1. 1
แบบเสนอโครงร่า งโครงงานคอมพิว เตอร์
รหัส วิช า ง 33202 ชือ วิช า เทคโนโลยีส ารสนเทศและ
่
การสื่อ สาร 6
ปีก ารศึก ษา 2556
ชือ โครงงาน พิช ิต ความเครีย ด
่
ชือ ผูท ำา โครงงาน
่ ้
1. นางสาว ศศิกาญจน์ บุญปลูก เลขที่ 5 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2. นางสาว สิรินันท์ จันทร์เป็ง เลขที่ 27 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำา เนิน งาน ภาคเรีย นที่ 2 ปีก ารศึก ษา
2556
โรงเรีย นยุพ ราชวิท ยาลัย จัง หวัด เชีย งใหม่
สำา นัก งานเขตพื้น ทีก ารศึก ษามัธ ยมศึก ษาเขต 34
่
ใบงาน
การจัด ทำา ข้อ เสนอโครงงานคอมพิว เตอร์

2. 2
สมาชิก ในกลุ่ม
1. นางสาว ศศิกาญจน์ บุญปลูก เลขที่ 5
2. นางสาว สิรินันท์ จันทร์เป็ง เลขที่ 27
คำา ชี้แ จง ให้ผ ู้เ รีย นแต่ล ะกลุ่ม เขีย นข้อ เสนอโครงงานตามหัว ข้อ ต่อ
ไปนี้
ชื่อ โครงงาน (ภาษาไทย ) พิช ิต ความเครีย ด
ชื่อ โครงงาน (ภาษาอัง กฤษ ) conquer stress
ประเภทโครงงาน ทดลองทฤษฎี
ชื่อ ผู้ท ำา โครงงาน
1. นางสาว ศศิกาญจน์ บุญปลูก
2. นางสาว สิรินันท์ จันทร์เป็ง
ชื่อ ที่ป รึก ษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดำา เนิน งาน 17 สัปดาห์
ที่ม าและความสำา คัญ ของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล
ของการทำาโครงงาน)
ความเครียด เป็นเรื่องของร่างกายและจิตใจ ที่เกิดการตื่นตัว
เตรียมรับกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง
ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าพอใจ เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินกำาลังทรัพยากรที่เรามี
อยู่ หรือเกินความสามารถของเราที่จะแก้ไขได้ ทำาให้รู้สึกหนักใจ เป็นทุกข์
และพลอยทำาให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกายและพฤติกรรมตามไปด้วย
ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลผู้นั้นไม่รู้จักการสร้างวินัยในการจัดการวางแผนการ
บริหารการจัดการและการรับมือกับปัญหาที่ได้เผชิญกับตนเอง ทำาให้เกิด
ความเครียดมาก ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการจัดการกับความเครียดเพื่อเอา
ความเครียดที่เกิดขึ้นนำามากระตุ้นในมีพลัง มีความกระตือรือร้นต่อสู้กับชีวิต
ช่วยผลักดันให้เราต่อสู้กับอุปสรรคปัญหาต่างๆได้ นั้นจึงเป็นเหตุผลหลักๆที่
ทำาให้เรามีความคิดที่จะมีวิธีการจัดการกับความเครียด
วัต ถุป ระสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทำาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. เพื่อลดปัญหาความวิตกกังวล
2. เพื่อไม่ให้เกิดโรคที่มาจากความเครียด
3. เพื่อให้มีความสุขกับการใช้ชีวิต
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจำากัดของการ
ทำาโครงงาน)

3. 3
ขอบเขตของโครงงานจะจำากัดไว้เพียงเฉพาะความรู้เกี่ยวกับ
ความเครียด อาการของความเครียด
ชนิดของความเครียด และโรคที่
เกิดจากความเครียด ซึ่งได้อธิบายไว้พอสังเขป
หลัก การและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทำาโครง
งาน)
ความเครีย ด
ความเครียดสามารถเกิดได้ทุกแห่งทุกเวลาอาจจะเกิดจากสาเหตุภายนอก
เช่น การย้ายบ้าน การเปลี่ยนงาน ความเจ็บป่วย การหย่าร้าง ภาวะว่างงาน
ความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว หรืออาจจะเกิดจากภายในผู้ป่วยเอง เช่น
ความต้องการเรียนดี ความต้องการเป็นหนึ่งหรือความเจ็บป่วย
ความเครียดเป็นระบบเตือนภัยของร่างกาย ให้เตรียมพร้อมที่กระทำาสิ่งใดสิ่ง
หนึ่ง การมีความเครียดน้อยเกินไปและมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ
ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความเครียดเป็นสิ่งไม่ดี มันก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ
ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น แต่ความเครียดก็มีส่วนดี
เช่น ความตื่นเต้นความท้าทายและความสนุก สรุปแล้วความเครียดคือสิ่ง
ที่มาทำาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งมี่ทั้งผลดีและผลเสีย
ชนิด ของความเครีย ด
1.
