รายงาน
- 1. รายงาน
เรื่อง ประติมากรรมไทย
จัดทาโดย
นายบดีพล ดวงรัศมี ชั้นม.6/3 เลขที่
6
นายเศรษฐณัฐ นามโครต ชั้นม.6/3
เลขที่ 13
นายอภิชัย เวทสรณสุธี ชั้นม.6/3 เลขที่
16
นางสาวคริษฐา จอห์นสตัน ชั้นม.6/3 เลขที่
21
นางสาวพิมลพรรณ วัฒนสุภานันต์ ชั้นม.6/3
เลขที่ 25
นางสาวสุชนาถ คล ้ายสุวรรณ ชั้นม.6/3
เลขที่ 29
เสนอ
- 2. ครูเทวารัตน์ สุธาพจน์
โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
คานา
งานประติมากรรมไทยมีการคิดในเรื่องของการนาลวดลาย
มาใช ้เพื่อความสวยความ เพื่อสร ้างสัญลักษณ์ในทางความเชื่อ
ศาสนา ที่สัมพันธ์กับคนในสังคมของแต่ละยุคสมัย
โดยโครงสร ้างของลวดลายเหล่านั้นสามารถอธิบายให ้เห็นถึง
การเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติรอบตัว
หรือการส่งต่อทางความรู ้ทางศิลปะที่มาพร ้อมกับความสัมพันธ์กั
บสังคมอื่นที่เกิดจากสังคมใดสังคมหนึ่งเปิดรับการถ่ายเทในการ
ติดต่อทางการค ้า การแลกเปลี่ยนสินค ้า ความรู ้ความเชื่อ
ศาสนา
หรือการอธิบายถึงการมีอิทธิพลจากรัฐใดรัฐหนึ่งอยู่เหนือกว่ารัฐ
เจ ้าของพื้นที่เดิม
นั่นหมายถึงตัวผลงานศิลปะนั้นไม่ใช่มาจากคนสร ้างในท ้องถิ่นเ
ท่านั้น แต่มันมาพร ้อมกับการรับอิทธิพลจากภายนอก
- 5. ๑. ช่วงศิลปะก่อนไทย
หมายถึงช่วงก่อนที่คนไทยจะรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น ยังไม่มีราชธานี
ของตนเองที่แน่นอน แบ่งออกเป็น ๓ สมัยคือ
- สมัยทวารวดี
- สมัยศรีวิชัย
- สมัยลพบุรี
๒. ช่วงศิลปะไทย
หมายถึงช่วงที่คนไทยรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นมีราชธานีที่แน่นอนแล้วแบ่ง
ออก เป็น ๕ สมัยคือ สมัยเชียงแสน สมัยสุโขทัย สมัยอู่ทอง
สมัยอยุธยา และสมัยรัตน-โกสินทร์ ประติมากรรมสมัยต่างๆ
ของไทยเหล่านี้ผ่านการหล่อหลอมและผสมผสานของวัฒนธรรม
โดยดั้งเดิมมีรากเหง ้ามาจากวัฒนธรรมอินเดีย
ต่อมาผสมผสานกับวัฒนธรรมจีนและชาติทางตะวันตก
แต่เป็นการผสมผสานด้วยความชาญฉลาดของช่างไทย
ประติมากรรมของไทยจึงยังคงรักษารูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยไ
ว ้ได้อย่าง เด่นชัด
สามารถถ่ายทอดลักษณะความงดงามความประณีตวิจิตรบรรจง
และลักษณะของความเป็นชาติไทยที่รุ่งเรืองมาแต่โบราณให้โลกประจัก
ษ์ได้ พอจะกล่าวถึงประติมากรรมในช่วงศิลปะไทยได้ ดังนี้
- ประติมากรรมไทยสมัยเชียงแสน
- ประติมากรรมไทยสมัยสุโขทัย
- ประติมากรรมไทยสมัยอู่ทองและสมัยอยุธยา
- ประติมากรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
- 6. ประวัติสถาปัตยกรรมไทย
สถาปัตยกรรมไทย มีมานานตั้งแต่ที่คนไทยเริ่มตั้งถิ่นฐาน
เป็นเวลาร่วม 4,000 ปี
บรรพบุรุษไทยได้พัฒนาและปรับปรุงรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นสิ่งจา
เป็นต่อการดารงชีวิต เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
สภาพภูมิประเทศ โดยเพิ่มเติมใส่เอกลักษณ์ความเป็นไทยเข้าไป
ซึ่งนับเป็นการแสดงออกความสามารถของบรรพบุรุษไทย
ประเภทของงานประติมากรรม
การสร้างงานประติมากรรมไทยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
สามารถจาแนกออกเป้นประเภทต่างๆ
ตามลักษณะของผลงานที่ปรากฏอยู่
โดยไม่จากัดว่าประติมากรรมเหล่านี้จะทาด้วย ปูน หิน ไม ้
หรือวัสดุทุกชนิดได้ และมีกรรมวิธีในการสร้างสรรค์อย่างไรก็ได้
แต่คานึงถึงรูปลักษณะของประติมากรรมเท่านั้น
การจาแนกประเภทของประติมากรรมลักษณะนี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น
3 ประเภท คือ
1.ประติมากรรมแบบนูนต่า ( Bas Relief )
เป็นรูปที่เป็นนูนขึ้นมาจากพื้นหรือมีพื้นหลัง รองรับ
