SlideShare a Scribd company logo
1 of 35
Download to read offline
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD
aa uu gg hh tt ee rr ss
“เรื่องเล่าของพ่อ ” นี้ เป็นเรื่องที่ พ่อเล่าให้ลูก ๆ ฟังก่อนเข้านอน
บางเรื่องก็จับใจทาให้ลูกจ๋านอนร้องไห้ทุกครั้ง เช่นเรื่อง “ลูกแมวหลง” และ
บางเรื่องก็ทาให้ลูกรู้จักคุณค่าของการรอคอยเพื่อที่จะได้สิ่งของแต่ละชิ้นมา
ลูกจะได้รู้จักปู่ทวดชั้น ย่าทวดอุทัย ปู่อานวย ย่าจิตอารีย์ ย่าแจ๋ว และญาติ
พี่น้องของพ่ออย่างใกล้ชิด รวมทั้งเรื่องราวต่าง ๆ สมัยที่พ่อยังเป็นเด็ก
เรื่อง “บ้านของพ่อ” นั้น พ่อเขียนไว้ครั้งแรกเมื่อปี 2526 ในชื่อเรื่อง
“เท่าที่จาได้” และได้นามารวมไว้ใน “เรื่องเล่าของพ่อ” ด้วย เพราะบางส่วน
นั้นก็เป็นเรื่องที่พ่อเล่าให้ลูกฟังก่อนนอนนั่นเอง
นี่คือบางส่วนของนิทานก่อนนอนสาหรับลูก พ่อจะเล่าให้ฟัง....
๒
บ้านของพ่อบ้านของพ่อ
ครอบครัวของพ่อเป็นครอบครัวใหญ่มีผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านถึง
๙ คน คือ ปู่ทวด (ชั้น), ย่าทวด (อุทัย), ปู่ (อํานวย), ย่า (จิตอารีย์),
ป้ าไก่, พ่อ, อาจี๊ด, อาโอ๊ก และย่าแจ๋ว บ้านของพ่ออยู่นอกประตูเมือง
โคราช ที่เรียกว่าประตูไชยณรงค์ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่าประตูผี ถนน
หินคลุกตัดจากห้าแยกประตูผีผ่านหน้าบ้านของพ่อแล้วเลยข้ามทาง
รถไฟไปถึงหัวทะเล หน้าบ้านเป็นรั้วสังกะสี มีประตูใหญ่ตีสังกะสี
เพียงครึ่งล่าง ด้านบนเป็นไม้ระแนงโปร่ง หน้าบ้านเป็นท้องร่องมีนํ้า
ขี้สีก (นํ้าสกปรก) สีดําไหลผ่าน เหนือท้องร่องนี้มีสะพานไม้กว้าง
ขนาดรถยนต์ข้ามได้ทอดจากบ้านไปสู่ตัวถนน พ่อสามารถส่อน (ช้อน
ตัก) ลูกนํ้ามาเลี้ยงปลาทองได้จากท้องร่องนี้หลังฝนตก เด็ก ๆ ยัง
สามารถเล่นแข่งเรือที่ทําจากเศษใบไม้แห้งหรือต้นหญ้าได้อย่าง
สนุกสนาน ข้ามถนนไปเป็นแอ่งนํ้าเล็ก ๆ ที่มีกบเขียดและอึ่งอ่างส่ง
เสียงร้องดังออดแอดหลังฝนตก ยังมีต้นจอกแหนที่ส่อนเอามาเลี้ยง
เป็ดที่เลี้ยงไว้ตรงใต้ถุนหลังบ้านได้เหลือเฟือ เลยออกไปจนจรดทาง
รถไฟเป็นทุ่งกว้างที่ใช้วิ่งว่าวในฤดูร้อน หนังกลางแปลงจะแวะเวียน
มาฉายให้ดูที่ลานทุ่งนี้
ด้านทิศตะวันตกของบ้านติดบ้านเจ๊กเต็งเป็นรั้วไม้ไผ่รวก มี
ต้นมะขามเทศใหญ่อยู่ตรงหัวมุม ใต้ต้นมะขามเทศมีครกไม้ใบใหญ่
๓
ซึ่งพ่อเห็นตั้งอยู่มานมนานแต่ไม่ได้ใช้อะไร มีใบมะขามเทศกองสุมผุ
พังอยู่ที่ก้นครก ใกล้ ๆ กันมีม้ายาวกระดานแผ่นใหญ่ของปู่ทวดเอาไว้
ใช้ทํางานไม้ ทุกเช้า ปู่ทวดจะกวาดลานดินหน้าบ้านเสมอ และต่อมา
ปู่ได้ลาดลานดินหน้าบ้านและใต้ถุนบ้านเป็นพื้นปูนทั้งหมด
บ้านของพ่อเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง เมื่อมองเข้าหาตัวบ้าน หัว
บันไดบ้านทางขวามีตุ่มโคราชผ่าครึ่งปลูกต้นชบาดอกสีแดงเข้มจน
กลายเป็นสีเลือดหมู ทางซ้ายมีแท๊งค์นํ้าฝนซึ่งถูกใช้เป็น “กระดานดํา”
สําหรับเด็ก ๆ เอาถ่านมาเขียนเล่นเสมอ ๆ ลังถ่านนั้นอยู่ใต้ห้องนอน
ของปู่กับย่าทางซ้ายมือของบ้านพอดี หน้าแท๊งค์ใบนี้มีเก้าอี้๒ ที่นั่งมี
พนักพิงเก่าๆ ตั้งไว้ตัวหนึ่ง ดูลักษณะแล้วพ่อเดาว่ามันคงถูกถอดมา
จากรถเมล์โดยสารที่เลิกใช้แล้วเป็นแน่
เดิมทีเดียวบนบ้านนั้นยังมิได้ต่อให้กว้างใหญ่ มีเพียงห้องนอน
ปู่ย่า ห้องย่าทวดและห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งของย่าแจ๋วเท่านั้น เมื่อ
ขึ้นสุดบันไดบ้านขั้นสุดท้ายแล้ว ถือเป็นพัก ๑ พักนี้พื้นบ้านเป็นไม้
กระดานหยาบ เพียงแต่กวาดถูเฉย ๆ ทางซ้ายจะเป็นห้องนอนของปู่
และย่า ทางขวาเป็นพัก ๒ เราต้องก้าวขึ้นไปหนึ่งขั้น พัก ๒ นี้พื้นเป็น
ไม้กระดานแผ่นใหญ่สีดํากลํ่าลงเทียนกะลามะพร้าวขัดมันวับ เด็ก ๆ
ทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันขัดโดยจัดเป็นเวรประจํา ฝาบ้านตรงนี้ตีเพียง
ครึ่งล่าง ครึ่งบนตีเป็นไม้ระแนงโปร่ง สามารถมองออกไปหน้าบ้านได้
ชัดเจน ด้านนอกมีผ้านํ้ามันสีเทาทําเป็นม่านใช้มือม้วนขึ้นลงกันฝน
๔
สาดเวลาฝนตกได้ จากเดิ่น (ลาน) นี้เลยต่อไปทางตะวันออกเป็นพัก
ที่ ๓ พักนี้มีโต๊ะเก้าอี้รับแขกไม้วางอยู่ชุดหนึ่ง มีโทรทัศน์ขาวดําตั้งบน
โต๊ะบังหน้าต่างทางด้านตะวันออกไว้ เหนือหน้าต่างมีนาฬิกาลูกตุ้ม
แบบโบราณแขวนไว้ ๑ เรือน เหนือขึ้นไปอีกเป็นรูปของในหลวงราชินี
ด้านซ้ายของนาฬิกามีชั้นวางวิทยุใช้หลอดเครื่องใหญ่คลุมด้วยผ้า
คลุมสีฟ้ ามีลายดอกสีขาว ห้องรับแขกนี้พื้นปูด้วยเสื่อนํ้ามันสีฟ้ าลาย
ดอกไม้ทรงเรขาคณิตสีแดงและสีนํ้าเงิน มีจุดสีดํากลม ๆ เล็ก ๆ
ล้อมรอบเป็นกรอบตารางสี่เหลี่ยม ติดห้องรับแขกนี้ถัดไปทางข้างเป็น
ห้องนอนเล็ก ๆ ของย่าแจ๋วอยู่ในระดับเดียวกันกับพัก ๓ นี้หน้าห้อง
ย่าแจ๋วมีลานอีกลานหนึ่ง พื้นปูด้วยไม้กระดานขัดมันเช่นกัน แต่แผ่น
กระดานขนาดย่อมกว่าและขัดยากกว่าพื้นพักล่าง พักนี้เป็นทางเข้า
ห้องนอนของพ่อกับป้ าไก่และย่าทวด ผนังตรงข้ามห้องย่าแจ๋วมี
กระจกกรอบไม้บานใหญ่ ตํ่าลงมาเป็นแผ่นไม้กระดานแคบ ๆ ตอก
พาดไว้สําหรับวางกระป๋ องแป้ งฮอลลีวู๊ด หวี กิ๊บดํา ตลับแป้ งพลาสติก
สีดําแตก ๆ ไม่มีฝาใส่แป้ งโกลินไว้ มีที่ทาแป้ งนุ่ม ๆ สีเนื้อเก่าครํ่าคร่า
วางปิดอยู่ รวมทั้งขวดนํ้ามันใส่ผมของปู่ทวด บางคราวก็มีตู้ปลาตู้
ใหญ่มาวางประดับไว้หน้าห้องนอนของพ่อ เดิมทีพอตกกลางคืนปู่
ทวดจะขนที่นอนจากห้องย่าทวดมาปูนอนตรงพัก ๓ นี้คนเดียว ต่อมา
เมื่อขยายบ้านแล้วปู่ทวดและหลาน ๆ จึงลงมานอนที่โถงรับแขกพัก ๒
เป็นเช่นนี้ทุกวัน
๕
ผนังด้านหนึ่งของพัก ๓ นี้เป็นฝาห้องนอนของพ่อ ย่าทวดและ
ป้ าไก่นั่นเอง บนฝาด้านบนมีรูปในหลวงราชินีนั่งคู่กัน มีรูปของปู่ทวด
สมัยหนุ่ม ๆ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกกับเพื่อน ๆ และมีรูปญาติ ๆ ทางปู่ทวด
และย่าทวดแขวนเรียงรายไว้
ต่อมาปู่ได้ต่อห้องครัวกับห้องนํ้าออกไปทางหลังบ้าน เด็ก ๆ ทุก
คนตื่นเต้นถึงกับย้ายไปนอนกันที่หน้าห้องนํ้าเลยทีเดียว จากนั้น อีก
หลายปีต่อมา ปู่ก็ขยาย“ห้องย่าแจ๋ว” และ “ที่นอนปู่ทวด” ออกไปจาก
โถงรับแขกอีก ทําให้บ้านพ่อกว้างขวางสบายขึ้นไปอีก
สายไฟในบ้านแต่ก่อนเป็นสายผ้าสีดําลายขาว มีประกับ
กระเบื้องสีขาวประกบอยู่ ข้างประตูบ้านด้านในมีหม้อแปลงไฟฟ้ าสี
ดําตั้งอยู่บนหิ้งสูง เด็ก ๆ ถูกสอนให้กลัวหม้อแปลงไฟฟ้ านี้แต่ใต้หม้อ
แปลงมีชั้นวางของ มีกล่องตัดเล็บเป็นหีบโล หะเก่า ๆ สีแดงวางอยู่
เดิมทั้งบ้านจะใช้หลอดแรงเทียนที่ให้แสงสว่างสีส้มหลุบหลู่ แล้วปู่ก็
เดินสายไฟฟ้ าใหม่เป็นสายสีขาวแล้วติดหลอดนีออนหลอดแรกตรง
เหนือพักหนึ่งก่อนขึ้นโถงรับแขกนี่เอง เด็ก ๆ จะมานั่งใต้แสงนีออนสี
ขาวนี้อย่างตื่นเต้น
๖
บริเวณบ้านบริเวณบ้าน
บ้านพ่อมีต้นมะขามเทศใหญ่อยู่มุมหน้าบ้านทิศตะวันตก ลูกดก
มากแต่ฝาดจนติดปากติดฟัน แต่ถ้าเอามาตําส้มใส่มะขามเปียกจะ
อร่อยมาก ต้นหน้าหนาวอากาศกําลังดี ตอนลมหนาวพัดแรงพ่อยืน
ตรงบันไดบ้านขั้นสุดท้ายบนสุด ดูดอกมะขามเทศที่เป็นพู่สีขาวแกว่ง
ไปมาแล้วร่วงหว๋อย ๆ ลงพื้น รู้สึกว่ามีความสุขมาก แต่บางครั้งก็มีงู
เขียวโผล่หัวน้อย ๆ ออกมาจากโพรงต้นมะขามเทศ เด็ก ๆ ก็จะเรียก
กันมาเฝ้ าแอบดูมันอยู่เงียบ ๆ ในที่สุดมันก็เลื้อยออกมาปราดเดียว
หายวับไปเลย ทุกคนก็จะเอะอะเป็นที่สนุกสนานกันยกใหญ่ ทิศ
ตะวันออกของบ้าน ติดริมรั้วหน้าบ้านจะเป็นร้านดอกเล็บมือนาง ถ้า
เราเอานํ้าแตะเล็บแล้วเด็ดกลีบสีแดงสีชมพูน้อย ๆ ของดอก
เล็บมือนางเอามาแปะ ก็จะได้เล็บยาวสีแดงสวยงาม หรือจะเด็ดเอา
ทั้งดอกทั้งก้านมาร้อยต่อกันเป็นพวงมาลัยหรือสร้อยข้อมือก็สวยไม่
เบา ใต้ซุ้มเล็บมือนางอันร่มครึ้มนี้มีโอ่งรองนํ้าไว้ขายหลายสิบใบ บ้าน
ของพ่อขายนํ้าประปาหาบละสลึงหนึ่ง ชาวบ้านจากทางหัวทะเลจะ
หาบปี๊บหรือเข็นรถเข็นที่มีปี๊บวางเรียงกันเป็นแถวมาซื้อ ถ้าเป็นรถเข็น
เมื่อเติมนํ้าเต็มปี๊บหรือถังแล้ว ต้องมีผ้าคลุมกันนํ้ากระฉอกหกตอน
เข็นรถกลับด้วย เด็ก ๆ ทุกคนมีหน้าที่คอยนับหาบและเก็บสตางค์ ยัง
มีต้นฝรั่งลูกดกแอบอยู่หลังแท๊งค์นํ้าฝนที่อยู่ถัดเข้ามา แท๊งค์นํ้านี้เดิม
มีเพียง ๒ แท๊งค์ ต่อมา ปู่ไปเอามาจากบ้านฝรั่ง (บ้านปู่ในปัจจุบัน )
๗
เพิ่มอีกหนึ่งแท๊งค์ ติดต้นฝรั่งมีต้นลําไยที่ย่าทวดรักเป็นหนักหนา เคย
ออกลูกให้ดูบ้างแต่ก็เล็กแกรนไม่มีเนื้อ แต่ปีไหนต้นลําไยออกดอกก็ดี
ใจกันยกใหญ่ บริเวณหลังแท๊งค์นํ้านี้ยังมีร้านกล้วยไม้ ถึงแม้จะดูไม่
ค่อยเป็นระเบียบ แต่ก็ออกดอกให้พวกเราชื่นชมเสมอ โดยเฉพาะต้น
กล้วยไม้ช้างกระที่เมื่อออกดอกแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รวยรื่น มีอยู่
ปีหนึ่งช้างกระออกดอกช่อใหญ่ โตมาก ย่าแจ๋วเลยหยิบกล้องถ่ายรูป
มาถ่ายรูปพ่อคู่กระเช้ากล้วยไม้
ใต้ถุนบ้านจะมีแคร่อยู่สองตัว แคร่เล็กและแคร่ใหญ่ แคร่ใหญ่ใช้
ไม้ไผ่อย่างดี ซี่เล็ก เมื่อนอนเอนหลังแล้วหยุ่นสบาย ส่วนแคร่เล็กทํา
หยาบกว่า เวลานอนแล้วแข็งกระด้าง ในหน้าร้อนเด็ก ๆ จะเล่นลิงจับ
หลักบ้าง ผูกแปลญวนบ้าง หรือนอนเล่นบนแคร่ใต้ถุนบ้านบ้าง เย็น
สบายดี บ้านพ่อเลี้ยงหมาหลายตัว มันมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็ตายจาก
ไปตามกาลเวลา เท่าที่พ่อจําได้มี อีโบ้ ไอ้นวล ไอ้ตาล ไอ้บิ๊ก ไอ้ดง
นางเจนเน็ท
หลังบ้านปลูกต้นกล้วย ต้นแค ต้นมะยม ต้นทับทิม ต้นกระถิน
ต้นพริก ต้นฝรั่งหลังบ้าน รั้วหลังบ้านทิศตะวันตกติดบ้านเจ๊กเต็งที่
เป็นรั้วไม้รวกจะมีต้นตําลึงเลื้อยเป็นม่าน ลูกตําลึงสีแดงแสนสวยแต่
กินไม่อร่อย เมื่อกล้วยออกลูก ย่าทวดจะทําข้าวต้มมัด ซึ่งจะระดม
กําลังครอบครัวเป็นการใหญ่ ตั้งแต่ขูดมะพร้าว ตัดใบตอง ห่อข้าว
เหนียวกับกล้วยด้วยใบตอง มัดตอก แล้วต้มในปี๊บสังกะสีตรงลานขุน
๘
หมาหลังบ้าน ข้าวต้มมัดไม่ค่อยอร่อยเพราะย่าทวดทําไม่หวาน แถม
กล้วยก็ยังมีเม็ดด้วย
ทุกปี ย่าทวดจะพาเด็ก ๆ เก็บฝักมะขามเทศบ้าง ลูกฝรั่งบ้าง ใส่
ถุงพลาสติกที่ใช้แล้วนํามาล้างให้สะอาด แล้วใส่ตะกร้าเดินขายไป
เรื่อย ๆ จนถึงตลาดประตูผีอยู่เสมอ ๆ
ด้านตะวันออกสุดของตัวบ้านติดบ้านเจ๊กข้าวหมูแดง รั้วตีด้วย
ปี๊บสังกะสีปะติดปะต่อกัน ริมรั้วนี้เป็นแปลงปลูกดอกไม้และพืชผัก
สวนครัวต่าง ๆ เช่น ต้นกระเพรา ต้นแมงลัก ตะไคร้ ข่า ขมิ้น
สะระแหน่ หัวมันขาว และมีต้นมะนาวปลูกไว้ในถังสีเขียวผุ ๆ ของ
ทหารมีตัวหนังสือฝรั่งสีเหลือง หัวมันขาวที่ปลูกไว้นั้นมีเยอะมาก
สามารถขุดมาต้มจิ้มนํ้าตาลกินกันจนเบื่อ ส่วนดอกไม้ก็มีต้นเข็มกอ
ใหญ่ พุทธรักษา เยบิล่าก็เคยมี นอกนั้นเป็นพวกควํ่าตายหงายเป็น
ริมนอกติดรั้วหน้าบ้านเป็นต้นราตรี ซึ่งพอคํ่าลงก็ส่งกลิ่นหอมเย็นไป
ทั่ว บางคืนในหน้าร้อนตอนที่วันพระจันทร์เต็มดวง ย่าแจ๋วชอบพา
เด็ก ๆ มานั่งเล่นชิงช้าไม้ตัวใหญ่ ตรงลานหน้าบ้าน บางทีก็ร้องเพลง
ให้ฟังด้วย เก้าอี้ชิงช้านั้นทําด้วยไม้ระแนงทาสีรุ้งสลับกันสวยงาม แต่
ก็เก่าครํ่าคร่าแล้ว
๙
ห้องนอนห้องนอน
พ่อกับป้ าไก่จะนอนกับย่าทวดในห้อง ก่อนนอนเด็ก ๆ จะต้อง
ช่วยกันปูที่นอนและกางมุ้ง หลังฟังลิเกคณะมิตรเมืองราชจบตอนสอง
