More Related Content
Similar to โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (20)
More from คน ขี้เล่า (20)
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- 4. ท า ให้ ทรั พยากร ธร รม ชา ติ แ ละสิ่ ง แ วด ล้ อ มที่ เหลื อ อ ยู่ มี สภ า พ
เสื่อมโทรมลง และปัญหาต่างๆ ด้านสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้น ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อ
ความเป็ น อยู่ ข องประชาชนและระบบนิ เ วศ จึ ง ทรงให้ มี ก ารด าเนิ น โครงการอั น
เนื่องมาจากพระราชดาริ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการที่จะทานุบารุงและปรับปรุงสภาพ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดีขึ้นในด้านต่าง ๆ โดยในด้านการแก้ไขปัญหา
ทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล้ อ มนั้ น ทรงเน้ น งานการอนุ รั ก ษ์ แ ละฟื้ น ฟู ส ภาพ
สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของปัญหาน้าเน่าเสีย
4
- 8. ผัก ตบชวา พระบาทสมเด็จ พระ
เจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยใน
การปรับปรุงคุณภาพของแหล่งน้า
ที่ มี อ ยู่ แ ล้ ว เช่ น บึ ง และหนอง
ต่างๆ เพื่อทาเป็นแหล่งบาบัดน้า
เสีย โดยหนึ่งในจานวนนั้นได้แก่
โ ค ร ง ก า ร บึ ง มั ก ก ะ สั น
อั น เนื่ อ งมาจากพระราชด าริ มี
ห ลั ก ก า ร บ า บั ด น้ า เ สี ย
ตามแนวทฤษฎีการพัฒนาโดยการ
กรองน้าเสียด้วยผักตบชวา
8
- 9. บึงมักกะสัน เป็นบึงขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร รวมพื้นที่บึงประมาณ 92 ไร่ เป็นแหล่ง
น้าอยู่ในเขตโรงงานรถไฟมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ขุดขึ้น ในปี
พ.ศ. 2474 เพื่อใช้เป็นแหล่งระบายน้าและรองรับน้าเสีย รวมทั้งน้ามันเครื่องจากโรงงานรถไฟมักกะสัน ทาให้บึง
มักกะสันตื้นเขิน จากการตกตะกอนของสารแขวนลอย กอปรกับรอบบึงมักกะสันมีชุมชนแออัด 3 ชุมชน รวม
7 2 9
ค รั ว เ รื อ น
ซึ่ ง ส่ ว น ใ ห ญ่
ต่ า งก็ ถ่ า ยสิ่ ง ปฏิ กู ล และขยะมู ล ฝอยลงสู่ บึ ง มั ก กะสั น จนเกิ ด ปั ญ หาภาวะสิ่ ง แวดล้ อ มเสื่ อ มโทรมและ
น้าเน่าเสียกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
9
- 10. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงตระหนักถึงภาวะมลพิษนี้ จึงได้พระราชทานพระราชดาริ
เมื่อวันที่ 15 เมษายน และวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2528
ให้หน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันปรับปรุงบึงมักกะสันเพื่อใช้เป็น
สถานที่กักเก็บน้า ช่วยในการระบายน้าในหน้าฝนและบรรเทา
สภาพน้าเสียในคลองสามเสน โดยพระราชทานคาแนะนา
ใ ห้ ใ ช้ ผั ก ต บ ช ว า ก ร อ ง น้ า เ สี ย เ พ ร า ะ ผั ก ต บ ช ว า
มีคุณสมบัติทาหน้าที่เป็นตัวกรอง ซึ่งเรียกว่า เครื่องกรองน้า
ธรรมชาติ คือใช้ผักตบชวา ซึ่งเป็นวัชพืชที่มีอยู่มาก มาทา
หน้าที่ดูดซับความโสโครก และสารพิษจากแหล่งน้าเน่าเสีย
และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องหมั่นนาผักตบชวาออกจากบึงทุกๆ
10 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ผักตบชวามีการเจริญพันธุ์จนบดบัง
แสงแดดที่จะส่องลงไปในบึง
10
- 11. แต่หลังจากที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย มีการก่อสร้างทางด่วนมหานครขั้น 2 ระยะที่ 1 โดยมีแนวผ่านบึงมักกะสันและ
มีตอม่อโครงสร้างอยู่กลางบึง ทาให้น้าในบึงไม่ถูกแสงแดด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระราชดาริให้ใช้ เครื่องพ่น
อากาศเข้าช่วย เมื่อมูลนิธิชัยพัฒนาและกรุงเทพมหานครรับสนองพระราชดาริ ทาให้บึงมักกะสัน สามารถฟอกน้าในคลองสามเสนให้สะอาด
ขึ้น วันละ 260,000 ลูกบาศก์เมตร ด้วยการใช้เครื่องเติมอากาศแบบทุ่นลอยผสมกับการใช้ผักตบชวา สามารถบาบัดน้าเสียได้เพิ่มจากเดิม
10 เท่า โดยมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้จัดหา และติดตั้งเครื่องเติมอากาศ ขนาด 11 KW จานวน 10 เครื่อง และกรุงเทพมหานครเป็น
