SlideShare a Scribd company logo
1 of 71
Download to read offline
การเปลี่ยนแปลงของผัก
และผลไม้จากการแปรรูป
บทที่ 4
ผศ.ดร.ปรรัตน์ ศุภมิตรโยธิน
Fruit and vegetable
เนื้อหา
1. กลไกการเสื่อมคุณภาพของอาหาร
2. การเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้
2.1 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์
- การเกิดสีน้าตาล จากเอนไซม์
- การเปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัสจากเอนไซม์ เช่น PG, PE, PL
- การเปลี่ยนแปลงกลิ่นและรสชาติ เช่น amylase
Fruit and vegetable
2.2 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี (chemical changes)
2.2.1 การเกิด lipid oxidation
2.2.2 การเกิดสีน้าตาลที่ไม่ได้เกิดจากกิจกรรมของ
เอนไซม์ Maillard reaction
2.3 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุ เช่น คลอโรฟิลล์
แอนโทไซยานิน คาร์โรทีน
2.4 การเสื่อมคุณค่าทางโภชนาการ เช่น การสลายตัวของวิตามิน
จากปัจจัยต่างๆ
Fruit and vegetable
1. การเสื่อมคุณภาพของผักและผลไม้
การเสื่อมเสียคุณภาพของอาหาร คือ การที่อาหารมีการ
เปลี่ยนแปลงคุณภาพ ทางด้าน กายภาพ เคมี ชีวภาพ
หรือคุณภาพทางประสาทสัมผัส ที่ทาให้อาหารมีสี กลิ่น
รสชาติและเนื้อสัมผัสเปลี่ยนแปลงไป
Fruit and vegetable
กลไกหลักของการเสื่อมเสียคุณภาพ
จุลินทรีย์
เอนไซม์
เคมี
- การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์
- การผลิตสารพิษ
- ทาให้เกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ
-การเกิดสีน้าตาล
-ทาให้เกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ
-เกิดกลิ่นหืน
-เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน รีดักซัน
-สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ
-เกิดสีน้าตาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเอนไซม์
Fruit and vegetable
กายภาพ
ทางกล
-การเคลื่อนที่ของสารละลายและน้า
-เกิดผลึกน้าแข็งและการละลายของผลึกน้าแข็ง
-เปลี่ยนวัฏภาค
-เสียกลิ่นรสจากการระเหย
-การหดตัว และแตก
- บรรจุภัณฑ์แตกจากแรงดัน
-การเกิดรอยหรือบาดแผล
-การแตกหัก
Fruit and vegetable
การเสื่อมคุณภาพของผักและผลไม้
1.1 สรีรวิทยาของผักและผลไม้ เนื่องจากผักและผลไม้
ยังคงมีการหายใจ การคายน้า และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ
อยู่ตลอดเวลา การลดอุณหภูมิห้องเก็บรักษาจะช่วยลดการ
เปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง
1.2 สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่สภาพการเก็บเกี่ยว การปฏิบัติ
ภายหลังการเก็บเกี่ยว การขนถ่าย ขนส่งและการบรรจุ
รวมถึงบาดแผล โรคและแมลง ซึ่งจะส่งผลต่ออายุของผัก
และผลไม้
เกิดจากสาเหตุที่สาคัญ 2 ประการคือ
Fruit and vegetable
2. การเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้
2.1 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์
(enzymatic changes)
เอนไซม์ที่พบในเนื้อเยื่อพืชสามารถทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งที่พึง
ประสงค์และไม่พึงประสงค์
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่น การเกิดสีน้าตาล ความอ่อนตัวของ
เนื้อเยื่อ การเกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ การสูญเสียสีเขียวของคลอโรฟิลล์
และสูญเสียคุณค่าทางอาหาร
ซึ่งมีเอนไซม์และปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องแสดงในตารางที่ 4.1
Fruit and vegetable
ตารางที่ 4.1 เอนไซม์ที่สาคัญที่พบในพืช
เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา
โพลีฟีนอลออกซิเดส
(polyphenoloxidase)
เร่งการออกซิเดชันของ
สารประกอบฟีนอล
เกิดโพลิเมอร์ที่มีสีน้าตาล
โพลีกาแลกทูโรเนส
(polygalacturonase)
เร่งการสลายตัวของพันธะไกลโค
ซิดิก (glycosidic linkage)ของ
กรดโพลีกาแลกทูโลนิก
(polygalacturonic acid) ใน
โมเลกุลเพคติน
ทาให้เนื้อเยื่ออ่อนตัว
(Tissue softening)
เพคตินเนสเทอร์เลส
(pectinaseterase)
เร่งการสลายหมู่เอสเทอร์
(deesterification)ของน้าตาลกา
แลคทูโลนิก (galacturonans)ใน
โมเลกุลเพคติน
มีผลต่อความแน่นเนื้อ
(tissue firming)
Fruit and vegetable
แอสคอบิกแอซิด
ออกซิเดส
(ascorbic acid
oxidase)
เร่งการออกซิเดชันของวิตามินซี ทาให้สูญเสียคุณค่าทาง
อาหาร
คลอโรฟิลล์เลส
(Chlorophyllase)
เร่งการดึงหมู่ไฟทอลออกจาก
โมเลกุลของคลอโรฟิลล์
ทาให้สูญเสียสีเขียวของ
คลอโรฟิลล์
เอนไซม์อะมิโลไลติก
(amylolytic enzyme)
ย่อยสลายอะมิโลสและอะมิโล
เพคติน
ย่อยสลายพันธะกลูโคซิดิก
(glucosidic linkage)
เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา
ตารางที่ 4.1 เอนไซม์ที่สาคัญที่พบในพืช
Fruit and vegetable
เซลลูเลสและเฮมิ
เซลลูเลส
(cellulase and
hemicellulase)
ย่อยสลายผนังเซลล์ของพืช ย่อยสลายพันธะกลูโคซิดิก
(glucosidic linkage) และ
ไซโลซิดิก (xylosidic
linkage)
โปรติเอส (protease) ย่อยสลายโปรตีน ย่อยสลายพันธะเปปไทด์
(peptide bond)
ไลเปส และ เอสเทอร์
เลส (Lipases and
esterases)
ย่อยสลายไขมันและฟอสโฟลิปิด ย่อยสลายพันธะเอสเทอร์
(ester bond)
ไฟเตส (phytase) ทาปฏิกิริยากับไฟเตท (phytate) ปลดปล่อยหมู่ฟอสเฟต
(phosphate)
กลูโคลออกซิเดส
(glucose oxidase)
ทาปฏิกิริยาออกซิเดชันกลูโคส ได้ผลิตภัณฑ์เป็นไฮโดรเจน
เปอร์ออกไซด์ (hydrogen
peroxide)
เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา
Fruit and vegetable
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเอนไซม์
เปลี่ยนแปลงสี
Chlorophyll
ase
Lipoxygenase
Polyphenol oxidase
เปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัส
เพคตินเอสเทอเรส
พอลิกาแล็กทูโรแนส
เพกเทตไลเอส
Fruit and vegetable
2.1.1 การเกิดสีน้าตาลจากกิจกรรมของเอนไซม์
การเกิดสีน้าตาลเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับ
อาหารทั้งในระหว่างการแปรรูปและการเก็บรักษา
ซึ่งมีผลต่อความคงตัว และคุณค่าทางโภชนาการ
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมีทั้งจากกิจกรรมของเอนไซม์ ที่
เรียกว่า Enzymatic Browning และที่ไม่ได้เกิดจาก
กิจกรรมของเอนไซม์ที่เรียกว่า Non-Enzymatic
Browning
Fruit and vegetable
การเปลี่ยนแปลงที่พึงประสงค์
การเกิดสีน้าตาลของชา กาแฟ โกโก้ และผลไม้แห้ง
(ลูกเกด อินทผลัม เกาลัด)
ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาการเกิดสีน้าตาลนี้คือ
สารเมลานอยด์ดิน (melanoidins)
ที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย (antibacterial) ต้าน
เชื้อรา (antifungal) ต้านมะเร็ง (anticancer) และมีสมบัติ
ต้านออกซิเดชัน (antioxidant)
Fruit and vegetable
การเกิดสีน้าตาลเมื่อตัดแต่งผักและผลไม้ โดยเฉพาะ
ผลไม้ที่มีเนื้อสีขาว เช่น ผลแอปเปิ้ล หรือในน้าผลไม้
กลไกการเกิดสีน้าตาลสามารถอธิบายจากการ
เปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีจากกิจกรรมของเอนไซม์
polyphenol oxidase ทาปฏิกิริยากับฟีนอลในสภาวะ
ที่มีออกซิเจน
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์
Fruit and vegetable
รูปที่ 4.2 โครงสร้างของเนื้อเยื่อพืช ที่องค์ประกอบภายในเซลล์ที่
เป็นที่อยู่ของสารประกอบฟีนอลและเอนไซม์
(Toivonen and Brummell, 2008; 2)
POD -peroxidase
Fruit and vegetable
จะเห็นว่าสารประกอบฟีนอลและเอนไซม์จะสามารถ
ทาปฏิกิริยาและเกิดสารสีน้าตาลได้เมื่อผนังเซลล์เกิด
การฉีกขาด
ดังนั้นการทาให้ผนังเซลล์มีความคงตัวจะช่วยลดปัญหา
การเกิดสีน้าตาลได้
Fruit and vegetable
1)polyphenol oxidase
 การเกิดสีน้าตาลจากกิจกรรมของเอนไซม์มักเกิด
ขึ้นกับผักและผลไม้
 โดยเอนไซม์ที่เป็นตัวเร่งคือ เอนไซม์ในกลุ่มของ
พอลีฟีนอลออกซิเดส ที่ประกอบไปด้วยเอนไซม์
phenoloxidase, phenolase, monophenol oxidase,
diphenol oxidase และ tyrosinase
Fruit and vegetable
เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส
(polyphenol oxidase; PPO)
เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส (EC 1.10.3.1;
o-diphenol oxidoreductase)
เป็นเอนไซม์ออกซิโดรีดักเตส ที่สามารถไฮโดไลซ์
สารประกอบฟีนอลในสภาวะที่มีออกซิเจนเป็นตัวรับ
ไฮโดรเจนอะตอม (hydrogen acceptor)
เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดสในพืชมีน้าหนักโมเลกุล
ระหว่าง 57-62 kDa
Fruit and vegetable
เอนไซม์ในกลุ่มพอลีฟีนอลออกซิเดส
จะเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของสารประกอบฟีนอลไปเป็น
ควิโนน (quinones) ได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายเป็นโพลิเมอร์ของ
เมลานอยด์ดิน (melanoidins) ซึ่งมีสีน้าตาล
Fruit and vegetable
กิจกรรมของเอนไซม์
เอนไซม์ polyphenol oxidase มีค่า pH ที่เหมาะสมอยู่
ในช่วง 5 ถึง 7 และ pH ต่าสุดประมาณ 3 จะสูญเสีย
กิจกรรมของเอนไซม์แบบไม่ผันกลับ (irreversibly
inactivated)
เนื่องจากเอนไซม์มีโมเลกุลของทองแดง (copper) ใน
โครงสร้าง ถ้าทาปฏิกิริยากับ reagent ในการดึงหมู่
prosthetic group ออกจากโครงสร้างจะทาให้ยับยั้ง
กิจกรรมของเอนไซม์ (Fennema, 1976)
Fruit and vegetable
การควบคุมการเกิดสีน้าตาล
ที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ PPO
(1) การใช้ความร้อน
 การควบคุมการเกิดสีน้าตาลทาได้โดยการใช้ความ
ร้อน เพื่อทาลายกิจกรรมของเอนไซม์
 การทาให้เอนไซม์ที่เป็นโปรตีนเสียสภาพ ซึ่งต้องใช้ที่
อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส
Fruit and vegetable
การควบคุมการเกิดสีน้าตาล
น้าองุ่นแดงจะใช้อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เพื่อ
ทาลายเอนไซม์ที่ทาให้เกิดสีน้าตาล
การยับยั้งการทางานของเอนไซม์ PPO โดยการลวกชิ้น
เนื้อมะม่วงในน้าเดือด 85 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5
นาที สามารถยับยั้งการทางานของเอนไซม์ได้บางส่วน
(Sakho และคณะ 1998)
การให้ความร้อนแก่ผักและผลไม้ในระดับที่สูงเพียง
พอที่จะทาลายเอนไซม์เพอร์ออกซิเดส (peroxidase) ที่
นิยมใช้เป็นดัชนีในการลวก
Fruit and vegetable
คาถาม (ออกสอบแน่นอน)
การใช้วิธีการเหล่านี้ไปทาให้ลดการเกิดสีน้าตาลได้หรือไม่
และกลไกเป็นอย่างไร?
1. วิตามินซี
2. น้ามะนาว
3. น้าส้มสายชู
4. แช่น้าเกลือ
5. แช่น้า
6. การต้ม การลวก
7. บรรจุสุญญากาศ
Fruit and vegetable
1. ทางกายภาพ
ให้ความร้อน การลวกด้วยไอน้าและน้าร้อน (70-105
องศาเซลเซียส)
พาสเจอร์ไรส์ (60-85 องศาเซลเซียส)
ใช้ความเย็น การแช่เยือกแข็งที่ -18 องศาเซลเซียส
การควบคุมการเกิดสีน้าตาล
Fruit and vegetable
Chelating agent Sodium azide , Cyanide, Carbon monoxide,
Halide Salt (CaCl2, NaCl) Tropolone, Ascorbic
acid, Sorbic acid, Polycarboxylic acids (citric,
malic, tartaric, oxalic และ succinic acid),
Polyphosphate, EDTA,
ดึงออกซิเจนออก
(remove oxygen)
บรรจุสุญญากาศ แช่ในน้า น้าเชื่อม หรือน้าเกลือ
2.ทางเคมี
Fruit and vegetable
Reducing agent Ascorbic acid , Erythorbic acid, Butylated
hydroxyanisole (BHA) , Butylated hydroxytoluene
(BHT), Propyl gallate
ดึงสารฟีนอลออก
(remove of phenol)
Complexing agent (cyclodextrins, sulphate
polysaccharides, chitosan)
Enzymatic
modification
o-methyltransferase, Protocatechuate 3,4-
dioxigenase
2.ทางเคมี
Fruit and vegetable
การใช้สารซัลไซล์มีผลดีในการยับยั้งการเกิดสีน้าตาลจาก แต่
การใช้สารดังกล่าวมีผลต่อคนเป็นโรคหอบหืดจึงถูกห้ามใช้ใน
หลายผลิตภัณฑ์
ทางเลือกที่ดีในการควบคุมการเกิดสีน้าตาลคือการใช้
L-ascorbic acid หรือ erythobic acid (4-hexylresorcinol) เพื่อ
ทดแทน
Fruit and vegetable
การใช้กรดแอสคอร์บิก
หรือวิตามินซี เป็นวิธีที่นิยมในอาหาร
หลักการ
กรดแอสคอร์บิกจะทาหน้าที่เป็นสารรีดิวซ์ โดยจะรีดิวซ์ o-
quinone ให้กลับมาอยู่ในรูปของสารประกอบ ฟีนอล ก่อนที่ o-
quinone จะทาปฏิกิริยาต่อไปจนกลายเป็นสารสีน้าตาล
Ascorbic acid
Fruit and vegetable
การใช้วิตามินซี
แต่อย่างไรก็ตามกรดแอสคอร์บิกที่ใช้ในการยับยั้งการ
เกิดสีน้าตาลนี้จะถูกออกซิไดซ์ไปอยู่ในรูปของ
dehydroascorbic acid
ทาให้คุณค่าการเป็นวิตามินซีเสียไป
Fruit and vegetable
การใช้กรดซิตริก
กรดซิตริกหรือกรดมะนาว เพื่อการยับยั้งการเกิดสีน้าตาล
หลักการ
1. กรดซิตริกจะทาหน้าที่ลดค่า pH ให้ต่ากว่าค่า pH ที่เหมาะสม
ของเอนไซม์ จึงทาให้กิจกรรมของเอนไซม์ PPO ลดลง
2. กรดซิตริกยังทาหน้าที่เป็นสารคีเลท (Chelating agent)จับกับ
ทองแดงที่บริเวณเร่งของเอนไซม์ PPO เมื่อทองแดงถูกดึงออก
จะทาให้เอนไซม์ PPO ไม่สามารถทางานได้ปกติ จึงทาให้
กิจกรรมของเอนไซม์เสียไป (McCord และ Kilara, 1983)
Fruit and vegetable
ตัวอย่างงานวิจัย
งานวิจัยของ Singh (1960) ที่รายงานว่าเมื่อใช้กรด
ซิตริกไปปรับค่า pH ของเนื้อมะม่วงตีป่นให้ต่ากว่า 3.5
จะสามารถยับยั้งการทางานของเอนไซม์ PPO ได้
Fruit and vegetable
2.1.2 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุจากกิจกรรมของเอนไซม์
เอนไซม์ที่มีบทบาทสาคัญ
1) พอลีฟีนอลออกซิเดส (กล่าวไปแล้ว)
2) เอนไซม์ลิพอกซิจิเนส (lipoxygenase)
3)คลอโรฟีลเลส (Chlorophyllase)
Fruit and vegetable
2) เอนไซม์ลิพอกซิจิเนส
ชื่อ linoleate: oxygen oxidoreductase
ชื่อตามระบบของเอนไซม์ EC 1.13.11.12
เอนไซม์นี้มีผลต่อการทาลายคลอโรฟิลล์และแคโรทีนอยด์
ทาให้เกิดกลิ่นและรสชาติที่เปลี่ยนไปเนื่องจากปฏิกิริยา
ออกซิเดชัน เช่นมีกลิ่นคล้ายหญ้าแห้ง
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาออกซิเดชันที่เกิดขึ้นจะทาลายวิตามินและโปรตีนบาง
ชนิดได้
สามารถให้เกิดออกซิเดชันของกรดไขมันที่จาเป็น ได้แก่ กรด
ลิโนเลอิก ลิโนเลนิกและกรดอะราคิโดนิก
เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระและไฮโดรเปอร์ออกไซด์ทาให้
สีเขียวของคลอโรฟิลล์ หรือสีส้มและแดงของแคโรทีนอยด์
เปลี่ยนไปด้วย
Fruit and vegetable
ควรวัดเอนไซม์ลิพอกซิจิเนสในอาหารที่ผ่านการลวกก่อน
นาไปแช่แข็งเพราะมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมคุณภาพ การ
เกิดกลิ่นหืน และการสูญเสียรงควัตถุในกลุ่มของคาร์โรทีนอยด์
และคลอโรฟิลล์
เอนไซม์ลิพอกซิจิเนสสามารถยับยั้งได้โดยใช้ความร้อนที่
อุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส
แต่อย่างไรก็ตามการลวกอาจส่งผลกระทบทาให้เกิดสีน้าตาล
จากปฏิกิริยาที่ไม่ได้เกิดจากเอนไซม์ (non-enzymatic browning)
เพิ่มขึ้นจึงต้องพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
Fruit and vegetable
การลดกิจกรรมเอนไซม์โดยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน
 โดยกาจัดก๊าซออกซิเจน
 หลีกเลี่ยงการเก็บในที่มีแสง
 หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง
 การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่นบรรจุภัณฑ์ดัดแปลงสภาพ
บรรยากาศโดยปรับลดปริมาณออกซิเจนให้ต่ากว่า 1%
 สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต เช่นเมล็ดเคี้ยวมัน ถั่ว
ต่างๆ ออกซิเดชันจากไขมันได้
Fruit and vegetable
3) เอนไซม์คลอโรฟิลล์เลส
ชื่อ chlorophyll chlorophyllido-hydrolase
ชื่อตามระบบ EC 3.1.1.14
ซึ่งพบได้ในพืช
เอนไซม์นี้มีผลเร่งการตัดหมู่ไฟทิล (phytyl) ออกจากโมเลกุล
ของคลอโรฟิลล์ทาเกิดหมู่ไฟทอล (phytol) และคลอโรฟิลล์ไรด์
(chlorophyllide)
ทาให้คลอโรฟิลล์เปลี่ยนรูปจากที่ไม่ละลายน้ามาละลายน้าได้
มากขึ้น
Fruit and vegetable
รูปที่ 4.5 การเปลี่ยนแปลงคลอโรฟิลล์จากกิจกรรมของเอนไซม์
Fruit and vegetable
2.1.2 การเปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัสจากกิจกรรมของเอนไซม์
เอนไซม์เพคติเนสแบ่งได้เป็น 3 ชนิด
1) เพคตินเอสเทอเรส (PE)
2) พอลิกาแล็กทูโรแนส (PG)
3) เพกเทตไลเอส (PL)
Fruit and vegetable
1) เพคตินเอสเทอเรส (PE)
pectinesterase, Pectin pectylhydrolase, EC 3.1.1.11
จะเร่งปฏิกิริยาการไฮโดรไลซ์พันธะ methyl ester เพื่อ
แยกหมู่ methyl ออกจากสารเพคติน
ไม่ได้ย่อยสลายพันธะไกลโคซิล มีผลต่อการลดความ
แน่นเนื้อของผักและผลไม้โดยตรง
ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือกรดเพคติก (pectic acid)+เมทานอล
การผลิตไวน์จากวัตถุดิบที่มีเพคตินสูง ไวน์ที่ได้จะมีการ
ปนเปื้อนจากเมทานอลที่เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นอันตราย
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาการย่อยเพคตินโดยเอนไซม์เพคตินเอสเทอเรส (PE)
Fruit and vegetable
2) พอลิกาแล็กทูโรแนส (PG)
polygalacturonase, Poly--1,4 galacturonide
glycanohydrolase, EC 3.2.1.15
เอนไซม์นี้ทาหน้าที่ไฮโดรไลซ์พันธะไกลโคซิลในสาย
เพคติน
มีผลต่อการลดความแน่นเนื้อของผักและผลไม้
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาการย่อยสลายเพคตินโดยเอนไซม์พอลิกาแลคทูโรเนส
Fruit and vegetable
3) เพกเทตไลเอส (PL)
pectate lyase, poly--1,4 galacturonide lyase, EC
4.2.2.2)
เอนไซม์นี้ทาหน้าที่ไฮโดรไลซ์พันธะไกลโคซิลในสาย
