More Related Content Similar to Ppt circuratory ระบบหมุนเวียนเลือด Similar to Ppt circuratory ระบบหมุนเวียนเลือด (18) More from สำเร็จ นางสีคุณ More from สำเร็จ นางสีคุณ (20) Ppt circuratory ระบบหมุนเวียนเลือด2. ระบบ การหมุนเวียน
เลือด
• เป็นเส้นทางลำาเลียงก๊าซ O2 จาก
อวัยวะหายใจ เช่นปอด เหงือก และ
สารอาหาร จากระบบทางเดินอาหาร
ไปสู่ เซลล์ แล้ว ลำาเลียง ก๊าซ CO2
ไปกำาจัดที่ปอดและระบบขับถ่าย ตาม
ลำาดับ
• นอกจากนั้นระบบการไหลเวียนเลือด
ยังมีบทบาทในการควบคุมสมดุลของ
4. หน้าที่
1. นำาอาหารและก๊าซ O2 ไปยังเซลล์
และ CO2 ไปปอด
2. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
3. ควบคุมนำ้าและอิเล็กโทรไลต์
4. กำาจัดของเสีย
5. เป็นภูมิคุ้มกัน
5. บทเรียน ออก
Antigens: แอนติเจน ส่วนใหญ่เป็นสาร
โปรตีนที่เป็นตัวกระตุ้น หรือ เป็นสาเหตุให้
ร่างกายสร้างแอนติบอดีมาต่อต้านแอนติเจน
โดยอาจเป็นแบคทีเรียหรือไวรัส หรืออาจ
เป็นสารพิษที่ได้จากแบคทีเรียหรือไวรัสก็ได้
แอนติเจน
ปกติที่พบใน ร่างกายตั่งแต่เกิด คือ
แอนติเจนที่เป็นตัวบ่งชี้หมู่เลือดต่างๆ
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
6. dies: แอนติบอดี เป็นสารโปรตีนอยู่ในส่วนที่เป็นของเหล
ย สร้างจากเม็ดเลืืือดขาวชนิด ลิมโฟไซต์ เมื่อมีแอนติเจน
ยแอนติบอดี้ชนิดต่างๆ จะมาจับแอนติเจนอย่างเฉพาะเจาะจ
ไปซึ่งจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกันจะปล่อยสารที่เป็นพิษต่อต้าน
จน โดยแอนติบอดีจะจับกับโมเลกุลของสารพิษ
บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
7. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
การจำาแนกหมู่โลหิตในระบบ ABO
** จะมีสารชีวเคมี (Antigen) เป็นตัวจำาแนก
หมู่โลหิต คือ แอนติเจน A(Antigen-A) และ
แอนติเจน-บี (Antigen-B) เป็นตัวกำาหนดกล่าว
คือ**หมู่โลหิต A คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ
(Antigen-A) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมี
แอนติบอดี-บี (Antibody-B) อยู่ในนำ้าเหลือง
**หมู่โลหิต B คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-บี
(Antigen-B) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมี
แอนติบอดี-เอ (Antibody-A) อยู่ในนำ้าเหลือง
8. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
การจำาแนกหมู่โลหิตในระบบ ABO
หมู่โลหิต O คือหมู่โลหิตที่ ไม่มีแอนติเจน-เอ
(Antigen-A) และแอนติเจน-บี (Antigen-B) อยู่
ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่มีแอนติบอดี-
เอ(Antibody-A) และมีแอนติบอดี-บี
(Antibody-B) อยู่ในนำ้าเหลืองหมู่โลหิต AB คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ
(Antigen-A) และแอนติเจน-บี (Antigen-B) อยู่
ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่ในนำ้าเหลือง ไม่มี
