น ก� ำ หนดที่ ต กลงกั น ในบ้ า นไม่
มั ว ส� ำ เริ ง ส� ำ ราญปล่ อ ยตั ว ให้ เ หลิ ง หลงไหล
ไปตามกระแสสิ่งล่อเร้าชวนละเลิงและมีวัน
ปลอดการบันเทิงอย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน
๑๒. มีองค์พระครองใจ: มีสงทีบชาไว้สกการะ
ิ่ ่ ู
ั
ประจ�ำตัวเป็นเครืองเตือนใจให้ระลึกถึงพระคุณ
่
ของพระรั ต นตรั ย และตั้ งมั่ นอยู่ใ นหลักชาว
พุทธ
ด้วยการปฏิบติ ๓ หมวด ๑๒ ข้อนี้
ั
ข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธแท้จริง ทีมนใจว่าจะสามารถ
่ ั่
รักษาธรรมไว้และร่วมน�ำโลกไปสูสนติสข
่ั ุ
บุ ค คลที่ ถื อ ปฏิ บั ติ ต าม“หลั ก ชาว
พุทธ”ดังกล่าวมานีเป็นผูมภมธรรมพืนฐานของ
้ ้ ี ู ิ
้
ชาวพุทธ จึงเป็นชาวพุทธทีแท้จริง สมกับชือ
่
่
เรียกขาน
ปฏิมเสตมตฺนา
ฺ
จงตรวจสอบตนด้วยตนเอง
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
3
- 6. บูชาปูชนีย์ บูชาจากใจ
เรื่อง : พ.นวลจันทร์
เรื่อง : พระนวลจันทร์ กิตติปัญโญ
“ ามิได้แล้ว ...ถ้าไม่มี
“คุณ”แม้เพียงเท่านีกหาประมาณค่
้ ็
ท่านเหล่านันทรงจ�ำค�ำสอน สืบทอดกันต่อมา ไม่มทาง
้
ี
ทีธรรมะจะเดินทางมาถึงรุนเราได้เลย! ความมืดบอด
่
่
ของ อวิชชา ก็จะยังคงมีอยูเต็มที่
่
”
มงคล ๓๘ ประการนัน เกิดจากเหล่าเทวดาได้ถกกันว่า
้
อะไรคือมงคลอันสูงสุดในชีวต ถกเถียงกันไปมาอย่างหาข้อสรุปไม่ได้
ิ
สุดท้ายจึงไปเรียนถามพระพุทธเจ้าให้ท่านทรงเป็นผู้ตอบ พระพุทธองค์จงกล่าวถึงมงคลอันสูงสุด ๓๘ ประการ หนึงในนันคือ ปูชา จ
ึ
่ ้
ปูชนียานัง หรือการบูชาบุคคลทีสมควรบูชา
่
ท�ำไมจึงต้องบูชาบุคคลทีสมควรบูชาเพราะหลายคนมักบูชาใน
่
สิงทีไม่มคณค่าแก่การบูชา เช่นบูชาจอมปลวก ต้นกล้วยรูปร่างประหลาด
่ ่ ีุ
จึงไม่เป็นมงคลแก่ชวต ไม่ได้นำพาชีวตไปสูความเจริญ ดังนันหากอยาก
ีิ
�
ิ ่
้
ให้ชวตเป็นมงคลจึงสมควรบูชาในสิงทีควรบูชา
ีิ
่ ่
การเคารพบู ช าเกิ ด จากการเห็ น คุ ณ ค่ า ของสิ่ ง ใดสิ่ ง หนึ่ ง
ซึงการทีเราจะเห็นคุณค่าของสิงใดสิงหนึงนันเกิดจากปัญญา ถ้ายังไม่
่
่
่ ่ ่ ้
เห็น หรือยังไม่มปญญาอาจต้องมีผชทาง ซึงพระศาสดาของเราเป็นผู้
ี ั
ู้ ี้
่
ชีทางโดยมีพระสงฆ์เป็นผูบอกทางให้เห็นคุณเห็นโทษ เมือเราเห็นคุณ
้
้
่
ตามนัน ก็เกิดมงคลในชีวต ดังนันชาวพุทธทีแท้จงควรท�ำตามมงคล
้
ิ
้
่ ึ
ทัง ๓๘ ข้อ ส่วนอย่างอืนนอกเหนือจากนี้ ไม่นบเป็นมงคลในพระพุทธ
้
่
ั
ศาสนา บุคคลทีเราควรบูชานัน เช่น พ่อ-แม่ ซึงเป็นผูททำให้เราเกิดมา
่
้
่
้ ี่ �
หากเราไม่ได้มาเกิดคงไม่มีโอกาสได้สดับฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ดังนันพ่อแม่จงเป็นผูทมคณมีคาสมควรบูชาอย่างสูงสุด การบูชาพ่อแม่
้
ึ
้ ี่ ี ุ ่
นัน อาจบูชาด้วยอามิส เช่นให้ขาวของเครืองใช้ คอยอาบน�ำ ล้างเท้า
้
้
่
้
ตัดเล็บให้พอแม่ หรือบูชาด้วยการปฏิบตตามทีทานสังสอน
่
ั ิ
่ ่ ่
4
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
พระรัตนตรัยคือคุณของพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ มีไว้ให้เราได้ตรึกตามตรองตาม เพราะตามความ
เป็นจริงแม้อทปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท อริยสัจ ๔ จะ
ิ ั
มีมาก่อนอยูแล้ว แต่เราไม่ใช่ผมสพพัญญุตญาณ ต่อให้
่
ู้ ี ั
ธรรมอยูเ่ ฉพาะหน้า เราก็ไม่สามารถเห็น ไม่สามารถรูจก
้ั
ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงเข้าไปเห็น เข้าไปสัมผัส
แล้วน�ำมาบัญญัติ แจกแจง จ�ำแนก ถ่ายทอดสืบต่อมายัง
สงฆ์สาวก สายธารแห่งสาวก สายธารแห่งการสืบทอด
ทรงจ�ำค�ำสอนจึงถูกบันทึกไว้ในรูปแบบต่างๆใบลาน
บ้าง คัมภีรบาง หนังสือบ้าง สาวกในแต่ละยุคสมัยเห็น
์้
คุณค่าในค�ำสอน พุทธวจนจากพระโอษฐ์ จนถึงกับต้อง
รักษากันด้วยชีวต...บางยุคมีการเผาท�ำลาย มีการสังหาร
ิ
นักบวช ต้องหลบลี้ หนีภย จึงต้องอาศัยการสวดทรงจ�ำ
ั
แบบปากต่อปาก สิงนีจงมีคณค่า และ น่าอัศจรรย์มาก
่ ้ึ ุ
“คุ ณ ”แม้ เ พี ย งเท่ า นี้ ก็ ห าประมาณค่ า มิ ไ ด้
แล้ว...ถ้าไม่มทานเหล่านันทรงจ�ำค�ำสอน สืบทอดกัน
ี ่
้
ต่อมาไม่มีทางที่ธรรมะจะเดินทางจะมาถึงรุ่นเราได้
เลย! ความมืดบอดของ อวิชชา ก็จะยังคงมีอยูเต็มที่
่
จะไม่มทางรู้ บาป บุญ คุณ โทษ ชีวตจะเดินไปตาม
ี
ิ
สัญชาตญาณ ค�ำว่า สงบ ร่มเย็น หรือ นิพพาน จะ
ไม่มโอกาสได้สมผัส! นีคอ “คุณ” ของสงฆ์สาวกของ
ี
ั
่ ื
พระผูมพระภาคฯ ผูปฏิบตดแล้ว
้ ี
้ ั ิ ี
- 7. บูชาปูชนีย์ บูชาจากใจ
เรื่อง : พ.นวลจันทร์
พระราชาทีทำงานหนักเพือประชาชน ให้เราอยูดกนดี ครูบา่ �
