4. 4
ใบงานที่ 2
ให้นกเรี ยนพิจำรณำเซตในแต่ละข้อต่อไปนี้ขอใดเป็ นเซตว่ำง เซตจำกัด เซตอนันต์
ั
้
และเซตที่เท่ำกัน แล้วกำเครื่ องหมำย ลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง
คาชี้แจง
ข้ อที่
1
2
3
4
5
6
คาตอบ
เซตว่าง เซตจากัด เซตอนันต์ เซตที่เท่ ากัน
เซตที่กาหนดให้
A
A
B
A
A
A
=
=
=
=
=
=
{1, 2, 3, 4}, B = {2, 4, 5}
{2, 4, 6, 8, 10},
{x | x เป็ นจำนวนนับที่นอยกว่ำ 5}
้
{2, 4, 6, 4, 2} , B = {4, 2, 2, 6, 6}
{1, 2, 3, . . .} , B = {x | x 2}
{x I | 0 < x < 1} ,
B = {x I | x เป็ นจำนวนคู่
4 < x < 6}
A = {x R | x2 = 1} ,
B = {x I | x2 < 1}
และ
คะแนนที่ได้ = ……………………
ผูตรวจ ………………………………..
้
วันที่ ……. เดือน …………. พ.ศ. ……
5. 5
เซตที่เท่ ากัน สั บเซตและเพาเวอร์ เซต
เซตที่เท่ ากัน
เซต A เท่ำกับเซต B หมำยถึง สมำชิกทุกตัวของเซต A เป็ นสมำชิกของเซต B และ
สมำชิกทุกตัวของเซต B เป็ นสมำชิกของเซต A เขียนแทนด้วย A B
เซต A ไม่เท่ำกับเซต B หมำยถึง มีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่เป็ น
สมำชิกของเซต B หรื อมีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่งตัวของเซต B ที่ไม่เป็ นสมำชิกของเซต A เขียน
แทนด้วย A B
สับเซต
เซต A เป็ นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมำชิกทุกตัวของเซต A เป็ นสมำชิกของเซต
B เขียนแทนด้วย A B
เซต A ไม่เป็ นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ มีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่งตัวของเซต A ที่ไม่
เป็ นสมำชิกของเซต B เขียนแทนด้วย A B
ถ้ำ A = B แล้ว จะเรี ยก A ว่ำเป็ นสับเซตไม่แท้ของ B
ถ้ำ A B และ A B แล้ว จะเรี ยก A ว่ำ เป็ นสับเซตแท้ของ B
เพาเวอร์ เซต
เพำเวอร์เซตของเซต
ตัวอย่างที่ 1
กำหนดให้
A
คือ เซตของสับเซตทั้งหมดของ
A
เขียนแทนด้วย
A {a, b,c} จำนวนสมำชิกทั้งหมดของเซต A
1. {a}
6. {b, c}
3. {c}
7. {a, b, c}
4. {a, b}
มีดงนี้
ั
5. {a, c}
2. {b}
P(A)
8.
