More Related Content
Similar to โรคไบโพล่าร์ (Bipolar)
Similar to โรคไบโพล่าร์ (Bipolar) (20)
โรคไบโพล่าร์ (Bipolar)
- 2. โรคไบโพล่าร์คืออะไร??
• โรคไบโพล่าร์” (Bipolar Disorder) คือความผิดปกติของสมองที่ประชากร
ประมาณ 60 ล้านคนทั่วโลกกาลังเป็นอยู่ โรคนี้มีอาการพื้นฐานอยู่ทั้งหมด 4
อาการ ซึ่งอาการพื้นฐานเหล่านี้จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
เรี่ยวแรง และความคล่องตัว และยังส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบใน
ชีวิตประจาวันรวมทั้งหน้าที่การงาน
- 3. • โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคไบโพล่าร์จะเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า Manic Episode คือ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของโรคไบโพลาร์เป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการฟุ้ง
พล่าน (Mania) ซึ่งจะเกิดสลับกับช่วงที่มีอาการซึมเศร้า (Depressive Episode)
อาการที่เกิดขึ้นในช่วง Manic Episode ได้แก่ อยู่ไม่สุข ชอบทางานหรือลุกเดินไป
มา ความคิดแล่นเร็ว พูดเร็ว ความต้องการในการนอนน้อยลงหรือไม่อยากนอน
หงุดหงิดง่าย ตัดสินใจไม่เหมาะสม ไม่มีสมาธิ และอาจทาอันตรายต่อผู้
ใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้นผู้ป่วยบางรายอาจจะเผชิญกับภาวะ Hypomanic Episode
ซึ่งจะมีความรุนแรงน้อยกว่า Manic Episode
- 13. • 2. มีอาการต่างๆของโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร ้า คืออะไร?? โรคซึมเศร้า เป็ นโรคหนึ่งซึ่งสามารถ
ของคนเรา เหมือนกับโรคทางกายอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความ
ซึมเศร ้าไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่เป็ นนั้นจะเป็ นคนอ่อนแอ
ความสามารถ แต่เป็ นเพียงการเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง เกิดได้ทั้งมี
สูญเสีย การหย่าร ้าง ความผิดหวัง และเกิดได้เองโดยไม่มี
- 15. • สาหรับสาเหตุที่ทาให้เกิดอาการซึมเศร้านั้นมาจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่
ว่าจะเป็นในด้านของกรรมพันธุ์ ด้านพัฒนาการของจิตใจ รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม
ที่ต้องเผชิญ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยประสบกับความเครียดที่แสนหนัก เจอมรสุมชีวิต
ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจนทาให้หมดกาลังใจ ตกงาน มีปัญหา
เรื่องการเงินที่หาทางออกไม่ได้ มีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
รวมทั้งพบเจอกับความสูญเสียในชีวิตที่ทาให้เสียใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
การสูญเสียพ่อแม่ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงของวัยเด็ก สูญเสียคนรัก สูญเสีย
ครอบครัว และยังรวมถึงปัจจัยทางชีวภาพ เช่น เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับ
สารเคมีในสมองบางชนิด ก็สามารถส่งผลทาให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่นเดียวกัน