่
่ ีิ
อาจารย์ผประสิทธิประสาทวิชา สอนให้เรามีความรู ผูให้ขาวให้
ู้
์
้ ้ ้
น�ำเรา ผูททำดีมคณกับเรา ธรรมชาติ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อวัยวะใน
้
้ ี่ � ี ุ
ร่างกาย ปอด หัวใจทีทำงานไม่เคยหยุด ประเทศชาติ แผ่นดิน
่ �
บ้านเกิดทีเราอาศัยอยู่ ท�ำกินหาเลียงชีพจนมีเงินมีทองขึนมา
่
้
้
กว้างขวางออกไปจนถึงโลกของเรา ทังหมดนีลวนมีคณ
้
้้
ุ
ยิ่งบุคคลใดเป็นเหตุปัจจัยให้ชักน�ำหรือแนะน�ำให้
เราเข้าใจ เข้าถึงธรรม อยูในศีลในธรรม บุคคลนันถือว่ามี
่
้
คุณอันสูงสุด บุคคลอย่างนีไม่ควรลืม เพราะมีทานจึงท�ำให้
้
่
เราได้พนภัยทางโลก อย่างอาตมามักน�ำลูกศิษย์ลกหาไปกราบ
้
ู
นมัสการพระอาจารย์มหาเหล็ก [ พระครูภาวนาวิหารธรรม วิ.
(พระอาจารย์มหาเหล็ก จันทสีโล)] ซึงเป็นผูชกน�ำอาตมามาเดิน
่
้ั
ทางสายนี้ ทุกปี เป็นอาจริยบูชา ถ้าไม่มทานอาจารย์ อาตมาจะ
ี ่
มานังตรงนีได้อย่างไร เพราะมีพระอาจารย์ มีทานจึงมีพระรูปนี้
่
้
่
ตอนนี้ แบบนีได้
้
สถานทีไหนทีทำให้เราเข้าใจในธรรม ได้เห็นธรรม ก็ควรบูชา
่ ่ �
อย่างตระหนักในคุณ เช่น ยุวพุทธิกสมาคมฯ ตอนปี ๒๕๔๑ อาตมามี
โอกาสได้เข้าร่วมโครงการปฏิบตธรรม และอาศัยอยูทนน ไม่อย่างนัน
ัิ
่ ี่ ั่
้
จะนอนทีไหน ดังนันตอนนีถามีโอกาสได้ตอบแทนช่วยเหลือ อาตมา
่
้
้้
ก็จะรีบท�ำ หากท�ำอะไรไม่ได้อย่างน้อยก็เป็นต้นบุญ บอกญาติโยม
ใช้ปากใช้วาจาป่าวประกาศยามทียวพุทธฯต้องการความช่วยเหลือ
ุ่
ไม่นงเฉยดูดาย
ิ่
เมือเราเห็น “คุณ” ในทุกอย่าง เราจะเป็นผูให้ จะมี
่
้
แต่ให้กบทุกสิงทุกอย่าง จึงตอบแทนเพราะเห็นคุณเห็นค่าและ
ั
่
ส�ำนึกในคุณค่าของทุกสิงทุกอย่างแม้แต่จกรวาลนี้ โลกนี้ ประเทศ
่
ั
นี้ สังคมนี้ บ้านนี้ ครอบครัวนี้ ไปจนถึงธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ของเรานี้
การเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆนั้นจะต้องตระหนักจริงๆและต้อง
ออกมาจากจิตจากใจข้างใน มิใช่แค่คดตามด้วยสมอง ซึงการจะ
ิ
่
ท�ำให้เกิดสิงนีได้ตองเกิดจากการท�ำกรรมฐานถ้าคุณไม่ทำกรรม่ ้ ้
�
ฐาน ได้แต่ฟงและอ่าน การแสดงออกก็จะได้เพียงครึงเดียวคือ
ั
่
ร่างกายภายนอก มิได้ตรงออกมาจากจิตใจ ทีเห็นคุณค่าจริงๆ
่
ดังนันเราจึงต้องหมันเติมกุศล เติมสัมมาทิฏฐิ วกเข้ามา
้
่
ท�ำตามแนวทางมรรคมีองค์ ๘ ท�ำความสะอาดใจข้างในให้ วิสทธิ
ุ
เกลียง บริสทธิ เมือ “สติ” เกิด “อกุศล” ก็ไม่สามารถแทรกเข้า
้
ุ ์
่
มาเป็นส่วนประสมของจิตได้ ในขณะนันบนวิถจตจึงไม่มกเลสเข้า
้
ีิ
ีิ
ครอบง�ำ เราจึงค่อยน้อมจิตแบบนีมาเจริญสติปฏฐาน
้
ั
“ เมือใดทีเราท�ำกรรมฐาน เมือนันเราจะเห็น
่
่
่ ้
คุณของสิงต่างๆ มาจากข้างใน เมือใดทีเราเห็นคุณ
่
่
่
ของทุกสิงอย่างจากใจ ออกมาจากใจจริงๆ เมือนัน
่
่ ้
แหละเราจะสามารถบูชาในสิงทีสมควรบูชาได้อย่าง
่ ่
แท้จริง ”
ภูมิ เว สปฺปรสานํ กตญฺญกตเวทิตา
ุิ
ู
ความกัตญญูกตเวที เป็นพืนฐานของคนดี
้
บริษท วิคเตอร์ มาร์เก็ตติง จ�ำกัด
ั
้
โดยคุณอุไร เจนกุลประสูตร
มอบเป็นธรรมบรรณาการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
5
- 8. ศีลประกันชีวิตสู่นิพพาน
เรื่อง : พระชาญชัย อธิปญฺโญ
เรื่อง : พระชาญชัย อธิปญโญ
ศีลมีความส�ำคัญต่อการอยู่ร่วมกันของมวล
มนุษย์ และเป็นเครื่องวัดความเป็นมนุษย์อีกด้วย
มนุษย์ หมายถึงผู้ที่มีจิตใจสูงซึ่งจะต้องมีศีล
๕ เป็นเครื่องรองรับ หากศีลข้อใดข้อหนึ่งรักษาไม่ได้
ความเป็นผู้มีจิตใจสูงก็พลอยมัวหมองไปด้วย จึงเป็น
ได้แค่คน และหากเป็นคนที่ไม่มีศีลเลย ความเป็นคน
ก็หมดไป มีสภาวะจิตไม่ต่างอะไรกับสัตว์นรก เปรต
อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน ดังค�ำที่กล่าวว่าตัวเป็น
คนแต่ใจเป็นเปรต(มนุสสเปโต) หรือตัวเป็นคนแต่ใจ
เป็นสัตว์เดรัจฉาน(มนุสสดิรัจฉาโน) เป็นต้น
ศี ล ๕ มี ไ ว้ เ พื่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ ค นในสั ง คม
เบียดเบียนกัน อันที่จริงแล้วไม่มีใครอยากจะให้ผู้อื่น
มาท�ำร้ายร่างกายตน หรือมาฆ่าตน ด้วยเหตุนี้ศีลข้อ
๑ ห้ามมิให้ฆ่าสัตว์(รวมถึงคนด้วย) จึงมีความจ�ำเป็น
เพราะจะช่วยให้เรามีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต
มาล่วงละเมิดทางเพศในคู่ครองของตน ด้วยเหตุนี้ศีลข้อ ๓ ห้ามมิให้
ประพฤติผิดทางกาม จึงมีความจ�ำเป็น เพราะจะช่วยให้บุคคลมีความ
มั่นคงในชีวิตครอบครัว
เราต่างไม่ต้องการให้ใครมาโกหกหลอกลวง ใส่ร้าย ตลอดจน