•
•
•
•
•
•
•
2.
•
Acute stress คือความเครียดที่เกิดขึ้นทันที และร่างกายก็ตอบสนอง
ต่อความเครียดนั้นทันทีเหมือนกัน โดยมีการหลั่งฮอร์โมนความเครียด เมื่อ
ความเครียดหายไป ร่างกายก็จะกลับสู่ปกติเหมือนเดิมฮอร์โมนก็จะกลับสู่
ปกติ ตัวอย่างความเครียด
เสียง
อากาศเย็นหรือร้อน
ชุมชนที่คนมากๆ
ความกลัว
ตกใจ
หิวข้าว
อันตราย
Chronic stress หรือความเครียดเรื้อรังเป็นความเครียดที่เกิดขึ้นทุก
วันและร่างกายไม่สามารถตอบสนองหรือแสดงออกต่อความเครียดนั้น ซึ่ง
เมื่อนานวันเข้าความเครียดนั้นก็จะสะสมเป็นความเครียดเรื้อรัง ตัวอย่าง
ความเครียดเรื้อรัง
ความเครียดที่ทำางาน

4. 4
ความเครียดที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ความเครียดของแม่บ้าน
ความเหงา
•
•
•
ฮอร์โ มนที่เ กี่ย วข้อ งกับ ความเครีย ด
เมื่อมีภาวะกดดันหรือความเครียดร่างกายจะฮอร์โมนที่เรียกว่า cortisol
และ adrenaline ฮอร์โมนดังกล่าวจะทำาให้ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้น
เร็วเพื่อเตรียมพร้อมให้ร่างกายแข็งแรง และมีพลังงานพร้อมที่จะกระทำาเช่น
การวิ่งหนีอันตราย การยกของหนีไฟถ้าหากได้กระทำาฮอร์โมนนั้นจะถูกใช้
ไป ความกดดัน หรือความเครียดจะหายไป แต่ความเครียดหรือความกดดัน
มักจะเกิดขณะที่นั่งทำางาน ขับรถ กลุ่มใจไม่มีเงินค่าเทอมลูก ความเครียด
หรือความกดดันไม่สามารถกระทำาออกมาได้เกิดโดยที่ไม่รู้ตัว ทำาให้ฮอร์โมน
เหล่านั้นสะสมในร่างกายจนกระทั่งเกิดอาการทางกายและทางใจ
ผลเสีย ต่อ สุข ภาพ
ความเครียดเป็นสิ่งปกติที่สามารถพบได้ทุกวัน หากความเครียดนั้นเกิดจาก
ความกลัวหรืออันตราย ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจะเตรียมให้ร่างกายพร้อมที่จะ
ต่อสู้ อาการทีปรากฏก็เป็นเพียงทางกายเช่นความดันโลหิตสูงใจสั่น แต่
สำาหรับชีวิตประจำาวันจะมีสักกี่คนที่จะทราบว่าเราได้รับความเครียดโดยที่เรา
ไม่รู้ตัวหรือไม่มีทางหลีกเลี่ยง การที่มีความเครียดสะสมเรื้อรังทำาให้เกิด
อาการทางกาย และทางอารมณ์
อาการของความเครีย ด
การแก้ไ ขเมื่อ อยู่ใ นภาวะที่เ ครีย ดมาก
หากท่านมีอาการเครียดมากและแสดงออกทางร่างกายดังนี้
•
•
•
•
•
•
อ่อนแรงไม่อยากจะทำาอะไร
มีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ
วิตกกังวล
มีปัญหาเรื่องการนอน
ไม่มีความสุขกับชีวิต
เป็นโรคซึมเศร้า

5. 5
ให้ท ่า นปฏิบ ัต ิต ามคำา แนะนำา 10 ประการ
1. ให้นอนเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลา เวลาที่เหมาะสมสำาหรับการนอนคือ