แอนติบอดี-เอ(Antibody-A) และแอนติบอดี-บี
(Antibody-B)
9. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
Hemoglobin (เฮโมโกลบิน) องค์ประกอบ
สำาคัญของเฮโมโกลบิน 1.คือ ฮีม (Heme) ซึ่งมีเหล็ก
เป็นส่วนประกอบ และทำาหน้าที่จับและปล่อยออกซิเจน
องค์ประกอบที่ ๒ คือ สายโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนเส้น
ยาวขดพันกันอยู่ โดยแต่ละสาย มีฮีมติดอยู่ ๑ อณู
เฮโมโกลบิน ๑ โมเลกุล จึงประกอบด้วยฮีม ๔ อณู และ
สายโกลบิน ๔ สายHB ในเลือด 100 ml ในเพศชาย มี16 g %
HB ในเลือด 100 ml ในเพศหญิง มี 15 g %
HB 1 กรัม รับออกซิเจนได้ 1.34 mm
10. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
1. Oxyhemogkobin = HBO2
O2 ส่วนใหญ่จึงถูกพาไปโดยฮีโมโกลบิน ( Hb )
ในเม็ดเลือดแดง ( 97 % ) กลายเป็นออกซีฮีโมโกลบิน
( Oxyhemoglobin : HbO2 )
- เลือดแดงในปอดมีความดัน 100 mmHg
แพร่เข้าสู่เซลล์ที่มีความดัน 10-30 mmHg
โดยจับกับอะตอมของเหล็กที่อยู่ในฮีม ( Heme )
Hb 1 กรัม จับกับ O2 ได้ 1.34 มิลลิลิตร Hb 1
โมเลกุล ประกอบด้วยฮีม 4 โมเลกุล แต่ละโมเลกุล
ของฮีมมีเหล็ก 1 อะตอม ซั่งสามารถจับ O2 ได้ 1
โมเลกุล ดังนั้น Hb 1 โมเลกุลจึงจับ O2 ได้ 4
โมเลกุล เลือดที่มีออกซีฮีโมโกลบิน หรือเลือดดี
11. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
การรับออกซิเจนของฮีโมโกลบินที่ปอด และการ
คายออกซิเจนของออกซีฮีโมโกลบินในเนื้อเยื่อ แสดง
ได้ดังสมการ
2. Deoxyhemoglobin or Reduced
hemoglobin = HBR
ฮีโมโกลบินที่ปลดปล่อยออกซิเจนออกไปแล้ว โดย
มากจะจับกับ carbon dioxide ซึ่งปลดปล่อยออกมา
จากเซลล์
12. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
3. Methemoglobin เป็น hemoglobin ที่ภายใน
โมเลกุล มีธาตุเหล็กที่มีประจุเป็น 3+ แทนที่จะเป็น 2+
ทำาให้ไม่สามารถจับกับออกซิเจนได้ ส่วนใหญ่มีสาเหตุ
มาจากการได้รับสารเคมีบางชนิด
3. Carboxyhemoglobin = HBCO มีความ
สามารถในการรับออกซิเจน มากกว่า HBO2
200-250 เท่า ฮีโมโกลบินที่จับ อยู่กับ carbon
monoxide (คาร์บอนมอนอกไซด์) ปกติมีอยู่น้อยมาก
หรือไม่มีเลย แต่จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นได้ในกรณีที่ได้
รับสารพิษ carbon monoxide ไม่สามารถรับ
ออกซิเจนได้อีกเลย หากสูดเอาคาร์บอนมอนอกไซด์
จากควันบุหรี่ หรือท่อไอเสียรถยนต์เข้าไปครั้งละมาก ๆ
จะไปลดการรับออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง อันเป็น
อันตรายจนอาจทำาให้ถึงตายได้
13. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
การลำาเลียงคาร์บอนไดออกไซด์
( Carbondioxide transport )
คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นในเซลล์ของเนื้อเยื่อ จะ
แพร่จากเนื้อเยื่อเข้าหลอดเลือดฝอย การขนส่ง CO2
เมื่ออยู่ในหลอดเลือด อาจเกิดได้ 3 ลักษณะ คือ
1. ละลายในนำ้าเลือด ( 7% )