ทุ่มครึ่ง ทุกคนก็จะปิดไฟนอน ก่อนนอนจะต้องสวดมนต์และกราบ
หมอนตามย่าทวด แต่บางครั้งพ่อกับป้ าไก่ขี้เกียจกัน ย่าทวดก็ไม่ว่า
อะไร หลังจากปิดไฟแล้ว พ่อกับป้ าไก่จะผลัดกันเล่น “เกาหลัง” “เกา
แขน” “เกาขา” หรือ “เกาตูด” กันแทบทุกคืนจนกว่าจะง่วงหลับไป มี
ข้อพิเศษของการเล่นนี้ที่ทําให้เกิดความสนุกติดใจก็คือ ใครจะแถม
ใครเท่าไหร่ เกาผ่านเสื้อชุดนอนหรือเกาให้ถูกเนื้อ และท้ายที่สุดคือ
ใครจะเป็นผู้เกาคนสุดท้าย
ประตูห้องนอนของพ่อเดิมเป็นประตูไม้ ๒ บาน พับเปิดปิดเข้า
หากัน ลงกลอนยาวด้านในทั้งข้างบนข้างล่าง ต่อมาเปลี่ยนเป็นประตู
ไม้เนื้ออ่อนบานเดียว ใส่กลอนด้านข้าง ห้องนอนปูด้วยเสื่อนํ้ามันสี
เขียว มีลายดอกไม้สีแดงและใบไม้สีเขียวทรงเรขาคณิต มีกรอบเป็น
ลายจุดสีดําเช่นเดียวกับห้องรับแขก ด้านในติดประตูทางซ้ายมีราว
ลวดเล็ก ๆ ไว้แขวนผ้านุ่งย่าทวดและ “ผ้าเก่า (ผ้าใช้แล้ว)” ผนังถัดไป
มีตู้ตั้งอยู่ ๒ หลังหลังแรกชื่อว่า “ตู้ตา” อันเป็นตู้ที่ใหญ่ที่สุด ใช้เก็บที่
นอน ผ้านวม มุ้งและหมอนสํารองไว้ ใต้ตู้มีเครื่องเล่นเทปแบบม้วน
กลมขนาดใหญ่ของปู่ยี่ห้อโตชิบา และมีลังไม้อัดบุกํามะหยี่สีเขียว
ข้างในปู่ใช้เก็บเทปเสียงม้วนกลม ๆ และจานเสียง ติดกับตู้ตาคือ
๑๐
“ตู้แจ๋ว” เป็นตู้กระจกใช้เก็บจานชามฝรั่งที่มีค่า ขวดเกลือฝรั่ง เครื่อง
แก้ว เครื่องกระเบื้องลวดลายสวยงาม กล้องถ่ายรูปและกล่องใส่รูป
ของย่าแจ๋วเป็นกล่องโกดักสีดําฝาสีเหลือง ตู้ชั้นล่างมีประตูทึบปิดอยู่
ใช้เก็บเครื่องต้มไข่อย่างฝรั่ง เครื่องตีไข่มือหมุน กาฝรั่ง ที่ปิ้งขนมปัง
โตชิบาที่เสียแล้ว หม้อต้มกาแฟ และเครื่องสังกะสีปิ่นโตต่าง ๆ
“ตู้ยาย” เป็นโต๊ะแต่งตัวไม้สีดําแดงอย่างโบราณ สองข้างเป็นตู้
กระจกสําหรับใส่เสื้อผ้าของย่าทวด ช่วงล่างเป็นลิ้นชักเล็ก ๆ ใช้เก็บ
เศษผ้า เด็ก ๆ สามารถรื้อค้นเอาไปทํางานฝีมือที่โรงเรียนได้ บนตู้
ทางซ้ายมีกล่องใส่พระ ๒ กล่องใหญ่ กล่องเข็ม กล่องโบว์ ริบบิ้นและ
กล่องแป๊ ะกระดุมเข็มกลัด หลังตู้ทางขวาเป็นที่วางแจกันทองเหลือง
ด้ายสายสิญจ์และกล่องใส่ไม้ยาฝน ยาฝนก็คือเปลือกไม้หรือรากไม้
ต่าง ๆ ที่เอามาฝนกับถ้วยฝนยาโดยใช้นํ้าหล่อเล็กน้อย แต่ก่อนใคร
เจ็บไข้ได้ป่วยยังได้กินยาฝน ที่ทั้งฝาดทั้งเฝื่อนนี้ เหนือขึ้นไปเป็นหิ้ง
พระที่ย่าทวดสวดมนต์บูชาทุกคืน ตรงกลางระหว่างตู้ ครึ่งบนเป็น
กระจกบานใหญ่ ครึ่งล่างเป็นประตูไม้ทําเป็นลายลูกฟูกมีประตูเปิด
ปิดออกสองข้าง ที่ประตูมีปุ่มจับเป็นกระเบื้องเคลือบลายเม็ดมะเฟือง
สีขาวขลิบทอง โต๊ะแต่งหน้าของย่าทวดนี้มีแป้ งเม็ดหอม ๆ ซองแป้ ง
โกลินสีดํามีรูปภาพผู้หญิงแสนสวย กิ๊บดํา หวีและหวีสางวางอยู่ เมื่อ
เดินเข้าห้องนอน ตู้ตาและตู้แจ๋วจะอยู่ซ้ายมือ ส่วนตู้ยายตั้งอยู่
ตรงหน้าพอดี ระหว่างตู้แจ๋วกับตู้ยายเป็นหน้าต่างมองออกไปหลัง
๑๑
บ้านได้ หน้าต่างบานนี้จะต้องปิดลงกลอนเสมอในตอนกลางคืน
เพราะว่าไม่มีลูกกรง ติดหน้าต่างมีจักรเย็บผ้าซิงเกอร์ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง
ด้านขวามือของห้องนอนมีที่นอนเก็บซ้อนไว้ในตอนกลางวัน
ตอนกลางคืนจึงรื้อเอาลงมาปู หัวนอนนั้นหันไปทางเหนือ มีกําปั่นไม้
เป็นกล่องล็อกกุญแจติดกับพื้นเรือนตั้งอยู่ติดกับตู้ยาย พ่อไม่รู้ว่ามี
อะไรอยู่ในนั้น ข้าง ๆ กันมีท่อนเหล็กกลม ๆ กลวงตรงกลาง ซึ่ง
ย่าทวดเอาไว้ทับท้องวางอยู่ ตรงปลายเท้ามีชั้นวางเสื้อผ้าเด็ก ๆ ซึ่ง
ปู่ทวดต่อให้ในภายหลัง ฝาห้องนอนเป็นไม้ฝากระดานตีซ้อน ๆ กัน
ตรงไหนที่เป็นตาไม้ เด็ก ๆ ชอบเจาะเล่นจนเป็นรู เพราะเป็นขี้ไม้ผสม
ปูนอัดไว้เท่านั้น เวลาเอาดินสอเขี่ยจะแตกร่วงผล็อย ๆ เป็นที่
สนุกสนาน ส่วนหน้าต่างนั้นปู่ทวดใช้เหล็กเส้นตัดเป็นซี่ ๆ เข้ากรอบ
ข้างบนและข้างล่างทําเป็นลูกกรง โดยมีไม้เจาะเป็นรู ๆ กํากับซี่
ลูกกรงไว้ตรงกลางหน้าต่าง กลางคืนพอปิดไฟนอนจะมีเสียง แกก
แกก แกก จากฝาไม้ ย่าทวดบอกว่าเป็นเสียงแมงป่อง แล้วห้ามเด็ก ๆ
คุยกัน
๑๒
ตัวบ้านตัวบ้าน
เมื่อขึ้นสุดบันไดบ้านแล้ว ตรงหน้าจะเป็นโถงยาวตรงไปจนสุด
ลงที่ครัวหลังบ้าน มีฉากไม้อัดเล็ก ๆ กั้นบังตาโต๊ะกินข้าวไว้ ฉากนี้
ประดับด้วยโปสเตอร์ ก ไก่ ข ไข่ และ เอ บี ซี ติดไว้จนขาดกะรุ่งกะริ่ง
ลานเล็ก ๆ หน้าฉากนี้เคยใช้เป็นที่วางเปลนอนเหล็กสีฟ้ าของอาโอ๊ก
พ่อเคยช่วยย่าแกว่งเปลอาโอ๊กแล้วก็ร้องเพลงกล่อมเด็กเสียงแจ้ว ๆ
ว่า “แมวหง่าวเอย มากัดโอ๊กที ไม่ยอมนอนเอย…”
หลังฉากนี้เป็นโต๊ะกินข้าว โต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะกลมมีลายสก็อต
เป็นตารางจิ๋ว ๆ สีแดงอมชมพู พ่อชอบมานั่งกินข้าวกับย่าทวด โต๊ะนี้
พับได้และใช้มาจนโยกโย้เก่าเต็มประดา จากโต๊ะกินข้าวเลยไปอีก
เล็กน้อยเป็นโต๊ะชงนม โต๊ะชงนมเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีสีเขียวลายหินอ่อน
สีขาว มีอุปกรณ์ชงเครื่องดื่มต่าง ๆ ครบทุกประเภท ย่าจะจัดเตรียมไว้
ไม่ให้มีอะไรขาดเหลือเลย เด็ก ๆ รู้ว่าจะมีกระป๋ องนมข้นหวานที่
สามารถหยิบเทไปจิ้มกินได้โดยไม่ต้องขออนุญาต บางครั้งมีนม
ผงเนสท์ตุ้มและขนมปังกรอบวางไว้ด้วย น่าแปลกที่ผนังข้างโต๊ะชงนม
กับโต๊ะกินข้าวนี้จะมีหน้าต่างที่ปิดอยู่เสมอทั้ง ๒ บาน พ่อจึงคิดว่า
ส่วนนี้ของบ้านอาจต่อขึ้นทีหลังก็เป็นได้ ต่อมาปู่เอาตู้เย็นสีฟ้ าหลัง
ใหญ่มาจาก “บ้านฝรั่ง” ตั้งไว้ระหว่างโต๊ะชงนมกับโต๊ะกินข้าว เด็ก ๆ
๑๓
ดีใจมาก ย่าพาเด็ก ๆ ทําไอศกรีมกะทิในถาดทํานํ้าแข็ง ถึงมันจะไม่
อร่อยแต่ก็สนุกดี ท้ายที่สุดย่าก็พาเด็ก ๆ ถ่ายรูปคู่ตู้เย็นกันเสียเลย
ติดโต๊ะชงนมมีฉากไม้อัดอีกฉากหนึ่ง กั้นแยกห้องครัวออกไป
เป็นอีกส่วนหนึ่ง จากห้องครัวนี้มีบันไดแบบเป็นไม้ขั้น ๆ ไม่มีราวจับ
ลงไปยังลานขุนหมาหลังบ้าน ประตูหลังบ้านเป็นไม้ตีทึบ มีกลอน
เหล็กอันใหญ่ หนักพอสมควรสําหรับเด็ก ๆ กลางคืนถ้าถูกใช้ให้ไปปิด
ประตูหลังบ้านก่อนเข้านอน ส่วนมากจะเกี่ยงกันเพราะกลัวผี รู้สึกว่า
ประตูหลังบ้านช่างอยู่ไกลเหลือเกิน หลับหูหลับตาดึงประตูปิด รีบลง
กลอนเหล็กอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งตื๋อกลับมาหน้าบ้าน!
ครัวบ้านเก่ายังใช้เป็นครัวไฟ มีเตาอั้งโล่ใหญ่ ๑ ใบ เล็ก ๑ ใบ
เด็ก ๆ ต้องหัดก่อไฟให้เป็น ใช้ขี้ใต้เป็น แต่นาน ๆ จึงจะถูกเรียกให้ไป
ก่อไฟสักครั้ง รวมไปถึงช่วยผู้ใหญ่นั่งสับฟืนด้วยในบ้างครั้ง ในช่วงก่อ
ไฟนี้จะมีควันโขมงทีเดียว ข้างเตามีอ่างดินเผาไว้รินนํ้าข้าววางอยู่
ต่อมาอีกนานถึงมีเตาแก็สมาตั้งอยู่ข้างกัน บริเวณโถงครัว ฝั่งตรงข้าม
เตาถ่านเป็นห้องอาบนํ้าและห้องส้วมแยกกัน ฝั่งท้ายบ้านสุดเป็นตู้
กับข้าว ฝาผนังมีที่แขวนซึง หม้อชามรามไหและโอ่งข้าวสาร ลาน
ห้องครัวนี้ดูกว้างใหญ่สําหรับเด็ก ในวันเสาร์อาทิตย์ บางทีย่าทวด
หรือย่าก็จะพาทําอาหารหรือขนมเล่นกัน เช่น ทําขนมครก ไอศกรีม
มะเขือเทศกวน แยมมะม่วง กล้วยบวชชี มันบวช มันขาวต้ม ข้าวต้ม
มัด ไปจนถึงทําตําส้มมะขามเทศ เวลาทําขนมครกนั้นบางทีก็ใช้ไข่
๑๔
หรือนํ้ากะทิละลายแป้ งหยอด ใช้เตาขนมครกดินเผาเล็ก ๆ
ของเด็กเล่นแต่ใช้ถ่านไฟจริง ๆ ทําให้เมื่อแคะขนมครกออกมาแล้ว
เป็นอันเล็กจิ๋วน่าเอ็นดู
ย่าทวดนั้นเป็นแม่ครัวใหญ่ ย่าทวดจะตื่นแต่เช้ามืด หุงข้าว ทอด
ปลาทูใส่บาตรพระ แล้วเดินถือตะกร้าไปจ่ายตลาดซื้อหาเนื้อหมู
กับข้าว ผักปลา ที่ตลาดหลักเมือง พร้อมกันนั้นก็เอากระดาษ
หนังสือพิมพ์ห่อข้าวไปให้หมาพเนจรกลางทางด้วย พ่อเคยขอเดินไป
ตลาดกับย่าทวด ทําให้พ่อสงสารและเวทนาสัตว์ที่ไม่มีคนเลี้ยง
เหล่านั้นเสียจริง ๆ มันจะมายืนรอชะเง้อคอยย่าทวดทุกวัน ย่าทวดมี
เพื่อนมากมาย ทักทายกันทั้งภาษาไทยปนภาษาจีนโดยเฉพาะที่ร้าน
ขายปลากรอบแถวหลักเมืองจะอยู่คุยกันนานทีเดียว
ยังมีซอกเก็บของที่มืดตื๋ออยู่ตรงข้ามกับโต๊ะชงนม ติดกับ
ห้องนอนของปู่กับย่า ซอกนี้มีตู้ยาเก่า ๆ อันเดียวกับที่พ่อยังเก็บไว้ให้
ลูกดูที่บ้านเรานั่นเอง แล้วก็มีตะกร้าใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว ไม้กวาดและข้าว
ของจิปาถะเก็บไว้ในนั้น ห้องนี้ก็ใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาได้ดี คือแอบข้าง
ตะกร้าผ้าแล้วเอาเสื้อผ้าในตะกร้ามาคลุมไว้ ติดซอกนี้ต่อไปทางหลัง
บ้านเป็นลานล้างชาม พื้นล้างชามนี้เป็นไม้กระดานตีให้มีร่องห่าง ๆ
พอให้นํ้าไหลลงใต้ถุนได้ มีโอ่งนํ้าฝนที่ทุกคนสามารถเปิดฝาแล้วเอา
ขันอลูมิเนียมลายไทยตักดื่มนํ้าฝนหวาน ๆ เย็น ๆ ได้เสมอ ยังมีตุ่มนํ้า
สําหรับล้างชามและใช้งานอเนกประสงค์อีก ๒ ใบ พ่อกับป้ าไก่จะ
๑๕
เกี่ยงกันล้างชามเสมอ แต่ท้ายที่สุด จานชามก็จะสะอาดเอี่ยมอ่อง
เพราะย่าถือไม้ขัดหม้อข้าวไว้รอนั่นเอง ลานล้างชามตรงนี้เป็นลาน
เปิด ไม่มีหลังคาคลุม ทําให้จากจุดนี้พ่อสามารถปีนหลังคาไปนอนดู
ดาวในตอนกลางคืนได้ พ่อได้เอาแผ่นไม้บาง ๆ ไปปูไว้โดยไม่มีใครรู้
และเวลาเดินบนหลังคาต้องสังเกตแนวตะปู มิฉะนั้นจะเกิดเสียงดัง
และหลังคาสังกะสีอาจยุบได้ ใต้ถุนลานล้างชามนี้จะชื้นแฉะ และมี
ต้นมะม่วงเล็ก ๆ ผุดออกมาจากเม็ดที่ทิ้งลงไปเสมอ ๆ แต่เมื่อย้ายไป
ปลูกจริง ๆ ก็จะไม่เคยรอดจนโตเลยสักทีเดียว
ลูกรัก นี่คือบ้านที่พ่ออยู่กับปู่กับย่าตอนเด็ก ๆ มันไม่ใช่บ้านที่
ใหม่เอี่ยม ประณีตสวยงาม แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของการอยู่
ร่วมกัน ทั้งร้อน ทั้งฝนและทั้งหนาว
๑๖
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
เเ รื่รื่ ออ งง เเ ล่ล่ าา ขข ออ งง พ่พ่ ออ
_______________________________________________________________________________________________
ผ้ากอดผ้ากอด
ตอนเด็ก พ่อจะติด “ผ้ากอด” มาก ผ้ากอดเป็นผ้าขนหนูผืนเก่า
กุด ๆ ขาด ๆ มีสีนํ้าตาลอ่อนเหมือนสีโอวัลติน พ่อจะใช้กอดนอนหรือ
กอดเอาไว้แนบอกเวลานอนกินโอวัลตินจากขวดนม พ่อรู้สึกว่าเมื่อ
กอดผ้ากอดแล้วรู้สึกอบอุ่น แต่เนื้อผ้ากอดนั้นช่างแสนเย็นสบาย วาง
ไว้แอบข้างแก้มตอนนอนก็เย็นสบาย อยู่มาวันหนึ่ง ย่าทวดบอกว่าผ้า
นั้นขาดไปหมดแล้ว พ่อร้องไห้เสียดายเป็นอย่างมากเพราะเป็นของที่
รักที่สุด แต่ในที่สุด พ่อก็เลิกติดผ้ากอดและเลิกกินโอวัลตินจากขวด
นมนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พ่อจําได้แม่นว่าจุกขวดนมของพ่อนั้นรู
ใหญ่เบื้อเร่อ ขาด ๆ แหว่ง ๆ แถมมีราสีดํา ๆ ด้วย
๑๗
ลูกแมวหลงลูกแมวหลง
บ่ายวันหยุดอันเงียบเหงาวันหนึ่ง พ่อเดินออกไปซื้อขนมที่ร้านเจ๊
เล็กแถว ๆ ข้างบ้าน เพียงคนเดียว พ่อเจอลูกแมวหลงตัวหนึ่ง ตัวมัน
เล็กนิดเดียวและผอมเห็นแต่หนังหุ้มกระดูก มันมีขนสีดํา
กระเซอะกระเซิง หน้าตาก็สกปรกมีขี้ตาเปรอะไปหมด นั่งร้องไห้
เหงียวเหงียวอยู่ตัวเดียวที่กอหญ้าหน้าร้านเจ๊กเป็ดติดกับร้านเจ๊เล็ก
พ่อสงสารลูกแมวจับใจเลยอุ้มมันกลับบ้าน ตัวมันเล็กบอบบางมาก
พ่อเอาผ้าขี้ริ้วมาวางในตะกร้าสีนํ้าเงินของย่าทวดทําเป็นที่นอนให้มัน
แล้วเอานมใส่จานสังกะสีให้มันกิน มันกินจนพุงกางแล้วนอนหลับไป
ย่าทวดมาเห็นบอกให้เอาแมวน้อยกลับไปไว้ที่เดิมที่เอามา พ่อไม่ยอม
เพราะสงสารมัน วันรุ่งขึ้นพ่อไปโรงเรียน พ่อเฝ้ าคิดถึงมันตลอดทั้งวัน