- 16. • ชนิดของโรคซึมเศร้า
• โรคซึมเศร ้าแบ่งออกเป็ น 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดมี
ไปดังนี้
• Major depression (โรคซึมเศร้าแบบรุนแรง) โรค
ซึมเศร ้าชนิดนี้จะรบกวนการทางาน การรับประทาน
เรียน รวมทั้งอารมณ์สุนทรีย์ ซึ่งอาการของโรคซึมเศร ้าชนิด
หายไป แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดได้บ่อยครั้ง
• Dysthymia (โรคซึมเศร้าเรื้อรัง) เป็ นโรคซึมเศร ้าชนิดที่
อยู่ในภาวะที่รุนแรง และสามารถเป็ นแบบเรื้อรัง ทั้งนี้มัน
การสูญเสียความสามารถในการทางานและความรู้สึกที่ดีได้
- 17. • Bipolar หรือ Manic-depressive illness (โรค
ซึมเศร้าอารมณ์ตก) เป็ นโรคซึมเศร ้าชนิดที่ผู้ป่วยมีการ
เปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ ซึ่งสาหรับบางคนอาจจะ
รวดเร็ว โดยส่วนมากจะค่อยเป็ นค่อยไป เมื่อซึมเศร ้าก็จะมี
บ้าง แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็ นช่วงอารมณ์สนุกคึกคัก
ผู้ป่วยมีอาการพูดมากกว่าที่เคยเป็ น มีความกระฉับกระเฉง
พลังงานในร่างกายที่เหลือเฟือ ในช่วงอารมณ์สนุกคึกคัก
ผลกระทบต่อความคิดและการตัดสินใจของผู้ป่วย รวมทั้ง
อาจจะหลงผิด หากผู้ป่วยในภาวะนี้ไม่ได้รับการรักษาจะทา
จิต
- 18. • ความแตกต่างของโรคซึมเศร้า และโรคเครียด
• โรคซึมเศร ้ากับโรคเครียด ดูเหมือนจะมีลักษณะอาการที่
บางครั้งผู้ป่วยไม่สามารถแยกตัวเองออกมาได้ว่า อาการที่
ความเครียด หรือโรคซึมเศร ้ากันแน่ เราสามารถมีวิธีสังเกต
ทั้ง 2 โรคได้ด้วยอาการขั้นพื้นฐานดังนี้
- 19. • อาการที่มาจากความเครียด (Stress)
• ความเครียดหรือโรคเครียด โดยทั่วไปจะเป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ
เท่านั้น หากเป็นความเครียดธรรมดา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย
ความเครียดจะไปสั่งผลกระตุ้นทั้งในแง่ดีและแง่ลบ ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถตั้งรับ
กับความเครียดได้มากน้อยแค่ไหน โดยพบว่าอาการทั่วไปของความเครียดคือ
• ไม่สามารถทนต่อความรู้สึกได้
• นอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับ
• กระสับกระส่าย กังวล และเหมือนจะประสาทเสีย
• รู้สึกไม่มีแรง หมดแรง
• รู้สึกว่าปัญหาที่เข้ามาในชีวิตยุ่งยากมากเกินจนรับได้
• มีปัญหาเรื่องสมาธิและความจาสั้น
- 20. • อาการที่มาจากโรคซึมเศร้า (Depression)
• แตกต่างจากความเครียดอย่างไร? ความแตกต่างของโรคนี้กับความเครียดคือ
โรคนี้กับความเครียดคือ จะเกิดขึ้นใน "ระยะยาว" การปล่อยผ่านโดยรู้สึกว่ามัน
เป็นแค่ความเครียด จะไม่ช่วยทาให้อาการดีขึ้น แต่จะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ผู้ป่วยจึง
จาเป็นต้องได้รับการรักษา เนื่องจากสารเคมีในสมองผิดปกติ เพราะความเศร้าจะ
ควบคุมความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา
• ความเครียดไม่ใช่มาจากโรคซึมเศร้า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ใดก็ตาม ก็
จากเหตุการณ์ใดก็ตาม ก็จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ ไม่นานก็จะกลับมาเป็น
