More Related Content
Similar to 2556ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตรจริง2556
Similar to 2556ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตรจริง2556 (20)
More from Kruthai Kidsdee
More from Kruthai Kidsdee (20)
2556ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตรจริง2556
- 2. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
คานา
ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีคาสั่งให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในโรงเรียนต้นแบบและโรงเรียนที่มีความพร้อมการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๕๒
และใช้ในโรงเรียนทั่วไป ในปีการศึกษา ๒๕๕๓ โรงเรียนภัทรบพิตร สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๓๒ ในฐานะที่เป็นโรงเรียนใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จึงได้ดาเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนภัทรบพิตร พุทธศักราช ๒๕๕๓ เพื่อใช้เป็นกรอบและ
ทิศทางในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนภัทรบพิตร และเพื่อให้การนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ และ
นาผลที่ได้จากการวัดและประเมินผลไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรงเรียนภัทรบพิตรได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนภัทรบพิตร
พุทธศักราช ๒๕๕๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และจัดทาระเบียบ
ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนให้สอดคล้อง กับแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ที่ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้น
พื้นฐานโรงเรียนภัทรบพิตร ครั้งที่ ๑ / ๒๕๕๓ มีมติเห็นชอบหลักสูตรสถานศึกษาและระเบียบว่าด้วยการวัด
และประเมินผลการเรียน โรงเรียนภัทรบพิตร พุทธศักราช ๒๕๕๓ จึงเห็นควรให้นาไปใช้ในการจัดการ
เรียนรู้ของโรงเรียนต่อไป
โรงเรียนภัทรบพิตร
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 4. ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตร
ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกาศใช้ปีการศึกษา ๒๕๕๕
-------------------------------------โดยที่โรงเรียนภัทรบพิตรได้ประกาศใช้หลักสูตรโรงเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาสั่งกระทรวง ศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑
เรื่อง ให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงเป็นการสมควรที่กาหนดระเบียบ
โรงเรียนภัทรบพิตรว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให้สามารถดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับคาสั่งดังกล่าว
ฉะนั้น อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 5. งานวิชาการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงวางระเบียบ
ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตรว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกาศใช้
ปีการศึกษา ๒๕๕๕
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบ ข้อบังคับที่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนภัทรบพิตรตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกาศใช้ปีการศึกษา ๒๕๕๕
ข้อ ๕ ให้ผู้อานวยการโรงเรียน รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 7. ผลการเรียน
๖.๓ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/
ตัวชี้วัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่กาหนดในหลักสูตรสถานศึกษา และจัดให้มี
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตลอดจน
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
๖.๔ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการ
สอนต้องดาเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียน
ได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติเหมาะสม
กับสิ่งที่ต้องการวัด ธรรมชาติวิชา และระดับชั้นของผู้เรียน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน
ของความเที่ยงตรง ยุติธรรมและเชื่อถือได้
๖.๕ การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกต
พฤติกรรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรม และการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการ
เรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา
๖.๖ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบผลการประเมิน ผลการเรียนรู้
๖.๗ ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและระหว่างรูปแบบการศึกษา
ต่างๆ
๖.๘
โรงเรียนจัดทาเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินผล
การเรียนรู้ รายงานผลการเรียนแสดงวุฒิการศึกษาและรับรองผลการเรียนของ
ผู้เรียน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 9. หมวด ๒
วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ข้อ ๗ โรงเรียนดาเนินการวัดและประเมินผล ให้ครบองค์ประกอบทั้ง ๔ ด้าน คือ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรม
พัฒนาผู้เรียน
๗.๑ การประเมินผลการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่มสาระ เป็นการ
ประเมิน
ความรู้ ความสามารถ ทักษะ เจตคติ ทักษะการคิด ที่กาหนดอยู่ในตัวชี้วัดใน
หลักสูตร
ซึ่งจะนาไปสู่การสรุปผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้
ผู้สอนวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวชี้วัดใน
รายวิชา
พื้นฐาน และตามผลการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติม ตามที่กาหนดในหน่วยการ
เรียนรู้
ผู้สอนใช้วิธีการที่หลากหลายจากแหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ผล การ
ประเมิน
ที่สะท้อนความรู้ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน โดยวัดและประเมินการเรียนรู้
อย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอน สังเกตพัฒนาการและความ
ประพฤติ
ของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม ผู้สอนควรเน้นการ
ประเมิน
ตามสภาพจริง เช่น การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงาน หรือ
การประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ฯลฯ ควบคู่ไปกับการใช้การทดสอบแบบต่างๆ
อย่างสมดุล ต้องให้ความสาคัญกับการประเมินระหว่างเรียนมากกกว่าการ
ประเมิน
ปลายปี/ปลายภาค และใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมินการเลื่อนชั้นเรียนและการจบ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 10. ๗.๒
การศึกษาระดับต่างๆ
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนของผู้เรียน ให้ครูประจาวิชา
ดาเนินการ
วัดผลตามเกณฑ์ที่กาหนดดังนี้
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน โดยการประเมินศักยภาพ
ของผู้เรียนในการอ่านหนังสือ เอกสาร และสื่อต่างๆ เพื่อหาความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ เพื่อความ
สุนทรีย์ และประยุกต์ใช้ แล้วนาเนื้อหาสาระที่อ่านมาคิดวิเคราะห์ นาไปสู่การแสดงความคิดเห็น การ