และรอเวลาโรงเรียนเลิกเพื่อที่จะได้กลับไปเจอลูกแมวน้อยน่าสงสาร
ตัวนั้น พอกลับถึงบ้านพ่อรีบวิ่งไปหาแมวทันที แต่ย่าทวดบอกว่าเอา
มันไปปล่อยทิ้งแล้ว พ่อเหมือนหัวใจสลายและร้องไห้นํ้าตาไหล
เผาะ ๆ จนในที่สุดย่าทวดต้องออกไปตามหาลูกแมวขี้เหร่ตัวน้อยนั้น
เอากลับมาคืนพ่อเหมือนเดิม พ่อดีใจที่ได้เห็นมันอีก วันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อ
กลับจากโรงเรียน พ่อก็รีบวิ่งไปหาลูกแมวน้อยด้วยความคิดถึง
เหมือนเดิม แต่ย่าทวดบอกว่า ลูกแมวน้อยมันตายไปเสียแล้ว พ่อหน้า
สลด ทําท่าจะร้องไห้ หายใจสะอื้นฟืดฟาด ๆ แต่ก็ถามย่าทวดว่าแมว
๑๘
น้อยมันตายแล้วมันไปอยู่ที่ไหน ย่าทวดพาไปดูที่ฝังศพมัน มันอยู่ใต้
ต้นมะนาวที่ปลูกในถังทหารสีเขียวนั่นเอง
กล่องดินสอกล่องดินสอ
สมัยพ่ออยู่ ป .๓ พ่ออยากได้กล่องดินสอที่ปิดฝาด้วยแม่เหล็ก
มาก เพื่อนที่โรงเรียนจะเอามาอวดกัน เวลาพ่อไปซื้ออุปกรณ์วิชา เศษ
วัสดุ เช่น กาว กระดาษย่น ลวดกํามะหยี่ที่ร้าน ส .ศึกษาพันธ์หรือร้าน
อ.พาณิชย์ เห็นกล่องดินสอแม่เหล็กวางขายอยู่ในตู้กระจก มีทั้ง
ลวดลายรูปไอ้มดแดง ลายตุ๊กตาญี่ปุ่นตาโต สวยงามมาก จะหยิบจับ
แตะต้องไม่ได้เลย พ่อกลับมาบอกปู่กับย่า ปู่กับย่าสัญญาว่าจะซื้อให้
เย็นวันหนึ่ง ปู่กับย่าจะออกไปงานเลี้ยงแล้วบอกว่าจะซื้อกล่องดินสอ
มาให้ พ่อเฝ้ ารอที่ประตูบ้านจนดึกมาก แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดก็
ต้องเข้านอนแล้วหลับไป พอพ่อรู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า ก็ดีใจว่าจะได้
กล่องดินสอใหม่ จึงรีบวิ่งไปหาปู่ แต่ปู่ก็ถือกล่องดินสอแบบติดแป๊ บ
มาให้ ๒ กล่อง กล่องหนึ่งของป้ าไก่สีเลือดหมู ของพ่อสีนํ้าตาล บน
กล่องมีตราปากกาไพล็อต (PILOT) สีทองประทับอยู่เพียงอย่างเดียว
๑๙
พ่อจึงผิดหวังและเสียใจมาก พ่อต้องรอคอยอีกนานกว่าที่จะได้กล่อง
ดินสอแม่เหล็กมาใช้
สมัยก่อน ปู่ย่าต้องประหยัดอดออม ถึงบ้านของพ่อจะมี
ความสุขสบายพร้อมบูรณ์ก็จริงอยู่ ปู่และย่าไม่เคยให้บ้านขาดของกิน
ดี ๆ อร่อย ๆ มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแสนสวย ชุดพิเศษของเด็ก ๆ นั้น
ถึงกับตัดจากร้านตัดเสื้อดัง ๆ ของโคราชสมัยนั้นเลยทีเดียว เดิมปู่มี
มอเตอร์ไซค์ คันใหญ่เอาไว้ ส่งย่าไปทํางานและส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียน
ต่อมาปู่ถึงมีรถยนต์แสนสบายให้เด็ก ๆ นั่ง แล้วก็โทรทัศน์สีอันน่าตื่น
ตาตื่นใจ พ่อแทบกลั้นหายใจเมื่อดูหนังทีวีชุด “มนุษย์มัจฉา” สีสัน
ของทีวีเหมือนกับเราอยู่ใต้นํ้าจริง ๆ แล้วก็ยังวิทยุเทปที่ปู่หามาให้ฟัง
ก็ทันสมัยกว่าใครในเวลานั้น แต่ทุกอย่างนั้น เด็ก ๆ ทุกคนต้องรอคอย
ด้วยความอดทน รอแล้วรอเล่าด้วยความหวัง ดังนั้น เมื่อปู่ซื้อข้าวของ
ชิ้นใหม่เอี่ยมใด ๆ เข้าบ้าน เด็ก ๆ จึงตื่นเต้นดีใจและถือเอาเป็นสิ่งลํ้า
ค่าอย่างที่สุด
๒๐
โทรทัศน์ขาวดาโทรทัศน์ขาวดา
สมัยก่อนโลกของเรายังไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนี้ถึงแม้ว่าเมื่อพ่อ
เกิดมาก็ได้รู้จักกับโทรทัศน์แล้ว แต่เป็นโทรทัศน์ที่มีแต่ภาพขาวดํา ไม่
มีสีสรรอะไรเลย เมื่อบิดปุ่มเปิดโทรทัศน์แล้วกว่าที่ภาพจะออกมา
ต้องใช้เวลานานมาก เพราะต้องใช้ไฟฟ้ าเผาอุ่นอุปกรณ์หลอดต่าง ๆ
ภายในเครื่องนั่นเอง พ่อชอบส่องดูช่องระบายความร้อนที่เป็นรูเล็ก ๆ
ทางข้างหลังเครื่อง ภายในจะมีหลอดแก้วเต็มไปหมด บางหลอดก็มี
ไฟสีส้มอ่อน ๆ ติดอยู่ หลังเครื่องจะมีกลิ่นเหม็นเขียวไหม้ ๆ จาก
อุปกรณ์ภายในที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ บางทีพ่อออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน เห็น
โทรทัศน์ร้านเจ๊เล็กขายขนมมีรายการการ์ตูนออกอากาศ ก็รีบวิ่งตื๋อ
กลับมาเปิดโทรทัศน์ที่บ้าน รอแล้วรอเล่ากว่าโทรทัศน์จะติด สุดท้าย
พอมีภาพบนจอปรากฏว่าการ์ตูนจบไปแล้ว พ่อแทบร้องไห้เลยทีเดียว
สมัยก่อนการ์ตูนนั้นหาดูได้ไม่บ่อยนัก ทางสถานีจะเอามาคั่นรายการ
เฉพาะเมื่อเวลาเหลือเท่านั้น ส่วนเครื่องเล่นวิดีโอ วีซีดี หรือดีวีดีที่เรา
สามารถเปิดดูเมื่อไหร่ก็ได้ก็ยังไม่มีเหมือนเดี๋ยวนี้รายการสารคดี
วิทยาศาสตร์ ชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ก็มีน้อยเต็มที การเรียนรู้ของพ่อสมัย
เด็กจึงเทียบไม่ได้กับสื่อสนุกสนานที่ลูกมีเดี๋ยวนี้เลย
๒๑
ห้องนอนของพ่อห้องนอนของพ่อ
เมื่อพ่อขึ้นชั้นมัธยมต้น ย่าแจ๋วต้องจากบ้านไปเป็นครูที่โรงเรียน
โนนกุ่ม อําเภอสีคิ้ว ทําให้พ่อต้องย้ายมานอนห้องย่าแจ๋ว ป้ าไก่ยังคง
นอนกับย่าทวด ห้องนอนของพ่อจะเป็นที่รวมของจินตนาการทุกอย่าง
เท่าที่พ่อจะคิดได้ หมุนเวียนเปลี่ยนสลับกันไป บางครั้งพ่อก็ทําให้
ห้องนอนของพ่อกลายเป็นห้องสมุด พ่อจะเก็บเงินค่าขนมที่ปู่ให้ไปซื้อ
หนังสือต่าง ๆ มาสะสม เช่น เอมิลยอดนักสืบ สี่สหายผจญภัย
ปริศนาระฆังแก้ว ทอมซอเยอร์และฮัคเกิลเบอรี่ฟินส์ เจ้าชายน้อย
คลาล่าบาร์ตัน เบนจามินแฟรงคลิน ปีเตอร์สไตรวีซัง โคลัมบัส
หนังสือทดลองวิทยาศาสตร์และการประดิษฐ์เครื่องเล่นต่าง ๆ รวมทั้ง
พ่อได้ขอหนังสือจากปู่เริงจิตร์ที่ทิ้ง ๆ แล้วมาเก็บสะสมไว้บนชั้นปลาย
เตียงนอน บางทีพ่อก็ไปขอหนังสือของห้องสมุดโรงเรียนที่จําหน่ายทิ้ง
แล้วมาเก็บไว้ เช่น หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คต่างประเทศ ต่อมาพ่อก็ทํา
ห้องนอนให้เป็นห้องวิทยาศาสตร์ มีอุปกรณ์หลอดทดลองและ
สารเคมีที่ปู่เริงจิตร์ให้มาบ้าง หาซื้อมาเองจากร้านขายยาแผนโบราณ
บ้าง เช่น ดีเกลือ จุนสี จากร้านของชํา เช่น เบ้กกิ้งโซดา แนบทาลีน
(ลูกเหม็น) แล้วก็ร้านเครื่องก่อสร้าง เช่น โซดาไฟ เป็นต้น แล้วพ่อก็หา
ตะเกียงและประดิษฐ์อุปกรณ์การทดลองต่าง ๆ จนครบวางเรียงไว้ที่ตู้
ชั้นบน พ่อจะเรียกเพื่อน ๆ มาดูการทดลองที่น่าตื่นเต้นเสมอ เช่น
เปลี่ยนนํ้าเป็นนํ้านม ผสมสารต่าง ๆ ทําก๊าซคลอรีน ก๊าซ
๒๒
คาร์บอนไดออกไซด์ มีกล้องจุลทรรศน์อันเล็กซื้อมาจากร้านคลังวิทยา
ราคา 150 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น จากนั้นพ่อก็เปลี่ยนห้อง
ให้เป็นอะควาเรียม มีตู้ปลาใบเล็กและคอยสังเกตการเจริญเติบโต
ของสาหร่ายในตู้ปลา ในห้องนอนจะมีกระบะปลูกต้นไม้เต็มไปหมด
ย่าถึงกับบอกว่ากลางคืนระวังจะถูกแย่งอากาศหายใจ แล้วพ่อก็
เปลี่ยนห้องนอนให้เป็นร้านขายโอวัลติน ขายให้เพื่อน ๆ ที่มาเล่นใน
บ้านกินชุดละหนึ่งสลึง โดยไปชงโอวัลตินและเอาขนมปังกรอบที่โต๊ะ
ชงนมมาแถมด้วย บรรยากาศในห้องนอนพ่อจัดไฟสลัว ๆ มีโต๊ะวาง
แจกันดอกไม้ประดับพร้อม ทุกคนชอบมาก แต่ย่าทวดบอกว่าอย่างนี้
ขาดทุน จากนั้นก็ทําห้องนอนเป็นบ้านผีสิง ใช้ผ้าม่านที่รื้อมาจากบ้าน
ฝรั่งตีตะปูแขวนที่เพดานทําเป็นทางเดินวกไปวนมา ปิดหน้าต่างให้
มืดตื๋อ ภายในใช้เสื้อผ้าและถุงมือทําตุ๊กตาผี วางรูปแม่นาคพระโขนง
จุดธูปจุดเทียน อัดเทปเสียงผีพร้อมอัดเสียงนาฬิกาตีเปิดให้ฟังดูวังเวง
จากนั้นให้พวกเพื่อน ๆ แถวบ้านเดินเข้าไปดูทีละคน หวาดเสียวกัน
ใหญ่ ต่อมาก็ทําบ้านโลกแตก อัดเสียงสั่นสะเทือนด้วยการเป่าลมไป
ยังไมค์ที่ติดกับเครื่องอัดเทป ใช้ด้ายผูกหลอดไฟที่ห้อยมาจากเพดาน
ให้แกว่งไปมาดูน่าเวียนหัว และใช้การผูกเชือกกับข้าวของต่าง ๆ ไว้
ดึงจากนอกห้องให้หล่นโครมคราม พร้อมแล้วก็เกณฑ์เพื่อน ๆ ไปนั่ง
ในห้อง ทุกคนก็ตื่นเต้นอัศจรรย์ใจกันใหญ่ ต่อมาก็เป็นยุคแฟชั่น พ่อ
ซื้อกระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่มาวาดนางแบบแฟชั่นติดที่ฝาห้อง
๒๓
เปลี่ยนหลอดไฟห้องนอนเป็นสีฟ้ า ซื้อไฟกระพริบมาติดว็อบแว๊บ พอ
ปู่เริงจิตร์และย่าแจ๋วแวะมาเยี่ยมและนอนที่ห้องพ่อ ปู่เริงจิตร์เลย
ขอให้เลิกเสียเถอะ บอกว่ามันจะทําให้เสียสายตา พ่อก็เปลี่ยนมาทํา
กางเขนไม้อันใหญ่หนักมาก โดยขอไม้เหลือ ๆ จากปู่ทวดมาเลื่อย
ตอกตะปู ตกแต่งคําว่า INRI ตรงด้านบนของกางเขน แล้ววาดรูปพระ
เยซูองค์เบ้อเร่อบนกระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่ถึง 2 แผ่นต่อกันแปะ
ไว้ที่หัวนอน ปู่กับย่ากลัวว่าจะบ้าศาสนาคริสต์ พ่อก็เลยเปลี่ยนมา
ตกแต่งเป็นห้องสายฝน เอาลูกปัดสร้อยคอใหญ่ ๆ จากห้องย่ามา
แขวนเพดานเป็นสายฝน เอาร่มมาแขวนไว้ด้วย ที่ชายร่มก็แขวน
ลูกปัดใหญ่ ๆ ไว้ เมื่อหมุนร่มลูกปัดก็ลอยเหวี่ยงออกอย่างสวยงาม
เท่านี้ยังไม่พอ พ่อเปลี่ยนให้ห้องนอนของพ่อเป็นห้องแบบเมืองนอก มี
เตาผิงใช้อิฐบล็อกทํา แล้วต่อไฟกระพริบใช้สตาร์ทเตอร์ต่อกับสายไฟ
เอาหลอดไฟสีแดงไปซ่อนไว้ที่ใต้กองฟืนในเตาผิง ปู่โวยวายว่าระวังไฟ
มันจะช้อตเอา บนเพดานพ่อประดิษฐ์โคมไฟแบบฝรั่งใช้ลวดดัดเอา
แยกออกเป็นสี่ก้านมีเทียนอยู่ทั้งสี่มุม พอจุดเทียนแล้วก็เรียกทุกคน
มาอวด ปู่ทวดบ่นอีกว่าไฟจะไหม้หลังคาบ้าน
ลูกรัก ขอให้ลูกได้ใช้จินตนาการทุกอย่างที่ลูกคิดได้ จินตนาการ
นั้นไม่มีขอบเขต และอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้จินตนาการ
๒๔
การละเล่นของเด็กการละเล่นของเด็ก
การละเล่นและกิจกรรมบันเทิงของเด็กแต่ก่อนนั้นมีไม่มากเลย
เด็ก ๆ จะวิ่งเล่นกันเป็นฝูง จับกลุ่มเป็นเพื่อนกันแล้วแต่ความนิยม
ชมชอบของแต่ละคน ส่วนมากก็จะเล่นเกมส์กันเป็นกลุ่มบ้าง เช่น ตี่
จับ ตากะเติ่ง กระโดดยาง โยนเส้นตัวตุ๊กตุ่น โยนตัง ลูกหิน เป่ากบ ไม้
หึ่ง อีกาฟักไข่ ปิงปองบูชายัญ ลิงจับหลัก ลิงชิงบอล แอสสะพาย
(เล่นซ่อนหา) และการเล่นแข่งเรือที่ท้องร่องหน้าบ้านหลังฝนตกนํ้า
ไหลแรง ตัวเรืออาจเป็นก้านไม้แห้ง เศษหญ้า หรือใบไม้ แต่ละคน
จะต้องคัดเลือกเรือที่มีลักษณะดีจริง ๆ เพื่อให้ไหลลื่นจนชนะการแข่ง
ได้ การแข่งเรือจะสนุกมากเมื่อเรือลอดใต้สะพานหน้าบ้าน ต่างคนก็
ลุ้นว่าเรือของใครจะโผล่ออกมาก่อนกัน เมื่อเรือลอดสะพานออก
มาแล้วก็จะเฮฮากันยกใหญ่ เรือบางลําก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย
เวลาเชียร์เรือจะร้องว่า “เจิ้ง เจิ้ว เจิ้ง เจิ้ว เจิ้ง เจิ้ว !!!” บางครั้งก็
รวมกลุ่มกันประดิษฐ์ของเล่น เช่น ทํารถบรรทุกด้วยกล่องกระดาษ
แล้วตัดรองเท้าฟองนํ้าทําเป็นล้อกลม ๆ ผูกเชือกลากเล่น หรือทําที่
เดินกะลา โดยเอากะลามะพร้าวที่ย่าทวดผ่าครึ่งและขูดเนื้อมะพร้าว
ออกหมดแล้วมาเจาะรูตรงกลางฝากะลา จากนั้นไปขอเชือกปอ
กระสอบจากบ้านเจ๊กเต็งมาร้อยรู้แล้วผูกไม้ขัดไว้ทั้ง 2 กะลา วัดเชือก
ให้พอดี เมื่อถือเชือกให้ตึงแล้วให้อยู่ที่ระดับเอว เวลาเล่นก็ขึ้นไปยืน
บนกะลา ถือเชือกรั้งกะลาไว้ให้ติดกับเท้าแล้วออกเดิน เวลาเดินกะลา
๒๕
จะส่งเสียง กุบ กับ กุบ กับ สนุกดี พ่อยังชอบประดิษฐ์รถวิบาก โดยใช้
หลอดด้ายบากขอบให้เป็นหยัก ๆ ใช้ยางสอดรูหลอดด้ายแล้วเอา
เทียนขัดไว้ ให้ลื่นไม่ติดตัวหลอด ด้านหนึ่งขัดด้วยไม้ยาวใช้หมุนให้
ยางเป็นเกลียว เมื่อวางลงที่พื้นหลอดด้ายก็จะหมุนเดินไป ไต่เนินดิน
สูง ๆ ก็ได้ พ่อยังชอบประดิษฐ์เรือเอาไว้ลอยนํ้าเล่น ตัวเรือต้องแกะ
จากโฟมที่หาได้จากแถวกองขยะข้างบ้าน ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นเสียบที่
ท้ายเรือ 2 ก้านคู่กัน เอายางวงขึง แล้วใช้ไม้ไอติมสอดวงยาง หมุน
