More Related Content
Similar to บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก (20)
More from Ta Lattapol (13)
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
- 5. ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1.Sensory Input : นาสัญญาณประสาทจากหน่วยรับ
ความรู้สึก (receptor) ไปยังศูนย์ที่อยู่ในระบบประสาท
ส่วนกลาง (CNS)
2.Integration : รวบรวมข้อมูลและแปรผล
3.Motor Output : นาคาสั่งจากศูนย์สั่งการไปยังหน่วย
ปฏิบัติงาน (effectors)
วงจรการรับรู้และการตอบสนองของสิ่งมีชีวิต
- 17. ตัวเซลล์จะประกอบไปด้วย ไซโทพลาซึมและนิวเคลียส ภายในมี
ออร์แกเนลล์คือ ไมโทคอนเดรีย เอนโดพลาสมิกเรติคิวลัม และกอลจิคอม
เพล็กซ์ ส่วยใหญ่มีเส้นใยประสาท ซึ่งเป็นส่วนของเซลล์ที่ยื่นออกมาจาก
ตัวเซลล์ มีลักษณะเป็นแขนงเล็กๆ
เส้นใยประสาทที่นากระแสประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์เรียกว่า เดน
ไดรต์ (dendrite) เส้นใยประสาทที่นากระแสประสาทออกจากตัวเซลล์
เรียกว่า แอกซอน (axon)
เซลล์ประสาท
- 21. เซลล์ประสาท
บริเวณปลายของ axon เรียกว่า axon terminal ซึ่งทาหน้าที่ถ่ายทอด
สัญญาณไปยังเซลล์เป้าหมายโดยการหลั่งสารสื่อประสาท (neurotransmitter)
เซลล์เป้าหมายอาจเป็นเซลล์ของ effector (เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ) หรืออาจ
เป็นเซลล์ประสาทอีกเซลล์หนึ่งซึ่งจะมีตัวรับสารสื่อประสาท (neurotransmitter
receptor)
บริเวณที่มีการติดต่อระหว่าง axon terminal กับเซลล์เป้าหมาย เป็นช่องว่าง
เล็กๆ เรียกว่า synapse
- 24. เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่ได้ 3 ชนิด
1. เซลล์ประสาทรับความรู้สึก (sensory neuron) เป็นเซลล์
ประสาทที่รับกระแสประสาทจากหน่วยความรู้สึกแล้วถ่ายทอดกระแส
ประสาทไปยังเซลล์ประสาทสั่งการ ตัวเซลล์ประสาทรับความรู้สึกอยู่ที่ปม
ประสาทรากบนของไขสันหลัง
เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่
- 25. เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่ได้ 3 ชนิด
2. เซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron) มักมีแอกซอนยาวกว่า
เดนไดรต์ เพราะเซลล์ประสาทสั่งการที่อยู่ในไขสันหลังต้องส่งกระแส
ประสาทออกจากไขสันหลังเพื่อนากระแสประสาทไปยังหน่วยปฏิบัติการ
เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่
- 26. เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่ได้ 3 ชนิด
3. เซลล์ประสาทประสานงาน (association neuron) เซลล์
ประสาทนี้อยู่ภายในสมองและไขสันหลัง จะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์
ประสาทรับความรู้สึกกับเซลล์ประสาทสั่งการ
เซลล์ประสาทจาแนกตามหน้าที่
- 28. เซลล์ประสาทจาแนกตามลักษณะรูปร่างได้ 3 ชนิด
เซลล์ประสาทจาแนกตามลักษณะรูปร่าง
1. เซลล์ประสาทขั้วเดียว (unipolar neuron) เป็นเซลล์ประสาท
ที่มีเส้นใยประสาทแยกออกมาจากตัวเซลล์เพียง 1 เส้นใยคือ แอกซอน
เนื่องจากเซลล์ประสาทชนิดนี้มีไซแนปส์มาเชื่อมต่อน้อย พบในเซลล์
ประสาทที่หลั่งฮอร์โมนของสัตว์ต่างๆ