ปกติ แต่โรคซึมเศร้าแม้จะพยายามดึงใจตัวเองกลับมาอย่างไรก็ไม่สามารถทาให้
รู้สึกดีขึ้น โรคซึมเศร้าจะมีอาการต่อเนื่องตั้งแต่เช้าจนเข้านอน ติดต่อกันมากกว่า 2
สัปดาห์ จึงควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
- 21. • อาการของโรคซึมเศร้า
• หากคุณกาลังกังวลว่าตัวเองหรือคนรอบข้างกาลัง
หรือไม่ เบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากอาการเศร ้า เสียใจ และ
ทาอะไร บางครั้งก็เป็ นไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงแม้มีเรื่อง
ความสุขเลย และนอกจากนี้ ผู้ที่เข้าข่ายเป็ นโรคซึมเศร ้ามัก
ออกมาพร ้อมๆกันภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์
• รู้สึกหมดหวัง ไม่รู้ว่าจะทาอะไรต่อไปหรือจะทาไปเพื่ออะไร
• ไม่มีความสุขกับสิ่งของหรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น รู้สึกเบื่อ
การร่วมเพศ
• น้าหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นเร็วมากอันเนื่องมาจากการ
เหมือนเดิม
- 22. • นอนไม่หลับมาเป็นระยะเวลานาน แต่ในผู้ป่วยบางรายก็นอนนานผิดปกติ
• มีอาการเครียด หงุดหงิดง่ายขึ้น ไม่รู้สึกผ่อนคลาย
• ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทาได้เลย บางครั้งก็แสดงอาการหลงๆลืมๆ
และใช้เวลานานในการตัดสินใจ
• มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ช้าลง รวมถึงการพูด เพราะรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรง
• รู้สึกอยากฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย บางครั้งผู้ที่มีอาการนี้ก็ไม่รู้ตัวเอง
- 23. • 3. พูดเร็ว
การที่คนส่วนใหญ่พูดเร็วขึ้นเมื่อพวกเขารู้สึกตื่นเต้นถือว่าเป็ น
บางคนพูดเร็วกว่าคนอื่นถึงแม้ว่าสถานการณ์จะปกติ อย่างไรก็
พูดเร็วเป็ นสัญญาณหนึ่งของโรคไบไพล่าร ์โชคดีที่มีหลายวิธีที่
เร็วแบบนี้ถือว่าเป็ นอาการหนึ่งของโรคไบโพล่าร ์หรือไม่
คนที่เป็ นไบโพล่าร ์จะพูดแทรกคนอื่นและไม่สนใจบทสนทนา
เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอยู่บ่อยๆ ทาให้เป็ นเรื่องยากสาหรับคน
กาลังพูดถึงอะไรอยู่ เขาจะพูดแบบนี้ก็ต่อเมื่อพวกเขากาลังอยู่
พล่าน (Mania Episode)
- 24. • 4. หงุดหงิดง่าย
• ในบางกรณี คนที่เป็ นไบโพล่าร ์อาจจะมีอาการฟุ้ งพล่านและ
กัน เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น พวกเขาจะหงุดหงิดง่าย
เป็ นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าอาการที่เขากาลังเป็ นตอนนี้เกิด
ไบโพล่าร ์หรือแค่อาการหงุดหงิดเท่านั้น แต่ผู้ป่วยโรค
หงุดหงิดเริ่มส่งผลเสียต่อการใช ้ชีวิตประจาวันโดยเฉพาะใน
ต่างๆกับคนรอบข้าง นอกเหนือจากนั้นพวกเขาอาจจะ
เปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมตัวเองแต่รู้สึกว่าไม่สามารถ
- 25. • 5. ใช้ยาเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
• ผู้ป่วยโรคไบโพล่าร ์ส่วนมากจะเริ่มต้นใช ้ยาเสพติด กินเหล้า
ร่วมกันเพื่อช่วยคลายอาการซึมเศร ้าระหว่างที่อยู่ในช่วง