เพคติน
ผลที่ได้คือเพคตินมีสายที่สั้นลงโดยพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้น
สายหนึ่งมีปลายรีดีวซ์และอีกสายพอลิเมอร์มีพันธะคู่
มีผลต่อการลดความแน่นเนื้อของผักและผลไม้
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาการย่อยสลายกรดเพคติคโดยเอนไซม์เพคเตทไลเอส
Fruit and vegetable
การหืน (rancidity)
การหืน (rancidity) หมายถึง การที่กลิ่นและรส
เปลี่ยนแปลงหรือเสียไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน
เป็นองค์ประกอบ การหืนของไขมันเป็นลักษณะที่ไม่
พึงประสงค์ ซึ่งการหืนอาจเกิดเนื่องจากปฏิกิริยาของ
เอนไซม์ จุลินทรีย์ และการออกซิเดชันจากออกซิเจน
ในบรรยากาศ
Fruit and vegetable
อัตราการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันขึ้นกับ
 ปัจจัยของแสง
 ความเข้มข้นของออกซิเจน
 อุณหภูมิสูง
 ตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น โลหะ (เหล็กและทองแดง) และ
water activity
 การควบคุมปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยลดการหืนของ
ไขมันและยืดอายุอาหารได้
Fruit and vegetable
2.2 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี (chemical changes)
2.2.1 การเกิด lipid oxidation
1) ปฏิกิริยาไลโพไลซีส (lipolysis)
2) ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative rancidity)
3) ปฏิกิริยาคีโตน (ketonic rancidity)
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาไลโพไลซีส (lipolysis)
 พบในขณะทอดอาหารที่มีน้าหรือมีความชื้นและใช้
อุณหภูมิสูง ปริมาณกรดไขมันอิสระที่เกิดขึ้นทาให้
เกิดควัน
 การตรวจวัดจะใช้วิธี Acid value (A.V) ค่า A.V.
 Acid Value=mgKOH ทาให้ FFA1gในไขมันเป็นกลาง
 ถ้าค่า A.V สูง แสดงว่าไตรกลีเซอร์ไรด์ถูกไฮโดรไลซ์
เป็นกรดไขมันอิสระมากทาให้เกิดการหืนมาก
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative rancidity)
 ปฏิกิริยาออโตออกซิเดชัน (autoxidation) ที่พันธะคู่ของ
กรดไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัว ทาปฏิกิริยากับออกซิเจน
 มีผลให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง และยังทาลายวิตามิน
ต่างๆที่ละลายในไขมันและน้ามันด้วย
 วัดด้วยค่า Peroxide Value (P.V)
 Peroxide Value (P.V.) = mg 2Na2SO3ไตเตรทกับไขมัน
 P.V. สูงแสดงว่า น้ามันหรือไขมันเกิดการหืนเนื่องจาก
การออกซิเดชันมาก
Fruit and vegetable
การหืนเนื่องจากปฏิกิริยาคีโตน (ketonic rancidity)
 เป็นการเกิดปฏิกิริยาจาก enzymatic oxidation ที่เกิด
ขึ้นกับไขมันที่อิ่มตัว ซึ่งจะได้สารจาพวกคีโตนเกิดขึ้น
Fruit and vegetable
2.2.2 การเกิดสีน้าตาลจากปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard
reaction)
1) early
2) advanced Maillard reaction
3) final Maillard reaction
Fruit and vegetable
ปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction)
สารเริ่มต้นต้องมี
1. amino group (NH2, protein, polypeptideสายสั้น,Lysine
เกิดได้มากสุดเพราะมี NH3 2ตัว)
2. Carbonyl group (HO-C=O )พวก aldehyde(CH2=O),
ketone(C=O) ต้องเป็น reducing sugar (monosac.ทุก
ตัว)
 หากเร่งโดยความร้อนปฏิกิริยาเร็วขึ้น
 ข้อดี เกิดสีกลิ่นในอาหารบางชนิด ข้อเสีย ไม่ต้องการ
เช่น นมผง คุณค่าทางอาหารลดลง
Fruit and vegetable
3 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุ
 3.1 คลอโรฟิลล์
รูปที่ 4.7 การเปลี่ยนรูปของคลอโรฟิลล์เป็นอนุพันธ์ในสภาวะต่างๆ (Heaton and Marangoni, 1996)
Fruit and vegetable
Chlorophyll a+b Content
Source: Nihal et al.(2006)
Fruit and vegetable
Pheophytin Content
Fruit and vegetable
3.1.2 การรักษาสีเขียวของพืชผัก
1) การใช้ด่าง
 ป้ องกันไม่ให้แมกนีเซียมในวงแหวนคลอโรฟิลล์หลุด
ออกจึงป้ องกันการเกิดปฏิกิริยาฟีโอไฟตินได้
ที่มา Zhang M. et al.,2004; 393-398.
Fruit and vegetable
2) การใช้อุณหภูมิสูงและระยะเวลาสั้น
ตารางที่ 4.4 การเปลี่ยนแปลงปริมาณคลอโรฟิลล์เอ และบี ในบล็อกโคลี่ ที่
เก็บรักษาที่ 15 องศาเซลเซียส เปรียบเทียบระหว่างชุดควบคุม และชุดที่ผ่าน
การให้ความร้อนก่อนการเก็บรักษา
Fruit and vegetable
3) การใช้เอนไซม์คลอโรฟีลเลส
 การเปลี่ยนคลอโรฟิลล์ให้เป็นคลอโรฟิลไลด์โดยการทางาน
ของเอนไซม์คลอโรฟีลเลสหรือเอสเทอร์เลส
จะมีความคงตัวมากกว่าคลอโรฟิลล์
เอนไซม์คลอโรฟิลเลสจะทางานได้ดีในสภาวะที่ตัวกลางเป็น
น้า ที่อุณหภูมิ 65-75 องศาเซลเซียส
กิจกรรมของเอนไซม์จะเสียไปเมื่อได้รับอุณหภูมิ 70oซ10 นาที
Fruit and vegetable
-CO2CH3 (Heat) +Zn2+
-CO2CH3 (Heat)
Zn-Pheophytin Pyropheophytin
Pheophytin
Zn-pyropheophytin
Chlorophylls
+Zn2+
Acid conditionH Zn
Opt. pH 4-6 LaBorde and von Elbe (1994)
Opt. pH 5
Opt. 300 ppm
New green color form of chlorophyll derivatives
(LaBorde and vonElbe, 1994 Ngo and Zhao, 2007; LaBorde and von Elbe, 1994 a,b; Canjura, et al., 1999).
110 oC for 15 minutes
4) การทาให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับโลหะ
Fruit and vegetable
3.2 แอนโทไซยานิน (Anthocyanin)
การเปลี่ยนแปลงสีตามค่าพีเอช
 ผลเชอรี่ที่มีสีแดง pH 3 จะเปลี่ยนเป็นสีน้าเงิน pH 9
ถูกทาลายได้ง่ายในการแปรรูปอาหาร
 เมื่อใช้อุณหภูมิสูง ความเข้มข้นน้าตาลสูง พีเอช
กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ต่างๆ และออกซิเจน ทาให้เร่ง
การเสื่อมสลายของเอนโทไซยานินให้เกิดเร็วขึ้น
เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาคอนเดนเซชัน (condensation)
ของเอนโทไซยานินกับสารประกอบเหล่านี้
Fruit and vegetable
 ตัวอย่างเช่น แยมสตอรเบอรีซึ่งมีสีแดง เมื่อเก็บไว้
ที่อุณหภูมิห้องนาน 2 ปี จะเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลแดง
เนื่องจากมีสารโฟลบาเฟน(phlobaphen) เกิดขึ้นใน
ระหว่างการเก็บรักษา
Fruit and vegetable
3.3 คาร์โรทีนอยด์
ในระหว่างการแปรรูป
 การลวกจะมีผลต่อคาร์โรทีนอยด์เพียงเล็กน้อย เพราะ
แคโรทีนอยด์อยู่ในรูปที่ไม่ละลายน้า การลวกจะช่วย
รักษาแคโรทีนอยด์เพราะจะคงตัวได้ดีในอาหารแช่เยือก
แข็งและอาหารบรรจุกระป๋ อง
 การทาแห้งจะทาลายแคโนทีนอยด์เนื่องจากปฏิกิริยา
ออกซิเดชัน เช่น แครอทแห้งจะมีสีซีดลง
Fruit and vegetable
อาหารที่แคโรทีนถูกทาลายทาให้คุณค่าทางโภชนาการ
ของวิตามินเอลดลง
การเปลี่ยนแปลงสีระหว่างการแปรรูปและการเก็บ
รักษาเช่น การทาสับปะรดกระป๋ อง
การให้ความร้อนในสภาวะที่เป็นกรดจะทาให้เปลี่ยน
แคโรทีนอยด์จากทรานเป็นซีส-ไอโซเมอร์ จาก
ปฏิกิริยาไอโซเมอไรเซซันของแคโรทีนอยด์ทาให้เนื้อ
ผลไม้ซีดจางลง
Fruit and vegetable
2.3 การเสื่อมสลายของวิตามิน
เกิดจากปัจจัยต่างๆ 4 ประการ
 แสง
 ความเข้มข้นออกซิเจน
 อุณหภูมิ
 ปริมาณน้าอิสระ (water activity, aw)
Fruit and vegetable
2.3.1 การสูญเสียวิตามินซี (Ascorbic acid)
วิตามินซีเป็นสารรีดิวซิงเอเจนต์อย่างแรง (strong
reducing agent) ที่มีความคงตัวต่า สลายตัวง่ายเมื่อถูก
แสง อากาศ และความร้อน
ส่วนโลหะหนัก ทองแดงไอออนและเหล็กไอออนจะเร่ง
การสลายตัวของวิตามินซีให้เกิดเร็วขึ้น วิตามินซีในรูป
L-ascorbic acid จะมีคุณค่าทางชีวภาพแต่เมื่อถูก
เปลี่ยนเป็น D-ascorbic acid จะไม่มีคุณค่าทางชีวภาพ
หรือประโยชน์ต่อร่างกาย
Fruit and vegetable
การสลายตัวของวิตามินซี
เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อของผักและ
ผลไม้ เช่น
 เอนไซม์แอสคอบิกแอซิคออกซิเดส (ascorbic acid oxidase)
 เอนไซม์ฟีนอลเลส
 เอนไซม์ไซโทโครมออกซิเดส
 เอนไซม์ฟีนอลออกซิเดส
 เพอร์ออกซิเดส
ซึ่งเมื่อมีการปอก หั่น หรือเกิดรอช้าจะทาให้เอนไซม์สัมผัสกับ
ซับสเตรทและเร่งปฏิกิริยาการสลายตัวของวิตามินซี
Fruit and vegetable
2.3.1 การสูญเสียวิตามินบี
ตารางที่ 4.5 ปริมาณวิตามินบี (กรัมต่อกิโลกรัมน้าหนักสด) ในผักและผลไม้บางชนิด
Fruit and vegetable
วิตามินบีหนึ่ง
ไม่คงตัวต่อความร้อน ออกซิเจน pH กลางและด่าง
แต่ไม่ถูกทาลายด้วยแสง
การหุงต้มอาหารและการเก็บรักษาในสภาวะที่เป็น
กลางและด่างก็เป็นการทาลายวิตามินบีหนึ่งได้
การหุงข้าวในน้ากลั่นจะไม่สูญเสียวิตามินบีหนึ่ง แต่
การหุงด้วยน้าประปาและน้าบ่อจะสูญเสียวิตามินบีหนึ่ง
10 และ 36 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับและการซาวข้าวจะทา
ให้วิตามินบีหนึ่งเสียไปประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์
Fruit and vegetable