ผู้ดาเนินการขุดลอกบึง พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้าและปลูกผักตบชวา สาหรับน้าที่ใสสะอาดขึ้นนี้ให้ระบายออกสู่คลองธรรมชาติตามเดิ ม
แล้วรับน้าเสียจานวนใหม่มาดาเนินการผ่านกรรมวิธีเป็นวงจรเช่นนี้ตลอดไปในอนาคต
11
- 14. ระบบผสมผสานระหว่ า งพื ช น้ ากั บ การเติ ม อากาศ
(Consternated Wetland and Air Transfer for
Waste Water Treatment )
เ ป็ น ร ะ บ บ บ า บั ด น้ า เ สี ย อี ก ร ะ บ บ ห นึ่ ง
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดาริ
ให้เร่งดาเนินการแก้ไขเรื่องปัญหาน้าเน่าเสียที่ปล่อยลงหนอง
หานและหนองสนม อาเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
14
- 16. 2. บ่อปลูกต้นกกอียิปต์ การบาบัดน้าเสีย
ด้วยกกอียิปต์ โดยการปล่อยน้าเสียเข้าไปบนลาน
ก้อนกรวดเสียก่อน เพื่อให้ก้อนกรวดทาหน้าที่
TEXT
TEXT
กรองสารแขวนลอยออกจากน้าเสีย พร้อมกับ
ช่วยเติมก๊าซ ออกซิเจน ซึ่งจะช่วยให้เกิดจุลินทรียเ์ กาะตาม
ก้อนกรวดมากขึ้น อันจะนาไปสู่การย่อยสลายสารอินทรีย์ที่
มีอยู่ในน้าเสียได้มากขึ้น แล้วจึงปล่อยน้าเสียผ่านตะแกรง
ดักเศษขยะที่ติดตั้งไว้ทางด้านท้ายของลานนั้นออกไปยังบ่อ
ที่ปลูก
กกอียิปต์ไว้ เพื่อกาจัดสารอินทรีย์ ในน้าเสีย
อีกต่อหนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยให้ไหลเข้าสู่บ่อตกตะกอนตาม
ธรรมชาติ
TEXT
TET
16
- 19. การบาบัดน้าเสียด้วยระบบบ่อบาบัดและวัชพืชบาบัดที่แหลมผักเบี้ย
(Lagoon Treatment and Grass Filtration)
โครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย อาเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการ
ศึกษาวิจัยวิธีการบาบัดน้าเสีย กาจัดขยะมูล ฝอยและการรักษาสภาพป่ าชายเลนด้วยวิธีธรรมชาติ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ประกอบด้วย มูลนิธิชัยพัฒนา สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อ
ประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร) กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมประมง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันราชภัฏเพชรบุรี และเทศบาลเมืองเพชรบุรี
ร่วมกันดาเนินงาน
พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ทรงองค์ มี ค วามคิ ด ในการก าจั ด สิ่ ง ที่ เ ป็ น พิ ษ พวกโลหะหนั ก
ออกจากน้าและนาน้าเสียที่บาบัดแล้วมาใช้ในทางเกษตรน้าที่เหลือก็ปล่อยลงทะเล ดังพระราชดารัสว่า “….ทางใต้ของ
ประเทศออสเตรเลียมีโครงการนาน้าเสียไปใส่คลองแล้วระบายไปตามท่อลงบ่อใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเล ซึ่งมีพื้นที่หลายร้อยไร่
แล้วบาบัดน้าเสียให้หายสกปรกแล้วจึงปล่อยลงสู่ทะเล…."
19
- 21. พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ทรงมี พ ระบรมราชวิ นิ จ ฉั ย
เห็นด้วยกับคณะทางานที่จะบาบัดน้าเสียที่ตาบลแหลมผักเบี้ย อาเภอบ้านแหลม
จั ง ห วั ด เ พ ช ร บุ รี โ ด ย ก า ร ส ร้ า ง ท่ อ ร ะ บ า ย น้ า ร ว บ ร ว ม น้ า เ สี ย
มารวมที่ค ลองยาว ที่จุดนี้ ทาหน้ าที่เป็น บ่ อดักขยะ แยกถุง พลาสติ ก เศษผ้ า
ใบตอง เศษไม้ และตกตะกอนสารแขวนลอยขนาดใหญ่ เพื่อลดความสกปรกและ
ลดการทางานของเครื่องปั้มน้าเสีย แล้วสูบน้าเสียจากคลองยาวมาบาบัดที่แหลม
ผักเบี้ย โดยใช้ระบบบาบัดน้าเสียที่หนองหานและหนองสนม จังหวัดสกลนคร
21
- 22. กรณีตาบลแหลมผักเบี้ย อาเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีปัญหาด้านน้าเสีย ขยะมูลฝอย และการรักษาสภาพป่าชายเลน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดาริ เพื่อแก้ไขด้วยวิธีธรรมชาติ ดังปรากฏในบางตอนของพระราชดารัสว่า "….โครงการที่จะ
ทานี้ไม่ยากนัก คือว่าก็มาเอาสิ่งเป็นพิษออก พวกโลหะหนักต่าง ๆ เอาออก ซึ่งมีวิธีทา ต่อจากนั้นก็มาฟอกใส่อากาศ บางทีก็อาจไม่ต้องใ ส่อากาศ
แล้วก็มาเฉลี่ยใส่ในบึงหรือเอาน้าไปใส่ในทุ่งหญ้า แล้วก็เปลี่ยนสภาพของทุ่งหญ้าเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ส่วนหนึ่งเป็นที่สาหรับปลูกพืช ปลูกต้นไม้…."