ใช้วาจาประทุษร้ายท�ำลายเรา อันจะท�ำให้เราได้รับความเสียหาย ด้วย
เหตุนี้ศีลข้อ ๔ ห้ามมิให้กล่าวค�ำเท็จ จึงมีความจ�ำเป็น เพราะจะช่วย
ไม่ให้เราถูกหลอกลวงหรือถูกใส่ร้าย
ทรั พ ย์ ส มบั ติ นั้ น แต่ ล ะคนหามาด้ ว ยความ
เหนื่อยยาก เพื่อน�ำมาเลี้ยงดูชีวิต จึงไม่ต้องการให้คน
อื่นมาโกง มาลักขโมย หรือมาท�ำลายทรัพย์สินของ
เรา ด้วยเหตุนี้ศีลข้อ ๒ ห้ามมิให้ลักทรัพย์ จึงมีความ
จ�ำเป็น เพราะจะช่วยให้เรามีความมั่นคงปลอดภัยใน
ทรัพย์สิน
การเสพสุราและสิ่งเสพติดให้โทษ เป็นเหตุให้ผู้เสพขาดสติ ตั้ง
อยู่ในความประมาท ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ น�ำไปสู่การทะเลาะ
วิวาทท�ำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน หากขับขี่ยานพาหนะก็ไม่สามารถ
ควบคุมรถได้เหมือนในยามปกติ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุท�ำลายชีวิต
และทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ผู้ติดยาเสพติดมักจะมี
พฤติกรรมลักขโมยชิงทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อน�ำเงินมาซื้อยา ด้วยเหตุนี้
ศีลข้อ ๕ ห้ามมิให้เสพสุรายาเสพติดให้โทษ จึงมีความจ�ำเป็น เพราะ
จะช่วยให้เรามีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เมื่อมีคู่ครอง ต่างก็ปรารถนาที่จะให้ชีวิตคู่
ของตนด�ำเนินไปด้วยความราบรื่นยืนยาว เพื่อสร้าง
ครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นมั่นคง ไม่ต้องการให้ใคร
ผู้ที่ผิดศีล ๕ หากจงใจที่จะท�ำหรือท�ำด้วยเจตนาจะได้รับ
วิบากกรรมตอบสนอง ตามลักษณะของกรรมที่ได้ท�ำไว้ กล่าวคือ
6
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
- 9. ศีลประกันชีวิตสู่นิพพาน
การผิดศีลข้อ ๑ ฆ่าคนและฆ่าสัตว์ หากเป็นสัตว์
ใหญ่ทมนุษย์อาศัยแรงงาน เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย การฆ่า
ี่
ได้มีการไตร่ตรองวางแผน จงใจที่จะฆ่า หาอาวุธที่จะใช้
ประหาร และลงมือด้วยใจทีอ�ำมหิต เป็นเหตุให้คนหรือสัตว์
่
นันถึงแก่ความตาย พฤติกรรมของการกระท�ำดังกล่าวจะส่ง
้
ผลให้ผฆามีอายุสน หากเป็นการฆ่าสัตว์ทยอมลงมา เช่น หมู
ู้ ่
ั้
ี่ ่
เป็ด ไก่ ปลา ถ้าฆ่าอยูเป็นประจ�ำ จะมีผลต่อสุขภาพท�ำให้มี
่
โรคร้ายทียากต่อการรักษา หากฆ่าสัตว์เล็กๆเช่นมด แมลง
่
ยุง ปลวก จะมีผลต่อสุขภาพท�ำให้เป็นโรคผิวหนัง
การผิดศีลข้อ ๒ ลักทรัพย์ รวมถึงฉ้อโกง คอรัปชั่น
หลอกลวงเอาทรัพย์ของคนอื่นมาเป็นของตน จะโดยวิธีใด
ก็ตาม เมื่อเจ้าของเขาไม่ยินดีที่จะให้ ก็เป็นการเบียดเบียน
ให้เจ้าของทรัพย์ได้รับความทุกข์เดือดร้อน วิบากกรรม
จากการผิดศีลดังกล่าว ส่งผลให้ทรัพย์ของตนต้องวิบัติ
ไปด้วยประการต่างๆ เช่น ถูกเขาโกง ถูกผู้ร้ายมาปล้น
หรือลักขโมยไป ถูกทางการมายึดเอาไป ถูกไฟไหม้ ถูกภัย
ธรรมชาติท�ำให้ทรัพย์เสียหาย เป็นต้น
การผิดศีลข้อ ๓ ล่วงละเมิดทางเพศในคู่ครองของ
ผู้อื่น วิบากกรรมที่ได้อาจจะถูกเขาข่มขืน เป็นคนส�ำส่อน
ทางเพศ เป็นคนขายบริการทางเพศ คู่ครองนอกใจ ถูกเขา
หลอกลวงให้อกหัก มีใจวิปริตทางเพศ
การผิดศีลข้อ ๔ พูดโกหก วิบากกรรมที่ได้รับจะถูก
ผู้อื่นโกหก หลอกลวง ใส่ร้ายป้ายสี ด่าทอ ส่อเสียด ท�ำให้
ได้รับความทุกข์ใจ นอกจากนี้จะพูดจาความใดก็มักจะไม่
ได้รับความเชื่อถือเท่าที่ควร
เรื่อง : พระชาญชัย อธิปญฺโญ
อานิสงส์ของศีลจะช่วยให้ได้มนุษยสมบัติ คือได้
เกิดเป็นมนุษย์ มีร่างกายสมประกอบ ไม่พิการ มีอายุยืน
และหากมีหิริโอตตัปปะ คือมีความเกรงกลัวต่อบาป(หิริ)
และละอายต่อบาป(โอตตัปปะ) ไม่ท�ำบาปทั้งในที่ลับและ
ที่แจ้ง หากตอนจะตาย กุศลกรรมส่งผล ช่วยให้จิตผ่องใส
ตายไปย่อมมีโอกาสเกิดบนสวรรค์ มีอายุยืนยาว และมี
ความสุขอันประณีต
นอกจากนี้ ศี ล ยั ง เป็ น พื้ น ฐานให้ เ ข้ า สู ่ อ ริ ย มรรค
อริ ย ผล นั บ ตั้ ง แต่ พ ระโสดาบั น พระสกทาคามี พระ
อนาคามี และพระอรหันต์ ซึ่งพระอริยบุคคลดังกล่าวอย่าง
น้อยจะต้องมีคุณธรรมของศีล ๕ รองรับ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่ควรดูหมิ่นดูแคลนในศีล ขอ
ให้ตระหนักว่าความเดือดเนื้อร้อนใจต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
ประจ�ำวันของเรา ส่วนใหญ่มาจากวิบากกรรมของการผิด
ศีลที่เราได้ท�ำไว้ ทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ
รักษาศีลเสียแต่วันนี้ ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงในทาง
ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน.
