SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน เสริมสร้างปัญญาด้วยสมาธิ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นายอนพัทย์ คาแดง เลขที่ 12 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 3
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
1 นายอนพัทย์ คาแดง เลขที่ 12
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
เสริมสร้างปัญญาด้วยสมาธิ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Meditation makes be a great person
ประเภทโครงงาน เพื่อศึกษา (education)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย อนพัทย์ คาแดง
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบัน นักเรียน นักศึกษาทุกระดับชั้น หรือแม้กระทั่ง ผู้ใหญ่ที่ทางานทุกชนิด เมื่อทางานต้องให้ความสนใจ
และใส่ใจกับงาน จาเป็นต้องจดจ่อตลอดเวลา ต้องมึสมาธิในการทางานทุกชิ้นอย่างตั้งใจเพื่อที่จะให้ชิ้นงาน
ออกมาดีที่สุด
กระผมจึงเห็นความสาคัญของสมาธิเพราะการทาสมาธิไม่ใช้เพียงแค่การทาให้มีความตั้งใจมากขึ้น การทาสมาธิ
ทาให้ผู้ที่มีสมาธิมีปัญญา เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ดี จิตใจสงบ มีสติรู้ตัวเองตลอดเวลาว่ากาลังทาอะไร ทาให้ไม่
มีความเครียดจนเกินไปในการทางาน และการทาสมาธิ ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆ เข้าใจ เพียงแค่นั่งหลับตา กาหนด
ลมหายใจ หรือ กาหนดรู้จุดของร่างกายก็ถือว่าเป็นการทาสมาธิขั้นตั้นได้เหมือนกัน
กระผมจึงอยากที่จะลองศึกษาการทาสมาธิอย่างง่าย และการทาสมาธิขั้นสูง เพื่อให้กระผมเองมีสมาธิในการอ่าน
หนังสือเพื่อนาความรู้ไป สอบเข้าในระดับชั้นอุดมศึกษา ให้ได้ผลสาเร็จที่ดีที่สุด
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาการทาสมาธิขั้นตั้น อย่างง่าย
2.เพื่อศึกษาการทาสมาธิขั้นสูง และการทาไปใช้
3.เพื่อเสริมสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือให้กับตัวเอง
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
การศึกษาโครงงาน เรื่องการทาสมาธินั้น จะต้องศึกษาการนั่งสมาธิเบื้องต้น การกาหนดลมหายใจ และประโยชน์
ต่างๆ จากการสมาธิในทุกๆรูปแบบและการนาไปใช้ของสมาธิ
3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
วิธีการทาสมาธิอย่างง่าย 10 ข้อ
1. จัดท่าทางให้ถูกต้อง
จริงอยู่ว่าใคร ๆ ก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อนั่งสมาธิได้ แต่การนั่งที่ถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณนั่งตัวตรง หัวตรง นั่นเพราะร่างกาย
ของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณนั่งตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ แต่ไม่ต้องนั่งเกร็งมาก ให้
นั่งเหมือนเรากาลังผ่อนคลายดีที่สุด
2. เปิดตานั่งสมาธิ
บางครั้งการนั่งสมาธิ ไม่จาเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถเปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่าลง โดยกาหนดจุดให้
เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่
ละคนว่าวิธีใดทาแล้วได้ผลมากกว่ากัน
3. กาหนดรู้ลมหายใจ
การกาหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกาหนดที่ตั้งของสติ เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ๆ
แต่เราไม่จาเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
4. นับลมหายใจเข้า-ออก
การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่โบราณ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสอง
สามสี่ตามลาดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกาลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
เพื่อให้คุณนาจิตกลับมาที่เดิม
5. ควบคุมความคิดไม่ให้เข้ามารบกวน
เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกาลังมีความ คิดเข้ามารบกวนจิตใจ ค่อย ๆ ขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป โดยหันมาสนใจกับการกาหนดลม
หายใจ อย่าพยายามหยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทาให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถกลับเข้าสู่สมาธิได้อีก
6. กาจัดอารมณ์ให้หมดสิ้น
มันเป็นการยากที่จะนั่งสมาธิในขณะที่จิตของคุณเต็มไปด้วยอารมณ์ เพราะอารมณ์จะทาให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในจิตใจ
โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ กลัว เสียใจ ซึ่งไม่ได้ทาให้คุณอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับสิ่งที่เป็นในตอนนี้เลย ให้คุณจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น
นี้โดยกาหนดลมหายใจไปที่ความรู้สึกของร่างกายที่ควบคุมอารมณ์ส่วนนั้น เพราะจะทาให้คุณไม่คิดถึงเรื่องราวที่ทาให้คุณกลัว หรือ
โกรธอีก แต่หันมาเพ่งกับสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้แทน
7. ความเงียบบ่อเกิดแห่งความสงบ
การนั่งสมาธิควรจะนั่งในที่เงียบ ๆ เพื่อทาจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึงบุคคล เสียง หรือสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนามา
ซึ่งความสงบเยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเงียบภายนอกและภายในประสานกันได้ คุณก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ
ผ่อนคลายจากความคิดที่รบกวนคุณอยู่ตลอดมา
8. เวลาในการนั่งสมาธิ
เมื่อเริ่มต้นนั่งสมาธิใหม่ ๆ คุณอาจจะลองนั่งก่อนประมาณสัก 10 นาที และจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าจิตคุณเริ่มนิ่ง
มากขึ้น แต่อย่าบังคับตัวเองให้นั่งนานเกินไปหากคุณยังไม่พร้อม ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เหมาะ คือประมาณ 25 นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่
ไม่ทาให้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเกินไปจนรบกวนสมาธิได้
9. สถานที่ในการนั่งสมาธิ