สมำชิกทั้งหมดของเซต A เรี ยกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ สับเซต และ เซตว่ำง เป็ นสับเซตของทุก
เซต รวมถึงสับเซตทุกสับเซตเป็ นสับเซตแท้ ยกเว้นตัวมันเอง
6. 6
ตัวอย่างที่ 2
กำหนดให้ A = {a, b, c}, B = {a, c, b, c}
จะเห็นว่ำ สมำชิกทุกตัวของเซต A เป็ นสมำชิกของเซต B และสมำชิกทุกตัวของเซต
สมำชิกของเซต A เรี ยกว่ำ เซต A เท่ ากับเซต B เขียนแทนด้วย A B
B
เป็ น
ตัวอย่างที่ 3
กำหนดให้ A = {2, 4, 6}, B = {x x เป็ นจำนวนคู่บวก และน้อยกว่ำ 10 }
เขียน B แบบแจกแจงสมำชิก จะได้ B = {2, 4, 6, 8} จะเห็นว่ำ มีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่งตัวของเซต
A ที่ไม่เป็ นสมำชิกของเซต B หรื อมีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่ งตัวของเซต B ที่ไม่เป็ นสมำชิกของ
เซต A ในที่น้ ี คือ 8 ซึ่งสำมำรถเขียนแทนด้วย A B
บทนิยาม สับเซต
เซต A เป็ นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ สมำชิกทุกตัวของเซต A เป็ น สมำชิกของ
เซต B เขียนแทนด้วย A B
เซต A ไม่เป็ นสับเซตของเซต B ก็ต่อเมื่อ มีสมำชิกอย่ำงน้อยหนึ่งตัวของเซต A
ที่ไม่เป็ นสมำชิกของเซต B เขียนแทนด้วย A B
จำกบทนิยำมของ “สับเซต” จึงได้ว่ำ
สับเซตของตัวเอง”
ตัวอย่างที่ 4
กำหนดให้
“
เป็ นสับเซตของทุกเซต” และ “เซตทุกเซตเป็ น
A = {1, 2, 3}, B = {1, 2, 3, 4} จะได้วำ A B
่
แต่ B A
ตัวอย่างที่ 5
กำหนดให้ S = {1, 2, 3} จะได้ว่ำ
สับเซตของเซต S ที่ไม่มีสมำชิกเลย ....................................................................
สับเซตของเซต S ที่มีสมำชิก 1 ตัว คือ ................................................................
สับเซตของเซต S ที่มีสมำชิก 2 ตัว คือ ................................................................
สับเซตของเซต S ที่มีสมำชิก 3 ตัว คือ ................................................................
ดังนั้น S มีสบเซต คือ................................................................................................
ั
…………………………………………………………………………………………..
7. 7
2k
ข้ อสังเกต
ถ้ำเซต A เป็ นเซตจำกัดและมีจำนวนสมำชิก k ตัว แล้ว เซต A มีสบเซตทั้งหมด
ั
เซต เช่น ถ้ำ n(A) = 4 เซต A จะมีจำนวนสับเซตทั้งหมดเท่ำกับ 24 16
“สับเซตแท้” และ “สับเซตไม่แท้”
จำนวนสับเซตแท้ และ จำนวนสับเซตไม่แท้
1.1 ถ้ำ A = B แล้ว จะเรี ยก A ว่ำเป็ นสับเซตไม่แท้ของ B
1.2 ถ้ำ A B และ A B แล้ว จะเรี ยก A ว่ำ เป็ นสับเซตแท้ของ B
1.3 ในกรณี ทวไป ถ้ำ A เป็ นเซตจำกัด และ n(A) = k แล้ว จำนวนสับเซตไม่แท้
ั่
ของ A และสับเซตแท้ของ A จะเป็ นดังนี้
1.3.1 จำนวนสับเซตของ A เท่ำกับ 2k เซต
1.3.2 จำนวนสับเซตไม่แท้ของ A เท่ำกับ 1 เซต
1.3.3 จำนวนสับเซตแท้ของ A เท่ำกับ 2k -1 เซต
ตัวอย่างที่ 5
กำหนดให้ A = {1, 2, 3} จะได้ว่ำ
A มีสบเซต คือ , {1}, {2}, {3}, {1, 2}, {1, 3}, {2, 3}, {1, 2, 3}
ั
สับเซตแท้ของ A คือ , {1}, {2}, {3}, {1, 2}, {1, 3}, {2, 3}
จำนวนสับเซตของ A ทั้งหมดเท่ำกับ 2k = 23 = 8 เซต
จำนวนสับเซตแท้ของ A เท่ำกับ 2k -1 = 23 - 1 = 8 – 1 = 7 เซต
สมบัตของสับเซต กำหนดให้ A, B, C เป็ นเซตใด ๆ
ิ
1. A A
2. A
3.
4.