สีลธนํ โหติ
มีศีล คือมีทรัพย์อันประเสริฐ
การผิดศีลข้อ ๕ เสพสุราและยาเสพติด วิบาก
กรรมที่ได้จะเป็น ผู้ที่มีปัญญาทึบ ขาดสติ มีสุขภาพไม่ดี
เป็นโรคร้ายแรงที่รักษายาก ได้รับความทุกข์ทรมาน
วิบากกรรมจากการผิดศีลทั้ง ๕ ดังกล่าวข้างต้น
อาจจะเป็นเพราะผลของกรรมที่ได้ท�ำไว้ในชาตินี้ หรือหาก
ชาตินี้ไม่ได้ท�ำก็เป็นเพราะผลกรรมที่ท�ำไว้ในอดีตชาติส่ง
มา การผิดศีลจึงเป็นเรื่องส�ำคัญต่อชีวิต หากผิดศีลที่รุนแรง
ตายไปแล้ ว มี โ อกาสที่ จ ะไปเกิ ด ในอบายภู มิ ( นรก เปรต
อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน)สูงมาก
บริษท สมบูรณ์ เอสบี จ�ำกัด
ั
มอบเป็นธรรมบรรณาการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
7
- 10. สวดมนต์เองวันนี้ ดีกว่ารอคนอื่นสวดให้
กองบรรณาธิการ
สวดมนต์เองวันนี้
ดีกว่ารอคนอืนสวดให้
่
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ค�ำว่า “มนต์” ความหมาย
ตามพจนานุกรม หมายถึง คําศักดิสทธิ์
์ ิ
คําสําหรับสวดเพื่อเป็นสิริมงคล เช่น
สวดมนต์ ค�ำเสกเป่าที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์
เช่น ร่ายมนต์ เวทมนต์
ค�ำว่า “มนต์” โดยทัวไปหมาย
่
ถึ ง ถ้ อ ยค� ำ ที่ ข ลั ง หรื อ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ซึ่ ง
สามารถท� ำ ให้ เ กิ ด ผลที่ มุ ่ ง หมายบาง
อย่างด้วยอานุภาพของมนต์นน
ั้
ในทางพระพุทธศาสนา ค�ำว่า
“มนต์” หมายถึง หลักธรรม บทสอนใจ
หากจะใช้ “มนต์ ” เพื่ อ สื่ อ ถึ ง ความ
หมายแห่งถ้อยค�ำที่ขลังหรือศักดิ์สิทธิ์
ได้ก็เพราะการน�ำหลักธรรมในบทสวด
ไปเป็นข้อประพฤติปฏิบัติจนเกิดผลที่
ปรารถนาได้อย่างน่าอัศจรรย์
บทพระพุทธมนต์ ในพระพุทธ
ศาสนานิกายเถรวาทนั้นท่านใช้ภาษา
บาลี ซึงถ้าแปลความหมายออกมาก็จะ
่
พบว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นค�ำสวดบูชาเพือ
่
ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย อัน
ได้แก่พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ แทบทังสิน จึงนับเป็นอุบายในการ
้ ้
เจริญสติอย่างหนึ่ง ที่เรียก พุทธานุสติ
ธรรมานุสติ และสังฆานุสติ
8
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
“
สวดมนต์ดวยความตังใจ
้
้
จนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพจารณา
ิ
จนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ
ประโยชน์สงสุดของการสวดมนต์
ู
นันคือ จะท�ำให้ทานบรรลุผล จนส�ำเร็จ
่
่
เป็นพระอรหันต์
”
ในการสวดมนต์ทกครัง จะเริมด้วยค�ำบูชาพระบรมศาสดาว่า “นโม
ุ ้
่
ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” แปลความว่า “ขอนอบ
น้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็น ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบ
ได้โดยพระองค์เอง” และตามด้วยพระพุทธมนต์บทต่างๆ ตามแต่วาระและ
โอกาส ซึ่งเป็นกิจที่เราชาวพุทธควรได้ประพฤติปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจ�ำวัน
จึงขอน้อมน�ำอานิสงส์ของการสวดสาธยายพระพุทธมนต์มาแบ่งปันกันดังนี้
อานิสงส์ของการสวดมนต์ เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต) พรหมรังสี
ยังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสีย
เวลามาก หรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่าง
มากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรม
ค�ำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์ พระอรหันต์ พระอริยเจ้ามี
คุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณา
จนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่น
คือจะท�ำให้ท่านบรรลุผล จนส�ำเร็จเป็นพระอรหันต์
- 11. สวดมนต์เองวันนี้ ดีกว่ารอคนอื่นสวดให้
ที่ อ าตมากล่ า วเช่ น นี้ มี ห ลั ก ฐานปรากฏใน
พระธรรมค�ำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็น
พระอรหันต์มี ๕ โอกาสด้วยกันคือ
๑. เมื่อฟังธรรม
๒. เมื่อแสดงธรรม
๓. เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
๔. เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
๕. เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ
การสวดมนต์ ใ นตอนเช้ า และในตอนเย็ น เป็ น
ประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า
ทรงประกาศพระพุทธศาสนา บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย
ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น
๒ เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม
ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรม
เป็นการช�ำระล้างจิตใจที่เศร้าหมองให้หมดไป เพื่อส�ำเร็จสู่
มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่ง
ประกอบไปด้วยองค์ทง ๓ นันคือ
ั้
่
กองบรรณาธิการ
* ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้
ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอยได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิต
สงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้
ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการ
สวดมนต์ มีอยูจำนวนมากก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย
่�
เมือมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผูสวดอยูเช่นนัน
่
้
่ ้
ภัยอันตรายต่างๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล�้ำกรายผู้สวดมนต์
ได้ ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์
ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดาทั้งหลายคุ้มครองภัย
อันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม
ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาใน
ที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เมื่อจิตมีที่พึ่ง คือคุณพระรัตนตรัย ความ
กลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้า
ก็ดี ภัยอันตรายใดๆ ก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั่นแล..