เซลล์ประสาทในกลุ่มนี้ยังมีเซลล์ประสาทขั้วเดียวเทียม
(pseudounipolar neuron) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีเส้นใยประสาทแยกออกจาก
ตัวเซลล์เส้นใยเดียวแล้วแตกออกเป็น 2
เส้นใย โดยเส้นใยหนึ่งตรงปลายแตกเป็น
เดนไดรต์จะไปรับสัญญาณจากหน่วยรับ
ความรู้สึกที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้ว
ส่งผ่านไปยังเส้นใยอีกเส้นหนึ่ง โดยไม่
ผ่านตัวเซลล์แล้วไปไซแนปส์กับเซลล์
ประสาทประสานงานในไขสันหลัง
- 34. -membrane potential: ความต่างศักย์ที่เยื่อเซลล์
เนื่องจากความแตกต่างของอิออน ภายใน-นอก
เซลล์ (Na+ K+ Cl- และโปรตีน) ปกติมีค่า= -50 ถึง -
100 mV (ค่าติดลบหมายถึงภายในเซลล์มีขั้วเป็นลบเมื่อ
เทียบกับนอกเซลล์)
-สามารถวัดได้โดยใช้ microelectrode ต่อกับ
voltmeter หรือoscilloscope หรือใช้
micromanipulator วัด
-membrane potential ของเซลล์ประสาทขณะที่ยัง
ไม่ถูกกระตุ้นเรียก
resting potential
Membrane potential
- 35. -Chemically-gated ion channels: เป็นประตูที่เปิ ด-ปิ ดเมื่อได้รับการกระตุ้นจาก
สารเคมี เช่น neurotransmitter โดย gated ion channel จะจาเพาะต่อ ion ชนิด
ใดชนิดหนึ่งเท่านั้น
-Voltage-gated ion channels: เป็นประตูที่เปิ ด-ปิ ดจากการกระตุ้นของ
membrane potential
- 36. Hyperpolarization และ depolarizati
Hyperpolarization: เป็นการเพิ่ม
ศักย์ไฟฟ้ าที่เยื่อเซลล์ เช่น จาก
การเปิ ดของ K+ channel, K+
เคลื่อนออกจากเซลล์เพิ่มขึ้น ทา
ให้ภายในเยื่อเซลล์มีประจุเป็น
ลบเพิ่มขึ้น (-70mV -90mV)
Depolarization: เป็นการลด
ศักย์ไฟฟ้ าที่เยื่อเซลล์ เช่น จาก
การเปิ ดของ Na+ channel, Na+
เคลื่อนเข้าสู่เซลล์เพิ่มขึ้น ทาให้
ภายในเยื่อเซลล์มีประจุเป็นลบ
ลดลง(-70mV -50mV)
Graded potential การเปลี่ยนแปลงศักย์ไฟฟ้ า
(hyper & depolarization) ตามความแรงของสิ่งเร้า
- 37. Action potential
-action potential: การเปลี่ยนแปลง membrane potential อย่างรวดเร็วของ
เซลล์
ประสาทเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า ที่ทาให้เกิด depolarization จนถึงระดับ
threshold potential
-เกิดที่ axon เท่านั้น และเป็นแบบ all-or-none
แบ่งเป็น 5 ระยะดังนี้
1.Resting state
2.Threshold
3.Depolarization
4.Repolarization
5.Undershoot
- 38. ระยะที่ 2: Threshold
-สิ่งเร้ามากระตุ้น ทาให้ Na+ channel
บางส่วนเปิ ด ถ้าการไหลของ Na+ เข้าสู่
เซลล์มากพอจนถึงระดับ threshold
potential จะกระตุ้น Na+ gate เปิ ดมากขึ้น
และกระตุ้นให้เกิด action potential
- 39. ระยะที่ 3: Depolarization
-activation gate ของ
Na+ channel เปิ ด แต่ K+
channel ยังคงปิ ดอยู่
ดังนั้นการเคลื่อนที่ของ
Na+เข้าภายในเซลล์จึง
ทาให้ภายในเซลล์มี
ประจุเป็นบวกมากขึ้น
(หรือเป็นลบลดลง)
- 40. ระยะที่ 4: Repolarization
-inactivation gate ของ
Na+ channel ปิ ด และ
K+ channel เปิ ด ทาให้
Na+ไม่สามารถเคลื่อนเข้าสู่
ภายในเซลล์ได้อีก ในขณะที่ K+จะ
เคลื่อนออกนอกเซลล์ จึงทาให้ภายใน
เซลล์มีประจุเป็นลบเพิ่มขึ้น กลับคืนสู่
