กฎของบอยล์

1. ภาพพื้นหลัง https://wellesley.instructure.com/courses/19236/assignments/syllabus
Joy Preeyapat Lengrabam
0854966848

2. 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและความดันของแก๊ส และคานวณ
ปริมาตรหรือความดัน โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของบอยล์
2. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊ส และคานวณ
ปริมาตรหรืออุณหภูมิ โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของชาร์ล
3. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันและอุณหภูมิของแก๊ส และคานวณ
ความดันหรืออุณหภูมิ โดยใช้ความสัมพันธ์ตามกฎของเกย์-ลูสแซก

3. ความสัมพันธ์ของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิของแก๊ส
ปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ
ปริมาตรของภาชนะที่บรรจุแก๊สนั้น
แทนด้วยสัญลักษณ์ V
หน่วยของปริมาตรที่นิยมใช้
แรงที่กระทาต่อหน่วยพื้นที่
ที่ตั้งฉากกับแรงนั้น
แทนด้วยสัญลักษณ์ P
หน่วยที่ใช้วัดความดันของแก๊ส
1 บรรยากาศ (atm)= 76 เซนติเมตรปรอท (cmHg)
= 760มิลลิเมตรปรอท (mmHg)
= 760ทอร์ (torr)
= 1.013× 𝟏𝟎𝟓
ปาสคาล(Pa)
= 14.696ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (Psi)
= 101.325นิวตันต่อตารางเมตร(N/𝐦𝟐
)
= 1.01325บาร์ (bar)
มาตราส่วนที่ใช้บอกระดับ
ความร้อน-เย็นของสาร
แทนด้วยสัญลักษณ์ T
เคลวิน (K)
องศาเซลเซียส (℃)
องศาฟาเรนไฮต์ (℉)
องศาโรเมอร์ (°R)
ลูกบาศก์เดซิเมตร (𝐝𝐦𝟑
)
ลิตร (L)
ลูกบาศก์เซนติเมตร (𝐜𝐦𝟑
)
หน่วยของอุณหภูมิที่นิยมใช้

4. การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความดันและปริมาตรของ
อากาศ
https://www.youtube.com/watch?v=XXJ2KJcjwOw

5. การทดลองศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความดันและปริมาตร
ของอากาศ
https://www.youtube.com/watch?v=XXJ2KJcjwOw

6. อภิปรายผลการทดลอง
การทดลองนี้ทาที่อุณหภูมิคงที่ และมีจานวนโมลของอากาศในกระบอกฉีดยาคงที่เมื่อ
เริ่มต้นความดันของอากาศปริมาตร 10.0 mL ในกระบอกฉีดยามีค่าเท่ากับความดันบรรยากาศ
ภายนอก
เมื่อกดก้านกระบอกฉีดยาจนทาให้ปริมาตรของอากาศในกระบอกฉีดยาลดลงเป็น 5.0 mL
แล้วปล่อยมือ ก้านกระบอกฉีดยาเลื่อนกลับออกมาจนมีปริมาตรเท่ากับปริมาตรเริ่มต้น แสดงว่า
อากาศในกระบอกฉีดยาที่ปริมาตร 5.0 mL มีความดันมากกว่าความดันบรรยากาศ
เมื่อดึงก้านกระบอกฉีดยาจนทาให้ปริมาตรของอากาศในกระบอกฉีดยาเพิ่มขึ้นเป็น 20.0 mL
แล้วปล่อยมือ ก้านกระบอกฉีดยาเลื่อนกลับเข้าไปจนมีปริมาตรเท่ากับปริมาตรเริ่มต้น แสดงว่า
อากาศในกระบอกฉีดยาที่ปริมาตร 20.0 mL มีความดันน้อยกว่าความดันบรรยากาศ

7. สรุปผลการทดลอง
ที่อุณหภูมิและจานวนโมลของอากาศคงที่ เมื่อปริมาตรของอากาศ
ลดลง ความดันของอากาศจะเพิ่มขึ้น และเมื่อปริมาตรของอากาศเพิ่มขึ้น
ความดันของอากาศจะลดลง

8. โรเบิร์ต บอยล์ (อังกฤษ: Robert Boyle; FRS;
25 มกราคม ค.ศ. 1627 – 31 ธันวาคม ค.ศ. 1691)
เป็นชาวแองโกล-ไอริช เป็นนักปรัชญาธรรมชาติ
นักเคมี นักฟิสิกส์ และนักประดิษฐ์ในช่วงคริสต์ศตวรรษ
ที่ 17
ที่มา:https://th.wikipedia.org/wiki/โรเบิร์ต_บอยล์

9. ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=g24yY64JQns

10. กฎของบอลย์(Boyle’s law)
เมื่ออุณหภูมิ(T)และจานวนโมล(n)ของแก๊สคงที่ ปริมาตร(V) จะ
แปรผกผันกับความดัน(P) เขียนแทนด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ได้ดังนี้
V 𝛼
1
𝑃
V = ค่าคงที่ x
1
𝑃
VP = ค่าคงที่

11. กฎของบอลย์(Boyle’s law)
ความสัมพันธ์ตามกฎของบอยล์ อาจเขียนอยู่ในรูปที่สามารถใช้
คานวณปริมาตรหรือความดันของแก๊สที่สองสภาวะได้ดังนี้
P1V1 = P2V2
เมื่อ P1 และ P2 คือ ความดันของแก๊สที่มีปริมาตร V1 และ V2 ตามลาดับ
ที่อุณหภูมิและจานวนโมลคงที่

13. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด

14. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2

15. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.0 atm)(100.0 cm3) = P2 (200.0 cm3)

16. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.0 atm)(100.0 cm3) = P2 (200.0 cm3)
P2 = (1.0 atm)(100.0 cm3)
(200.0 cm3)

17. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.0 atm)(100.0 cm3) = P2 (200.0 cm3)
P2 = (1.0 atm)(100.0 cm3)
(200.0 cm3)

18. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.0 atm)(100.0 cm3) = P2 (200.0 cm3)
P2 = (1.0 atm)(100.0 cm3)
(200.0 cm3)
P2 = 0.50 atm

19. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 1 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในภาชนะขนาด 100.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่
ความดัน 1.0 บรรยากาศ ณ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ถ้าแก๊สนี้บรรจุในภาชนะ
ขนาด 200.0 ลูกบาศก์เซนติเมตร ณ อุณหภูมิเดิม จะแก๊สนี้จะมีความดันเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.0 atm)(100.0 cm3) = P2 (200.0 cm3)
P2 = (1.0 atm)(100.0 cm3)
(200.0 cm3)
P2 = 0.50 atm
ดังนั้น แก๊สชนิดนี้จะมีความดัน 0.50 บรรยากาศ

21. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด

22. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2

23. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg

24. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg

25. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)
V2 = 3.0 L = 1.5 L
2.0
ดังนั้น แก๊สมีปริมาตร 1.5 ลิตร

26. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2

27. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)

28. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)

29. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)
V2 = 3.0 L
2.0

30. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)
V2 = 3.0 L = 1.5 L
2.0

31. การคานวณเกี่ยวกับกฎของบอลย์(Boyle’s law)
ตัวอย่างที่ 2 แก๊สชนิดหนึ่งบรรจุอยู่ในกระบอกสูบขนาด 2.0 ลิตร ที่ความดัน 1.5 บรรยากาศ
เมื่ออัดกระบอกสูบให้มีความดันเพิ่มขึ้นเป็น 1,520 มิลลิเมตรปรอท ที่อุณหภูมิคงที่ ปริมาตรของ
แก๊สจะเป็นเท่าใด
วิธีทา จาก P1V1 = P2V2
แทนค่าจะได้ (1.5 atm)(2.0 L) = (1,520 mmHg x 1 atm ) V2
760 mmHg
(1.5 atm)(2.0 L) = (2 atm) V2
V2 = (1.5 atm) (2.0 L)
(2.0 atm)
V2 = 3.0 L = 1.5 L
2.0
ดังนั้น แก๊สมีปริมาตร 1.5 ลิตร