ถ้ำ A B และ B C แล้ว A C
ถ้ำ A B และ B A แล้ว A = B
บทนิยาม เพำเวอร์เซต
เพำเวอร์เซตของเซต A คือ เซตของสับเซตทั้งหมดของ A เขียนแทนด้วย
P(A) นันคือ P(A) = {x x A }
่
ตัวอย่างที่ 6 กำหนดให้ A = {a, b, c} จะได้ว่ำ
A มีสบเซตทั้งหมด คือ , {a}, {b}, {c}, {a, b}, {a, c}, {b, c}, {a, b, c}
ั
P(A) คือ ............................................................................................................
8. 8
ตอนที่ 1 ให้นกเรี ยนกำเครื่ องหมำย
ั
ข้ อที่
1
2
3
4
5
ใบงานที่ 3
ลงในช่องว่ำงแต่ละข้อต่อไปนี้ให้ถกต้อง
ู
เซตที่กาหนดให้
A
A
A
A
A
=
=
=
=
=
ความสัมพันธ์ ของเซตที่
กาหนดให้
A เป็ นสั บเซต A ไม่ เป็ นสั บ
ของเซต B เซตของเซต B
{a, b, c} , B = {a, b, d, e, f}
{1, 2, 3, 4, 6} , B = {1, 2, 3, 4, 5}
{ } , B = {1, 2, 3}
{a, b, c, d} , B = {a, b, c, e, f, g}
{1, 2, 3} , B = {1, 2, 3}
ตอนที่ 2 จงตอบคำถำมต่อไปนี้
1. เซตต่อไปนี้ มีเซตใดบ้ำงที่เท่ำกัน
(1) A = {x x สอดคล้องกับสมกำร x 2 - x = 1}
B = {x x สอดคล้องกับสมกำร x - 1 = 0}
(2) S = { n
n 25 }, เป็ นเซตของจำนวนเต็ม
n 25 },
T = {n
เป็ นเซตของจำนวนเต็ม
ตอนที่ 3 ให้นกเรี ยนเติมคำตอบลงในช่องว่ำงแต่ละข้อต่อไปนี้ให้ถกต้องสมบูรณ์
ั
ู
ข้ อที่ เซตที่กาหนดให้
1
2
3
4
สับเซตทั้งหมดของเซตที่กาหนดให้
A={ }
A = {2}
A = {2, 3}
A = {2, 3, 4}
คะแนนที่ได้ = …………………
ผูตรวจ ……………………………..
้
วันที่ ……. เดือน ……….. พ.ศ. ………
จานวนสับเซตทั้งหมด
ของเซตที่กาหนดให้
9. 9
ใบงานที่ 4
ตอนที่ 1 จงกำเครื่ องหมำย หน้ำข้อที่เห็นว่ำถูก และกำเครื่ องหมำย หน้ำข้อที่เห็นว่ำผิด
…………. 2.1 ถ้ำ A B แล้ว B A
…………..2.2 ถ้ำ A B และ a A แล้ว a B
…………..2.3 ถ้ำ A B และ B = C แล้ว A C
…………..2.4 กำหนด A = {1, 2, {2, 5}} แล้ว {2, 5} A
………….2.5 ถ้ำ A = {1, 3} แล้ว จำนวนสับเซตของ A เท่ำกับ 4 เซต
…………..2.6 ถ้ำ A = {a, b, c} แล้ว { } A
ตอนที่ 2 จงเติมคำตอบลงในช่องว่ำงแต่ละข้อต่อไปนี้ให้ถกต้องสมบูรณ์
ู
1. กำหนด A = {6} จะได้ P(A) = ……………………………………………..
2. กำหนด A = {7, 5} จะได้ P(A) = ………………………………………….
3. กำหนด B = {6, 7, 9} จะได้ P(B) = ………………………………………...
………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………
4. ถ้ำ A = {2} จงหำ P(P(A))
P(P(A)) = …………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………
5.