ยางให้เป็นเกลียว เมื่อวางลงในนํ้าไม้ไอติมก็จะหมุนเป็นกังหันเรือ
เมื่อฝีมือพ่อดีขึ้น ก็หันมาทําเรือมอเตอร์ใช้ถ่านไฟฟ้ า มอเตอร์นั้นแกะ
มาจากตัวหุ่นยนต์เก่า ๆ ซึ่งปู่ซื้อให้จากร้านขายของเล่นที่กรุงเทพ
ใกล้ ๆ บ้านลุงสํารวยแถวบางรัก คราวนี้ต้องใช้สายไฟปอกปลายแล้ว
ใช้ยางรัดไว้กับขั้วถ่านไฟฟ้ า ใบพัดเรือใช้ไส้ปากกาหมึกแห้งเสียบเข้า
กับแกนมอเตอร์ ที่ปลายก็เหลาไม้ไผ่รวกทําเป็นใบจักรเสียบไว้ เรือ
มอเตอร์ที่ทํานี้ไม่ค่อยถาวร และมักจะจมจนถ่านไฟฟ้ าเสียในที่สุด
จากนั้นพ่อก็ลองประดิษฐ์กังหันมอเตอร์ โดยเอาไม้ไผ่รวกมาเหลาเป็น
ก้าน ๆ ใช้ยางรัดขึ้นรูปเป็นโครงหอสูง ด้านบนเอามอเตอร์ติดใบกังหัน
กระดาษมัดติดไว้ให้แน่นหนา เมื่อเชื่อมมอเตอร์กับถ่านไฟฟ้ า กังหันก็
หมุนติ้ว พ่อคิดว่า อ๊ะ! อย่างนี้เราก็ทําชิงช้าสวรรค์ได้ จึงตัดกระดาษ
แข็งประกอบเป็นตัวชิงช้าสวรรค์ เมื่อประกอบเข้ากับมอเตอร์ ทีแรก
มันไม่ยอมหมุน เพราะเดือยแกนมอเตอร์มันหมุนฟรีไม่ติดกับตัวชิงช้า
๒๖
สวรรค์ พ่อจึงใช้ยางวงและสก็อตเทปรัดประกบอย่างแน่นหนา คราวนี้
ชิงช้าสวรรค์หมุนไม่หยุด และเหวี่ยงอย่างรวดเร็วและแรงจนชิงช้า
กระดาษกระจุยกระจายไปจนหมด คราวนี้ก็เลยลองทําปั้นจั่นยกของ
ด้วยมอเตอร์ ก็ไม่สําเร็จเพราะเราควบคุมมอเตอร์ไม่ได้ ไม่มีสวิทช์เปิด
ปิด พ่อทําเครื่องฉายหนังด้วยการกระเทาะก้นหลอดไฟกลมแล้วเอา
นํ้าใส่ ทําให้หลอดไฟกลายเป็นเลนซ์ขยาย จากนั้นก็ไปหาฟิล์มหนัง
จากถังขยะแถว ๆ หลักเมืองซึ่งบริษัทฉายหนังกลางแปลงจะตัดฟิล์ม
ที่เสีย ๆ ทิ้ง ได้ฟิล์มหนังมาแล้วก็มาทํากล่องฉาย ทําช่องใส่ฟิล์มให้
พอดี เอาเลนซ์หลอดไฟวางไว้ด้านหน้า เมื่ออุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็ใช้
กระจกสะท้อนแสงแดดให้แสงผ่านฟิล์มหนังและเลนซ์ เท่านี้ก็ได้ภาพ
หนังจอใหญ่ที่สนุกสนานและน่าภาคภูมิใจ ลูกอยากเป็นนักประดิษฐ์
เหมือนพ่อมั้ยหล่ะลูก
๒๗
ไปโรงเรียนไปโรงเรียน
เมื่อตอนพ่อเป็นเด็กเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วพ่อก็ยังจําความอะไรไม่
ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ที่พ่อจําได้แม่นก็เมื่อปู่กับย่าพาพ่อเข้าโรงเรียน
อนุบาลเมืองนครราชสีมาหรืออนุบาลดอกบัวที่หนูรู้จักนั่นเอง พ่อจํา
ได้ว่าตอนเช้าเมื่อปู่กับย่าพาพ่อไปส่งที่โรงเรียน พ่อจะร้องไห้ทิ้งตัวไม่
อยากอยู่ที่โรงเรียนเลย พ่อกลัวว่าปู่กับย่าจะทิ้งพ่อไป อยู่ที่โรงเรียน
พ่อจะรู้สึกหงอยเหงา ห้องเรียนของพ่อตอนอยู่อนุบาล 1 อยู่ในห้อง
ประชุมใหญ่ พ่อรู้ว่าป้ าไก่เรียนอยู่ห้องใดห้องหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้
วันหนึ่ง หลังจากเด็ก ๆ ทุกคนกางเตียงนอนตอนกลางวันด้วยตนเอง
เรียบร้อยแล้ว พ่อทําทีขออนุญาตครูเอ ไปปัสสาวะ แล้วพ่อก็วิ่งร้องไห้
หาป้ าไก่ พ่อเจอป้ าไก่จนได้ พ่อกอดป้ าไก่แน่นจนคุณครูประจําชั้น
ของป้ าไก่ต้องปลอบใจแล้วพามาส่งที่เตียงของพ่อ พ่อยัง ติดนิสัย
หงอยเหงาเป็นบางครั้ง พ่อรู้ว่าย่าแจ๋วอยู่ที่โรงเรียนสุรนารีติดโรงเรียน
พ่อนี่เอง บางวันพ่อจะไปยืนเกาะประตูข้างโรงเรียนที่สามารถมอง
ทะลุเข้าไปในโรงเรียนของย่าแจ๋วได้ แล้วยืนเหม่อมองหวังว่าจะได้
เห็นย่าแจ๋วบ้าง แต่พ่อก็ไม่เคยเห็น ย่าแจ๋ว เลย ประตูใหญ่ ริมรั้ว
โรงเรียนนั้นก็คล้องโซ่ใส่กุญแจอย่างแน่นหนา เวลาเรียนดนตรีที่ศาลา
ด้านหน้าโรงเรียน พ่อจะมองหาว่าปู่กับย่ามารับหรือยัง เมื่อพ่ออยู่
ป.4 ป้ าไก่ย้ายไปอยู่โรงเรียนเมืองนครราชสีมาแล้ว พ่อก็ยังชะเง้อมอง
จากห้องเรียนของพ่อบนตึกชั้นสองไปทางโรงเรียนเมืองอยู่เสมอ
๒๘
อยู่มาวันหนึ่ง พ่อปวดท้องและท้องเสียแต่ไม่กล้าบอกใคร แล้ว
พ่อก็วิ่งไปหาป้ าไก่อีก ซํ้ายังถ่ายราดกางเกงที่ห้องป้ าไก่ พ่อยืนร้องไห้
ฮือ ฮือ ด้วยความกลัวและวิตกกังวล คุณครูตามแม่จวบมาพาพ่อไป
ล้างก้น แล้วเปลี่ยนกางเกงให้ เป็นกางเกงของโรงเรียนสีนํ้าตาล พ่อ
ใส่กางเกงนั้นกลับบ้านด้วย วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ เมื่อกลับถึงบ้านพ่อ
ดีใจยืนกระโดดโลดเต้นไปมาบนโซฟาสีแดงที่บ้านเก่าของพ่อทั้ง ๆ ที่
ยังนุ่งกางเกงสีนํ้าตาลอยู่ พ่อดีใจเพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเสาร์
อาทิตย์นั่นเอง
ลูกรัก แม้การไปโรงเรียนจะไม่ใช่สิ่งที่พ่อชอบเลย พ่ออยากอยู่
แต่ที่บ้าน เมื่ออยู่ที่บ้าน พ่อสามารถเห็นผู้คนที่เรารักอยู่ใกล้ ๆ พ่อจะ
ไม่เคยวิตกกังวลเลย แต่เราก็ต้องอดทน มานะบากบั่นในการเล่าเรียน
โตขึ้นเราจะได้มีงานทํา ทํามาหาเลี้ยงชีพตนเองได้ เหมือนที่ปู่กับย่า
ได้ให้พ่อไว้ก็คือวิชาความรู้ พ่อก็คงให้ลูก ๆ ได้เพียงวิชาความรู้เช่นกัน
ขอให้ลูกจงขยันหมั่นเพียร แล้ววันหนึ่งลูกก็จะเติบใหญ่และสามารถ
ยืนหยัดได้ด้วยตัวของลูกเอง
๒๙
ปู่ทวด ย่าทวดและย่าแจ๋วปู่ทวด ย่าทวดและย่าแจ๋ว
ปู่ทวดชั้นเป็นช่างไม้ฝีมือดี ย่าแจ๋วเล่าว่า สมัยก่อนปู่ทวดเคยนํา
คณะช่างก่อสร้างไปสร้างเรือนแถวที่ตลาดสีคิ้ว เมื่อปู่ทวดซ่อมแซม
บ้าน ซ่อมหลังคาหรือทํางานไม้ พ่อจะเข้าไปขอเป็นลูกมือปู่ทวดเสมอ
ปู่ทวดได้สอนวิชาช่างไม้ให้กับพ่อ จนพ่อรู้จักวิธีใช้สิ่ว เลื่อย ตะไบไม้
ตะไบเหล็ก กบใสไม้ สว่านหมุนเจาะรูไม้ กรรไกรตัดสังกะสี ไปจนถึง
นํ้ากรดและตะกั่วบัดกรี พ่อรู้จักการเข้าเดือยไม้ การเลื่อยไม้ การใสไม้
การเลื่อยไม้ให้ตัดตรงนั้นยากมาก การใสไม้ก็เช่นกัน จะต้องมีไม้ตอก
ตะปูบังคับไว้ไม่ให้ไม้ที่จะเลื่อยหรือใสขยับเขยื่อนเลย ทั้งการเลื่อยไม้
และใสไม้ใช้แรงแขนมากกว่าที่คิด กว่าจะตัดไม้เสร็จท่อนหนึ่งก็
เหนื่อยจนแขนล้าทีเดียว
ปู่ทวดจะเป็นคนขี่จักรยานคันใหญ่ของปู่ทวดไปส่งหลาน ๆ ที่
โรงเรียนในคราวที่ปู่ต้องไปราชการ ปู่ทวดจะดูแลเช็ดถูและหล่อลื่น
จักรยานไว้เป็นอย่างดี เมื่อออกจากบ้านทุกครั้งปู่ทวดจะสวมหมวก
นุ่งกางเกงขายาว คาดเข็มขัดใส่รองเท้าหนังสีนํ้าตาลอย่างประณีต ปู่
ทวดมีสูตรทําข้าวต้มที่แสนอร่อยให้เด็ก ๆ กินในตอนเช้า วิธีทําก็คือ ปู่
ทวดจะเจียวกระเทียมในกะทะจนเกือบไหม้ แล้วเอาข้าวสวยลงผัดกับ
นํ้ามันกระเทียมเจียว เหยาะนํ้าปลาตราตาแปะลงไปด้วย สุกหอมเข้า
กันดีแล้วก็เติมนํ้าเปล่า ทิ้งไว้จนเดือด จากนั้นก็เอาหมูสับลง เคี่ยวจน
หมูสุก ชิมดูอีกที ถ้าไม่เค็มมันก็เติมนํ้าปลาตราตาแปะอีกที โรยหอม
๓๐
ผักชีแล้วก็ตักมากินกัน ป้ าไก่ดูจะชื่นชอบข้าวต้มของปู่ทวดเป็นพิเศษ
ปู่ทวดเป็นคนที่ถือศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย และคอยสั่งสอนไม่ให้พ่อเป็นคน
อ่อนแอ ลูกจ๋ายังมีโอกาสได้เห็นปู่ทวด ปู่ทวดได้โกนผมไฟให้กับลูกจ๋า
ตอนอายุ 5 เดือนด้วย
ย่าทวดอุทัยเป็นคนใจดีมีเมตตา ย่าทวดชอบเข้าวัด
ทําบุญสุนทาน พ่อจะติดย่าทวดมาก เพราะพ่อนอนกับย่าทวดมา
ตั้งแต่เด็ก แต่ก่อน ปู่และย่ายังต้องทํางานหนักเพื่อหาเงินไว้เลี้ยง
ครอบครัวและเก็บเงินไว้ส่งให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาที่ดี กินอาหารที่ดี
และแต่งตัวดี ๆ ไม่อายใคร ย่าทวดจึงมีภาระในการดูแลหลาน ๆ และ
หลาน ๆ ที่รู้เรื่องแล้วก็รักย่าทวดทุกคน ถ้าย่าทวดจะเคยดุพ่อบ้าง พ่อ
ก็ยังนึกไม่ออกเลยสักครั้งเดียว ย่าทวดพูดภาษาจีนกับเพื่อนบ้านได้
และย่าทวดอยากให้พ่อพูดภาษาจีนได้ เพราะเชื่อว่าต่อไปการทํามา
หากินกับคนจีนจะสําคัญ ย่าทวดจึงส่งพ่อไปเรียนภาษาจีนกับเหล่าซื
อข้างสมาคมฮากกาแถวตึกหมูถึง 2 เทอม ค่าเรียนเขาคิดเดือนละ 50
บาทและพ่อก็สอบได้ที่ 1 กลับถึงบ้านพ่อจะร้องว่า “อาม่า อั๊วไล้เห
ลี่ยว” ย่าทวดจะยิ้มจนแก้มปริแล้วก็หัวเราะชอบใจ ย่าทวดเคยซื้อรถ
บังคับสายใช้ถ่านไฟฟ้ าให้พ่อจากราชดําริอาเขต ราคาคันละ 35 บาท
ในคราวที่ย่าทวดไปเที่ยวบ้านย่าเรณูที่กรุงเทพและพ่อก็ไปด้วย พ่อรู้
ว่าย่าทวดไม่ค่อยมีเงินและรู้สึกละอายใจตอนที่นั่งรถเมล์ข้างย่าทวด
๓๑
กลับจาก ราชดําริอาเขต พ่อเลยนั่งนํ้าตาไหล ย่าทวดถามว่าเป็น
อะไร พ่อตอบว่า “สงสารยาย (ย่าทวด)”
ความรักของพ่อต่อย่าทวดนั้นสุดจะบรรยาย เมื่อย่าทวดป่วย
ย่าทวดไม่บอกพ่อเลย บางคืนพ่อได้ยินเสียงย่าทวดครางเบา ๆ เพราะ
ปวดท้อง แต่ย่าทวดก็ทนไว้และพ่อก็มิได้สนใจอะไร จนวันหนึ่งย่า
ทวดบอกว่าหากจะเป็นอะไรไปก็ขอให้อาโอ๊กหาข้าวกินเองได้ก่อน
เมื่อย่าทวดจากไป พ่อจึงโศกเศร้าอย่างที่สุด ในตอนนั้นลูกจ๋าและลูก
จ้ายังไม่เกิดเลย
ส่วนย่าแจ๋วนั้นเมื่อพ่อเป็นเด็ก ย่าแจ๋วเป็นสาววัยรุ่นแล้ว พ่อเห็น
ว่าย่าแจ๋วนั้นน่ารักเหมือนกนกวรรณ ด่านอุดม ดาราโทรทัศน์แสน
สวยในขณะนั้น ย่าแจ๋วทันสมัยมาก ย่าแจ๋วขยัน ร่าเริง และเล่นกับ
เด็ก ๆ ได้อย่างไม่ถือตัว ถึงพ่อจะเล่นแกล้งย่าแจ๋ว เช่นเอาของไปซ่อน
บ้าง แต่ย่าแจ๋วก็ไม่เคยดุพ่อเลย ทรงผมของย่าแจ๋วจะเปลี่ยนไปตาม
ยุคสมัย โดยเฉพาะเมื่อย่าแจ๋วไว้ผมทรง “รากไทร” จะเท่ห์เก๋มาก ย่า
แจ๋วมีฟันที่สวยสะอาด พ่อชอบดูเวลาย่าแจ๋วยิ้มหรือหัวเราะ โลกจะดู
สว่างไสวทันที ตอนย่าแจ๋วจากไปทํางานเป็นครูที่สีคิ้ว พ่อคิดถึงย่า
แจ๋วมาก ทั้งทั้งที่พ่อสามารถพูดคุยเล่นหัวหรือปรึกษากับย่าแจ๋วได้ทุก
เรื่อง แต่พ่อก็เคารพย่าแจ๋วมาก เพราะย่าแจ๋วเคยอยู่
ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อมาจนพ่อโต ย่าแจ๋วซื้อข้าว
ของเสื้อผ้ามาฝากลูก ๆ ตั้งหลายอย่าง จําได้ไหมลูก
๓๒
ปู่กับย่าปู่กับย่า
ปู่เป็นคนที่เก่งที่สุดในสาย ตาของพ่อ แรกทีเดียวนั้นพ่อคิดว่าปู่
นั้นเป็นหมอ หากพ่อป่วยหรือบาดเจ็บเป็นแผล พ่อจะเชื่อมั่นในปู่
มากกว่าใคร ๆ ถ้าปู่ทําแผลให้ แล้วบอกพ่อว่าจะหาย เมื่อปู่เป่า
เพี้ยง! ลงไปที่แผล พ่อก็จะเชื่ออย่างสนิทใจว่ามัน จะไม่เป็นอะไรและ
จะต้องหายอย่างแน่นอน ต่อมาพ่อก็คิดว่าปู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ปู่มี
อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ มากมาย ปู่มีปืนหัวแร้งบัดกรีสีเลือดหมูที่ดู
เท่ห์มาก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จะอยู่ในลิ้นชัก “ตู้แม่” ตู้แม่คือ
ตู้ที่อยู่ในห้องนอนของปู่ เป็นตู้กระจก 3 ชั้น ด้านล่างเป็นตู้ทึบ ในตู้แม่
มีแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ เช่น ต้นคริสตมาสสีเงินมีผลเล็ก ๆ สีแดงแวว
วาว พ่อจะเอามาตกแต่งที่หน้าโทรทัศน์เมื่อถึงวันคริสตมาส เสมอ ๆ
ยังมีเครื่องฉายภาพสไลด์ที่ใช้ถ่านไฟฟ้ า กล่องภาพสไลด์รูปครอบครัว
เมื่อเอาแผ่นภาพสไลด์มาเสียบลงในช่องเครื่องฉายสไลด์ด้านบน ก็
จะปรากฏเป็นรูปภาพขยายมีสีสันแจ่มชัด ไม่มีบ้านใดในละแวกนั้นมี
ของแปลกประหลาดวิเศษเช่นนี้เลย นอกนั้นยังมีกล่องของชําร่วยอัน
เล็กอันน้อย กล่องเม็ดลูกปัด ที่เขี่ยบุหรี่กระเบื้องเคลือบเป็นรูปมือ
ผู้หญิงสีชมพูถือกระเป๋ าเป็นรูปเปลือกหอย ขันเงิน กระป๋ องยาสูบฝั่งสี
ขาวมีตราเป็นวงรี ๆ สีเทา และชุดถ้วยนํ้าชาลายดอกไม้สีชมพูเล็ก ๆ
ส่วน “ตู้พ่อ” คือตู้เสื้อผ้าของปู่ เป็นตู้ไม้มีประตูกระจกปิดเปิด 2 บาน
ด้านล่างเป็นช่องโล่งสําหรับวางหนังสือตําราช่างภาษาอังกฤษของปู่
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อ

