More Related Content
Similar to กิจกรรมที่ 5 นำเสนอโครงงาน
Similar to กิจกรรมที่ 5 นำเสนอโครงงาน (20)
กิจกรรมที่ 5 นำเสนอโครงงาน
- 3. ที่มาและความสาคัญ
นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต
กล่าวว่า การฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลก จานวนกว่า 8 แสนคนต่อปี คาดว่าจะ
เพิ่มเป็น 1.5 ล้านคน ในปี 2563 โดยมีคนพยายามฆ่าตัวตายสูงกว่าคนที่ฆ่าตัวตาย
สาเร็จ 20 เท่าตัว สาหรับประเทศไทย คนไทยฆ่าตัวตายสาเร็จเฉลี่ย 1 คน ในทุกๆ 2
ชั่วโมง ผู้ชายมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่าผู้หญิง เกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน และ โรค
ซึมเศร้า ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทาให้เกิดการฆ่าตัวตาย ซึ่ง โรคซึมเศร้า เป็นภัยเงียบที่คุกคาม
สุขภาพของประชาชน ส่งผลกระทบต่อประชากรทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกได้ประมาณ
การว่า ประชากรมากกว่า 300 ล้านคนเป็นโรคซึมเศร้า หากไม่ได้รับการบาบัดรักษาอย่าง
ถูกต้องนานเป็นเดือน เรื้อรังเป็นปี จะกลับเป็นซ้าได้บ่อย หากอาการซึมเศร้ารุนแรง อาจ
จบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า สาหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยโรค
นี้ 1.5 ล้านคน
- 4. นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต แถลงข่างเนื่องในวันไบโพลาร์
โลก (World Bipolar Day) ซึ่งตรงกับทุกวันที่ 30 มีนาคมของทุกปี ว่าโรคไบโพลาร์
หรือโรคอารมณ์สองขั้ว(Bipolar Disorder) เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคอารมณ์ผิดปกติที่พบได้
บ่อยในทั่วโลกประมาณร้อยละ1-2 ขณะที่องค์การอนามัยโลก ระบุว่า โรคไบโพลาร์เป็น
โรคที่ก่อให้เกิดความสูญเสียเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือความพิการ อันดับที่6 ของโลก
อย่างไรก็ตาม โรคไบโพลาร์สามารถรักษาและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนโรคเรื้อรัง
ทั่วไปที่ต้องได้รับกาลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้าง รวมทั้ง ได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง
แต่หากไม่ได้รับการรักษาหรือติดตามดูแลอย่างเหมาะสมจะสามารถกลับมาเป็นซ้าได้ถึงร้อย
ละ 80-90 สาหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีญาติเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคไบโพลาร์ มีวงจรการ
กิน การนอนที่ผิดปกติ มีเหตุการณพลิกผันของชีวิตตลอดจนมีการใช้สารเสพติด
- 5. นพ. ศิริศักดิ์ ธฺติดิลกรัตน์ ผู้อานวยการโรงพยาบาลศีธัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันสถิติ
คนไข้ในของโรงพยาบาลศรีธัญญาลดลง โดยไบโพลาร์ จัดอยู่ในอันดับ 2 ของกลุ่มจิตเวชที่เข้า
มารับการศึกษารองจากโรคจิตเภท ส่วนอัตราผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยปี 2558 มีผู้ป่วย
โรคจิตเวชอยู่ที่117,000ราย ซึ่งโรคไบโพลาร์พบมากเป็นอันดับที่3 มีจานวนผู้ป่วยถึง
9,100 ราย รองจากโรคจิตเภทและโรคซึมเศร้า
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าในสังคมปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและ
โรคไบโพลาร์อยู่มากมาย และมีอัตราการค่าตัวตายสูงมาก ดังที่เราได้เห็นข่าวในอินเทอร์เน็ต
วิทยุ โทรทัศน์ ว่ามีผู้คนฆ่าตัวตายเนื่องด้วยเหตุซึมเศร้า ทั้งดารา นักร้อง หมู่คนดังมากมาย
แต่หลายคนก็ยังคงไม่เข้าใจในภาวะซึมเศร้าว่าเหตุใดจึงทาให้ผู้คนที่ฆ่าตัวตายนั้นเลือกที่จะจบ
ชีวิตลงด้วยสาเหตุนี้ อีกทั้งจะมีหลายคนที่มาต่อว่าด้วยถ้อยคาไม่สุภาพถึงผู้ป่วยด้านนี้ ทาให้
ผู้ป่วยที่ได้ผ่านเข้ามาเห็นและรู้สึกแย่ อาการก็จะแย่ลงไปอีก
- 6. รวมไปถึงมีคนนาเอาคาว่าไบโพลาร์มาเป็นคาด่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราว
ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมแบบนี้ ที่เราอาจจะมองว่าไกลตัวแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย ผู้ป่วยโรค
ซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ในประเทศเรานั้นมีมากขึ้นทุกวัน วันหนึ่งอาจจะเป็นเราหรือ
คนรอบข้างเราก็ได้ ซึ่งทางคณะผู้จัดทาได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในจุดนี้ เพื่อให้ผู้คนได้