และ "….แล้วก็ต้องทาการเรียกว่า การกรองน้าทาให้น้านั้นไม่ให้โสโครก แล้วก็ปล่อยลงมาที่เป็นที่ทาการเพาะปลูก หรือทุ่งหญ้า หลังจากนั้น น้าที่
เหลือก็ลงทะเล โดยที่ไม่ทาให้น้านั้นเสีย…."
22
- 24. ระบบบาบัดรอง
ดาเนินการพร้อมกันกับระบบบาบัดหลัก ประกอบด้วยระบบย่อย 3 ระบบ ได้แก่ ระบบบึงชีวภาพ (constructed
wetland) ระบบกรองน้าเสียด้วยหญ้า (grass filtration) และระบบกรองน้าเสียด้วย
ป่าชายเลน (white and red mangrove filtration)
1 . ร ะ บ บ บึ ง ชี ว ภ า พ มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น บ่ อ ดิ น ตื้ น ๆ
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 25 เมตร ยาว 300 เมตร จานวน 4
บ่อ สาหรับขังน้าเสียและปลูกพืชที่มีรากพุ่ม เช่น กกพันธุ์ต่าง ๆ
และอ้อ เป็นต้น เพื่อดูดซับสารพิษและสารอินทรีย์ออกจากน้า
เสียในขณะที่ น้านั้นไหลล้นผ่านพืชไปยังท้ายบึงอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนั้น จุลินทรีย์ก็จะย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้าเสียไปด้วย
น้าที่ไหลล้นออกไป จากบึงจึงเป็นน้าดีที่ใช้ประโยชน์ได้
24
- 25. 2. ระบบกรองน้าเสียด้วยหญ้า ประกอบด้วยแปลงหญ้าที่มีขนาด
และลักษณะเหมือนกันกับบึงชีวภาพ จานวน 4 แปลง เพื่อทา
หน้าที่กรองน้าเสียที่ไหลล้นเข้าไปเป็นระยะ ๆ (bat flow) หญ้า
ที่ปลูกได้แก่ หญ้าเนเปีย หญ้าแฝก หญ้านวลน้อย และหญ้าขน
แกะ
3. ระบบกรองน้ าเสี ย ด้ ว ยป่ า ชายเลน ประกอบด้ ว ย
ป่ า ชายเลนประเภทโกงกางคละเคล้ า และผสมผสาน
กันกับแสมขาวในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ เพื่อทาหน้าที่กรองน้า
เสียที่ไหลล้นเข้าไป น้าที่ไหลล้นผ่านป่าชายเลนออกไปจึงได้รับ
การบาบัดจนกลายเป็นน้าดีที่ใช้ประโยชน์ได้
25
- 27. พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ทรงตระหนั ก ถึ ง ความรุ น แรงของปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น และทรงห่ ว งใยต่ อ
พสกนิกรที่ต้องเผชิญในเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531 ได้พระราชทานพระราชดาริในการแก้ไขปัญหาน้าเสีย
ด้วยการใช้เครื่องกลเติมอากาศ โดยพระราชทานรูปแบบสิ่งประดิษฐ์ที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพสูงในการบาบัดน้าเสีย
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ กังหันน้าชัยพัฒนา และนามาใช้ในการปรับปรุงคุณภาพน้าตามสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค
27
- 28. การเติมอากาศลงในน้าเสีย มี 2 วิธีวิธีหนึ่ง ใช้อากาศอัดเข้าไปตามท่อเป่าลงไปใต้ผิวน้าแบบกระจายฟองและ
อี ก วิ ธี ห นึ่ ง น่ า จ ะ ก ร ะ ท า ไ ด้ โ ด ย กั ง หั น วิ ด น้ า วิ ด ตั ก ขึ้ น ไ ป บ น ผิ ว น้ า แ ล้ ว ป ล่ อ ย ใ ห้ ต ก ล ง ไ ป ยั ง
ผิวน้าตามเดิม โดยที่กังหันน้าดังกล่าวจะหมุนช้า ด้วยกาลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาดเล็กไม่เกิน 2 แรงม้า หรืออาจจะใช้พลัง
น้ า ไ ห ล ก็ ไ ด้ จึ ง ส ม ค ว ร พิ จ า ร ณ า ส ร้ า ง ต้ น แ บ บ แ ล้ ว น า ไ ป ติ ด ตั้ ง ท ด ล อ ง ใ ช้ บ า บั ด น้ า เ สี ย
ที่ภายในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และวัดบวรนิเวศวิหาร
28
- 30. การศึกษา วิจัย และพัฒนา
กรมชลประทานรับสนองพระราชดาริในการศึกษาและสร้างต้นแบบ โดยดัดแปลงเครื่องสูบน้าพลังน้าจาก
" กั ง หั น น้ า สู บ น้ า ทุ่ น ล อ ย " เ ป ลี่ ย น เ ป็ น " กั ง หั น น้ า ชั ย พั ฒ น า " แ ล ะ ไ ด้ น า ไ ป ติ ด ตั้ ง ใ ช้