สังเคราะห์ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นด้วยการเขียนที่มีสานวนภาษา
ถูกต้อง มีเหตุผลและลาดับขั้นตอนในการนาเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจน ตาม
ระดับความสามารถในแต่ละระดับชั้น
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ต้องดาเนินการอย่าง
ต่อเนื่องและสรุปผลเป็นรายภาค เพื่อวินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาผู้เรียนและประเมินการเลื่อนชั้น
ตลอดจนการจบการศึกษาระดับต่างๆ
๗.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ให้ครูผู้สอนดาเนินการวัดผล
ไปพร้อมกับการประเมินผลระดับชั้นเรียนตามเกณฑ์ที่กาหนดดังนี้
การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินคุณลักษณะที่
ต้องการ
ให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนอันเป็นคุณลักษณะที่สังคมต้องการในด้านคุณธรรม
จริยธรรม
จิตสานึก สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ทั้งในฐานะ
พลเมืองไทย
และพลโลก หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
กาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ คุณลักษณะ ในการประเมินให้
ประเมิน
แต่ละคุณลักษณะ แล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุกฝ่ายและ
แหล่งข้อมูลหลายแหล่งเพื่อให้ได้ข้อมูลนามาสู่การสรุปผลเป็นรายภาค
และใช้เป็นข้อมูลเพื่อประเมินการเลื่อนขั้นและการจบการศึกษาระดับ
ต่างๆ
๗.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ประเมินเป็นภาค โรงเรียนเป็นผู้กาหนด
แนวทางการประเมิน ผู้รับผิดชอบกิจกรรมดาเนินการประเมิน ตามจุดประสงค์
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมและ
ผลงาน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 13. หมวด ๓
เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ข้อ ๘ การตัดสินผลการเรียน
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑ์การวัด
และประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน ดังนี้
๑)
ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด
๒)
ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดและผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
๓)
ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา
๔)
ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่โรงเรียน
กาหนด
ในการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และ
กิจกรรม
พัฒนาผู้เรียน
ข้อ ๙ การให้ระดับผลการเรียน
๙.๑ การตัดสินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบตัวเลข ๘
ระดับ
แสดงระดับผลการเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ ระดับ ดังนี้
ระดับผลการเรียน
ความหมาย
ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ
๔
ดีเยี่ยม
๘๐-๑๐๐
๓.๕
ดีมาก
๗๕-๗๙
๓
ดี
๗๐-๗๔
๒.๕
ค่อนข้างดี
๖๕-๖๙
๒
ปานกลาง
๖๐-๖๔
๑.๕
พอใช้
๕๕-๕๙
๑
ผ่านเกณฑ์ขั้นต่า
๕๐-๕๔
๐
ต่ากว่าเกณฑ์
๐-๔๙
๙.๒ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นผ่าน และไม่ผ่าน ถ้ากรณีที่ผ่าน
กาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 14. ดีเยี่ยม หมายถึง
มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียน ที่มีคุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ
ดี
หมายถึง
มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียน ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ
ผ่าน หมายถึง
มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียน ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ แต่ยังมีข้อบกพร่อง
บางประการ
ไม่ผ่าน หมายถึง
ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยัง มีข้อบกพร่อง
ที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลายประการ
๙.๓
การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะ เพื่อการเลื่อนชั้น และ
จบการศึกษา เป็นผ่านและไม่ผ่าน ในการผ่านกาหนดเกณฑ์การตัดสิน เป็นดีเยี่ยม
ดี
และผ่าน และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้
ดีเยี่ยม หมายถึง
ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัย และนาไปใช้
ในชีวิตประจาวัน เพื่อประโยชน์สุขของ ตนเองและสังคม
โดยพิจารณาจากผลการประเมิน ระดับดีเยี่ยม จานวน
๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมิน
ต่ากว่าระดับดี
ดี
หมายถึง
ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้
เป็นการยอมรับของสังคม โดยพิจารณาจาก ๑) ได้ผล
การประเมินระดับดีเยี่ยม จานวน ๑-๔ คุณลักษณะ และ
ไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับดี หรือ
๒) ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จานวน ๔ คุณลักษณะ
และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผ่าน
หรือ ๓) ได้ผลการประเมินระดับดี จานวน ๕-๘
คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมิน
ต่ากว่าระดับผ่าน
ผ่าน หมายถึง
ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่
สถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจาก ๑) ได้ผลการประเมิน
ระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 15. ใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผ่าน หรือ ๒) ได้ผล
การประเมินระดับดี จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มี
คุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผ่าน
ไม่ผ่าน หมายถึง
ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไข
ที่สถานศึกษากาหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมิน
ระดับไม่ผ่าน ตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะ
๙.๔ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและ
ผลงานของผู้เรียน
ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกาหนดและให้ผลการประเมินเป็นผ่าน และไม่ผ่าน
“ผ” หมายถึง
ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรม
และมีผลงานตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา
กาหนด
“มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ปฏิบัติกิจกรรม
และมีผลงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา
กาหนด
กรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียน
ทากิจกรรม
ในส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผล
การเรียนจาก
“มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ ดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนนั้นๆ
ยกเว้นมีเหตุ
สุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของโรงเรียนที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก
ไม่เกิน
๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดาเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี
การศึกษานั้น
ข้อ ๑๐
การเลื่อนชั้น
ผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้น เมื่อสิ้นปีการศึกษาเมื่อมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
๑.
รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมได้รับการตัดสินผลการเรียน ผ่านตามเกณฑ์
ที่สถานศึกษากาหนด
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 16. ๒.
ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา
กาหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และ
กิจกรรม
๓.
พัฒนาผู้เรียน
ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นควรได้ไม่ต่ากว่า ๑.๐๐
รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริม
ผู้เรียนให้ได้รับ
การแก้ไขในภาคเรียนถัดไป ทั้งนี้สาหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดาเนินการให้
เสร็จสิ้น
ภายในปีการศึกษานั้น
ทั้งนี้ ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย ตามที่ครูประจาวิชาแจ้ง และ
เห็นว่า
สามารถสอนซ่อมเสริมได้ ให้โรงเรียนใช้ดุลยพินิจของโรงเรียนที่จะผ่อน
ผัน
ให้เลื่อนชั้นได้
ข้อ ๑๑
การสอนซ่อมเสริม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้โรงเรียนจัดสอน
ซ่อมเสริม เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเต็มตามศักยภาพ
การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง กรณีที่ผู้เรียนมีความรู้
ทักษะกระบวนการหรือเจตคติ/คุณลักษณะ ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกาหนด โรงเรียนต้องจัดสอน ซ่อม
เสริมเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนปกติ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/
ตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย
และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การสอนซ่อมเสริม สามารถดาเนินการได้ในกรณี ดังต่อไปนี้
ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัดการสอน
ซ่อมเสริม ปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน
ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะที่กาหนดไว้
ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ในการประเมินระหว่างเรียน
ผู้เรียนได้ระดับผลการเรียน”๐”ให้จัดการสอนซ่อมเสริม ก่อนสอบแก้ตัว
กรณีผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน เพื่อแก้ไขผล
การเรียน ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของโรงเรียน
ข้อ ๑๒
การเรียนซ้าชั้น
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 17. ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจานวนมากและมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่
สูงขึ้น โรงเรียนอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าชั้นได้ ทั้งนี้ ให้คานึงถึงวุฒิภาวะและความรู้
ความสามารถของผู้เรียนเป็นสาคัญ
การเรียนซ้าชั้น มี ๒ ลักษณะ คือ
ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ากว่า ๑.๐๐ และมีแนวโน้มว่า
จะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
ผู้เรียนมีผลการเรียน ๐, ร, มส เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียน
ในปีการศึกษานั้น
ทั้งนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทั้งสองลักษณะ ให้สถานศึกษาแต่งตั้ง
คณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้เรียนซ้าชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิม
และให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ้าชั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของโรงเรียน
ในการแก้ไขผลการเรียน
ข้อ ๑๓
๑)
๒)
๓)
๔)
๕)
ข้อ ๑๔
๑)
๒)
๓)
๔)
เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (จบการศึกษาภาคบังคับ)
ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมโดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หน่วยกิต
และรายวิชาเพิ่มเติม ตามที่สถานศึกษากาหนด
ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรตามที่สถานศึกษากาหนด โดยเป็นรายวิชา
พื้นฐาน ๖๖ หน่วยกิต
ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์
การประเมินตามที่สถานศึกษากาหนด
ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามที่โรงเรียนกาหนด
ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามที่สถานศึกษากาหนด
เกณฑ์การจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมโดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต
และรายวิชาเพิ่มเติม ตามที่สถานศึกษากาหนด
ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรตามที่สถานศึกษากาหนด โดยเป็นรายวิชา
พื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต
ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์
การประเมินตามที่สถานศึกษากาหนด
ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 19. หมวด ๔
การรายงานผลการเรียน
ข้อ ๑๕ การรายงานผลการเรียน
การรายงานผลการเรียนเป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบ
ความก้าวหน้า
ในการเรียนรู้ของผู้เรียนซึงโรงเรียนสรุปผลการประเมิน และจัดทา
่
เอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆหรืออย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง
การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพปฏิบัติของผู้เรียนที่
สะท้อน
มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
๑.