สภาวะ resting membrane potential
- 41. ระยะที่ 5: Undershoot
-gate ทั้งสองอันของ Na+ ปิ ด แต่ K+ channel ยังเปิ ดอยู่ (relatively slow gate) จึง
ทาให้ภายในเซลล์มีประจุลดลงต่ากว่า resting membrane potential หลังจากนั้น
เซลล์จะกลับสู่สภาวะปกติ(Na+-K+ pump)และพร้อมจะตอบสนองต่อการกระตุ้นลาดับ
repolarizationและundershoot = refractory perio
- 42. Propagation of action potential
1.ขณะที่เกิด action potential (ในตาแหน่งที่ 1) N+
เคลื่อนเข้าสู่ภายในเซลล์ ซึ่ง Na+ ที่เคลื่อนเข้ามา
ภายในเซลล์จะแพร่ไปยังบริเวณข้างเคียง(ตาแหน่งที่
2) และสามารถกระตุ้นให้บริเวณข้างเคียงเกิด
depolarization และ action potential ได้ในที่สุด
2.ขณะที่ ตาแหน่งที่ 2 เกิด action potential ใน
ตาแหน่งที่ 1 จะเกิด repolarization (refractory
period) จึงทาให้ไม่สามารถเกิด action potential
ในทิศทางย้อนกลับได้
3.หลังจากนั้น action potential จะเคลื่อนไปสู่
ตาแหน่งที่ 3 และตาแหน่งที่ 2 จะเกิด refractory
period และ ตาแหน่งที่ 1 จะกลับสู่สภาวะ resting
stage ต่อไป
-การเคลื่อนของ action potential บน axon จึง
เคลื่อนไปในทิศทางเดียว(ออกจาก cell body)
เท่านั้น
- 43. Saltatory conduction
-ใน myelinated axon การเกิด action potential จะเกิดระหว่าง node of Ranvier
หนึ่ง
ไปยังอีก node หนึ่ง เพราะการเคลื่อนที่ของ Na+ และ K+ เข้า-ออกจากเซลล์เกิดได้
เฉพาะบริเวณ node of Ranvier เท่านั้น ลักษณะนี้เรียก saltatory conduction
-ความเร็วในการเคลื่อนของaction potential ไปตาม axon จะขึ้นอยู่กับความกว้าง
ของ axon ยิ่งกว้างยิ่งเคลื่อนได้เร็ว
-แต่ในพวก myelinated axon ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่ action potential ก็เคลื่อนได้
เร็ว
- 44. Electrical synapse
-บริเวณ presynatic membrane และ postsynaptic membrane เชื่อมต่อกันด้วย
gap junction ดังนั้น ion current จากaction potential จึงสามารถเคลื่อนจาก
เซลล์ประสาทหนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งได้โดยตรง
Presynaptic membranePostsynaptic memb
- 45. Chemical synapse
1.action potential ที่ synaptic terminal ทาให้เกิด Ca+ influx
2.synaptic vesicle รวมกับเยื่อเซลล์
3.หลั่งneurotransmitter สู่ synaptic cleft และเคลื่อนไปจับกับ
ตัวรับที่ postsynatic membrane
4.การจับทาให้ ion channel (เช่น Na+) เปิ ด, Na+ เคลื่อนเข้าใน
เซลล์ เกิด depolarization
- 50. การเกิดกระแสประสาท
1. เซลล์ประสาทขณะพัก (reating neuron) ความต่างศักย์ภายในและภายนอก
เซลล์ขณะพักซึ่งเรียกว่า resting potential มีค่า ประมาณ60 มิลลิโวลต์
2. เซลล์ประสาทขณะมีการขนส่ง กระแสประสาทเมื่อถูกกระต้น เกิด
ภาวะการณ์กลับขั้วขึ้น depolarization และรียกว่า ความต่างศักย์ไฟฟ้าที่
เปลี่ยนไปนี้ว่า Action potential
3. เซลล์ประสาทขณะุยดการขนส่ง กระแสประสาทุลังจากเกิดการกลับขั้ว
(depolarization) ความต่างศักย์ไฟฟ้าจะลดลงจนกลับมาเป็น 60
มิลลิโวลต์เุมือนในขณะพักเรียกว่ามีการเกิดคืนขั้ว (Repolarization)