เข้าใจถึงโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ เข้าใจว่าสองโรคนี้นั้นต่างกันแม้จะมีอาการ
คล้ายกันแต่ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สังเกตตัวเองและช่วยสังเกตคนรอบข้างเพื่อที่การฆ่าตัว
ตายด้วยเหตุนี้จะสามารถลงไปได้บ้าง หรือถ้าไม่อย่างน้อยก็จะทาให้เราได้เข้าใจโรค
ซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ สามารถระมัดระวังตนเองไม่ให้ไปทาอะไรที่จะทาให้ผู้ป่วยนั้น
รู้สึกแย่และอาการแย่ลง รวมทั้งการที่ทราบแนวทางการรักษาจะทาให้เราสามารถ
แนะนาผู้อื่นหรือเข้าใจวิธีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยเหล่านี้ได้อีกด้วย ดังนั้นทางคณะผู้จัดทาจึง
เลือกที่จะโครงงานเรื่องนี้ขึ้นมา
- 10. โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) คือ โรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติ
ของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมองมีปริมาณลดลง ทาให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้ง
ร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอน
ไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทางาน
ลดลง และอาจตกอยู่ในภาวะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนอยากฆ่าตัวตายได้ แต่จุดเด่นของโรค
ซึมเศร้าอยู่ที่อารมณ์เบื่อเศร้าจะค่อนข้างชัดเจน
- 11. 1. รู้สึกกลุ้มใจ ซึมเศร้าทุกวัน และเกือบจะทั้งวัน
2. รู้สึกเบื่อกับทุกอย่างรอบตัวเป็นประจา
3. เบื่ออาหาร
4. นอนไม่หลับ
5. กระวนกระวาย หรือมีอาการซึม ๆ เนือย ๆ ไร้เรี่ยวแรง
6. รู้สึกอ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย เหมือนร่างกายอ่อนแอลง
7. รู้สึกไร้ค่า ไร้ความสามารถ
8. มีอาการใจลอย ไม่มีสมาธิ
9. เบื่อชีวิต มีบางช่วงที่รู้สึกอยากตาย
อาการโรคซึมเศร้าที่ควรสังเกต
ถ้ามีความรู้สึกเบื่อเศร้าอย่างอาการข้างต้นติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์
ร่วมกับอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับจนผอมลง และเกิดความรู้สึกอยากตาย
มากขึ้น ลักษณะนี้อาจเข้าข่ายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
- 13. โรคซึมเศร้านี้หากได้รับการรักษาผู้ที่เป็นจะอาการดีขึ้นมาก อาการซึมเศร้า ร้องไห้
บ่อยๆ หรือรู้สึกท้อแท้หมดกาลังใจ จะกลับมาดีขึ้นจนผู้ที่เป็นบางคนบอกว่าไม่เข้าใจว่าตอน
นั้นทาไมจึงรู้สึกเศร้าไปได้ถึงขนาดนั้น ข้อแตกต่างระหว่างโรคนี้กับโรคจิตที่สาคัญประการ
หนึ่งคือ ในโรคซึมเศร้าถ้าได้รับการรักษาจนดีแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ขณะที่
ในโรคจิตนั้นแม้จะรักษาได้ผลดีผู้ที่เป็นก็มักจะยังคงมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่สามารถทา
อะไรได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน ยิ่งหากมารับการรักษาเร็วเท่าไรก็ยิ่งจะอาการดีขึ้นเร็วเท่านั้น
ยิ่งป่วยมานานก็ยิ่งจะรักษายาก
แนวทางในการรักษาโรคซึมเศร้า
- 15. ยาแก้เศร้ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคนี้ แม้ผู้ที่ป่วยบางคนอาจรู้สึกว่าความทุกข์ใจ
หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเป็นเรื่องของจิตใจ แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าเป็น
โรคซึมเศร้าแล้วแสดงว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในร่างกายของคนเราจนทาให้เกิดมี
อาการต่างๆ เช่น น้าหนักลด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ร่วมอีกหลายๆ อาการ ไม่ใช่มีแต่เพียง
อารมณ์เศร้าอย่างเดียว ซึ่งยาจะมีส่วนช่วยในการบาบัดอาการต่างๆ เหล่านี้ อีกทั้งยัง
สามารถทาให้อารมณ์ซึมเศร้า ความวิตกกังวลใจทุเลาลงได้ด้วย จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่
เป็นโรคซึมเศร้า 10 คนหากได้รับการรักษาด้วยยาแก้เศร้าอาการจะดีขึ้นจนหายถึง 8-9 คน
ในขณะที่หากไม่รับการรักษานั้นอาการจะดีเองขึ้นเพียง 2-3 คนเท่านั้น (เฉพาะในรายที่
อาการไม่รุนแรง หากอาการรุนแรงอาจจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหายเอง)
การรักษาด้วยยาแก้เศร้า
- 21. 6. มองโลกในแง่ร้ายไปหมด รู้สึกว่าโลกไม่
สดใส ไม่มีอะไรน่าสนุก ไม่ร่าเริง
7. มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง
8. ตกอยู่ในสภาวะหลงผิด อารมณ์
ผิดปกติจนอาจควบคุมความประพฤติของ
ตัวเองไม่ได้