สยํ กตานิ ปุญญานิ
บุญที่ท�ำไว้ จะเป็นมิตรติดตามตัวไปเบื้องหน้า
๑. กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและส�ำรวม
๒. ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
๓. วาจา เป็ น การกล่ า วถ้ อ ยค� ำ สรรเสริ ญ ถึ ง พระคุ ณ อั น
ประเสริฐ ในพระคุณทั้ง ๓ พร้อมเป็นการขอขมา ในการ
ผิดพลาดหากมี และกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเรา
เรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดทีเดียว
อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหาก
บุค คลใดได้ ส วดมนต์เช้า และเย็นไม่ขาดแล้ว บุค คลนั้ น
ย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน การสวดมนต์นี้
ควรสวดมนต์ให้มเสียงดังพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์
ี
แก่จตตน และประโยชน์แก่จตอืน
ิ
ิ ่
* ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์
จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะท�ำให้เกิด
ความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้นๆ ท�ำให้เกิดสมาธิและ
ปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด
*** ที่มาพระธรรมเทศนาจากหนังสือ อมตะธรรม สมเด็จโต พรหมรังสี
บริษท นิว อิมเมจ อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย จ�ำกัด
ั
่
มอบเป็นธรรมบรรณาการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
9
- 12. กราบสติปฏฐาน ๔
ั
กราบสติปัฏฐาน ๔ และการเดินจงกรม
เรื่อง : พระมหาทองมัน สุทธจิตโต
่
ฺ
ฺ
และการเดินจงกรม
เรื่อง : พระมหาทองมั่น สุทธฺจิตฺโต
ต่อจากฉบับที่ ๘๘
“
การฝึกจิตทีขมยาก ทีเบา มักตกไปใน
่ ่
่
อารมณ์ทนาใคร่ เป็นความดี,(เพราะว่า)
ี่ ่
จิตทีฝกแล้ว น�ำสุขมาให้.
่ ึ
”
10
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
(พุทธ) ขุ.ธ. ๒๕/๑๙.
ฺ
ท่ า ของการเก็ บ มื อ ดู แ ขน
อาตมานะ มันจะไม่เกร็ง มันจะปล่อย
แบบสบายสุดๆเลยนะ แต่ถาเกร็ง ก็จะ
้
มีอาการตึงตรงนี้ แต่ถ้าด้านหน้าก็จะ
เป็นการพยุงไว้ อันนีคอไม่สดๆ นะ มี
้ ื
ุ
สามท่า ๑ อันนีกอย่างไว้ขางหน้า ๒ นี่
้็
้
ก็ไว้แบบสบาย ก็คือปล่อยสุดๆ เลย
มันจะไม่ต้องพยุงไว้ ๓ กอดหน้าอก
ตรงนี้ อันนีคอการเก็บมือ ถามว่าท�ำไม
้ ื
ต้องเก็บมือ ถ้าไม่เก็บมือ เวลาเดินนะ
มือเราจะแกว่ง พอมือเราเคลื่อนไหว
มือเราแกว่งแล้วนี่ จิตเราก็จะไปรู้สอง
อารมณ์ อารมณ์หนึ่งก็รู้ที่เท้าที่เคลื่อน
อีกอารมณ์หนึ่งก็รู้ที่มือที่แกว่ง จะเป็น
สมาธิได้ยากนะ เพราะสมาธิก็คือจิตที่
ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนะ
ไม่ใช่วาอยูสองอารมณ์ ถ้าสองอารมณ์
่ ่
ไม่ใช่จตทีตงมัน
ิ ่ ั้ ่
ต่อไปก็ คื อ หลั ก ของการเดิ น
จงกรม ข้อที่ควรระวังมากที่สุดก็คือ
สายตา ฉะนั้นการเดินทุกครั้งให้เก็บ
สายตา ค�ำว่าเก็บสายตานี่ก็คือ มอง
ห่างจากปลายเท้าประมาณสี่ศอกนะ
อย่าไปมองสูงเกินไป ยกเว้นบางครั้ง
ที่โยมรู้สึกว่าตึงๆ หนักศีรษะ เพ่งมาก
เกินไปก็อาจจะเปลียนสายตาได้ ก็มอง
่
ตรงได้ มองตรงก็อย่าไปใส่ใจในภาพ
ข้างหน้านะ
- 13. กราบสติปัฏฐาน ๔ และการเดินจงกรม
ประการทีสองให้เดินช้ากว่าปกตินะ และก็เป็นธรรมชาติ ไม่
่
เกร็ง เหมือนเราเดินทัวไป แต่วาช้านะ ประการต่อไป ต้องไม่
่
่
หลับตาเดิน ต้องลืมตาเดิน ไม่กมหน้ามองดูเท้า และก็ไม่ตอง
้
้
พูดออกเสียง เคร่งกว่านันก็หามขยับปากอีก ท�ำไมถึงว่าห้าม
้ ้
ขยับปาก เพระว่าเวลาเราขยับปากนี่ จิตเราจะมารูทปากนะ
้ ี่
ปากทีขยับนี่ แต่วาไม่รทเี่ ท้าว่าอาการยกอาการเคลือนเป็นยังไง
่
่ ู้
่
ฉะนั้นเมื่อเรามาปฏิบัติเงียบ ก็ควรจะให้มันเงียบ
จริงๆ ก็คอรูเพียงสิงเดียว ก็คออาการยก อาการย่าง อาการ
ื ้
่
ื
เหยียบของเท้า ต่อไปก็คอ ไม่ยกเท้าสูงนะ ไม่กาวขายาว วาง
ื
้
เท้าให้เสมอกัน ไม่เอาส้นหรือปลายเท้าลงก่อน อันนีกคอข้อ
้็ ื
ควรระวังนะ และก็ตอไปนะ ไม่หยุดในระหว่างค�ำว่าขวาย่าง
่