More Related Content

What's hot

บทที่ 2 ตารางธาตุ
บทที่ 2 ตารางธาตุบทที่ 2 ตารางธาตุ
บทที่ 2 ตารางธาตุ
Gawewat Dechaapinun
 
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventorคู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
Somchart Phaeumnart
 
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
supphawan
 
ใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิดใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิด
TANIKAN KUNTAWONG
 
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
Jariya Jaiyot
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานโครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
Nuchy Geez
 
พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์
Thida Noodaeng
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Why'o Manlika
 

What's hot (20)

บทที่ 2 ตารางธาตุ
บทที่ 2 ตารางธาตุบทที่ 2 ตารางธาตุ
บทที่ 2 ตารางธาตุ
 
รายงานการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เ...
รายงานการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เ...รายงานการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เ...
รายงานการวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์บนเครือข่ายอินเทอร์เ...
 
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
บท1พันธุกรรมเพิ่มบท1พันธุกรรมเพิ่ม
บท1พันธุกรรมเพิ่ม
 
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventorคู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
คู่มือการอบรมครู การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ด้วย MIT App Inventor
 
C3 c4-cam
C3 c4-camC3 c4-cam
C3 c4-cam
 
สารบัญ.
สารบัญ.สารบัญ.
สารบัญ.
 