สถานที่และบรรยากาศก็ช่วยให้คุณทาสมาธิได้ดีขึ้น ซึ่งการนั่งสมาธิในห้องพระจะช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกเป็นสมาธิมาก หรือ
คุณอาจจะวางสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณชอบ หรือช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไว้รอบ ๆ ที่คุณนั่งสมาธิก็ได้
10. มีความสุขไปกับการนั่งสมาธิ
คนเราหากทาอะไรแล้วมีความสุข เราก็จะทามันได้ดี และรู้สึกอยากทาต่อไป ในการนั่งสมาธิก็เช่นกัน หากคุณมีความสุขใน
การนั่งสมาธิ คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และอยากจะทาต่อไป จนสามารถทาเป็นกิจวัตรที่ทาทุกวันได้
4
10 ข้อ ประโยชน์ที่ได้จากการนั่งสมาธิ
1. ได้รับพลังบุญมาก การนั่งสมาธิถือเป็นบุญใหญ่ ส่งผลช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลง
เช่น เมื่อเรามีความทุกข์มากในระดับขั้นที่เราอาจจะต้องร้องไห้ พลังบุญจากการนั่งสมาธิจะช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลงได้ โดยอาจไม่
ถึงกับต้องร้องไห้
2. วาระจิตอยู่ในระดับที่สูงขึ้น สภาวะจิตสูงขึ้น หมายความว่า มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
เช่น กล้าพูด กล้าคิด กล้าทา (ในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม) มากขึ้น
3. ภาวะผู้นาเพิ่มสูงขึ้น การนั่งสมาธิจะทาให้มีจิตใจหนักแน่นมากขึ้น
4. มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น คือ รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากาลังทาสิ่งใด
มีความรอบคอบมากขึ้น คิดก่อนทามากขึ้น ทางานไม่ผิดพลาด ไม่ประมาท
5. มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองมาก เจ้ากรรมนายเวรทาอะไรเราไม่ได้
หลังจากนั่งสมาธิแล้วให้ถวายบุญกุศลให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า หลวงพ่อโสธร หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองดูแลข้าพเจ้า นาจิตมาไว้ที่
ลิ้นปี่ แล้วนึกถวายบุญกุศลแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ท่านจะปกป้องคุ้มครองเราให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ
การงานสิ่งใดที่คิดไม่ออก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลใจให้เราคิดออก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคอยติดตามตัวเราไปทุกหนทาง เพื่อปกป้องคุ้มครองเรา
6. เรียนเก่งขึ้น สามารถเข้าใจการเรียนวิชาต่างๆมากขึ้น เพราะการมีสมาธิที่ดีในการเรียน ทาให้จิตไม่ฟุ้งซ่านคิดเรื่องไร้สาระต่างๆ มี
สติปัญญาเฉียบแหลมมากขึ้น ส่งผลให้การเรียนดียิ่งขึ้น
7. มีกระบวนการคิดที่เป็นระบบมากขึ้น สามารถเรียงลาดับการคิดได้อย่างเป็นระเบียบ สิ่งใดมากก่อนหลัง จัดลาดับความสาคัญ ว่าสิ่ง
ใดควรจะทาก่อน สามารถคิดแก้ปัญหาหรือสิ่งต่างๆออกได้โดยใช้เวลาไม่นาน
8. พูดภาษาต่างประเทศได้ คนที่คิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ภาษาเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน การนั่งสมาธิสามารถช่วยได้ ทาให้
เรามีสติ คิดออกได้มากขึ้น มีกระบวนการคิดที่ดีขึ้น รวมถึงการกล้าคิด กล้าพูด จนเราสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้
9. ฝึกขันติบารมี การนั่งสมาธิต้องใช้ความอดทนในเรื่องทุกขเวทนา อาจต้องมีการปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง คันตรงนู้นตรงนี้บ้าง การ
นั่งสมาธิเป็นการฝึกความอดทนที่ดีเยี่ยม
10. พ้นจากวิบากกรรม กรรมในอดีตชาติ กรรมในปัจจุบันชาติ ย่อมหมุนเวียนเป็นกงกรรมกงเกวียน กลับมาตามสนองเราอยู่เรื่อยไป
การนั่งสมาธิสามารถช่วยให้พ้นวิบากกรรมได้ หรือลดวิบากกรรมให้เบาบางลง ทาให้ชีวิตเรามีความทุกข์น้อยลง และมีความสุขมากขึ้น
แต่เราเคยทากรรมสิ่งใดแล้ว กรรมสิ่งนั้นไม่สามารถลบล้างได้
แม้ว่าเราจะทาบุญมากแค่ไหนก็ตาม
ก่อนการนั่งสมาธิควร สวดมนตร์ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
5
และ เดินจงกรม เพื่อเป็นพื้นฐานไปสู่การนั่งสมาธิที่ดีขึ้น
การนั่งสมาธิให้กาหนดจิต พุท - โธ หรือ ยุบหนอ - พองหนอ หรืออย่างไรก็ได้แล้วแต่เรา
กาหนดจิตที่ท้อง อย่าคิดฟุ้งซ่าน เพราะจะไม่ได้ผล
การนั่งสมาธิที่ได้ผล บรรลุตามเป้าประสงค์ คือ เมื่อขณะนั่งสมาธิ จะรู้สึกมีความสุขมาก จิตใจเป็นปิติ หัวใจพองโต รู้สึกปลาบปลื้มอยู่
ในใจ ถือว่าเป็นความสุขอย่างที่สุด
10 ประโยชน์จากการทาสมาธิ ..เปลี่ยนคุณภาพชีวิตคุณให้ดีขึ้นทันตา
1.ช่วยให้จิตใจผ่องใส อ่อนโยน
การทาสมาธิจะช่วยให้จิตใจเรานิ่งสงบ ท่ามกลางจิตที่กาหนดภายใต้ลมหายใจเข้าออก เราจะรู้ตัวตลอดเวลา สามารถตามทันทุก
อารมณ์ ยิ่งเรากาหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ลึกๆ ด้วยแล้ว มันจะยิ่งช่วยกล่อมเกลาจิตใจเราในตัว ทาให้เราเป็นคนสุขุมนุ่มลึก ใจ
เย็น อ่อนโยนและมองโลกรอบตัวในแง่ดีงามมากขึ้น อารมณ์ก็จะแจ่มใส และยังส่งผลให้สุขภาพดีตามมาอีกด้วย
2.ช่วยผ่อนคลายความเครียด
การทาสมาธิเมื่อจิตใจเรานิ่งมากๆ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจแล้ว สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลออกมาจนแผ่ซ่านความเย็นไปทั่ว
สรรพางค์กายอย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียวค่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อย่างปลิดทิ้งทันตาและยังทาให้เรามีจิตใจสงบ
เยือกเย็น และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่นอน
3.ลดอารมณ์โกรธหรือโมโหร้ายได้
การหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ จะทาให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองได้ดี เพราะจิตเราจะอยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เราจะรู้ทุกการ
เคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่คิด พูดและทาจะมาพร้อมสติอยู่เสมอ เมื่อไรที่เราเริ่มโกรธใครหรือกาลังโมโหร้ายหงุดหงิด เชื่อไหมว่าจิตเบื้องลึกที่
ผ่านการทาสมาธิมาแล้วอย่างดีจะสอนเตือนตัวมันเอง ทาให้เราดึงอารมณ์ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับลมหายใจ และหากเรา