ทาใุ้ศักย์ไฟฟ้ามีค่าเท่ากับResting potential เุมือนเดิม
- 52. 52
• ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous
System; CNS) ประกอบด้วย สมองและไขสันหลัง
ทาหน้าทีรวบรวม แปลผลข้อมูล และควบคุมการ
ทางานของอวัยวะภายนอก เช่น แขน ขา กล้ามเนื้อ
กระดูก
• ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral Nervous
System; PNS) ประกอบด้วย
– เส้นประสาทที่ออกจากสมอง (cranial nerve)
– เส้นประสาทที่ออกจากไขสันหลัง (spinal nerve)
– ปมประสาท (ganglia)
ทาหน้าที่นาสัญญาณประสาทเข้า-ออก CNS และ
ควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายใน
ร่างกาย
ระบบประสาทของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
- 55. ทั้งสมองและไขสันหลัง (Spinal Cord) จะอยู่ภายในเยื่อหุ้ม 3 ชั้น
1. ชั้นนอกมีลักษณะหนาเหนียวและแข็งแรง ทาหน้าที่ป้องกันการ
กระทบกระเทือนแก่ส่วนที่เป็นเนื้อสมองและไขสันหลัง
2. ชั้นกลางเป็นเยื่อบางๆ
3. ชั้นในแนบสนิทไปตามรอยโค้งเว้าของสมองและไขสันหลังจึงมีหลอด
เลือดมาหล่อเลี้ยงอยู่มาก เพื่อนาสารอาหารและแก๊สออกซิเจนมาเลี้ยงเซลล์
ชั้นใน
ระบบประสาทของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
- 61. สมองของคน
ซีรีบรัม (Cerebrum)
สมองส่วนหน้า (Forebrain)
• เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เทเลนเซฟาลอน (Telencephalon)
• เป็นสมองส่วนที่ใหญ่ที่สุด
• ประกอบด้วย 2 ซีก (hemispheres) ซ้าย & ขวา
• หน้าที่: ความจา การเรียนรู้ การใช้เหตุผล การพูด ศูนย์กลาง
การรับรู้การมองเห็น การได้ยิน กลิ่น รส
- 63. สมองของคน
ธาลามัส (Thalamus)
สมองส่วนหน้า (Forebrain)
• เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทาลาเมนเซฟาลอน (Thalamencephalon)
• เป็นบริเวณที่รวมกลุ่มของตัวเซลล์ประสาทและเนื้อเยื่อ
เกี่ยวพันที่เรียกว่านิวโรเกลีย (neuroglia) ทาหน้าที่รับ
สัญญาณประสาทจากหูและตา แล้วส่งต่อไปยังซีรีบรัม
• เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวของซีรีบรัม
• มีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างความจาและอารมณ์
- 65. สมองของคน
สมองส่วนกลาง (Midbrain)
• อีกชื่อหนึ่งคือ มีเซนเซฟาลอน (Mesencephalon)
• มีส่วนที่พองออกเป็นกระเปาะเรียกว่า ออพติกโลป (Optic
lobe)
– ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม ถ่ายทอดสัญญาณประสาทเกี่ยวกับการ
มองเห็นและการได้ยิน
– ในปลา รับความรู้สึกจากเส้นข้างลาตัว
- 71. ไขสันหลังของคน
ไขสันหลังประกอบด้วย 2 บริเวณ คือ บริเวณเนื้อสีเทา มีตัวเซลล์ประสาท
อยู่หนาแน่น ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยเนื้อสีขาว บริเวณที่มีเส้นใยประสาทที่มีเยื่อ
หุ้มไมอีลินหุ้ม ตรงกลางของไขสันหลังบริเวณเนื้อสีเทาจะมีช่องกลวง ภายในมี
น้าเลี้ยงสมองและไขสันหลังบรรจุอยู่
- 75. สื่อบทเรียนคอมพิเตอร์ช่วยสอนประกอบคำบรรยำย 75
เส้นประสาทไขสันหลังในคนมีทั้งหมด 31 คู่ เรียกตามชื่อ
กระดูก คือ
เส้นประสาทบริเวณคอ (Cervical nerve) 8 คู่