2. จับกับฮีโมโกลบินของเม็ดเลือดแดง ( 23
4. Carbaminohemoglobin = HBCO2 =
hemoglobin จับกับ Carbondioxide
- CO2 ในเซลล์มีความดัน 50-80 mmHg แพร่
เข้าสู่กระแสเลือด มีความดัน
40 mmHg
14. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
CO2 + HbNH2 HbNHCOOH
( carbaminohemoglobin )
คาร์บอนไดออกไซด์เพียง 7 % เท่านั้น ที่ถูก
ขนส่งในรูปของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ละลายในนำ้า
เลือด ส่วนที่เหลือจะแพร่เข้าเม็ดเลือดแดง เมื่อเข้ามาอยู่
ในเม็ดเลือดแดง คาร์บอนไดออกไซด์ลางส่วน ( 23
% ) จะจับกับหมู่อะมิโนของฮีโมโกลบิน กลายเป็นคาร์
บามิโนฮีโมโกลบิน ( Carbamiinohemoglobib )
16. ส่วนที่เป็น
ของเหลว 55 %
ส่วนที่เป็น
ของแข็ง 45 %
เรียกว่า พลาสมา
หรือนำ้าเลือด
ประกอบด้วย นำ้า 91
%
สารต่าง ๆ เอนไซม์
ฮอร์โมน แก๊ส ของ
เสีย ได้แก่ ยูเรีย
CO2
เม็ดเลือดแดง(Red
blood cell )
เม็ดเลือดขาว (White
blood cell )
เกล็ด
เลือด(Platelet)
ส่วนประกอบของเลือด
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
บทเรียน ออก
17. เป็นสารประกอบโปรตีน ลักษณะค่อนข้างกลม มีสีแดง
ตรงกลางเว้า เมื่อโตเต็มที่
ไม่มีนิวเคลียส มีสารสีแดง เรียกว่า ฮีโมโกลบิน มีธาตุ
เหล็กเป็นองค์ประกอบ มีอายุ 110 - 120 วัน สร้างที่
ไขกระดูก ทำาลายที่ ตับ ในเด็กสร้างที่ ตับ ม้าม
และไขกระดูก หน้าที่ ของเซลล์เม็ดเลือด
แดง
ลำาเลียง O2 เซลล์
ลำาเลียง CO2 ปอด
1 mm3
มีเซลล์เม็ดเลือดแดง
ประมาณ 5 ล้านเม็ด รูป เซลล์เม็ด
เลือดแดงที่มา
http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular/
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
บทเรียน ออก
ฮีโมโกลบิน + O2 ออกซี
ฮีโมโกลบิน
(Oxyhemoglobin)
เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red
blood cell)
18. ลักษณะ กลม ไม่มีสี มี
นิวเคลียส ขนาดใหญ่กว่า
เม็ดเลือดแดงสร้างที่ ไขกระดูก
ม้าม และต่อมนำ้าเลือง
อายุ 7 - 14 วัน เม็ดเลือดขาวทำา
หน้าที่ ทำาลายเชื้อโรค
และสิ่งแปลกปลอม
1 mm3
มีเซลล์เม็ดเลือดขาวประมาณ
4,000- 10,000 เม็ด
ที่มา :
http://www.med.cmu.ac.th/dept/vascular
รูป เซลล์เม็ด
เลือดขาว
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
บทเรียน ออก
เซลล์เม็ดเลือดขาว (White
blood cell )
19. เพลตเลต หรือ เศษเม็ดเลือด เกล็ดเลือด
แผ่นเลือดไม่ใช่เซลล์
เป็นชิ้นส่วนของเซลล์ ไม่มีสี ไม่มีนิวเคลียสมีรูป
ร่างไม่แน่นอนขนาดเล็กกว่าเม็ดเลือดแดงเกือบ
4 เท่า มีอายุ 4 วัน ทำาหน้าที่ช่วยในการแข็งตัว
ของเลือด ในขณะที่เส้นเลือดฉีก
เพลตเลต
(Platelet)
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
บทเรียน ออก
22. ที่มาของภาพ : สสวท.
ชีววิทยาเล่ม 2 : 88
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
บทเรียน ออก
หมู่โลหิตของพ่อ หมู่โลหิตของแม่
หมู่โลหิตของลูก
ที่เป็นไปได้