ทาได้เช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเปลี่ยนจากคนที่มักมีอารมณ์ร้าย เกรี้ยวกราดง่ายมาเป็นคนที่ใจเย็นลงได้มากขึ้นแนนอน
ดังนั้น ประโยชน์จากการทาสมาธินี่แหละค่ะที่จะช่วยระงับความโกรธแค้นชิงชัง ทาให้จิตใจเรานึกไปถึงการเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และ
สามารถอโหสิกรรมให้เพื่อนมนุษย์ที่ทาให้เราโกรธเคืองลงได้ เพราะฉะนั้น ทราบกันเช่นนี้แล้ว จะต้องหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ กันแล้วนะ
คะ
4.ช่วยให้ความจาดีและสมองทางานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สาหรับนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่คนวัยทางานที่จะต้องใช้สมองในการคิด วางแผนและใช้ไอเดียมากๆ นั้น การหมั่นทาสมาธิบ่อยๆ
ย่อมช่วยเสริมสร้างทั้งความจาดี ช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิ ทาให้สมองทางานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เพราะจิตที่ผ่านการฝึกมา
จนเกิดสมาธิจะทาให้ความคิดของเราที่คิดและทา กลั่นออกมาจากลมหายใจอันประณีต สติจะสอนสั่งให้เราดาเนินชีวิตอย่างละเมียด
ละไมมากขึ้น ดังนั้นแล้ว หากใครอยากให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ให้การทางานของศักยภาพสมองเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ฝึกสมาธิ
บ่อยๆ สิคะ ..ช่วยได้แน่นอน
5.ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ผ่องใส ดูเด็กกว่าวัย
เวลาที่เราฝึกสมาธิ เราจะต้องกาหนดลมหายใจเข้าออก โดยสูดหายใจเข้าไปให้เต็มท้องลึกๆ ช้าๆ และปล่อยลมหายใจออกมายาวๆ
เมื่อทาแบบนี้สม่าเสมอ ก็ย่อมช่วยให้ออกซิเจนเข้ามาฟอกเลือดภายในร่างกายได้ เป็นการดีท็อกซ์สารพิษในตัว ส่งผลให้สมองไบรท์ คิด
อะไรก็ลื่นไหลและสารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาก็ทาให้เรามีความสุข บาบัดทุกข์ ผ่อนคลายความเครียดได้ผล แน่นอนค่ะว่านี่คือ ยา
อายุวัฒนะของจริงแถมยังส่งผลให้ผิวพรรณสะอาด ผ่องใส เลือดลมไหลเวียนดี ผิวเต่งตึงจนอ่อนเยาว์กว่าวัยในที่สุด
6.ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้สง่าผ่าเผย
คนที่ทาสมาธิบ่อยๆ บุคลิกภาพย่อมดีแน่นอน เพราะสมาธินั้นจะทาให้เขามีสติกับตัวอยู่ตลอดเวลา และด้วยความที่สมาธิทาให้เราใจ
เย็นและรอบคอบมากขึ้น บุคลิกท่าทางของเราที่แสดงออกผ่านการคิด พูดและทา รวมถึงอากัปกิริยาต่างๆ ที่เราแสดงออกมันจะมา
6
พร้อมท่วงจังหวะที่อ่อนโยน สง่า ไม่รีบร้อนหรือแสดงท่าทีแบบคนหุนหันพลันแล่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคนที่มีปัญญาและน่าคบหา คน
แบบนี้ไปที่ไหนก็ย่อมมีแต่คนอยากพูดคุยด้วยและอยากสร้างสัมพันธไมตรีด้วยแน่นอน
7.สุขภาพดี บาบัดโรคได้
คนที่ฝึกสมาธิบ่อยๆ จะช่วยบาบัดโรคและสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอายุยืนยาวได้ค่ะ เพราะสมาธิจะช่วยบาบัดความเครียดส่งผลให้
ระดับความดันโลหิตลดลง แถมสารแห่งความสุขยังมีประสิทธิภาพเป็นดั่งยาวิเศษที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของร่างกายได้ด้วย
นะคะ ดังนั้น หากใครอยากมีสุขภาพดี อายุยืนแนะนาให้หันมาทาสมาธิบ่อยๆ ควบคู่กับการกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกาลังกาย
อยู่เสมอ รับรองคุณจะมีสุขภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวแน่นอน
8.ช่วยลดน้าหนักได้
เพราะจิตใจที่นิ่งเงียบ มาพร้อมสมาธิรู้ทุกลมหายใจเข้าออก จะควบคุมความคิดเราให้อยู่กับปัจจุบันและอยากทาแต่สิ่งดีๆ ให้ตัวเอง
เราจะมีความสุข เบาสบายตัวแทบตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้มันจะทาให้เราอิ่มเอิบ มีความสุขอย่างปีติเหลือล้นอยู่ภายใน
แม้แต่การกินอาหารก็ทาให้เราเลือกสรรแต่อาหารเพื่อสุขภาพ เคี้ยวอย่างช้าๆ มีสติไปกับการเคี้ยวทุกคา และเพราะความอิ่มจากจิตที่มี
อยู่แล้วนั้นเองจะยิ่งช่วยให้เรากินอาหารได้น้อยลงแต่อิ่มท้องเร็วขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทาให้การลดน้าหนักพลอยประสบผลสาเร็จ
อย่างไม่น่าเชื่อนั่นเองค่ะ
9.ทาให้มีความสุข
หลายคนปรารถนาอยากมีความสุขและวิ่งตามออกไปหาความสุขนอกบ้าน ในรูปแบบที่ไม่ใช่แก่นสารสาคัญของชีวิตแท้จริง หรือบาง
คนกลับเข้ามาบ้านอาจจะนาปัญหาหรือความทุกข์กลับเข้ามามากขึ้นด้วยซ้า เพราะฉะนั้น สู้หันมาทาสมาธิฝึกทาใจให้นิ่งสงบบ่อยๆ ดี
กว่ามั้ยคะ เพราะคุณจะพบว่าการทาสมาธินี่แหละที่จะมอบหนทางแห่งความสุขให้เราได้อย่างแท้จริง จิตใจเราจะแช่มชื่นเบิกบาน
อารมณ์ดีสดใส ยิ่งฝึกสมาธิมากใจเราก็จะยิ่งผ่อนคลาย สุขสงบมากและมันย่อมทาให้เราพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องดิ้นรน
ออกไปไขว่คว้าหาความสุขนอกบ้านอีกเลย
10.ทาให้เราได้บุญ
นี่คือ ประโยชน์จากการทาสมาธิโดยตรงอีกอย่างหนึ่งค่ะ เพราะเวลาที่เราทาสมาธิหลายคนมักจะเตรียมตัวเริ่มทาด้วยการสวดมนต์เพื่อ
กล่อมใจให้สงบ จากนั้นก็มานั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ หลายคนที่ทาแบบนี้ก็จะยิ่งได้บุญมาก หรืออย่าง
น้อยหากเราไม่สะดวกที่จะสวดมนต์ก่อนแต่ทาสมาธิเลยเพื่อหยุดความฟุ้งซ่าน หยุดใจให้สงบนิ่ง แบบนี้อยู่ที่ไหนก็ทาได้ค่ะ ไม่จาเป็นว่า
จะต้องเป็นที่บ้านเท่านั้น นั่งอยู่บนรถ เดินทาง กินข้าว ไปเรียน นั่งทางาน ฯลฯ ก็สามารถกาหนดจิตให้อยู่กับลมหายใจได้เสมอ
ฃ
7
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
8
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ดาเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://health.kapook.com/view26826.html
https://www.dek-d.com/board/view/1364719/
https://www.organicbook.com/mind/10-
%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%
99%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8
%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%
B8%B4/