เส้นประสาทบริเวณคอ (Thoracic nerve) 12 คู่
เส้นประสาทบริเวณเอว (Lumber nerve) 5 คู่
เส้นประสาทบริเวณเกระเบนเหน็บ (Sacral nerve) 5 คู่
เส้นประสาทบริเวณก้นกบ (Coccygeal nerve) 1 คู่
คู่นี้จัดเป็นเส้นประสาทแบบผสม (Mixed nerve) ไขสันหลังมีเยื่อหุ้ม 3
ชั้นเหมือนสมอง แต่เนื้อสีขาวอยู่ด้านนอก เนื้อสีเทาอยู่ด้านในตรงข้าม
กับเนื้อสมอง
ไขสันหลังของคน
- 79. Peripheral Nervous System
-ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี cranial
nerve 12 คู่ spinal nerve 31 คู่
-cranial nerve ส่วนใหญ่ & spinal
nerve ทั้งหมด ประกอบด้วย sensory &
motor neuron ยกเว้น olfactory &
optic nerve เป็นเฉพาะ sensory nerve
-sensory division ประกอบด้วย
sensory neuron นาคาสั่งจาก
sensory receptor ไปยัง CNS
-motor division ประกอบด้วย motor neuron นา
คาสั่งจาก CNS ไปยัง effector cells
-SNS นาคาสั่งไปยัง skeletal muscle เพื่อตอบสนองต่อ external stimuli
-ANS นาคาสั่งไปยัง smooth & cardiac muscle เพื่อตอบสนองต่อ external stimuli
- 80. Parasympathetic and sympathetic nervous system
-parasympathetic และ
sympathetic มักจะทางาน
ตรงข้ามกัน (antagonist)
-sym มักจะกระตุ้นการ
ทางานของอวัยวะที่ทาให้
เกิดการตื่นตัวและก่อให้เกิด
พลังงาน ในขณะที่ parasym
จะเกิดตรงกันข้าม
-sympathetic neuron
มักจะหลั่ง norepinephrine
-parasympathetic neuron
มักจะหลั่ง acetylcholine
preganglionic ganglion, Achpostganglionic ganglion
- 86. ระบบประสาท
(Nervous system)
ระบบประสาทส่วนกลาง
(Nervous system)
ระบบประสาทรอบนอก
(Nervous system)
สมอง
(Brain)
ไขสันหลัง
(Spinal cord)
ประสาทรับความรู้สึก
(sensory (afferent) division)
ประสาทนาคาสั่ง
(Motor (afferent) division)
ประสาทรับความรู้สึกโซมาติก
(Somatic sensory neuron)
ประสาทรับความรู้สึกจากอวัยวะภายใน
(Visceral sensory neuron)
ระบบประสาทอัตโนวัติ
(Automotic nervous system)
ระบบประสาทโซมาติก
(Somatic nervous system)
ระบบประสาทซิมพาเทติก
(Sympathetic division)
ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
(Parasympathetic division)
- 87. ระบบประสาทโซมาติก (Somatic
Nervous System หรือ SNS) เป็นระบบ
ประสาทที่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม
ภายนอก เซลล์ประสาทนาคาสั่งจะ
นากระแสประสาท ที่เป็นคาสั่งจากสมอง
หรือไขสันหลังไปสู่หน่วยปฏิบัติงาน ซึ่งเป็น
กล้ามเนื้อลาย
ทาให้เกิดการตอบสนองที่อยู่ใต้
อานาจของจิตใจ ตลอดจนการตอบสนอง
แบบรีเฟลกซ์ของกล้ามเนื้อลาย
ระบบประสาทโซมาติก
- 88. Reflex Arc ของระบบประสาทอานาจจิตใจ ประกอบด้วย
สิ่งเร้า
หน่วยรับความรู้สึก
เซลล์ประสาทรับความรู้สึก
เซลล์ประสาทประสานงาน
เซลล์ประสาทนาคาสั่ง
หน่วยปฏิบัติงาน
ตัวอย่าง ได้แก่ กล้ามเนื้อลาย
ระบบประสาทโซมาติก
จากแผนภาพการ
ทางานของระบบ
ประสาท จะเห็นได้ว่า
มีหน่วยที่เกี่ยวข้องกับ
การทางานอยู่ 5
หน่วย
- 90. ระบบประสาทโซมาติก
1. รีเฟลกซ์อาร์กอย่างง่าย (Monosynaptic Reflex Arc)