O O O
O A O หรือ A
O B O หรือ B
O AB A หรือ B
A A A หรือ O
A B
O หรือ A หรือ B
หรือ AB
A AB A หรือ B หรือ AB
B B B หรือ O
B AB A หรือ B หรือ AB
AB AB A หรือ B หรือ AB
การถ่ายทอดหมู่โลหิตระบบ ABO ของพ่อ
แม่ ลูก ที่เป็นไปได้
27. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
ระบบเลือด rh จะมีทั้ง rh+
rh-
Rh มาจาก
คำาว่า Rhesus เป็นชื่อลิงชนิดหนึ่งครับ เหตุ
ที่เจอเพราะมีการเอาเลือดคนฉีดเข้าไปใน
ลิงแล้วลิงก็สร้างภูมิคุ้มกัน คนไทยส่วน
ใหญ่ (เกือบร้อยละ 100) เป็น rh+
มีเพียง 1
ใน 500 ที่เป็น rh-
หมู่เลือด rh+ ก็คือเลือดที่เม็ดเลือดแดงมี
แอนติเจน (แอกกลูติโนเจน d) แต่ไม่มี
แอนติบอดี d ในนำ้าเลือด
หมู่เลือด rh- ก็คือเลือดที่เม็ดเลือดแดงไม่มี
แอนติเจน d และนำ้าเลือดก็ไม่มีแอนติเจน d
แต่สามารถสร้างได้เมื่อได้รับแอนติเจน d
เข้าไป
28. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
Rh negative จะไม่สามารถรับเลือดจาก
พวก Rh positive ได้ ต้องใช้เลือดแต่พวก
Rh negative ด้วยกันเท่านั้น (ในขณะที่ Rh
positive สามารถรับเลือดได้จากทั้งคู่)
ปัญหาที่สำาคัญอีกประการหนึ่งก็คือในสตรี
ตั้งครรภ์ที่เป็น Rh negative ไปแต่งงานกับ
สามีที่มี Rh positive และตั้งครรภ์ทารกที่มี
Rh positive
29. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
หากเกิดทารกในครรภ์มีเลือด Rh+
ซึ่งได้ยีนมาจากพ่อ เลือดทารกในครรภ์นั้น
จะกระตุ้นให้แม่สร้างแอนติบอดี Rh ขึ้นมา
ต่อต้าน Rh+
ทารกคนแรกอยู่ในครรภ์เพียง
9 เดือนแอนติบอดี Rh ของแม่ยังไม่มากพอที่
จะทำาลาย Rh+
ได้ ลูกคนแรกจึงคลอดออก
มาปกติ
แต่ถ้าลูกคนถัดมาเกิดมี Rh+
เป็นคนที่
สองอีก เลือดของแม่จะสร้างแอนติบอดี Rh
เพิ่มมากขึ้น และสามารถส่งเข้าไปยังรกสู่
ทารกในครรภ์ ทำาให้เม็ดเลือดแดงของทารก
จับกลุ่มตกตะกอน ทารกถึงตายได้ โรคนี้
เรียกว่า อิริโทรบลาสโทซิส ฟีทาลิส
30. บทเรียน ออก
เรื่อง ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System)
ทั้งนี้ปกติการระบุหมู่เลือดจะรายงาน
ผลออกมา เป็น 2 ระบบคือ ABO และ Rh
พร้อมๆ กัน ได้แก่ A Rh+, A Rh-, B Rh+, B
Rh-, AB Rh+, AB Rh-, O Rh+, O Rh-
“แต่จะไม่ระบุคำาว่า Rh” เช่น A Rh- ก็จะระบุ
ไปเลยว่า A- เป็นต้น อีกทั้งโดยพื้นฐานคนส่วน
คนที่มีหมู่เลือด Rh+ สามารถถ่ายเลือด
ให้กับคนหมู่ Rh+ ด้วยกันได้ แต่ไม่สามารถ
ถ่ายเลือดให้กับคนหมู่ Rh-
ส่วนคนที่มีหมู่เลือด Rh- สามารถถ่าย
เลือดให้กับทั้งคนหมู่ Rh+ และ Rh- ได้ หรือ
คนที่มีหมู่เลือด Rh+ สามารถรับเลือดได้จาก
ทั้งคนหมู่ Rh+ และ Rh - แต่คนที่มีหมู่เลือด
Rh- จะสามารถรับเลือดได้จากคนหมู่ Rh -
เท่านั้น
44. ระบบ หมุนเวียนเลือดประกอบด้วย
• เลือด ไหลเวียนอยู่ใน
เส้นเลือด
• เส้นเลือด เส้นเลือดแดง
(artery ) นำาเลือดออกจาก
หัวใจ
• เส้นเลือดดำา ( vein )
เส้นเลือดที่นำาเลือดกลับ
เข้าสู่หัวใจ