จุดมุ่งหมายการรายงานผลการเรียน
๑.๑ เพื่อแจ้งให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องทราบความก้าวหน้าของผู้เรียน
๑.๒ เพื่อให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการ
ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริม พัฒนา
และการเรียนของผู้เรียน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 21. ความก้าวหน้าในการเรียนรู้รายภาค
โดยรวมของโรงเรียน เพื่อใช้
เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการ
พัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพ
ของผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน
การเรียนรู้/ตัวชี้วัด การตัดสิน
การเลื่อนชั้นและการซ่อมเสริมผู้เรียน
ที่มีข้อบกพร่องให้ผ่านระดับชั้น
และเป็นข้อมูลในการออกเอกสาร
หลักฐานการศึกษา
๒.๓
ข้อมูลระดับเขตพื้นที่การศึกษา ได้แก่
ผลการประเมินคุณภาพของผู้เรียน
ด้วยแบบประเมินที่สานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาจัดทาขึ้นในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้สาคัญในระดับชั้นที่
นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ
เป็นข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและ
ดาเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ของโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา
เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพ
และมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน
และโรงเรียน
๒.๔
ข้อมูลระดับชาติ ได้แก่ ผลการประเมิน
คุณภาพของผู้เรียนด้วยแบบประเมิน
ที่เป็นมาตรฐานระดับชาติในกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ที่สาคัญในชั้นประถมศึกษา
ปีที่ ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ ๖ ซึ่งดาเนินการโดยหน่วยงาน
ระดับชาติ เป็นข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้อง
ใช้วางแผน และดาเนินการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 22. เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน
สถานศึกษา ท้องถิ่น เขตพื้นที่
การศึกษาและประเทศชาติ รวมทั้งนาไป
รายงานในเอกสารหลักฐานการศึกษา
ของผู้เรียน
๒.๕
ข้อมูลพัฒนาการของผู้เรียนด้านอื่นๆ
ประกอบด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ
ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์
สังคม และพฤติกรรมต่างๆ เป็นข้อมูล
ส่วนหนึ่งของการแนะนาและจัดระบบ
การดูแลช่วยเหลือ เพื่อแจ้งให้ผู้เรียน
ผู้สอน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง
ได้รับทราบข้อมูล โดยผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ
แต่ล่ะฝ่ายนาไปใช้ปรับปรุงแก้ไขและ
พัฒนาผู้เรียนให้เกิดพัฒนาการ
อย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมทั้งนาไป
จัดทาเอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการ
ของผู้เรียน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 24. หมวด ๕
เอกสารหลักฐานการศึกษา
ข้อ ๑๖ ให้มีการจัดหาและจัดทาเอกสารหลักฐานการศึกษา ดังต่อไปนี้
๑๖.๑ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด ประกอบด้วย
๑)
ระเบียนแสดงผลการเรียน (transcript) (ปพ.๑ : ปพ๑ : บ, ปพ
๑ : พ)
ใช้เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียนของผู้เรียนตามสาระ
การเรียนรู้กลุ่มวิชาและ
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้เรียนในแต่ละช่วงชั้นของหลักสูตร
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสาเร็จใน
การศึกษาของผู้เรียน
แต่ละคน และใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อ
สมัครเข้าทางาน
หรือดาเนินการในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง ข้อกาหนด
เอกสารดังนี้
(๑)
โรงเรียนจัดทาระเบียนแสดงผลการเรียนของ
ผู้เรียน ตามรูปแบบ
ที่กระทรวงศึกษาธิการกาหนด ตามคาสั่ง
กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 25. ที่ ๖๑๖/๒๕๕๒ โรงเรียนจัดทาต้นฉบับ
ระเบียนแสดงผลการเรียน
ของนักเรียนทุกคน เก็บรักษาไว้ตลอดไปและ