หนอ ซ้ายย่างหนอ จากทีโยมเคยฝึกปฏิบตมาก็คอ เวลาขวา
่
ั ิ
ื
ยกขึน นะ หยุดนิดนึง แล้วก็ยาง หยุดนิดนึง หนอหยุดนิดนึง
้
่
อันนีไม่ให้หยุดนะ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เป็นลูกโซ่ เป็น
้
เส้นด้ายติดต่อกันไปนะ นีจตของเราจะไม่มชองว่าง เพือให้
่ิ
ี่
่
จิตมันแวบๆ ออกไป
อันนีเ้ ขาเรียกว่าเป็นการบริกรรมให้ตดต่อ ให้ตอเนือง
ิ
่ ่
กันต่อไป ไม่สกแต่บริกรรมโดยไม่รอาการนะ การบริกรรมนี่
ั
ู้
ให้สงเกตดูหน่อยว่า ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอนี่ ใจเราดูทเี่ ท้า
ั
หรืออยูทคำบริกรรมนะ ถ้าดูทเท้าก็ถกต้องแล้ว รูวาเท้ามัน
่ ี่ �
ี่
ู
้่
เคลือน รูวาเท้ามันย่าง แต่ถาไปอยูทคำพูดนี่ ก็แสดงว่าเราสัก
่ ้่
้
่ ี่ �
แต่บริกรรมจริงๆ ท่องได้ เดินได้ แต่วาไม่รอาการนะ
่ ู้
เรื่อง : พระมหาทองมัน สุทธจิตโต
่
ฺ
ฺ
แล้วก็คำบริกรรมกับอาการให้ตรงกัน ก็คอไปพร้อม
�
ื
กันนันเอง ขวายกขึน ย่างเคลือนไป หนอก็วางลง ก�ำหนด
่
้
่
พร้อมรูอาการเคลือนไหวของเท้า
้
่
อันนีเ้ ป็นหลักง่ายๆ นะ พอสุดทางเดินแล้วนีถาโยคี
่้
ใหม่กจะลืมค�ำว่า ยืนหนอ ยืนหนอ ก็จะกลับเลย ฉะนันก่อน
็
้
เดิน ต้องมียนหนอ ก่อนกลับก็มยนหนอ พอถึงเวลากลับก็
ื
ีื
กลับหนอ กลับหนอ
ถ้าได้ต้นจิตก็ควรจะใส่ ก่อนเดินให้ใส่ก่อน อยาก
เดินหนอ อยากเดินหนอ ก่อนกลับก็ให้ใส่กอน อยากกลับ
่
หนอ อยากกลับหนอ แล้วค่อยกลับ อยากเดินหนอ อยาก
เดินหนอ แล้วค่อยเดินนะ ใส่ต้นจิตลงไป ค�ำบริกรรมของ
การเดินนะจริงๆ ตัวนีกสำคัญนะ เก็บมือนีใช้คำว่า ยกหนอ
้็ �
่ �
ยกหนอ มาหนอ มาหนอ ก็ได้
แต่ถาใครรูสกว่ามันยังยากไปนะ ก็จะใช้คำว่า เคลือน
้
้ึ
�
่
หนอ เคลือนหนอ แทนนะ ใช้คำว่าเคลือน เคลือนหนอ เคลือน
่
�
่
่
่
หนอ มือเคลือนไปนีเ่ ป็นการเคลือนทังนันเลย อันนีจะง่ายกว่า
่
่ ้ ้
้
นะ หรือ ยกหนอ ยกหนอ มาหนอ มาหนอ ก็ได้ แต่เคลือน
่
หนอ นีจะเป็นค�ำทีงายๆ ต่อไปขณะทียนก�ำหนดว่า ยืนหนอ
่
่่
่ื
ยืนหนอ ยืนหนอ
จิตตํ รกฺเขถ เมธาวี.
ฺ
ผูมปญญาพึงรักษาจิต
้ี ั
ขุ.ธ.๒๕/๑๙
โปรดติดตาม “กราบสติปฏฐาน ๔ และการเดินจงกรม” ได้ตอในฉบับหน้า
ั
่
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
11
- 14. ชีวิตสดใส หัวใจใฝ่ธรรมะ
เรื่อง : พระราชสิทธิมนี (วิ.)
ุ
ชีวตสดใส
ิ
หัวใจใฝ่
ต่อจากฉบับที่ ๘๘
ธรรมะ
ธรรมะที่ท�ำให้เมื่อเราปฏิบัติแล้ว
เราจะได้สงใดสิงหนึงทีเราปรารถนา ไม่วาจะ
ิ่ ่ ่ ่
่
เป็นลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เสือผ้าอาภรณ์ชด
้
ุ
หนึ่งที่เราได้มา เราได้มาเพราะการปฏิบัติ
ตามหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า
ข้ อ ที่ ห นึ่ ง ก็ คื อ ความขยั น ขยั น
ท�ำงาน เมื่อขยันท�ำงานแล้วก็ได้เงินเดือนมา
ข้อที่สองรู้จักเก็บรักษา ข้อที่สาม มีเพื่อนดี
ไม่ ค บเพื่ อ นที่ เ ป็ น คนพาล ชั ก น� ำ ให้ เ รา
ประพฤติผดศีลธรรม ทรัพย์สมบัตกอยูได้ ข้อ
ิ
ิ็ ่
ทีสี่ ตัวเราเองก็มธรรมะ มีสติบอกตัวเองอยู่
่
ี
ว่า เราต้องรูจกพอเพียง
้ั
ทรัพย์สมบัติที่เราได้มา เมื่อเราน�ำ
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไปจัด ก็จะท�ำให้
ชีวตของเรามีความสุข เรียกว่าชีวตของเราก็
ิ
ิ
มีความสดใส เพราะว่าเรารู้จักด�ำเนินชีวิต
ตามหลักในทางพุทธศาสนา อย่างทีพระบาท
่
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงตรัสถึงเรื่อง
การด�ำเนินชีวิตแบบพอเพียง เราทั้งหลายก็
พยายามปฏิบตตามนัน ชีวตก็มความสุข
ั ิ
้ ิ ี
แต่เราท่านทั้งหลายก็ยอมรับความ
เป็ น จริ ง ว่ า ประเทศของเรานั้ น ในสมั ย
ปัจจุบนเรามีแหล่ง มีสถานที่ มีวตถุ ทีจะเป็น
ั
ั ่
เหตุ เป็ น ปั จ จั ย ให้ เ ราได้ ส มบั ติ ท างกาย
12
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
เรื่อง : พระราชสิทธิมุนี ((วิ.)
“ ทธเจ้า
... ธรรมะของพระพุ
เป็นเหมือนแสงสว่างน�ำทางชีวตของเรา
ิ
ให้ชวตของเราออกจากทีมด
ีิ
่ื
ทีมดในทีนกคอว่า ปกคลุมไปด้วย โลภะ โทสะ โมหะ...
