More Related Content
Similar to 2562 final-project by-surabadee (20)
2562 final-project by-surabadee
- 1. 1
แบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ติดสุรา อยากเลิกเหล้าทาไงดี ?
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นาย สุรบดี เขียวหน่อเมือง เลขที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 นาย สุรบดี เขียวหน่อเมือง ม.6/4 เลขที่ 4
- 2. 2
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ติดสุรา อยากเลิกเหล้าทาไงดี ?
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Alcoholics want to stop drinking. What should I do?
ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์ประเภทโครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายสุรบดี เขียวหน่อเมือง
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เหล้าหรือสุราเป็นสารเสพติดที่ทาลายสมองและร่างกายของผู้ดื่มในระยะยาว ทาให้เกิดโรคแทรกซ้อน
มากมาย ทั้งโรคตับอักเสบ ตับแข็ง โรคจิตจากการติดสุรา ความดันโลหิตสูง ชักจากการเสพติดสุรา โรคเพ้อคลั่ง โรค
เลือดออกในกระเพาะอาหาร นอกจากโรคเหล่านี้แล้ว ยังมีอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ทั้งสมองเสื่อม ความจา ความคิด
และการตัดสินใจช้ากว่าปกติ แล้วไม่ใช่มีเพียงแต่ผลเสียทางร่างกาย สุรายังนามาซึ่งผลเสียทางสังคมมากมายเช่น
อุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ การทะเลาะวิวาท ฆาตกรรม และการฆ่าตัวตาย ซึ่งเหล่านนี้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ
ผลเสียจากการดื่มสุรา นามาซึ่งแนวคิดที่โครงงานเพื่อเผยแพร่ถึงวิธีการที่ผู้คนสามารถเลิกดื่มเหล้า เพื่อชีวีตที่ดีขึ้น ผู้ที่
ติดเหล้า หมายถึง ผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือหมกมุ่นอยู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มี
การดื่มอย่างต่อเนื่อง อาจมีอาการถอนสุรา (Withdrawal Symptoms) เมื่อมีการลดปริมาณการดื่มหรือเลิกดื่มผู้ติด
เหล้าเพศชายจะมีปริมาณการดื่มตั้งแต่ประมาณ 5 แก้วหรือกระป๋องหรือมากกว่านั้น ภายใน 2 ชั่วโมง ส่วนเพศหญิง
จะมีปริมาณการดื่มอย่างน้อยประมาณ 4 แก้วหรือกระป๋อง ภายใน 2 ชั่วโมง โดยปกติมาตรฐานของแอลกอฮอล์ใน
เครื่องดื่มจะอยู่ที่ 10 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ เบียร์ปริมาณ 375 มิลลิลิตร ไวน์ปริมาณ 100 มิลลิลิตร และเหล้า 30
มิลลิลิตร
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
-ให้ผู้คนตระหนักรู้ถึงจากเหล้า
-เป็นแนวทางในการเลิกดื่มเหล้า
-ให้วิธีแก่บุคคลที่ต้องการให้คนใกล้ตัวเลิกดื่มเหล้า
-ผู้คนได้มีสุขภาพที่ดีจากการเลิกเหล้า
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
โครงงานนี้จะอยู่ในรูปแบบของแหล่งเรียนรู้ที่ได้จากการศึกษาข้อมูลมา เพื่อใช้ในการเผยแพร่ให้คนได้เห็นและศึกษา
วิธีการเลิกเหล้า
- 3. 3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
หลักการและทฤษฎีได้มาจากการรวบรวมและศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือมากมาย เช่น บทความ
ทางวิชาการ ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา และเว็บไซต์ที่อ้างอิงค์ได้
หลักการของการบาบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพ
1. ไม่มีวิธีการบาบัดรักษาแบบใดเพียงแบบเดียวที่จะเหมาะกับผู้ป่วยทุกคน ควรพิจารณาถึงปัจจัย
ระหว่างผู้ป่วย สถานบาบัด วิธีการบาบัด
2. การบาบัดรักษาจาเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อให้บริการอยู่เสมอ เนื่องจากผู้ติดสารเสพติดมัก
ลังเลใจที่จะเข้าบาบัด
3. การบาบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพต้องให้ความสาคัญกับความต้องการทุกๆด้านของผู้ป่วย ไม่ใช่
เพียงให้การบาบัดรักษาเฉพาะการติดยาของผู้ป่วยเท่านั้น
4. การบาบัดรักษารายบุคคลและแผนการให้บริการบาบัดรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่าง
ต่อเนื่องและมีการปรับเปลี่ยนเมื่อจาเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าแผนการนั้นตรงตามความต้องการที่
เปลี่ยนแปลงไปของผู้ป่วย
5. การที่ผู้ป่วยยังคงมารับการบาบัดรักษาในช่วงเวลาที่นานพอนับเป็นหัวใจสาคัญของการ
บาบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพ
6. การให้บริการปรึกษาและการบาบัดทางพฤติกรรมแบบต่างๆ ถือเป็นองค์ประกอบสาคัญของการ
บาบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพสาหรับผู้ติดสารเสพติด
7. การรักษาด้วยยาเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สาคัญสาหรับการบาบัดรักษาผู้ป่วยหลายราย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเมือใช้ร่วมกับวิธีการให้บริการปรึกษาและการบาบัดทางพฤติกรรมแบบต่างๆ
8. ผู้เสพที่มีอาการทางจิตร่วมด้วย ควรได้รับการบาบัดรักษาความผิดปกติทั้งสองอย่างนี้ไปพร้อมๆ