ในกิจกรรมบาบัดน้าเสียที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2532 และที่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 3
พฤษภาคม 2532 เพื่อศึกษา วิจัย และพัฒนาระบบบาบัดน้าเสีย เป็นระยะเวลา 4-5 ปี
คุณสมบัติ
กังหันน้าชัยพัฒนา หรือเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้าหมุนช้าแบบทุ่นลอย (Chaipattana Low Speed
Surface Aerator) ซึ่งเป็น Model RX-2 หมายถึง Royal Experiment แบบที่ 2 มีคุณสมบัติ
ในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงถึง 1.2 กิโลกรัมของออกซิเจน/แรงม้า/ชั่วโมง สามารถนาไปใช้ในกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพ
น้าได้อย่างอเนกประสงค์ ติดตั้งง่าย เหมาะสาหรับใช้ในแหล่งน้าธรรมชาติ ได้แก่ สระน้า หนองน้า คลอง บึง ลาห้วย
ฯลฯ ที่มีความลึกมากกว่า 1.00 เมตร และมีความกว้างมากกว่า 3.00 เมตร
30
- 31. เป็ นที่ น่า ปี ติ ยิ นดี เ ป็ นล้ นพ้ นแก่ป วงพสกนิกรไทยทั้ งมวล เมื่ อ
เครื่องกลเติมอากาศ "กังหันน้าชัยพัฒนา" ได้รับการพิจารณา
และทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิ บัตรในพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 2
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 นับเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศ
เครื่องที่ 9 ของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรและเป็นครั้งแรกที่ได้มีการรับ
จดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวายแด่พระมหากษัตริย์ด้วย จึง
นั บ ได้ ว่ า สิ ท ธิ บั ต รเครื่ อ งกลเติ ม อากาศในพระปรมาภิ ไ ธย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็น
" สิ ท ธิ บั ต ร ใ น พ ร ะ ป ร ม า ภิ ไ ธ ย ข อ ง
พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์ พ ร ะ อ ง ค์ แ ร ก ใ น
ประวัติศาสตร์ชาติไทยและเป็นครั้งแรกของ
โลก"
31
- 33. ประเภทหญ้าเลี้ยงสัตว์ยังจะได้รับผลประโยชน์ในการนาไปใช้ในการจักสาน ทาดอกไม้ประดิษฐ์ น้าเสีย
จากชุมชน เป็นปัญหาหลักประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก น้าเสียเหล่านี้สามารถแก้ไขและ/
หรือปรับปรุงสภาพให้ดีขึ้นด้วยการนาไปทาการบาบัดเพื่อให้มีคุณภาพ
ที่ดีขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการบาบัดน้าเสียมีอยู่หลากหลายวิธีการ แต่เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเหล่านี้มักจะต้องใช้การลงทุนที่
ค่อนข้างสูงทั้งในด้านเครื่องจักรกลและพลังงาน รวมทั้งความยุ่งยาก ในการบารุงรักษา สาหรับเทคโนโลยีการบาบัดน้า
เสียตามแนวพระราชดารินั้น พระองค์ทรงต้องการให้เป็นเทคโนโลยีที่ง่าย สะดวก และเป็นวิธีการที่อาศัยธรรมชาติให้
ช่วยเหลือธรรมชาติด้วยกันเอง โดยการอาศัยพืชช่วยในการกรองหรือฟอกน้าให้สะอาดขึ้น อันเป็นผลมาจากพืชจะดูดซับ
ธาตุอาหารที่มีอยู่ในน้าเสียนาไปใช้ในการเจริญเติบโต และการย่อยสลายสารอินทรีย์โดยจุลินทรีย์ที่อยู่ในดินช่วยประกอบ
กัน นอกจากนี้การใช้พืชกรองน้าเสียประดิษฐ์เยื่อกระดาษ เชื้อเพลิงเขียว และป้องกันการ ชะล้างพังทลายของดินอีก
ทางหนึ่งด้วย และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการดาเนินการบาบัดน้าเสีย ที่ต้องลงทุนสูงอย่างในปัจจุบัน เทคโนโลยี
ตามแนวพระราชดารินี้ได้รับการศึกษาวิจัยและพัฒนาโดยโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอัน
เนื่องมาจากพระราชดาริ ซึ่งได้ทาการพัฒนาใช้พืชทั่วไป 3 ชนิด คือ ธูปฤๅษี กกกลม (จันทบูรณ์) และหญ้าแฝกอินเดีย