่ ื ่ ี้ ็ ื
”
มากมายหลายประการ เราอยากได้อะไรเราก็ได้หมด ถ้าหากว่าเรามีปจจัย
ั
พอเพียง เช่น เราอยากรับประทานอาหาร เราสามารถทีจะไปซือได้ตลอด
่
้
คืนตลอดวัน ตามทีเ่ ราปรารถนา
แต่เราก็มานึกถึงหลักความจริงว่า ชีวิตของคนเราต้องรู้จักพอ
เพียง เอาเท่าทีจำเป็น มีเท่าทีจำเป็น เราก็รสกสบายไม่ให้มอะไรมากจน
่�
่�
ู้ ึ
ี
เกิ น ไป ชี วิ ต ก็ มี ค วามสุ ข เป็ น ชี วิ ต ที่ ส ดใส แล้ ว นึ ก ถึ ง หลั ก ธรรมะของ
พระพุทธเจ้า คือพูดได้ง่ายว่าในชีวิตประจ�ำวันของเรานี้ สิ่งที่เป็นวัตถุนั้น
อย่าไปนึกถึงมากจนเกินไป
ถ้าหากว่าเราไปนึกถึงมากเกินไป เราก็จะเป็นทาสของวัตถุ เมือเรา
่
เป็นทาสของวัตถุนี้ เราก็จะมีความทุกข์มากขึน การทีเราจะไม่เป็นทาสของ
้
่
วัตถุสงใดสิงหนึงมากจนเกินไปนัก เราต้องมีหวใจพิเศษ เรียกว่าหัวใจต้อง
ิ่ ่ ่
ั
ใฝ่ธรรมะ พระพุทธเจ้าพระองค์ได้ตรัสว่า “ธมฺมจารี สุขง เสติ” บุคคลผูมี
ั
้
ปกติประพฤติธรรมย่อมอยูเ่ ป็นสุข
- 15. ชีวิตสดใส หัวใจใฝ่ธรรมะ
เพราะฉะนั้นความสุขของคน
เรานี้ จิตใจเป็นเรืองทีสำคัญทีสด นันก็
่ ่�
ุ่ ่
คือว่า เมือมีอาหารกายก็ตองมีอาหารใจ
่
้
นันเอง ท่านทังหลายมาวันนี้ ท่านมา
่
้
ฟังธรรมะเป็นการให้อาหารใจแก่ชีวิต
ของเรา อาหารใจนี้ เ ป็ น นามธรรม
สัมผัสรูได้ดวยใจ
้ ้
คนเรานี้ ถ้าหากว่าเราใช้ปญญา
ั
แต่ในเรื่องของการฟัง ใช้ปัญญาแต่ใน
เรื่องพินิจพิจารณา เป็นคนมีเหตุมีผล
เราจะไม่คอยรูจกจิตใจของตัวเองเท่าไร
่ ้ั
ท่านทังหลายมาพิจารณาดู อย่างคนไทย
้
เรานีเ้ ป็นชาวพุทธ เรารูจกศีล ๕ นันคือ
้ั
้
อะไรบ้าง
วันนี้ก็ได้ถือโอกาสแปลศีล ๕
ให้ทานทังหลายได้วาตามด้วย เพือว่า
่ ้
่
่
เราจะได้ทบทวนว่าเราเป็นชาวพุทธนี้
ศีล ๕ ประการมีความหมายเป็นอย่างนี้
เรื่อง : พระราชสิทธิมนี (วิ.)
ุ
เวลาทีเราจะละเมิดศีล เราก็จะได้มสติ
่
ี
มากขึ้ น กว่ า เดิ ม บางที เ รารั บ ศี ล ไป
อย่างเดียว ไม่รู้จักความหมาย ท�ำให้
เราลืมได้วาอะไรทีเ่ ป็นข้องดเว้นบ้าง
่
เพราะฉะนัน การทีเ่ ราเป็นชาว
้
พุทธ เรามีความรู้ในทางทฤษฎี รู้จัก
ธรรมะ รูจกพระพุทธเจ้าสอนอะไรบ้าง
้ั
แต่วาความรูทเี่ รามีอยูนี้ บางทีมนก็ไม่สง
่
้
่
ั
่
ถึงหัวใจของเราว่า เรารูตามทีพระพุทธเจ้า
้ ่
สอนจริงๆ ไหม คือความรูทมอยูนี้ จิต
้ ี่ ี ่
ของเรานีไม่ได้รบรูในระดับทีลกซึง ก็จง
้
ั ้
่ึ ้ ึ
เป็นเหตุให้คนเรานี้ บางทีกทำความผิด
็ �
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร
เพราะอ�ำนาจของกิเลสที่ท�ำให้จิตใจ
เศร้าหมองมีกำลังมาก แต่วาก�ำลังของ
�
่
สติ สมาธินมนอ่อนไป
ี้ ั
โปรดติดตาม “ชีวตสดใส หัวใจใฝ่ธรรมะ” ได้ตอในฉบับหน้า
ิ
่
ปญฺญาชีว ชีวตมาหฺ เสฏฐํ
ี ิ
ชีวตทีอยูดวยปัญญา ประเสริฐสุด
ิ ่ ่้
NC Tour & Enterprise Co.,Ltd.
บริษท เอ็นซี ทัวร์ แอนด์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จ�ำกัด
ั
มอบเป็นธรรมบรรณาการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
13
- 16. ฝึกฝนจิตละกิเลส
“
”
เรื่อง : ปรียวิศว์ โยธีพทกษ์
ิ ั
เรือง : ปรียวิศว์ โยธีพทกษ์
่
ิ ั
ความเพียรทีถกต้องคือสิงใด ?