กัน
9. การรักษาทางยาเพื่อถอนพิษสารเสพติด ถือเป็นเพียงการเริ่มต้นของการบาบัดรักษาผู้ติดยาเสพ
ติดเท่านั้นและวิธีนี้ไม่ได้ช่วยให้ผู้ป่วยเลิกเสพยาในระยะยาว
10. การบาบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพไม่จาเป็นต้องให้ผู้ป่วยสมัครใจเองก็ได้
11. เป็นการจาเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการตรวจสอบผู้ป่วยในเรื่องการเสพสารเสพติดอื่นๆ ใน
ระหว่าง
การบาบัดรักษา
12. การจะหายจากการติดสารเสพติดได้นั้นเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลายาวนาน และมักจะ
ต้องการการบาบัดรักษาแบบหลายขั้นตอนด้วย
(อ้างอิง: คู่มือปฏิบัติงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด; หลักการบาบัดและแนวทางจาก
ผลการวิจัย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546)
9รามาธิบดี_11_2554
การศึกษาทดลองเรื่องการบาบัดเพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจต่อพฤติกรรมการดื่มสุรา
ของผู้ที่เป็นโรคจิตจากสุรา ของโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์
การศึกษากึ่งทดลอง (Quasi-experimental study) ของโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา ราช
- 4. 4
นครินทร์ เรื่อง ผลการบ าบัดเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจต่อพฤติกรรมการดื่มสุรา ของผู้ที่เป็นโรคจิตจาก
สุรา
(Effect of Motivational Enhancement Therapy to Drinking Behavior among Persons
with Alcohol
induced Psychotic Disorders) ผู้เข้าร่วมการทดลองเป็นผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ ตาม
ICD-10 ว่า
เป็นโรคจิตจากสุรา (Alcohol induced Psychotic Disorders (F10.5) ที่พ้นระยะอาการถอน
พิษสุรา โดย
มีคะแนนAlcohol Withdrawal Scale (AWS) ไม่เกิน 1 คะแนน และสมัครใจเข้าร่วม จานวน 29
คน แต่ละ
คนได้รับการบาบัดเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจเป็นรายบุคคล โดยใช้คู่มือการบาบัดเพื่อเสริมสร้าง
แรงจูงใจ
ตามหลักการของการสัมภาษณ์เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจ (Motivational Interviewing ; MI) ซึ่ง
พัฒนาโดย
William R. Miller และ Stephen Rollnick, 1991 ร่วมกับขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
(Stages of
change theory) ของ Prochaska & Diclemente, 1984 โดยบาบัดที่แผนกผู้ป่วยใน 2-3 ครั้ง
ครั้งละ 30-
60นาทีและติดตามหลังจาหน่ายทุก 1เดือน 3 ครั้ง
ผลการศึกษาในด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก่อนและหลังการบาบัด
ก่อนการบาบัดพบว่ามีพฤติกรรมการดื่มสุราแบบเสี่ยงหรือดื่มแบบมีปัญหาร้อยละ100 ขั้นตอน
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอยู่ในขั้นลังเลจานวน 12 คน รองลงมาขั้นตัดสินใจจานวน 10 คน หลัง
การ
บาบัดพบว่าอยู่ในขั้นตัดสินใจจานวน 27 คน ขั้นลังเลใจและขั้นเพิกเฉยจานวน 1 คนเท่ากัน ส่วน
ในระยะ
ติดตามหลังจาหน่าย 1 เดือน พบว่า ไม่ดื่มเลยร้อยละ 96.6 และดื่มร้อยละ 3.4 และหลังจาหน่าย
3 เดือน
พบว่า ไม่ดื่มเลยร้อยละ 86.2 และดื่มร้อยละ 13.8 และร้อยละของจานวนวันที่ไม่ดื่มมากกว่า 80
ขึ้นไป
ในเดือนที่1 เท่ากับ 96.5 และเดือนที่ 2 และ 3เท่ากับ 92.1 เท่ากัน
( อ้างอิง : วารสารโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ปีที่9 ฉบับที่1 ตุลาคม 2551 –
มีนาคม 2552 )
- 5. 5
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.ศึกษาวิธีการเลิก เหล้า สุรา ยังไง
2.ศึกษาหาความรู้จากผู้ที่ติดมาก่อนแล้วเลิกยังไง
3.ลงพื้นที่สารวจกับสัมภาษณ์
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.กล้อง
2.ไมค์
งบประมาณ
-ไม่มี
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
1
6
17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
- 6. 6
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1.ผู้จัดทามีความเข้าใจในหัวข้อที่ตัวเองสนใจมากขึ้น
2.สามารถนาความรู้เผยแพร่ให้กับเพื่อนเราได้ดี
3.สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้
4.ผู้จัดทามีความเข้าใจในการทางานอย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
สถานที่ดาเนินการ
1.ชุมชน
2.สถานบาบัด
3.ร้านเหล้า
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.สุข พละ อนามัย
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1.จากเว็ปไซต์ :
https://medthai.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B
8%B4%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2/
2.จากเว็ปไซต์ :
https://www.pobpad.com/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AB%
E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E
0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89