Episode) แต่พอใช้วิธีการแบบนี้บ่อยๆเพื่อบาบัดความ
ภาวะการติดสารเสพติด ยิ่งไปกว่านั้นยาเสพติดและเครื่องดื่ม
อุปสรรคในการรักษาเพราะจะทาให้ประสิทธิภาพในการออก
ให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงที่ไม่ต้องการ และลดคุณภาพชีวิต
อีกด้วย
- 26. • 6. อารมณ์ดีมากเกินไป (ไฮเปอร ์)
• อาจฟังดูแปลกแต่การแสดงออกทางอารมณ์ที่ดีมากเกินไป
โรคไบโพล่าร ์ได้เช่นกัน แน่นอนว่าอาการนี้จะเกิดขึ้นสลับกับ
(Depressive States) อาการสุดโต่งแบบนี้เรียกว่า Manic
ไบโพล่าร ์หลายคนก็ไม่ได้มีอารมณ์สุดโต่งแบบนี้ ผู้ป่วย
ค่อนข้างดี (Hypomanic Episode) คล้ายๆกับคนปกติและ
ชีวิตประจาวันอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ส่วนมากผู้ที่เป็ นโรค
ภาวะทั้ง 2 แบบสลับกันไปคือ บางครั้งจะเป็ น Manic
เป็ น Hypomanic Episode
- 27. • 7. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
• เป็ นเรื่องปกติที่โรคไบโพล่าร ์จะมีผลข้างเคียงต่อการนอนของ
ประสบการณ์ของภาวะฟุ้ งผล่าน (Manic Episode) จะมี
พักผ่อนให้เพียงพอแต่จะไม่เคยรู้สึกเหนื่อยล้า ในทาง
ซึมเศร ้าจะนอนหลับมากขึ้นแต่ยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่ดี
มากเกินไปหรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเป็ นสิ่งที่ไม่
ยังสามารถทาให้อาการของโรคไบโพล่าร ์แย่ลง ดังนั้นการ
เพียงพอต่อความต้องการของร่ายกายในแต่ละวันจึงเป็ นสิ่งที่
ที่เป็ นโรคไบโพล่าร ์
- 28. • 8. มีพฤติกรรมที่สม่าเสมอ – ไม่คิดหน้าคิดหลัง
• เวลาที่ผู้ป่วยโรคไบโพล่าร ์อยู่ในช่วงฟุ้ งพล่าน (Manic Episode)
ในตัวเองสูงมากจึงทาให้มักจะแสดงกิริยาโอ้อวด ซึ่งจะเป็ นสาเหตุ
โดยที่ไม่คานึงถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมาในภายหลัง ทาให้
เขาไม่มีทางทาหากอยู่ในภาวะปกติ บ่อยครั้งที่โรคไบโพล่าร ์เป็น
พฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงหรือใช ้เงินฟุ้ มเฟือยอย่างน่ากลัว และ
รูปแบบของพฤติกรรมอื่นๆร่วมด้วยเช่นกัน
• ลักษณะพฤติกรรมและอาการต่างๆที่ได้ระบุไว้ข้างต้นคือสิ่งที่
ผู้ป่วยโรคไบโพล่าร ์แต่อาการต่างๆเหล่านี้ก็อาจเป็นสัญญาณของ
โรคไบโพล่าร ์สามารถรักษาได้หากได้รับการรักษาที่ตรงจุดและถูก
จะทาให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างมีความสุข
- 29. วิธีการรักษาโรคไบโพลาร ์
• สาหรับการรักษาโรคความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรค
ไบโพลาร ์นี้ แพทย์จะมีการใช ้ยาเป็ นวิธีหนึ่งในการรักษา โดย
จะมีการจ่ายยาไปพร ้อม ๆ กับการให้ความช่วยเหลือทางด้าน
จิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและจัดการกับปัญหาต่าง
ๆ ได้มากขึ้น
โดยหากผู้ป่วยอยู่ในระยะซึมเศร ้าแพทย์จะรักษาอาการโดยให้
ยาแก้ซึมเศร ้าและยาป้องกันอาการเมเนีย และหากผู้ป่วยมี
อาการเมเนีย แพทย์จะให้ยาที่ช่วยควบคุมรักษาอาการทางจิต
เช่น ยาลิเทียม คาร ์บามาซีปีน วาลโปรเอท ผู้ป่วยได้รับยา
ต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่งราว 1-2 ปี หากน้อยกว่านี้อาจจะทา