ประกอบด้วยเซลล์ประสาทเพียง 2 เซลล์ คือ เซลล์ประสาทรับความรู้สึก
และเซลล์ประสาทนาคาสั่ง ซึ่งมีไซแนปส์ติดต่อกันโดยตรงที่ไขสันหลัง
2. รีเฟลกซ์อาร์กอย่างซับซ้อน (Polysynaptic Reflex Arc) เป็น
วงจรของระบบประสาทที่ประกอบขึ้นด้วยเซลล์ประสาท 3 เซลล์ คือ เซลล์
ประสาทรับความรู้สึก เซลล์ประสาทประสานงาน และเซลล์ประสาทนา
คาสั่ง มีไซแนปส์เกิดขึ้น 2 แห่ง คือ ระหว่างเซลล์ประสาทรับความรู้สึกกับ
เซลล์ประสาทประสานงาน และระหว่างเซลล์ประสาทประสานงานกับเซลล์
ประสาทนาคาสั่ง
- 93. ระบบประสาทอัตโนวัติ
• ระบบประสาทอัตโนวัติ (Autonomic Nervous System หรือ
ANS)
• เป็นส่วนหนึ่งของระบบเส้นประสาทรอบนอก (PNS)
• อยู่นอกเหนือการควบคุมของจิตใจ
• ทาหน้าที่คอยควบคุมอวัยวะภายในให้ทางานได้ด้วยตนเอง
• แบ่งเป็น 2 ฝ่าย
เส้นประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic nerve)
เส้นประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic nerve)
- 94. ระบบประสาทอัตโนวัติ
• ในร่างกาย เป็นระบบประสาทที่มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่สมองเมดัลลา
ออบลองกาตา และไขสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ การทางานของ
ระบบประสาทอัตโนวัติ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ระบบ คือ
1. ระบบซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System)
ประกอบด้วยเส้นประสาทที่มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่ไขสันหลัง ส่วนคอ อก
เอว และส่วนที่อยู่เหนือกระเบนเหน็บขึ้นมา (Thoraco-lumber
Sympathetic) มีแขนงประสาทก่อนถึงปมประสาท (Preganglionic
Fiber) เป็นเส้นสั้น ๆ ที่ปลายแอกซอนของเซลล์ประสาทนี้จะหลั่ง
สารเคมีซึ่งเป็นสารสื่อประสาทพวกแอซีทิลโคลีน (Acetycholine)
ส่วนแขนงของเซลล์ประสาทหลังปม (Postganglionic Fiber) เป็น
เส้นยาว และที่ปลายแอกซอนจะหลั่งสารสื่อประสาทพวกอะดรีนาลีน
(Adrenaline) แต่อาจมีบางแขนงที่สามารถหลั่งแอซีทิลโคลีนได้
- 95. ระบบประสาทอัตโนวัติ
• ในร่างกาย เป็นระบบประสาทที่มีศูนย์ควบคุมอยู่ที่สมองเมดัลลา
ออบลองกาตา และไขสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ การทางานของ
ระบบประสาทอัตโนวัติ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ระบบ คือ
2. ระบบพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous
System) ประกอบด้วยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 3, 7, 9 และ 10 ที่แตก
ออกมาจากสมองส่วนกลาง ส่วนเมดัลลา ออบลองกาตา และ
เส้นประสาทที่มาจากกระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ
เส้นประสาทในระบบนี้มีแขนงของเส้นประสาทก่อนถึงปม
ประสาทเป็นเส้นยาว ที่ปลายเซลล์จะหลั่งสารสื่อประสาทพวกแอ
ซีทิลโคลีน ส่วนแขนงประสาทหลังปมเป็นเส้นสั้น ๆ และที่ปลาย
เซลล์จะหลั่งสารสื่อประสาทพวกแอซีทิลโคลีนเช่นกัน
- 98. การทางานของระบบประสาทโซมาติก (SNS)
กับระบบประสาทอัตโนวัติ (ANS)
ข้อเปรียบเทียบ SNS ANS
1. รูปร่าง