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
โครงสร้างสาระวิทย์ม.2
 
โครงสร้างคลอโรพลาส
โครงสร้างคลอโรพลาสโครงสร้างคลอโรพลาส
โครงสร้างคลอโรพลาส
 
บทที่ 5 ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
บทที่ 5 ของแข็ง ของเหลว แก๊สบทที่ 5 ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
บทที่ 5 ของแข็ง ของเหลว แก๊ส
 
การวัดและประเมินผลตามการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน
การวัดและประเมินผลตามการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานการวัดและประเมินผลตามการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน
การวัดและประเมินผลตามการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน
 
ใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิดใบงานที่19ลิพิด
ใบงานที่19ลิพิด
 
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 
แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเกี่ยวกับ
แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเกี่ยวกับแบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเกี่ยวกับ
แบบสอบถามความคิดเห็นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาเกี่ยวกับ
 
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานโครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
 
Construct 2 Manual (คู่มือ Construct 2 ฉบับภาษาไทย)
Construct 2 Manual (คู่มือ Construct 2 ฉบับภาษาไทย)Construct 2 Manual (คู่มือ Construct 2 ฉบับภาษาไทย)
Construct 2 Manual (คู่มือ Construct 2 ฉบับภาษาไทย)
 
พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์พลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์
 
2 กฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยา
2 กฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยา2 กฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยา
2 กฎอัตราและอันดับของปฏิกิริยา
 
52 ตรีโกณมิติ สื่อปฏิสัมพันธ์เรื่องมุมบนวงกลมหนึ่งหน่วย
52 ตรีโกณมิติ สื่อปฏิสัมพันธ์เรื่องมุมบนวงกลมหนึ่งหน่วย52 ตรีโกณมิติ สื่อปฏิสัมพันธ์เรื่องมุมบนวงกลมหนึ่งหน่วย
52 ตรีโกณมิติ สื่อปฏิสัมพันธ์เรื่องมุมบนวงกลมหนึ่งหน่วย
 
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
สารบัญ
สารบัญสารบัญ
สารบัญ
 

Similar to 4 (9)

เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 4
เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 4เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 4
เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 4
 
6
66
6
 
6
66
6
 
6
66
6
 
3
33
3
 
3
33
3
 
Hr3 Lipid Fth 467 4
Hr3 Lipid Fth 467 4Hr3 Lipid Fth 467 4
Hr3 Lipid Fth 467 4
 
สีในอาหาร
สีในอาหารสีในอาหาร
สีในอาหาร
 
เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 3
เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 3เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 3
เธšเธ—เธ—เธตเนˆ 3
 

More from Gawewat Dechaapinun

เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
Gawewat Dechaapinun
 
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
Gawewat Dechaapinun
 
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรบทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
Gawewat Dechaapinun
 
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณบทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
Gawewat Dechaapinun
 
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรบทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
Gawewat Dechaapinun
 
Chapter 4 properties of glazes and control
Chapter 4 properties of glazes and controlChapter 4 properties of glazes and control
Chapter 4 properties of glazes and control
Gawewat Dechaapinun
 
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixturesChapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
Gawewat Dechaapinun
 

More from Gawewat Dechaapinun (20)

Chapter 5 glazes defects
Chapter 5 glazes defectsChapter 5 glazes defects
Chapter 5 glazes defects
 
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
 
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
เน€เธ—เธ„เน‚เธ™เน‚เธฅเธขเธตเธœเธฑเธเนเธฅเธฐเธœเธฅเน„เธกเน‰
 
งานนำเสนอ8
งานนำเสนอ8งานนำเสนอ8
งานนำเสนอ8
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
Chapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturingChapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturing
 
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรบทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
 
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณบทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
บทที่ ๒ ศาสนาโบราณ
 
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรบทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
บทที่ 8 แนวคิดและความเชื่อเรื่องผีในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถร
 
งานนำเสนอ7
งานนำเสนอ7งานนำเสนอ7
งานนำเสนอ7
 
งานนำเสนอ6
งานนำเสนอ6งานนำเสนอ6
งานนำเสนอ6
 
บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์
บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์
บทที่ 2 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์
 
งานนำเสนอ5
งานนำเสนอ5งานนำเสนอ5
งานนำเสนอ5
 
งานนำเสนอ4
งานนำเสนอ4งานนำเสนอ4
งานนำเสนอ4
 
Chapter 4 properties of glazes and control
Chapter 4 properties of glazes and controlChapter 4 properties of glazes and control
Chapter 4 properties of glazes and control
 
Chapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturingChapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturing
 
Chapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturingChapter 3 glaze manufacturing
Chapter 3 glaze manufacturing
 
Chapter 2.3 glaze calculations
Chapter 2.3 glaze calculationsChapter 2.3 glaze calculations
Chapter 2.3 glaze calculations
 
Chapter 2.1 glaze classifications
Chapter 2.1 glaze classificationsChapter 2.1 glaze classifications
Chapter 2.1 glaze classifications
 
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixturesChapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
Chapter 1.3 properties of glass crystalline mixtures
 