ระมัดระวังดูแลรักษา
ไม่ให้ชารุดเสียหาย สูญหายหรือมีการ
เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลเป็นอันขาด
เพื่อความสะดวกในการค้นหาข้อมูล โรงเรียน
อาจเก็บข้อมูล ในเอกสารนี้
ในรูปของ CD-ROM หรือเทคโนโลยีอื่นๆ
โรงเรียนจัดทาระเบียนแสดง
ผลการเรียนเมื่อผู้เรียนสาเร็จการศึกษาแต่ละ
ช่วงชั้นให้แก่ผู้เรียน
โดยคัดลอกข้อมูล จากต้นฉบับที่โรงเรียนจัดทา
กรณีผู้เรียนย้ายสถานศึกษา
โรงเรียนจะต้องจัดทาระเบียนแสดงผลการ
เรียนของนักเรียนในช่วงชั้น
ที่กาลังศึกษาอยู่ โดยคัดลอกข้อมูลจาก
ต้นฉบับที่เป็นปัจจุบันให้ถูกต้อง
สมบูรณ์ ให้ผู้เรียนนาไปเป็นหลักฐานการ
สมัครเข้าเรียนที่สถานศึกษาใหม่
-
กรณีผู้เรียนรับระเบียนแสดงผลการ
เรียนของนักเรียนของตนเองไปแล้ว
เกิดการชารุดสูญหาย และผู้เรียนต้องการ
เอกสารฉบับใหม่ให้โรงเรียน
ออกเอกสารฉบับใหม่แก่ผู้เรียนโดยคัดลอกหรือ
ถ่ายสาเนาจากต้นฉบับ
เอกสารที่จัดเก็บรักษาไว้กรณีผู้เรียนต้องการ
ระเบียนแสดงผลการเรียน
เป็นภาษาอังกฤษ ให้ออกเอกสารตามข้อมูล
เดิมของต้นฉบับเอกสาร
ด้วยภาษาอังกฤษ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 26. -
กรณีต้นฉบับเอกสารเกิดการสูญหาย
ให้แจ้งยกเลิกการใช้เอกสาร
ระเบียนแสดงผลการเรียน ตามลาดับขั้นตอน
ตามคาสั่ง
กระทรวงศึกษาธิการ ที่ ๖๑๖/๒๕๕๒
๒)
หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ใบประกาศนียบัตร ) (ปพ.๒ บ
และ ๒ พ)
เป็นเอกสารที่โรงเรียนออกให้กับผู้สาเร็จการศึกษาภาคบังคับ ๙
ปี และผู้สาเร็จ
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อแสดงศักดิ์และสิทธิ์ของ
ผู้สาเร็จการศึกษา
และรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียนให้ผู้เรียนนาไปใช้เป็น
หลักฐานแสดง
(๑)
ระดับวุฒิการศึกษาของตน ข้อกาหนดเอกสารมีดังนี้
เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาของผู้สาเร็จการศึกษาเป็น
(๒)
เป็นเอกสารที่ออกให้แก่ผู้สาเร็จการศึกษาหลักสูตรการศึกษา
รายบุคคล
ภาคบังคับ
๙ ปี (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓) และผู้สาเร็จการศึกษา
หลักสูตรการศึกษา
(๓)
ขั้นพื้นฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖)
กรณีผู้เรียนรับเอกสารไปแล้ว ถ้าผู้เรียนมีความประสงค์ขอรับ
เอกสาร
นี้ใหม่ โรงเรียนออกเป็นใบแทนให้ โดยใบแทนจะมี
ลักษณะ
(๔)
แตกต่างจากเอกสารจริง
โรงเรียนใช้แบบพิมพ์เอกสารตามรูปแบบที่กระทรวงศึกษาธิการ
กาหนด ตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ. ๖๑๗/
๒๕๕๒
เรื่อง
การจัดทาใบประกาศนียบัตร ลงวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๕๒
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 27. ๓)
แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา (ปพ.๓)
เป็นเอกสารรายงานรายชื่อและข้อมูลของ
ผู้สาเร็จการศึกษา ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๑ ในแต่ละระดับการศึกษา
เพื่อใช้เป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบยืนยัน
และรับรองความสาเร็จและวุฒิ
การศึกษาของผู้สาเร็จการศึกษาแต่ละคนต่อ
เขตพื้นที่การศึกษาและกระทรวง
ศึกษาธิการ ข้อกาหนดของเอกสารมีดังนี้
(๑) เป็นเอกสารสาหรับรายงาน รายชื่อและข้อมูลผู้สาเร็จ
หลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้น และ
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ต่อหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบ คือ สานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวงศึกษาธิการ
(๒) โรงเรียนใช้แบบพิมพ์เอกสารตามรูปแบบ ที่
กระทรวงศึกษาธิการ
กาหนด ตามคาสั่ง
กระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.๖๑๘/๒๕๕๒ เรื่อง
การจัดทาแบบรายงานผู้สาเร็จ
การศึกษา ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒
(๓) โรงเรียนแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทา
แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา
เป็นครั้งคราวไป เป็นผู้ช่วยนาย