1) หน่วยปฏิบัติงาน กล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อหัวใจ
และต่อมต่าง ๆ
2) ปมประสามนอกระบบ
ประสาท
ไม่มี มี
3) จานวนเซลล์ประสาท หนึ่งเซลล์ สองเซลล์
4) ใยประสาท มีเยื่อไมอีลีนหุ้ม ใยประสาทก่อนไซแนปส์
(Peganglionic) มีเยื่อไมอีลินหุ้ม
แต่ใยประสาทหลังไซแนปส์
(Poastganglionic) เป็นชนิดไม่มี
เยื่อไมอีลินหุ้ม
- 100. การทางานของระบบประสาทโซมาติก (SNS)
กับระบบประสาทอัตโนวัติ (ANS)
ข้อเปรียบเทียบ SNS ANS
2. หน้าที่
1) การออกฤทธิ์ต่อหน่วย
ปฏิบัติงาน
กระตุ้น อาจกระตุ้นหรือยับยั้งการทางาน
ก็ได้
2) ผลต่ออวัยวะที่ไปหล่อ
เลี้ยงถ้าตัดประสารออก
อัมพาตและฝ่อไป ยังสามารถทางานได้
3) บทบาทการทางาน ในอานาจจิตใจเพื่อ
ปรับให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมนอก
ร่างกาย
นอกอานาจจิตใจ ปรับให้เข้ากับ
สภาพแวดล้อมนอกร่างกาย
4) สารสื่อประสาท แอซีทิลโคลีน แอซีทิลโคลินและอะดรีนาลีน
- 101. อวัยวะ ประสาทซิมพาเทติก
(sympathetic nerve)
ประสาทพาราซิมพาเทติก
(parasympathetic nerve)
ต่อมเหงื่อ บีบตัวให้เหงื่อออก ต่อมขยายตัวเหงื่อออกน้อย
ต่อมน้าตา กระตุ้นให้หลั่งน้าตามากกว่า
ปกติ
กระตุ้นให้หลั่งปกติ
หัวใจ เต้นแรงและเร็วขึ้นทาให้
หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ
ขยายตัว
เต้นช้าและเบาลง
กระเพาะและ
ลาไส้
หยุดการเคลื่อนไหว และการ
สร้างน้าย่อย กระตุ้นการบีบ
ตัวของกล้ามเนื้อหูรูด
กระตุ้นการเคลื่อนไหว และ
การสร้างน้าย่อย กระตุ้นการ
คลายตัวของกล้ามเนื้อหูรูด
ระบบประสาทซิมพาเทติกกับระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
- 102. อวัยวะ ประสาทซิมพาเทติก
(sympathetic nerve)
ประสาทพาราซิมพาเทติก
(parasympathetic nerve)
ตับ กระตุ้นการขยายตัวของไกล
โคเจนยับยั้งการหลั่งน้าดี
กระตุ้นการหลั่งน้าดี
ตับอ่อน ห้ามการหลั่งของน้าย่อย
และฮอร์โมนจากตับอ่อน
กระตุ้นการหลั่งของน้าย่อย
และฮอร์โมน
กระเพาะปัสสาวะ ทาให้กระเพาะปัสสาวะ
คลายตัว ห้ามไม่ให้ปัสสาวะ
กระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะ
บีบตัวและขับปัสสาวะ
ต่อมน้าลาย กระตุ้นการสร้างเมือกทาให้
น้าลายเหนียวและลดการ
หลั่งน้าลาย
ลดการสร้างเมือกทาให้
น้าลายใสและเพิ่มการหลั่ง
น้าลาย
ระบบประสาทซิมพาเทติกกับระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
- 104. ระบบประสาทซิมพาเทติกกับระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
ข้อเปรียบเทียบ ประสาทซิมพาเทติก ประสาทพาราซิมพาเทติก
1. ศูนย์กลางการสั่งงาน อยู่ที่ไขสันหลัง อยู่ที่สมองและไขสันหลัง
2. เซลล์ประสาทนาคาสั่ง 2 เซลล์ 2 เซลล์
3. เซลล์ประสาทก่อนไซแนปส์ สั้น ยาว
4. เซลล์ประสาทหลังไซแนปส์ ยาว สั้น
5. ที่พบกันระหว่างเซลล์ประสาท
ก่อนไซแนปส์และหลังไซแนปส์
ที่ปมประสาทอัตโนวัติหรือ
ปมในช่อง
ที่ปมในอวัยวะภายใน
6. สารสื่อประสาทจากเซลล์
ประสาทนาคาสั่งที่ออกจากไขสัน
หลังไปยังปมประสาท
มีแอซิติลโคลีนมากกว่า มีแอซิติลโคลีนน้อยกว่า
7. สารสื่อประสาทจากเซลล์ประสาท
นาคาสั่งที่ออกจากปมประสาท
นอร์เอพิเนฟริน แอซิติลโคลีน