4

  • 2. Fruit and vegetable เนื้อหา 1. กลไกการเสื่อมคุณภาพของอาหาร 2. การเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้ 2.1 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ - การเกิดสีน้าตาล จากเอนไซม์ - การเปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัสจากเอนไซม์ เช่น PG, PE, PL - การเปลี่ยนแปลงกลิ่นและรสชาติ เช่น amylase
  • 3. Fruit and vegetable 2.2 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี (chemical changes) 2.2.1 การเกิด lipid oxidation 2.2.2 การเกิดสีน้าตาลที่ไม่ได้เกิดจากกิจกรรมของ เอนไซม์ Maillard reaction 2.3 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุ เช่น คลอโรฟิลล์ แอนโทไซยานิน คาร์โรทีน 2.4 การเสื่อมคุณค่าทางโภชนาการ เช่น การสลายตัวของวิตามิน จากปัจจัยต่างๆ
  • 4. Fruit and vegetable 1. การเสื่อมคุณภาพของผักและผลไม้ การเสื่อมเสียคุณภาพของอาหาร คือ การที่อาหารมีการ เปลี่ยนแปลงคุณภาพ ทางด้าน กายภาพ เคมี ชีวภาพ หรือคุณภาพทางประสาทสัมผัส ที่ทาให้อาหารมีสี กลิ่น รสชาติและเนื้อสัมผัสเปลี่ยนแปลงไป
  • 5. Fruit and vegetable กลไกหลักของการเสื่อมเสียคุณภาพ จุลินทรีย์ เอนไซม์ เคมี - การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ - การผลิตสารพิษ - ทาให้เกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ -การเกิดสีน้าตาล -ทาให้เกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ -เกิดกลิ่นหืน -เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน รีดักซัน -สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ -เกิดสีน้าตาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเอนไซม์
  • 7. Fruit and vegetable การเสื่อมคุณภาพของผักและผลไม้ 1.1 สรีรวิทยาของผักและผลไม้ เนื่องจากผักและผลไม้ ยังคงมีการหายใจ การคายน้า และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา การลดอุณหภูมิห้องเก็บรักษาจะช่วยลดการ เปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง 1.2 สิ่งแวดล้อม ตั้งแต่สภาพการเก็บเกี่ยว การปฏิบัติ ภายหลังการเก็บเกี่ยว การขนถ่าย ขนส่งและการบรรจุ รวมถึงบาดแผล โรคและแมลง ซึ่งจะส่งผลต่ออายุของผัก และผลไม้ เกิดจากสาเหตุที่สาคัญ 2 ประการคือ
  • 8. Fruit and vegetable 2. การเปลี่ยนแปลงของผักและผลไม้ 2.1 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ (enzymatic changes) เอนไซม์ที่พบในเนื้อเยื่อพืชสามารถทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งที่พึง ประสงค์และไม่พึงประสงค์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่น การเกิดสีน้าตาล ความอ่อนตัวของ เนื้อเยื่อ การเกิดกลิ่นรสที่ผิดปกติ การสูญเสียสีเขียวของคลอโรฟิลล์ และสูญเสียคุณค่าทางอาหาร ซึ่งมีเอนไซม์และปฏิกิริยาที่เกี่ยวข้องแสดงในตารางที่ 4.1
  • 9. Fruit and vegetable ตารางที่ 4.1 เอนไซม์ที่สาคัญที่พบในพืช เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา โพลีฟีนอลออกซิเดส (polyphenoloxidase) เร่งการออกซิเดชันของ สารประกอบฟีนอล เกิดโพลิเมอร์ที่มีสีน้าตาล โพลีกาแลกทูโรเนส (polygalacturonase) เร่งการสลายตัวของพันธะไกลโค ซิดิก (glycosidic linkage)ของ กรดโพลีกาแลกทูโลนิก (polygalacturonic acid) ใน โมเลกุลเพคติน ทาให้เนื้อเยื่ออ่อนตัว (Tissue softening) เพคตินเนสเทอร์เลส (pectinaseterase) เร่งการสลายหมู่เอสเทอร์ (deesterification)ของน้าตาลกา แลคทูโลนิก (galacturonans)ใน โมเลกุลเพคติน มีผลต่อความแน่นเนื้อ (tissue firming)
  • 10. Fruit and vegetable แอสคอบิกแอซิด ออกซิเดส (ascorbic acid oxidase) เร่งการออกซิเดชันของวิตามินซี ทาให้สูญเสียคุณค่าทาง อาหาร คลอโรฟิลล์เลส (Chlorophyllase) เร่งการดึงหมู่ไฟทอลออกจาก โมเลกุลของคลอโรฟิลล์ ทาให้สูญเสียสีเขียวของ คลอโรฟิลล์ เอนไซม์อะมิโลไลติก (amylolytic enzyme) ย่อยสลายอะมิโลสและอะมิโล เพคติน ย่อยสลายพันธะกลูโคซิดิก (glucosidic linkage) เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา ตารางที่ 4.1 เอนไซม์ที่สาคัญที่พบในพืช
  • 11. Fruit and vegetable เซลลูเลสและเฮมิ เซลลูเลส (cellulase and hemicellulase) ย่อยสลายผนังเซลล์ของพืช ย่อยสลายพันธะกลูโคซิดิก (glucosidic linkage) และ ไซโลซิดิก (xylosidic linkage) โปรติเอส (protease) ย่อยสลายโปรตีน ย่อยสลายพันธะเปปไทด์ (peptide bond) ไลเปส และ เอสเทอร์ เลส (Lipases and esterases) ย่อยสลายไขมันและฟอสโฟลิปิด ย่อยสลายพันธะเอสเทอร์ (ester bond) ไฟเตส (phytase) ทาปฏิกิริยากับไฟเตท (phytate) ปลดปล่อยหมู่ฟอสเฟต (phosphate) กลูโคลออกซิเดส (glucose oxidase) ทาปฏิกิริยาออกซิเดชันกลูโคส ได้ผลิตภัณฑ์เป็นไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) เอนไซม์ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ผลของปฏิกิริยา
  • 12. Fruit and vegetable การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเอนไซม์ เปลี่ยนแปลงสี Chlorophyll ase Lipoxygenase Polyphenol oxidase เปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัส เพคตินเอสเทอเรส พอลิกาแล็กทูโรแนส เพกเทตไลเอส
  • 13. Fruit and vegetable 2.1.1 การเกิดสีน้าตาลจากกิจกรรมของเอนไซม์ การเกิดสีน้าตาลเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับ อาหารทั้งในระหว่างการแปรรูปและการเก็บรักษา ซึ่งมีผลต่อความคงตัว และคุณค่าทางโภชนาการ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมีทั้งจากกิจกรรมของเอนไซม์ ที่ เรียกว่า Enzymatic Browning และที่ไม่ได้เกิดจาก กิจกรรมของเอนไซม์ที่เรียกว่า Non-Enzymatic Browning
  • 14. Fruit and vegetable การเปลี่ยนแปลงที่พึงประสงค์ การเกิดสีน้าตาลของชา กาแฟ โกโก้ และผลไม้แห้ง (ลูกเกด อินทผลัม เกาลัด) ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาการเกิดสีน้าตาลนี้คือ สารเมลานอยด์ดิน (melanoidins) ที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย (antibacterial) ต้าน เชื้อรา (antifungal) ต้านมะเร็ง (anticancer) และมีสมบัติ ต้านออกซิเดชัน (antioxidant)
  • 15. Fruit and vegetable การเกิดสีน้าตาลเมื่อตัดแต่งผักและผลไม้ โดยเฉพาะ ผลไม้ที่มีเนื้อสีขาว เช่น ผลแอปเปิ้ล หรือในน้าผลไม้ กลไกการเกิดสีน้าตาลสามารถอธิบายจากการ เปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีจากกิจกรรมของเอนไซม์ polyphenol oxidase ทาปฏิกิริยากับฟีนอลในสภาวะ ที่มีออกซิเจน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์
  • 16. Fruit and vegetable รูปที่ 4.2 โครงสร้างของเนื้อเยื่อพืช ที่องค์ประกอบภายในเซลล์ที่ เป็นที่อยู่ของสารประกอบฟีนอลและเอนไซม์ (Toivonen and Brummell, 2008; 2) POD -peroxidase
  • 18. Fruit and vegetable 1)polyphenol oxidase  การเกิดสีน้าตาลจากกิจกรรมของเอนไซม์มักเกิด ขึ้นกับผักและผลไม้  โดยเอนไซม์ที่เป็นตัวเร่งคือ เอนไซม์ในกลุ่มของ พอลีฟีนอลออกซิเดส ที่ประกอบไปด้วยเอนไซม์ phenoloxidase, phenolase, monophenol oxidase, diphenol oxidase และ tyrosinase
  • 19. Fruit and vegetable เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส (polyphenol oxidase; PPO) เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดส (EC 1.10.3.1; o-diphenol oxidoreductase) เป็นเอนไซม์ออกซิโดรีดักเตส ที่สามารถไฮโดไลซ์ สารประกอบฟีนอลในสภาวะที่มีออกซิเจนเป็นตัวรับ ไฮโดรเจนอะตอม (hydrogen acceptor) เอนไซม์พอลิฟีนอลออกซิเดสในพืชมีน้าหนักโมเลกุล ระหว่าง 57-62 kDa
  • 20. Fruit and vegetable เอนไซม์ในกลุ่มพอลีฟีนอลออกซิเดส จะเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันของสารประกอบฟีนอลไปเป็น ควิโนน (quinones) ได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายเป็นโพลิเมอร์ของ เมลานอยด์ดิน (melanoidins) ซึ่งมีสีน้าตาล
