ความชื้น
- 1. ใบความรู้
เรือง ความชื นของอากาศ
่ ั
อากาศมีความชืน เพราะมีไอนํา ความชืนจะมากหรื อน้อยขึนอยูกบ ปริ มาณของไอนําในอากาศ
นันเอง
่
ความชื นของอากาศ หมายถึง ปริ มาณไอนําทีปะปนอยูในอากาศ ได้มาจากแหล่ง
การระเหยของนําจากแหล่งนําต่าง ๆ บนโลก การคายนําของพืช ตลอดจนการหายใจของสัตว์ ทําให้เกิดไอ
่ ั
นําซึ งเรามองไม่เห็นเนื องจากมีสถานะเป็ นแก๊ส ล่องลอยอยูทวไปในอากาศ อากาศทุกหนทุกแห่งมีไอนํา
แทรกตัวปะปนอยู่ แต่อาจมีปริ มาณมากน้อยต่างกัน ปริ มาณไอนําทีมีอยูในอากาศเราเรี ยกว่า ความชืนของ
่
อากาศ
ความชืนของอากาศในวันหนึง ๆ จะเปลียนแปลงโดยมีความชืนของอากาศสู งในเวลากลางคืนและ
ตอนเช้า เพราะอุณหภูมิของอากาศตําจึงรับไอนําในอากาศได้นอย ส่ วนในตอนกลางวันอุณหภูมิของอากาศ
้
สู งขึนจึงรับไอนําได้อีกมาก
ลักษณะภูมิอากาศร้อนชื น ลักษณะภูมิอากาศแห้ง
่
หรื ออาจกล่าวได้วา ถ้าความชืนในอากาศมีมากการระเหยของนําจากแหล่งต่าง ๆ จะน้อย เสื อผ้าที
ตากจะแห้งช้า หรื อรู ้สึกเหนียวตัวและอึดอัด แต่ถาความชื นในอากาศมีนอยหรื ออากาศแห้ง จะรู ้สึกเย็น
้ ้
สบาย เสื อผ้าแห้งง่าย จนถึงบางครังผิวหนังแห้งและแตก
ค่าความชืนของอากาศ โดยทัวไปมีวธีบอกความชืนของอากาศได้ 2 วิธี คือ
ิ
1.ความชืนสัมบูรณ์ หมายถึง อัตราส่ วนระหว่างมวลของไอนําในอากาศกับปริ มาตรของอากาศนัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าทราบว่าขณะนันในอากาศ 5 ลูกบาศก์เมตรมีไอนําอยู่ 15 กรัม แสดงว่าความชืนสัมบูรณ์ของ
อากาศขณะนันเป็ น 3 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
่
2.ความชืนสัมพัทธ์ คือปริ มาณเปรี ยบเทียบระหว่างมวลของไอนําทีมีอยูจริ งในอากาศขณะนันกับ
มวลของไอนําในอากาศอิมตัวทีอุณหภูมิและปริ มาตรเดียวกัน
- 2. ความชืนสัมพัทธ์มกแสดงเป็ นร้อยละซึ งแสดงได้ดงนี
ั ั
่
ความชืนสัมพัทธ์= มวลไอนําทีมีอยูจริ งในอากาศขณะนัน / มวลของไอนําในอากาศอิมตัวที
อุณหภูมิและปริ มาตรเดียวกัน X 100
เช่น ทีอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซี ยสอากาศอิมตัวด้วยไอนํา 160 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในขณะนัน
มีไอนําอยูเ่ พียง 120 กรัมต่อลูกบาศก์เมตรดังนัน ความชืนสัมพัทธ์ทางอากาศ
= 120 / 160 X 100 = 75 %
ความชืนในอากาศเปลียนแปลงอยูเ่ สมอ ถ้าความชืนในอากาศมีมากจะทําให้เหงือทีตัวเราระเหยได้
น้อย ทําให้เหนียวตัวและรู ้สึกอึดอัด นําจากแหล่งนําต่างๆ จะระเหยสู่ อากาศได้นอย ผ้าทีซักตากไว้จะแห้ง
้