• เส้นเลือดฝอย มีหน้าที่
แลกเปลี่ยนก๊าซและสาร
46. การไหลเวียนของเลือดปลา
• ปลามีหัวใจ 2 ห้อง
โดยเลือดจะ
ปั๊มออกทาง เวน
ทริเคิล ไปยังเส้นเลือด
ฝอยบริเวณเหงือกเพื่อ
แลกเปลี่ยนก๊าซ เลือด
ที่ฟอกแล้วจะออกไป
ตามระบบเส้นเลือด
แดง ไปยังเส้นเลือด
ฝอยเลี้ยงส่วนต่าง ๆ
49. การไหลเวียนเลือดของ
สัตว์ครึ่งบก ครึ่งนำ้า
• วงจรแรกนำาเลือดไปฟอกที่ ร่างแห
เส้นเลือดฝอย ของปอด และผิวหนัง
ได้เลือดแดงกลับเข้าสู่เอเตรียมซ้าย
แล้วเข้าสู่เวนทริเคิล เพื่อ ปั๊ม เลือด
ออกไปเลี้ยงร่างกาย จากนั้นเลือด
ดำาก็จะกลับข้าสู่เอเตรียมขวา และ
เข้าสู่ เวนทริเคิล
• ที่ซึ่งเลือดแดงและเลือดดำาบางส่วน
ผสมกัน แต่ในสัตว์เลื้อยคลานการ
ผสมกันจะมีน้อยถึงแม้จะมีหัวใจ 3
56. ลิ้นหัวใจ ( HEART VALVE )
• การไหลเวียนของเลือด
จากเอเตรียม เข้าสู่ เวน
ทริเคิล และ การฉีด
เลือดออกจากเวนตริเคิล
ไปยังเส้นเลือดแดงใหญ่
เลือดสามารถไหลไป
ทางเดียวไม่ไหลย้อน
กลับ ก็เนื่องจากมีลิ้น
หัวใจ ทำาหน้าที่กันไม่ให้
เลือดไหลกลับ ลิ้น
หัวใจที่กั้น ระหว่าง
57. ลิ้นหัวใจ ( HEART VALVE )
• ส่วนลิ้นหัวใจที่กั้น
ระหว่าง เวน
ทริเคิลขวา กับ
เส้นเลือดแดง
ใหญ่ที่ไปยังปอด
และลิ้นหัวใจที่กั้น
ระหว่างเวน
ทริเคิลซ้าย กับ
เส้นเลือดแดง
ใหญ่ที่ไปยังระบบ
61. การกระตุ้น ( excitation ) การทำางาน
ของหัวใจ
• หัวใจสามารถเต้น
ได้เองไม่ต้อง
อาศัยการกระตุ้น
จากภายนอกโดย
กลุ่มเซลล์พิเศษที่
เปลี่ยนแปลงมา
จากกล้ามเนื้อ
หัวใจเป็นบริเวณ
ตั้งต้นที่เกิดกระแส
62. การกระตุ้น ( excitation ) การ
ทำางานของหัวใจ
• SA node เป็นผู้
กำาหนดจังหวะ ที่อยู่
ที่ผนังของ เอ-
เตรียมขวาใกล้ทาง
เข้าของเส้นเลือดดำา
ใหญ่
เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ
พิเศษนี้สามารถหด
ตัวเหมือนกล้ามเนื้อ
และสามารถสร้าง
63. การกระตุ้น ( excitation ) การ
ทำางานของหัวใจ
• แต่ละครั้งที่
sinoatrial node
( SA node ) หด
ตัวจะก่อให้เกิด
คลื่นของการกระ
ตุ้น เคลื่อนผ่านไป
ตาม ผนังของหัวใจ
กระแสการหดตัวจะ
แผ่กระจายไป
64. การกระตุ้น ( excitation ) การ
ทำางานของหัวใจ
• แล้วส่งต่อไปยัง
เนื้อเยื่อพิเศษอีก
บริเวณหนึ่งคือ AV
node
( antrioventricular
node )ซึ่งอยู่ที่ฐาน
ของ ผนังกั้นเอเตรียม
โดยใช้เวลาประมาณ
0.1 วินาทีก่อนที่จะ
ถ่ายทอดไปยังเวนตริ
65. การกระตุ้น ( excitation ) การ
ทำางานของหัวใจ
• ทำาให้เอเตรียมทั้ง
สองหดตัวก่อน เพื่อ
ส่งเลือดทั้งหมดเข้า
เวนตริเคิลนั้นเอง
กระแสการหดตัวที่แผ่
กระจายของ AV
node นี้ จะแยกเป็น 2
แขนงเมื่อมา ถึงผนัง
กั้นเวนตริเคิลเพื่อ
72. ชนิดของเส้นเลือด
1 เส้นเลือดแดงหรือ Artery ทำาหน้าที่
นำาเลือดออกจากหัวใจไปยังเส้นเลือด
ฝอยได้แก่ Arota มีขนาดใหญ่สุด
Artery และ Arteriole เป็น
เส้นเลือดที่เล็กสุด
2. เส้นเลือดดำา หรือ Vein ทำาหน้าที่
นำาเลือดเข้าสู่หัวใจ Vena cava มี
ขนาดใหญ่สุด Vein และ Venules