  • 21. Fruit and vegetable กิจกรรมของเอนไซม์ เอนไซม์ polyphenol oxidase มีค่า pH ที่เหมาะสมอยู่ ในช่วง 5 ถึง 7 และ pH ต่าสุดประมาณ 3 จะสูญเสีย กิจกรรมของเอนไซม์แบบไม่ผันกลับ (irreversibly inactivated) เนื่องจากเอนไซม์มีโมเลกุลของทองแดง (copper) ใน โครงสร้าง ถ้าทาปฏิกิริยากับ reagent ในการดึงหมู่ prosthetic group ออกจากโครงสร้างจะทาให้ยับยั้ง กิจกรรมของเอนไซม์ (Fennema, 1976)
  • 22. Fruit and vegetable การควบคุมการเกิดสีน้าตาล ที่เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ PPO (1) การใช้ความร้อน  การควบคุมการเกิดสีน้าตาลทาได้โดยการใช้ความ ร้อน เพื่อทาลายกิจกรรมของเอนไซม์  การทาให้เอนไซม์ที่เป็นโปรตีนเสียสภาพ ซึ่งต้องใช้ที่ อุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส
  • 23. Fruit and vegetable การควบคุมการเกิดสีน้าตาล น้าองุ่นแดงจะใช้อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เพื่อ ทาลายเอนไซม์ที่ทาให้เกิดสีน้าตาล การยับยั้งการทางานของเอนไซม์ PPO โดยการลวกชิ้น เนื้อมะม่วงในน้าเดือด 85 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 นาที สามารถยับยั้งการทางานของเอนไซม์ได้บางส่วน (Sakho และคณะ 1998) การให้ความร้อนแก่ผักและผลไม้ในระดับที่สูงเพียง พอที่จะทาลายเอนไซม์เพอร์ออกซิเดส (peroxidase) ที่ นิยมใช้เป็นดัชนีในการลวก
  • 24. Fruit and vegetable คาถาม (ออกสอบแน่นอน) การใช้วิธีการเหล่านี้ไปทาให้ลดการเกิดสีน้าตาลได้หรือไม่ และกลไกเป็นอย่างไร? 1. วิตามินซี 2. น้ามะนาว 3. น้าส้มสายชู 4. แช่น้าเกลือ 5. แช่น้า 6. การต้ม การลวก 7. บรรจุสุญญากาศ
  • 25. Fruit and vegetable 1. ทางกายภาพ ให้ความร้อน การลวกด้วยไอน้าและน้าร้อน (70-105 องศาเซลเซียส) พาสเจอร์ไรส์ (60-85 องศาเซลเซียส) ใช้ความเย็น การแช่เยือกแข็งที่ -18 องศาเซลเซียส การควบคุมการเกิดสีน้าตาล
  • 26. Fruit and vegetable Chelating agent Sodium azide , Cyanide, Carbon monoxide, Halide Salt (CaCl2, NaCl) Tropolone, Ascorbic acid, Sorbic acid, Polycarboxylic acids (citric, malic, tartaric, oxalic และ succinic acid), Polyphosphate, EDTA, ดึงออกซิเจนออก (remove oxygen) บรรจุสุญญากาศ แช่ในน้า น้าเชื่อม หรือน้าเกลือ 2.ทางเคมี
  • 27. Fruit and vegetable Reducing agent Ascorbic acid , Erythorbic acid, Butylated hydroxyanisole (BHA) , Butylated hydroxytoluene (BHT), Propyl gallate ดึงสารฟีนอลออก (remove of phenol) Complexing agent (cyclodextrins, sulphate polysaccharides, chitosan) Enzymatic modification o-methyltransferase, Protocatechuate 3,4- dioxigenase 2.ทางเคมี
  • 28. Fruit and vegetable การใช้สารซัลไซล์มีผลดีในการยับยั้งการเกิดสีน้าตาลจาก แต่ การใช้สารดังกล่าวมีผลต่อคนเป็นโรคหอบหืดจึงถูกห้ามใช้ใน หลายผลิตภัณฑ์ ทางเลือกที่ดีในการควบคุมการเกิดสีน้าตาลคือการใช้ L-ascorbic acid หรือ erythobic acid (4-hexylresorcinol) เพื่อ ทดแทน
  • 29. Fruit and vegetable การใช้กรดแอสคอร์บิก หรือวิตามินซี เป็นวิธีที่นิยมในอาหาร หลักการ กรดแอสคอร์บิกจะทาหน้าที่เป็นสารรีดิวซ์ โดยจะรีดิวซ์ o- quinone ให้กลับมาอยู่ในรูปของสารประกอบ ฟีนอล ก่อนที่ o- quinone จะทาปฏิกิริยาต่อไปจนกลายเป็นสารสีน้าตาล Ascorbic acid
  • 31. Fruit and vegetable การใช้กรดซิตริก กรดซิตริกหรือกรดมะนาว เพื่อการยับยั้งการเกิดสีน้าตาล หลักการ 1. กรดซิตริกจะทาหน้าที่ลดค่า pH ให้ต่ากว่าค่า pH ที่เหมาะสม ของเอนไซม์ จึงทาให้กิจกรรมของเอนไซม์ PPO ลดลง 2. กรดซิตริกยังทาหน้าที่เป็นสารคีเลท (Chelating agent)จับกับ ทองแดงที่บริเวณเร่งของเอนไซม์ PPO เมื่อทองแดงถูกดึงออก จะทาให้เอนไซม์ PPO ไม่สามารถทางานได้ปกติ จึงทาให้ กิจกรรมของเอนไซม์เสียไป (McCord และ Kilara, 1983)
  • 32. Fruit and vegetable ตัวอย่างงานวิจัย งานวิจัยของ Singh (1960) ที่รายงานว่าเมื่อใช้กรด ซิตริกไปปรับค่า pH ของเนื้อมะม่วงตีป่นให้ต่ากว่า 3.5 จะสามารถยับยั้งการทางานของเอนไซม์ PPO ได้
  • 33. Fruit and vegetable 2.1.2 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุจากกิจกรรมของเอนไซม์ เอนไซม์ที่มีบทบาทสาคัญ 1) พอลีฟีนอลออกซิเดส (กล่าวไปแล้ว) 2) เอนไซม์ลิพอกซิจิเนส (lipoxygenase) 3)คลอโรฟีลเลส (Chlorophyllase)
  • 34. Fruit and vegetable 2) เอนไซม์ลิพอกซิจิเนส ชื่อ linoleate: oxygen oxidoreductase ชื่อตามระบบของเอนไซม์ EC 1.13.11.12 เอนไซม์นี้มีผลต่อการทาลายคลอโรฟิลล์และแคโรทีนอยด์ ทาให้เกิดกลิ่นและรสชาติที่เปลี่ยนไปเนื่องจากปฏิกิริยา ออกซิเดชัน เช่นมีกลิ่นคล้ายหญ้าแห้ง
  • 35. Fruit and vegetable ปฏิกิริยาออกซิเดชันที่เกิดขึ้นจะทาลายวิตามินและโปรตีนบาง ชนิดได้ สามารถให้เกิดออกซิเดชันของกรดไขมันที่จาเป็น ได้แก่ กรด ลิโนเลอิก ลิโนเลนิกและกรดอะราคิโดนิก เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระและไฮโดรเปอร์ออกไซด์ทาให้ สีเขียวของคลอโรฟิลล์ หรือสีส้มและแดงของแคโรทีนอยด์ เปลี่ยนไปด้วย
  • 36. Fruit and vegetable ควรวัดเอนไซม์ลิพอกซิจิเนสในอาหารที่ผ่านการลวกก่อน นาไปแช่แข็งเพราะมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมคุณภาพ การ เกิดกลิ่นหืน และการสูญเสียรงควัตถุในกลุ่มของคาร์โรทีนอยด์ และคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ลิพอกซิจิเนสสามารถยับยั้งได้โดยใช้ความร้อนที่ อุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส แต่อย่างไรก็ตามการลวกอาจส่งผลกระทบทาให้เกิดสีน้าตาล จากปฏิกิริยาที่ไม่ได้เกิดจากเอนไซม์ (non-enzymatic browning) เพิ่มขึ้นจึงต้องพิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
  • 37. Fruit and vegetable การลดกิจกรรมเอนไซม์โดยลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน  โดยกาจัดก๊าซออกซิเจน  หลีกเลี่ยงการเก็บในที่มีแสง  หลีกเลี่ยงอุณหภูมิสูง  การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่นบรรจุภัณฑ์ดัดแปลงสภาพ บรรยากาศโดยปรับลดปริมาณออกซิเจนให้ต่ากว่า 1%  สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต เช่นเมล็ดเคี้ยวมัน ถั่ว ต่างๆ ออกซิเดชันจากไขมันได้
  • 38. Fruit and vegetable 3) เอนไซม์คลอโรฟิลล์เลส ชื่อ chlorophyll chlorophyllido-hydrolase ชื่อตามระบบ EC 3.1.1.14 ซึ่งพบได้ในพืช เอนไซม์นี้มีผลเร่งการตัดหมู่ไฟทิล (phytyl) ออกจากโมเลกุล ของคลอโรฟิลล์ทาเกิดหมู่ไฟทอล (phytol) และคลอโรฟิลล์ไรด์ (chlorophyllide) ทาให้คลอโรฟิลล์เปลี่ยนรูปจากที่ไม่ละลายน้ามาละลายน้าได้ มากขึ้น
  • 39. Fruit and vegetable รูปที่ 4.5 การเปลี่ยนแปลงคลอโรฟิลล์จากกิจกรรมของเอนไซม์
  • 40. Fruit and vegetable 2.1.2 การเปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัสจากกิจกรรมของเอนไซม์ เอนไซม์เพคติเนสแบ่งได้เป็น 3 ชนิด 1) เพคตินเอสเทอเรส (PE) 2) พอลิกาแล็กทูโรแนส (PG) 3) เพกเทตไลเอส (PL)
  • 41. Fruit and vegetable 1) เพคตินเอสเทอเรส (PE) pectinesterase, Pectin pectylhydrolase, EC 3.1.1.11 จะเร่งปฏิกิริยาการไฮโดรไลซ์พันธะ methyl ester เพื่อ แยกหมู่ methyl ออกจากสารเพคติน ไม่ได้ย่อยสลายพันธะไกลโคซิล มีผลต่อการลดความ แน่นเนื้อของผักและผลไม้โดยตรง ผลิตภัณฑ์ที่ได้คือกรดเพคติก (pectic acid)+เมทานอล การผลิตไวน์จากวัตถุดิบที่มีเพคตินสูง ไวน์ที่ได้จะมีการ ปนเปื้อนจากเมทานอลที่เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นอันตราย
  • 43. Fruit and vegetable 2) พอลิกาแล็กทูโรแนส (PG) polygalacturonase, Poly--1,4 galacturonide glycanohydrolase, EC 3.2.1.15 เอนไซม์นี้ทาหน้าที่ไฮโดรไลซ์พันธะไกลโคซิลในสาย เพคติน มีผลต่อการลดความแน่นเนื้อของผักและผลไม้
  • 45. Fruit and vegetable 3) เพกเทตไลเอส (PL) pectate lyase, poly--1,4 galacturonide lyase, EC 4.2.2.2) เอนไซม์นี้ทาหน้าที่ไฮโดรไลซ์พันธะไกลโคซิลในสาย เพคติน ผลที่ได้คือเพคตินมีสายที่สั้นลงโดยพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้น สายหนึ่งมีปลายรีดีวซ์และอีกสายพอลิเมอร์มีพันธะคู่ มีผลต่อการลดความแน่นเนื้อของผักและผลไม้