ถ้ำ
A
เป็ นเซตที่มีสมำชิก
6
ตัวแล้ว
P(A)
คะแนนที่ได้ = …………………
ผูตรวจ ……………………………..
้
วันที่ ……. เดือน ……….. พ.ศ. ………
จะมีสมำชิก ………………. ตัว
10. 10
ยูเนียนของเซต อินเตอร์ เซกชั นของเซต คอมพลีเมนต์ ของเซต และ
ผลต่ างของเซต
บทนิยาม ยูเนียน
ยูเนียนของเซต A และเซต B คือเซตที่ประกอบด้วยสมำชิกของเซต A หรื อ
ของเซต B หรื อทั้งสองเซต ยูเนียนของเซต A และเซต B เขียนแทนด้วย A B สัญลักษณ์
ยูเนียนของเซต A และเซต B คือ
A B = {x | x A หรื อ x B หรื อ x เป็ นสมำชิกของทั้งสองเซต}
ตัวอย่าง กำหนดให้
A = {0, 1, 2, 3} และ B = {1, 3, 5, 7} จะได้ว่ำ
A B = {0, 1, 2, 3, 5, 7}
บทนิยาม อินเตอร์เซกชัน
อินเตอร์เซกชันของเซต A และเซต B คือเซตที่ประกอบด้วยสมำชิกที่อยูท้งใน
่ ั
เซต A และเซต B อินเตอร์เซกชันของเซต A และเซต B เขียนแทนด้วย A B สัญลักษณ์
อินเตอร์เซกชันของ A และ B คือ
A B = {x | x A และ x B }
ตัวอย่าง กำหนดให้
A
A = {a, b, c } และ B = {d, e, f} จะได้ว่ำ A B =
บทนิยาม คอมพลีเมนต์
คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตของทุกสมำชิกในเอกภพสัมพัทธ์ U ที่ไม่อยูใน
่
เขียนแทนคอมพลีเมนต์ของเซต A ด้วย A/ สัญลักษณ์คอมพลีเมนต์ของเซต A คือ
A = {x | x U และ x A}
ตัวอย่าง กำหนดให้
U = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 } และ A = {2, 4, 6, 8}
จะได้ว่ำ A = {1, 3, 5, 7}
เซต B
B คือ
บทนิยาม ผลต่ำงของเซต
ผลต่ำงของเซต A และเซต B คือ เซตของทุกสมำชิกของเซต A ที่ไม่เป็ นสมำชิกของ
เขียนแทนผลต่ำงของเซต A และ B ด้วย A – B สัญลักษณ์ผลต่ำงของเซต A และเซต
A–B
= {x | x A
และ
x B}
11. 11
ใบงานที่ 5
ให้นกเรี ยนเติมคำตอบลงในช่องว่ำงแต่ละข้อต่อไปนี้ให้ถกต้องสมบูรณ์
ั
ู
คาชี้แจง
1)
กำหนด
U = {1, 2, 3, . . . , 30}
3)
เป็ นจำนวนที่ 8 หำรลงตัว }
B = {x | x เป็ นจำนวนที่ 7 หำรลงตัว }
จงหำ A B และ B A
วิธีทา A = …………………………...
กำหนด
A = {x | x
B
= …………………………..
A =
เป็ นจำนวนคู่บวกที่
น้อยกว่ำ 20}
{x | x เป็ นจำนวนคู่บวกที่อยูระหว่ำง
่
4 และ 16}
U = {x | x
B = {x | x2 = 16}
จงหำ A B และ B A
วิธีทา
B A = …………………………..
= ………………………….
B
A B = …………………………..
A
= ………………………….
A B = ………………………….
B A = ………………………….