More Related Content

Similar to 2560 project

ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมาความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมาThanakorn Intrarat
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Warunee Kruea-kaew
 
โครงงานพ ช ตความเคร_ยด
โครงงานพ ช ตความเคร_ยดโครงงานพ ช ตความเคร_ยด
โครงงานพ ช ตความเคร_ยดPloy Purr
 
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้ว
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้วนางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้ว
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้วdaranpornkotkaew
 
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวโครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวAmmiry Chill Chill
 
แบบโครงร่างโครงงานคอม
แบบโครงร่างโครงงานคอมแบบโครงร่างโครงงานคอม
แบบโครงร่างโครงงานคอมAkanit Srilaruk
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557Kanjanaporn Thompat
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยNetchanOk Maneechai
 
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวโครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวAmmiry Chill Chill
 
โครงงานร่าง
โครงงานร่างโครงงานร่าง
โครงงานร่างAom Nachanok
 
2562 final-pai2
2562 final-pai22562 final-pai2
2562 final-pai2mrpainaty
 

Similar to 2560 project (20)

ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมาความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
ความขี้เกียจจงออกไปเอาความขยันกลับคืนมา
 
โครงร่าง
โครงร่างโครงร่าง
โครงร่าง
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานพ ช ตความเคร_ยด
โครงงานพ ช ตความเคร_ยดโครงงานพ ช ตความเคร_ยด
โครงงานพ ช ตความเคร_ยด
 
Howto time
Howto timeHowto time
Howto time
 
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้ว
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้วนางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้ว
นางสาว ดรัญพร โกฏิเเก้ว
 
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวโครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
 
Project com no.38 (1)
Project com no.38 (1)Project com no.38 (1)
Project com no.38 (1)
 
Comproject12_2
Comproject12_2Comproject12_2
Comproject12_2
 
2561 project 14 607
2561 project  14 6072561 project  14 607
2561 project 14 607
 
แบบโครงร่างโครงงานคอม
แบบโครงร่างโครงงานคอมแบบโครงร่างโครงงานคอม
แบบโครงร่างโครงงานคอม
 
2561 project 14
2561 project  142561 project  14
2561 project 14
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์ 2557
 
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วยภารกิจระดับครูผู้ช่วย
ภารกิจระดับครูผู้ช่วย
 
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยวโครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
โครงร่างรายงานคอม เดี่ยว
 
โครงงานร่าง
โครงงานร่างโครงงานร่าง
โครงงานร่าง
 
2562 final-project 06
2562 final-project 062562 final-project 06
2562 final-project 06
 