มองเห็นได้ชัดเจนเพียงด้านเดียว คือด้านหน ้า
มีความสูงจากพื้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรูป จริง ได้แก่รูปนูนแบบเหรียญ
- 7. รูปนูนที่ใช ้ประดับตกแต่งภาชนะ หรือประดับตกแต่งอาคารทาง
สถาปัตยกรรม โบสถ์ วิหารต่างๆ พระเครื่องบางชนิด
2.ประติมากรรมแบบนูนสูง ( High Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ
ในลักษณะเช่นเดียวกับแบบ นูนต่า
แต่มีความสูงจากพื้นตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป
ทาให้เห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ
และเหมือนจริงมากกว่าแบบนูนต่าและใช ้งานแบบเดียวกับแบบนูนต่า
3.ประติมากรรมแบบลอยตัว ( Round Relief ) เป็นรูปต่าง ๆ
ที่มองเห็นได้รอบด้านหรือ ตั้งแต่ 4 ด้านขึ้นไป ได้แก่ ภาชนะต่าง ๆ
รูปเคารพต่าง ๆ พระพุทธรูป เทวรูป รูปตามคตินิยม รูปบุคคลสาคัญ
รูปสัตว์ ฯลฯ
- 8. ประเภทประติมากรรม (Sculpture)
1. การปั้น (Casting) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุ ทีเหนียว
อ่อนตัว และยึดจับตัว กันได้ดี วัสดุที่นิยมนามาใช ้ปั้น ได้แก่ ดินเหนียว
ดินน้ามัน ปูน แป้ง ขี้ผึ้ง กระดาษ หรือ ขี้เลื่อยผสมกาว เป็นต้น
2. การแกะสลัก (Carving) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่ แข็ง
เปราะ โดยอาศัย เครื่องมือ วัสดุที่นิยมนามาแกะ ได้แก่ ไม ้ หิน กระจก
แก ้ว ปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
3. การหล่อ (Molding) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ
จากวัสดุที่หลอมตัวได้และกลับแข็ง ตัวได้ โดยอาศัยแม่พิมพ์
ซึ่งสามารถทาให้เกิดผลงานที่เหมือนกันทุกประการตั้งแต่ 2 ชิ้น ขึ้นไป
วัสดุที่นิยมนามาใช ้หล่อ ได้แก่ โลหะ ปูน แป้ง แก ้ว ขี้ผึ้ง ดิน เรซิ่น
พลาสติก ฯลฯ รามะนา (ชิต เหรียญประชา)
4. การประกอบขึ้นรูป (Construction) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ
โดยนาวัสดุต่าง ๆ มา ประกอบเข้าด้วยกัน และยึดติดกันด้วยวัสดุต่าง ๆ
การเลือกวิธีการสร้างสรรค์งานประติมากรรม ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ต้องการใช ้
กร
อิทธิพลของศิลปวัฒนธรรมตะวันตกในประเทศไทย
- 9. นับจากรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ ้าอยู่หัว
ศิลปะไทยอยู่ในช่วงการปรับตัวระหว่างรูปแบบตามประเพณีนิยมกับศิลป
ะทางตะวันตกของยุโรป
แม ้ว่ายังมีการสร้างศิลปะตามแบบประเพณีนิยมอยู่บ ้างแต่ไม่มากเท่าตอ
นต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ยิ่งในสมัยรัชกาลที่ 5
เมื่อเจ ้านายและขุนนางชั้นสูงออกไปศึกษาในประเทศตะวันตก
พระมหากษัตริย์เสด็จประพาสประเทศในเอเชียและประเทศทางยุโรป
รวมทั้งการจ ้างชาวตะวันตกที่เป็นสถาปนิก จิตรกร ประติมากร
และนักวิชาการทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์
เข้ามาทางานในเมืองไทย
ศิลปะแบบตะวันตกเริ่มฝังรากลงในสังคมและวัฒนธรรมไทย
ผลักดันให้เกิดการพัฒนาแนวความคิดและวิธีการแสดงรูปแบบทางศิลป
กรรมทุกด้าน
ด้านประติมากรรม
ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา
ประติมากรรมที่สร้างขึ้นจะได้รับอิทธิพลศิลปะตะวันตก
แม ้แต่การปั้นพระพุทธรูปให้เหมือนมนุษย์ยิ่งขึ้น มีการหล่อ การปั้น
การแกะสลักพระพุทธรูปและรูปสัตว์สิงโต
มีการปั้นรูปแบบคนเหมือนจริงขึ้นเป็นรูปปั้นอนุสาวรีย์ของรัชกาลต่างๆ
งานประติมากรรมอื่นๆมักจะเป็นงานจาหลักหินอ่อนหรือหล่อสาริดส่งมา
จากยุโรป
ถือเป็นการเริ่มรับแบบอย่างการปั้นภาพเหมือนและอนุสาวรีย์ตะวันตก
- 11. - ไม่ควรสัมผัสผลงานด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือทุกครั้ง