กำหนด U
น้อยกว่ำ 9 }
2)
= {x | x
เป็ นจำนวนคี่บวกที่
4)
กำหนด
U = {1, 2, 3, . . . , 50}
A = {1, 2, 8} , B = {2, 4, 8, 10}
จงหำ A - B และ B - A
เป็ นจำนวนคี่บวกที่นอยกว่ำ 7}
้
B = {x | x เป็ นจำนวนคี่บวกที่นอยกว่ำ 10} วิธีทา
้
จงหำ A และ B
วิธีทา A = ………………………….
A = {x | x
B = ………………………….
คะแนนที่ได้ = …………………………
ผูตรวจ …………………………………..
้
วันที่ ……. เดือน ………….. พ.ศ. ……
A-B
= …………………….
B-A
= …………………….
12. 12
แบบฝึ กทักษะ
จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. กำหนดให้ U = {{1, 2, 3, 4, . . . , 10}, A = {1, 2, 3, 4} และ B = {1, 3, 5, 7} จงตอบ
คำถำมแต่ละข้อต่อไปนี้
(1) A A = …........................................ (2) A A = ……………………………….
(3) B B = …........................................ (4) B B = ………………………………
(5) A B = …........................................ (6) A B = ……………………………...
(7) A
= …......................................... (8) B
= ……………………………...
(9) A - B = …........................................(10) B - A = ………………………….…..
(11) A B = …......................................(12) A B = …………………….……...
(13) (A B) = ….....................................(14) (A B) = …………………….…….
(15) (A B) = …..................................... (16) A B = …………………….…….
(17) B A = …....................................... (18) (B A) = ………….………….…..
(19) (A B) = ….................................... (20) (B A) = …………………….…...
คะแนนที่ได้ = …………………………
ผูตรวจ …………………………………..
้
วันที่ ……. เดือน ………….. พ.ศ. ……
13. 13
แผนภาพของเวนน์ -ออยเลอร์
การเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไขของสมาชิก จะต้องกำหนดเซตขึ้นมำหนึ่งเซต เรี ยกว่ำ
เอกภพสัมพัทธ์
การเขียนแผนภาพแทนเซต จะช่วยให้ควำมคิดเกี่ยวกับเซตชัดเจนขึ้น ซึ่งแผนภำพที่เขียน
แทนเซตนี้เรี ยกว่ำ แผนภำพของเวนน์-ออยเลอร์
เซตที่กำหนดขึ้นโดยมีขอตกลงว่ำ จะไม่กล่ำวถึงสิ่งใดนอกเหนือไปจำกสมำชิกของเซตที่
้
กำหนดขึ้นนี้ เรี ยกว่ำ เอกภพสัมพัทธ์
ตัวอย่าง กำหนดเอกภพสัมพัทธ์เป็ นจำนวนนับ และ A = { x x เป็ นจำนวนคู่}
จะได้ว่ำ A = {2, 4, 6, . . . } ใช้สญลักษณ์ U แทนเอกภพสัมพัทธ์
ั
แผนภำพของเวนน์-ออยเลอร์ คือ แผนภำพที่ใช้แสดงควำมเกี่ยวข้องของเซต เพื่อช่วย
ในกำรคิดคำนวณหรื อแก้ปัญหำ ซึ่งตัวชื่อแผนภำพตำมชื่อของนักคณิ ตศำสตร์ คือ
เวนน์ และออยเลอร์ กำรเขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์ มีวิธีกำรเขียนดังนี้
ให้ เอกภพสัมพัทธ์ U แทนด้วยรู ปสี่เหลี่ยมผืนผ้ำหรื อรู ปปิ ดใด ๆ
เซต A, B, C, . . . ซึ่งเป็ นสับเซตของ U แทนด้วยวงกลม วงรี หรื อรู ปปิ ดอื่น ๆ
โดยให้เซต A, B, C, . . . อยูใน U
่
B =
ตัวอย่างที่ 1 กำหนด U = {1, 2, 3, . . .} , A = {1, 2, 3, 4, 5} และ
{2, 4, 6, 8} จงเขียนแผนภำพของเวนน์-ออยเลอร์ แทนเซต
วิธีทา เซต A และเซต
แทนเซต A และ B ได้ดงนี้
ั
B
มีสมำชิกร่ วมกันคือ
2
และ
4
ซึ่งสำมำรถเขียนแผนภำพ
U
A
1
6
3
5
ตัวอย่างที่
และ
2.