เป็นพืชที่หาได้ง่ายโดยทั่วไปและมีแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการบาบัดน้าเสียได้อีกด้วย
33
- 34. วัตถุประสงค์
1) เพื่ อ ส่ ง เสริ ม และเผยแพร่ เ ทคโนโลยี
การบาบัดน้าเสียด้วยระบบพืชกรองน้าเสีย
ให้ กั บ หน่ ว ยงานต่ า งๆ และประชาชนผู้ ที่
สนใจนาไปใช้ปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมและ
แพร่หลาย
2) เพื่อลดปัญหาสิ่ง แวดล้อมด้านน้ าเสีย ชุ มชน
ด้ วยเทคโนโลยี การบ าบั ดน้ าเสี ย ด้ วยการใช้
ระบบพืชกรองน้าเสีย
3) เพื่อพัฒนารูปแบบเทคโนโลยีการบาบัดน้าเสีย
ด้ ว ย ร ะ บ บ พื ช ก ร อ ง น้ า เ สี ย
ให้ ส ามารถน าไปปฏิ บั ติ โ ดยประหยั ด ค่ า ใช้ จ่ า ย
และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้
34
- 35. ขั้นที่ 1 การสร้างบ่อดักตะกอน
ลักษณะเทคโนโลยีระบบบาบัดน้าเสียด้วยหญ้ากรองน้าเสีย
รู ป แบบเทคโนโลยี บ าบั ด น้าเสี ย ด้ ว ยระบบพื ชกรองน้าเสี ย ที่ ไ ด้ ท าการศึ ก ษาวิ จั ย และ
พัฒนาขึ้น ยึดหลักการตามแนวพระราชดาริโดยการทาแปลงและ/หรือบ่อเพื่อกักเก็บน้าเสีย
ที่ได้จากชุมชน และปลูกพืชที่ผ่านการคัดเลือกว่าเหมาะสม 3 ชนิด คือธูปฤๅษี กกกลม
และหญ้าแฝกอินโดนีเซีย ช่วยในการบาบัดน้าเสียอาศัยการกรองน้าเสียขณะที่ไหลผ่าน
แปลงหญ้าและการปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนที่ได้จากการสังเคราะห์แสงให้กับน้าเสียนั้น
ร่วมกับการใช้ดินผสมทรายช่วยในการกรองน้าเสีย และการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดย
จุ
ลิ
น
ท
รี
ย์
ในดิ น เพื่ อ ให้ ก ารบ าบั ด น้ าเสี ย มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น ส าหรั บ เทคโนโลยี
ที่พัฒนาขึ้นจะมีลักษณะการให้น้าเสียหรือระบายน้าเสียเข้าสู่ระบบ คือ ระบบที่ให้น้าเสียขัง
ไ ว้ 5 วั น แ ล ะ ป ล่ อ ย ทิ้ ง ไ ว้ ใ ห้ แ ห้ ง 2 วั น เ พื่ อ ใ ห้ จุ ลิ น ท รี ย์ ใ น ดิ น
มีโอกาสได้พักตัว และระบายน้าที่ผ่านการบาบัดออกจากระบบโดยปล่อยระบายน้าทาง
ระบบท่อใต้ดินสู่แหล่งน้าธรรมชาติ เมื่ออายุของหญ้าครบระยะเวลาที่ใช้ในการบาบัดจะตัด
หญ้านั้นออกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบาบัดให้กับระบบ หญ้าที่ตัดออกเหล่านี้สามารถ
น า ไ ป ใ ช้ เ ลี้ ย ง สั ต ว์ ไ ด้
ซึ่งรูปแบบโดยสังเขปของเทคโนโลยีการบาบัดน้าเสียด้วยระบบหญ้ากรองน้าเสียและ
ลักษณะพืชที่ใช้ในการบาบัดน้าเสียดังแสดงในภาพที่ 1 และ 2
35
- 37. ขั้นที่ 3 การเตรียมต้นพันธุและการปลูกพืช
์
การเตรี ย มท่ อ นพั น ธุ์ พื ช การจั ด เตรี ย มท่ อ นพั น ธุ์ พื ช ที่ จ ะใช้ ป ลู ก ในแปลงระบบพื ช กรองน้ าเสี ย ด าเนิ น การไปพร้ อ มกั บ การก่ อ สร้ า งระบบฯ
ซึ่งแหล่งของท่อนพันธุ์พืชจาพวกธูปฤๅษีสามารถหาได้จากพื้นที่ชุ่มน้าธรรมชาติทั่วไป เช่น พื้นที่ที่มีการขุดดินออกและปล่อยให้รกร้า งมีน้าท่วมขัง คูระบายน้าข้างถนน
และหนองน้าเป็นต้น ซึ่งในการจัดเตรียมท่อนพันธุ์พืชนั้น สามารถกระทาได้เป็นลาดับดังนี้
1) เตรียมพื้นที่สาหรับการเพาะชาและอนุบาลท่อนพันธุ์พืช ซึ่งอาจใช้แปลงขนาดเล็กๆ หรือใช้ถุงพลาสติกสีดาขนาด 8 นิ้ว
พร้อมทั้งใส่ดินที่ค่อนข้างเหลวลงไป
2) ถอนหรือขุดต้นพืชที่จะใช้ชาท่อนพันธุ์จากแหล่งพันธุ์ที่จัดหาไว้
3) ตัดแต่งต้นและรากต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์ให้มีความยาวประมาณ 1 ฟุต (ภาพที่ 7)
4) นาไปปักชาลงในแปลงหรือถุงเพาะชาที่จัดเตรียมไว้