2562 final-pai2
2562 final-pai22562 final-pai2
2562 final-pai2
 
Great
GreatGreat
Great
 
Daniellll
DaniellllDaniellll
Daniellll
 

More from Fah Philip

โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกFah Philip
 
0 computer crime-no2-act
0 computer crime-no2-act0 computer crime-no2-act
0 computer crime-no2-actFah Philip
 
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 201610 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016Fah Philip
 
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...Fah Philip
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6Fah Philip
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1ใบงานสำรวจตนเอง M6 1
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1Fah Philip
 

More from Fah Philip (7)

โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติกโครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
โครงงานผักสวนครัวในขวดพลาสติก
 
Adm60
Adm60Adm60
Adm60
 
0 computer crime-no2-act
0 computer crime-no2-act0 computer crime-no2-act
0 computer crime-no2-act
 
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 201610 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016
10 สุดยอดการค้นพบแห่งปี 2016
 
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...
นักโบราณคดีและนักวิจัยทั่วโลกต่างทำงานหนักเพื่อขุดค้นหลักฐานใหม่ๆ ที่ทำให้เรา...
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1ใบงานสำรวจตนเอง M6 1
ใบงานสำรวจตนเอง M6 1
 

2560 project

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน เสริมสร้างปัญญาด้วยสมาธิ ชื่อผู้ทาโครงงาน 1 นายอนพัทย์ คาแดง เลขที่ 12 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 3 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ 1 นายอนพัทย์ คาแดง เลขที่ 12 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) เสริมสร้างปัญญาด้วยสมาธิ ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Meditation makes be a great person ประเภทโครงงาน เพื่อศึกษา (education) ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย อนพัทย์ คาแดง ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ในปัจจุบัน นักเรียน นักศึกษาทุกระดับชั้น หรือแม้กระทั่ง ผู้ใหญ่ที่ทางานทุกชนิด เมื่อทางานต้องให้ความสนใจ และใส่ใจกับงาน จาเป็นต้องจดจ่อตลอดเวลา ต้องมึสมาธิในการทางานทุกชิ้นอย่างตั้งใจเพื่อที่จะให้ชิ้นงาน ออกมาดีที่สุด กระผมจึงเห็นความสาคัญของสมาธิเพราะการทาสมาธิไม่ใช้เพียงแค่การทาให้มีความตั้งใจมากขึ้น การทาสมาธิ ทาให้ผู้ที่มีสมาธิมีปัญญา เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ดี จิตใจสงบ มีสติรู้ตัวเองตลอดเวลาว่ากาลังทาอะไร ทาให้ไม่ มีความเครียดจนเกินไปในการทางาน และการทาสมาธิ ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆ เข้าใจ เพียงแค่นั่งหลับตา กาหนด ลมหายใจ หรือ กาหนดรู้จุดของร่างกายก็ถือว่าเป็นการทาสมาธิขั้นตั้นได้เหมือนกัน กระผมจึงอยากที่จะลองศึกษาการทาสมาธิอย่างง่าย และการทาสมาธิขั้นสูง เพื่อให้กระผมเองมีสมาธิในการอ่าน หนังสือเพื่อนาความรู้ไป สอบเข้าในระดับชั้นอุดมศึกษา ให้ได้ผลสาเร็จที่ดีที่สุด วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อศึกษาการทาสมาธิขั้นตั้น อย่างง่าย 2.เพื่อศึกษาการทาสมาธิขั้นสูง และการทาไปใช้ 3.เพื่อเสริมสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือให้กับตัวเอง ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) การศึกษาโครงงาน เรื่องการทาสมาธินั้น จะต้องศึกษาการนั่งสมาธิเบื้องต้น การกาหนดลมหายใจ และประโยชน์ ต่างๆ จากการสมาธิในทุกๆรูปแบบและการนาไปใช้ของสมาธิ
  • 3. 3 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) วิธีการทาสมาธิอย่างง่าย 10 ข้อ 1. จัดท่าทางให้ถูกต้อง จริงอยู่ว่าใคร ๆ ก็นั่งขัดสมาธิ เพื่อนั่งสมาธิได้ แต่การนั่งที่ถูกต้อง คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณนั่งตัวตรง หัวตรง นั่นเพราะร่างกาย ของเราสัมพันธ์กับจิตใจค่ะ หากคุณนั่งตัวงอแล้วละก็ จิตใจของคุณก็จะล่องลอยไป ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนะคะ แต่ไม่ต้องนั่งเกร็งมาก ให้ นั่งเหมือนเรากาลังผ่อนคลายดีที่สุด 2. เปิดตานั่งสมาธิ บางครั้งการนั่งสมาธิ ไม่จาเป็นต้องหลับตาเสมอไป คุณสามารถเปิดตาไว้ แต่ปรับระดับสายตาให้มองต่าลง โดยกาหนดจุดให้ เพ่งรวบรวมสมาธิไว้ เพราะบางคนเมื่อปิดตาแล้วกลับรู้สึกฟุ้งซ่าน ในหัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับแต่ ละคนว่าวิธีใดทาแล้วได้ผลมากกว่ากัน 