ทะเบียน จัดทาเอกสารนี้ ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ ๓, ๖ จัดทาจานวน ๓ ชุด เก็บรักษาที่สถานศึกษา ๑ ชุด ที่สานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษา ๑ ชุด และกระทรวงศึกษาธิการอีก ๑ ชุด ชุดที่เก็บ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 29. (๒)
พร้อมกัน โดยบันทึกเป็นรายบุคคล
ข้อมูลที่จะบันทึกในเอกสารอย่างน้อยควรมีดังนี้
(๒.๑) ข้อมูลของโรงเรียน
(๒.๒) ชื่อ- ชื่อสกุลผู้สอนหรือที่ปรึกษา
(๒.๓) ชื่อ – ชื่อสกุลและเลขประจาตัวประชาชนของ
ผู้เรียนทุกคนที่เรียน
ในห้องหรือกลุ่มที่เรียนร่วมกัน
(๒.๔) ลักษณะการใช้เวลาในการเข้าเรียน หรือร่วม
กิจกรรมการเรียน
ของผู้เรียนในช่วงเวลาที่โรงเรียน
กาหนดให้ เป็นเวลาเรียน
จาแนกเป็น เวลามา มาสาย ป่วย ลา
ขาด
(๒.๕) สรุปรวมเวลาเรียนของผู้เรียนแต่ละคน
(๒.๖) เวลาเรียนของแต่ละคน คิดเป็นร้อยละของ
เวลาเรียนเต็ม
(๒.๗) รายการประเมินตามตัวชี้วัดรายภาค(ตาม
ระดับชั้น
ที่ใช้เอกสาร)
(๒.๘) ระดับผลการเรียน
(๒.๙) เกณฑ์การประเมินให้ระดับผลการเรียน
(๒.๑๐) ข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน
ระหว่างเรียนปลายภาค
(๒.๑๑) ผลการตัดสินและอนุมัติผลการเรียน
(๒.๑๒)
รายการคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษา
(๒.๑๓)
เกณฑ์หรือข้อบ่งชี้ในการประเมิน
(๒.๑๔)
ของโรงเรียน
ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง
(๒.๑๕)
ผลการประเมินการ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ประสงค์ของโรงเรียน
อ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนของผู้เรียน
(๓)
ลักษณะการบันทึกข้อมูล
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 30. (๓.๑) การบันทึกเวลาเรียนตามลักษณะเวลาเรียนของแต่ละ
รายวิชา
โดยบันทึกเวลาเรียนของผู้เรียนทั้งห้องหรือกลุ่มตลอด
การเรียน
ในแต่ละรายวิชา
(๓.๒) การบันทึกข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน ให้
บันทึก
คะแนนและข้อมูลการวัดและประเมินผลการเรียนเป็น
รายวิชา
โดยบันทึกข้อมูลของทุกคนในห้องหรือกลุ่มเดียวกันไว้
ใน
เล่มเดียวกันให้เสร็จสมบูรณ์ในแต่ละรายวิชา
(๓.๓) การบันทึกผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ให้บันทึก
ผลการประเมินผู้เรียนทุกคนในห้องหรือกลุ่มเดียวกัน
จากผู้ประเมิน ทุกฝ่ายแต่ละภาคไว้ในเอกสารเล่ม
เดียวกัน
โดยอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้บันทึกผลการประเมินอาจ
บันทึก
เป็นคะแนนที่ได้จากเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินแต่ละ
ประเภท
หรือบันทึกเป็นเส้นพัฒนาการ (Profile) หรือคา
บรรยายสภาพ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่ละประการได้
(๓.๔) การบันทึกผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด
วิเคราะห์
และเขียน ให้บันทึกผลการประเมินผู้เรียนทุกคนในห้อง
หรือ
กลุ่มเดียวกันจากผู้ประเมินที่โรงเรียนกาหนดไว้ใน
เอกสาร
เล่มเดียวกัน โดยอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้บันทึก
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 31. (๓.๕) การออกแบบและจัดทาเอกสาร สถานศึกษาเป็น
ผู้ออกแบบ
การจัดทาเอกสารโดยคานึงถึงความถูกต้อง ครบถ้วน
สมบูรณ์
ของข้อมูล ความสะดวก ชัดเจนในการบันทึกข้อมูล
และการนา
เอกสารไปใช้เป็นสาคัญ โรงเรียนอาจออกแบบให้
บันทึกข้อมูล
ในข้อ (๓.๑) , (๓.๒), (๓.๓ ) ไว้ในเล่มเดียวกันก็ได้
(๓.๖) กรณีผู้เรียนย้ายโรงเรียนระหว่างปี หรือย้ายโรงเรียน
ระหว่างภาคโรงเรียนจัดทาใบแจ้งจานวนเวลาเรียน
ข้อมูล
ผลการเรียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
และผล
การประเมินความสามารถการอ่าน คิดวิเคราะห์ และ
เขียน
ของผู้เรียนในปีหรือภาคเรียนที่กาลังเรียนโดยคัดลอก
เอกสารนี้
ให้ผู้เรียนนาไปให้โรงเรียนที่รับผู้เรียนเข้าศึกษาต่อใช้
เป็นข้อมูล
สาหรับรวมกับข้อมูลที่จะเกิดในโรงเรียนใหม่ เป็น
ข้อมูล
ผลการพัฒนาของผู้เรียนต่อไป
(๓.๗) แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เมื่อใช้กรอก
ข้อมูลแล้ว
สถานศึกษาจะต้องเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานสาหรับการ
ตรวจสอบ
๕)
เป็นเวลาอย่างน้อย ๑๐ ปี
แบบบันทึกผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล(ปพ.๖)
เป็นเอกสารสาหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียน
พัฒนาการในด้านต่าง ๆ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 32. และข้อมูลอื่น ๆ ของผู้เรียน ทั้งที่โรงเรียนหรือที่บ้าน
เพื่อใช้สาหรับสื่อสาร
สาหรับโรงเรียนกับผู้ปกครองของผู้เรียนให้รับทราบและ
เกิดความเข้าใจ
ในตัวผู้เรียนร่วมกัน ข้อกาหนดของเอกสาร มีดังนี้
(๑) เป็นเอกสารสาหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
รายบุคคล
(๒) ข้อมูลที่บันทึกในเอกสารอย่างน้อยควรมีดังนี้
(๒.๑) ข้อมูลส่วนตัวผู้เรียน และเลขประจาตัวประชาชนของผู้เรียน
(๒.๒) เวลาเรียน
(๒.๓) การวัดและประเมินผลการเรียน และการตัดสินผลการเรียน
(๒.๔) ผลงานหรือความสาเร็จที่น่าภาคภูมิใจ (เป็นการนารายชื่อ
ผลงานดีเด่นของผู้เรียนทั้งที่เกิดจากการเรียนโดยตรง และเกิด
จาก
การดาเนินงานส่วนตัวมาบันทึกไว้ปีละ ๑ – ๒ ชิ้น โดยผู้เรียน
เป็นผู้กรอกแล้วให้ผู้ปกครองและสถานศึกษารับรองและ
แสดงความเห็นต่อผลงานแต่ละชิ้น)
(๒.๕) ความเห็นของโรงเรียนและผู้ปกครองที่มีต่อผู้เรียนเกี่ยวกับ
ผลการเรียน
(๒.๖) รายการคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา
(๒.๗) การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์แต่ละประการ
อาจรายงานผลการประเมินเป็นเส้นพัฒนาการ (Profile)
หรือคาบรรยายสรุปสภาพคุณลักษณะอันพึงประสงค์ได้
(๒.๘) รายการกิจกรรมและผลการประเมินกิจกรรม
(๒.๙) ผลการประเมินความสามารถในการอ่านคิดวิเคราะห์ และเขียน
(๒.๑๐)
รูปถ่ายนักเรียน
(๒.๑๑)
ลายมือชื่อของผู้จัดทาเอกสาร
(๒.๑๒)
ลายมือชื่อของหัวหน้าสถานศึกษา และประทับตรา
โรงเรียน
(๓)
(๒.๑๓)
วัน เดือน ปี ที่รายงานข้อมูล
(๒.๑๔)
ข้อมูลอื่นที่โรงเรียนเห็นสมควรนามาบันทึกไว้
โรงเรียนเป็นผู้ออกแบบจัดทาเอกสารนี้ใช้เองให้เหมาะสม
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 33. (๔)
กับโรงเรียนของตน
โรงเรียนจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบน และส่งเอกสารนี้
ั
ให้ผู้ปกครองของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการบันทึกข้อมูลใหม่ ๆ
ไม่ควรน้อยกว่าภาคเรียนละ ๑ ครั้งหรือปีการศึกษาละ ๑ ครั้ง
(๕) กรณีผู้เรียนย้ายโรงเรียน ให้ผู้เรียนนาเอกสาร
รายงานผลการพัฒนา
๑)
๒)
๖)
ผู้เรียนรายบุคคล
ฉบับที่กาลังใช้อยู่ไปให้โรงเรียนแห่งใหม่ เพื่อใช้ดุลยพินิจว่าจะใช้
เอกสารฉบับเดิมต่อไป หรือจัดทาเอกสารใหม่ ถ้าโรงเรียน
แห่งใหม่จะจัดทาเอกสารใหม่ เมื่อคัดลอกข้อมูลจากเอกสารเดิม
ลงในเอกสารใหม่แล้วให้คืนเอกสารเดิมแก่ผู้เรียนนาไปเก็บรักษาไว้
ให้ผู้เรียนเก็บสะสมเอกสารนี้ไว้ให้ครบถ้วนตลอดเวลาการศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ใบรับรองผลการเรียน (ปพ.๗)
เป็นเอกสารที่โรงเรียนออกให้กับผู้เรียนเป็นการเฉพาะ
กิจ เพื่อรับรอง
สถานภาพทาง การศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว
ทั้งกรณีผู้เรียน
ยังไม่สาเร็จการศึกษา และสาเร็จการศึกษาแล้ว
ข้อกาหนดของเอกสาร มีดังนี้
(๑)
เป็นเอกสารรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว
ที่สถานศึกษาออกให้แก่ผู้เรียน เพื่อนาไปใช้แทนระเบียนแสดง
ผลการเรียน แบบแสดงพัฒนาการคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หรือ
หลักฐานแสดงวุฒิทางการศึกษาในการสมัครสอบ สมัครงานหรือศึกษา
ต่อ
(๒)
เป็นเอกสารที่โรงเรียนสามารถออกให้กับผู้เรียนทุกระดับชั้น
(๓)
ข้อมูลที่จะบันทึกในเอกสาร มีดังนี้
๓.๒
๓.๑ ชื่อสโรงเรียน และสถานที่ตั้ง
ชื่อ -ชื่อสกุล ผู้เรียน เลขประจาตัวนักเรียน และ
เลขประจาตัวประชาชน
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 34. ๓.๓
๓.๔
๓.๕
๓.๖
๓.๗
สถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียน ที่โรงเรียนห้การรับรอง
วัน เดือน ปี ที่ออกเอกสาร
รูปถ่ายของผู้เรียน
ลายมือชื่อผู้จัดทาเอกสาร
ลายมือชื่อผู้บริหารโรงเรียน
(๔) โรงเรียนเป็นผู้ออกแบบ จัดทาและควบคุม
การออกเอกสารเอง
ใบรับรองผลการเรียน มีช่วง
ระยะเวลารับรอง ๖๐ วัน
๗.