C = {h, i, j, k}
2
4
8
กำหนด U = {a, b, c, . . . , z},
จงเขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์
B
A = {a, b, c, d}, B = {e, f, g}
14. 14
วิธีทา เขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์ แทน
a
b
c
A, B
C
A
ได้ดงน
ั
U
d
B
e
f
C
g
h
j
i
k
เป็ นจำนวนนับที่นอยกว่ำ 20}
้
A = {x | x เป็ นจำนวนนับที่นอยกว่ำ 10}
้
B = {x | x เป็ นจำนวนคี่บวกที่นอยกว่ำ 7}
้
จงเขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์
วิธีทา จำก U = {x | x เป็ นจำนวนนับที่นอยกว่ำ 20}
้
จะได้ว่ำ U = {1, 2, 3, . . . , 19}
จำก
A = {x | x เป็ นจำนวนนับที่นอยกว่ำ 10}
้
จะได้ว่ำ A = {1, 2, 3, . . . , 9}
จำก
B = {x | x เป็ นจำนวนคี่บวกที่นอยกว่ำ 7}
้
จะได้ว่ำ
B = {1, 3, 5}
เขียนแผนภำพแทน A และ B ได้ดงนี้
ั
ตัวอย่างที่
3
กำหนด
และ
U = {x | x
U
A
2 4 8
7
1
5
3 B
6 9
15. 15
คาชี้แจง
ใบงานที่ 6
ให้นกเรี ยนเขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์ของเซตที่กำหนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้
ั
ข้ อที่
เซตที่กาหนดให้
1
กำหนด U = {ก, ข, ค, . . . ,
ฮ} , A = {ก, ข, ค, ง, จ}
และ B = {ก, ก, ข, ค, ง, จ}
2
กำหนด U =
จำนวนจริ ง}
{x | x
A = {x | x2 = 16}
B = {x | x2 = 1}
3
กำหนด
เป็ น
และ
U = {1, 2, 3, . . . } ,
A = {2, 4, 6, 8, 10}
B = {2, 3, 5, 7}
4
แผนภาพของเวนน์ -ออยเลอร์
กำหนด U =
จำนวนคู่บวก}
A = {x | x
ที่นอยกว่ำ
้
และ
{x | x
เป็ น
เป็ นจำนวนคู่บวก
10}
เป็ นจำนวนคู่บวก
ที่อยูระหว่ำง 2 กับ 20}
่
B = {x | x
คะแนนที่ได้ =
…….…ผูตรวจ………..……….….วันที่….เดือน…………พ.ศ……….