3. กาหนดรู้ลมหายใจ การกาหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการกาหนดที่ตั้งของสติ เพื่อให้จิตเราอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น ๆ แต่เราไม่จาเป็นต้องไปบังคับการหายใจ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ 4. นับลมหายใจเข้า-ออก การนับลมหายใจเข้าออก เป็นวิธีปฏิบัติสมาธิมาตั้งแต่โบราณ โดยเมื่อคุณหายใจออกก็ให้คุณเริ่มนับหนึ่งในใจ ต่อไปก็เป็นสอง สามสี่ตามลาดับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าความคิดของคุณกาลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้คุณกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อให้คุณนาจิตกลับมาที่เดิม 5. ควบคุมความคิดไม่ให้เข้ามารบกวน เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณกาลังมีความ คิดเข้ามารบกวนจิตใจ ค่อย ๆ ขจัดความคิดเหล่านี้ออกไป โดยหันมาสนใจกับการกาหนดลม หายใจ อย่าพยายามหยุดความคิดในทันที เพราะมันจะทาให้คุณฟุ้งซ่านและไม่สามารถกลับเข้าสู่สมาธิได้อีก 6. กาจัดอารมณ์ให้หมดสิ้น มันเป็นการยากที่จะนั่งสมาธิในขณะที่จิตของคุณเต็มไปด้วยอารมณ์ เพราะอารมณ์จะทาให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในจิตใจ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ กลัว เสียใจ ซึ่งไม่ได้ทาให้คุณอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับสิ่งที่เป็นในตอนนี้เลย ให้คุณจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น นี้โดยกาหนดลมหายใจไปที่ความรู้สึกของร่างกายที่ควบคุมอารมณ์ส่วนนั้น เพราะจะทาให้คุณไม่คิดถึงเรื่องราวที่ทาให้คุณกลัว หรือ โกรธอีก แต่หันมาเพ่งกับสิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้แทน 7. ความเงียบบ่อเกิดแห่งความสงบ การนั่งสมาธิควรจะนั่งในที่เงียบ ๆ เพื่อทาจิตให้ว่าง ไม่ใส่ใจถึงบุคคล เสียง หรือสิ่งอื่นที่อยู่โดยรอบ เพราะความเงียบจะนามา ซึ่งความสงบเยือกเย็น และความรู้สึกมั่นคง เมื่อไหร่ก็ตามที่ความเงียบภายนอกและภายในประสานกันได้ คุณก็จะรู้สึกได้พักกายพักใจ ผ่อนคลายจากความคิดที่รบกวนคุณอยู่ตลอดมา 8. เวลาในการนั่งสมาธิ เมื่อเริ่มต้นนั่งสมาธิใหม่ ๆ คุณอาจจะลองนั่งก่อนประมาณสัก 10 นาที และจึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าจิตคุณเริ่มนิ่ง มากขึ้น แต่อย่าบังคับตัวเองให้นั่งนานเกินไปหากคุณยังไม่พร้อม ทั้งนี้ ระยะเวลาที่เหมาะ คือประมาณ 25 นาที เพราะเป็นระยะเวลาที่ ไม่ทาให้รู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเกินไปจนรบกวนสมาธิได้ 9. สถานที่ในการนั่งสมาธิ สถานที่และบรรยากาศก็ช่วยให้คุณทาสมาธิได้ดีขึ้น ซึ่งการนั่งสมาธิในห้องพระจะช่วยให้จิตใจสงบและรู้สึกเป็นสมาธิมาก หรือ คุณอาจจะวางสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณชอบ หรือช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไว้รอบ ๆ ที่คุณนั่งสมาธิก็ได้ 10. มีความสุขไปกับการนั่งสมาธิ คนเราหากทาอะไรแล้วมีความสุข เราก็จะทามันได้ดี และรู้สึกอยากทาต่อไป ในการนั่งสมาธิก็เช่นกัน หากคุณมีความสุขใน การนั่งสมาธิ คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และอยากจะทาต่อไป จนสามารถทาเป็นกิจวัตรที่ทาทุกวันได้
  • 4. 4 10 ข้อ ประโยชน์ที่ได้จากการนั่งสมาธิ 1. ได้รับพลังบุญมาก การนั่งสมาธิถือเป็นบุญใหญ่ ส่งผลช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลง เช่น เมื่อเรามีความทุกข์มากในระดับขั้นที่เราอาจจะต้องร้องไห้ พลังบุญจากการนั่งสมาธิจะช่วยให้เรามีความทุกข์น้อยลงได้ โดยอาจไม่ ถึงกับต้องร้องไห้ 2. วาระจิตอยู่ในระดับที่สูงขึ้น สภาวะจิตสูงขึ้น หมายความว่า มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เช่น กล้าพูด กล้าคิด กล้าทา (ในสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม) มากขึ้น 3. ภาวะผู้นาเพิ่มสูงขึ้น การนั่งสมาธิจะทาให้มีจิตใจหนักแน่นมากขึ้น 4. มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น คือ รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากาลังทาสิ่งใด มีความรอบคอบมากขึ้น คิดก่อนทามากขึ้น ทางานไม่ผิดพลาด ไม่ประมาท 5. มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองมาก เจ้ากรรมนายเวรทาอะไรเราไม่ได้ หลังจากนั่งสมาธิแล้วให้ถวายบุญกุศลให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า หลวงพ่อโสธร หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองดูแลข้าพเจ้า นาจิตมาไว้ที่ ลิ้นปี่ แล้วนึกถวายบุญกุศลแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ท่านจะปกป้องคุ้มครองเราให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ การงานสิ่งใดที่คิดไม่ออก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลใจให้เราคิดออก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคอยติดตามตัวเราไปทุกหนทาง เพื่อปกป้องคุ้มครองเรา 6. เรียนเก่งขึ้น สามารถเข้าใจการเรียนวิชาต่างๆมากขึ้น เพราะการมีสมาธิที่ดีในการเรียน ทาให้จิตไม่ฟุ้งซ่านคิดเรื่องไร้สาระต่างๆ มี สติปัญญาเฉียบแหลมมากขึ้น ส่งผลให้การเรียนดียิ่งขึ้น 7. มีกระบวนการคิดที่เป็นระบบมากขึ้น สามารถเรียงลาดับการคิดได้อย่างเป็นระเบียบ สิ่งใดมากก่อนหลัง จัดลาดับความสาคัญ ว่าสิ่ง ใดควรจะทาก่อน สามารถคิดแก้ปัญหาหรือสิ่งต่างๆออกได้โดยใช้เวลาไม่นาน 8. พูดภาษาต่างประเทศได้ คนที่คิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ภาษาเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน การนั่งสมาธิสามารถช่วยได้ ทาให้ เรามีสติ คิดออกได้มากขึ้น มีกระบวนการคิดที่ดีขึ้น รวมถึงการกล้าคิด กล้าพูด จนเราสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ 9. ฝึกขันติบารมี การนั่งสมาธิต้องใช้ความอดทนในเรื่องทุกขเวทนา อาจต้องมีการปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง คันตรงนู้นตรงนี้บ้าง การ นั่งสมาธิเป็นการฝึกความอดทนที่ดีเยี่ยม 10. พ้นจากวิบากกรรม กรรมในอดีตชาติ กรรมในปัจจุบันชาติ ย่อมหมุนเวียนเป็นกงกรรมกงเกวียน กลับมาตามสนองเราอยู่เรื่อยไป การนั่งสมาธิสามารถช่วยให้พ้นวิบากกรรมได้ หรือลดวิบากกรรมให้เบาบางลง ทาให้ชีวิตเรามีความทุกข์น้อยลง และมีความสุขมากขึ้น แต่เราเคยทากรรมสิ่งใดแล้ว กรรมสิ่งนั้นไม่สามารถลบล้างได้ แม้ว่าเราจะทาบุญมากแค่ไหนก็ตาม ก่อนการนั่งสมาธิควร สวดมนตร์ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
  • 5. 5 และ เดินจงกรม เพื่อเป็นพื้นฐานไปสู่การนั่งสมาธิที่ดีขึ้น การนั่งสมาธิให้กาหนดจิต พุท - โธ หรือ ยุบหนอ - พองหนอ หรืออย่างไรก็ได้แล้วแต่เรา กาหนดจิตที่ท้อง อย่าคิดฟุ้งซ่าน เพราะจะไม่ได้ผล การนั่งสมาธิที่ได้ผล บรรลุตามเป้าประสงค์ คือ เมื่อขณะนั่งสมาธิ จะรู้สึกมีความสุขมาก จิตใจเป็นปิติ หัวใจพองโต รู้สึกปลาบปลื้มอยู่ ในใจ ถือว่าเป็นความสุขอย่างที่สุด 10 ประโยชน์จากการทาสมาธิ ..เปลี่ยนคุณภาพชีวิตคุณให้ดีขึ้นทันตา 1.ช่วยให้จิตใจผ่องใส อ่อนโยน การทาสมาธิจะช่วยให้จิตใจเรานิ่งสงบ ท่ามกลางจิตที่กาหนดภายใต้ลมหายใจเข้าออก เราจะรู้ตัวตลอดเวลา สามารถตามทันทุก อารมณ์ ยิ่งเรากาหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ลึกๆ ด้วยแล้ว มันจะยิ่งช่วยกล่อมเกลาจิตใจเราในตัว ทาให้เราเป็นคนสุขุมนุ่มลึก ใจ เย็น อ่อนโยนและมองโลกรอบตัวในแง่ดีงามมากขึ้น อารมณ์ก็จะแจ่มใส และยังส่งผลให้สุขภาพดีตามมาอีกด้วย 2.ช่วยผ่อนคลายความเครียด การทาสมาธิเมื่อจิตใจเรานิ่งมากๆ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจแล้ว สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลออกมาจนแผ่ซ่านความเย็นไปทั่ว สรรพางค์กายอย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียวค่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อย่างปลิดทิ้งทันตาและยังทาให้เรามีจิตใจสงบ เยือกเย็น และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่นอน 3.ลดอารมณ์โกรธหรือโมโหร้ายได้ การหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ จะทาให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองได้ดี เพราะจิตเราจะอยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เราจะรู้ทุกการ เคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่คิด พูดและทาจะมาพร้อมสติอยู่เสมอ เมื่อไรที่เราเริ่มโกรธใครหรือกาลังโมโหร้ายหงุดหงิด เชื่อไหมว่าจิตเบื้องลึกที่ ผ่านการทาสมาธิมาแล้วอย่างดีจะสอนเตือนตัวมันเอง ทาให้เราดึงอารมณ์ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับลมหายใจ และหากเรา ทาได้เช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเปลี่ยนจากคนที่มักมีอารมณ์ร้าย เกรี้ยวกราดง่ายมาเป็นคนที่ใจเย็นลงได้มากขึ้นแนนอน ดังนั้น ประโยชน์จากการทาสมาธินี่แหละค่ะที่จะช่วยระงับความโกรธแค้นชิงชัง ทาให้จิตใจเรานึกไปถึงการเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และ สามารถอโหสิกรรมให้เพื่อนมนุษย์ที่ทาให้เราโกรธเคืองลงได้ เพราะฉะนั้น ทราบกันเช่นนี้แล้ว จะต้องหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ กันแล้วนะ คะ 4.ช่วยให้ความจาดีและสมองทางานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สาหรับนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่คนวัยทางานที่จะต้องใช้สมองในการคิด วางแผนและใช้ไอเดียมากๆ นั้น การหมั่นทาสมาธิบ่อยๆ ย่อมช่วยเสริมสร้างทั้งความจาดี ช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิ ทาให้สมองทางานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เพราะจิตที่ผ่านการฝึกมา จนเกิดสมาธิจะทาให้ความคิดของเราที่คิดและทา กลั่นออกมาจากลมหายใจอันประณีต สติจะสอนสั่งให้เราดาเนินชีวิตอย่างละเมียด ละไมมากขึ้น ดังนั้นแล้ว หากใครอยากให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ให้การทางานของศักยภาพสมองเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ฝึกสมาธิ บ่อยๆ สิคะ ..