ู่
่
ความเข้าใจหนึงทีคลาดเคลือนไปก็คอ “ความเพียรทีถก
่ ่
่
ื
ู่
ต้องคือสิงใด ” เพราะหลายคนมีความเข้าใจทีวาการปฏิบตธรรม
่
่่
ั ิ
สามารถเกิดขึนได้เฉพาะในห้องกรรมฐาน หรือ หลักสูตรปฏิบติ
้
ั
เท่านัน โดยทีอาจจะหลงลืมประเด็นทีสำคัญทีสดเรืองหนึงไปก็คอ
้
่
่�
ุ่ ่
่
ื
การภาวนานันอยูทจต และจิตก็ทำงานอยูตลอดเวลา คล้ายกับ
้ ่ ี่ ิ
�
่
การทีมนุษย์กหายใจอยูตลอดเวลา ดังนันนักปฏิบตทงหลายก็ควร
่
็
่
้
ั ิ ั้
ต้อง “ปฏิบตได้ตลอดเวลา” คือ อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาล เช่น
ัิ
กัน ดั ง ตั ว อย่ า งของบทสนทนานี้ ซึ่ ง เป็ น พระราชปุ จ ฉาของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหวทีมตอหลวงปูดลย์ อตุโล ว่า
่ ั ่ ี่
่ ู
“หลวงปู่ การละกิเลสนั้นควรละอะไรก่อน” จากนั้น
หลวงปูกกล่าววิสชนาว่า
่็
ั
“กิเลสทั้งหมดเกิดรวมที่จิต ให้เพ่งมองดูที่จิต
อันไหนเกิดก่อนให้ละอันนั้นก่อน”
ความเพียรชอบ = ชอบความเพียร
คุณเคยสงสัยไหมครับว่า
“ท�ำไมเมืองไทยสมัยนีมนช่างวุนวาย สับสน
้ ั
่
และผูคนไร้ซงมโนธรรมใดๆ เสียเหลือเกิน ”
้
ึ่
จริงที่สุดว่าผู้ที่จะสามารถท�ำแบบนี้ได้นั้นต้องอาศัย
ความเพียรอยูตลอดเวลา เท่าทีสามารถ เท่าทีมโอกาส ไม่วาจะ
่
่
่ ี
่
เป็นวันไหนๆ เวลาใดๆ หากผู้ใดคลาดจากการตั้งเจตนาไว้ใน
ทิศทางนี้ ก็คงเรียกได้วายังไม่สามารถทีจะเข้าสูการพัฒนาจิตให้
่
่
่
เกิดปัญญาและสันติสข ได้อย่างแท้จริง และแน่นอนว่าใครจะไปรู้
ุ
ดีได้เท่ากับตัวของนักปฏิบตแต่ละท่านเองว่าในแต่ละนาทีทผาน
ั ิ
ี่ ่
ไป “บัดนีเ้ ราท�ำอะไรอยู” เราก�ำลังเจริญความเพียรทีถกต้องอยู่
่
ู่
ไหม (สัมมาวายามะ,สัมมัปปธาน ๔) สิงใดทีควรละเราเพียรละ
่ ่
อยูหรือเปล่า สิงใดทีควรเจริญเราเพียรเจริญอยูหรือไม่
่
่ ่
่
ทังๆทีเ่ รียกได้เลยว่าเราก�ำลังอยูในยุคเฟืองฟู
้
่
่
ของการปฏิบัติธรรมอันอุดมไปด้วยค�ำสอน และผู้รู้
ธรรมมากมายยุคหนึง ถ้าศาสนาเจริญขนาดนี้ ท�ำไม
่
ผู้คนถึงไม่เจริญตาม การปฏิบัติธรรมไม่มีประโยชน์
ผู้คนเข้าใจการปฏิบัติกันไม่ถูกต้อง มันยังไงกันแน่
ความคลาดเคลือนบกพร่องคืออะไร ?
่
14
ยุวพุทธสัมพันธ์ ฉบับที่ ๘๙
- 17. ฝึกฝนจิตละกิเลส
เรื่อง : ปรียวิศว์ โยธีพทกษ์
ิ ั
วิรเยน ทุกขมจฺเจติ
ิ
ฺ
คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ขุ.สุ.๒๕/๓๖๑
ดังนั้นความเพียรทางจิตในการเจริญสติ เพื่อเพียรเจริญ
กุศลและเพียรละอกุศล จึงถือเป็นการสร้างเหตุทถกตรงทีสดต่อการ
ี่ ู
่ ุ
วิมุตติหลุดพ้น ตามหลักของเหตุปัจจัย นั่นก็คือหมั่นสร้างเหตุที่
เหมาะสมเพือน�ำทางจิตไปบนมรรควิถทถกต้อง ซึงท่านก็เคยแสดง
่
ี ี่ ู
่
ไว้ในพระสูตรหนึงชือสติสตร(สติวรรคที๔)* รวมความได้วา
่ ่
ู
่
่
“การเจริญสตินนเป็นเหตุ ท�ำให้เห็นโทษของบาปอกุศลจน
ั้
ท�ำให้เกิดการส�ำรวมระวังขึ้นเอง และนั่นจึงเป็นเหตุให้ศีลสมบูรณ์
จนเกิดความสงบตังมันไม่หวันไหวไปของจิต จนสามารถเห็นสภาพ
้ ่
่
ธรรมได้ตามความเป็นจริง จนเกิดปัญญาและน�ำไปสู่ความเบื่อ
หน่ายคลายก�ำหนัด และความไม่ยดมันแห่งจิตได้ในบันปลาย”
ึ ่
้
หากต้องตอบค�ำถามทีวา ท�ำไมโลกจึงแสนจะวุนวายทังๆที่
่่
่
้
ศาสนาก็เจริญมาก ก็คงต้องตอบว่าเพราะผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ใช้ชีวิต
อยูนอกห้องกรรมฐานมากกว่าในห้องกรรมฐานนันไง แล้วหากพวก
่
่
เขาเหล่านันไม่สามารถรักษาระดับของความเพียรชอบทางจิต ให้มี
้
อยูสม�ำเสมอเป็น อกาลิโก ได้ จิตของเขาก็ตองถูกกิเลสเผาลน และ
่ ่
้
โลกก็จะรุมร้อน วุนวาย แบบนีนนแหละ....เป็นไปตามเหตุปจจัย
่
่
้ ั่
ั
ดังนันเราควรมาช่วยกันศึกษาและฝึกฝนจิตใจของเราให้ถก
้
ู
ต้องตามหลักของความเพียรชอบ กันเถิด อกุศลใดเกิดขึนแล้วก็รบ
้
ี
ละเสีย อกุศลใดยังไม่เกิดก็เพียรปิดกันไว้ กุศลใดยังไม่เกิดก็รบเจริญ
้
ี
เสีย กุศลใดทีมอยูแล้วก็พฒนาให้ยงขึนไปอีก โดยไม่ขนอยูกบเวลา
่ ี ่
ั
ิ่ ้
ึ้ ่ ั
หรือสถานทีใดๆทังสิน ท�ำได้ทนที ณ ปัจจุบน และท�ำไปด้วยฉันทะ
่
้ ้
ั
ั
ความพอใจ
ก่อนจะ like, comment หรือ share สิงใด ก็
่
อย่าลืมหลักของการเจริญกุศลและละอกุศลเสียล่ะ
อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ธรรมะ เป็น “อกาลิโก” โดย
แท้จริง เพราะสามารถปฏิบตได้และให้ผลได้ไม่จำกัด
ั ิ
�
กาลจริงๆ
และเมื่อนั้น โลกภายนอกทั้งมวลก็คงเข้าสู่
ความเป็ น ปกติ สุ ข ได้ ตามผลอั น สมควรของการ
ปฏิบตภาวนาทางจิตนันเอง
ั ิ
่
{*} อ้างอิง: พระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐ(ฉบับไทย) เล่มที่ ๒๓
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐกนวกนิบาต หน้า ๒๗๑ ข้อที่ ๑๘๗ สติวรรคที๔ สติสตร
่
ู
คุณกิงกาญจน์ อารักษ์พทธนันท์
่
ุ
มอบเป็นธรรมบรรณาการ
กุมภาพันธ์ - เมษายน ๒๕๕๗
15