้
16. 16
ถ้ำ
และ
A
B
เป็ นเซตจำกัด จำนวนสมำชิกของเซต
n(A B)
ถ้ำ
A
และ
B
A, B
n(A B C)
เป็ นเซตจำกัดที่ไม่มีสมำชิกร่ วมกัน
(A B = )
= n(A) + n(B)
และ C เป็ นเซตจำกัด จำนวนสมำชิกของเซต
จะหำได้จำก
n(A B C)
=
หรื อ n(A B) หำได้จำก
= n(A) + n(B) – n(A B)
n(A B)
ถ้ำ
AB
ABC
หรื อ
n(A) + n(B) + n(C) – n(A B) – n(A C) – n(B C)
+ n(A B C)
ตัวอย่างที่ 1 กำหนด U = {1, 2, 3, . . . , 10}, A = {1, 2, 3, 4} และ
B = {3, 4, 5, 6, 7} เขียนแผนภำพเวนน์ – ออยเลอร์ ได้ 2 แบบ คือ เขียนสมำชิกทุกตัว
U
A
8
1
2
3
4
6
5
7
9
10
B
และเขียนจำนวนสมำชิก
U
A
2
2
3
3
B
จำกแผนภำพ แสดงว่ำ n(A) = 4, n(B) = 5 และ n(U) = 10
โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับจำนวนสมำชิกของเซตจำกัด นอกจำกจะหำ
จำนวนสมำชิกของเซตโดยกำรนับแล้ว ยังมีวิธีแก้โจทย์ปัญหำอีก 2 วิธี ดังนี้
1. โดยใช้แผนภำพเวนน์ – ออยเลอร์
2. โดยใช้สูตร
17. 17
ถ้ำ
หำได้จำก
2.1
n(A B)
และ
A
B
เป็ นเซตจำกัด จำนวนสมำชิกของเซต
n(A B)
ถ้ำ
และ
A
B
n(A B C)
ถ้ำ A, B และ
จะหำได้จำก
เป็ นเซตจำกัดที่ไม่มีสมำชิกร่ วมกัน
n(A B C)
= n(A) + n(B)
ABC
หรื อ
= n(A) + n(B) + n(C) – n(A B) – n(A C)
–
ตัวอย่างที่ 2 กำหนด
(A B = )
เป็ นเซตจำกัด จำนวนสมำชิกของเซต
C
หรื อ
n(A) + n(B) – n(A B)
=
n(A B)
2.2
AB
n(B C) + n(A B C)
A = {1, 2, 3, 4, 5}
และ
B = {3, 4, 6, 7, 8}
จงหำ n(A B)
วิธีทา จำก n(A B) =
n(A) + n(B) – n(A B)
จำกโจทย์ จะได้ n(A) = 5 , n(B) = 5 , n(A B) =
แทนค่ำ
n(A B) = 5 + 5 – 2 = 8
2
ซึ่งเขียนแผนภำพได้ดงนี้
ั
U
B
A
1
2
5
3
4
6
7 8
A B = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8}
n(A B) = 8
ตัวอย่างที่ 3 กำหนด A = {1, 2, 3, 4} และ B = {5, 6 ,7} จงหำ
วิธีทา จำก
n(A B) = n(A) + n(B)
จำกโจทย์ จะได้ n(A) = 4 , n(B) = 3
แทนค่ำ
n(A B) = 4 + 3
= 7
n(A B)
18. 18
เขียนแผนภำพได้ดงนี้
ั
A
1
3
n(A B) = 7
2
4
5 6 7
กำหนด A = {1, 2, 3, 4, 5}, B = {3, 5, 6, 7} และ
{3, 6, 4, 8} จงหำ n(A B C)
วิธีทา จำก n(A B C) = n(A) + n(B) + n(C) – n(A B) – n(A C)
ตัวอย่างที่
C =
A B = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7}
B
4
– n(B C) + n(A B C)
จำกโจทย์ จะได้
n(A) = 5 , n(B) = 4 , n(C) = 4
A B = {3, 5} , n(A B) = 2
A C = {3, 4} , n(A C) = 2
B C = {3, 6} , n(B C) = 2
A B C = {3} , n(A B C) = 1
n(A B C) = 3 + 4 + 4 – 2 – 2 – 2 + 1 = 8