ช้า แต่ถาความชืนในอากาศน้อยหรื ออากาศแห้ง เหงือทีตัวเราจะระเหยได้มาก ทําให้รู้สึกเย็น จนบางครังทํา
้
ให้ผวหนังแห้งหรื อแตก นําจาก แหล่งนําต่างๆระเหยได้ง่าย และผ้าทีตากไว้จะแห้งเร็ ว
ิ
การวัดความชื น
ในการวัดความชืนสัมพัทธ์ เราใช้เครื องมือซึ งเรี ยกว่า
่
ไฮโกรมิเตอร์ (Hygrometer) ซึ งมีอยูหลายชนิด มีทง ั
ทําด้วยกระเปาะเทอร์ โมมิเตอร์ และเป็ นอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ ไฮโกรมิเตอร์ ซึงสามารถทําได้เอง
และมีความน่าเชือถือเรี ยกว่า“สลิงไซโครมิเตอร์ ”
(Sling psychrometer) ประกอบด้วยเทอร์ โมมิเตอร์
จํานวน 2 อันอยูคู่กน โดยมีเทอร์ โมมิเตอร์ อนหนึงมี
่ ั ั
ผ้าชุบนําหุ มกระเปาะไว้ เรี ยกว่า “กระเปาะเปี ยก”
้
(Wet bulb) ส่ วนกระเปาะเทอร์ โมมิเตอร์ อีกอันหนึง
ไม่ได้หุมอะไรไว้ เรี ยกว่า “กระเปาะแห้ง” (Dry bulb)
้
เมือหมุนสลิงไซโครมิเตอร์ จบเวลา 3 นาที แล้วอ่าน
ั
ค่าแตกต่างของอุณหภูมิกระเปาะทังสองบนตาราง
เปรี ยบเทียบ ก็จะได้ค่าความชืนสัมพัทธ์ มีหน่วยเป็ น
เปอร์ เซ็นต์
- 3. การวัดความชืนในอากาศนิยมวัดเป็ นความชืนสัมพัทธ์ เครื องมือวัดความชืนสัมพัทธ์เรี ยกว่า
ั ่
ไฮกรอมิเตอร์ ซึ งมีหลายชนิดด้วยกัน ทียังใช้กนอยูโดยทัวไป ได้แก่ ไฮกรอมิเตอร์ แบบ กระเปาะ
เปี ยก-กระเปาะแห้ง
ความชืนสัมพัทธ์เป็ นเปอร์ เซ็นต์
อุณหภูมิเทอร์ โมมิเตอร์ กระเปาะแห้ง 10-14 15-19 20-24 25-29 30-34 35-39 40-44
ผลต่างของอุณหภูมิ
0.5 94 95 96 96 97 97 97
1.0 89 90 92 93 93 94 94
1.5 83 86 88 89 90 91 91
2.0 77 81 83 85 86 88 89
2.5 72 76 80 82 83 85 86
3.0 67 72 75 78 78 80 83
3.5 61 67 72 75 77 79 81
4.0 56 63 68 71 74 76 78
4.5 51 58 64 68 71 73 76
5.0 46 54 60 62 68 71 73
6 36 46 53 57 62 65 68
7 26 38 46 51 57 60 63
8 15 29 39 46 51 55 59
9 5 21 32 41 46 51 54
10 13 25 36 41 46 50
11 5 19 31 36 42 46
12 13 28 31 37 43
13 25 28 33 38
14 19 25 29 34
- 4. จากตารางนักเรี ยนจะได้ขอมูลดังนี
้
ถ้าอุณหภูมิของเทอร์ โมมิเตอร์ กระเปาะแห้งอ่านได้ 35 C และผลต่างของอุณหภูมิ
เทอร์ โมมิเตอร์ ทงสองเป็ น 5 C จะอ่านค่าความชืนสัมพัทธ์ได้ 71 % แต่ถาผลต่างของอุณหภูมิทง
ั ้ ั
สองมีค่า 8 C จะอ่านค่าความชืนสัมพัทธ์ได้ 55 % นักเรี ยนจะสามารถสรุ ปได้วา ณ อุณหภูมิหนึง
่
ถ้าความแตกต่างของอุณหภูมิจากเทอร์ โมมิเตอร์ กระเปาะเปี ยกและกระเปาะแห้งมีมากขึน ค่า
ความชืนสัมพัทธ์จะน้อยลง ความชืนสัมพัทธ์ทีพอเหมาะ กําลังสบายคือ 60 %