5) ดูแลรักษาด้วยการให้น้าเสียเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อให้ต้นพืชปรับสภาพตนเองก่อนการนาไปปลูก
37
- 42. ทรัพยากรป่าไม้ คืออะไร ?
ป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ได้บริโภคใช้สอย ได้ประกอบอาชีพด้านการทาไม้ เก็บของ
ป่า การอุตสาหกรรมไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้ และของป่า แต่สภาพ
ปัจจุบันมีแรงผลักดันให้เกิดการบุกรุกทาลายป่าไม้ เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทาการเกษตร ลักลอบตัดไม้ป้อน
โรงงานอุตสาหกรรม และเผ่าถ่าน นอกจากนี้ การเร่งการดาเนินงานบางโครงการ เช่น การก่อสร้าง
ถนน สร้างเขื่อน ฯลฯ ทาให้มีการตัดไม้ โดยไม่คานึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้จึงมีเนื้อที่
ลดลงตามลาดับ และบางแห่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างมาก
42
- 48. ๓) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จ. เพชรบุรี
ได้ประสบผลสาเร็จอย่างสูงในด้านการลดปัญหาการบุกรุกทาลายป่า การป้องกันไฟป่า
และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้วยการแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาแหล่งน้า
เพื่อการปลูกป่าที่เรียบง่าย ประหยัด เหมาะสมกับราษฎรที่สามารถนาไปปฏิบัติได้ด้วย
ตนเอง โดยการปลูกป่าทดแทนให้ได้ประโยชน์อเนกประสงค์
48
- 49. ๔) โครงการป่าสาธิตส่วนพระองค์ พระตาหนักสวนจิตรลดา เพื่ออนุรักษ์ รวบรวมและ
ขยายพันธุ์พฤกษชาติรวมทั้งพืชสมุนไพร เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของ
ทรัพยากรป่าไม้
๕) โครงการชุมชนพัฒนาป่าชายเลนิ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา
มีวัตถุประสงค์ที่จะทาการพัฒนาชุมชนให้มีความสานึกในความรู้ความเข้าใจในการใช้
ทรัพยากรชายฝั่ง เป็นการพัฒนาและฟื้นฟูป่าชายเลนในอีกมิติหนึ่งของการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติที่อาศัยความเกี่ยวพันและเกื้อกูลซึ่งกันและกันของมนุษย์กับ
ธรรมชาติ
49
- 50. ๖) โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนยะหริ่ง อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี
มีเป้าหมายมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพในด้านการจัดการและสงวนรักษาทรัพยากรป่าชาย
เลน มีเจตนารมย์ที่จะให้ทุกฝ่ายมีความรู้ ความเข้าใจของสมดุลระบบนิเวศชายฝั่ง และ
สร้างความร่วมมือรวมพลังกันระหว่างชุมชนและนักวิชาการที่จะปกปักรักษาและพัฒนา
ป่าชายเลนให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
50
- 51. ๗) ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธริ อ. สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
มีวัตถุประสงค์เพื่อทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของป่าพรุ
อันจะทาให้การพัฒนาพื้นที่พรุเป็นไปอย่างสอดคล้องผสมผสานกันทั้งในเรื่องการอนุรักษ์
และการพัฒนาพื้นที่เขตต่างๆ ในป่าพรุได้ดาเนินการไปพร้อมกันอย่างได้ผลดียิ่ง ทาให้
ป่าพรุได้รับการใช้ประโยชน์อย่างอเนกประสงค์ ควบคู่กับการสร้างสมดุลของระบบนิเวศ
51
- 57. ๓)การดาเนินการเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน “ป่าเตรียมสงวน”
การที่ให้เรียกว่า "ป่าเตรียมสงวน" นั้น ก็เพื่อป้องกันมิให้มีผู้บุกรุกเข้ามา
จับจองที่ดินในป่า แต่หากเรียกว่า "ป่าสงวน" แล้ว ผู้ที่อาศัยอยู่ในป่ามาเป็น
เวลานานแล้วจะถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าสงวนและถูกไล่ที่ ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อ