  • 47. Fruit and vegetable การหืน (rancidity) การหืน (rancidity) หมายถึง การที่กลิ่นและรส เปลี่ยนแปลงหรือเสียไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมัน เป็นองค์ประกอบ การหืนของไขมันเป็นลักษณะที่ไม่ พึงประสงค์ ซึ่งการหืนอาจเกิดเนื่องจากปฏิกิริยาของ เอนไซม์ จุลินทรีย์ และการออกซิเดชันจากออกซิเจน ในบรรยากาศ
  • 48. Fruit and vegetable อัตราการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันขึ้นกับ  ปัจจัยของแสง  ความเข้มข้นของออกซิเจน  อุณหภูมิสูง  ตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น โลหะ (เหล็กและทองแดง) และ water activity  การควบคุมปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยลดการหืนของ ไขมันและยืดอายุอาหารได้
  • 49. Fruit and vegetable 2.2 การเปลี่ยนแปลงทางเคมี (chemical changes) 2.2.1 การเกิด lipid oxidation 1) ปฏิกิริยาไลโพไลซีส (lipolysis) 2) ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative rancidity) 3) ปฏิกิริยาคีโตน (ketonic rancidity)
  • 50. Fruit and vegetable ปฏิกิริยาไลโพไลซีส (lipolysis)  พบในขณะทอดอาหารที่มีน้าหรือมีความชื้นและใช้ อุณหภูมิสูง ปริมาณกรดไขมันอิสระที่เกิดขึ้นทาให้ เกิดควัน  การตรวจวัดจะใช้วิธี Acid value (A.V) ค่า A.V.  Acid Value=mgKOH ทาให้ FFA1gในไขมันเป็นกลาง  ถ้าค่า A.V สูง แสดงว่าไตรกลีเซอร์ไรด์ถูกไฮโดรไลซ์ เป็นกรดไขมันอิสระมากทาให้เกิดการหืนมาก
  • 51. Fruit and vegetable ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative rancidity)  ปฏิกิริยาออโตออกซิเดชัน (autoxidation) ที่พันธะคู่ของ กรดไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัว ทาปฏิกิริยากับออกซิเจน  มีผลให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง และยังทาลายวิตามิน ต่างๆที่ละลายในไขมันและน้ามันด้วย  วัดด้วยค่า Peroxide Value (P.V)  Peroxide Value (P.V.) = mg 2Na2SO3ไตเตรทกับไขมัน  P.V. สูงแสดงว่า น้ามันหรือไขมันเกิดการหืนเนื่องจาก การออกซิเดชันมาก
  • 52. Fruit and vegetable การหืนเนื่องจากปฏิกิริยาคีโตน (ketonic rancidity)  เป็นการเกิดปฏิกิริยาจาก enzymatic oxidation ที่เกิด ขึ้นกับไขมันที่อิ่มตัว ซึ่งจะได้สารจาพวกคีโตนเกิดขึ้น
  • 53. Fruit and vegetable 2.2.2 การเกิดสีน้าตาลจากปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction) 1) early 2) advanced Maillard reaction 3) final Maillard reaction
  • 54. Fruit and vegetable ปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction) สารเริ่มต้นต้องมี 1. amino group (NH2, protein, polypeptideสายสั้น,Lysine เกิดได้มากสุดเพราะมี NH3 2ตัว) 2. Carbonyl group (HO-C=O )พวก aldehyde(CH2=O), ketone(C=O) ต้องเป็น reducing sugar (monosac.ทุก ตัว)  หากเร่งโดยความร้อนปฏิกิริยาเร็วขึ้น  ข้อดี เกิดสีกลิ่นในอาหารบางชนิด ข้อเสีย ไม่ต้องการ เช่น นมผง คุณค่าทางอาหารลดลง
  • 55. Fruit and vegetable 3 การเปลี่ยนแปลงสีของรงควัตถุ  3.1 คลอโรฟิลล์ รูปที่ 4.7 การเปลี่ยนรูปของคลอโรฟิลล์เป็นอนุพันธ์ในสภาวะต่างๆ (Heaton and Marangoni, 1996)
  • 56. Fruit and vegetable Chlorophyll a+b Content Source: Nihal et al.(2006)
  • 58. Fruit and vegetable 3.1.2 การรักษาสีเขียวของพืชผัก 1) การใช้ด่าง  ป้ องกันไม่ให้แมกนีเซียมในวงแหวนคลอโรฟิลล์หลุด ออกจึงป้ องกันการเกิดปฏิกิริยาฟีโอไฟตินได้ ที่มา Zhang M. et al.,2004; 393-398.
  • 59. Fruit and vegetable 2) การใช้อุณหภูมิสูงและระยะเวลาสั้น ตารางที่ 4.4 การเปลี่ยนแปลงปริมาณคลอโรฟิลล์เอ และบี ในบล็อกโคลี่ ที่ เก็บรักษาที่ 15 องศาเซลเซียส เปรียบเทียบระหว่างชุดควบคุม และชุดที่ผ่าน การให้ความร้อนก่อนการเก็บรักษา
  • 60. Fruit and vegetable 3) การใช้เอนไซม์คลอโรฟีลเลส  การเปลี่ยนคลอโรฟิลล์ให้เป็นคลอโรฟิลไลด์โดยการทางาน ของเอนไซม์คลอโรฟีลเลสหรือเอสเทอร์เลส จะมีความคงตัวมากกว่าคลอโรฟิลล์ เอนไซม์คลอโรฟิลเลสจะทางานได้ดีในสภาวะที่ตัวกลางเป็น น้า ที่อุณหภูมิ 65-75 องศาเซลเซียส กิจกรรมของเอนไซม์จะเสียไปเมื่อได้รับอุณหภูมิ 70oซ10 นาที
  • 61. Fruit and vegetable -CO2CH3 (Heat) +Zn2+ -CO2CH3 (Heat) Zn-Pheophytin Pyropheophytin Pheophytin Zn-pyropheophytin Chlorophylls +Zn2+ Acid conditionH Zn Opt. pH 4-6 LaBorde and von Elbe (1994) Opt. pH 5 Opt. 300 ppm New green color form of chlorophyll derivatives (LaBorde and vonElbe, 1994 Ngo and Zhao, 2007; LaBorde and von Elbe, 1994 a,b; Canjura, et al., 1999). 110 oC for 15 minutes 4) การทาให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับโลหะ
  • 62. Fruit and vegetable 3.2 แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) การเปลี่ยนแปลงสีตามค่าพีเอช  ผลเชอรี่ที่มีสีแดง pH 3 จะเปลี่ยนเป็นสีน้าเงิน pH 9 ถูกทาลายได้ง่ายในการแปรรูปอาหาร  เมื่อใช้อุณหภูมิสูง ความเข้มข้นน้าตาลสูง พีเอช กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ต่างๆ และออกซิเจน ทาให้เร่ง การเสื่อมสลายของเอนโทไซยานินให้เกิดเร็วขึ้น เนื่องจากเกิดปฏิกิริยาคอนเดนเซชัน (condensation) ของเอนโทไซยานินกับสารประกอบเหล่านี้
  • 63. Fruit and vegetable  ตัวอย่างเช่น แยมสตอรเบอรีซึ่งมีสีแดง เมื่อเก็บไว้ ที่อุณหภูมิห้องนาน 2 ปี จะเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลแดง เนื่องจากมีสารโฟลบาเฟน(phlobaphen) เกิดขึ้นใน ระหว่างการเก็บรักษา
  • 64. Fruit and vegetable 3.3 คาร์โรทีนอยด์ ในระหว่างการแปรรูป  การลวกจะมีผลต่อคาร์โรทีนอยด์เพียงเล็กน้อย เพราะ แคโรทีนอยด์อยู่ในรูปที่ไม่ละลายน้า การลวกจะช่วย รักษาแคโรทีนอยด์เพราะจะคงตัวได้ดีในอาหารแช่เยือก แข็งและอาหารบรรจุกระป๋ อง  การทาแห้งจะทาลายแคโนทีนอยด์เนื่องจากปฏิกิริยา ออกซิเดชัน เช่น แครอทแห้งจะมีสีซีดลง
  • 65. Fruit and vegetable อาหารที่แคโรทีนถูกทาลายทาให้คุณค่าทางโภชนาการ ของวิตามินเอลดลง การเปลี่ยนแปลงสีระหว่างการแปรรูปและการเก็บ รักษาเช่น การทาสับปะรดกระป๋ อง การให้ความร้อนในสภาวะที่เป็นกรดจะทาให้เปลี่ยน แคโรทีนอยด์จากทรานเป็นซีส-ไอโซเมอร์ จาก ปฏิกิริยาไอโซเมอไรเซซันของแคโรทีนอยด์ทาให้เนื้อ ผลไม้ซีดจางลง
  • 66. Fruit and vegetable 2.3 การเสื่อมสลายของวิตามิน เกิดจากปัจจัยต่างๆ 4 ประการ  แสง  ความเข้มข้นออกซิเจน  อุณหภูมิ  ปริมาณน้าอิสระ (water activity, aw)
  • 67. Fruit and vegetable 2.3.1 การสูญเสียวิตามินซี (Ascorbic acid) วิตามินซีเป็นสารรีดิวซิงเอเจนต์อย่างแรง (strong reducing agent) ที่มีความคงตัวต่า สลายตัวง่ายเมื่อถูก แสง อากาศ และความร้อน ส่วนโลหะหนัก ทองแดงไอออนและเหล็กไอออนจะเร่ง การสลายตัวของวิตามินซีให้เกิดเร็วขึ้น วิตามินซีในรูป L-ascorbic acid จะมีคุณค่าทางชีวภาพแต่เมื่อถูก เปลี่ยนเป็น D-ascorbic acid จะไม่มีคุณค่าทางชีวภาพ หรือประโยชน์ต่อร่างกาย
  • 68. Fruit and vegetable การสลายตัวของวิตามินซี เกิดจากกิจกรรมของเอนไซม์ที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อของผักและ ผลไม้ เช่น  เอนไซม์แอสคอบิกแอซิคออกซิเดส (ascorbic acid oxidase)  เอนไซม์ฟีนอลเลส  เอนไซม์ไซโทโครมออกซิเดส  เอนไซม์ฟีนอลออกซิเดส  เพอร์ออกซิเดส ซึ่งเมื่อมีการปอก หั่น หรือเกิดรอช้าจะทาให้เอนไซม์สัมผัสกับ ซับสเตรทและเร่งปฏิกิริยาการสลายตัวของวิตามินซี
  • 69. Fruit and vegetable 2.3.1 การสูญเสียวิตามินบี ตารางที่ 4.5 ปริมาณวิตามินบี (กรัมต่อกิโลกรัมน้าหนักสด) ในผักและผลไม้บางชนิด
  • 70. Fruit and vegetable วิตามินบีหนึ่ง ไม่คงตัวต่อความร้อน ออกซิเจน pH กลางและด่าง แต่ไม่ถูกทาลายด้วยแสง การหุงต้มอาหารและการเก็บรักษาในสภาวะที่เป็น กลางและด่างก็เป็นการทาลายวิตามินบีหนึ่งได้ การหุงข้าวในน้ากลั่นจะไม่สูญเสียวิตามินบีหนึ่ง แต่ การหุงด้วยน้าประปาและน้าบ่อจะสูญเสียวิตามินบีหนึ่ง 10 และ 36 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับและการซาวข้าวจะทา ให้วิตามินบีหนึ่งเสียไปประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์