9. กลายเป็นคนมีปัญหากับสังคม รู้สึกว่า
คนรอบข้างไม่เป็นมิตร ไม่สนใจตน
10. มีประวัติติดยาเสพติด หรือเคยกระทา
ในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
11. มีประวัติโรคไบโพลาร์หรือโรค
ซึมเศร้าในครอบครัว
- 23. จริง ๆ แล้วภาวะโรคซึมเศร้ายังมีอาการขาดสมาธิ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ ไม่อยาก
สังสรรค์หรือออกสังคม ร้องไห้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุ รวมทั้งอาจมีอาการปวดที่ไม่ทราบสาเหตุ
ร่วมด้วย ทว่าอาการข้างต้นเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าในโรคไบโพลาร์ที่มีความแตกต่าง
จากอาการโรคซึมเศร้า(Major depressive disorder) นั่นเอง ดังนั้นสามารถใช้
ข้อสังเกตของอาการเหล่านี้แยกโรคไบโพลาร์กับโรคซึมเศร้าได้คร่าว ๆ เลย
นอกจากนี้จุดเด่นที่ทาให้โรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์มีความแตกต่างกันก็คือ ผู้ป่วยโรค
ซึมเศร้าจะรู้สึกเบื่อหน่ายและเศร้าแทบจะตลอดเวลา ทว่าผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อาจมีภาวะ
ซึมเศร้าสลับกับอารมณ์ร่าเริงเกินปกติ บุคลิกของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์จะสลับสับเปลี่ยนกัน
เหมือนเป็นคนละคนอีกด้วย
- 25. 1. การรักษาในปัจจุบันนี้ ใช้ยาไปช่วยในการปรับ
สารสื่อนาประสาทตรงให้กลับมาทางาน ได้อย่างปกติ
เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood
stabilizer ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัว ที่จะใช้ในการ
รักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้ ช่วงระยะการรักษา
ช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมา เป็นปกติที่สุด
ภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจาก
นั้น จะเป็นการรักษาต่อเนื่องอาจ ต้องใช้ยาคุมอาการ
ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสาคัญ
ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจ มาพบหมอแค่ 2-4 ครั้ง
เท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด
แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์
- 26. 2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี
คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้
ดีมาก แต่ผู้ ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะ
เวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็นๆ
หายๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกัน ได้
ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า
ยาอื่นๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ valproate,
carbamazepine, lamotrigine,
gabapentin และ topiramate
- 27. 3. สาหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine,
olanzapine, risperidone, quetiapine และziprasidone
4. สิ่งสาคัญที่สุด คนรอบข้างต้อง
เข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย
ตัวผู้ป่วยเองก็ต้อง ดาเนินชีวิตในทาง
สายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้
เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8
ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลด
ความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้น
หรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือ
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
- 29. แหล่งอ้างอิง
•Kapook. (2558). โรคซึมเศร้ากับโรคไบโพลาร์ 2 โรคนี้แตกต่างกันยังไงนะ. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน
60. เข้าถึงได้จากhttps://health.kapook.com/view123670.html
• ศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล. (2558). โรคซึมเศร้าโดยละเอียด. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 60. เข้าถึงได้จาก
http://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-
1017
•มติชนออนไลน์. (2559). ทึ่ง! ตัวเลขผู้ป่วยไบโพลาร์เสี่ยงฆ่าตัวตาย 1 ใน 5 ราย. สืบค้นเมื่อ 17
มกราคม 61. เข้าถึงได้จากhttps://www.matichon.co.th/news/87974
•วอยซ์. (2560). คนไทยป่วยซึมเศร้า1.5ล้านคน รักษาถูกต้องหายได้. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 61.
เข้าถึงได้จากhttps://www.voicetv.co.th/read/509299