ช่วยได้แน่นอน 5.ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ผ่องใส ดูเด็กกว่าวัย เวลาที่เราฝึกสมาธิ เราจะต้องกาหนดลมหายใจเข้าออก โดยสูดหายใจเข้าไปให้เต็มท้องลึกๆ ช้าๆ และปล่อยลมหายใจออกมายาวๆ เมื่อทาแบบนี้สม่าเสมอ ก็ย่อมช่วยให้ออกซิเจนเข้ามาฟอกเลือดภายในร่างกายได้ เป็นการดีท็อกซ์สารพิษในตัว ส่งผลให้สมองไบรท์ คิด อะไรก็ลื่นไหลและสารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาก็ทาให้เรามีความสุข บาบัดทุกข์ ผ่อนคลายความเครียดได้ผล แน่นอนค่ะว่านี่คือ ยา อายุวัฒนะของจริงแถมยังส่งผลให้ผิวพรรณสะอาด ผ่องใส เลือดลมไหลเวียนดี ผิวเต่งตึงจนอ่อนเยาว์กว่าวัยในที่สุด 6.ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้สง่าผ่าเผย คนที่ทาสมาธิบ่อยๆ บุคลิกภาพย่อมดีแน่นอน เพราะสมาธินั้นจะทาให้เขามีสติกับตัวอยู่ตลอดเวลา และด้วยความที่สมาธิทาให้เราใจ เย็นและรอบคอบมากขึ้น บุคลิกท่าทางของเราที่แสดงออกผ่านการคิด พูดและทา รวมถึงอากัปกิริยาต่างๆ ที่เราแสดงออกมันจะมา
  • 6. 6 พร้อมท่วงจังหวะที่อ่อนโยน สง่า ไม่รีบร้อนหรือแสดงท่าทีแบบคนหุนหันพลันแล่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคนที่มีปัญญาและน่าคบหา คน แบบนี้ไปที่ไหนก็ย่อมมีแต่คนอยากพูดคุยด้วยและอยากสร้างสัมพันธไมตรีด้วยแน่นอน 7.สุขภาพดี บาบัดโรคได้ คนที่ฝึกสมาธิบ่อยๆ จะช่วยบาบัดโรคและสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอายุยืนยาวได้ค่ะ เพราะสมาธิจะช่วยบาบัดความเครียดส่งผลให้ ระดับความดันโลหิตลดลง แถมสารแห่งความสุขยังมีประสิทธิภาพเป็นดั่งยาวิเศษที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของร่างกายได้ด้วย นะคะ ดังนั้น หากใครอยากมีสุขภาพดี อายุยืนแนะนาให้หันมาทาสมาธิบ่อยๆ ควบคู่กับการกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกาลังกาย อยู่เสมอ รับรองคุณจะมีสุขภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวแน่นอน 8.ช่วยลดน้าหนักได้ เพราะจิตใจที่นิ่งเงียบ มาพร้อมสมาธิรู้ทุกลมหายใจเข้าออก จะควบคุมความคิดเราให้อยู่กับปัจจุบันและอยากทาแต่สิ่งดีๆ ให้ตัวเอง เราจะมีความสุข เบาสบายตัวแทบตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้มันจะทาให้เราอิ่มเอิบ มีความสุขอย่างปีติเหลือล้นอยู่ภายใน แม้แต่การกินอาหารก็ทาให้เราเลือกสรรแต่อาหารเพื่อสุขภาพ เคี้ยวอย่างช้าๆ มีสติไปกับการเคี้ยวทุกคา และเพราะความอิ่มจากจิตที่มี อยู่แล้วนั้นเองจะยิ่งช่วยให้เรากินอาหารได้น้อยลงแต่อิ่มท้องเร็วขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทาให้การลดน้าหนักพลอยประสบผลสาเร็จ อย่างไม่น่าเชื่อนั่นเองค่ะ 9.ทาให้มีความสุข หลายคนปรารถนาอยากมีความสุขและวิ่งตามออกไปหาความสุขนอกบ้าน ในรูปแบบที่ไม่ใช่แก่นสารสาคัญของชีวิตแท้จริง หรือบาง คนกลับเข้ามาบ้านอาจจะนาปัญหาหรือความทุกข์กลับเข้ามามากขึ้นด้วยซ้า เพราะฉะนั้น สู้หันมาทาสมาธิฝึกทาใจให้นิ่งสงบบ่อยๆ ดี กว่ามั้ยคะ เพราะคุณจะพบว่าการทาสมาธินี่แหละที่จะมอบหนทางแห่งความสุขให้เราได้อย่างแท้จริง จิตใจเราจะแช่มชื่นเบิกบาน อารมณ์ดีสดใส ยิ่งฝึกสมาธิมากใจเราก็จะยิ่งผ่อนคลาย สุขสงบมากและมันย่อมทาให้เราพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องดิ้นรน ออกไปไขว่คว้าหาความสุขนอกบ้านอีกเลย 10.ทาให้เราได้บุญ นี่คือ ประโยชน์จากการทาสมาธิโดยตรงอีกอย่างหนึ่งค่ะ เพราะเวลาที่เราทาสมาธิหลายคนมักจะเตรียมตัวเริ่มทาด้วยการสวดมนต์เพื่อ กล่อมใจให้สงบ จากนั้นก็มานั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ หลายคนที่ทาแบบนี้ก็จะยิ่งได้บุญมาก หรืออย่าง น้อยหากเราไม่สะดวกที่จะสวดมนต์ก่อนแต่ทาสมาธิเลยเพื่อหยุดความฟุ้งซ่าน หยุดใจให้สงบนิ่ง แบบนี้อยู่ที่ไหนก็ทาได้ค่ะ ไม่จาเป็นว่า จะต้องเป็นที่บ้านเท่านั้น นั่งอยู่บนรถ เดินทาง กินข้าว ไปเรียน นั่งทางาน ฯลฯ ก็สามารถกาหนดจิตให้อยู่กับลมหายใจได้เสมอ ฃ
  • 8. 8 ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ สถานที่ดาเนินการ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) https://health.kapook.com/view26826.html https://www.dek-d.com/board/view/1364719/ https://www.organicbook.com/mind/10- %E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8% 99%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8 %A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0% B8%B4/