เวลา 22.00 น.เมื่อภาวะเครียดมาก จะทำาให้ความสามารถในการ
กำาหนดเวลาของชีวิต( Body Clock )เสียไป ทำาให้เกิดปัญหานอนไม่
หลับหรือตื่นง่าย การกำาหนดเวลาหลับและเวลาตื่นจะทำาให้นาฬิกาชีวิต
เริ่มทำางาน และเมื่อความเครียดลดลง ก็สามารถที่จะหลับได้เหมือน
ปกติ ในการปรับตัวใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ บางครั้งเมื่อไปนอน
แล้วไม่หลับเป็นเวลา 45 นาที ให้หาหนังสือเบาๆมาอ่าน เมื่อง่วงก็ไป
หลับ ข้อสำาคัญอีกประการหนึ่งคือให้ร่างกายได้รับแสงแดดยามเช้า
เพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายปรับเวลา
2. หากเกิดอาการดังกล่าวต้องจัดเวลาให้ร่างกายได้พัก เช่นอาจจะไปพัก
ร้อน หรืออาจจะจัดวาระงาน งานที่ไม่สำาคัญและไม่เร่งด่วนก็ให้หยุดไม่
ต้องทำา
3. ให้เวลากับครอบครัวในวันหยุด อาจจะไปพักผ่อนหรือรับประทาน
อาหารนอนบ้าน
4. ให้เลื่อนการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในช่วงนี้ เช่นการซื้อรถใหม่ การ
เปลี่ยนบ้านใหม่ การเปลี่ยนงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงจะทำาให้เกิด
ความเครียด
5. หากคุณเป็นคนที่ชอบทำางานหรือชอบเรียนให้ลดเวลาลงเหลือไม่เกิน
40 ชม.สัปดาห์
6. การรับประทานอาหารให้รับประทานผักให้มากเพราะจะทำาให้สมอง
สร้าง serotonin เพิ่มสารตัวนี้จะช่วยลดความเครียด และควรจะได้รับ
วิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพอ
7. หยุดยาคลายเครียด และยาแก้โรคซึมเศร้า
8. ให้ออกกำาลังกายอย่างสมำ่าเสมอ และอาจจะมีการเต้นรำาด้วยก็ดี
ข้อ เท็จ จริง เกี่ย วกับ ความเครีย ด
1. ความเครียดเหมือนกันทุกคนหรือไม่ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดใน
แต่ละคนไม่เหมือนกัน และการตอบสนองต่อความเครียดก็แตกต่างใน
แต่ละคน
2. ความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีจริงหรือไม่ ความเครียดเปรียบเหมือนสายกีตาร์
ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปเสียก็ไม่ไพเราะ เช่นกันเครียดมากก็มีผลต่อ
สุขภาพเครียดพอดีจะช่วยสร้างผลผลิต และความสุข
3. จริงหรือไม่ที่ความเครียดมีอยู่ทุกแห่งคุณไม่สามารถจัดการกับมันได้
แม้ว่าจะมีความเครียดทุกแห่งแต่คุณสามารถวางแผนที่จะจัดการกับ
งาน ลำาดับความสำาคัญ ความเร่งด่วนของงานเพื่อลดความเครียด

6. 6
4. จริงหรือไม่ที่ไม่มีอาการคือไม่มีความเครียด ไม่จริงเนื่องจากอาจจะมี
ความเครียดโดยที่ไม่มีอาการก็ได้และความเครียดจะสะสมจนเกิน