8. เซลล์ประสาทประสานงาน ไม่มี ไม่มี
9. การทากิจกรรม กิจกรรมการต่อสู้หรือหนีศัตรู กิจกรรมตามปกติ
- 106. สื่อบทเรียนคอมพิเตอร์ช่วยสอนประกอบคำบรรยำย 106
อวัยวะรับความรู้สึก (Sense Organs) บางครั้งอาจเรียกว่ารีเซพ
เตอร์ (Receptors) แบ่งเป็น 5 ชนิด
1. อวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการมองเห็น
2. อวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว
3. อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับการได้รับกลิ่น
4. อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับการรับรส
5. อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับการสัมผัส
อวัยวะรับความรู้สึก (Sense Organs)
- 107. อวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการมองเห็น
• ตา (eyes) เป็นอวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการมองเห็น
• สัตว์ชั้นต่ารับแสงได้แต่รับภาพไม่ได้
• สัตว์ชั้นสูงรับภาพได้เพราะมีทั้งเลนส์และเรตินา (retina)
• เลนส์ คอร์เนีย และของเหลวในลูกตา ช่วยโฟกัสแสงให้ ตกที่เรตินา
• รูม่านตา (pupil) ทาหน้าที่ควบคุมปริมาณแสง
- 109. อวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการมองเห็น
• Rod Cells เป็นเซลล์รูปแท่งทรงกระบอก เป็นเซลล์ที่รับรู้ความสว่าง
(ภาพขาว-ดา) สามารถรับแสงได้แม้ในที่สลัว
• Cone Cells เป็นเซลล์รูปกรวย รับรู้สี ทางานได้เฉพาะเวลามีแสง
สว่างมากๆ
• ในตาคนมี Rod cells มากกว่า Cone Cells ประมาณ 4 เท่า
• สัตว์ที่หากินกลางคืนจะมีสัดส่วน Rod Cells ต่อ Cone Cells ที่
มากกว่านี้
- 110. อวัยวะรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับการมองเห็น
• ที่ส่วนนอกของ Rods และ Cones มีถุงบรรจุรงควัตถุที่ใช้ในการ
มองเห็น มีชื่อว่าโรดอปซิน (Rhodopsin)
• Rhodopsin = Opsin (Protein) + Retinal (Pigment)
• เมื่อ Rhodopsin ดูดกลืนแสง จะเกิดการแตกตัวและปลดปล่อย
Opsin ออกมา
• Opsin ทาให้เกิดชุดปฏิกิริยาที่ส่งผลให้เกิดการปิด ion channels
และเกิดสัญญาณประสาท
- 118. อวัยวะรับความรู้สึกทางเคมี (Chemoreceptor)
• เซลล์รับรส (Taste Cells) อยู่ใน
ต่อมรับรส (Taste Buds)
• ที่ไมโครวิลไลของเซลล์รับรสมี
โปรตีนที่ทาหน้าที่เป็นตัวรับ
(Receptor) เพื่อจับกับโมเลกุล
ต่างๆ ซึ่งสมองรับรู้ว่าเป็นรสหวาน
ขม เปรี้ยว และเค็ม
• ความเผ็ดไม่ใช่รส แต่เป็นการ
ระคายเคืองที่เกิดกับเซลล์ของต่อม
รับรส
อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับการรับรส
- 119. อวัยวะรับความรู้สึกทางเคมี (Chemoreceptor)
การส่งสัญญาณโดย Taste Receptor
1. โมเลกุลสารเคมีจับกับเซลล์รับรสในต่อมรับรส
2. สัญญาณประสาทถูกถ่ายทอดและขยายโดยการทางานของ Signal
Transduction Pathway
3. สัญญาณจากข้อ (2) ทาให้ K+ Channel ปิด
4. Na+ แพร่เข้าสู่เซลล์ ทาให้เกิด Depolarization
5. Action Potential ทาให้มีการนา Ca2+ เข้าสู่เซลล์
6. ความเข้มข้นของ Ca2+ ที่เพิ่มขึ้นทาให้มีการหลั่งสารสื่อประสาท
อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับการรับรส