SlideShare a Scribd company logo
1 of 29
Download to read offline
๑

หลักการสงครามในศตวรรษที่ ๒๑: การพิจารณาทางยุทธศาสตร์
The Principle of War in the 21st Century: Strategic Considerations
By
William T. Johnsen
Douglas V. Johnson II
James O. Kievit
Douglas C. Lovelace, Jr
And
Steven Metz
แปลและเรียบเรียงโดย
นาวาอากาศโท วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
-----------------------------------------------------------------------------------ตอนที่ ๑
บทนา
จากประวัติศาสตร์การสงครามที่ผานมา นักยุทธศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ นักปรัชญา และนักการ
่
ทหาร ได้ ใช้ ความความพยายามอย่างยิ่งที่จะทาความเข้ าใจในความสลับซับซ้ อนของการสงคราม ด้ วย
ความพยายามอันยาวนานตลอดยุคประวัติศาสตร์ของการสงคราม นับตังแต่การยุทธของทุธโมสที่ ๓
้
(Campaign of Thutmose III) เมื่อ ๑๔๘๑ ปี ก่อนคริสตศักราชจนถึงปั จจุบน นักทฤษฎีการสงครามเหล่านี ้
ั
ได้ สร้ างวิธีการปฏิบติการสงครามด้ วยการบีบอัด “บทเรียนจากการสงคราม ” ออกมาเป็ น “คาพังเพย
ั
กล่ าวไว้ ว่า...” สัน ๆ หลายต่อหลายข้ อ เพื่อให้ นกปฏิบติทางทหารนาไปใช้ เป็ นศิลปแห่งการทหารสาหรับ
้
ั
ั
์
ช่วยในการ “ดาเนินสงคราม” ต่อไป
สุดยอดของความพยายามคิดค้ นศาสตร์แห่งการสงครามในมุมมองของ สหรัฐ ฯ ก็คือ การจัดทา
“หลักการสงคราม” ซึ่งบรรจุอยู่ใน Joint and Service Doctrines ที่ได้ กล่าวไว้ วา “หลักการสงครามจะ
่
เป็ นแนวทางในการสู้รบทั้งในระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี รวมทั้งเป็ นหลักฐานอัน
ยั่งยืนของหลักนิยมทางทหารของสหรัฐ ฯ”

Robin Cross, Warfare: A Chronological History, Quantum Books Ltd, London, 1998
T.R. Phillips, The Military Maxims of Napoleon, PA: Stackpole Books, 1985
๒

คาถามก็คือ หลักการเหล่านี ้จะยังยืนและใช้ ได้ ไปจนถึงเมื่อใด เมื่อได้ พจารณาถึงการค้ นคว้ า
่
ิ
และ การจัดทาหลักการสงครามที่ใช้ กันโดยทั่วไปในปั จจุบัน ต่ างล้ วนได้ มาจากสมมติฐานของการ
สงครามในยุคนโปเลียนและยุคอุตสาหกรรม ( Napoleon and Industrial Age Warfare) ซึ่งถึงแม้ จะ
ได้ รับการวิเคราะห์อย่างลึกซึ ้งและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทังในระดับยุทธวิธีไปจนถึงระดับยุทธการ เช่น การ
้
ควบคุมในหลายพื ้นที่การรบ (Theaters) แล้ วก็ตาม แต่ในระดับยุทธศาสตร์ใหญ่เช่นสงครามในปั จจุบนและ
ั
ต่อ ๆ ไปในอนาคต ประเด็นการตีความในหลักการเพื่อการนาไปใช้ ยงจัดได้ วาอ่อนอยู่ ทาให้ เกิดปั ญหาว่า
ั
่
หลักการดังกล่าวนี ้จะสามารถนาไปใช้ ในสงครามระดับยุทธศาสตร์ ภายใต้ สภาพการเปลี่ยนแปลงอัน
รวดเร็วยิ่งของเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันว่า “ยุคข่าวสาร ” (Information Age) และ “การปฏิวติในกิจการ
ั
ทหาร (Revolution in Military Affair-RMA)” ได้ อย่างไร
ด้ วยเหตุวา สงครามในระดับยุทธศาสตร์ต้องการการระดมพลังสมอง ต้ องการแนวความคิดของ
่
นักยุทธศาสตร์การทหารที่คร่าหวอดอยู่ในแวดวงการสงครามมาอย่างช่าชอง เข้ ามาร่วมกันสรรค์คิดพัฒนา
หลักของการรบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้ องประกอบไปด้ วยขันตอนและกิจกรรมการดาเนินการอย่างเป็ นระบบ
้
ที่สามารถเปิ ดรับข้ อมูลทังหมดสูการพินิจพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนได้ ปั ญหาที่เกิดขึ ้นประการหนึ่งก็คือ ทัง
้
่
้
ทฤษฎีและแนวคิดต่าง ๆ ที่พยายามสร้ างสรรค์ขึ ้นใหม่เหล่านี ้ ต่างก็มีขีดจากัดในตัวของมันเองในแต่ละ
สงคราม หลักการสงครามข้ อหนึ่งหรือหลายข้ ออาจถูกยกเว้ นไม่สามารถนาไปใช้ ได้ ในสถานการณ์การรบที่
แตกต่างกันออกไป ถึงกระนัน หลักการสงครามก็ยงต้ องมีการสร้ างสรรค์ในตัวของมันเอง เพื่อที่จะสามารถ
้
ั
นาไปขยายร้ อยเรียงให้ สะท้ อนเห็นความท้ าทายทางยุทธศาสตร์ได้ อย่างเจาะจงและสมดุลมากที่สดเท่าที่
ุ
จะเป็ นไปได้
นักการทหารที่มีทกษะและความเข้ าในใจหลักการสงครามอย่างลึกซึ ้ง จะสามารถนาหลักการ
ั
สงครามไปใช้ เพื่อช่วยในกระบวนการวางแผนและตัดสินใจสาหรับเตรียมยุทธศาสตร์การรบได้ อย่างเป็ น
รูปธรรม โดยจะสามารถนาไปใช้ ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ยทธศาสตร์การรบในอดีตที่ผานมา ทังที่ประสบ
ุ
่
้
ผลสาเร็จและล้ มเหลว หรือใช้ เป็ นเครื่องมือในการกาหนดกรอบการวางแผนยุทธศาสตร์สาหรับสถานการณ์
ปั จจุบนและอนาคตได้ อย่างมีระเบียบแบบแผน
ั
อย่างไรก็ตาม การนาหลักการสงครามไปใช้ ประกอบการวิเคราะห์หรือวิจารณ์แผนยุทธศาสตร์
การรบที่จดทาขึ ้นแล้ ว ดูจะมีความเหมาะสมกว่าการนาหลักการสงครามไปเป็ นตัวตังในการกาหนด
ั
้
ยุทธศาสตร์การรบ นักยุทธศาสตร์หลายท่านเห็นด้ วยกับความคิดนี ้ เนื่องจากสถานการณ์ของแต่ละการรบ
นันแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้ องไม่ลืมว่าฝ่ ายตรงข้ ามก็อาจใช้ หลักการสงครามเดียวกันในการ
้
เตรียมแผนยุทธศาสตร์การรบเช่นเดียวกับฝ่ ายเรา ประเด็นสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ตัวหลักการสงคราม
เองไม่ใช่ “รายการตรวจสอบ” หรือ Checklist ที่จะนามาใช้ กาหนดขันตอนการปฏิบติ เพื่อจัดทายุทธศาสตร์
้
ั
การรบแบบสาเร็จรูปได้ ซึ่งความเห็นเหล่านี ้ยังคงเป็ นที่โต้ แย้ งในการดาเนินการจัดทาหลักการสงครามของ
๓

นักการทหาร นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์การทหาร และนักยุทธศาสตร์ทหาร ถึงความเหมาะสมในการ
เตรียมหลักการสงครามสาหรับศตวรรษที่ ๒๑ ที่สามารถรองรับรูปแบบของสงคราม แนวความคิดในการทา
สงครามและการนาไปใช้ ของนักการทหารที่ต้องการยุทธศาสตร์การรบทังแบบเร่งด่วนหรือระยะยาวได้
้
๔

ตอนที่ ๒
กล่ าวทั่วไป
ในการทบทวนหรือจัดทาหลักการสงครามเพื่อให้ มีความเหมาะสมกับสภาวะแวดล้ อมทาง
ยุทธศาสตร์ (Strategic Environment) ที่เปลี่ยนแปลงไปนัน เป็ นเรื่องที่ต้องการข้ อมูลในหลาย ๆ ด้ าน เช่น
้
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกปั จจุบน การคาดหมายสถานการณ์ในอนาคต สภาวะแวดล้ อมใน
ั
แต่ละภูมิภาคและบทเรียนต่าง ๆ จากรูปแบบของการรบที่พฒนาไปเป็ นลาดับ ข้ อมูลเหล่าล้ วนต้ องใช้ เป็ น
ั
ส่วนประกอบในการประมวลกลันกรองเพื่อให้ ได้ มาซึ่งหลักการสงครามในแต่ละข้ อ ด้ วยเหตุนี ้ การจัดทา
่
หลักการสงครามเพื่อให้ ครอบคลุมยุทธศาสตร์การรบที่เปลี่ยนแปลงไปจึงเป็ นไปได้ ยากและต้ องมีการ
ทบทวนในแต่ละช่วงระยะเวลา เมื่อมีข้อมูลและส่วนประกอบมากมายที่ต้องนามาใช้ พิจารณาเช่นนี ้ ก็
จาเป็ นต้ องมีหลักเกณฑ์ที่ใช้ เป็ นกรอบในการดาเนินการ นันก็คือ ยุทธศาสตร์การปองกันภัยแห่งชาติ
่
้
(National Security Strategy) และยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ ( National Military Strategy) โดยมี
กระบวนการพิจารณายุทธศาสตร์ตอเนื่องในภาวะสันติสข ภาวะวิกฤต และภาวะสงคราม รวมทังต้ องผนวก
่
ุ
้
การเป็ น “ยุคข่าวสาร” เพื่อให้ สอดคล้ องกับสภาพความเป็ นไปในศตวรรษที่ ๒๑ ที่มีการเปลี่ยนแปลงทังใน
้
ด้ านเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-Political) ทังนี ้จะต้ องมีการร่วมมือกันจากนักยุทธศาสตร์ทงของพล
้
ั้
เรือนและทหาร เพื่อให้ เกิดกรอบยุทธศาสตร์อนครอบคลุมที่จะบรรลุถึง “วัตถุประสงค์แห่งชาติ ” และ
ั
ถึงแม้ วา ในการพิจารณาจะได้ เน้ นถึงยุทธศาสตร์การรบในระดับชาติแล้ วก็ตาม ในโลกแห่งความเป็ นจริง
่
กระบวนการพิจารณาและตัดสินใจระดับชาตินัน ยังได้ รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์ ระหว่ างชาติ
้
ใน
อีกหลายระดับ อีกด้ วย องค์ประกอบเหล่านี ้ล้ วนทาให้ การจากัดกรอบหลักการสงครามมีความ
ยุ่งยาก ซับซ้ อนขึ ้นเป็ นเงาตามตัว
นอกจาก “หลักวัตถุประสงค์ ” ในหลักการสงครามซึ่งถือว่ าเป็ นหลักสาคัญที่สุดแล้ ว
หลักการอื่น ๆ จะไม่ มีการจัดลาดับความสาคัญ เนื่องจากการมองภาพรวมของยุทธศาสตร์นน
ั้
ไม่สามารถมองได้ เพียงด้ านใดด้ านหนึ่ง แต่จะต้ องมองถึงความเชื่อมโยงของแต่ละหลักการต่อยุทธศาสตร์
การรบนัน ๆ ซึ่งประเด็นนี ้เป็ นจุดสาคัญที่นกยุทธศาสตร์จะต้ องเล็งเห็นส่วนเชื่อมต่อเหล่านันให้ กระจ่างชัด
้
ั
้
และครอบคลุม สิ่งที่เป็ นอันตรายที่สุดก็คือ การยกเอาหลักการที่ไม่ ถกต้ องเพียงสองสามหลักการ
ู
ไปใช้ เพียงเพื่อตอบสนองความต้ องการในการรบ โดยไม่คานึงถึงความเสียหายอันอาจเกิดจากการ
มองข้ ามหลักการอื่นไป
มักจะมีข้อถกเถียงกันเสมอว่า การนาหลักการสงครามไปใช้ นน จะเริ่มจากการนาหลักการสงคราม
ั้
ไปจับต่อสถานการณ์ หรือนาผลที่ต้องการจากสถานการณ์กลับไปจับต่อหลักการสงคราม คาตอบในชันต้ น
้
ก็คือ โดยทัวไปนัน นักยุทธศาสตร์ มักจะมุ่งเน้ นการนาหลักการสงครามไปประยุกต์ ใช้ เพื่อให้ เกิด
่
้
๕

ประสิทธิผลที่ต้องการ ซึ่งในภาวะที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจในยุคข้ อมูลข่ าวสารนี ้
ผลลัพธ์ ท่ ต้องการในการทาสงครามย่ อมมาก่ อนหลักการเสมอ
ี
ในการวิเคราะห์เพื่อนาหลักการสงครามมาใช้ ในลาดับแรก จะต้ องพิจารณาจุดมุงประสงค์ของ
่
แต่ละหลักการสงครามในภาพยุทธศาสตร์รวมระดับชาติเสียก่อน จากนันจึงวิเคราะห์ตีความเพื่อขยาย
้
ความหมายแล้ วจึงนาไปประยุกต์ใช้ อีกครังหนึ่ง
้
การทบทวนและปรับปรุง
”หลักการสงครามในศตวรรษที่ ๒๑ : การพิจารณาทางยุทธศาสตร์ ” นี ้
มิใช่การดาเนินการแบบเลขคณิตที่ต้องการผลลัพธ์เป็ นลาดับขันจากหนึ่งไปสอง แต่จะเป็ นการปรับเปลี่ยน
้
แนวความคิดในองค์ประกอบย่อยเพียงบางส่วน มีการปรับปรุงให้ ทนกับยุคสมัย และการมุงเน้ นเฉพาะจุด
ั
่
แทนที่จะต้ องเปลี่ยนแปลงหลักการทังหมด เหตุผลเพราะว่า หลักการสงครามที่ใช้ กนอยู่ในปั จจุบน ได้ รับ
้
ั
ั
การคิดค้ นพัฒนาอย่างระแวดระวังจากประสบการณ์อนยาวนาน และโดยองค์รวมแล้ วสามารถสะท้ อนถึง
ั
“ความเป็ นจริง” ของการสงครามได้ อย่างใกล้ เคียงที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้ แล้ ว
ุ
เนื่องจากการวิเคราะห์หลักการสงครามเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ จะมีองค์ประกอบทางข้ างที่
จาเป็ นต้ องนามาพิจารณามากมาย ดังนันการนาหลักการสงครามไปใช้ ต้ องมีการอภิปรายถึงประเด็นที่
้
เกี่ยวข้ องและตัดประเด็นการพิจารณาหลักการสงครามที่ไม่เกี่ยวข้ องออกไป ทังหมดนี ้ รูปแบบของเกณฑ์
้
การพิจารณานาหลักการสงครามไปใช้ จะมี ๒ รูปแบบคือ ประการแรก แบบ “Maximalist” ซึ่งมา
จากการตังสมมติฐานว่ า สงครามมีความสลับซับซ้ อนและไม่ มีหลักการใดหลักการหนึ่งที่จะ
้
ครอบคลุมการแปรเปลี่ยนของสงครามที่มีหลายรูปแบบได้ กลุมของหลักการสงครามที่จะนาไปใช้ กบ
่
ั
สงครามเบ็ดเสร็จ (Conventional Warfare) จะแตกต่างกันเป็ นอย่างมากกับกลุมของหลักการสงครามที่จะ
่
นาไปใช้ กบสงครามกองโจร (Guerilla Warfare), สงครามข่าวสาร ( Information Warfare) หรือสงครามใน
ั
รูปแบบอื่น ๆ และในทางตรงกันข้ าม เกณฑ์ การพิจารณาแบบ “Minimalist” จะแสดงให้ เห็นว่ า การนา
หลักการสงครามไปพิจารณาใช้ สามารถที่จะกลั่นกรองเพื่อลดหลักการที่ไม่ เกี่ยวข้ องหรือไม่
เหมาะสมออกไปได้
๖

ตอนที่ ๓
หลักการสงคราม “วัตถุประสงค์ ” (OBJECTIVE)
หลักวัตถุประสงค์ (OBJECTIVE)
ชี้ชัดและบ่ งเปาหมายที่ต้องการอย่ างกระจ่ างแจ้ ง เพื่อให้ บรรลุผลในการรักษา
้
ผลประโยชน์ แห่ งชาติทั้งในปั จจุบันและอนาคตได้ อย่ างสมบูรณ์
หลักวัตถุประสงค์ เป็ นหลักการหนึ่งเดียวที่จาเป็ นและสาคัญที่สดของหลักการสงคราม โดยเฉพาะ
ุ
อย่างยิ่งในการพิจารณาระดับยุทธศาสตร์ แม้ โดยเนื ้อแท้ ของคาว่ายุทธศาสตร์นนจะเป็ นการพัฒนาแนวทาง
ั้
ที่ต้องการใช้ เวลาในการพินิจพิเคราะห์ ตัดสินใจ และนาไปปฏิบติเพื่อให้ บรรลุผล แต่หากเราสามารถ
ั
กาหนดจุดมุงหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ถกต้ องชัดเจนก่อนล่วงหน้ าได้ เร็วมากเท่าใด ก็จะทาให้ สามารถวาง
่
ู
ยุทธศาสตร์ที่จะนาไปสูความสาเร็จได้ มากขึ ้นเท่านัน ทังนี ้จะต้ องมีการเตรียมการ เตรียมข้ อมูล และ
่
้ ้
ต้ องการผู้เกี่ยวข้ องจานวนมากมาร่วมมือกันทุ่มเทให้ กบการกาหนดเปาหมายสุดท้ ายที่สน รัดกุม ชัดเจน
ั
้
ั้
และปราศจากข้ อสงสัยเคลือบแคลง
พิจารณาในแง่ของการปฏิบติ
ั
การกาหนดวัตถุประสงค์ ท่ ต้องการในระดับยุทธศาสตร์ ใหญ่
ี
มักต้ องการ “กาลัง” เกินกว่ าที่กองทัพจะสามารถสนับสนุนให้ ได้ หลายประเทศจึงนาผลการพิจารณา
เปาหมายสุดท้ ายที่ต้องการนี ้ไปเป็ นข้ ออ้ างในการจัดซื ้อ จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จนเกินความจาเป็ น ดังนัน
้
้
ประโยคที่วา “เพื่อให้ บรรลุในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทงปั จจุบนและอนาคตได้ อย่างสมบูรณ์ ” จะ
่
ั้
ั
เตือนให้ นกยุทธศาสตร์ต้องหันกลับมามองอีกว่า ใน “วัตถุประสงค์แห่งชาติ ” นันยังมีสวนประกอบอื่น ๆ ที่
ั
้
่
หลากหลาย เช่น การเมือง การเศรษฐกิจ การทูต การจิตวิทยา และการทหาร ดังนัน “หลักวัตถุประสงค์ ”
้
จะต้ องเน้ นไปยัง “การปฏิบัติท่ จาเป็ นสุดยอด” และต้ องได้ รับการกลั่นกรองจากหลายแนวทางที่
ี
ได้ รับการกาหนดกรอบขึนมา
้
การตกลงใจเลือกวัตถุประสงค์สดท้ ายที่ต้องการย่อมเป็ นเรื่องที่ยากยิ่ง เนื่องจากมีปัจจัย
ุ
หลายประการดังที่กล่าวมาแล้ ว เข้ ามาเป็ นส่วนประกอบในการพิจารณา และในแต่ละส่วนประกอบก็ยงมี
ั
จุดอ่อน จุดแข็งในตัวของมันเองที่จะคอยหักเหแนวความคิดในการกาหนดวัตถุประสงค์ในแต่ละครังออกไป
้
ยิ่งไปกว่านัน ผู้ที่จะรับเอาวัตถุประสงค์สดท้ ายที่ต้องการเพื่อนาไปปฏิบติ ยังมีสวนที่จะโน้ มน้ าวให้ การ
้
ุ
ั
่
กาหนดวัตถุประสงค์เป็ นไปตามขีดความสามารถและยุทธวิธีที่ตนเองคุ้นเคยและสามารถปฏิบติได้ อีกทัง
ั
้
ธรรมชาติของ “การยุทธศาสตร์ ” นัน เป็ นการมองกลหมากในระยะยาว ทาให้ การเตรียมข้ อมูลของอนาคต
้
เพื่อนามาวิเคราะห์ประกอบการพิจารณาเลือกวัตถุประสงค์ที่เป็ นไปได้ มีความยากยิ่ง สิ่งสาคัญท้ ายที่สด
ุ
ของการวางยุทธศาสตร์ใหญ่ก็คือ การเข้ ามามีสวนร่วมของประเทศพันธมิตร อันเป็ นลักษณาการของวิถีโลก
่
๗

ในปั จจุบนและอนาคตที่จะเข้ ามามีสวนให้ การกาหนดวัตถุประสงค์สดท้ ายมีความลาบากยุ่งยากยิ่งขึ ้น
ั
่
ุ
เนื่องจากต้ องให้ ทกฝ่ ายเกิดความพอใจนันเอง
ุ
่
ในสถานการณ์ของยุคข้ อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้ าวกระโดดในระบบบัญชาการและ
ควบคุม ดูเหมือนจะทาให้ ผ้ บงคับบัญชาสามารถปฏิบติภารกิจได้ หลายภารกิจอย่างต่อเนื่องในเวลา
ู ั
ั
เดียวกัน ด้ วยเหตุนี ้เอง อาจเป็ นเหตุให้ นกยุทธศาสตร์ประเมินว่า วัตถุประสงค์สดท้ ายเพียงประการเดียว
ั
ุ
อาจไม่ครอบคลุมและเหมาะสมอีกต่อไป แต่ในความเป็ นจริงแล้ ว การแยกย่อยภารกิจเพื่อการปฏิบติการใน
ั
แต่ละครัง ไม่ใช่การแยกย่อยวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่ต้องการ ในทางกลับกัน ภารกิจแยกย่ อยที่มี
้
เปาประสงค์ เฉพาะ จะต้ องเป็ นตัวสร้ างเสริมให้ บรรลุผลสาเร็จในวัตถุประสงค์ ใหญ่ เพียงหนึ่งเดียว
้
อย่างไรก็ตาม นักยุทธศาสตร์จะต้ องเสนอวัตถุประสงค์ของการสงครามในทุกแง่ทกมุมที่อาจเป็ น
ุ
ไปได้ ซึ่งบางครังอาจต้ องรวมไปถึง การประเมินค่าใช้ จ่าย ค่าการสูญเสีย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ ้นได้
้
วัตถุประสงค์สดยอดที่ได้ รับการกลันกรองแล้ วเท่านัน ที่จะได้ รับการยกขึ ้นเสนอต่อผู้มีอานาจตัดสินใจใน
ุ
่
้
ระดับสูง ถึงจุดนี ้ นักยุทธศาสตร์จะต้ องเข้ าใจอีกว่า นันเป็ นเพียงจุดเริ่มต้ นในกระบวนการที่มีการ
่
เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และมีความเป็ นไปได้ สงที่วตถุประสงค์ซึ่งนาเสนอไปนัน จะได้ รับการ
ู ั
้
ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมตามเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
บางครังความก้ าวหน้ าในเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารกลับยิ่งทาให้ เกิดความยุ่งยากซับซ้ อนในการ
้
กาหนดวัตถุประสงค์มากขึ ้นไปอีก นันเป็ นเพราะทุกฝ่ ายไม่วาทหาร พลเรือน รัฐบาลประเทศพันธมิตร หรือ
่
่
แม้ แต่องค์กรอิสระที่ได้ รับข้ อมูลในการเตรียมยุทธศาสตร์ใหญ่เช่นนี ้ ต่างก็ต้องการเข้ ามามีสวนร่วมในการ
่
นาเสนอ หรือแสดงข้ อขัดแย้ งตลอดเวลา ดังนัน ในกระบวนการพัฒนาวัตถุประสงค์ นี ้ จาเป็ น ที่จะต้ อง
้
จากัดผู้เข้ าร่ วมดาเนินการ ให้ มีเฉพาะผู้ท่ ีเกี่ยวข้ องโดยตรงเท่ านัน อีกทังระบบในสายการติดต่อ
้
้
สื่อสารและการส่งข้ อมูลจะต้ องไม่แพร่งพรายสูระบบภายนอกให้ มากที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้
่
ุ
ในยุคข้ อมูลข่าวสาร แม้ เป็ นที่ยอมรับว่า การมีผ้ เู ข้ าร่วมดาเนินการมากขึ ้นเท่าใด ก็จะได้ ข้อมูลที่
จาเป็ นเพิ่มมากขึ ้นเท่านัน และแต่ละข้ อมูลที่หลากหลายย่อมส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาวัตถุประสงค์ทงสิ ้น
้
ั้
แต่นนก็เป็ นเหตุให้ กระบวนการดาเนินการต้ องประสบความยุ่งยากซับซ้ อน เกิดการกระจัดกระจายใน
ั่
แนวความคิดและการลงมติให้ เป็ นเอกฉันท์เกิดความล่าช้ า ความล่าช้ านี ้เองจะก่อให้ เกิดความเสี่ยงและ
เปิ ดโอกาสให้ ศตรูฝ่ายตรงข้ ามได้ ฉวยประโยชน์ในการมีเวลาตระเตรียมการมากยิ่งขึ ้น
ั
ในภาพรวมแล้ วจะเห็นได้ ว่า ควรจะต้ องมีองค์ กรที่ทาหน้ าที่ในการวิเคราะห์ พิจารณา
วัตถุประสงค์ ทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะ และต้ องเป็ นองค์ กรระนาบเดียวที่ปราศจากอิทธิพล
ทางระดับชั้นและสิ่งแวดล้ อมนอกระบบ จึงจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดาเนินงาน
มากที่สุด
๘

โดยสรุปแล้ว หลักวัตถุประสงค์ยงคงเป็ นหลักการสงครามที่มีความสาคัญที่สด และต้องมี
ั
ุ
กระบวนการกลันกรองวัตถุประสงค์สดยอดสุดท้ายที่สมบูรณ์ โดยยึดถือผลประโยชน์แห่งชาติ เป็ นหลัก ทังนี้
่
ุ
้
จะต้องดาเนิ นการอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและรวดเร็วที่สด นับตังแต่เริ่ มมีความชัดเจนของสถานการณ์ ที่
ุ
้
เกิ ดขึ้นแล้วและกาลังดาเนิ นต่อไป ในยุคข้อมูลข่าวสาร การควบคุม จากัด หรื อปิ ดบังแนวความคิ ดในการ
กาหนด
วัตถุประสงค์มีความจาเป็ นอย่างยิ่ ง จึงต้องจากัดผูเ้ กี่ยวข้องและป้ องกันข้อมูลรั่วไหลออก
จากระบบสู่ภายนอกและศัตรูฝ่ายตรงข้าม
๙

ตอนที่ ๔
หลักการสงคราม “ริเริ่ม” (INITIATIVE)
หลักการริเริ่ม (ทดแทน “หลักการรุ ก”-OFFENSIVE)
เข้ าควบคุมสถานการณ์ ชิงความได้ เปรียบ และแสวงผลจากการริเริ่มก่ อน
การเปลี่ยนชื่อหลักการสงครามจาก “หลักการรุก ” เป็ น “หลักการริเริ่ม ” นี ้ เป็ นการปรับเปลี่ยน
มุมมองจากรูปแบบของยุทธวิธีการรุกให้ เป็ นรูปแบบของ “การริเริ่ม” อันจะเป็ นการเปิ ดกว้ างแนวทางในการ
วางยุทธศาสตร์การรบ เป็ นที่ทราบกันดีวา “การวางยุทธศาสตร์ ” เป็ นกระบวนการที่ต้องใช้ เวลาในการศึกษา
่
หา “สาเหตุ” (Causes) และ “ผลสนอง” (Effect) เพื่อประมาณการณ์ถึงแนวโน้ มที่อาจเป็ นไปได้ ดังนัน มิใช่
้
ว่านักยุทธศาสตร์หรือผู้มีอานาจตัดสินใจจะต้ องเตรียมการในเชิงรุกอยู่เพียงด้ านเดียวเสมอไป ในบางครัง
้
การเตรียมยุทธศาสตร์การรบอาจเป็ นการเตรียมการในเชิงรับ หรือทังเชิงรุกและเชิงรับในขณะเดียวกันก็ได้
้
ทังนี ้ต้ องระลึกเสมอว่า มูลเหตุของการเตรียมยุทธศาสตร์ใหญ่นน ก็เพื่อต้ องการผลสนองให้ เกิดการปฏิบติ
้
ั้
ั
จนกระทังบรรลุวตถุประสงค์แห่งชาติที่ต้องการ ดังนัน การมุงเน้ นไปยังการวิเคราะห์เชิงรุกทังในระดับ
่
ั
้
่
้
ยุทธวิธีและระดับปฏิบติการนันอาจไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนแนวทางในระดับยุทธศาสตร์ได้
ั
้
เนื่องจากข้ อจากัดด้ านเวลาในการพิจารณาหา “สาเหตุ” และ “ผลสนอง” ของสถานการณ์ที่เกิดขึ ้น
ในระดับยุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์จาเป็ นต้ องเตรียมข้ อมูล วิเคราะห์ ศึกษาสภาวะแวดล้ อมทาง
ยุทธศาสตร์ ( Strategic Environment) และสถาปนา “การริเริ่ม ” ไว้ เสียตังแต่แรกเมื่อเกิดแนวโน้ มของ
้
สถานการณ์ การเตรียมการก่อนเช่นนี ้ จะส่งผลดีตอฝ่ ายเราในการที่จะสามารถกาหนดผู้รับผิดชอบ
่
ดาเนินการได้ ตงแต่ต้นและสามารถพัฒนาการดาเนินการไปได้ อย่างต่อเนื่อง เป็ นที่แน่ชดว่าการวาง
ั้
ั
ยุทธศาสตร์การรบในยุคข้ อมูลข่าวสารนี ้ การรอให้ ฝ่ายตรงข้ ามดาเนินการก่อนย่อมส่งผลให้ ฝ่ายเราเกิดการ
เสียเปรียบเป็ นอย่างมาก เนื่องจากในปั จจุบน การไหลของข้ อมูลและเหตุการณ์ดาเนินไปอย่างรวดเร็วด้ วย
ั
ระบบบัญชาการและควบคุมอันทรงประสิทธิภาพ ดังนัน การเข้ าควบคุมสถานการณ์ ให้ ได้ ก่อน จะทา
้
ให้ ฝ่ ายเราสามารถกาหนดและควบคุมสภาวะแวดล้ อมของสถานการณ์ เอาไว้ ได้ นั่นก็คือ ศัตรู
จาเป็ นจะต้ องปรับเปลี่ยนวิถีทางของตนให้ สอดคล้ องกับสถานการณ์ ท่ เราเป็ นฝ่ ายเลือก
ี
ดังที่กล่าวมาแล้ วว่า การดารงความริเริ่มจะส่งผลให้ เกิดความได้ เปรียบในแง่ของการที่ฝ่ายตรงข้ าม
จาเป็ นต้ องปรับเปลี่ยนแนวทางและจังหวะเวลาตามฝ่ ายที่ได้ ริเริ่มก่อน ดังนันแล้ ว ฝ่ ายที่ได้ ริเริ่มก่อนก็จะ
้
สามารถดาเนินการพัฒนายุทธศาสตร์ของตนได้ สะดวกขึ ้นและควบคุมได้ มากขึ ้น
ตัวอย่างของประโยชน์จากการดารงความริเริ่มและความล้ มเหลวของการที่มิได้ มีการเตรียมการ
ก็ดงเช่น กรณีที่อิรักบุกเข้ ายึดคูเวตในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งได้ ทาลายความเปราะบางของสมดุลทาง
ั
๑๐

ยุทธศาสตร์ และความหวังที่จะสร้ างเสถียรภาพความมันคงในภูมิภาคตะวันออกกลางของสหรัฐ ฯ หลังจาก
่
ที่อิรักเข้ ายึดครองคูเวตได้ แล้ ว สหรัฐ ฯ ได้ ดาเนินยุทธศาสตร์ในการริเริ่มก่อน โดยการรวบรวมประเทศ
พันธมิตรโดยเฉพาะประเทศในกลุมอาหรับให้ เข้ าร่วมปฏิบติการโล่ห์ทะเลทราย ( Desert Shield) และพายุ
่
ั
ทะเลทราย (Desert Storm) ซึ่งเป็ นการปฏิบติการเชิงรับและการปฏิบติการเชิงรุก ตามลาดับ
ั
ั
ซัดดัมพยายามเปิ ดเกมรุกด้ วยยุทธศาสตร์การริเริ่มบ้ าง ด้ วยการโจมตีอิสราเอลด้ วยอาวุธ SCUD
missiles ด้ วยหวังว่า จะส่งผลให้ ประชาชนชาวอิสราเอลพากันเรียกร้ องให้ ยติความสัมพันธ์กบสหรัฐ ฯ ซึ่ง
ุ
ั
วางตนเป็ นแกนนาอยู่ ขณะเดียวกัน สหรัฐ ฯ ได้ ใช้ ความพยายามทางการทูตและส่ง Patriot missiles ให้ แก่
อิสราเอลเพื่อหยุดยังไม่ให้ ประชาชนของกรุงเทลอาวีฟดาเนินการใด ๆ ในอันที่จะสนับสนุนวัตถุประสงค์ของ
้
อิรัก ในการดาเนินยุทธศาสตร์เช่นนี ้ สหรัฐ ฯ ยังคงรักษา “การริเริ่ม ” ไว้ ก่อนเสมอ จากปฏิบติการพายุ
ั
ทะเลทรายตามมาด้ วยปฏิบติการดาบทะเลทราย ( Desert Saber) และท้ ายที่สด สหรัฐ ฯ ก็สามารถบรรลุ
ั
ุ
วัตถุประสงค์ในการขับไล่กาลังทหารของอิรักออกจากคูเวตได้ สาเร็จ ประเด็นสาคัญก็คือ ในระยะยาว
สหรัฐ ฯ จะได้ ใช้ บทเรียนของความสาเร็จจากการร่วมมือของประเทศพันธมิตรและการจากัดท่าทีของ
อิสราเอลต่อการยัวยุของอิรักเพื่อเป็ นแนวทางของกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางต่อไป
่
ในอนาคตอันใกล้ ความได้ เปรียบในการรับส่งข่าวสารจะเป็ นขีดความสามารถสาคัญ ที่จะต้ อง
นามาใช้ พิจารณาเพื่อการกาหนดกรอบและรักษา “การริเริ่ม ” อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถนี ้เป็ นเพียง
ความได้ เปรียบขันต้ นเท่านัน สิ่งสาคัญจะอยู่ที่ความสามารถในการนาข้ อมูลข่าวสารมาวิเคราะห์ตีความ
้
้
และเปลี่ยนข่าวสารไปเป็ นการตัดสินใจเพื่อนาไปสูการปฏิบติ ถึงแม้ วาเทคโนโลยีขาวสารในปั จจุบนจะมี
่
ั
่
่
ั
ความก้ าวหน้ าและสามารถนาไปประเมินผลได้ อย่างรวดเร็ว ประโยชน์ที่ได้ รับอย่างแท้ จริงจะขึ ้นอยู่กบกลุม
ั ่
ผู้ปฏิบติที่จะสามารถสร้ างส่วนประกอบของอนาคตจากข่าวสารที่ได้ แล้ วนาไปใช้ เพื่อการตัดสินใจได้ อย่างไร
ั
โดยสรุป เพื่อให้บรรลุผลในการปฏิ บติภารกิ จ นักยุทธศาสตร์ จะต้องคานึงถึงองค์ประกอบทัง
ั
้
ภายในและภายนอกของ “การริ เริ่ ม” องค์ประกอบภายในอยู่บนพื้นฐานของการทาให้แน่ใจว่า กระบวนการ
ดาเนิ นงานเพื่อการตัดสิ นใจจะต้องมีประสิ ทธิ ภาพและพอเพียงมากที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้ ส่วน
ุ
องค์ประกอบภายนอก จะมีพื้นฐานอยู่บนความเข้าใจในขีดความสามารถของการคาดการณ์ และการ
ตัดสิ นใจของฝ่ ายตรงข้าม และที่สาคัญยิ่ งไปกว่านัน ในสภาวะแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ ของปัจจุบน บรรดา
้
ั
ประเทศพันธมิ ตรหรื อประเทศที่ให้ความร่วมมือแก่ฝ่ายเราทังหลายนี้เอง ที่จะเป็ นปัจจัยสาคัญและมีอิทธิ พล
้
ต่อ “การริ เริ่ ม ” ทังหลายทังมวล องค์ประกอบทังภายในและภายนอกนี้จะต้องดาเนิ นไปอย่างสอดคล้อง
้
้
้
ต้องกันเพื่อให้เกิ ดผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ สงสุด
ู
๑๑

ตอนที่ ๕
หลักการสงคราม “เอกภาพของความพยายาม” (UNITY OF EFFORT)
หลักเอกภาพของความพยายาม
(ทดแทน “หลักเอกภาพของการบังคับบัญชา”-UNITY OF COMMAND)
ในทุกวัตถุประสงค์ ของระบบการทางาน จะต้ องมุ่งสู่เอกภาพของความพยายามอย่ างเป็ น
อันหนึ่งอันเดียวกัน
นักยุทธศาสตร์ล้วนทราบกันเป็ นอย่างดีวา การกาหนดยุทธศาสตร์ชาติ จะพิจารณาไปตาม
่
องค์ประกอบของความมันคงแห่งชาติ นันก็คือ ยุทธศาสตร์ทางการเมือง ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ
่
่
ยุทธศาสตร์ทางการทูต ยุทธศาสตร์การทหาร และยุทธศาสตร์การสังคมจิตวิทยา ซึ่งในแต่ละกาลังอานาจ
แห่งชาติที่กล่าวมานี ้ ล้ วนมีวตถุประสงค์และมาตรการในการปฏิบติที่แตกต่างกัน ความแตกต่างนี ้จะส่งผล
ั
ั
เสียหายร้ ายแรงหากจุดมุงหมายของยุทธศาสตร์ในแต่ละด้ านนันสวนทางกัน โดยเฉพาะในเรื่องของ
่
้
แนวความคิด เช่น เปาประสงค์ในความต้ องการที่สวนทางกันระหว่างการทหารและการเศรษฐกิจ
้
ความล้ มเหลวในการประสานวัตถุประสงค์ ต่อกันและกันนี ้ จะนามาซึ่งความล้ มเหลวใน
วัตถุประสงค์ รวมของทังระบบ
้
ตังแต่อดีตกาล องค์กรทหารมีการปกครองบังคับบัญชาอย่างเป็ นระดับชัน ความเป็ นอันหนึ่ง
้
้
อันเดียวกันในการปฏิบติภารกิจ หรือ “เอกภาพของความพยายาม” มาจาก “เอกภาพของการบังคับบัญชา”
ั
ของผู้บญชาการ จากบทเรียนการรบในอดีต “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” เป็ นหลักการที่สามารถ
ั
นาไปใช้ ในการสงครามในระดับยุทธการและระดับยุทธวิธีได้ ประสบผลสาเร็จเสมอมา แต่สาหรับการ
สงครามในระดับยุทธศาสตร์ตามภาวะการณ์ของปั จจุบนแล้ ว “ความพยายาม ” หรือการมีสวนร่วมในการ
ั
่
ดาเนินการขององค์กรผู้ปฏิบติตาง ๆ ที่ต้องมาประกอบกันเพื่อเข้ าสูการสงคราม จะมีขอบเขตของการ
ั ่
่
ดาเนินการกว้ างกว่าการใช้ การ “บังคับบัญชา” เพื่อให้ เกิดความสาเร็จเพียงประการเดียว
ในความหลากหลายของผู้เข้ าร่วมดาเนินสงครามในระดับยุทธศาสตร์นน ต้ องการความคล่องตัวที่
ั้
ไหลลื่นมากกว่าการอธิบายด้ วยคาว่า “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” เพียงประการเดียว ยกตัวอย่างเช่น
ระบบบัญชาการของรัฐบาลสหรัฐ ฯ ที่จะต้ องมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และต้ องถูกตรวจสอบจากทัง
้
ฝ่ ายบริหารและตุลาการอย่างสมดุล ถึงแม้ จะมีข้อโต้ แย้ งว่า ฝ่ ายบริหารต่างหากที่มีอานาจสูงสุดในการ
ตัดสินใจและบัญชาการเมื่อเกิดความคิดเห็นขัดแย้ งกันในแต่ละส่วนของรัฐบาลกลาง แต่ในกระบวนการ
เพื่อให้ ได้ มาซึ่งอานาจในการตัดสินใจนี ้ ฝ่ ายบริหารยังคงต้ องการใช้
“การประสาน ” เพื่อรวบรวม
“ความพยายาม” ของรัฐบาลให้ เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าการ “บัญชาการ”
๑๒

ในระดับสากลจะเห็นได้ ว่า ปั จจุบันประเทศอิสระเล็กๆ มีแนวโน้ มที่จะต้ องพึ่งพาและ
อยู่ภายใต้ “บัญชาการ ” ของประเทศที่มีกาลังอานาจขนาดใหญ่ ซึ่งแม้ แต่นาโต้ เองก็ได้ เล็งเห็นถึง
แนวโน้ มในจุดนี ้ อย่างไรก็ดี ในความเป็ นจริง ไม่มีรัฐอิสระใดที่ต้องการขึ ้นชื่อว่าอยู่ “ภายใต้ ” การควบคุม
ทางทหารของประเทศอื่นอย่างแน่นอน ดังนัน ในยุทธศาสตร์ระดับประเทศ นักยุทธศาสตร์หรือผู้กาหนด
้
นโยบายจะต้ องยึดถือใน “หลักเอกภาพของความพยายาม” มากกว่า “เอกภาพของการบังคับบัญชา”
“หลักเอกภาพของความพยายาม” ในสภาวะแวดล้ อมทางยุทธศาสตร์ของศตวรรษที่ ๒๑ จะยิ่งทวี
ความสาคัญและจาเป็ นที่นกยุทธศาสตร์จะต้ องสนใจและเอาใจใส่มากขึ ้น เนื่องจากแนวโน้ มของการ
ั
ปฏิบติการทางทหารในปั จจุบนและอนาคต จะเป็ นการปฏิบติการร่วมแบบพหุภาคีที่ประกอบด้ วยชาติ
ั
ั
ั
หลายชาติตามพันธะสัญญาหลายรูปแบบที่มีตอกัน เทคโนโลยีในยุคข่าวสารจะช่วยอานวยความสะดวก
่
ในการประสานงานกันระหว่างองค์กรต่าง ๆ หรือแม้ กระทังระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล การดาเนินการแก้ ไข
่
ปั ญหาความขัดแย้ งหรือการประกาศสงครามใด ๆ ในปั จจุบน ไม่อาจกระทาได้ หากไม่พิจารณาถึงความ
ั
ร่วมมือและความสัมพันธ์อนละเอียดอ่อนต่อมิตรประเทศ ปั ญหาสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ความไม่
ั
ชัดเจนในการกาหนดเส้ นแบ่งกันระหว่างภาวะสันติ ภาวะวิกฤต และภาวะสงคราม ดังนันการโน้ มน้ าวเพื่อ
้
้
ขอความร่วมมือจากมิตรประเทศเพื่อให้ เกิด “ความพยายาม ” ในการแก้ ไขปั ญหา ก็อาจไม่ชดเจนและ
ั
ยากลาบากยิ่งขึ ้นด้ วย ด้ วยเหตุนี ้ การชักชวนหรือชวนเชื่อในระดับยุทธศาสตร์ จะทวีความสาคัญ
มากกว่ าที่เคยปฏิบัติ ๆ มาในอดีต
ยุทธศาสตร์การแผ่อานาจ ( Power Projection Strategy) ของสหรัฐ ฯ จะประสบผลสาเร็จไม่ได้
หากไม่มีการเคลื่อนย้ ายกาลังทางทหารของตนกระจายไปยังหมูมิตรประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ทัวโลก แต่
่
่
การเคลื่อนย้ ายกาลังจะประสบกับปั ญหาอย่างแน่นอนหากปราศจากการดาเนินการเพื่อให้ เกิดความ
พยายามและความร่วมมือกันระหว่างสหรัฐ ฯ กับดินแดนที่ต้องเหยียบย่างเข้ าไป ช่วงเวลาที่ผานมา
่
การวางกาลังโพ้ นทะเลของสหรัฐ ฯ ทาให้ สหรัฐ ฯ สามารถปฏิบติการร่วมกันกับชาติตาง ๆ ได้ อย่างมี
ั
่
ประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทาให้ เกิดเป็ น “กฎ” ที่สหรัฐ ฯ จะละเลยหรือมีข้อยกเว้ นต่อประเทศใด
ประเทศหนึ่งไม่ได้ ดังนัน สหรัฐ ฯ จึงต้ องมีมาตรการในการถ่วงดุลที่วา หากสหรัฐ ฯ ต้ องการที่จะสร้ างความ
้
่
ร่วมมือและการเกื ้อหนุน “ความพยายาม ” ร่วมกันกับชาติมิตรประเทศเพื่อปองกันการเกิดวิกฤตฉุกเฉิน
้
(Fast Breaking Crisis) แล้ ว สหรัฐ ฯ ก็ไม่ควรลด “การปรากฏตน” ของสหรัฐ ฯ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก
ลง ในทางกลับกัน หากสหรัฐ ฯ จะต้ องลดการปรากฏตนในโพ้ นทะเลลง สหรัฐ ฯ จะต้ องเพิ่มความมันใจใน
่
การปฏิบติการด้ วยตนเองให้ มากยิ่งขึ ้น ซึ่งหากเป็ นเช่นนัน หลัก “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” ก็จะ
ั
้
กลับมามีบทบาทสาคัญเช่นเดิม
ในปั จจุบน ประเทศต่าง ๆ ทัวโลกต่างพยายามพัฒนาวิถีทางของตนเพื่อให้ รับกับการเป็ นยุค
ั
่
ข่าวสารเพิ่มมากขึ ้น ซึ่งก็เป็ นผลดีในอันที่จะช่วยสนับสนุน “หลักเอกภาพของความพยายาม ” อยู่แล้ ว
๑๓

แต่ขณะเดียวกัน สหรัฐ ฯ เองก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการคัดสรรค์เทคโนโลยีและความรู้เพื่อตอบรับยุคข่าวสาร
ให้ ก้าวล ้าไปอย่างไม่รงรอ ในขณะที่สหรัฐ ฯ กาลังลอยอยู่บน “คลื่นลูกที่สาม ” ตามที่ Alvin and Heidi
ั้
Toffler ได้ บรรยายไว้ นี ้ มีบางประเทศที่ยงคงเป็ น “คลื่นลูกที่สอง ” ซึ่งยึดแน่นพึ่งพาอยู่กบการอุตสาหกรรม
ั
ั
แม้ จะใช้ ความเป็ นยุคข่าวสารอยู่บ้างก็ตาม แต่อีกหลายประเทศยังคงเป็ น “คลื่นลูกแรก” ที่เลี ้ยงชีพด้ วยการ
เกษตรกรรมและกสิกรรมติดดิน ณ จุดนี ้ ทาให้ สหรัฐ ฯ ต้ องหันกลับมามองว่า ตนจะรวมคลื่นทังสามลูก
้
ให้ เกิด “เอกภาพของความพยายาม” ได้ เช่นไร
อันที่จริงแล้ ว ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อ “เอกภาพของความพยายาม ”
กระบวนการสร้ างสรรค์ยทธศาสตร์ที่ต้องใช้ เวลาอันยาวนาน การกาหนดวัตถุประสงค์ที่ชี ้ชัดสูหนทางปฏิบติ
ุ
่
ั
การเปิ ดกว้ างในความคิดทางการเมืองของอเมริกนชน และอิทธิพลจากความคิดของสาธารณชน ล้ วนส่งผล
ั
ต่อความเป็ น “เอกภาพ ” ทังสิ ้น อีกทังการปราศจากศัตรูที่ชดเจน เพื่อที่จะใช้ กาลังขนาดใหญ่เช่นใน
้
้
ั
ยุคสงครามเย็นก็เปลี่ยนแปลงไป ทาให้ “หลักเอกภาพในการบังคับบัญชา” ไม่อาจยืนยงต่อไปได้
โดยสรุป การดาเนิ นการในระดับยุทธศาสตร์ ต้องการความร่วมมือจากมิ ตรประเทศซึ่งอาจเรี ยกได้
ว่า “ทัวทังโลก” เป็ นอย่างมาก ทังเป็ นการร่วมมือในระดับที่เรี ยกว่า “เท่าเทียมกัน” มากกว่าการชี้นาทิ ศทาง
่ ้
้
แบบ “บังคับบัญชา” อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็ นการควบคุม ชี้นา หรื อชักชวน นักยุทธศาสตร์ และผูกาหนด
้
นโยบายจะต้องคานึงถึง “หลักเอกภาพของความพยายาม” อันเป็ นข้อเท็จจริ งที่ไม่อาจละเลยได้

พล.อ.อ.ไมเคิล ไรอัน เสธ.ทอ.สหรัฐ ฯ กล่าวในระหว่างการประชุมทางวิชาการในหัวข้ อ ”Unified Aerospace Power” ว่า “มิ ตร
ประเทศของสหรัฐ ฯ จาเป็ นต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ หากต้องการทีจะบิ นเคี ยงข้างกับกองทัพอากาศสหรัฐ ฯ ยิ่ งไปกว่านัน เขาต้องมี ระบบ
่
้
บัญชาการและควบคุมทีเ่ ข้ากันได้กบอุปกรณ์ ของสหรัฐ ฯ หรื อ มิ ฉะนันก็ทาได้แค่เพียงงานวงนอก นันแหละคื อหนทางทีมนเป็ น ” เสธ.ทอ.
ั
้
่
่ ั
สหรัฐ ฯ ยังกล่าวต่อไปว่า “กองทัพอากาศสหรัฐ ฯ จะไม่หยุดยังการพัฒนาความก้าวหน้าของกองทัพเพือรอให้ผอื่นตามทัน ” หัวข้ อสนทนาใน
้
่
ู้
เรื่ องความก้ าวทันกันนี ้กลายเป็ นหัวข้ อสาคัญเนื่องจากการที่องค์การ NATO ได้ ขยายสมาชิกเพิมขึ ้นในการเข้ าร่วม เป็ น Operation Allied
่
Force
๑๔

ตอนที่ ๖
หลักการสงคราม “มุ่ งเน้ น” (FOCUS)
หลักการมุ่งเน้ น (ทดแทน “หลักการระดมกาลัง-MASS”)
มุ่งเน้ นในแต่ ละองค์ ประกอบของกาลังอานาจแห่ งชาติต่อสถานการณ์ ในจังหวะเวลาที่
เหมาะสมที่สุดเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ แห่ งชาติ
ผู้บญชาการสงครามในระดับยุทธวิธีและระดับยุทธการมักมุงมันต่อการทาลายขีดความสามารถ
ั
่ ่
ของกาลังทางทหารและความตังใจในการรบของฝ่ ายข้ าศึก ดังนัน แนวทางการรบแบบดังเดิมจึงเป็ นการ
้
้
้
“ระดม” สรรพกาลังในการรบทังหมดสูพื ้นที่ที่กาหนดให้ เป็ นสมรภูมิ ณ เวลา และสถานที่ที่ต้องการ แต่ใน
้
่
ระดับยุทธศาสตร์ ความต้ องการในสถานภาพสุดท้ าย (End State) ของการสงครามกลับมิได้ พิจารณาเพียง
“กาลังรบ” เท่านัน เพราะ “ผลประโยชน์แห่งชาติ ” จะต้ องมาจากการพิจารณาและ “มุงเน้ น ” ไปยังกาลัง
้
่
อานาจแห่งชาติทงหมดในทุกมิติ ถึงแม้ วาวัตถุประสงค์ในการเข้ าสงครามของรัฐ จะได้ กาหนดไว้ ตาม
ั้
่
“หลักวัตถุประสงค์” แล้ วก็ตาม แต่ความหลากหลายของผู้ที่มีอานาจในการกาหนดนโยบายระดับสูง ก็ยงมี
ั
ส่วนที่จะก่อให้ เกิดการกระจัดกระจายใน “ความพยายาม” ร่วมกัน ดังนัน “หลักการมุ่งเน้ น ” จะให้ แง่ คด
้
ิ
แก่ นักยุทธศาสตร์ ในอันที่จะต้ องเพ่ งเล็งไปยังการดาเนินการที่ต้องการการประสานสอดคล้ อง
โดยหลีกเลี่ยงข้ อขัดแย้ งที่อาจเกิดขึนระหว่ างกัน ทังในด้ านการเมือง การทูต การเศรษฐกิจ สังคม
้
้
จิตวิทยา และความพยายามทางทหาร
“หลักการมุงเน้ น” ยังเจาะจงไปถึงปั ญหาเรื่อง “ที่ไหน” และ “เมื่อใด” ที่กาลังอานาจในแต่ละด้ าน
่
ของรัฐจะถูกหยิบนาไปใช้ เพื่อให้ บรรลุวตถุประสงค์ที่ต้องการได้ อย่างถูกจังหวะและเหมาะสมสูงสุด อีกทัง
ั
้
ต้ องคานึงถึงศัตรูฝ่ายตรงข้ าม ที่ยงอาจเป็ นเพียง “มีศกยภาพที่อาจรุกรานฝ่ ายเรา ” หรือ “ประกาศการเป็ น
ั
ั
ศัตรู” อย่างสมบูรณ์แล้ ว ดังนัน การพิจารณาระดับความเป็ นศัตรูและความพร้ อมของกาลังอานาจแห่งชาติ
้
ฝ่ ายเรา ย่อมเป็ นงานที่ท้าทายสาหรับนักยุทธศาสตร์ และในยุทธศาสตร์ระดับสูงเช่นนี ้ ไม่ใช่เพียง “เวลา”
เท่านันที่จะเป็ นตัวจากัดกรอบการดาเนินการ แต่ในสภาวะการณ์ของการดาเนินการระดับสากลที่มีความ
้
เคลื่อนไหวอย่างเป็ นพลวัตต์เช่นนี ้ กาลังอานาจแห่งชาติจะต้ องมีจดยืนและต้ องได้ รับการมุงเน้ นให้ เข้ ากับ
ุ
่
โอกาสของแต่ละสภาวะการณ์ เปรียบเทียบไปยังกาลังอานาจแห่งชาติของฝ่ ายตรงข้ าม และสภาวะแห่งการ
ยอมรับของสังคมโลก สิ่งเหล่านี ้ล้ วนเป็ นปั จจัยที่นกยุทธศาสตร์จาเป็ นต้ องนามาพิจารณาอย่างละเอียด
ั
ถี่ถ้วน
ในยุคข่าวสาร ความท้ าทายของ
“การมุงเน้ น” ไปยังการใช้ กาลังอานาจแห่งชาติจะมีทงความยาก
่
ั้
และความง่าย การใช้ กาลังอานาจทางการเมืองและการทูตตามที่เคยปฏิบติมาในอดีต เป็ นตัวอย่างที่เห็นได้
ั
ชัดเจนว่า อาจจะประสบผลสาเร็จหรือประสบล้ มเหลวก็ได้ เมื่อมีสื่อที่สามารถปอนข่าวสารให้ แก่สาธารณชน
้
๑๕

ได้ อย่างทันเหตุการณ์และไม่มีขีดจากัดเช่นนี ้ ผู้สื่อข่าวจะรายงานข่าวด้ วยคาว่า
“ขณะนี ้” พร้ อมภาพ
เหตุการณ์สดที่กาลังเกิดขึ ้น และรัฐบาลก็ถกกดดันให้ ต้อง “ทาอะไรสักอย่าง ” อย่างฉับพลันทันใดเช่นกัน
ู
ดังนัน การดาเนินการทางการทูตในปั จจุบน จะใช้ ขนตอนตามแบบธรรมเนียมเดิมที่ลาช้ าไม่ได้ อีกต่อไปแล้ ว
้
ั
ั้
่
ขณะเดียวกัน สื่อเองก็ไม่ได้ จากัดขอบเขตในการให้ ขาวสารเฉพาะภายในประเทศเท่านัน แต่ยงส่งสัญญาณ
่
้
ั
แนวความคิด การชักจูงและชักชวนตามมุมมองของนักข่าวตรงไปยังผู้นาประเทศต่าง ๆ ตลอดไปจนถึง
ประชาชนในระดับล่างพร้ อม ๆ กัน ด้ วยความอิสระในการให้ ขาวสารทังในระดับบนและระดับล่างพร้ อมกัน
่
้
เช่นนี ้ ย่อมกระทบต่อกระบวนการทางการเมืองของชาติอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเมืองและการทูตจะถูก
มุงเน้ นและถูกจับตามองอย่างใกล้ ชิด ดังนัน การประสานสอดคล้ องเพื่อการดาเนินการร่วมกันระหว่างกาลัง
่
้
อานาจแห่งชาติในแต่ละด้ าน จึงสมควรได้ รับการพิจารณาและ “มุงเน้ น” อย่างระมัดระวัง
่
ในขณะเดียวกัน กาลังอานาจทางเศรษฐกิจจะถูก
“มุงเน้ น” มากยิ่งขึ ้น เนื่องจากเทคโนโลยีขาวสาร
่
่
ที่สามารถแพร่กระจายข่าวทุกรูปแบบออกไปได้ ในวงกว้ างและส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก ที่เห็น
ได้ ชดเจนที่สดก็คือ การขึ ้นลงของตลาดหุ้นต่อปั จจัยในสถานการณ์ตาง ๆ ของโลก ฉะนัน นักยุทธศาสตร์
ั
ุ
่
้
จะต้ องระวัง “ความเสียหายข้ างเคียง ” (Collateral Damage) หรือ “ผลกระทบโดมิโน ” (Domino
Effect) ซึ่งอาจทาให้ เกิดความเสียหายต่อเนื่องทางเศรษฐกิจจนถึงขันล่มสลายให้ มากยิ่งขึ ้น การโจมตีระบบ
้
เศรษฐกิจสามารถกระทาได้ ง่ายด้ วยการควบคุมกลไกเศรษฐกิจซึ่งเชื่อมโยงกันทัวโลก อีกทังผลที่ได้ รับจะ
่
้
ชัดเจนและรุนแรงกว่าการกีดกันด้ วยภาษี การลงโทษทางการค้ า หรือการควบคุมด้ วยกาลังทางทหาร
เช่นเดียวกัน ในยุคข่าวสารนี ้ การใช้ กาลังอานาจทางทหารเพื่อให้ บรรลุถึงเปาประสงค์ย่อมต้ องการ
้
การปฏิบติการที่รวดเร็ว ใช้ ทรัพยากรให้ น้อยที่สด แต่สามารถบรรลุภารกิจที่สาคัญได้ ด้วยการประสาน
ั
ุ
ช่องว่างของจังหวะเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังมีจดอันตรายที่เกิดจาก“การเชื่อมันในตนเอง
ุ
่
จนเกินเลย” (Over-Reliance) ซึ่งก็คือ การเข้ าใจว่ าตนนันมีความชานาญในการปฏิบัติทางทหารเป็ น
้
อย่ างดีแล้ ว และนั่น อาจทาให้ นักการทหารละเลยที่จะพิจารณาถึงขีดจากัดบางประการของ
ตนเองที่อาจแฝงเร้ นอยู่ หรือทาให้ ขาดการประสานและไม่ ได้ สนับสนุนจากหน่ วยงานหรือองค์ กร
อื่นอย่ างเพียงพอ
ท้ ายที่สด การเปลี่ยนแปลงในสังคม-วัฒนธรรม (
ุ
Socio-Cultural) อันเป็ นผลกระทบที่เกิดจากความ
เป็ นยุคข่าวสารซึ่งได้ แพร่กระจายไปทัวทุกสังคมโลกแล้ วนัน ได้ ก่อให้ เกิด
่
้
“พลังทางด้ านจิตวิทยา ”
(Psychological element of Power) ซึ่งเปรียบเสมือนพลังความคิดของมวลชนโลก ดังนัน การใช้ กาลังทาง
้
ทหารในอนาคต จึงจาเป็ นที่นกการทหารจะต้ องคานึงถึง “พลังทางด้ านจิตวิทยา ” และจะต้ องตรวจสอบ
ั
ผลกระทบนี ้เป็ นอย่างดีก่อนที่จะลงมือปฏิบติการใด ๆ
ั
๑๖

นักยุทธศาสตร์จะต้ องเล็งเห็นความจาเป็ นของการ
“มุงเน้ น ” ไปยังกาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละ
่
ด้ าน เพื่อเปิ ดโอกาสให้ กาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละด้ านได้ แสดงศักยภาพในการแก้ ไขปั ญหาความขัดแย้ ง
หรือการสงครามได้ อย่างเต็มขีดความสามารถ จึงจะทาให้ ประสิทธิภาพในองค์รวมของกาลังอานาจ
แห่งชาติปรากฎออกมาได้ เด่นชัด ในทางปฏิบติ นักยุทธศาสตร์ จะต้ องมีวสัยทัศน์ ในการจัดลาดับการ
ั
ิ
ใช้ กาลังอานาจแห่ งชาติในแต่ ละด้ าน การตัดสินใจเพื่อเลือกแนวทางการปฏิบัติท่ เชื่อมโยง
ี
ต่ อเนื่อง และการพัฒนากลไกการประสานกาลังอานาจแห่ งชาติในแต่ ละด้ าน
เทคโนโลยีขาวสารที่ก้าวล ้าของปั จจุบนมีสวนสาคัญเป็ นอย่างมากในการนา
่
ั ่
“หลักการมุงเน้ น ”
่
ไปพิจารณาใช้ ตอกาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละด้ าน ทังนี ้เนื่องจากสาธารณชนสามารถเข้ าถึงข้ อมูลต่าง ๆ
่
้
ได้ มากยิ่งขึ ้น ลึกยิ่งขึ ้น และกว้ างขวางยิ่งขึ ้น ดังนัน รัฐบาลจะต้ องแน่ใจว่า สาธารณชนได้ รับข้ อมูลที่ถกต้ อง
้
ู
เป็ นจริง และต้ องสามารถแก้ ไขข้ อข้ องใจของประชาชนและการโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ ายตรงข้ ามให้ ได้
โดยสรุป “หลักการมุ่งเน้น ” เป็ นการพิ จารณาจาเพาะไปยังกาลังอานาจแห่งชาติ แต่ละด้าน คือ
การเมือง การทูต การเศรษฐกิ จ สังคมจิ ตวิ ทยา และการทหาร เพื่อให้สามารถใช้ศกยภาพของแต่ละกาลัง
ั
อานาจแห่งชาติ ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งหรื อการเตรี ยมพร้อมเข้าสู่สงครามได้อย่างเต็มประสิ ทธิ ภาพ
โดยต้องมีกลไกในการจัดลาดับ การประสาน และการวิ เคราะห์การใช้กาลังอานาจแห่งชาติ เพื่อให้บรรลุถึง
เป้ าหมายทางยุทธศาสตร์ โดยต้องคานึงถึงตัวแปรคือ “การเป็ นยุคข่าวสาร” เข้ามาร่วมพิ จารณาด้วย
๑๗

ตอนที่ ๗
หลักการสงคราม “การออมความพยายาม”(ECONOMY OF EFFORT)
หลักการออมความพยายาม (ทดแทน “หลักการออมกาลัง”-ECONOMY OF FORCE)
จากัดทรัพยากรที่จาเป็ นขั้นต่าสุดในแต่ ละลาดับขั้นของความพยายาม
ในการพิจารณาระดับยุทธการและระดับยุทธวิธี นักการทหารย่อมเข้ าใจดีวา การประเมินกาลังและ
่
การวางกาลัง เป็ นสิ่งสาคัญยิ่งต่อการปฏิบติการรบให้ ประสบผลสาเร็จ เพราะการเสริมกาลังรบในรอบที่สอง
ั
อันเนื่องมาจากการปฏิบติการในครังแรกไม่ประสบผลตามเปาหมายย่อมเกิดปั ญหาด้ านความเสี่ยงที่เพิ่ม
ั
้
้
มากขึ ้น ในระดับยุทธศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน การระดมกาลังอานาจแห่งชาติมาใช้ จะเป็ นมากกว่าการ
เคลื่อนย้ ายกาลังทหารเพียงองค์ประกอบเดียว เพราะทุกองค์ประกอบของกาลังอานาจแห่งชาติจะถูกนามา
ประสานพลังเพื่อให้ เกิดอานาจรวมแห่งรัฐ ดังนัน
้
“การออมความพยายาม ” จึงมีความเหมาะสมที่
นักยุทธศาสตร์จะต้ องนามายกอ้ างอิงและผนวกไว้ ในหลักการสงครามระดับยุทธศาสตร์นี ้
“หลักการออมความพยายาม ” มีประเด็นสาคัญที่ต้องพิจารณาอยู่ ๓ ประการคือ ประการแรก
การกาหนดวัตถุประสงค์ ตามที่ได้ กล่าวมาแล้ วว่า ธรรมชาติของการกาหนดวัตถุประสงค์ย่อมต้ องการ
ทรัพยากรมาใช้ สนับสนุนเพื่อให้ บรรลุเปาหมายมากเกินกว่าที่รัฐจะจัดหาให้ ได้ ดังนัน แม้ นกยุทธศาสตร์จะ
้
้
ั
พยายามมุงเน้ นไปยังหัวใจหลักสาคัญสุดยอดของความต้ องการสุดท้ ายตามวัตถุประสงค์แล้ วก็ตาม ก็ยง
่
ั
ต้ องจัดลาดับความเร่งด่วนของทรัพยากรที่จะหยิบนามาใช้ เพื่อสนับสนุนการปฏิบติในแต่ละขันตอนของ
ั
้
กระบวนการอยู่ดี รวมทังจะต้ องคานึงถึงขีดความสามารถทางเศรษฐกิจอันเป็ นปั จจัยสาคัญที่ต้องนามาใช้
้
สนับสนุนตลอดกระบวนการ นับตังแต่แรกเริ่มไปจนกว่าจะบรรลุวตถุประสงค์ในระดับชาติ เช่นนี ้ก็คล้ ายกับ
้
ั
ว่า นักยุทธศาสตร์อาจจะต้ องมีวตถุประสงค์ย่อย ๆ รองรับในแต่ละขันตอนตามลาดับความสาคัญ จากนัน
ั
้
้
จึงพิจารณาจัดทรัพยากรสนับสนุนในแต่ละวัตถุประสงค์ย่อยเท่าที่จาเป็ นเพื่อให้ บรรลุวตถุประสงค์หลัก
ั
รวมทังต้ องทาการ “ประเมินค่ าความเสี่ยง ” (Risk Assessment) อย่างเป็ นตรรกะในการผสานการใช้
้
ทรัพยากรที่เหมาะสมตามยุทธศาสตร์ทางเลือกเฉพาะนัน ๆ อีกด้ วย
้
ประการที่สอง เนื่องจาก “การเศรษฐกิจ ” นันเกี่ยวพันใกล้ ชิดกับ “ผลประโยชน์ ” ดังนัน
้
้
นักยุทธศาสตร์จะต้ องไม่สบสนหรือเข้ าใจว่า “การออมความพยายาม ” คือ การประหยัดค่าใช้ จ่ายและ
ั
ทรัพยากร ขณะเดียวกัน ต้ องระลึกเสมอว่า การประเมินทรัพยากรที่ต้องการในสภาวะแวดล้ อมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงด้ านความมันคงปลอดภัยระหว่างประเทศ และการที่มีผ้ เู ข้ ามาร่วมมีบทบาททังประเทศ
่
้
พันธมิตรหรือแม้ แต่องค์กรอิสระจะกระทาได้ ยากขึ ้น ยิ่งไปกว่านัน ความซับซ้ อนในการก้ าวล ้าทาง
้
เทคโนโลยียงช่วยเสริมทฤษฎีของเคลาสวิทซ์ในเรื่อง Fog & Friction Of War คือ ทาให้ สงครามมีความ
ั
คลุมเครือและติดขัดไปทุกระบบได้ เป็ นอย่างดี การวิเคราะห์ภาคสงครามโดยมิได้ คานึงถึงกาลังอานาจทาง
๑๘

เศรษฐกิจอย่างเพียงพออาจนามาซึ่งความพ่ายแพ้ และไม่สามารถบรรลุวตถุประสงค์ที่ต้องการได้
ั
“หลักการออมความพยายาม ” ที่แท้ จริงจะต้ องวางน ้าหนักลงไปที่วตถุประสงค์หลัก เพื่อให้ มนใจได้ วา
ั
ั่
่
เปาหมายที่ตงไว้ จะประสบผลสาเร็จได้ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและมีปัจจัยหลายอย่างที่สงผลกระทบ
้
ั้
่
เกี่ยวข้ อง
ประการที่สาม “การเศรษฐกิจ ” อาจไม่จาเป็ นที่จะต้ องสอดคล้ องกับคาว่า “ประสิทธิภาพ ”
ในขณะที่นกยุทธศาสตร์และนักปฏิบติพยายามพิจารณาใช้ ทรัพยากรให้ มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่โดยมาก
ั
ั
แล้ ว ผู้กมนโยบายระดับสูงมักไม่ให้ ความชัดเจน ( Bottom Line) ว่าจะสามารถทุ่มทรัพยากรให้ ได้ เท่าใด
ุ
อีกทังระยะเวลาและการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ก็ยงเป็ นปั จจัยในการกาหนดทรัพยากรใน
้
ั
กระบวนการเตรียมแผนยุทธศาสตร์เช่นเดียวกัน นอกจากวัตถุประสงค์หลักในระดับชาติที่ตงขึ ้นไว้ แล้ ว ยังมี
ั้
“ผลประโยชน์แห่งชาติ” เข้ ามาควบคุมอีกครังหนึ่ง ดังนัน ยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เริ่มแรกอาจจะต้ องได้ รับการ
้
้
พิจารณาอีกครังเพื่อตัดส่วนที่ไม่ก่อให้ เกิดประสิทธิภาพหรือไม่เกี่ยวข้ องออกไปได้ อีก
้
โดยสรุป ในระดับยุทธศาสตร์ “การออมความพยายาม” จะรวมการสถาปนาความสมดุลระหว่าง
กาลังอานาจแห่งชาติ การจัดสรรทรัพยากร การวางทรัพยากรและการใช้ทรัพยากรที่เหมาะสมตามลาดับ
ความสาคัญที่กาหนดไว้ การวิ เคราะห์จานวนทรัพยากรที่ตองการเพื่อนาไปใช้ จะต้องคานึงถึงผลประโยชน์
้
แห่งชาติ และวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์ ที่ตองการนัน ๆ ร่วมกัน ภารกิ จที่มีความยากลาบากและ
้
้
สาคัญยิ่ งของนักยุทธศาสตร์ ก็คือ การวิ เคราะห์และพิ จารณาหาความเชื่อมโยงระหว่าง “ผลประโยชน์ ” และ
“ความเสี่ยง” ในการวางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนและพิ จารณาข้อมูลในปัจจัยแวดล้อมของเวลา
และสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียดรอบคอบ
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑
หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑

More Related Content

What's hot

ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่ายใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่ายkrunoree.wordpress.com
 
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)kulwadee
 
ชุดการสอนอเมริกาเหนือ
ชุดการสอนอเมริกาเหนือชุดการสอนอเมริกาเหนือ
ชุดการสอนอเมริกาเหนือsuchinmam
 
สงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2สงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2namfon17
 
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้Bert Nangngam
 
เฉลยข้อสอบ O net
เฉลยข้อสอบ O netเฉลยข้อสอบ O net
เฉลยข้อสอบ O netNuttarika Kornkeaw
 
สงครามโลกครั้งที่1.2
สงครามโลกครั้งที่1.2สงครามโลกครั้งที่1.2
สงครามโลกครั้งที่1.2social602
 
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางSomO777
 
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1baifernbaify
 
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3teerachon
 
สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1Taraya Srivilas
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์A'waken P'Kong
 
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒Jiraprapa Noinoo
 
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐานใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐานPrincess Chulabhon's College Chonburi
 

What's hot (20)

ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่ายใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
ใบงานที่1เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย
 
วิจัย การรวมกลุ่ม
วิจัย การรวมกลุ่มวิจัย การรวมกลุ่ม
วิจัย การรวมกลุ่ม
 
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)
วิทยาศาสตร์เพื่อคุณภาพชีวิตครั้งที่ 1(20มิ ย 53)
 
ชุดการสอนอเมริกาเหนือ
ชุดการสอนอเมริกาเหนือชุดการสอนอเมริกาเหนือ
ชุดการสอนอเมริกาเหนือ
 
สงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2สงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2
 
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
บทที่8การวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
 
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษาปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
ปรัชญาและปรัชญาการศึกษา
 
สงครามเย็น
สงครามเย็นสงครามเย็น
สงครามเย็น
 
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยาพัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
พัฒนาการอาณาจักรอยุธยา
 
เฉลยข้อสอบ O net
เฉลยข้อสอบ O netเฉลยข้อสอบ O net
เฉลยข้อสอบ O net
 
สงครามโลกครั้งที่1.2
สงครามโลกครั้งที่1.2สงครามโลกครั้งที่1.2
สงครามโลกครั้งที่1.2
 
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและเหตุการณ์สำคัญในยุโรปสมัยกลาง
 
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1
สื่อสงครามโลกครั้งที่ 1
 
สงครามอ่าวเปอร์เซีย
สงครามอ่าวเปอร์เซียสงครามอ่าวเปอร์เซีย
สงครามอ่าวเปอร์เซีย
 
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3
แบบทดสอบ ภูมิศาสตร์ ม.3
 
สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1สงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
 
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐานใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
ใบความรู้ที่ 2 เรื่อง การประเมินและการตีความหลักฐาน
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 

Viewers also liked

วิชากองทัพบก
วิชากองทัพบกวิชากองทัพบก
วิชากองทัพบกminiindy
 
Lแบบธรรมเนียมทหาร
LแบบธรรมเนียมทหารLแบบธรรมเนียมทหาร
Lแบบธรรมเนียมทหารi_cavalry
 
แสวงข้อตกลงใจทางทหาร
แสวงข้อตกลงใจทางทหารแสวงข้อตกลงใจทางทหาร
แสวงข้อตกลงใจทางทหารameddschool
 
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556i_cavalry
 
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทาน
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทานบทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทาน
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทานDr.Krisada [Hua] RMUTT
 
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลักNew core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลักmaruay songtanin
 

Viewers also liked (6)

วิชากองทัพบก
วิชากองทัพบกวิชากองทัพบก
วิชากองทัพบก
 
Lแบบธรรมเนียมทหาร
LแบบธรรมเนียมทหารLแบบธรรมเนียมทหาร
Lแบบธรรมเนียมทหาร
 
แสวงข้อตกลงใจทางทหาร
แสวงข้อตกลงใจทางทหารแสวงข้อตกลงใจทางทหาร
แสวงข้อตกลงใจทางทหาร
 
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556
ระเบียบ ทบ. ว่าด้วยการลา พ.ศ.2556
 
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทาน
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทานบทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทาน
บทที่ 11 การจัดการโซ่อุปทาน
 
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลักNew core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก
New core values and concepts ค่านิยมและแนวคิดหลัก
 

More from Washirasak Poosit

Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverEarly Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverWashirasak Poosit
 
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพบรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพWashirasak Poosit
 
อบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการอบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการWashirasak Poosit
 
บรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Educationบรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military EducationWashirasak Poosit
 
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาเล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาWashirasak Poosit
 
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อเรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อWashirasak Poosit
 
ลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังWashirasak Poosit
 
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าเรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าWashirasak Poosit
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงWashirasak Poosit
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnWashirasak Poosit
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional SecuritytWashirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1Washirasak Poosit
 

More from Washirasak Poosit (20)

Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverEarly Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
 
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพบรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
 
อบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการอบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการ
 
บรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Educationบรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Education
 
Thai National Security Law
Thai National Security LawThai National Security Law
Thai National Security Law
 
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาเล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
 
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อเรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อ
 
ลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟัง
 
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าเรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึง
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavn
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
 

หลักการสงครามในศตวรรษที่๒๑

  • 1. ๑ หลักการสงครามในศตวรรษที่ ๒๑: การพิจารณาทางยุทธศาสตร์ The Principle of War in the 21st Century: Strategic Considerations By William T. Johnsen Douglas V. Johnson II James O. Kievit Douglas C. Lovelace, Jr And Steven Metz แปลและเรียบเรียงโดย นาวาอากาศโท วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์ -----------------------------------------------------------------------------------ตอนที่ ๑ บทนา จากประวัติศาสตร์การสงครามที่ผานมา นักยุทธศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ นักปรัชญา และนักการ ่ ทหาร ได้ ใช้ ความความพยายามอย่างยิ่งที่จะทาความเข้ าใจในความสลับซับซ้ อนของการสงคราม ด้ วย ความพยายามอันยาวนานตลอดยุคประวัติศาสตร์ของการสงคราม นับตังแต่การยุทธของทุธโมสที่ ๓ ้ (Campaign of Thutmose III) เมื่อ ๑๔๘๑ ปี ก่อนคริสตศักราชจนถึงปั จจุบน นักทฤษฎีการสงครามเหล่านี ้ ั ได้ สร้ างวิธีการปฏิบติการสงครามด้ วยการบีบอัด “บทเรียนจากการสงคราม ” ออกมาเป็ น “คาพังเพย ั กล่ าวไว้ ว่า...” สัน ๆ หลายต่อหลายข้ อ เพื่อให้ นกปฏิบติทางทหารนาไปใช้ เป็ นศิลปแห่งการทหารสาหรับ ้ ั ั ์ ช่วยในการ “ดาเนินสงคราม” ต่อไป สุดยอดของความพยายามคิดค้ นศาสตร์แห่งการสงครามในมุมมองของ สหรัฐ ฯ ก็คือ การจัดทา “หลักการสงคราม” ซึ่งบรรจุอยู่ใน Joint and Service Doctrines ที่ได้ กล่าวไว้ วา “หลักการสงครามจะ ่ เป็ นแนวทางในการสู้รบทั้งในระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี รวมทั้งเป็ นหลักฐานอัน ยั่งยืนของหลักนิยมทางทหารของสหรัฐ ฯ” Robin Cross, Warfare: A Chronological History, Quantum Books Ltd, London, 1998 T.R. Phillips, The Military Maxims of Napoleon, PA: Stackpole Books, 1985
  • 2. ๒ คาถามก็คือ หลักการเหล่านี ้จะยังยืนและใช้ ได้ ไปจนถึงเมื่อใด เมื่อได้ พจารณาถึงการค้ นคว้ า ่ ิ และ การจัดทาหลักการสงครามที่ใช้ กันโดยทั่วไปในปั จจุบัน ต่ างล้ วนได้ มาจากสมมติฐานของการ สงครามในยุคนโปเลียนและยุคอุตสาหกรรม ( Napoleon and Industrial Age Warfare) ซึ่งถึงแม้ จะ ได้ รับการวิเคราะห์อย่างลึกซึ ้งและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทังในระดับยุทธวิธีไปจนถึงระดับยุทธการ เช่น การ ้ ควบคุมในหลายพื ้นที่การรบ (Theaters) แล้ วก็ตาม แต่ในระดับยุทธศาสตร์ใหญ่เช่นสงครามในปั จจุบนและ ั ต่อ ๆ ไปในอนาคต ประเด็นการตีความในหลักการเพื่อการนาไปใช้ ยงจัดได้ วาอ่อนอยู่ ทาให้ เกิดปั ญหาว่า ั ่ หลักการดังกล่าวนี ้จะสามารถนาไปใช้ ในสงครามระดับยุทธศาสตร์ ภายใต้ สภาพการเปลี่ยนแปลงอัน รวดเร็วยิ่งของเทคโนโลยี หรือที่เรียกกันว่า “ยุคข่าวสาร ” (Information Age) และ “การปฏิวติในกิจการ ั ทหาร (Revolution in Military Affair-RMA)” ได้ อย่างไร ด้ วยเหตุวา สงครามในระดับยุทธศาสตร์ต้องการการระดมพลังสมอง ต้ องการแนวความคิดของ ่ นักยุทธศาสตร์การทหารที่คร่าหวอดอยู่ในแวดวงการสงครามมาอย่างช่าชอง เข้ ามาร่วมกันสรรค์คิดพัฒนา หลักของการรบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้ องประกอบไปด้ วยขันตอนและกิจกรรมการดาเนินการอย่างเป็ นระบบ ้ ที่สามารถเปิ ดรับข้ อมูลทังหมดสูการพินิจพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนได้ ปั ญหาที่เกิดขึ ้นประการหนึ่งก็คือ ทัง ้ ่ ้ ทฤษฎีและแนวคิดต่าง ๆ ที่พยายามสร้ างสรรค์ขึ ้นใหม่เหล่านี ้ ต่างก็มีขีดจากัดในตัวของมันเองในแต่ละ สงคราม หลักการสงครามข้ อหนึ่งหรือหลายข้ ออาจถูกยกเว้ นไม่สามารถนาไปใช้ ได้ ในสถานการณ์การรบที่ แตกต่างกันออกไป ถึงกระนัน หลักการสงครามก็ยงต้ องมีการสร้ างสรรค์ในตัวของมันเอง เพื่อที่จะสามารถ ้ ั นาไปขยายร้ อยเรียงให้ สะท้ อนเห็นความท้ าทายทางยุทธศาสตร์ได้ อย่างเจาะจงและสมดุลมากที่สดเท่าที่ ุ จะเป็ นไปได้ นักการทหารที่มีทกษะและความเข้ าในใจหลักการสงครามอย่างลึกซึ ้ง จะสามารถนาหลักการ ั สงครามไปใช้ เพื่อช่วยในกระบวนการวางแผนและตัดสินใจสาหรับเตรียมยุทธศาสตร์การรบได้ อย่างเป็ น รูปธรรม โดยจะสามารถนาไปใช้ ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ยทธศาสตร์การรบในอดีตที่ผานมา ทังที่ประสบ ุ ่ ้ ผลสาเร็จและล้ มเหลว หรือใช้ เป็ นเครื่องมือในการกาหนดกรอบการวางแผนยุทธศาสตร์สาหรับสถานการณ์ ปั จจุบนและอนาคตได้ อย่างมีระเบียบแบบแผน ั อย่างไรก็ตาม การนาหลักการสงครามไปใช้ ประกอบการวิเคราะห์หรือวิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ การรบที่จดทาขึ ้นแล้ ว ดูจะมีความเหมาะสมกว่าการนาหลักการสงครามไปเป็ นตัวตังในการกาหนด ั ้ ยุทธศาสตร์การรบ นักยุทธศาสตร์หลายท่านเห็นด้ วยกับความคิดนี ้ เนื่องจากสถานการณ์ของแต่ละการรบ นันแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้ องไม่ลืมว่าฝ่ ายตรงข้ ามก็อาจใช้ หลักการสงครามเดียวกันในการ ้ เตรียมแผนยุทธศาสตร์การรบเช่นเดียวกับฝ่ ายเรา ประเด็นสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ตัวหลักการสงคราม เองไม่ใช่ “รายการตรวจสอบ” หรือ Checklist ที่จะนามาใช้ กาหนดขันตอนการปฏิบติ เพื่อจัดทายุทธศาสตร์ ้ ั การรบแบบสาเร็จรูปได้ ซึ่งความเห็นเหล่านี ้ยังคงเป็ นที่โต้ แย้ งในการดาเนินการจัดทาหลักการสงครามของ
  • 3. ๓ นักการทหาร นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์การทหาร และนักยุทธศาสตร์ทหาร ถึงความเหมาะสมในการ เตรียมหลักการสงครามสาหรับศตวรรษที่ ๒๑ ที่สามารถรองรับรูปแบบของสงคราม แนวความคิดในการทา สงครามและการนาไปใช้ ของนักการทหารที่ต้องการยุทธศาสตร์การรบทังแบบเร่งด่วนหรือระยะยาวได้ ้
  • 4. ๔ ตอนที่ ๒ กล่ าวทั่วไป ในการทบทวนหรือจัดทาหลักการสงครามเพื่อให้ มีความเหมาะสมกับสภาวะแวดล้ อมทาง ยุทธศาสตร์ (Strategic Environment) ที่เปลี่ยนแปลงไปนัน เป็ นเรื่องที่ต้องการข้ อมูลในหลาย ๆ ด้ าน เช่น ้ สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกปั จจุบน การคาดหมายสถานการณ์ในอนาคต สภาวะแวดล้ อมใน ั แต่ละภูมิภาคและบทเรียนต่าง ๆ จากรูปแบบของการรบที่พฒนาไปเป็ นลาดับ ข้ อมูลเหล่าล้ วนต้ องใช้ เป็ น ั ส่วนประกอบในการประมวลกลันกรองเพื่อให้ ได้ มาซึ่งหลักการสงครามในแต่ละข้ อ ด้ วยเหตุนี ้ การจัดทา ่ หลักการสงครามเพื่อให้ ครอบคลุมยุทธศาสตร์การรบที่เปลี่ยนแปลงไปจึงเป็ นไปได้ ยากและต้ องมีการ ทบทวนในแต่ละช่วงระยะเวลา เมื่อมีข้อมูลและส่วนประกอบมากมายที่ต้องนามาใช้ พิจารณาเช่นนี ้ ก็ จาเป็ นต้ องมีหลักเกณฑ์ที่ใช้ เป็ นกรอบในการดาเนินการ นันก็คือ ยุทธศาสตร์การปองกันภัยแห่งชาติ ่ ้ (National Security Strategy) และยุทธศาสตร์ทหารแห่งชาติ ( National Military Strategy) โดยมี กระบวนการพิจารณายุทธศาสตร์ตอเนื่องในภาวะสันติสข ภาวะวิกฤต และภาวะสงคราม รวมทังต้ องผนวก ่ ุ ้ การเป็ น “ยุคข่าวสาร” เพื่อให้ สอดคล้ องกับสภาพความเป็ นไปในศตวรรษที่ ๒๑ ที่มีการเปลี่ยนแปลงทังใน ้ ด้ านเทคโนโลยีและภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-Political) ทังนี ้จะต้ องมีการร่วมมือกันจากนักยุทธศาสตร์ทงของพล ้ ั้ เรือนและทหาร เพื่อให้ เกิดกรอบยุทธศาสตร์อนครอบคลุมที่จะบรรลุถึง “วัตถุประสงค์แห่งชาติ ” และ ั ถึงแม้ วา ในการพิจารณาจะได้ เน้ นถึงยุทธศาสตร์การรบในระดับชาติแล้ วก็ตาม ในโลกแห่งความเป็ นจริง ่ กระบวนการพิจารณาและตัดสินใจระดับชาตินัน ยังได้ รับอิทธิพลจากความสัมพันธ์ ระหว่ างชาติ ้ ใน อีกหลายระดับ อีกด้ วย องค์ประกอบเหล่านี ้ล้ วนทาให้ การจากัดกรอบหลักการสงครามมีความ ยุ่งยาก ซับซ้ อนขึ ้นเป็ นเงาตามตัว นอกจาก “หลักวัตถุประสงค์ ” ในหลักการสงครามซึ่งถือว่ าเป็ นหลักสาคัญที่สุดแล้ ว หลักการอื่น ๆ จะไม่ มีการจัดลาดับความสาคัญ เนื่องจากการมองภาพรวมของยุทธศาสตร์นน ั้ ไม่สามารถมองได้ เพียงด้ านใดด้ านหนึ่ง แต่จะต้ องมองถึงความเชื่อมโยงของแต่ละหลักการต่อยุทธศาสตร์ การรบนัน ๆ ซึ่งประเด็นนี ้เป็ นจุดสาคัญที่นกยุทธศาสตร์จะต้ องเล็งเห็นส่วนเชื่อมต่อเหล่านันให้ กระจ่างชัด ้ ั ้ และครอบคลุม สิ่งที่เป็ นอันตรายที่สุดก็คือ การยกเอาหลักการที่ไม่ ถกต้ องเพียงสองสามหลักการ ู ไปใช้ เพียงเพื่อตอบสนองความต้ องการในการรบ โดยไม่คานึงถึงความเสียหายอันอาจเกิดจากการ มองข้ ามหลักการอื่นไป มักจะมีข้อถกเถียงกันเสมอว่า การนาหลักการสงครามไปใช้ นน จะเริ่มจากการนาหลักการสงคราม ั้ ไปจับต่อสถานการณ์ หรือนาผลที่ต้องการจากสถานการณ์กลับไปจับต่อหลักการสงคราม คาตอบในชันต้ น ้ ก็คือ โดยทัวไปนัน นักยุทธศาสตร์ มักจะมุ่งเน้ นการนาหลักการสงครามไปประยุกต์ ใช้ เพื่อให้ เกิด ่ ้
  • 5. ๕ ประสิทธิผลที่ต้องการ ซึ่งในภาวะที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดสินใจในยุคข้ อมูลข่ าวสารนี ้ ผลลัพธ์ ท่ ต้องการในการทาสงครามย่ อมมาก่ อนหลักการเสมอ ี ในการวิเคราะห์เพื่อนาหลักการสงครามมาใช้ ในลาดับแรก จะต้ องพิจารณาจุดมุงประสงค์ของ ่ แต่ละหลักการสงครามในภาพยุทธศาสตร์รวมระดับชาติเสียก่อน จากนันจึงวิเคราะห์ตีความเพื่อขยาย ้ ความหมายแล้ วจึงนาไปประยุกต์ใช้ อีกครังหนึ่ง ้ การทบทวนและปรับปรุง ”หลักการสงครามในศตวรรษที่ ๒๑ : การพิจารณาทางยุทธศาสตร์ ” นี ้ มิใช่การดาเนินการแบบเลขคณิตที่ต้องการผลลัพธ์เป็ นลาดับขันจากหนึ่งไปสอง แต่จะเป็ นการปรับเปลี่ยน ้ แนวความคิดในองค์ประกอบย่อยเพียงบางส่วน มีการปรับปรุงให้ ทนกับยุคสมัย และการมุงเน้ นเฉพาะจุด ั ่ แทนที่จะต้ องเปลี่ยนแปลงหลักการทังหมด เหตุผลเพราะว่า หลักการสงครามที่ใช้ กนอยู่ในปั จจุบน ได้ รับ ้ ั ั การคิดค้ นพัฒนาอย่างระแวดระวังจากประสบการณ์อนยาวนาน และโดยองค์รวมแล้ วสามารถสะท้ อนถึง ั “ความเป็ นจริง” ของการสงครามได้ อย่างใกล้ เคียงที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้ แล้ ว ุ เนื่องจากการวิเคราะห์หลักการสงครามเพื่อนาไปประยุกต์ใช้ จะมีองค์ประกอบทางข้ างที่ จาเป็ นต้ องนามาพิจารณามากมาย ดังนันการนาหลักการสงครามไปใช้ ต้ องมีการอภิปรายถึงประเด็นที่ ้ เกี่ยวข้ องและตัดประเด็นการพิจารณาหลักการสงครามที่ไม่เกี่ยวข้ องออกไป ทังหมดนี ้ รูปแบบของเกณฑ์ ้ การพิจารณานาหลักการสงครามไปใช้ จะมี ๒ รูปแบบคือ ประการแรก แบบ “Maximalist” ซึ่งมา จากการตังสมมติฐานว่ า สงครามมีความสลับซับซ้ อนและไม่ มีหลักการใดหลักการหนึ่งที่จะ ้ ครอบคลุมการแปรเปลี่ยนของสงครามที่มีหลายรูปแบบได้ กลุมของหลักการสงครามที่จะนาไปใช้ กบ ่ ั สงครามเบ็ดเสร็จ (Conventional Warfare) จะแตกต่างกันเป็ นอย่างมากกับกลุมของหลักการสงครามที่จะ ่ นาไปใช้ กบสงครามกองโจร (Guerilla Warfare), สงครามข่าวสาร ( Information Warfare) หรือสงครามใน ั รูปแบบอื่น ๆ และในทางตรงกันข้ าม เกณฑ์ การพิจารณาแบบ “Minimalist” จะแสดงให้ เห็นว่ า การนา หลักการสงครามไปพิจารณาใช้ สามารถที่จะกลั่นกรองเพื่อลดหลักการที่ไม่ เกี่ยวข้ องหรือไม่ เหมาะสมออกไปได้
  • 6. ๖ ตอนที่ ๓ หลักการสงคราม “วัตถุประสงค์ ” (OBJECTIVE) หลักวัตถุประสงค์ (OBJECTIVE) ชี้ชัดและบ่ งเปาหมายที่ต้องการอย่ างกระจ่ างแจ้ ง เพื่อให้ บรรลุผลในการรักษา ้ ผลประโยชน์ แห่ งชาติทั้งในปั จจุบันและอนาคตได้ อย่ างสมบูรณ์ หลักวัตถุประสงค์ เป็ นหลักการหนึ่งเดียวที่จาเป็ นและสาคัญที่สดของหลักการสงคราม โดยเฉพาะ ุ อย่างยิ่งในการพิจารณาระดับยุทธศาสตร์ แม้ โดยเนื ้อแท้ ของคาว่ายุทธศาสตร์นนจะเป็ นการพัฒนาแนวทาง ั้ ที่ต้องการใช้ เวลาในการพินิจพิเคราะห์ ตัดสินใจ และนาไปปฏิบติเพื่อให้ บรรลุผล แต่หากเราสามารถ ั กาหนดจุดมุงหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ถกต้ องชัดเจนก่อนล่วงหน้ าได้ เร็วมากเท่าใด ก็จะทาให้ สามารถวาง ่ ู ยุทธศาสตร์ที่จะนาไปสูความสาเร็จได้ มากขึ ้นเท่านัน ทังนี ้จะต้ องมีการเตรียมการ เตรียมข้ อมูล และ ่ ้ ้ ต้ องการผู้เกี่ยวข้ องจานวนมากมาร่วมมือกันทุ่มเทให้ กบการกาหนดเปาหมายสุดท้ ายที่สน รัดกุม ชัดเจน ั ้ ั้ และปราศจากข้ อสงสัยเคลือบแคลง พิจารณาในแง่ของการปฏิบติ ั การกาหนดวัตถุประสงค์ ท่ ต้องการในระดับยุทธศาสตร์ ใหญ่ ี มักต้ องการ “กาลัง” เกินกว่ าที่กองทัพจะสามารถสนับสนุนให้ ได้ หลายประเทศจึงนาผลการพิจารณา เปาหมายสุดท้ ายที่ต้องการนี ้ไปเป็ นข้ ออ้ างในการจัดซื ้อ จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์จนเกินความจาเป็ น ดังนัน ้ ้ ประโยคที่วา “เพื่อให้ บรรลุในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทงปั จจุบนและอนาคตได้ อย่างสมบูรณ์ ” จะ ่ ั้ ั เตือนให้ นกยุทธศาสตร์ต้องหันกลับมามองอีกว่า ใน “วัตถุประสงค์แห่งชาติ ” นันยังมีสวนประกอบอื่น ๆ ที่ ั ้ ่ หลากหลาย เช่น การเมือง การเศรษฐกิจ การทูต การจิตวิทยา และการทหาร ดังนัน “หลักวัตถุประสงค์ ” ้ จะต้ องเน้ นไปยัง “การปฏิบัติท่ จาเป็ นสุดยอด” และต้ องได้ รับการกลั่นกรองจากหลายแนวทางที่ ี ได้ รับการกาหนดกรอบขึนมา ้ การตกลงใจเลือกวัตถุประสงค์สดท้ ายที่ต้องการย่อมเป็ นเรื่องที่ยากยิ่ง เนื่องจากมีปัจจัย ุ หลายประการดังที่กล่าวมาแล้ ว เข้ ามาเป็ นส่วนประกอบในการพิจารณา และในแต่ละส่วนประกอบก็ยงมี ั จุดอ่อน จุดแข็งในตัวของมันเองที่จะคอยหักเหแนวความคิดในการกาหนดวัตถุประสงค์ในแต่ละครังออกไป ้ ยิ่งไปกว่านัน ผู้ที่จะรับเอาวัตถุประสงค์สดท้ ายที่ต้องการเพื่อนาไปปฏิบติ ยังมีสวนที่จะโน้ มน้ าวให้ การ ้ ุ ั ่ กาหนดวัตถุประสงค์เป็ นไปตามขีดความสามารถและยุทธวิธีที่ตนเองคุ้นเคยและสามารถปฏิบติได้ อีกทัง ั ้ ธรรมชาติของ “การยุทธศาสตร์ ” นัน เป็ นการมองกลหมากในระยะยาว ทาให้ การเตรียมข้ อมูลของอนาคต ้ เพื่อนามาวิเคราะห์ประกอบการพิจารณาเลือกวัตถุประสงค์ที่เป็ นไปได้ มีความยากยิ่ง สิ่งสาคัญท้ ายที่สด ุ ของการวางยุทธศาสตร์ใหญ่ก็คือ การเข้ ามามีสวนร่วมของประเทศพันธมิตร อันเป็ นลักษณาการของวิถีโลก ่
  • 7. ๗ ในปั จจุบนและอนาคตที่จะเข้ ามามีสวนให้ การกาหนดวัตถุประสงค์สดท้ ายมีความลาบากยุ่งยากยิ่งขึ ้น ั ่ ุ เนื่องจากต้ องให้ ทกฝ่ ายเกิดความพอใจนันเอง ุ ่ ในสถานการณ์ของยุคข้ อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้ าวกระโดดในระบบบัญชาการและ ควบคุม ดูเหมือนจะทาให้ ผ้ บงคับบัญชาสามารถปฏิบติภารกิจได้ หลายภารกิจอย่างต่อเนื่องในเวลา ู ั ั เดียวกัน ด้ วยเหตุนี ้เอง อาจเป็ นเหตุให้ นกยุทธศาสตร์ประเมินว่า วัตถุประสงค์สดท้ ายเพียงประการเดียว ั ุ อาจไม่ครอบคลุมและเหมาะสมอีกต่อไป แต่ในความเป็ นจริงแล้ ว การแยกย่อยภารกิจเพื่อการปฏิบติการใน ั แต่ละครัง ไม่ใช่การแยกย่อยวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ที่ต้องการ ในทางกลับกัน ภารกิจแยกย่ อยที่มี ้ เปาประสงค์ เฉพาะ จะต้ องเป็ นตัวสร้ างเสริมให้ บรรลุผลสาเร็จในวัตถุประสงค์ ใหญ่ เพียงหนึ่งเดียว ้ อย่างไรก็ตาม นักยุทธศาสตร์จะต้ องเสนอวัตถุประสงค์ของการสงครามในทุกแง่ทกมุมที่อาจเป็ น ุ ไปได้ ซึ่งบางครังอาจต้ องรวมไปถึง การประเมินค่าใช้ จ่าย ค่าการสูญเสีย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ ้นได้ ้ วัตถุประสงค์สดยอดที่ได้ รับการกลันกรองแล้ วเท่านัน ที่จะได้ รับการยกขึ ้นเสนอต่อผู้มีอานาจตัดสินใจใน ุ ่ ้ ระดับสูง ถึงจุดนี ้ นักยุทธศาสตร์จะต้ องเข้ าใจอีกว่า นันเป็ นเพียงจุดเริ่มต้ นในกระบวนการที่มีการ ่ เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และมีความเป็ นไปได้ สงที่วตถุประสงค์ซึ่งนาเสนอไปนัน จะได้ รับการ ู ั ้ ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมตามเวลาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป บางครังความก้ าวหน้ าในเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารกลับยิ่งทาให้ เกิดความยุ่งยากซับซ้ อนในการ ้ กาหนดวัตถุประสงค์มากขึ ้นไปอีก นันเป็ นเพราะทุกฝ่ ายไม่วาทหาร พลเรือน รัฐบาลประเทศพันธมิตร หรือ ่ ่ แม้ แต่องค์กรอิสระที่ได้ รับข้ อมูลในการเตรียมยุทธศาสตร์ใหญ่เช่นนี ้ ต่างก็ต้องการเข้ ามามีสวนร่วมในการ ่ นาเสนอ หรือแสดงข้ อขัดแย้ งตลอดเวลา ดังนัน ในกระบวนการพัฒนาวัตถุประสงค์ นี ้ จาเป็ น ที่จะต้ อง ้ จากัดผู้เข้ าร่ วมดาเนินการ ให้ มีเฉพาะผู้ท่ ีเกี่ยวข้ องโดยตรงเท่ านัน อีกทังระบบในสายการติดต่อ ้ ้ สื่อสารและการส่งข้ อมูลจะต้ องไม่แพร่งพรายสูระบบภายนอกให้ มากที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้ ่ ุ ในยุคข้ อมูลข่าวสาร แม้ เป็ นที่ยอมรับว่า การมีผ้ เู ข้ าร่วมดาเนินการมากขึ ้นเท่าใด ก็จะได้ ข้อมูลที่ จาเป็ นเพิ่มมากขึ ้นเท่านัน และแต่ละข้ อมูลที่หลากหลายย่อมส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาวัตถุประสงค์ทงสิ ้น ้ ั้ แต่นนก็เป็ นเหตุให้ กระบวนการดาเนินการต้ องประสบความยุ่งยากซับซ้ อน เกิดการกระจัดกระจายใน ั่ แนวความคิดและการลงมติให้ เป็ นเอกฉันท์เกิดความล่าช้ า ความล่าช้ านี ้เองจะก่อให้ เกิดความเสี่ยงและ เปิ ดโอกาสให้ ศตรูฝ่ายตรงข้ ามได้ ฉวยประโยชน์ในการมีเวลาตระเตรียมการมากยิ่งขึ ้น ั ในภาพรวมแล้ วจะเห็นได้ ว่า ควรจะต้ องมีองค์ กรที่ทาหน้ าที่ในการวิเคราะห์ พิจารณา วัตถุประสงค์ ทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะ และต้ องเป็ นองค์ กรระนาบเดียวที่ปราศจากอิทธิพล ทางระดับชั้นและสิ่งแวดล้ อมนอกระบบ จึงจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดาเนินงาน มากที่สุด
  • 8. ๘ โดยสรุปแล้ว หลักวัตถุประสงค์ยงคงเป็ นหลักการสงครามที่มีความสาคัญที่สด และต้องมี ั ุ กระบวนการกลันกรองวัตถุประสงค์สดยอดสุดท้ายที่สมบูรณ์ โดยยึดถือผลประโยชน์แห่งชาติ เป็ นหลัก ทังนี้ ่ ุ ้ จะต้องดาเนิ นการอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและรวดเร็วที่สด นับตังแต่เริ่ มมีความชัดเจนของสถานการณ์ ที่ ุ ้ เกิ ดขึ้นแล้วและกาลังดาเนิ นต่อไป ในยุคข้อมูลข่าวสาร การควบคุม จากัด หรื อปิ ดบังแนวความคิ ดในการ กาหนด วัตถุประสงค์มีความจาเป็ นอย่างยิ่ ง จึงต้องจากัดผูเ้ กี่ยวข้องและป้ องกันข้อมูลรั่วไหลออก จากระบบสู่ภายนอกและศัตรูฝ่ายตรงข้าม
  • 9. ๙ ตอนที่ ๔ หลักการสงคราม “ริเริ่ม” (INITIATIVE) หลักการริเริ่ม (ทดแทน “หลักการรุ ก”-OFFENSIVE) เข้ าควบคุมสถานการณ์ ชิงความได้ เปรียบ และแสวงผลจากการริเริ่มก่ อน การเปลี่ยนชื่อหลักการสงครามจาก “หลักการรุก ” เป็ น “หลักการริเริ่ม ” นี ้ เป็ นการปรับเปลี่ยน มุมมองจากรูปแบบของยุทธวิธีการรุกให้ เป็ นรูปแบบของ “การริเริ่ม” อันจะเป็ นการเปิ ดกว้ างแนวทางในการ วางยุทธศาสตร์การรบ เป็ นที่ทราบกันดีวา “การวางยุทธศาสตร์ ” เป็ นกระบวนการที่ต้องใช้ เวลาในการศึกษา ่ หา “สาเหตุ” (Causes) และ “ผลสนอง” (Effect) เพื่อประมาณการณ์ถึงแนวโน้ มที่อาจเป็ นไปได้ ดังนัน มิใช่ ้ ว่านักยุทธศาสตร์หรือผู้มีอานาจตัดสินใจจะต้ องเตรียมการในเชิงรุกอยู่เพียงด้ านเดียวเสมอไป ในบางครัง ้ การเตรียมยุทธศาสตร์การรบอาจเป็ นการเตรียมการในเชิงรับ หรือทังเชิงรุกและเชิงรับในขณะเดียวกันก็ได้ ้ ทังนี ้ต้ องระลึกเสมอว่า มูลเหตุของการเตรียมยุทธศาสตร์ใหญ่นน ก็เพื่อต้ องการผลสนองให้ เกิดการปฏิบติ ้ ั้ ั จนกระทังบรรลุวตถุประสงค์แห่งชาติที่ต้องการ ดังนัน การมุงเน้ นไปยังการวิเคราะห์เชิงรุกทังในระดับ ่ ั ้ ่ ้ ยุทธวิธีและระดับปฏิบติการนันอาจไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนแนวทางในระดับยุทธศาสตร์ได้ ั ้ เนื่องจากข้ อจากัดด้ านเวลาในการพิจารณาหา “สาเหตุ” และ “ผลสนอง” ของสถานการณ์ที่เกิดขึ ้น ในระดับยุทธศาสตร์ นักยุทธศาสตร์จาเป็ นต้ องเตรียมข้ อมูล วิเคราะห์ ศึกษาสภาวะแวดล้ อมทาง ยุทธศาสตร์ ( Strategic Environment) และสถาปนา “การริเริ่ม ” ไว้ เสียตังแต่แรกเมื่อเกิดแนวโน้ มของ ้ สถานการณ์ การเตรียมการก่อนเช่นนี ้ จะส่งผลดีตอฝ่ ายเราในการที่จะสามารถกาหนดผู้รับผิดชอบ ่ ดาเนินการได้ ตงแต่ต้นและสามารถพัฒนาการดาเนินการไปได้ อย่างต่อเนื่อง เป็ นที่แน่ชดว่าการวาง ั้ ั ยุทธศาสตร์การรบในยุคข้ อมูลข่าวสารนี ้ การรอให้ ฝ่ายตรงข้ ามดาเนินการก่อนย่อมส่งผลให้ ฝ่ายเราเกิดการ เสียเปรียบเป็ นอย่างมาก เนื่องจากในปั จจุบน การไหลของข้ อมูลและเหตุการณ์ดาเนินไปอย่างรวดเร็วด้ วย ั ระบบบัญชาการและควบคุมอันทรงประสิทธิภาพ ดังนัน การเข้ าควบคุมสถานการณ์ ให้ ได้ ก่อน จะทา ้ ให้ ฝ่ ายเราสามารถกาหนดและควบคุมสภาวะแวดล้ อมของสถานการณ์ เอาไว้ ได้ นั่นก็คือ ศัตรู จาเป็ นจะต้ องปรับเปลี่ยนวิถีทางของตนให้ สอดคล้ องกับสถานการณ์ ท่ เราเป็ นฝ่ ายเลือก ี ดังที่กล่าวมาแล้ วว่า การดารงความริเริ่มจะส่งผลให้ เกิดความได้ เปรียบในแง่ของการที่ฝ่ายตรงข้ าม จาเป็ นต้ องปรับเปลี่ยนแนวทางและจังหวะเวลาตามฝ่ ายที่ได้ ริเริ่มก่อน ดังนันแล้ ว ฝ่ ายที่ได้ ริเริ่มก่อนก็จะ ้ สามารถดาเนินการพัฒนายุทธศาสตร์ของตนได้ สะดวกขึ ้นและควบคุมได้ มากขึ ้น ตัวอย่างของประโยชน์จากการดารงความริเริ่มและความล้ มเหลวของการที่มิได้ มีการเตรียมการ ก็ดงเช่น กรณีที่อิรักบุกเข้ ายึดคูเวตในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ซึ่งได้ ทาลายความเปราะบางของสมดุลทาง ั
  • 10. ๑๐ ยุทธศาสตร์ และความหวังที่จะสร้ างเสถียรภาพความมันคงในภูมิภาคตะวันออกกลางของสหรัฐ ฯ หลังจาก ่ ที่อิรักเข้ ายึดครองคูเวตได้ แล้ ว สหรัฐ ฯ ได้ ดาเนินยุทธศาสตร์ในการริเริ่มก่อน โดยการรวบรวมประเทศ พันธมิตรโดยเฉพาะประเทศในกลุมอาหรับให้ เข้ าร่วมปฏิบติการโล่ห์ทะเลทราย ( Desert Shield) และพายุ ่ ั ทะเลทราย (Desert Storm) ซึ่งเป็ นการปฏิบติการเชิงรับและการปฏิบติการเชิงรุก ตามลาดับ ั ั ซัดดัมพยายามเปิ ดเกมรุกด้ วยยุทธศาสตร์การริเริ่มบ้ าง ด้ วยการโจมตีอิสราเอลด้ วยอาวุธ SCUD missiles ด้ วยหวังว่า จะส่งผลให้ ประชาชนชาวอิสราเอลพากันเรียกร้ องให้ ยติความสัมพันธ์กบสหรัฐ ฯ ซึ่ง ุ ั วางตนเป็ นแกนนาอยู่ ขณะเดียวกัน สหรัฐ ฯ ได้ ใช้ ความพยายามทางการทูตและส่ง Patriot missiles ให้ แก่ อิสราเอลเพื่อหยุดยังไม่ให้ ประชาชนของกรุงเทลอาวีฟดาเนินการใด ๆ ในอันที่จะสนับสนุนวัตถุประสงค์ของ ้ อิรัก ในการดาเนินยุทธศาสตร์เช่นนี ้ สหรัฐ ฯ ยังคงรักษา “การริเริ่ม ” ไว้ ก่อนเสมอ จากปฏิบติการพายุ ั ทะเลทรายตามมาด้ วยปฏิบติการดาบทะเลทราย ( Desert Saber) และท้ ายที่สด สหรัฐ ฯ ก็สามารถบรรลุ ั ุ วัตถุประสงค์ในการขับไล่กาลังทหารของอิรักออกจากคูเวตได้ สาเร็จ ประเด็นสาคัญก็คือ ในระยะยาว สหรัฐ ฯ จะได้ ใช้ บทเรียนของความสาเร็จจากการร่วมมือของประเทศพันธมิตรและการจากัดท่าทีของ อิสราเอลต่อการยัวยุของอิรักเพื่อเป็ นแนวทางของกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางต่อไป ่ ในอนาคตอันใกล้ ความได้ เปรียบในการรับส่งข่าวสารจะเป็ นขีดความสามารถสาคัญ ที่จะต้ อง นามาใช้ พิจารณาเพื่อการกาหนดกรอบและรักษา “การริเริ่ม ” อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถนี ้เป็ นเพียง ความได้ เปรียบขันต้ นเท่านัน สิ่งสาคัญจะอยู่ที่ความสามารถในการนาข้ อมูลข่าวสารมาวิเคราะห์ตีความ ้ ้ และเปลี่ยนข่าวสารไปเป็ นการตัดสินใจเพื่อนาไปสูการปฏิบติ ถึงแม้ วาเทคโนโลยีขาวสารในปั จจุบนจะมี ่ ั ่ ่ ั ความก้ าวหน้ าและสามารถนาไปประเมินผลได้ อย่างรวดเร็ว ประโยชน์ที่ได้ รับอย่างแท้ จริงจะขึ ้นอยู่กบกลุม ั ่ ผู้ปฏิบติที่จะสามารถสร้ างส่วนประกอบของอนาคตจากข่าวสารที่ได้ แล้ วนาไปใช้ เพื่อการตัดสินใจได้ อย่างไร ั โดยสรุป เพื่อให้บรรลุผลในการปฏิ บติภารกิ จ นักยุทธศาสตร์ จะต้องคานึงถึงองค์ประกอบทัง ั ้ ภายในและภายนอกของ “การริ เริ่ ม” องค์ประกอบภายในอยู่บนพื้นฐานของการทาให้แน่ใจว่า กระบวนการ ดาเนิ นงานเพื่อการตัดสิ นใจจะต้องมีประสิ ทธิ ภาพและพอเพียงมากที่สดเท่าที่จะเป็ นไปได้ ส่วน ุ องค์ประกอบภายนอก จะมีพื้นฐานอยู่บนความเข้าใจในขีดความสามารถของการคาดการณ์ และการ ตัดสิ นใจของฝ่ ายตรงข้าม และที่สาคัญยิ่ งไปกว่านัน ในสภาวะแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ ของปัจจุบน บรรดา ้ ั ประเทศพันธมิ ตรหรื อประเทศที่ให้ความร่วมมือแก่ฝ่ายเราทังหลายนี้เอง ที่จะเป็ นปัจจัยสาคัญและมีอิทธิ พล ้ ต่อ “การริ เริ่ ม ” ทังหลายทังมวล องค์ประกอบทังภายในและภายนอกนี้จะต้องดาเนิ นไปอย่างสอดคล้อง ้ ้ ้ ต้องกันเพื่อให้เกิ ดผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ สงสุด ู
  • 11. ๑๑ ตอนที่ ๕ หลักการสงคราม “เอกภาพของความพยายาม” (UNITY OF EFFORT) หลักเอกภาพของความพยายาม (ทดแทน “หลักเอกภาพของการบังคับบัญชา”-UNITY OF COMMAND) ในทุกวัตถุประสงค์ ของระบบการทางาน จะต้ องมุ่งสู่เอกภาพของความพยายามอย่ างเป็ น อันหนึ่งอันเดียวกัน นักยุทธศาสตร์ล้วนทราบกันเป็ นอย่างดีวา การกาหนดยุทธศาสตร์ชาติ จะพิจารณาไปตาม ่ องค์ประกอบของความมันคงแห่งชาติ นันก็คือ ยุทธศาสตร์ทางการเมือง ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ่ ่ ยุทธศาสตร์ทางการทูต ยุทธศาสตร์การทหาร และยุทธศาสตร์การสังคมจิตวิทยา ซึ่งในแต่ละกาลังอานาจ แห่งชาติที่กล่าวมานี ้ ล้ วนมีวตถุประสงค์และมาตรการในการปฏิบติที่แตกต่างกัน ความแตกต่างนี ้จะส่งผล ั ั เสียหายร้ ายแรงหากจุดมุงหมายของยุทธศาสตร์ในแต่ละด้ านนันสวนทางกัน โดยเฉพาะในเรื่องของ ่ ้ แนวความคิด เช่น เปาประสงค์ในความต้ องการที่สวนทางกันระหว่างการทหารและการเศรษฐกิจ ้ ความล้ มเหลวในการประสานวัตถุประสงค์ ต่อกันและกันนี ้ จะนามาซึ่งความล้ มเหลวใน วัตถุประสงค์ รวมของทังระบบ ้ ตังแต่อดีตกาล องค์กรทหารมีการปกครองบังคับบัญชาอย่างเป็ นระดับชัน ความเป็ นอันหนึ่ง ้ ้ อันเดียวกันในการปฏิบติภารกิจ หรือ “เอกภาพของความพยายาม” มาจาก “เอกภาพของการบังคับบัญชา” ั ของผู้บญชาการ จากบทเรียนการรบในอดีต “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” เป็ นหลักการที่สามารถ ั นาไปใช้ ในการสงครามในระดับยุทธการและระดับยุทธวิธีได้ ประสบผลสาเร็จเสมอมา แต่สาหรับการ สงครามในระดับยุทธศาสตร์ตามภาวะการณ์ของปั จจุบนแล้ ว “ความพยายาม ” หรือการมีสวนร่วมในการ ั ่ ดาเนินการขององค์กรผู้ปฏิบติตาง ๆ ที่ต้องมาประกอบกันเพื่อเข้ าสูการสงคราม จะมีขอบเขตของการ ั ่ ่ ดาเนินการกว้ างกว่าการใช้ การ “บังคับบัญชา” เพื่อให้ เกิดความสาเร็จเพียงประการเดียว ในความหลากหลายของผู้เข้ าร่วมดาเนินสงครามในระดับยุทธศาสตร์นน ต้ องการความคล่องตัวที่ ั้ ไหลลื่นมากกว่าการอธิบายด้ วยคาว่า “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” เพียงประการเดียว ยกตัวอย่างเช่น ระบบบัญชาการของรัฐบาลสหรัฐ ฯ ที่จะต้ องมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา และต้ องถูกตรวจสอบจากทัง ้ ฝ่ ายบริหารและตุลาการอย่างสมดุล ถึงแม้ จะมีข้อโต้ แย้ งว่า ฝ่ ายบริหารต่างหากที่มีอานาจสูงสุดในการ ตัดสินใจและบัญชาการเมื่อเกิดความคิดเห็นขัดแย้ งกันในแต่ละส่วนของรัฐบาลกลาง แต่ในกระบวนการ เพื่อให้ ได้ มาซึ่งอานาจในการตัดสินใจนี ้ ฝ่ ายบริหารยังคงต้ องการใช้ “การประสาน ” เพื่อรวบรวม “ความพยายาม” ของรัฐบาลให้ เป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันมากกว่าการ “บัญชาการ”
  • 12. ๑๒ ในระดับสากลจะเห็นได้ ว่า ปั จจุบันประเทศอิสระเล็กๆ มีแนวโน้ มที่จะต้ องพึ่งพาและ อยู่ภายใต้ “บัญชาการ ” ของประเทศที่มีกาลังอานาจขนาดใหญ่ ซึ่งแม้ แต่นาโต้ เองก็ได้ เล็งเห็นถึง แนวโน้ มในจุดนี ้ อย่างไรก็ดี ในความเป็ นจริง ไม่มีรัฐอิสระใดที่ต้องการขึ ้นชื่อว่าอยู่ “ภายใต้ ” การควบคุม ทางทหารของประเทศอื่นอย่างแน่นอน ดังนัน ในยุทธศาสตร์ระดับประเทศ นักยุทธศาสตร์หรือผู้กาหนด ้ นโยบายจะต้ องยึดถือใน “หลักเอกภาพของความพยายาม” มากกว่า “เอกภาพของการบังคับบัญชา” “หลักเอกภาพของความพยายาม” ในสภาวะแวดล้ อมทางยุทธศาสตร์ของศตวรรษที่ ๒๑ จะยิ่งทวี ความสาคัญและจาเป็ นที่นกยุทธศาสตร์จะต้ องสนใจและเอาใจใส่มากขึ ้น เนื่องจากแนวโน้ มของการ ั ปฏิบติการทางทหารในปั จจุบนและอนาคต จะเป็ นการปฏิบติการร่วมแบบพหุภาคีที่ประกอบด้ วยชาติ ั ั ั หลายชาติตามพันธะสัญญาหลายรูปแบบที่มีตอกัน เทคโนโลยีในยุคข่าวสารจะช่วยอานวยความสะดวก ่ ในการประสานงานกันระหว่างองค์กรต่าง ๆ หรือแม้ กระทังระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล การดาเนินการแก้ ไข ่ ปั ญหาความขัดแย้ งหรือการประกาศสงครามใด ๆ ในปั จจุบน ไม่อาจกระทาได้ หากไม่พิจารณาถึงความ ั ร่วมมือและความสัมพันธ์อนละเอียดอ่อนต่อมิตรประเทศ ปั ญหาสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ความไม่ ั ชัดเจนในการกาหนดเส้ นแบ่งกันระหว่างภาวะสันติ ภาวะวิกฤต และภาวะสงคราม ดังนันการโน้ มน้ าวเพื่อ ้ ้ ขอความร่วมมือจากมิตรประเทศเพื่อให้ เกิด “ความพยายาม ” ในการแก้ ไขปั ญหา ก็อาจไม่ชดเจนและ ั ยากลาบากยิ่งขึ ้นด้ วย ด้ วยเหตุนี ้ การชักชวนหรือชวนเชื่อในระดับยุทธศาสตร์ จะทวีความสาคัญ มากกว่ าที่เคยปฏิบัติ ๆ มาในอดีต ยุทธศาสตร์การแผ่อานาจ ( Power Projection Strategy) ของสหรัฐ ฯ จะประสบผลสาเร็จไม่ได้ หากไม่มีการเคลื่อนย้ ายกาลังทางทหารของตนกระจายไปยังหมูมิตรประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ทัวโลก แต่ ่ ่ การเคลื่อนย้ ายกาลังจะประสบกับปั ญหาอย่างแน่นอนหากปราศจากการดาเนินการเพื่อให้ เกิดความ พยายามและความร่วมมือกันระหว่างสหรัฐ ฯ กับดินแดนที่ต้องเหยียบย่างเข้ าไป ช่วงเวลาที่ผานมา ่ การวางกาลังโพ้ นทะเลของสหรัฐ ฯ ทาให้ สหรัฐ ฯ สามารถปฏิบติการร่วมกันกับชาติตาง ๆ ได้ อย่างมี ั ่ ประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทาให้ เกิดเป็ น “กฎ” ที่สหรัฐ ฯ จะละเลยหรือมีข้อยกเว้ นต่อประเทศใด ประเทศหนึ่งไม่ได้ ดังนัน สหรัฐ ฯ จึงต้ องมีมาตรการในการถ่วงดุลที่วา หากสหรัฐ ฯ ต้ องการที่จะสร้ างความ ้ ่ ร่วมมือและการเกื ้อหนุน “ความพยายาม ” ร่วมกันกับชาติมิตรประเทศเพื่อปองกันการเกิดวิกฤตฉุกเฉิน ้ (Fast Breaking Crisis) แล้ ว สหรัฐ ฯ ก็ไม่ควรลด “การปรากฏตน” ของสหรัฐ ฯ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ลง ในทางกลับกัน หากสหรัฐ ฯ จะต้ องลดการปรากฏตนในโพ้ นทะเลลง สหรัฐ ฯ จะต้ องเพิ่มความมันใจใน ่ การปฏิบติการด้ วยตนเองให้ มากยิ่งขึ ้น ซึ่งหากเป็ นเช่นนัน หลัก “เอกภาพของการบังคับบัญชา ” ก็จะ ั ้ กลับมามีบทบาทสาคัญเช่นเดิม ในปั จจุบน ประเทศต่าง ๆ ทัวโลกต่างพยายามพัฒนาวิถีทางของตนเพื่อให้ รับกับการเป็ นยุค ั ่ ข่าวสารเพิ่มมากขึ ้น ซึ่งก็เป็ นผลดีในอันที่จะช่วยสนับสนุน “หลักเอกภาพของความพยายาม ” อยู่แล้ ว
  • 13. ๑๓ แต่ขณะเดียวกัน สหรัฐ ฯ เองก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการคัดสรรค์เทคโนโลยีและความรู้เพื่อตอบรับยุคข่าวสาร ให้ ก้าวล ้าไปอย่างไม่รงรอ ในขณะที่สหรัฐ ฯ กาลังลอยอยู่บน “คลื่นลูกที่สาม ” ตามที่ Alvin and Heidi ั้ Toffler ได้ บรรยายไว้ นี ้ มีบางประเทศที่ยงคงเป็ น “คลื่นลูกที่สอง ” ซึ่งยึดแน่นพึ่งพาอยู่กบการอุตสาหกรรม ั ั แม้ จะใช้ ความเป็ นยุคข่าวสารอยู่บ้างก็ตาม แต่อีกหลายประเทศยังคงเป็ น “คลื่นลูกแรก” ที่เลี ้ยงชีพด้ วยการ เกษตรกรรมและกสิกรรมติดดิน ณ จุดนี ้ ทาให้ สหรัฐ ฯ ต้ องหันกลับมามองว่า ตนจะรวมคลื่นทังสามลูก ้ ให้ เกิด “เอกภาพของความพยายาม” ได้ เช่นไร อันที่จริงแล้ ว ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อ “เอกภาพของความพยายาม ” กระบวนการสร้ างสรรค์ยทธศาสตร์ที่ต้องใช้ เวลาอันยาวนาน การกาหนดวัตถุประสงค์ที่ชี ้ชัดสูหนทางปฏิบติ ุ ่ ั การเปิ ดกว้ างในความคิดทางการเมืองของอเมริกนชน และอิทธิพลจากความคิดของสาธารณชน ล้ วนส่งผล ั ต่อความเป็ น “เอกภาพ ” ทังสิ ้น อีกทังการปราศจากศัตรูที่ชดเจน เพื่อที่จะใช้ กาลังขนาดใหญ่เช่นใน ้ ้ ั ยุคสงครามเย็นก็เปลี่ยนแปลงไป ทาให้ “หลักเอกภาพในการบังคับบัญชา” ไม่อาจยืนยงต่อไปได้ โดยสรุป การดาเนิ นการในระดับยุทธศาสตร์ ต้องการความร่วมมือจากมิ ตรประเทศซึ่งอาจเรี ยกได้ ว่า “ทัวทังโลก” เป็ นอย่างมาก ทังเป็ นการร่วมมือในระดับที่เรี ยกว่า “เท่าเทียมกัน” มากกว่าการชี้นาทิ ศทาง ่ ้ ้ แบบ “บังคับบัญชา” อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็ นการควบคุม ชี้นา หรื อชักชวน นักยุทธศาสตร์ และผูกาหนด ้ นโยบายจะต้องคานึงถึง “หลักเอกภาพของความพยายาม” อันเป็ นข้อเท็จจริ งที่ไม่อาจละเลยได้ พล.อ.อ.ไมเคิล ไรอัน เสธ.ทอ.สหรัฐ ฯ กล่าวในระหว่างการประชุมทางวิชาการในหัวข้ อ ”Unified Aerospace Power” ว่า “มิ ตร ประเทศของสหรัฐ ฯ จาเป็ นต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ หากต้องการทีจะบิ นเคี ยงข้างกับกองทัพอากาศสหรัฐ ฯ ยิ่ งไปกว่านัน เขาต้องมี ระบบ ่ ้ บัญชาการและควบคุมทีเ่ ข้ากันได้กบอุปกรณ์ ของสหรัฐ ฯ หรื อ มิ ฉะนันก็ทาได้แค่เพียงงานวงนอก นันแหละคื อหนทางทีมนเป็ น ” เสธ.ทอ. ั ้ ่ ่ ั สหรัฐ ฯ ยังกล่าวต่อไปว่า “กองทัพอากาศสหรัฐ ฯ จะไม่หยุดยังการพัฒนาความก้าวหน้าของกองทัพเพือรอให้ผอื่นตามทัน ” หัวข้ อสนทนาใน ้ ่ ู้ เรื่ องความก้ าวทันกันนี ้กลายเป็ นหัวข้ อสาคัญเนื่องจากการที่องค์การ NATO ได้ ขยายสมาชิกเพิมขึ ้นในการเข้ าร่วม เป็ น Operation Allied ่ Force
  • 14. ๑๔ ตอนที่ ๖ หลักการสงคราม “มุ่ งเน้ น” (FOCUS) หลักการมุ่งเน้ น (ทดแทน “หลักการระดมกาลัง-MASS”) มุ่งเน้ นในแต่ ละองค์ ประกอบของกาลังอานาจแห่ งชาติต่อสถานการณ์ ในจังหวะเวลาที่ เหมาะสมที่สุดเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ แห่ งชาติ ผู้บญชาการสงครามในระดับยุทธวิธีและระดับยุทธการมักมุงมันต่อการทาลายขีดความสามารถ ั ่ ่ ของกาลังทางทหารและความตังใจในการรบของฝ่ ายข้ าศึก ดังนัน แนวทางการรบแบบดังเดิมจึงเป็ นการ ้ ้ ้ “ระดม” สรรพกาลังในการรบทังหมดสูพื ้นที่ที่กาหนดให้ เป็ นสมรภูมิ ณ เวลา และสถานที่ที่ต้องการ แต่ใน ้ ่ ระดับยุทธศาสตร์ ความต้ องการในสถานภาพสุดท้ าย (End State) ของการสงครามกลับมิได้ พิจารณาเพียง “กาลังรบ” เท่านัน เพราะ “ผลประโยชน์แห่งชาติ ” จะต้ องมาจากการพิจารณาและ “มุงเน้ น ” ไปยังกาลัง ้ ่ อานาจแห่งชาติทงหมดในทุกมิติ ถึงแม้ วาวัตถุประสงค์ในการเข้ าสงครามของรัฐ จะได้ กาหนดไว้ ตาม ั้ ่ “หลักวัตถุประสงค์” แล้ วก็ตาม แต่ความหลากหลายของผู้ที่มีอานาจในการกาหนดนโยบายระดับสูง ก็ยงมี ั ส่วนที่จะก่อให้ เกิดการกระจัดกระจายใน “ความพยายาม” ร่วมกัน ดังนัน “หลักการมุ่งเน้ น ” จะให้ แง่ คด ้ ิ แก่ นักยุทธศาสตร์ ในอันที่จะต้ องเพ่ งเล็งไปยังการดาเนินการที่ต้องการการประสานสอดคล้ อง โดยหลีกเลี่ยงข้ อขัดแย้ งที่อาจเกิดขึนระหว่ างกัน ทังในด้ านการเมือง การทูต การเศรษฐกิจ สังคม ้ ้ จิตวิทยา และความพยายามทางทหาร “หลักการมุงเน้ น” ยังเจาะจงไปถึงปั ญหาเรื่อง “ที่ไหน” และ “เมื่อใด” ที่กาลังอานาจในแต่ละด้ าน ่ ของรัฐจะถูกหยิบนาไปใช้ เพื่อให้ บรรลุวตถุประสงค์ที่ต้องการได้ อย่างถูกจังหวะและเหมาะสมสูงสุด อีกทัง ั ้ ต้ องคานึงถึงศัตรูฝ่ายตรงข้ าม ที่ยงอาจเป็ นเพียง “มีศกยภาพที่อาจรุกรานฝ่ ายเรา ” หรือ “ประกาศการเป็ น ั ั ศัตรู” อย่างสมบูรณ์แล้ ว ดังนัน การพิจารณาระดับความเป็ นศัตรูและความพร้ อมของกาลังอานาจแห่งชาติ ้ ฝ่ ายเรา ย่อมเป็ นงานที่ท้าทายสาหรับนักยุทธศาสตร์ และในยุทธศาสตร์ระดับสูงเช่นนี ้ ไม่ใช่เพียง “เวลา” เท่านันที่จะเป็ นตัวจากัดกรอบการดาเนินการ แต่ในสภาวะการณ์ของการดาเนินการระดับสากลที่มีความ ้ เคลื่อนไหวอย่างเป็ นพลวัตต์เช่นนี ้ กาลังอานาจแห่งชาติจะต้ องมีจดยืนและต้ องได้ รับการมุงเน้ นให้ เข้ ากับ ุ ่ โอกาสของแต่ละสภาวะการณ์ เปรียบเทียบไปยังกาลังอานาจแห่งชาติของฝ่ ายตรงข้ าม และสภาวะแห่งการ ยอมรับของสังคมโลก สิ่งเหล่านี ้ล้ วนเป็ นปั จจัยที่นกยุทธศาสตร์จาเป็ นต้ องนามาพิจารณาอย่างละเอียด ั ถี่ถ้วน ในยุคข่าวสาร ความท้ าทายของ “การมุงเน้ น” ไปยังการใช้ กาลังอานาจแห่งชาติจะมีทงความยาก ่ ั้ และความง่าย การใช้ กาลังอานาจทางการเมืองและการทูตตามที่เคยปฏิบติมาในอดีต เป็ นตัวอย่างที่เห็นได้ ั ชัดเจนว่า อาจจะประสบผลสาเร็จหรือประสบล้ มเหลวก็ได้ เมื่อมีสื่อที่สามารถปอนข่าวสารให้ แก่สาธารณชน ้
  • 15. ๑๕ ได้ อย่างทันเหตุการณ์และไม่มีขีดจากัดเช่นนี ้ ผู้สื่อข่าวจะรายงานข่าวด้ วยคาว่า “ขณะนี ้” พร้ อมภาพ เหตุการณ์สดที่กาลังเกิดขึ ้น และรัฐบาลก็ถกกดดันให้ ต้อง “ทาอะไรสักอย่าง ” อย่างฉับพลันทันใดเช่นกัน ู ดังนัน การดาเนินการทางการทูตในปั จจุบน จะใช้ ขนตอนตามแบบธรรมเนียมเดิมที่ลาช้ าไม่ได้ อีกต่อไปแล้ ว ้ ั ั้ ่ ขณะเดียวกัน สื่อเองก็ไม่ได้ จากัดขอบเขตในการให้ ขาวสารเฉพาะภายในประเทศเท่านัน แต่ยงส่งสัญญาณ ่ ้ ั แนวความคิด การชักจูงและชักชวนตามมุมมองของนักข่าวตรงไปยังผู้นาประเทศต่าง ๆ ตลอดไปจนถึง ประชาชนในระดับล่างพร้ อม ๆ กัน ด้ วยความอิสระในการให้ ขาวสารทังในระดับบนและระดับล่างพร้ อมกัน ่ ้ เช่นนี ้ ย่อมกระทบต่อกระบวนการทางการเมืองของชาติอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเมืองและการทูตจะถูก มุงเน้ นและถูกจับตามองอย่างใกล้ ชิด ดังนัน การประสานสอดคล้ องเพื่อการดาเนินการร่วมกันระหว่างกาลัง ่ ้ อานาจแห่งชาติในแต่ละด้ าน จึงสมควรได้ รับการพิจารณาและ “มุงเน้ น” อย่างระมัดระวัง ่ ในขณะเดียวกัน กาลังอานาจทางเศรษฐกิจจะถูก “มุงเน้ น” มากยิ่งขึ ้น เนื่องจากเทคโนโลยีขาวสาร ่ ่ ที่สามารถแพร่กระจายข่าวทุกรูปแบบออกไปได้ ในวงกว้ างและส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก ที่เห็น ได้ ชดเจนที่สดก็คือ การขึ ้นลงของตลาดหุ้นต่อปั จจัยในสถานการณ์ตาง ๆ ของโลก ฉะนัน นักยุทธศาสตร์ ั ุ ่ ้ จะต้ องระวัง “ความเสียหายข้ างเคียง ” (Collateral Damage) หรือ “ผลกระทบโดมิโน ” (Domino Effect) ซึ่งอาจทาให้ เกิดความเสียหายต่อเนื่องทางเศรษฐกิจจนถึงขันล่มสลายให้ มากยิ่งขึ ้น การโจมตีระบบ ้ เศรษฐกิจสามารถกระทาได้ ง่ายด้ วยการควบคุมกลไกเศรษฐกิจซึ่งเชื่อมโยงกันทัวโลก อีกทังผลที่ได้ รับจะ ่ ้ ชัดเจนและรุนแรงกว่าการกีดกันด้ วยภาษี การลงโทษทางการค้ า หรือการควบคุมด้ วยกาลังทางทหาร เช่นเดียวกัน ในยุคข่าวสารนี ้ การใช้ กาลังอานาจทางทหารเพื่อให้ บรรลุถึงเปาประสงค์ย่อมต้ องการ ้ การปฏิบติการที่รวดเร็ว ใช้ ทรัพยากรให้ น้อยที่สด แต่สามารถบรรลุภารกิจที่สาคัญได้ ด้วยการประสาน ั ุ ช่องว่างของจังหวะเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังมีจดอันตรายที่เกิดจาก“การเชื่อมันในตนเอง ุ ่ จนเกินเลย” (Over-Reliance) ซึ่งก็คือ การเข้ าใจว่ าตนนันมีความชานาญในการปฏิบัติทางทหารเป็ น ้ อย่ างดีแล้ ว และนั่น อาจทาให้ นักการทหารละเลยที่จะพิจารณาถึงขีดจากัดบางประการของ ตนเองที่อาจแฝงเร้ นอยู่ หรือทาให้ ขาดการประสานและไม่ ได้ สนับสนุนจากหน่ วยงานหรือองค์ กร อื่นอย่ างเพียงพอ ท้ ายที่สด การเปลี่ยนแปลงในสังคม-วัฒนธรรม ( ุ Socio-Cultural) อันเป็ นผลกระทบที่เกิดจากความ เป็ นยุคข่าวสารซึ่งได้ แพร่กระจายไปทัวทุกสังคมโลกแล้ วนัน ได้ ก่อให้ เกิด ่ ้ “พลังทางด้ านจิตวิทยา ” (Psychological element of Power) ซึ่งเปรียบเสมือนพลังความคิดของมวลชนโลก ดังนัน การใช้ กาลังทาง ้ ทหารในอนาคต จึงจาเป็ นที่นกการทหารจะต้ องคานึงถึง “พลังทางด้ านจิตวิทยา ” และจะต้ องตรวจสอบ ั ผลกระทบนี ้เป็ นอย่างดีก่อนที่จะลงมือปฏิบติการใด ๆ ั
  • 16. ๑๖ นักยุทธศาสตร์จะต้ องเล็งเห็นความจาเป็ นของการ “มุงเน้ น ” ไปยังกาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละ ่ ด้ าน เพื่อเปิ ดโอกาสให้ กาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละด้ านได้ แสดงศักยภาพในการแก้ ไขปั ญหาความขัดแย้ ง หรือการสงครามได้ อย่างเต็มขีดความสามารถ จึงจะทาให้ ประสิทธิภาพในองค์รวมของกาลังอานาจ แห่งชาติปรากฎออกมาได้ เด่นชัด ในทางปฏิบติ นักยุทธศาสตร์ จะต้ องมีวสัยทัศน์ ในการจัดลาดับการ ั ิ ใช้ กาลังอานาจแห่ งชาติในแต่ ละด้ าน การตัดสินใจเพื่อเลือกแนวทางการปฏิบัติท่ เชื่อมโยง ี ต่ อเนื่อง และการพัฒนากลไกการประสานกาลังอานาจแห่ งชาติในแต่ ละด้ าน เทคโนโลยีขาวสารที่ก้าวล ้าของปั จจุบนมีสวนสาคัญเป็ นอย่างมากในการนา ่ ั ่ “หลักการมุงเน้ น ” ่ ไปพิจารณาใช้ ตอกาลังอานาจแห่งชาติในแต่ละด้ าน ทังนี ้เนื่องจากสาธารณชนสามารถเข้ าถึงข้ อมูลต่าง ๆ ่ ้ ได้ มากยิ่งขึ ้น ลึกยิ่งขึ ้น และกว้ างขวางยิ่งขึ ้น ดังนัน รัฐบาลจะต้ องแน่ใจว่า สาธารณชนได้ รับข้ อมูลที่ถกต้ อง ้ ู เป็ นจริง และต้ องสามารถแก้ ไขข้ อข้ องใจของประชาชนและการโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ ายตรงข้ ามให้ ได้ โดยสรุป “หลักการมุ่งเน้น ” เป็ นการพิ จารณาจาเพาะไปยังกาลังอานาจแห่งชาติ แต่ละด้าน คือ การเมือง การทูต การเศรษฐกิ จ สังคมจิ ตวิ ทยา และการทหาร เพื่อให้สามารถใช้ศกยภาพของแต่ละกาลัง ั อานาจแห่งชาติ ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งหรื อการเตรี ยมพร้อมเข้าสู่สงครามได้อย่างเต็มประสิ ทธิ ภาพ โดยต้องมีกลไกในการจัดลาดับ การประสาน และการวิ เคราะห์การใช้กาลังอานาจแห่งชาติ เพื่อให้บรรลุถึง เป้ าหมายทางยุทธศาสตร์ โดยต้องคานึงถึงตัวแปรคือ “การเป็ นยุคข่าวสาร” เข้ามาร่วมพิ จารณาด้วย
  • 17. ๑๗ ตอนที่ ๗ หลักการสงคราม “การออมความพยายาม”(ECONOMY OF EFFORT) หลักการออมความพยายาม (ทดแทน “หลักการออมกาลัง”-ECONOMY OF FORCE) จากัดทรัพยากรที่จาเป็ นขั้นต่าสุดในแต่ ละลาดับขั้นของความพยายาม ในการพิจารณาระดับยุทธการและระดับยุทธวิธี นักการทหารย่อมเข้ าใจดีวา การประเมินกาลังและ ่ การวางกาลัง เป็ นสิ่งสาคัญยิ่งต่อการปฏิบติการรบให้ ประสบผลสาเร็จ เพราะการเสริมกาลังรบในรอบที่สอง ั อันเนื่องมาจากการปฏิบติการในครังแรกไม่ประสบผลตามเปาหมายย่อมเกิดปั ญหาด้ านความเสี่ยงที่เพิ่ม ั ้ ้ มากขึ ้น ในระดับยุทธศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน การระดมกาลังอานาจแห่งชาติมาใช้ จะเป็ นมากกว่าการ เคลื่อนย้ ายกาลังทหารเพียงองค์ประกอบเดียว เพราะทุกองค์ประกอบของกาลังอานาจแห่งชาติจะถูกนามา ประสานพลังเพื่อให้ เกิดอานาจรวมแห่งรัฐ ดังนัน ้ “การออมความพยายาม ” จึงมีความเหมาะสมที่ นักยุทธศาสตร์จะต้ องนามายกอ้ างอิงและผนวกไว้ ในหลักการสงครามระดับยุทธศาสตร์นี ้ “หลักการออมความพยายาม ” มีประเด็นสาคัญที่ต้องพิจารณาอยู่ ๓ ประการคือ ประการแรก การกาหนดวัตถุประสงค์ ตามที่ได้ กล่าวมาแล้ วว่า ธรรมชาติของการกาหนดวัตถุประสงค์ย่อมต้ องการ ทรัพยากรมาใช้ สนับสนุนเพื่อให้ บรรลุเปาหมายมากเกินกว่าที่รัฐจะจัดหาให้ ได้ ดังนัน แม้ นกยุทธศาสตร์จะ ้ ้ ั พยายามมุงเน้ นไปยังหัวใจหลักสาคัญสุดยอดของความต้ องการสุดท้ ายตามวัตถุประสงค์แล้ วก็ตาม ก็ยง ่ ั ต้ องจัดลาดับความเร่งด่วนของทรัพยากรที่จะหยิบนามาใช้ เพื่อสนับสนุนการปฏิบติในแต่ละขันตอนของ ั ้ กระบวนการอยู่ดี รวมทังจะต้ องคานึงถึงขีดความสามารถทางเศรษฐกิจอันเป็ นปั จจัยสาคัญที่ต้องนามาใช้ ้ สนับสนุนตลอดกระบวนการ นับตังแต่แรกเริ่มไปจนกว่าจะบรรลุวตถุประสงค์ในระดับชาติ เช่นนี ้ก็คล้ ายกับ ้ ั ว่า นักยุทธศาสตร์อาจจะต้ องมีวตถุประสงค์ย่อย ๆ รองรับในแต่ละขันตอนตามลาดับความสาคัญ จากนัน ั ้ ้ จึงพิจารณาจัดทรัพยากรสนับสนุนในแต่ละวัตถุประสงค์ย่อยเท่าที่จาเป็ นเพื่อให้ บรรลุวตถุประสงค์หลัก ั รวมทังต้ องทาการ “ประเมินค่ าความเสี่ยง ” (Risk Assessment) อย่างเป็ นตรรกะในการผสานการใช้ ้ ทรัพยากรที่เหมาะสมตามยุทธศาสตร์ทางเลือกเฉพาะนัน ๆ อีกด้ วย ้ ประการที่สอง เนื่องจาก “การเศรษฐกิจ ” นันเกี่ยวพันใกล้ ชิดกับ “ผลประโยชน์ ” ดังนัน ้ ้ นักยุทธศาสตร์จะต้ องไม่สบสนหรือเข้ าใจว่า “การออมความพยายาม ” คือ การประหยัดค่าใช้ จ่ายและ ั ทรัพยากร ขณะเดียวกัน ต้ องระลึกเสมอว่า การประเมินทรัพยากรที่ต้องการในสภาวะแวดล้ อมที่มีการ เปลี่ยนแปลงด้ านความมันคงปลอดภัยระหว่างประเทศ และการที่มีผ้ เู ข้ ามาร่วมมีบทบาททังประเทศ ่ ้ พันธมิตรหรือแม้ แต่องค์กรอิสระจะกระทาได้ ยากขึ ้น ยิ่งไปกว่านัน ความซับซ้ อนในการก้ าวล ้าทาง ้ เทคโนโลยียงช่วยเสริมทฤษฎีของเคลาสวิทซ์ในเรื่อง Fog & Friction Of War คือ ทาให้ สงครามมีความ ั คลุมเครือและติดขัดไปทุกระบบได้ เป็ นอย่างดี การวิเคราะห์ภาคสงครามโดยมิได้ คานึงถึงกาลังอานาจทาง
  • 18. ๑๘ เศรษฐกิจอย่างเพียงพออาจนามาซึ่งความพ่ายแพ้ และไม่สามารถบรรลุวตถุประสงค์ที่ต้องการได้ ั “หลักการออมความพยายาม ” ที่แท้ จริงจะต้ องวางน ้าหนักลงไปที่วตถุประสงค์หลัก เพื่อให้ มนใจได้ วา ั ั่ ่ เปาหมายที่ตงไว้ จะประสบผลสาเร็จได้ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและมีปัจจัยหลายอย่างที่สงผลกระทบ ้ ั้ ่ เกี่ยวข้ อง ประการที่สาม “การเศรษฐกิจ ” อาจไม่จาเป็ นที่จะต้ องสอดคล้ องกับคาว่า “ประสิทธิภาพ ” ในขณะที่นกยุทธศาสตร์และนักปฏิบติพยายามพิจารณาใช้ ทรัพยากรให้ มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่โดยมาก ั ั แล้ ว ผู้กมนโยบายระดับสูงมักไม่ให้ ความชัดเจน ( Bottom Line) ว่าจะสามารถทุ่มทรัพยากรให้ ได้ เท่าใด ุ อีกทังระยะเวลาและการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ก็ยงเป็ นปั จจัยในการกาหนดทรัพยากรใน ้ ั กระบวนการเตรียมแผนยุทธศาสตร์เช่นเดียวกัน นอกจากวัตถุประสงค์หลักในระดับชาติที่ตงขึ ้นไว้ แล้ ว ยังมี ั้ “ผลประโยชน์แห่งชาติ” เข้ ามาควบคุมอีกครังหนึ่ง ดังนัน ยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เริ่มแรกอาจจะต้ องได้ รับการ ้ ้ พิจารณาอีกครังเพื่อตัดส่วนที่ไม่ก่อให้ เกิดประสิทธิภาพหรือไม่เกี่ยวข้ องออกไปได้ อีก ้ โดยสรุป ในระดับยุทธศาสตร์ “การออมความพยายาม” จะรวมการสถาปนาความสมดุลระหว่าง กาลังอานาจแห่งชาติ การจัดสรรทรัพยากร การวางทรัพยากรและการใช้ทรัพยากรที่เหมาะสมตามลาดับ ความสาคัญที่กาหนดไว้ การวิ เคราะห์จานวนทรัพยากรที่ตองการเพื่อนาไปใช้ จะต้องคานึงถึงผลประโยชน์ ้ แห่งชาติ และวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์ ที่ตองการนัน ๆ ร่วมกัน ภารกิ จที่มีความยากลาบากและ ้ ้ สาคัญยิ่ งของนักยุทธศาสตร์ ก็คือ การวิ เคราะห์และพิ จารณาหาความเชื่อมโยงระหว่าง “ผลประโยชน์ ” และ “ความเสี่ยง” ในการวางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนและพิ จารณาข้อมูลในปัจจัยแวดล้อมของเวลา และสถานการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างละเอียดรอบคอบ