More Related Content

More from Washirasak Poosit

เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าเรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าWashirasak Poosit
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงWashirasak Poosit
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnWashirasak Poosit
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional SecuritytWashirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1Washirasak Poosit
 
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)Washirasak Poosit
 
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)Washirasak Poosit
 
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)Washirasak Poosit
 
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์Washirasak Poosit
 
เรียนรู้นอกห้องอนุบาล
เรียนรู้นอกห้องอนุบาลเรียนรู้นอกห้องอนุบาล
เรียนรู้นอกห้องอนุบาลWashirasak Poosit
 
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗Washirasak Poosit
 
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30M
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30Mบรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30M
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30MWashirasak Poosit
 
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลัง
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลังการกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลัง
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลังWashirasak Poosit
 

More from Washirasak Poosit (20)

เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่าเรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึง
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavn
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
 
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)
อบรมข้าราชการ ๘ (เรียนอังกฤษจากโคลงโลกนิติ)
 
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (1)
 
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)
เสริมปัญญาอนุบาลจ๋าจ้า (2)
 
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
ปฐมนิเทศอนุบาล ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลลูกรัก โดย น.อ.วชิรศักดิ์ พูสิทธิ์
 
เรียนรู้นอกห้องอนุบาล
เรียนรู้นอกห้องอนุบาลเรียนรู้นอกห้องอนุบาล
เรียนรู้นอกห้องอนุบาล
 
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗
กิจกรรมการเรียนรู้เด็ก ศูนย์การเรียนรู้กองบิน ๗
 
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30M
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30Mบรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30M
บรรยายเปรียบเทียบสมรรถนะ Gripen,F-16 CD,SU-30M
 
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลัง
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลังการกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลัง
การกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนากำลัง
 

เรื่องเล่าของพ่อ

  • 1. TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss “เรื่องเล่าของพ่อ ” นี้ เป็นเรื่องที่ พ่อเล่าให้ลูก ๆ ฟังก่อนเข้านอน บางเรื่องก็จับใจทาให้ลูกจ๋านอนร้องไห้ทุกครั้ง เช่นเรื่อง “ลูกแมวหลง” และ บางเรื่องก็ทาให้ลูกรู้จักคุณค่าของการรอคอยเพื่อที่จะได้สิ่งของแต่ละชิ้นมา ลูกจะได้รู้จักปู่ทวดชั้น ย่าทวดอุทัย ปู่อานวย ย่าจิตอารีย์ ย่าแจ๋ว และญาติ พี่น้องของพ่ออย่างใกล้ชิด รวมทั้งเรื่องราวต่าง ๆ สมัยที่พ่อยังเป็นเด็ก เรื่อง “บ้านของพ่อ” นั้น พ่อเขียนไว้ครั้งแรกเมื่อปี 2526 ในชื่อเรื่อง “เท่าที่จาได้” และได้นามารวมไว้ใน “เรื่องเล่าของพ่อ” ด้วย เพราะบางส่วน นั้นก็เป็นเรื่องที่พ่อเล่าให้ลูกฟังก่อนนอนนั่นเอง นี่คือบางส่วนของนิทานก่อนนอนสาหรับลูก พ่อจะเล่าให้ฟัง....
  • 2. ๒ บ้านของพ่อบ้านของพ่อ ครอบครัวของพ่อเป็นครอบครัวใหญ่มีผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านถึง ๙ คน คือ ปู่ทวด (ชั้น), ย่าทวด (อุทัย), ปู่ (อํานวย), ย่า (จิตอารีย์), ป้ าไก่, พ่อ, อาจี๊ด, อาโอ๊ก และย่าแจ๋ว บ้านของพ่ออยู่นอกประตูเมือง โคราช ที่เรียกว่าประตูไชยณรงค์ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่าประตูผี ถนน หินคลุกตัดจากห้าแยกประตูผีผ่านหน้าบ้านของพ่อแล้วเลยข้ามทาง รถไฟไปถึงหัวทะเล หน้าบ้านเป็นรั้วสังกะสี มีประตูใหญ่ตีสังกะสี เพียงครึ่งล่าง ด้านบนเป็นไม้ระแนงโปร่ง หน้าบ้านเป็นท้องร่องมีนํ้า ขี้สีก (นํ้าสกปรก) สีดําไหลผ่าน เหนือท้องร่องนี้มีสะพานไม้กว้าง ขนาดรถยนต์ข้ามได้ทอดจากบ้านไปสู่ตัวถนน พ่อสามารถส่อน (ช้อน ตัก) ลูกนํ้ามาเลี้ยงปลาทองได้จากท้องร่องนี้หลังฝนตก เด็ก ๆ ยัง สามารถเล่นแข่งเรือที่ทําจากเศษใบไม้แห้งหรือต้นหญ้าได้อย่าง สนุกสนาน ข้ามถนนไปเป็นแอ่งนํ้าเล็ก ๆ ที่มีกบเขียดและอึ่งอ่างส่ง เสียงร้องดังออดแอดหลังฝนตก ยังมีต้นจอกแหนที่ส่อนเอามาเลี้ยง เป็ดที่เลี้ยงไว้ตรงใต้ถุนหลังบ้านได้เหลือเฟือ เลยออกไปจนจรดทาง รถไฟเป็นทุ่งกว้างที่ใช้วิ่งว่าวในฤดูร้อน หนังกลางแปลงจะแวะเวียน มาฉายให้ดูที่ลานทุ่งนี้ ด้านทิศตะวันตกของบ้านติดบ้านเจ๊กเต็งเป็นรั้วไม้ไผ่รวก มี ต้นมะขามเทศใหญ่อยู่ตรงหัวมุม ใต้ต้นมะขามเทศมีครกไม้ใบใหญ่
  • 3. ๓ ซึ่งพ่อเห็นตั้งอยู่มานมนานแต่ไม่ได้ใช้อะไร มีใบมะขามเทศกองสุมผุ พังอยู่ที่ก้นครก ใกล้ ๆ กันมีม้ายาวกระดานแผ่นใหญ่ของปู่ทวดเอาไว้ ใช้ทํางานไม้ ทุกเช้า ปู่ทวดจะกวาดลานดินหน้าบ้านเสมอ และต่อมา ปู่ได้ลาดลานดินหน้าบ้านและใต้ถุนบ้านเป็นพื้นปูนทั้งหมด บ้านของพ่อเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง เมื่อมองเข้าหาตัวบ้าน หัว บันไดบ้านทางขวามีตุ่มโคราชผ่าครึ่งปลูกต้นชบาดอกสีแดงเข้มจน กลายเป็นสีเลือดหมู ทางซ้ายมีแท๊งค์นํ้าฝนซึ่งถูกใช้เป็น “กระดานดํา” สําหรับเด็ก ๆ เอาถ่านมาเขียนเล่นเสมอ ๆ ลังถ่านนั้นอยู่ใต้ห้องนอน ของปู่กับย่าทางซ้ายมือของบ้านพอดี หน้าแท๊งค์ใบนี้มีเก้าอี้๒ ที่นั่งมี พนักพิงเก่าๆ ตั้งไว้ตัวหนึ่ง ดูลักษณะแล้วพ่อเดาว่ามันคงถูกถอดมา จากรถเมล์โดยสารที่เลิกใช้แล้วเป็นแน่ เดิมทีเดียวบนบ้านนั้นยังมิได้ต่อให้กว้างใหญ่ มีเพียงห้องนอน ปู่ย่า ห้องย่าทวดและห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งของย่าแจ๋วเท่านั้น เมื่อ ขึ้นสุดบันไดบ้านขั้นสุดท้ายแล้ว ถือเป็นพัก ๑ พักนี้พื้นบ้านเป็นไม้ กระดานหยาบ เพียงแต่กวาดถูเฉย ๆ ทางซ้ายจะเป็นห้องนอนของปู่ และย่า ทางขวาเป็นพัก ๒ เราต้องก้าวขึ้นไปหนึ่งขั้น พัก ๒ นี้พื้นเป็น ไม้กระดานแผ่นใหญ่สีดํากลํ่าลงเทียนกะลามะพร้าวขัดมันวับ เด็ก ๆ ทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันขัดโดยจัดเป็นเวรประจํา ฝาบ้านตรงนี้ตีเพียง ครึ่งล่าง ครึ่งบนตีเป็นไม้ระแนงโปร่ง สามารถมองออกไปหน้าบ้านได้ ชัดเจน ด้านนอกมีผ้านํ้ามันสีเทาทําเป็นม่านใช้มือม้วนขึ้นลงกันฝน
  • 4. ๔ สาดเวลาฝนตกได้ จากเดิ่น (ลาน) นี้เลยต่อไปทางตะวันออกเป็นพัก ที่ ๓ พักนี้มีโต๊ะเก้าอี้รับแขกไม้วางอยู่ชุดหนึ่ง มีโทรทัศน์ขาวดําตั้งบน โต๊ะบังหน้าต่างทางด้านตะวันออกไว้ เหนือหน้าต่างมีนาฬิกาลูกตุ้ม แบบโบราณแขวนไว้ ๑ เรือน เหนือขึ้นไปอีกเป็นรูปของในหลวงราชินี ด้านซ้ายของนาฬิกามีชั้นวางวิทยุใช้หลอดเครื่องใหญ่คลุมด้วยผ้า คลุมสีฟ้ ามีลายดอกสีขาว ห้องรับแขกนี้พื้นปูด้วยเสื่อนํ้ามันสีฟ้ าลาย ดอกไม้ทรงเรขาคณิตสีแดงและสีนํ้าเงิน มีจุดสีดํากลม ๆ เล็ก ๆ ล้อมรอบเป็นกรอบตารางสี่เหลี่ยม ติดห้องรับแขกนี้ถัดไปทางข้างเป็น ห้องนอนเล็ก ๆ ของย่าแจ๋วอยู่ในระดับเดียวกันกับพัก ๓ นี้หน้าห้อง ย่าแจ๋วมีลานอีกลานหนึ่ง พื้นปูด้วยไม้กระดานขัดมันเช่นกัน แต่แผ่น กระดานขนาดย่อมกว่าและขัดยากกว่าพื้นพักล่าง พักนี้เป็นทางเข้า ห้องนอนของพ่อกับป้ าไก่และย่าทวด ผนังตรงข้ามห้องย่าแจ๋วมี กระจกกรอบไม้บานใหญ่ ตํ่าลงมาเป็นแผ่นไม้กระดานแคบ ๆ ตอก พาดไว้สําหรับวางกระป๋ องแป้ งฮอลลีวู๊ด หวี กิ๊บดํา ตลับแป้ งพลาสติก สีดําแตก ๆ ไม่มีฝาใส่แป้ งโกลินไว้ มีที่ทาแป้ งนุ่ม ๆ สีเนื้อเก่าครํ่าคร่า วางปิดอยู่ รวมทั้งขวดนํ้ามันใส่ผมของปู่ทวด บางคราวก็มีตู้ปลาตู้ ใหญ่มาวางประดับไว้หน้าห้องนอนของพ่อ เดิมทีพอตกกลางคืนปู่ ทวดจะขนที่นอนจากห้องย่าทวดมาปูนอนตรงพัก ๓ นี้คนเดียว ต่อมา เมื่อขยายบ้านแล้วปู่ทวดและหลาน ๆ จึงลงมานอนที่โถงรับแขกพัก ๒ เป็นเช่นนี้ทุกวัน
  • 5. ๕ ผนังด้านหนึ่งของพัก ๓ นี้เป็นฝาห้องนอนของพ่อ ย่าทวดและ ป้ าไก่นั่นเอง บนฝาด้านบนมีรูปในหลวงราชินีนั่งคู่กัน มีรูปของปู่ทวด สมัยหนุ่ม ๆ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกกับเพื่อน ๆ และมีรูปญาติ ๆ ทางปู่ทวด และย่าทวดแขวนเรียงรายไว้ ต่อมาปู่ได้ต่อห้องครัวกับห้องนํ้าออกไปทางหลังบ้าน เด็ก ๆ ทุก คนตื่นเต้นถึงกับย้ายไปนอนกันที่หน้าห้องนํ้าเลยทีเดียว จากนั้น อีก หลายปีต่อมา ปู่ก็ขยาย“ห้องย่าแจ๋ว” และ “ที่นอนปู่ทวด” ออกไปจาก โถงรับแขกอีก ทําให้บ้านพ่อกว้างขวางสบายขึ้นไปอีก สายไฟในบ้านแต่ก่อนเป็นสายผ้าสีดําลายขาว มีประกับ กระเบื้องสีขาวประกบอยู่ ข้างประตูบ้านด้านในมีหม้อแปลงไฟฟ้ าสี ดําตั้งอยู่บนหิ้งสูง เด็ก ๆ ถูกสอนให้กลัวหม้อแปลงไฟฟ้ านี้แต่ใต้หม้อ แปลงมีชั้นวางของ มีกล่องตัดเล็บเป็นหีบโล หะเก่า ๆ สีแดงวางอยู่ เดิมทั้งบ้านจะใช้หลอดแรงเทียนที่ให้แสงสว่างสีส้มหลุบหลู่ แล้วปู่ก็ เดินสายไฟฟ้ าใหม่เป็นสายสีขาวแล้วติดหลอดนีออนหลอดแรกตรง เหนือพักหนึ่งก่อนขึ้นโถงรับแขกนี่เอง เด็ก ๆ จะมานั่งใต้แสงนีออนสี ขาวนี้อย่างตื่นเต้น
  • 6. ๖ บริเวณบ้านบริเวณบ้าน บ้านพ่อมีต้นมะขามเทศใหญ่อยู่มุมหน้าบ้านทิศตะวันตก ลูกดก มากแต่ฝาดจนติดปากติดฟัน แต่ถ้าเอามาตําส้มใส่มะขามเปียกจะ อร่อยมาก ต้นหน้าหนาวอากาศกําลังดี ตอนลมหนาวพัดแรงพ่อยืน ตรงบันไดบ้านขั้นสุดท้ายบนสุด ดูดอกมะขามเทศที่เป็นพู่สีขาวแกว่ง ไปมาแล้วร่วงหว๋อย ๆ ลงพื้น รู้สึกว่ามีความสุขมาก แต่บางครั้งก็มีงู เขียวโผล่หัวน้อย ๆ ออกมาจากโพรงต้นมะขามเทศ เด็ก ๆ ก็จะเรียก กันมาเฝ้ าแอบดูมันอยู่เงียบ ๆ ในที่สุดมันก็เลื้อยออกมาปราดเดียว หายวับไปเลย ทุกคนก็จะเอะอะเป็นที่สนุกสนานกันยกใหญ่ ทิศ ตะวันออกของบ้าน ติดริมรั้วหน้าบ้านจะเป็นร้านดอกเล็บมือนาง ถ้า เราเอานํ้าแตะเล็บแล้วเด็ดกลีบสีแดงสีชมพูน้อย ๆ ของดอก เล็บมือนางเอามาแปะ ก็จะได้เล็บยาวสีแดงสวยงาม หรือจะเด็ดเอา ทั้งดอกทั้งก้านมาร้อยต่อกันเป็นพวงมาลัยหรือสร้อยข้อมือก็สวยไม่ เบา ใต้ซุ้มเล็บมือนางอันร่มครึ้มนี้มีโอ่งรองนํ้าไว้ขายหลายสิบใบ บ้าน ของพ่อขายนํ้าประปาหาบละสลึงหนึ่ง ชาวบ้านจากทางหัวทะเลจะ หาบปี๊บหรือเข็นรถเข็นที่มีปี๊บวางเรียงกันเป็นแถวมาซื้อ ถ้าเป็นรถเข็น เมื่อเติมนํ้าเต็มปี๊บหรือถังแล้ว ต้องมีผ้าคลุมกันนํ้ากระฉอกหกตอน เข็นรถกลับด้วย เด็ก ๆ ทุกคนมีหน้าที่คอยนับหาบและเก็บสตางค์ ยัง มีต้นฝรั่งลูกดกแอบอยู่หลังแท๊งค์นํ้าฝนที่อยู่ถัดเข้ามา แท๊งค์นํ้านี้เดิม มีเพียง ๒ แท๊งค์ ต่อมา ปู่ไปเอามาจากบ้านฝรั่ง (บ้านปู่ในปัจจุบัน )
  • 7. ๗ เพิ่มอีกหนึ่งแท๊งค์ ติดต้นฝรั่งมีต้นลําไยที่ย่าทวดรักเป็นหนักหนา เคย ออกลูกให้ดูบ้างแต่ก็เล็กแกรนไม่มีเนื้อ แต่ปีไหนต้นลําไยออกดอกก็ดี ใจกันยกใหญ่ บริเวณหลังแท๊งค์นํ้านี้ยังมีร้านกล้วยไม้ ถึงแม้จะดูไม่ ค่อยเป็นระเบียบ แต่ก็ออกดอกให้พวกเราชื่นชมเสมอ โดยเฉพาะต้น กล้วยไม้ช้างกระที่เมื่อออกดอกแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รวยรื่น มีอยู่ ปีหนึ่งช้างกระออกดอกช่อใหญ่ โตมาก ย่าแจ๋วเลยหยิบกล้องถ่ายรูป มาถ่ายรูปพ่อคู่กระเช้ากล้วยไม้ ใต้ถุนบ้านจะมีแคร่อยู่สองตัว แคร่เล็กและแคร่ใหญ่ แคร่ใหญ่ใช้ ไม้ไผ่อย่างดี ซี่เล็ก เมื่อนอนเอนหลังแล้วหยุ่นสบาย ส่วนแคร่เล็กทํา หยาบกว่า เวลานอนแล้วแข็งกระด้าง ในหน้าร้อนเด็ก ๆ จะเล่นลิงจับ หลักบ้าง ผูกแปลญวนบ้าง หรือนอนเล่นบนแคร่ใต้ถุนบ้านบ้าง เย็น สบายดี บ้านพ่อเลี้ยงหมาหลายตัว มันมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วก็ตายจาก ไปตามกาลเวลา เท่าที่พ่อจําได้มี อีโบ้ ไอ้นวล ไอ้ตาล ไอ้บิ๊ก ไอ้ดง นางเจนเน็ท หลังบ้านปลูกต้นกล้วย ต้นแค ต้นมะยม ต้นทับทิม ต้นกระถิน ต้นพริก ต้นฝรั่งหลังบ้าน รั้วหลังบ้านทิศตะวันตกติดบ้านเจ๊กเต็งที่ เป็นรั้วไม้รวกจะมีต้นตําลึงเลื้อยเป็นม่าน ลูกตําลึงสีแดงแสนสวยแต่ กินไม่อร่อย เมื่อกล้วยออกลูก ย่าทวดจะทําข้าวต้มมัด ซึ่งจะระดม กําลังครอบครัวเป็นการใหญ่ ตั้งแต่ขูดมะพร้าว ตัดใบตอง ห่อข้าว เหนียวกับกล้วยด้วยใบตอง มัดตอก แล้วต้มในปี๊บสังกะสีตรงลานขุน
  • 8. ๘ หมาหลังบ้าน ข้าวต้มมัดไม่ค่อยอร่อยเพราะย่าทวดทําไม่หวาน แถม กล้วยก็ยังมีเม็ดด้วย ทุกปี ย่าทวดจะพาเด็ก ๆ เก็บฝักมะขามเทศบ้าง ลูกฝรั่งบ้าง ใส่ ถุงพลาสติกที่ใช้แล้วนํามาล้างให้สะอาด แล้วใส่ตะกร้าเดินขายไป เรื่อย ๆ จนถึงตลาดประตูผีอยู่เสมอ ๆ ด้านตะวันออกสุดของตัวบ้านติดบ้านเจ๊กข้าวหมูแดง รั้วตีด้วย ปี๊บสังกะสีปะติดปะต่อกัน ริมรั้วนี้เป็นแปลงปลูกดอกไม้และพืชผัก สวนครัวต่าง ๆ เช่น ต้นกระเพรา ต้นแมงลัก ตะไคร้ ข่า ขมิ้น สะระแหน่ หัวมันขาว และมีต้นมะนาวปลูกไว้ในถังสีเขียวผุ ๆ ของ ทหารมีตัวหนังสือฝรั่งสีเหลือง หัวมันขาวที่ปลูกไว้นั้นมีเยอะมาก สามารถขุดมาต้มจิ้มนํ้าตาลกินกันจนเบื่อ ส่วนดอกไม้ก็มีต้นเข็มกอ ใหญ่ พุทธรักษา เยบิล่าก็เคยมี นอกนั้นเป็นพวกควํ่าตายหงายเป็น ริมนอกติดรั้วหน้าบ้านเป็นต้นราตรี ซึ่งพอคํ่าลงก็ส่งกลิ่นหอมเย็นไป ทั่ว บางคืนในหน้าร้อนตอนที่วันพระจันทร์เต็มดวง ย่าแจ๋วชอบพา เด็ก ๆ มานั่งเล่นชิงช้าไม้ตัวใหญ่ ตรงลานหน้าบ้าน บางทีก็ร้องเพลง ให้ฟังด้วย เก้าอี้ชิงช้านั้นทําด้วยไม้ระแนงทาสีรุ้งสลับกันสวยงาม แต่ ก็เก่าครํ่าคร่าแล้ว
  • 9. ๙ ห้องนอนห้องนอน พ่อกับป้ าไก่จะนอนกับย่าทวดในห้อง ก่อนนอนเด็ก ๆ จะต้อง ช่วยกันปูที่นอนและกางมุ้ง หลังฟังลิเกคณะมิตรเมืองราชจบตอนสอง ทุ่มครึ่ง ทุกคนก็จะปิดไฟนอน ก่อนนอนจะต้องสวดมนต์และกราบ หมอนตามย่าทวด แต่บางครั้งพ่อกับป้ าไก่ขี้เกียจกัน ย่าทวดก็ไม่ว่า อะไร หลังจากปิดไฟแล้ว พ่อกับป้ าไก่จะผลัดกันเล่น “เกาหลัง” “เกา แขน” “เกาขา” หรือ “เกาตูด” กันแทบทุกคืนจนกว่าจะง่วงหลับไป มี ข้อพิเศษของการเล่นนี้ที่ทําให้เกิดความสนุกติดใจก็คือ ใครจะแถม ใครเท่าไหร่ เกาผ่านเสื้อชุดนอนหรือเกาให้ถูกเนื้อ และท้ายที่สุดคือ ใครจะเป็นผู้เกาคนสุดท้าย ประตูห้องนอนของพ่อเดิมเป็นประตูไม้ ๒ บาน พับเปิดปิดเข้า หากัน ลงกลอนยาวด้านในทั้งข้างบนข้างล่าง ต่อมาเปลี่ยนเป็นประตู ไม้เนื้ออ่อนบานเดียว ใส่กลอนด้านข้าง ห้องนอนปูด้วยเสื่อนํ้ามันสี เขียว มีลายดอกไม้สีแดงและใบไม้สีเขียวทรงเรขาคณิต มีกรอบเป็น ลายจุดสีดําเช่นเดียวกับห้องรับแขก ด้านในติดประตูทางซ้ายมีราว ลวดเล็ก ๆ ไว้แขวนผ้านุ่งย่าทวดและ “ผ้าเก่า (ผ้าใช้แล้ว)” ผนังถัดไป มีตู้ตั้งอยู่ ๒ หลังหลังแรกชื่อว่า “ตู้ตา” อันเป็นตู้ที่ใหญ่ที่สุด ใช้เก็บที่ นอน ผ้านวม มุ้งและหมอนสํารองไว้ ใต้ตู้มีเครื่องเล่นเทปแบบม้วน กลมขนาดใหญ่ของปู่ยี่ห้อโตชิบา และมีลังไม้อัดบุกํามะหยี่สีเขียว ข้างในปู่ใช้เก็บเทปเสียงม้วนกลม ๆ และจานเสียง ติดกับตู้ตาคือ
  • 10. ๑๐ “ตู้แจ๋ว” เป็นตู้กระจกใช้เก็บจานชามฝรั่งที่มีค่า ขวดเกลือฝรั่ง เครื่อง แก้ว เครื่องกระเบื้องลวดลายสวยงาม กล้องถ่ายรูปและกล่องใส่รูป ของย่าแจ๋วเป็นกล่องโกดักสีดําฝาสีเหลือง ตู้ชั้นล่างมีประตูทึบปิดอยู่ ใช้เก็บเครื่องต้มไข่อย่างฝรั่ง เครื่องตีไข่มือหมุน กาฝรั่ง ที่ปิ้งขนมปัง โตชิบาที่เสียแล้ว หม้อต้มกาแฟ และเครื่องสังกะสีปิ่นโตต่าง ๆ “ตู้ยาย” เป็นโต๊ะแต่งตัวไม้สีดําแดงอย่างโบราณ สองข้างเป็นตู้ กระจกสําหรับใส่เสื้อผ้าของย่าทวด ช่วงล่างเป็นลิ้นชักเล็ก ๆ ใช้เก็บ เศษผ้า เด็ก ๆ สามารถรื้อค้นเอาไปทํางานฝีมือที่โรงเรียนได้ บนตู้ ทางซ้ายมีกล่องใส่พระ ๒ กล่องใหญ่ กล่องเข็ม กล่องโบว์ ริบบิ้นและ กล่องแป๊ ะกระดุมเข็มกลัด หลังตู้ทางขวาเป็นที่วางแจกันทองเหลือง ด้ายสายสิญจ์และกล่องใส่ไม้ยาฝน ยาฝนก็คือเปลือกไม้หรือรากไม้ ต่าง ๆ ที่เอามาฝนกับถ้วยฝนยาโดยใช้นํ้าหล่อเล็กน้อย แต่ก่อนใคร เจ็บไข้ได้ป่วยยังได้กินยาฝน ที่ทั้งฝาดทั้งเฝื่อนนี้ เหนือขึ้นไปเป็นหิ้ง พระที่ย่าทวดสวดมนต์บูชาทุกคืน ตรงกลางระหว่างตู้ ครึ่งบนเป็น กระจกบานใหญ่ ครึ่งล่างเป็นประตูไม้ทําเป็นลายลูกฟูกมีประตูเปิด ปิดออกสองข้าง ที่ประตูมีปุ่มจับเป็นกระเบื้องเคลือบลายเม็ดมะเฟือง สีขาวขลิบทอง โต๊ะแต่งหน้าของย่าทวดนี้มีแป้ งเม็ดหอม ๆ ซองแป้ ง โกลินสีดํามีรูปภาพผู้หญิงแสนสวย กิ๊บดํา หวีและหวีสางวางอยู่ เมื่อ เดินเข้าห้องนอน ตู้ตาและตู้แจ๋วจะอยู่ซ้ายมือ ส่วนตู้ยายตั้งอยู่ ตรงหน้าพอดี ระหว่างตู้แจ๋วกับตู้ยายเป็นหน้าต่างมองออกไปหลัง
  • 11. ๑๑ บ้านได้ หน้าต่างบานนี้จะต้องปิดลงกลอนเสมอในตอนกลางคืน เพราะว่าไม่มีลูกกรง ติดหน้าต่างมีจักรเย็บผ้าซิงเกอร์ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง ด้านขวามือของห้องนอนมีที่นอนเก็บซ้อนไว้ในตอนกลางวัน ตอนกลางคืนจึงรื้อเอาลงมาปู หัวนอนนั้นหันไปทางเหนือ มีกําปั่นไม้ เป็นกล่องล็อกกุญแจติดกับพื้นเรือนตั้งอยู่ติดกับตู้ยาย พ่อไม่รู้ว่ามี อะไรอยู่ในนั้น ข้าง ๆ กันมีท่อนเหล็กกลม ๆ กลวงตรงกลาง ซึ่ง ย่าทวดเอาไว้ทับท้องวางอยู่ ตรงปลายเท้ามีชั้นวางเสื้อผ้าเด็ก ๆ ซึ่ง ปู่ทวดต่อให้ในภายหลัง ฝาห้องนอนเป็นไม้ฝากระดานตีซ้อน ๆ กัน ตรงไหนที่เป็นตาไม้ เด็ก ๆ ชอบเจาะเล่นจนเป็นรู เพราะเป็นขี้ไม้ผสม ปูนอัดไว้เท่านั้น เวลาเอาดินสอเขี่ยจะแตกร่วงผล็อย ๆ เป็นที่ สนุกสนาน ส่วนหน้าต่างนั้นปู่ทวดใช้เหล็กเส้นตัดเป็นซี่ ๆ เข้ากรอบ ข้างบนและข้างล่างทําเป็นลูกกรง โดยมีไม้เจาะเป็นรู ๆ กํากับซี่ ลูกกรงไว้ตรงกลางหน้าต่าง กลางคืนพอปิดไฟนอนจะมีเสียง แกก แกก แกก จากฝาไม้ ย่าทวดบอกว่าเป็นเสียงแมงป่อง แล้วห้ามเด็ก ๆ คุยกัน
  • 12. ๑๒ ตัวบ้านตัวบ้าน เมื่อขึ้นสุดบันไดบ้านแล้ว ตรงหน้าจะเป็นโถงยาวตรงไปจนสุด ลงที่ครัวหลังบ้าน มีฉากไม้อัดเล็ก ๆ กั้นบังตาโต๊ะกินข้าวไว้ ฉากนี้ ประดับด้วยโปสเตอร์ ก ไก่ ข ไข่ และ เอ บี ซี ติดไว้จนขาดกะรุ่งกะริ่ง ลานเล็ก ๆ หน้าฉากนี้เคยใช้เป็นที่วางเปลนอนเหล็กสีฟ้ าของอาโอ๊ก พ่อเคยช่วยย่าแกว่งเปลอาโอ๊กแล้วก็ร้องเพลงกล่อมเด็กเสียงแจ้ว ๆ ว่า “แมวหง่าวเอย มากัดโอ๊กที ไม่ยอมนอนเอย…” หลังฉากนี้เป็นโต๊ะกินข้าว โต๊ะกินข้าวเป็นโต๊ะกลมมีลายสก็อต เป็นตารางจิ๋ว ๆ สีแดงอมชมพู พ่อชอบมานั่งกินข้าวกับย่าทวด โต๊ะนี้ พับได้และใช้มาจนโยกโย้เก่าเต็มประดา จากโต๊ะกินข้าวเลยไปอีก เล็กน้อยเป็นโต๊ะชงนม โต๊ะชงนมเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีสีเขียวลายหินอ่อน สีขาว มีอุปกรณ์ชงเครื่องดื่มต่าง ๆ ครบทุกประเภท ย่าจะจัดเตรียมไว้ ไม่ให้มีอะไรขาดเหลือเลย เด็ก ๆ รู้ว่าจะมีกระป๋ องนมข้นหวานที่ สามารถหยิบเทไปจิ้มกินได้โดยไม่ต้องขออนุญาต บางครั้งมีนม ผงเนสท์ตุ้มและขนมปังกรอบวางไว้ด้วย น่าแปลกที่ผนังข้างโต๊ะชงนม กับโต๊ะกินข้าวนี้จะมีหน้าต่างที่ปิดอยู่เสมอทั้ง ๒ บาน พ่อจึงคิดว่า ส่วนนี้ของบ้านอาจต่อขึ้นทีหลังก็เป็นได้ ต่อมาปู่เอาตู้เย็นสีฟ้ าหลัง ใหญ่มาจาก “บ้านฝรั่ง” ตั้งไว้ระหว่างโต๊ะชงนมกับโต๊ะกินข้าว เด็ก ๆ
  • 13. ๑๓ ดีใจมาก ย่าพาเด็ก ๆ ทําไอศกรีมกะทิในถาดทํานํ้าแข็ง ถึงมันจะไม่ อร่อยแต่ก็สนุกดี ท้ายที่สุดย่าก็พาเด็ก ๆ ถ่ายรูปคู่ตู้เย็นกันเสียเลย ติดโต๊ะชงนมมีฉากไม้อัดอีกฉากหนึ่ง กั้นแยกห้องครัวออกไป เป็นอีกส่วนหนึ่ง จากห้องครัวนี้มีบันไดแบบเป็นไม้ขั้น ๆ ไม่มีราวจับ ลงไปยังลานขุนหมาหลังบ้าน ประตูหลังบ้านเป็นไม้ตีทึบ มีกลอน เหล็กอันใหญ่ หนักพอสมควรสําหรับเด็ก ๆ กลางคืนถ้าถูกใช้ให้ไปปิด ประตูหลังบ้านก่อนเข้านอน ส่วนมากจะเกี่ยงกันเพราะกลัวผี รู้สึกว่า ประตูหลังบ้านช่างอยู่ไกลเหลือเกิน หลับหูหลับตาดึงประตูปิด รีบลง กลอนเหล็กอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งตื๋อกลับมาหน้าบ้าน! ครัวบ้านเก่ายังใช้เป็นครัวไฟ มีเตาอั้งโล่ใหญ่ ๑ ใบ เล็ก ๑ ใบ เด็ก ๆ ต้องหัดก่อไฟให้เป็น ใช้ขี้ใต้เป็น แต่นาน ๆ จึงจะถูกเรียกให้ไป ก่อไฟสักครั้ง รวมไปถึงช่วยผู้ใหญ่นั่งสับฟืนด้วยในบ้างครั้ง ในช่วงก่อ ไฟนี้จะมีควันโขมงทีเดียว ข้างเตามีอ่างดินเผาไว้รินนํ้าข้าววางอยู่ ต่อมาอีกนานถึงมีเตาแก็สมาตั้งอยู่ข้างกัน บริเวณโถงครัว ฝั่งตรงข้าม เตาถ่านเป็นห้องอาบนํ้าและห้องส้วมแยกกัน ฝั่งท้ายบ้านสุดเป็นตู้ กับข้าว ฝาผนังมีที่แขวนซึง หม้อชามรามไหและโอ่งข้าวสาร ลาน ห้องครัวนี้ดูกว้างใหญ่สําหรับเด็ก ในวันเสาร์อาทิตย์ บางทีย่าทวด หรือย่าก็จะพาทําอาหารหรือขนมเล่นกัน เช่น ทําขนมครก ไอศกรีม มะเขือเทศกวน แยมมะม่วง กล้วยบวชชี มันบวช มันขาวต้ม ข้าวต้ม มัด ไปจนถึงทําตําส้มมะขามเทศ เวลาทําขนมครกนั้นบางทีก็ใช้ไข่
  • 14. ๑๔ หรือนํ้ากะทิละลายแป้ งหยอด ใช้เตาขนมครกดินเผาเล็ก ๆ ของเด็กเล่นแต่ใช้ถ่านไฟจริง ๆ ทําให้เมื่อแคะขนมครกออกมาแล้ว เป็นอันเล็กจิ๋วน่าเอ็นดู ย่าทวดนั้นเป็นแม่ครัวใหญ่ ย่าทวดจะตื่นแต่เช้ามืด หุงข้าว ทอด ปลาทูใส่บาตรพระ แล้วเดินถือตะกร้าไปจ่ายตลาดซื้อหาเนื้อหมู กับข้าว ผักปลา ที่ตลาดหลักเมือง พร้อมกันนั้นก็เอากระดาษ หนังสือพิมพ์ห่อข้าวไปให้หมาพเนจรกลางทางด้วย พ่อเคยขอเดินไป ตลาดกับย่าทวด ทําให้พ่อสงสารและเวทนาสัตว์ที่ไม่มีคนเลี้ยง เหล่านั้นเสียจริง ๆ มันจะมายืนรอชะเง้อคอยย่าทวดทุกวัน ย่าทวดมี เพื่อนมากมาย ทักทายกันทั้งภาษาไทยปนภาษาจีนโดยเฉพาะที่ร้าน ขายปลากรอบแถวหลักเมืองจะอยู่คุยกันนานทีเดียว ยังมีซอกเก็บของที่มืดตื๋ออยู่ตรงข้ามกับโต๊ะชงนม ติดกับ ห้องนอนของปู่กับย่า ซอกนี้มีตู้ยาเก่า ๆ อันเดียวกับที่พ่อยังเก็บไว้ให้ ลูกดูที่บ้านเรานั่นเอง แล้วก็มีตะกร้าใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว ไม้กวาดและข้าว ของจิปาถะเก็บไว้ในนั้น ห้องนี้ก็ใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาได้ดี คือแอบข้าง ตะกร้าผ้าแล้วเอาเสื้อผ้าในตะกร้ามาคลุมไว้ ติดซอกนี้ต่อไปทางหลัง บ้านเป็นลานล้างชาม พื้นล้างชามนี้เป็นไม้กระดานตีให้มีร่องห่าง ๆ พอให้นํ้าไหลลงใต้ถุนได้ มีโอ่งนํ้าฝนที่ทุกคนสามารถเปิดฝาแล้วเอา ขันอลูมิเนียมลายไทยตักดื่มนํ้าฝนหวาน ๆ เย็น ๆ ได้เสมอ ยังมีตุ่มนํ้า สําหรับล้างชามและใช้งานอเนกประสงค์อีก ๒ ใบ พ่อกับป้ าไก่จะ
  • 15. ๑๕ เกี่ยงกันล้างชามเสมอ แต่ท้ายที่สุด จานชามก็จะสะอาดเอี่ยมอ่อง เพราะย่าถือไม้ขัดหม้อข้าวไว้รอนั่นเอง ลานล้างชามตรงนี้เป็นลาน เปิด ไม่มีหลังคาคลุม ทําให้จากจุดนี้พ่อสามารถปีนหลังคาไปนอนดู ดาวในตอนกลางคืนได้ พ่อได้เอาแผ่นไม้บาง ๆ ไปปูไว้โดยไม่มีใครรู้ และเวลาเดินบนหลังคาต้องสังเกตแนวตะปู มิฉะนั้นจะเกิดเสียงดัง และหลังคาสังกะสีอาจยุบได้ ใต้ถุนลานล้างชามนี้จะชื้นแฉะ และมี ต้นมะม่วงเล็ก ๆ ผุดออกมาจากเม็ดที่ทิ้งลงไปเสมอ ๆ แต่เมื่อย้ายไป ปลูกจริง ๆ ก็จะไม่เคยรอดจนโตเลยสักทีเดียว ลูกรัก นี่คือบ้านที่พ่ออยู่กับปู่กับย่าตอนเด็ก ๆ มันไม่ใช่บ้านที่ ใหม่เอี่ยม ประณีตสวยงาม แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของการอยู่ ร่วมกัน ทั้งร้อน ทั้งฝนและทั้งหนาว
  • 16. ๑๖ TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess เเ รื่รื่ ออ งง เเ ล่ล่ าา ขข ออ งง พ่พ่ ออ _______________________________________________________________________________________________ ผ้ากอดผ้ากอด ตอนเด็ก พ่อจะติด “ผ้ากอด” มาก ผ้ากอดเป็นผ้าขนหนูผืนเก่า กุด ๆ ขาด ๆ มีสีนํ้าตาลอ่อนเหมือนสีโอวัลติน พ่อจะใช้กอดนอนหรือ กอดเอาไว้แนบอกเวลานอนกินโอวัลตินจากขวดนม พ่อรู้สึกว่าเมื่อ กอดผ้ากอดแล้วรู้สึกอบอุ่น แต่เนื้อผ้ากอดนั้นช่างแสนเย็นสบาย วาง ไว้แอบข้างแก้มตอนนอนก็เย็นสบาย อยู่มาวันหนึ่ง ย่าทวดบอกว่าผ้า นั้นขาดไปหมดแล้ว พ่อร้องไห้เสียดายเป็นอย่างมากเพราะเป็นของที่ รักที่สุด แต่ในที่สุด พ่อก็เลิกติดผ้ากอดและเลิกกินโอวัลตินจากขวด นมนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พ่อจําได้แม่นว่าจุกขวดนมของพ่อนั้นรู ใหญ่เบื้อเร่อ ขาด ๆ แหว่ง ๆ แถมมีราสีดํา ๆ ด้วย
  • 17. ๑๗ ลูกแมวหลงลูกแมวหลง บ่ายวันหยุดอันเงียบเหงาวันหนึ่ง พ่อเดินออกไปซื้อขนมที่ร้านเจ๊ เล็กแถว ๆ ข้างบ้าน เพียงคนเดียว พ่อเจอลูกแมวหลงตัวหนึ่ง ตัวมัน เล็กนิดเดียวและผอมเห็นแต่หนังหุ้มกระดูก มันมีขนสีดํา กระเซอะกระเซิง หน้าตาก็สกปรกมีขี้ตาเปรอะไปหมด นั่งร้องไห้ เหงียวเหงียวอยู่ตัวเดียวที่กอหญ้าหน้าร้านเจ๊กเป็ดติดกับร้านเจ๊เล็ก พ่อสงสารลูกแมวจับใจเลยอุ้มมันกลับบ้าน ตัวมันเล็กบอบบางมาก พ่อเอาผ้าขี้ริ้วมาวางในตะกร้าสีนํ้าเงินของย่าทวดทําเป็นที่นอนให้มัน แล้วเอานมใส่จานสังกะสีให้มันกิน มันกินจนพุงกางแล้วนอนหลับไป ย่าทวดมาเห็นบอกให้เอาแมวน้อยกลับไปไว้ที่เดิมที่เอามา พ่อไม่ยอม เพราะสงสารมัน วันรุ่งขึ้นพ่อไปโรงเรียน พ่อเฝ้ าคิดถึงมันตลอดทั้งวัน และรอเวลาโรงเรียนเลิกเพื่อที่จะได้กลับไปเจอลูกแมวน้อยน่าสงสาร ตัวนั้น พอกลับถึงบ้านพ่อรีบวิ่งไปหาแมวทันที แต่ย่าทวดบอกว่าเอา มันไปปล่อยทิ้งแล้ว พ่อเหมือนหัวใจสลายและร้องไห้นํ้าตาไหล เผาะ ๆ จนในที่สุดย่าทวดต้องออกไปตามหาลูกแมวขี้เหร่ตัวน้อยนั้น เอากลับมาคืนพ่อเหมือนเดิม พ่อดีใจที่ได้เห็นมันอีก วันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อ กลับจากโรงเรียน พ่อก็รีบวิ่งไปหาลูกแมวน้อยด้วยความคิดถึง เหมือนเดิม แต่ย่าทวดบอกว่า ลูกแมวน้อยมันตายไปเสียแล้ว พ่อหน้า สลด ทําท่าจะร้องไห้ หายใจสะอื้นฟืดฟาด ๆ แต่ก็ถามย่าทวดว่าแมว
  • 18. ๑๘ น้อยมันตายแล้วมันไปอยู่ที่ไหน ย่าทวดพาไปดูที่ฝังศพมัน มันอยู่ใต้ ต้นมะนาวที่ปลูกในถังทหารสีเขียวนั่นเอง กล่องดินสอกล่องดินสอ สมัยพ่ออยู่ ป .๓ พ่ออยากได้กล่องดินสอที่ปิดฝาด้วยแม่เหล็ก มาก เพื่อนที่โรงเรียนจะเอามาอวดกัน เวลาพ่อไปซื้ออุปกรณ์วิชา เศษ วัสดุ เช่น กาว กระดาษย่น ลวดกํามะหยี่ที่ร้าน ส .ศึกษาพันธ์หรือร้าน อ.พาณิชย์ เห็นกล่องดินสอแม่เหล็กวางขายอยู่ในตู้กระจก มีทั้ง ลวดลายรูปไอ้มดแดง ลายตุ๊กตาญี่ปุ่นตาโต สวยงามมาก จะหยิบจับ แตะต้องไม่ได้เลย พ่อกลับมาบอกปู่กับย่า ปู่กับย่าสัญญาว่าจะซื้อให้ เย็นวันหนึ่ง ปู่กับย่าจะออกไปงานเลี้ยงแล้วบอกว่าจะซื้อกล่องดินสอ มาให้ พ่อเฝ้ ารอที่ประตูบ้านจนดึกมาก แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดก็ ต้องเข้านอนแล้วหลับไป พอพ่อรู้สึกตัวขึ้นในตอนเช้า ก็ดีใจว่าจะได้ กล่องดินสอใหม่ จึงรีบวิ่งไปหาปู่ แต่ปู่ก็ถือกล่องดินสอแบบติดแป๊ บ มาให้ ๒ กล่อง กล่องหนึ่งของป้ าไก่สีเลือดหมู ของพ่อสีนํ้าตาล บน กล่องมีตราปากกาไพล็อต (PILOT) สีทองประทับอยู่เพียงอย่างเดียว
  • 19. ๑๙ พ่อจึงผิดหวังและเสียใจมาก พ่อต้องรอคอยอีกนานกว่าที่จะได้กล่อง ดินสอแม่เหล็กมาใช้ สมัยก่อน ปู่ย่าต้องประหยัดอดออม ถึงบ้านของพ่อจะมี ความสุขสบายพร้อมบูรณ์ก็จริงอยู่ ปู่และย่าไม่เคยให้บ้านขาดของกิน ดี ๆ อร่อย ๆ มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแสนสวย ชุดพิเศษของเด็ก ๆ นั้น ถึงกับตัดจากร้านตัดเสื้อดัง ๆ ของโคราชสมัยนั้นเลยทีเดียว เดิมปู่มี มอเตอร์ไซค์ คันใหญ่เอาไว้ ส่งย่าไปทํางานและส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียน ต่อมาปู่ถึงมีรถยนต์แสนสบายให้เด็ก ๆ นั่ง แล้วก็โทรทัศน์สีอันน่าตื่น ตาตื่นใจ พ่อแทบกลั้นหายใจเมื่อดูหนังทีวีชุด “มนุษย์มัจฉา” สีสัน ของทีวีเหมือนกับเราอยู่ใต้นํ้าจริง ๆ แล้วก็ยังวิทยุเทปที่ปู่หามาให้ฟัง ก็ทันสมัยกว่าใครในเวลานั้น แต่ทุกอย่างนั้น เด็ก ๆ ทุกคนต้องรอคอย ด้วยความอดทน รอแล้วรอเล่าด้วยความหวัง ดังนั้น เมื่อปู่ซื้อข้าวของ ชิ้นใหม่เอี่ยมใด ๆ เข้าบ้าน เด็ก ๆ จึงตื่นเต้นดีใจและถือเอาเป็นสิ่งลํ้า ค่าอย่างที่สุด
  • 20. ๒๐ โทรทัศน์ขาวดาโทรทัศน์ขาวดา สมัยก่อนโลกของเรายังไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนี้ถึงแม้ว่าเมื่อพ่อ เกิดมาก็ได้รู้จักกับโทรทัศน์แล้ว แต่เป็นโทรทัศน์ที่มีแต่ภาพขาวดํา ไม่ มีสีสรรอะไรเลย เมื่อบิดปุ่มเปิดโทรทัศน์แล้วกว่าที่ภาพจะออกมา ต้องใช้เวลานานมาก เพราะต้องใช้ไฟฟ้ าเผาอุ่นอุปกรณ์หลอดต่าง ๆ ภายในเครื่องนั่นเอง พ่อชอบส่องดูช่องระบายความร้อนที่เป็นรูเล็ก ๆ ทางข้างหลังเครื่อง ภายในจะมีหลอดแก้วเต็มไปหมด บางหลอดก็มี ไฟสีส้มอ่อน ๆ ติดอยู่ หลังเครื่องจะมีกลิ่นเหม็นเขียวไหม้ ๆ จาก อุปกรณ์ภายในที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ บางทีพ่อออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน เห็น โทรทัศน์ร้านเจ๊เล็กขายขนมมีรายการการ์ตูนออกอากาศ ก็รีบวิ่งตื๋อ กลับมาเปิดโทรทัศน์ที่บ้าน รอแล้วรอเล่ากว่าโทรทัศน์จะติด สุดท้าย พอมีภาพบนจอปรากฏว่าการ์ตูนจบไปแล้ว พ่อแทบร้องไห้เลยทีเดียว สมัยก่อนการ์ตูนนั้นหาดูได้ไม่บ่อยนัก ทางสถานีจะเอามาคั่นรายการ เฉพาะเมื่อเวลาเหลือเท่านั้น ส่วนเครื่องเล่นวิดีโอ วีซีดี หรือดีวีดีที่เรา สามารถเปิดดูเมื่อไหร่ก็ได้ก็ยังไม่มีเหมือนเดี๋ยวนี้รายการสารคดี วิทยาศาสตร์ ชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ก็มีน้อยเต็มที การเรียนรู้ของพ่อสมัย เด็กจึงเทียบไม่ได้กับสื่อสนุกสนานที่ลูกมีเดี๋ยวนี้เลย
  • 21. ๒๑ ห้องนอนของพ่อห้องนอนของพ่อ เมื่อพ่อขึ้นชั้นมัธยมต้น ย่าแจ๋วต้องจากบ้านไปเป็นครูที่โรงเรียน โนนกุ่ม อําเภอสีคิ้ว ทําให้พ่อต้องย้ายมานอนห้องย่าแจ๋ว ป้ าไก่ยังคง นอนกับย่าทวด ห้องนอนของพ่อจะเป็นที่รวมของจินตนาการทุกอย่าง เท่าที่พ่อจะคิดได้ หมุนเวียนเปลี่ยนสลับกันไป บางครั้งพ่อก็ทําให้ ห้องนอนของพ่อกลายเป็นห้องสมุด พ่อจะเก็บเงินค่าขนมที่ปู่ให้ไปซื้อ หนังสือต่าง ๆ มาสะสม เช่น เอมิลยอดนักสืบ สี่สหายผจญภัย ปริศนาระฆังแก้ว ทอมซอเยอร์และฮัคเกิลเบอรี่ฟินส์ เจ้าชายน้อย คลาล่าบาร์ตัน เบนจามินแฟรงคลิน ปีเตอร์สไตรวีซัง โคลัมบัส หนังสือทดลองวิทยาศาสตร์และการประดิษฐ์เครื่องเล่นต่าง ๆ รวมทั้ง พ่อได้ขอหนังสือจากปู่เริงจิตร์ที่ทิ้ง ๆ แล้วมาเก็บสะสมไว้บนชั้นปลาย เตียงนอน บางทีพ่อก็ไปขอหนังสือของห้องสมุดโรงเรียนที่จําหน่ายทิ้ง แล้วมาเก็บไว้ เช่น หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คต่างประเทศ ต่อมาพ่อก็ทํา ห้องนอนให้เป็นห้องวิทยาศาสตร์ มีอุปกรณ์หลอดทดลองและ สารเคมีที่ปู่เริงจิตร์ให้มาบ้าง หาซื้อมาเองจากร้านขายยาแผนโบราณ บ้าง เช่น ดีเกลือ จุนสี จากร้านของชํา เช่น เบ้กกิ้งโซดา แนบทาลีน (ลูกเหม็น) แล้วก็ร้านเครื่องก่อสร้าง เช่น โซดาไฟ เป็นต้น แล้วพ่อก็หา ตะเกียงและประดิษฐ์อุปกรณ์การทดลองต่าง ๆ จนครบวางเรียงไว้ที่ตู้ ชั้นบน พ่อจะเรียกเพื่อน ๆ มาดูการทดลองที่น่าตื่นเต้นเสมอ เช่น เปลี่ยนนํ้าเป็นนํ้านม ผสมสารต่าง ๆ ทําก๊าซคลอรีน ก๊าซ
  • 22. ๒๒ คาร์บอนไดออกไซด์ มีกล้องจุลทรรศน์อันเล็กซื้อมาจากร้านคลังวิทยา ราคา 150 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น จากนั้นพ่อก็เปลี่ยนห้อง ให้เป็นอะควาเรียม มีตู้ปลาใบเล็กและคอยสังเกตการเจริญเติบโต ของสาหร่ายในตู้ปลา ในห้องนอนจะมีกระบะปลูกต้นไม้เต็มไปหมด ย่าถึงกับบอกว่ากลางคืนระวังจะถูกแย่งอากาศหายใจ แล้วพ่อก็ เปลี่ยนห้องนอนให้เป็นร้านขายโอวัลติน ขายให้เพื่อน ๆ ที่มาเล่นใน บ้านกินชุดละหนึ่งสลึง โดยไปชงโอวัลตินและเอาขนมปังกรอบที่โต๊ะ ชงนมมาแถมด้วย บรรยากาศในห้องนอนพ่อจัดไฟสลัว ๆ มีโต๊ะวาง แจกันดอกไม้ประดับพร้อม ทุกคนชอบมาก แต่ย่าทวดบอกว่าอย่างนี้ ขาดทุน จากนั้นก็ทําห้องนอนเป็นบ้านผีสิง ใช้ผ้าม่านที่รื้อมาจากบ้าน ฝรั่งตีตะปูแขวนที่เพดานทําเป็นทางเดินวกไปวนมา ปิดหน้าต่างให้ มืดตื๋อ ภายในใช้เสื้อผ้าและถุงมือทําตุ๊กตาผี วางรูปแม่นาคพระโขนง จุดธูปจุดเทียน อัดเทปเสียงผีพร้อมอัดเสียงนาฬิกาตีเปิดให้ฟังดูวังเวง จากนั้นให้พวกเพื่อน ๆ แถวบ้านเดินเข้าไปดูทีละคน หวาดเสียวกัน ใหญ่ ต่อมาก็ทําบ้านโลกแตก อัดเสียงสั่นสะเทือนด้วยการเป่าลมไป ยังไมค์ที่ติดกับเครื่องอัดเทป ใช้ด้ายผูกหลอดไฟที่ห้อยมาจากเพดาน ให้แกว่งไปมาดูน่าเวียนหัว และใช้การผูกเชือกกับข้าวของต่าง ๆ ไว้ ดึงจากนอกห้องให้หล่นโครมคราม พร้อมแล้วก็เกณฑ์เพื่อน ๆ ไปนั่ง ในห้อง ทุกคนก็ตื่นเต้นอัศจรรย์ใจกันใหญ่ ต่อมาก็เป็นยุคแฟชั่น พ่อ ซื้อกระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่มาวาดนางแบบแฟชั่นติดที่ฝาห้อง