- ทารายการระบุชนิดหินของงานนั้น ๆ เช่นหินอ่อนหรือหินเเกรนิต
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการควบคุม แสงสว่าง อุณหภูมิ
และความชื้น
-
หมั่นทาความสะอาดปัดฝุ่นด้วยแปรงขนไก่และดูดฝุ่นด้วยหัวแบบมีขนแ
ปรงอ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว
- งานประติมากรรมที่นิยมติดตั้งภายนอก
ควรย้ายมาติดตั้งภายในอาคารแทน
-
การเคลื่อนย้ายงานประติมากรรมขนาดเล็กๆในระยะทางใกล้ๆควรให้ควา
มระมัดระวังและคิดให้ดี
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหาวิธีทาความสะอาดที่ดีที่สุด
สาหรับประติมากรรมโลหะชนิดนั้น ๆ
-
การเคลื่อนย้ายงานประติมากรรมไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ในระยะทางไก
ล ๆ ควรมีผุ้ช่วยหรือว่าจ ้างผู้เชี่ยวชาญในการขนย้ายงานศิลป
ประติมากรรมโลหะ
- ไม่ควรสัมผัสผลงานด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือทุกครั้ง
- ทารายการระบุชนิดของโลหะนั้น ๆ
- 12. - ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการควบคุม แสงสว่าง อุณหภูมิ
และความชื้น
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหาวิธีทาความสะอาดที่ดีที่สุด
สาหรับประติมากรรมโลหะชนิดนั้น ๆ
- งานประติมากรรมที่นิยมติดตั้งภายนอก
ควรย้ายมาติดตั้งภายในอาคารแทน
-
การเคลื่อนย้ายงานประติมากรรมขนาดเล็กๆในระยะทางใกล้ๆควรให้ควา
มระมัดระวังและคิดให้ดี
-
การเคลื่อนย้ายงานประติมากรรมไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ในระยะทางไก
ล ๆ ควรมีผุ้ช่วยหรือว่าจ ้างผู้เชี่ยวชาญในการขนย้ายงานศิล
ทั้งประติมากรรมรูปเคารพ ประติมากรรมตกแต่ง
และประติมากรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอยผูกพันกับความเปลี่ย
นแปลงของสังคมไทยตลอด มา
นอกจากจะแสดงคุณค่าทางทัศนศิลป์
แล้วยังสะท้อนวัฒนธรรมอันดีงามของชาติในแต่ละยุคแต่ละ
สมัยออกมาด้วย ยุคสมัยของไทยนั้น
อาจแบ่งช่วงศิลปะในเชิงประวัติศาสตร์ตามหลักฐานทางโบร
- 13. ประติมากรรมเป็นผลงานศิลปกรรมที่เป็นรูปทรง ๓มิติ
ประกอบจากความสูง ความกว้างและความนูน หรือความลึก
รูปทรงนี้มีปริมาตรที่จับต้องได้และกินระวางเนื้อที่ในอากาศ
ต่างจากรูปทรง
ปริมาตรทางจิตรกรรมที่แสดงบนพื้นเรียบเป็นปริมาตรที่ลวงตา
ประติมากรรมเกิดขึ้นจากกรรมวิธีการสร้างสรรค์แบบต่างๆ เช่น
การปั้นและหล่อการแกะสลัก การฉลุหรือดุน
ประติมากรรมทั่วไปมี ๓ แบบคือ ประติมากรรมแบบลอยตัว
สามารถดูได้โดยรอบ ประติมากรรมนูน
มีพื้นรองรับสามารถดูได้เฉพาะด้านหน้าและด้านเฉียงเท่านั้น
และประติมากรรมแบบเจาะลึกลงไปในพื้น
ประติมากรรมไทยเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษโดย
ประติมากรของไทยที่ สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรับใช้สังคม
ตอบสนองความเชื่อสร้างความภูมิใจความพึงพอใจ
และค่านิยมแห่งชาติภูมิของไทย
ประติมากรรมไทยส่วนใหญ่เน้นเนื้อหาทางศาสนา
มักปรากฏอยู่ตามวัดและวัง มีขนาดตั้งแต่เล็กที่สุด เช่น
พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จนถึงขนาดใหญ่ที่สุด เช่น
พระอัจนะ หรือพระอัฏฐารส
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่กลางแปลง
มีทั้งประติมากรรมตกแต่ง ซึ่งตกแต่งศิลปวัตถุ ศิลปสถาน
เพื่อเสริมคุณค่าแก่ศิลปวัตถุหรือสถานที่นั้น
จนถึงประติมากรรมบริสุทธิ์ซึ่งเป็นประติมากรรมที่มีคุณค่าและ
๑. ช่วงศิลปะก่อนไทย
หมายถึงช่วงก่อนที่คนไทยจะรวมตัวกั
นเป็นปึกแผ่น ยังไม่มีราชธานี
ของตนเองที่แน่นอน แบ่งออกเป็น ๓
สมัยคือ - สมัยทวารวดี
- สมัยศรีวิชัย
- สมัยลพบุรี