อาการ
5. ควรให้ความสนใจกับความเครียดที่มีอาการมากๆใช่หรือไม่ เมื่อเริ่ม
เกิดอาการความเครียดแม้ไม่มากก็ต้องให้ความสนใจ เช่นอาการปวด
ศีรษะ ปวดท้องเพราะอาการเพียงเล็กน้อยจะเตือนว่าคุณต้อง
เปลี่ยนแปลงวิธีการดำาเนินชีวิตเพื่อลดความเครียด
6. ความเครียดคือโรคจิตใช่หรือไม่ ไม่ใช่เนื่องจากโรคจิตจะมีการ
แตกแยกของความคิด บุคลิคเปลี่ยนไปไม่สามารถดำาเนินชีวิตเหมือน
คนปกติ
7. ขณะที่มีความเครียดคุณสามารถทำางานได้อีก แต่คุณต้องจัดลำาดับก่อน
หลังและความสำาคัญของงาน
8. ไม่เชื่อว่าการเดินจะช่วยผ่อนคลายความเครียด การเดินจะช่วยผ่อน
คลายความเครียดนั้น
9. ความเครียดไม่ใช่ปัญหาเพราะเพียงแค่สูบบุหรี่ความเครียดก็หายไป
การสูบบุหรี่หรือดื่มสุราจะทำาให้ลืมปัญหาเท่านั้น นอกจากไม่สามารถ
แก้ปัญหาแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
เมื่อ ใดต้อ งปรึก ษาแพทย์
• เมื่อคุณรู้สึกเหมือนคนหลงทางหาทางแก้ไขไม่เจอ
• เมื่อคุณกังวลมากเกินกว่าเหตุและไม่สามารถควบคุม
• เมื่ออาการของความเครียดมีผลต่อคุณภาพชีวิตเช่นการนอน การรับ
ประทานอาหารงานที่ทำาความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง
โรคทางกายที่เ กิด จากความเครีย ด
• โรคปวดศีรษะไมเกรน
อาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะหลอดเลือดที่เยี่อหุ้มสมองส่วนนอก
ขยายตัวออก และเส้นประสาทที่อยู่บริเวณเดียวกันก็รับสัญญาณความเจ็บ
ปวดไป เมื่อเส้นประสาทถูกกระตุ้น มันก็จะหลั่งสารที่กระตุ้นให้ตัวรับ
สัญญาณคามเจ็บปวดทำางาน และทำาให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้นอีก
• โรคความดันโลหิตสูง
โดยปกติทุกคนจะมีความดันโลหิต ที่จะคอยผลักดันเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง
ๆ ของร่างกาย ซึ่งอัตราปกติหัวใจของคนเราจะเต้นอยู่ประมาณ 60-80 ครั้ง
ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ทั้งนี้ โดย
ปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่
องค์การอนามัยโลกได้กำาหนดไว้ว่า หากใครมีความดันโลหิตสูง 140/90
มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็น โรคความดันโลหิตสูง
• โรคหลอดเลือดสมอง

7. 7
เป็นการหยุดการทำางานของสมองอย่างฉับพลันโดยมีสาเหตุจากการรบกวน
หลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง โรคนี้อาจเกิดจากการขาดเลือดเฉพาะที่ของสมอง
(ischemia) ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะหลอดเลือดมีลิ่มเลือด (thrombosis) หรือ
ภาวะมีสิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (embolism) หรืออาจเกิดจากการตกเลือด
(hemorrhage) ในสมอง ผลจากภาวะดังกล่าวทำาให้สมองส่วนที่ขาดเลือด
หรือตกเลือดทำางานไม่ได้ และอาจส่งผลทำาให้อัมพาตครึ่งซีก
(hemiplegia; ไม่สามารถขยับแขนขาส่วนใดส่วนหนึ่งหรือซีกใดซีกหนึ่ง)
ไม่สามารถที่จะทำาความเข้าใจหรือพูดได้ หรือตาบอดครึ่งซีก
(hemianopsia; ไม่สามารถมองเห็นครึ่งซีกหนึ่งของลานสายตา) [1] ทั้งนี้
ถ้ามีความรุนแรงมาก อาจทำาให้ถึงตายได้
• โรคหัวใจ
หัวใจคนเรามี 4 ห้อง แบ่งซ้าย - ขวา โดยผนังของกล้ามเนื้อหัวใจ และแบ่ง
เป็นห้องบน –ล่างโดยลิ้นหัวใจ ในทุกๆ วัน หัวใจคนเราจะเต้นประมาณ
100,000 ครั้ง และสูบฉีดเลือดประมาณวันละ 2,000 แกลลอน เปรียบ
เสมือนการทำางานปกติของ "หัวใจ" อาการที่เกิดขึ้นเช่น เหนื่อยเวลาออกกำา
ลังกาย เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก ใจสั่นและหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
วิธ ีด ำา เนิน งาน
แนวทางการดำา เนิน งาน
1. กำาหนดหัวข้อโครงงาน
2. สืบค้นข้อมูล
3. ดำาเนินงานตามที่กำาหนดไว้
เครื่อ งมือ และอุป กรณ์ท ี่ใ ช้
- แบบทดสอบความเครียด
งบประมาณ
- ไม่มี
ขั้น ตอนและแผนดำา เนิน งาน
ลำา
ดับ
ที่
ขั้น ตอน
สัป ดาห์ท ี่
1 2 3 4 5 6 7 8 91 1 1 1 1 1 1 1
ผู้ร ับ ผิด
ชอบ

8. 8
1
2
3
4
5
6
7
8
คิดหัวข้อโครง
งาน
ศึกษาและ
ค้นคว้าข้อมูล
จัดทำาโครงร่าง
งาน
ปฏิบัติการสร้า
โครงงาน
ปรับปรุงทดสอบ
การทำาเอกสาร
รายงาน
ประเมินผลงาน
0 1 2 3 4 5 6 7
/
/
/ / /
/ / / /
/ / / /
/ / /
/ /
/ / /
นำาเสนอโครง
งาน
ศศิกาญ
จน์
สิรินันท์
ศศิกาญ
จน์
ศศิกาญ
จน์
สิรินันท์
สิรินันท์
ศศิกาญ
จน์
/ ศศิกาญ
จน์
สิรินันท์
ผลที่ค าดว่า จะได้ร ับ (ผลลัพธ์ที่ตองการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทำาโครง
้
งาน)
คาดหวังว่าสามารถจัดการกับความเครียดได้ สามารถเรียนหนังสือหรือ
ทำางานได้อย่างเต็มที่
ทำาให้ดำาเนินชีวิตประจำาวันได้อย่างมีความสุข และเพื่อลดการเกิดโรคที่มี
สาเหตุจากความเครียดอีกด้วย
สถานที่ด ำา เนิน การ
โรงเรียน
กลุ่ม สาระการเรีย นรู้ท ี่เ กี่ย วข้อ ง
- สุขศึกษา
แหล่ง อ้า งอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นำามาใช้การทำาโครงงาน)
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/neuro/psy/stress/stress.htm#.Ut9FX9L-Kc9