  • 23. ๒๓ เปลี่ยนหลอดไฟห้องนอนเป็นสีฟ้ า ซื้อไฟกระพริบมาติดว็อบแว๊บ พอ ปู่เริงจิตร์และย่าแจ๋วแวะมาเยี่ยมและนอนที่ห้องพ่อ ปู่เริงจิตร์เลย ขอให้เลิกเสียเถอะ บอกว่ามันจะทําให้เสียสายตา พ่อก็เปลี่ยนมาทํา กางเขนไม้อันใหญ่หนักมาก โดยขอไม้เหลือ ๆ จากปู่ทวดมาเลื่อย ตอกตะปู ตกแต่งคําว่า INRI ตรงด้านบนของกางเขน แล้ววาดรูปพระ เยซูองค์เบ้อเร่อบนกระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่ถึง 2 แผ่นต่อกันแปะ ไว้ที่หัวนอน ปู่กับย่ากลัวว่าจะบ้าศาสนาคริสต์ พ่อก็เลยเปลี่ยนมา ตกแต่งเป็นห้องสายฝน เอาลูกปัดสร้อยคอใหญ่ ๆ จากห้องย่ามา แขวนเพดานเป็นสายฝน เอาร่มมาแขวนไว้ด้วย ที่ชายร่มก็แขวน ลูกปัดใหญ่ ๆ ไว้ เมื่อหมุนร่มลูกปัดก็ลอยเหวี่ยงออกอย่างสวยงาม เท่านี้ยังไม่พอ พ่อเปลี่ยนให้ห้องนอนของพ่อเป็นห้องแบบเมืองนอก มี เตาผิงใช้อิฐบล็อกทํา แล้วต่อไฟกระพริบใช้สตาร์ทเตอร์ต่อกับสายไฟ เอาหลอดไฟสีแดงไปซ่อนไว้ที่ใต้กองฟืนในเตาผิง ปู่โวยวายว่าระวังไฟ มันจะช้อตเอา บนเพดานพ่อประดิษฐ์โคมไฟแบบฝรั่งใช้ลวดดัดเอา แยกออกเป็นสี่ก้านมีเทียนอยู่ทั้งสี่มุม พอจุดเทียนแล้วก็เรียกทุกคน มาอวด ปู่ทวดบ่นอีกว่าไฟจะไหม้หลังคาบ้าน ลูกรัก ขอให้ลูกได้ใช้จินตนาการทุกอย่างที่ลูกคิดได้ จินตนาการ นั้นไม่มีขอบเขต และอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเราใช้จินตนาการ
  • 24. ๒๔ การละเล่นของเด็กการละเล่นของเด็ก การละเล่นและกิจกรรมบันเทิงของเด็กแต่ก่อนนั้นมีไม่มากเลย เด็ก ๆ จะวิ่งเล่นกันเป็นฝูง จับกลุ่มเป็นเพื่อนกันแล้วแต่ความนิยม ชมชอบของแต่ละคน ส่วนมากก็จะเล่นเกมส์กันเป็นกลุ่มบ้าง เช่น ตี่ จับ ตากะเติ่ง กระโดดยาง โยนเส้นตัวตุ๊กตุ่น โยนตัง ลูกหิน เป่ากบ ไม้ หึ่ง อีกาฟักไข่ ปิงปองบูชายัญ ลิงจับหลัก ลิงชิงบอล แอสสะพาย (เล่นซ่อนหา) และการเล่นแข่งเรือที่ท้องร่องหน้าบ้านหลังฝนตกนํ้า ไหลแรง ตัวเรืออาจเป็นก้านไม้แห้ง เศษหญ้า หรือใบไม้ แต่ละคน จะต้องคัดเลือกเรือที่มีลักษณะดีจริง ๆ เพื่อให้ไหลลื่นจนชนะการแข่ง ได้ การแข่งเรือจะสนุกมากเมื่อเรือลอดใต้สะพานหน้าบ้าน ต่างคนก็ ลุ้นว่าเรือของใครจะโผล่ออกมาก่อนกัน เมื่อเรือลอดสะพานออก มาแล้วก็จะเฮฮากันยกใหญ่ เรือบางลําก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย เวลาเชียร์เรือจะร้องว่า “เจิ้ง เจิ้ว เจิ้ง เจิ้ว เจิ้ง เจิ้ว !!!” บางครั้งก็ รวมกลุ่มกันประดิษฐ์ของเล่น เช่น ทํารถบรรทุกด้วยกล่องกระดาษ แล้วตัดรองเท้าฟองนํ้าทําเป็นล้อกลม ๆ ผูกเชือกลากเล่น หรือทําที่ เดินกะลา โดยเอากะลามะพร้าวที่ย่าทวดผ่าครึ่งและขูดเนื้อมะพร้าว ออกหมดแล้วมาเจาะรูตรงกลางฝากะลา จากนั้นไปขอเชือกปอ กระสอบจากบ้านเจ๊กเต็งมาร้อยรู้แล้วผูกไม้ขัดไว้ทั้ง 2 กะลา วัดเชือก ให้พอดี เมื่อถือเชือกให้ตึงแล้วให้อยู่ที่ระดับเอว เวลาเล่นก็ขึ้นไปยืน บนกะลา ถือเชือกรั้งกะลาไว้ให้ติดกับเท้าแล้วออกเดิน เวลาเดินกะลา
  • 25. ๒๕ จะส่งเสียง กุบ กับ กุบ กับ สนุกดี พ่อยังชอบประดิษฐ์รถวิบาก โดยใช้ หลอดด้ายบากขอบให้เป็นหยัก ๆ ใช้ยางสอดรูหลอดด้ายแล้วเอา เทียนขัดไว้ ให้ลื่นไม่ติดตัวหลอด ด้านหนึ่งขัดด้วยไม้ยาวใช้หมุนให้ ยางเป็นเกลียว เมื่อวางลงที่พื้นหลอดด้ายก็จะหมุนเดินไป ไต่เนินดิน สูง ๆ ก็ได้ พ่อยังชอบประดิษฐ์เรือเอาไว้ลอยนํ้าเล่น ตัวเรือต้องแกะ จากโฟมที่หาได้จากแถวกองขยะข้างบ้าน ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นเสียบที่ ท้ายเรือ 2 ก้านคู่กัน เอายางวงขึง แล้วใช้ไม้ไอติมสอดวงยาง หมุน ยางให้เป็นเกลียว เมื่อวางลงในนํ้าไม้ไอติมก็จะหมุนเป็นกังหันเรือ เมื่อฝีมือพ่อดีขึ้น ก็หันมาทําเรือมอเตอร์ใช้ถ่านไฟฟ้ า มอเตอร์นั้นแกะ มาจากตัวหุ่นยนต์เก่า ๆ ซึ่งปู่ซื้อให้จากร้านขายของเล่นที่กรุงเทพ ใกล้ ๆ บ้านลุงสํารวยแถวบางรัก คราวนี้ต้องใช้สายไฟปอกปลายแล้ว ใช้ยางรัดไว้กับขั้วถ่านไฟฟ้ า ใบพัดเรือใช้ไส้ปากกาหมึกแห้งเสียบเข้า กับแกนมอเตอร์ ที่ปลายก็เหลาไม้ไผ่รวกทําเป็นใบจักรเสียบไว้ เรือ มอเตอร์ที่ทํานี้ไม่ค่อยถาวร และมักจะจมจนถ่านไฟฟ้ าเสียในที่สุด จากนั้นพ่อก็ลองประดิษฐ์กังหันมอเตอร์ โดยเอาไม้ไผ่รวกมาเหลาเป็น ก้าน ๆ ใช้ยางรัดขึ้นรูปเป็นโครงหอสูง ด้านบนเอามอเตอร์ติดใบกังหัน กระดาษมัดติดไว้ให้แน่นหนา เมื่อเชื่อมมอเตอร์กับถ่านไฟฟ้ า กังหันก็ หมุนติ้ว พ่อคิดว่า อ๊ะ! อย่างนี้เราก็ทําชิงช้าสวรรค์ได้ จึงตัดกระดาษ แข็งประกอบเป็นตัวชิงช้าสวรรค์ เมื่อประกอบเข้ากับมอเตอร์ ทีแรก มันไม่ยอมหมุน เพราะเดือยแกนมอเตอร์มันหมุนฟรีไม่ติดกับตัวชิงช้า
  • 26. ๒๖ สวรรค์ พ่อจึงใช้ยางวงและสก็อตเทปรัดประกบอย่างแน่นหนา คราวนี้ ชิงช้าสวรรค์หมุนไม่หยุด และเหวี่ยงอย่างรวดเร็วและแรงจนชิงช้า กระดาษกระจุยกระจายไปจนหมด คราวนี้ก็เลยลองทําปั้นจั่นยกของ ด้วยมอเตอร์ ก็ไม่สําเร็จเพราะเราควบคุมมอเตอร์ไม่ได้ ไม่มีสวิทช์เปิด ปิด พ่อทําเครื่องฉายหนังด้วยการกระเทาะก้นหลอดไฟกลมแล้วเอา นํ้าใส่ ทําให้หลอดไฟกลายเป็นเลนซ์ขยาย จากนั้นก็ไปหาฟิล์มหนัง จากถังขยะแถว ๆ หลักเมืองซึ่งบริษัทฉายหนังกลางแปลงจะตัดฟิล์ม ที่เสีย ๆ ทิ้ง ได้ฟิล์มหนังมาแล้วก็มาทํากล่องฉาย ทําช่องใส่ฟิล์มให้ พอดี เอาเลนซ์หลอดไฟวางไว้ด้านหน้า เมื่ออุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็ใช้ กระจกสะท้อนแสงแดดให้แสงผ่านฟิล์มหนังและเลนซ์ เท่านี้ก็ได้ภาพ หนังจอใหญ่ที่สนุกสนานและน่าภาคภูมิใจ ลูกอยากเป็นนักประดิษฐ์ เหมือนพ่อมั้ยหล่ะลูก
  • 27. ๒๗ ไปโรงเรียนไปโรงเรียน เมื่อตอนพ่อเป็นเด็กเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วพ่อก็ยังจําความอะไรไม่ ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ที่พ่อจําได้แม่นก็เมื่อปู่กับย่าพาพ่อเข้าโรงเรียน อนุบาลเมืองนครราชสีมาหรืออนุบาลดอกบัวที่หนูรู้จักนั่นเอง พ่อจํา ได้ว่าตอนเช้าเมื่อปู่กับย่าพาพ่อไปส่งที่โรงเรียน พ่อจะร้องไห้ทิ้งตัวไม่ อยากอยู่ที่โรงเรียนเลย พ่อกลัวว่าปู่กับย่าจะทิ้งพ่อไป อยู่ที่โรงเรียน พ่อจะรู้สึกหงอยเหงา ห้องเรียนของพ่อตอนอยู่อนุบาล 1 อยู่ในห้อง ประชุมใหญ่ พ่อรู้ว่าป้ าไก่เรียนอยู่ห้องใดห้องหนึ่งของโรงเรียนแห่งนี้ วันหนึ่ง หลังจากเด็ก ๆ ทุกคนกางเตียงนอนตอนกลางวันด้วยตนเอง เรียบร้อยแล้ว พ่อทําทีขออนุญาตครูเอ ไปปัสสาวะ แล้วพ่อก็วิ่งร้องไห้ หาป้ าไก่ พ่อเจอป้ าไก่จนได้ พ่อกอดป้ าไก่แน่นจนคุณครูประจําชั้น ของป้ าไก่ต้องปลอบใจแล้วพามาส่งที่เตียงของพ่อ พ่อยัง ติดนิสัย หงอยเหงาเป็นบางครั้ง พ่อรู้ว่าย่าแจ๋วอยู่ที่โรงเรียนสุรนารีติดโรงเรียน พ่อนี่เอง บางวันพ่อจะไปยืนเกาะประตูข้างโรงเรียนที่สามารถมอง ทะลุเข้าไปในโรงเรียนของย่าแจ๋วได้ แล้วยืนเหม่อมองหวังว่าจะได้ เห็นย่าแจ๋วบ้าง แต่พ่อก็ไม่เคยเห็น ย่าแจ๋ว เลย ประตูใหญ่ ริมรั้ว โรงเรียนนั้นก็คล้องโซ่ใส่กุญแจอย่างแน่นหนา เวลาเรียนดนตรีที่ศาลา ด้านหน้าโรงเรียน พ่อจะมองหาว่าปู่กับย่ามารับหรือยัง เมื่อพ่ออยู่ ป.4 ป้ าไก่ย้ายไปอยู่โรงเรียนเมืองนครราชสีมาแล้ว พ่อก็ยังชะเง้อมอง จากห้องเรียนของพ่อบนตึกชั้นสองไปทางโรงเรียนเมืองอยู่เสมอ
  • 28. ๒๘ อยู่มาวันหนึ่ง พ่อปวดท้องและท้องเสียแต่ไม่กล้าบอกใคร แล้ว พ่อก็วิ่งไปหาป้ าไก่อีก ซํ้ายังถ่ายราดกางเกงที่ห้องป้ าไก่ พ่อยืนร้องไห้ ฮือ ฮือ ด้วยความกลัวและวิตกกังวล คุณครูตามแม่จวบมาพาพ่อไป ล้างก้น แล้วเปลี่ยนกางเกงให้ เป็นกางเกงของโรงเรียนสีนํ้าตาล พ่อ ใส่กางเกงนั้นกลับบ้านด้วย วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ เมื่อกลับถึงบ้านพ่อ ดีใจยืนกระโดดโลดเต้นไปมาบนโซฟาสีแดงที่บ้านเก่าของพ่อทั้ง ๆ ที่ ยังนุ่งกางเกงสีนํ้าตาลอยู่ พ่อดีใจเพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์นั่นเอง ลูกรัก แม้การไปโรงเรียนจะไม่ใช่สิ่งที่พ่อชอบเลย พ่ออยากอยู่ แต่ที่บ้าน เมื่ออยู่ที่บ้าน พ่อสามารถเห็นผู้คนที่เรารักอยู่ใกล้ ๆ พ่อจะ ไม่เคยวิตกกังวลเลย แต่เราก็ต้องอดทน มานะบากบั่นในการเล่าเรียน โตขึ้นเราจะได้มีงานทํา ทํามาหาเลี้ยงชีพตนเองได้ เหมือนที่ปู่กับย่า ได้ให้พ่อไว้ก็คือวิชาความรู้ พ่อก็คงให้ลูก ๆ ได้เพียงวิชาความรู้เช่นกัน ขอให้ลูกจงขยันหมั่นเพียร แล้ววันหนึ่งลูกก็จะเติบใหญ่และสามารถ ยืนหยัดได้ด้วยตัวของลูกเอง
  • 29. ๒๙ ปู่ทวด ย่าทวดและย่าแจ๋วปู่ทวด ย่าทวดและย่าแจ๋ว ปู่ทวดชั้นเป็นช่างไม้ฝีมือดี ย่าแจ๋วเล่าว่า สมัยก่อนปู่ทวดเคยนํา คณะช่างก่อสร้างไปสร้างเรือนแถวที่ตลาดสีคิ้ว เมื่อปู่ทวดซ่อมแซม บ้าน ซ่อมหลังคาหรือทํางานไม้ พ่อจะเข้าไปขอเป็นลูกมือปู่ทวดเสมอ ปู่ทวดได้สอนวิชาช่างไม้ให้กับพ่อ จนพ่อรู้จักวิธีใช้สิ่ว เลื่อย ตะไบไม้ ตะไบเหล็ก กบใสไม้ สว่านหมุนเจาะรูไม้ กรรไกรตัดสังกะสี ไปจนถึง นํ้ากรดและตะกั่วบัดกรี พ่อรู้จักการเข้าเดือยไม้ การเลื่อยไม้ การใสไม้ การเลื่อยไม้ให้ตัดตรงนั้นยากมาก การใสไม้ก็เช่นกัน จะต้องมีไม้ตอก ตะปูบังคับไว้ไม่ให้ไม้ที่จะเลื่อยหรือใสขยับเขยื่อนเลย ทั้งการเลื่อยไม้ และใสไม้ใช้แรงแขนมากกว่าที่คิด กว่าจะตัดไม้เสร็จท่อนหนึ่งก็ เหนื่อยจนแขนล้าทีเดียว ปู่ทวดจะเป็นคนขี่จักรยานคันใหญ่ของปู่ทวดไปส่งหลาน ๆ ที่ โรงเรียนในคราวที่ปู่ต้องไปราชการ ปู่ทวดจะดูแลเช็ดถูและหล่อลื่น จักรยานไว้เป็นอย่างดี เมื่อออกจากบ้านทุกครั้งปู่ทวดจะสวมหมวก นุ่งกางเกงขายาว คาดเข็มขัดใส่รองเท้าหนังสีนํ้าตาลอย่างประณีต ปู่ ทวดมีสูตรทําข้าวต้มที่แสนอร่อยให้เด็ก ๆ กินในตอนเช้า วิธีทําก็คือ ปู่ ทวดจะเจียวกระเทียมในกะทะจนเกือบไหม้ แล้วเอาข้าวสวยลงผัดกับ นํ้ามันกระเทียมเจียว เหยาะนํ้าปลาตราตาแปะลงไปด้วย สุกหอมเข้า กันดีแล้วก็เติมนํ้าเปล่า ทิ้งไว้จนเดือด จากนั้นก็เอาหมูสับลง เคี่ยวจน หมูสุก ชิมดูอีกที ถ้าไม่เค็มมันก็เติมนํ้าปลาตราตาแปะอีกที โรยหอม
  • 30. ๓๐ ผักชีแล้วก็ตักมากินกัน ป้ าไก่ดูจะชื่นชอบข้าวต้มของปู่ทวดเป็นพิเศษ ปู่ทวดเป็นคนที่ถือศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย และคอยสั่งสอนไม่ให้พ่อเป็นคน อ่อนแอ ลูกจ๋ายังมีโอกาสได้เห็นปู่ทวด ปู่ทวดได้โกนผมไฟให้กับลูกจ๋า ตอนอายุ 5 เดือนด้วย ย่าทวดอุทัยเป็นคนใจดีมีเมตตา ย่าทวดชอบเข้าวัด ทําบุญสุนทาน พ่อจะติดย่าทวดมาก เพราะพ่อนอนกับย่าทวดมา ตั้งแต่เด็ก แต่ก่อน ปู่และย่ายังต้องทํางานหนักเพื่อหาเงินไว้เลี้ยง ครอบครัวและเก็บเงินไว้ส่งให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาที่ดี กินอาหารที่ดี และแต่งตัวดี ๆ ไม่อายใคร ย่าทวดจึงมีภาระในการดูแลหลาน ๆ และ หลาน ๆ ที่รู้เรื่องแล้วก็รักย่าทวดทุกคน ถ้าย่าทวดจะเคยดุพ่อบ้าง พ่อ ก็ยังนึกไม่ออกเลยสักครั้งเดียว ย่าทวดพูดภาษาจีนกับเพื่อนบ้านได้ และย่าทวดอยากให้พ่อพูดภาษาจีนได้ เพราะเชื่อว่าต่อไปการทํามา หากินกับคนจีนจะสําคัญ ย่าทวดจึงส่งพ่อไปเรียนภาษาจีนกับเหล่าซื อข้างสมาคมฮากกาแถวตึกหมูถึง 2 เทอม ค่าเรียนเขาคิดเดือนละ 50 บาทและพ่อก็สอบได้ที่ 1 กลับถึงบ้านพ่อจะร้องว่า “อาม่า อั๊วไล้เห ลี่ยว” ย่าทวดจะยิ้มจนแก้มปริแล้วก็หัวเราะชอบใจ ย่าทวดเคยซื้อรถ บังคับสายใช้ถ่านไฟฟ้ าให้พ่อจากราชดําริอาเขต ราคาคันละ 35 บาท ในคราวที่ย่าทวดไปเที่ยวบ้านย่าเรณูที่กรุงเทพและพ่อก็ไปด้วย พ่อรู้ ว่าย่าทวดไม่ค่อยมีเงินและรู้สึกละอายใจตอนที่นั่งรถเมล์ข้างย่าทวด
  • 31. ๓๑ กลับจาก ราชดําริอาเขต พ่อเลยนั่งนํ้าตาไหล ย่าทวดถามว่าเป็น อะไร พ่อตอบว่า “สงสารยาย (ย่าทวด)” ความรักของพ่อต่อย่าทวดนั้นสุดจะบรรยาย เมื่อย่าทวดป่วย ย่าทวดไม่บอกพ่อเลย บางคืนพ่อได้ยินเสียงย่าทวดครางเบา ๆ เพราะ ปวดท้อง แต่ย่าทวดก็ทนไว้และพ่อก็มิได้สนใจอะไร จนวันหนึ่งย่า ทวดบอกว่าหากจะเป็นอะไรไปก็ขอให้อาโอ๊กหาข้าวกินเองได้ก่อน เมื่อย่าทวดจากไป พ่อจึงโศกเศร้าอย่างที่สุด ในตอนนั้นลูกจ๋าและลูก จ้ายังไม่เกิดเลย ส่วนย่าแจ๋วนั้นเมื่อพ่อเป็นเด็ก ย่าแจ๋วเป็นสาววัยรุ่นแล้ว พ่อเห็น ว่าย่าแจ๋วนั้นน่ารักเหมือนกนกวรรณ ด่านอุดม ดาราโทรทัศน์แสน สวยในขณะนั้น ย่าแจ๋วทันสมัยมาก ย่าแจ๋วขยัน ร่าเริง และเล่นกับ เด็ก ๆ ได้อย่างไม่ถือตัว ถึงพ่อจะเล่นแกล้งย่าแจ๋ว เช่นเอาของไปซ่อน บ้าง แต่ย่าแจ๋วก็ไม่เคยดุพ่อเลย ทรงผมของย่าแจ๋วจะเปลี่ยนไปตาม ยุคสมัย โดยเฉพาะเมื่อย่าแจ๋วไว้ผมทรง “รากไทร” จะเท่ห์เก๋มาก ย่า แจ๋วมีฟันที่สวยสะอาด พ่อชอบดูเวลาย่าแจ๋วยิ้มหรือหัวเราะ โลกจะดู สว่างไสวทันที ตอนย่าแจ๋วจากไปทํางานเป็นครูที่สีคิ้ว พ่อคิดถึงย่า แจ๋วมาก ทั้งทั้งที่พ่อสามารถพูดคุยเล่นหัวหรือปรึกษากับย่าแจ๋วได้ทุก เรื่อง แต่พ่อก็เคารพย่าแจ๋วมาก เพราะย่าแจ๋วเคยอยู่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อมาจนพ่อโต ย่าแจ๋วซื้อข้าว ของเสื้อผ้ามาฝากลูก ๆ ตั้งหลายอย่าง จําได้ไหมลูก
  • 32. ๓๒ ปู่กับย่าปู่กับย่า ปู่เป็นคนที่เก่งที่สุดในสาย ตาของพ่อ แรกทีเดียวนั้นพ่อคิดว่าปู่ นั้นเป็นหมอ หากพ่อป่วยหรือบาดเจ็บเป็นแผล พ่อจะเชื่อมั่นในปู่ มากกว่าใคร ๆ ถ้าปู่ทําแผลให้ แล้วบอกพ่อว่าจะหาย เมื่อปู่เป่า เพี้ยง! ลงไปที่แผล พ่อก็จะเชื่ออย่างสนิทใจว่ามัน จะไม่เป็นอะไรและ จะต้องหายอย่างแน่นอน ต่อมาพ่อก็คิดว่าปู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ปู่มี อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ มากมาย ปู่มีปืนหัวแร้งบัดกรีสีเลือดหมูที่ดู เท่ห์มาก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ จะอยู่ในลิ้นชัก “ตู้แม่” ตู้แม่คือ ตู้ที่อยู่ในห้องนอนของปู่ เป็นตู้กระจก 3 ชั้น ด้านล่างเป็นตู้ทึบ ในตู้แม่ มีแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ เช่น ต้นคริสตมาสสีเงินมีผลเล็ก ๆ สีแดงแวว วาว พ่อจะเอามาตกแต่งที่หน้าโทรทัศน์เมื่อถึงวันคริสตมาส เสมอ ๆ ยังมีเครื่องฉายภาพสไลด์ที่ใช้ถ่านไฟฟ้ า กล่องภาพสไลด์รูปครอบครัว เมื่อเอาแผ่นภาพสไลด์มาเสียบลงในช่องเครื่องฉายสไลด์ด้านบน ก็ จะปรากฏเป็นรูปภาพขยายมีสีสันแจ่มชัด ไม่มีบ้านใดในละแวกนั้นมี ของแปลกประหลาดวิเศษเช่นนี้เลย นอกนั้นยังมีกล่องของชําร่วยอัน เล็กอันน้อย กล่องเม็ดลูกปัด ที่เขี่ยบุหรี่กระเบื้องเคลือบเป็นรูปมือ ผู้หญิงสีชมพูถือกระเป๋ าเป็นรูปเปลือกหอย ขันเงิน กระป๋ องยาสูบฝั่งสี ขาวมีตราเป็นวงรี ๆ สีเทา และชุดถ้วยนํ้าชาลายดอกไม้สีชมพูเล็ก ๆ ส่วน “ตู้พ่อ” คือตู้เสื้อผ้าของปู่ เป็นตู้ไม้มีประตูกระจกปิดเปิด 2 บาน ด้านล่างเป็นช่องโล่งสําหรับวางหนังสือตําราช่างภาษาอังกฤษของปู่