ทางราชการมากขึ้น โดยในส่วนของราษฎรที่อาศัยอยู่ในป่ามาเป็นเวลานาน
แล้วก็ให้ดาเนินการให้ได้รับเอกสารสิทธิ์ที่เรียกว่า สทก. เช่นเดียวกัน
แนวทางนี้จะทาให้ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจขณะเดียวกันจะช่วยลดความ
ขัดแย้งในการใช้ทรัพยากรและปัญหาทางสังคม ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวทางการ
จัดการทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ และน้า ไปพร้อมกันอย่างชาญฉลาด
57
- 66. แนวพระราชด้าริที่ส้าคัญ คือ การที่ทรงเน้นในเรื่องของ การทดลอง
ค้นคว้า และวิจัยหาพันธุ์พืชใหม่ ๆ ทั้ง พืชเศรษฐกิจ และพืชเพื่อการ
ปรับปรุงบ้ารุงดิน รวมถึงพืชสมุนไพร ตลอดจนการศึกษาเกี่ยวกับการ
ป้องกันและก้าจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
พระราชด้าริและพระราชกรณียกิจที่ส้าคัญและสมควรได้รับ
การกล่าวถึงเกี่ยวกับการผลิตทางการเกษตร ได้แก่
66
- 67. ทฤษฎีการพัฒนาการเกษตรแบบ “พึ่งตนเอง” และ “เศรษฐกิจพอเพียง”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด้าริในการจัดการ
ทรัพยากรระดับไร่นาเพื่อการพัฒนาการเกษตรแบบพึ่งตนเอง (Self
Reliance) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยทรงเน้นให้เกษตรกรสามารถ
พึ่งตนเองและช่วยเหลือตนเองเป็นหลักส้าคัญ และมีพระราชประสงค์เป็น
ประการแรก คือ การท้าให้เกษตรกร สามารถพึ่งตนเองได้ในด้านอาหาร
ก่อน เป็นอันดับแรก เช่น ข้าว พืชผัก ผลไม้ ฯลฯ
67
- 70. ขั้นที่ ๑ ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น สถานะพื้นฐานของเกษตรกร คือ มีพื้นที่น้อย ค่อนข้างยากจน อยู่ในเขตเกษตรน้าฝนเป็นหลัก โดยใน
ขั้นที่ ๑ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสถียรภาพของการผลิต เสถียรภาพด้านอาหารประจาวัน ความมั่นคงของรายได้ ความมั่นคง
ของชีวิต และความมั่นคงของชุมชนชนบท เป็นเศรษฐกิจพึ่งตนเองมากขึ้น
70
- 71. ขั้นที่ ๒ ทฤษฎีใหม่ ข้ันกลาง เมือเกษตรกรเข้ าใจในหลักการและได้ ปฏิบัติในที่ดนของ
่
ิ
ตนจนได้ ผลแล้ ว ก็ต้องเริ่มขั้นทีสอง คือ ให้ เกษตรกรรวมพลังกันในรู ปกลุ่ม หรือ
่
สหกรณ์ ร่ วมแรง ร่ วมใจกันดาเนินการในด้ าน
(๑) การผลิต เกษตรกรจะต้ องร่ วมมือในการผลิตโดยเริ่มตั้งแต่ ขั้นเตรียมดิน การหา
พันธุ์พช ปุ๋ ย การหานา และอืน ๆ เพือการเพาะปลูก
ื
้
่
่
(๒) การตลาด เมือมีผลผลิตแล้ว จะต้ องเตรียมการต่ าง ๆ เพือการขายผลผลิตให้ ได้
่
่
ประโยชน์ สูงสุ ด เช่ น การเตรียมลานตากข้ าวร่ วมกัน การจัดหายุ้งรวบรวมข้ าว เตรียม
หาเครื่องสี ข้าว ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิตให้ ได้ ราคาดี และลดค่ าใช้ จ่ายลงด้ วย
71
- 72. (๓) ความเป็ นอยู่ ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้ องมีความเป็ นอยู่ทดพอสมควร โดยมี
ี่ ี
ปัจจัยพืนฐานในการดารงชีวิต เช่ น อาหารการกินต่ าง ๆ กะปิ นาปลา เสื้อผ้า ทีพอเพียง
้
้
่
(๔) สวัสดิการ แต่ ละชุ มชนควรมีสวัสดิการและบริการทีจาเป็ น เช่ น มีสถานีอนามัย
่
เมือยามป่ วยไข้ หรือมีกองทุนไว้ ให้ ก้ ยมเพือประโยชน์ ในกิจกรรมต่ าง ๆ
่
ูื ่
(๕) การศึกษา มีโรงเรียนและชุ มชนมีบทบาทในการส่ งเสริมการศึกษา เช่ น มีกองทุน
เพือการศึกษาเล่ าเรียนให้ แก่ เยาวชนของชุ มชนเอง
่
(๖) สั งคมและศาสนา ชุ มชนควรเป็ นศูนย์ กลางในการพัฒนาสั งคมและจิตใจ
72
- 73. ขั้นที่ ๓ ทฤษฎีใหม่ ข้ันก้าวหน้ า เมือดาเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ ว เกษตรกรจะ
่
มีรายได้ ดขึน ฐานะมันคงขึน เกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้ าวหน้ าไปสู่
ี ้
่
้
ขั้นทีสามต่ อไป คือ ติดต่ อประสานงาน เพือจัดหาทุน หรือแหล่ งเงิน เช่ น ธนาคาร หรือ
่
่
บริษัทห้ างร้ านเอกชน มาช่ วยในการทาธุระกิจ การลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งนี้
ทั้งฝ่ ายเกษตรกรและฝ่ ายธนาคารกับบริษัท จะได้ รับประโยชน์ ร่วมกัน กล่าวคือ
เกษตรกรขายข้ าวได้ ในราคาสู ง (ไม่ ถูกกดราคา)
73
- 76. ในปัจจุบัน มีการทดลองวีธการเกษตรยั่งยืนในพื้นที่ศูนย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ศึกษา
ี
การพัฒนาเขาหินซ้อนฯ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ เป็นต้น มีกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นไปตาม
แนวพระราชดาริและสอดคล้องกับหลักการของเกษตรยั่งยืน ที่สาคัญได้แก่ ระบบการปลูกพืชหมุนเวียน ระบบการเกษตรแบบ
ผสมผสาน ระบบวนเกษตร และระบบเกษตรธรรมชาติ
ในปัจจุบน มีการทดลองวิธีการเกษตรยังยืนในพืนทีศูนย์ สมเด็จพระ
ั
่
้ ่
ศรีนครินทราบรมราชชนนี จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้ อนฯ
ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาพิกลทองฯ ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยฮ่ องไคร้ ฯ เป็ นต้ น มี
ุ
กิจกรรมต่ างๆ ทีเ่ ป็ นไปตามแนวพระราชดาริและสอดคล้ องกับหลักการของ
เกษตรยังยืน ทีสาคัญได้ แก่ ระบบการปลูกพืชหมุนเวียน ระบบการเกษตรแบบ
่
่
ผสมผสาน ระบบวนเกษตร และระบบเกษตรธรรมชาติ
76
- 78. ความหมายของการอนุรกษ์สิ่งแวดล้อม
ั
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Environmental Conservation)
หมายถึงการใช้สิ่งแวดล้อม อย่างมีเหตุผล เพื่ออานวยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดไปแก่มนุษย์
โดยมีแนวความคิดที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้เกิดผลอยู่ 6 ประการคือ
1. ต้องมีความรู้ในการที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่จะให้ผลแก่มนุษย์ทั้งที่ เป็นประโยชน์
และโทษ และคานึงถึงเรื่องความสูญเปล่าในการจะนาทรัพยากรธรรมชาติไปใช้
2. รักษาทรัพยากรธรรมชาติที่จาเป็นและหายากด้วยความระมัดระวัง ตระหนักเสมอ ว่าการใช้
ทรัพยากรมากเกินไปจะเป็นการไม่ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม
ฉะนั้นต้องทาให้อยู่ในสภาพเพิมพูนทั้งด้านกายภาพและเศรษฐกิจ
่
3. รักษาทรัพยากรที่ทดแทนได้ให้มีสภาพเพิ่มพูนเท่ากับอัตราที่ต้องการใช้เป็น อย่าง น้อย
78
- 79. 4. ประมาณอัตราการเปลี่ยนแปลงของประชากรได้ พิจารณาความต้องการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติเป็นสาคัญ
5. ปรับปรุงวิธีการใหม่ ๆ ในการผลิตและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพยายามค้นคว้า
สิ่งใหม่ ๆ ทดแทนการใช้ทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของ
ประชากร
6. ให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อเข้าใจถึงความสาคัญในการรักษาสมดุลธรรมชาติ ซึ่งมีผลต่อ
การทาให้สิ่งแวดล้อมอยูในสภาพทีดี โดยปรับความรู้ที่จะเผยแพร่ให้เหมาะแก่วัย คุณวุฒิ บุคคล
่
่
สถาน ที่หรือท้องถิน ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในหลักการอนุรักษ์
่
สิ่งแวดล้อม อันจะเป็นหนทางนาไปสู่อนาคตที่คาดหวังว่ามนุษย์จะได้อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี ได้
79