แทนค่ำ
เขียนแผนภำพได้ดงนี้
ั
A
B
1
2
5
U
7
3
4
6
8
จำกแผนภำพ
C
A B C = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8}
n(A B C) = 8
20
ตัวอย่างที่ 5 นักเรี ยนชั้น ม. 5 โรงเรี ยนแห่งหนึ่ง จำนวน 100 คน ได้รับรำงวัลเรี ยนดี
คน ได้รับรำงวัลมำรยำทดี 30 คน ในจำนวนนี้ได้รับรำงวัลทั้งสองประเภท 10 คนจงหำ
1. จำนวนนักเรี ยนทั้งหมดที่ได้รับรำงวัล
2. จำนวนนักเรี ยนที่ไม่ได้รับรำงวัล
19. 19
วิธีทา ให้
แทน เซตของนักเรี ยนที่ได้รับรำงวัลเรี ยนดี
B แทน เซตของนักเรี ยนที่ได้รับรำงวัลมำรยำทดี
จำกโจทย์จะได้ n(A) = 20 , n(B) = 30 , n(A B) = 10
จำก n(A B)
= n(A) + n(B) + n(A B)
แทนค่ำ n(A B) = 20 + 30 – 10
A
=
40
จำนวนนักเรี ยนที่ไม่ได้รับรำงวัล =
จำนวนนักเรี ยนทั้งหมดที่ได้รับรำงวัล
100 – 40 = 60
= 40
ซึ่งเขียนแผนภำพได้ดงนี้
ั
U
A
B
60
10
10
20
39. 39
สมบัตของการเท่ ากันของจานวนจริง
ิ
ให้ a, b จะได้ว่ำ
1. สมบัตการสะท้ อน
ิ
aa
เช่น
22
2. สมบัตการสมมาตร
ิ
ถ้ำ a b แล้ว b a
เช่น
ถ้ำ 3 2 1 แล้ว 2 1 3
3. สมบัตการถ่ ายทอด
ิ
ถ้ำ a b และ b c แล้ว a c
เช่น
22 4 และ 4 3 1 แล้ว 22 3 1
4. สมบัตการบวกด้ วยจานวนที่เท่ ากัน ถ้ำ a b แล้ว a c b c
ิ
เช่น
2 3 6 และ c 1 แล้ว (2 3) 1 6 1
5. สมบัตการคูณด้ วยจานวนทีเท่ ากัน ถ้ำ a b แล้ว ac bc
ิ
่
เช่น
4
2
2
และ c 3 แล้ว ( 4 )(3) (2)(3)
2
สมบัตของการไม่เท่ ากันของจานวนจริง
ิ
ให้
a, b, c
1. สมบัตการถ่ ายทอด
ิ
ถ้ำ a b และ b c แล้ว a c เช่น 10 5 และ 5 1 แล้ว 10 1
2. สมบัตการบวกด้ วยจานวนที่เท่ ากัน
ิ
ถ้ำ a b แล้ว a c b c
เช่น 2 > 0 ให้ c = 1 จะได้ 2 1 0 1 หรื อ 3 > 1
ให้ c = -1 จะได้ 2 (1) 0 (1) หรื อ 1 > -1
3. สมบัตการคูณด้ วยจานวนเท่ ากันที่มากกว่ าศูนย์
ิ
ถ้ำ a b และ c 0 แล้ว ac bc
40. 40
เช่น 5 > 3 ให้ c = 2 จะได้ว่ำ 5 2
3 2
หรื อ 10 > 6
ช่ วง คือ สับเซตของจำนวนจริ งที่ไม่สำมำรถเขียนแบบแจกแจงสมำชิกได้ ช่วงของ
จำนวนจริ ง a และ b เมื่อ a b แบ่งเป็ น 2 แบบ ดังนี้ คือ
1. ช่วงจำกัด มี 4 แบบต่ำงกัน โดยมีควำมหมำยและเขียนแทนได้ดวยเส้นจำนวน ดังนี้
้
1) ช่วงเปิ ด (a, b) หมำยถึง {x a x b}
a
b
2) ช่วงปิ ด [a, b] หมำยถึง {x a x b}
a
b
3) ช่วงครึ่ งเปิ ด (a, b] หมำยถึง {x a x b}
a
4) ช่วงครึ่ งเปิ ด [a, b)
หมำยถึง {x
a x b}
a
2. ช่วงอนันต์
มี 5 แบบต่ำงกัน คือ
1) ช่วง (a, ) หมำยถึง {x x a}
a
2) ช่วง [a, )
หมำยถึง {x
x a}
a
3) ช่วง (, a)
หมำยถึง {x
b
x a}
b