ระเบียนสะสม (ปพ.๘)
เป็นเอกสารสาหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ พัฒนาการ
และผลงานด้านต่าง ๆ
ของผู้เรียนทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เพื่อประโยชน์ใน
การแนะแนวผู้เรียน
(๑)
(๒)
(๓)
(๔)
ในทุก ๆ ด้าน ข้อกาหนดของเอกสารมีดังนี้
มีรายการสาหรับบันทึกข้อมูล เกี่ยวกับการพัฒนาการของผู้เรียน
ในด้านต่าง ๆ เป็นรายบุคคล
สถานศึกษาเป็นผู้ออกแบบจัดทาเอกสารให้เหมาะสมกับสถานศึกษา
ของตน และให้มีความคงทนสามารถเก็บรักษาและใช้ต่อเนื่องได้ตลอด
๖ ปี สาหรับระดับประถมศึกษาและ ๓ ปี สาหรับระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
เป็นเอกสารที่ผู้เรียนใช้ต่อเนื่องกันได้ตลอด ๖ ปี และ ๓ ปี ทั้งกรณีศึกษา
ในสถานศึกษาเดียวกันหรือย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา
สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน ข้อมูลบางอย่าง
อาจให้ผู้ปกครองเป็นผู้กรอก หรือให้ความเห็น หรือได้รับทราบด้วยได้
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 36. หมวด ๖
การเทียบโอนผลการเรียน
ข้อ ๑๗ ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนของนักเรียนที่เรียนจากโรงเรียนได้ในกรณีต่างๆ ได้แก่ การ
ย้ายโรงเรียน การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคัน และการขอกลับเข้าศึกษา
ต่อ การศึกษาจากต่างประเทศ และขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ
ข้อ ๑๘ ให้สามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถาน
ประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดยครอบครัว
ข้อ ๑๙ การเทียบโอนผลการเรียนให้ดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน หรือต้นภาคเรียนที่
สถานศึกษา รับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน การรับเทียบโอนกาหนดให้ ผู้เรียนที่ได้รับการ
เทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องในโรงเรียนที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน
โรงเรียนกาหนดรายวิชา จานวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม
ข้อ ๒๐ การพิจารณาการเทียบโอน สามารถดาเนินการได้ดังนี้
๒๐.๑ พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้
ความสามารถของนักเรียน เช่น ระเบียนแสดงผลการเรียน สมุดรายงาน
ผลการเรียน ฯ
๒๐.๒ พิจารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรง โดยการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ
ทั้งภาคความรู้และภาคปฏิบัติ
๒๐.๓ พิจารณาจากความสามารถ และการปฏิบัติจริง
๒๐.๔ ในกรณีมีเหตุผลจาเป็นระหว่างเรียน
ข้อ ๒๑
การเทียบโอนผลการเรียนให้ดาเนินการในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอน
จานวนไม่น้อยกว่า ๓ คน แต่ไม่ควรเกิน ๕ คน การเทียบโอนให้ดาเนินการดังนี้
๒๑.๑ กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอื่น ให้นารายวิชาหรือหน่วยกิต
ที่มีมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้/จุดประสงค์/คาอธิบาย
รายวิชา/
เนื้อหาที่สอดคล้องกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ มาเทียบโอนผลการเรียน
และพิจารณาให้ระดับผลการเรียนให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่รับย้าย
๒๑.๒ กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ให้พิจารณาจาก
เอกสาร
หลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย
และให้ระดับ
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
- 39. -
ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๒ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๕
ปีการศึกษา ๒๕๕๕ ใช้ในทุกชั้นเรียน
ข้อ ๒๓
ให้ใช้ระเบียบโรงเรียนภัทรบพิตร ว่าด้วย การประเมินผลการเรียน
ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนภัทรบพิตร พุทธศักราช ๒๕๕๓ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ควบคู่กับแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข้อ ๒๔ การเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพิ่มเติมระเบียบนี้ ต้องได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหาร
หลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษา แล้วเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ของโรงเรียน เพื่อประกาศใช้ต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
( นายกิตติศักดิ์ วิทยเดช )
ผู้อานวยการโรงเรียนภัทรบพิตร
สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