SlideShare a Scribd company logo
1 of 37
Download to read offline
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss
J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S
“เรื่องเล่าของพ่อ” ชุด “ป่าดงพงไพร” เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจาก
เรื่องสั้นชุด “ป่าดงพงไพร” ที่พ่อเขียนไว้เมื่อปีพุทธศักราช 2534 เนื้อหาของ
เรื่องราวนั้นรวบรวมมาจากอนุทิน (Diary) ที่พ่อบันทึกเอาไว้ตั้งแต่ปี
พุทธศักราช 2525 เป็นต้นมา เรื่องราวต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด มิได้มี
การแต่งเติมส่วนใดเพิ่มเพื่อความสนุกสนานแต่ประการใด ยกเว้นการแปลง
สานวนให้เป็นเรื่องเล่าตามที่พ่อเคยเล่าเกร็ดต่าง ๆ จากการเข้าฝึกในป่า
ของพ่อให้ลูกฟังก่อนนอนนั่นเอง ดังนั้น ลูกจะได้รับรู้ถึงหนทางที่ผ่านมาของ
พ่อในอดีตอย่างแท้จริง ตรงตามอนุทินที่พ่อบันทึกไว้ทุกตัวอักษร
อย่างไรก็ตาม พ่อได้ตัดเรื่องราวบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่
เหมาะสมออกไปบ้าง ลูกยังคงขออ่านจากอนุทินของพ่อได้ ถ้าลูกต้องการ
และนี่คือการผจญภัยของพ่อ
พ่อจะเล่าให้ฟัง....
๒
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss
J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S
_______________________________________________________________________________________________
ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร
ภาคภาค 11
ป่ า พุ โ ล นป่ า พุ โ ล น : ล พ บุ รีล พ บุ รี
พุทธศักราช 2525
ปีนั้นพ่ออยู่โรงเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 1 โรงเรียนของพ่อตั้งอยู่
ตรงกันข้ามกับกองบัญชาการกองทัพอากาศที่ดอนเมือง กรุงเทพ ฯ พ่อเรียน
วิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมอากาศยาน (Aeronautical Engineering)
ที่สถาบันแห่งนี้ในปีที่ 1 นี้พ่อจะเรียนในวิชาพื้นฐานทางด้านวิศวกรรม
และจะไปเรียนสาขาเฉพาะทางก็ต่อเมื่อพ่ออยู่ปี 3 โน้น การเรียนของพ่อนั้น
หนักเอาการอยู่ เพราะถึงจะเป็นโรงเรียนทหารแต่เขาก็ไม่ได้ลดมาตรฐาน
การเรียนเลย ในปีหนึ่ง ๆ จะมีนักเรียนตกซ้าชั้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์
หมายความว่าในปีที่พ่อเรียน พ่อมีเพื่อนนักเรียน 135 คน แต่ตกซ้าชั้นถึง
13 คน เห็นไหมลูก ว่าการเรียนนั้นต้องใช้ความมานะพยายามเช่นไร ลูกรู้
ไหมว่าทาไมเพื่อนของพ่อจึงต้องตกซ้าชั้น สาเหตุก็เพราะว่าการเป็นนักเรียน
ทหารนั้น ต้องทั้งเรียน ทั้งเข้าเวรยาม และทั้งฝึกตามแบบธรรมเนียมของ
ทหารอย่างหนักมากนั่นเอง ทั้งกองฝึกและกองการศึกษาไม่เคยผ่อนปรน
มาตรฐานให้กันและกันเลย เมื่อถึงเวลาเรียน หลายคนจึงนั่งหลับอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้
๓
มีนาคม 2525
การฝึกภาคสนามฤดูร้อนปีแรกเริ่มขึ้นแล้ว นักเรียนนายเรืออากาศทุก
คนจะต้องเข้ารับการฝึกภาคสนามในป่า ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 วัน ทั้ง
20 วันนี้พ่อจะต้องสมบุกสมบันทุกรูปแบบให้สมกับเป็นชายชาติทหาร
ถึงแม้ว่าพ่อจะเป็นทหารอากาศ แต่ครูฝึกที่มาจากเหล่าอากาศโยธินก็ไม่มี
การอ่อนข้อให้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานการฝึกทหารของกองทัพ
ไทย ถ้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกเขาจะเรียกชื่อการฝึกภาคสนามนี้ว่า
“เสือคาบดาบ” และจะได้เครื่องหมายเป็นรูปหัวเสือคาบดาบประดับที่อก
ด้านซ้ายด้วย
รถบรรทุก GMC พาพ่อกับเพื่อน ๆ ออกจากโรงเรียนนายเรืออากาศ
มุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสู่จังหวัดลพบุรี รถบรรทุกทั้ง 10 คันวิ่งตามกันเป็น
ขบวนและใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงถึง “ป่าพุโลน” นี่เป็นการเข้าป่าจริง ๆ ครั้ง
แรกในชีวิตทหารของพ่อนับตั้งแต่พ่อได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหารเป็นต้นมา
เมื่อพ่ออยู่โรงเรียนเตรียมทหารก็มีการฝึกภาคสนาม แต่ทางโรงเรียนจะพา
ไปนอนที่ค่ายทหารมีโรงเลี้ยงประกอบอาหาร มีที่พักโรงนอนไม่ลาบาก แต่
การเข้าป่าจริง ๆ นั้นมันแตกต่างกันลิบลับ มันเป็นความรู้สึกที่พ่อยากจะ
อธิบาย มันมีความเหนื่อยที่หยุดไม่ได้ เหนื่อยแล้วก็หยุดไม่ได้ เหนื่อยอีกก็
หยุดไม่ได้ เป็นอย่างนี้เสียจนมึนชา มันมีความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาตั้งแต่
ปลายรองเท้าหนังคอมแบทยันหมวกเหล็กที่สวมใส่อยู่บนหัว , มีสัมภาระยัง
ชีพที่หนักอึ้งบนหลัง, มีเหงื่อที่ไหลชุ่มอยู่ในอกแล้วไหลตกลงผ่านร่องหน้า
แข้งไปจนชุ่มรองเท้าคอมแบท และยังมีปืนประจากายแบบ M-16 ที่ต้อง
๔
กอดรักษาไว้แนบกายยิ่งกว่าชีวิต หากทาปืนหายหรือถูกขโมยจากครูฝึก ก็
หมายถึงบทลงโทษอันหนักหนาสาหัสทีเดียว
ถึงแม้คืนนี้ความยากลาบากของพ่อจะเลือนหายไปกับกาลเวลาที่
ผ่านมานานแสนนานแล้ว แต่พ่อยังจากลิ่นของฝุ่นดินที่ฟุ้ งตลบอบอวลได้ดี
รถบรรทุกทหารของพ่อถ่ายกาลังพลลงตามถนนฝุ่นดินแดงที่ดูยาวไกลไม่
รู้จักจบจักสิ้น ถนนนี้ยาวลิบลับแล้วซ่อนหายเข้าไปในแนวป่า จากนั้นก็พุ่ง
เลยไปจนถึงภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป ขณะที่พวกพ่อเดินไปตามหนทางที่
แห้งแล้งอยู่ ทันใดนั้น เครื่องบิน Peace Maker ก็ปรากฏผงาดอยู่บนท้องฟ้ า
เครื่องยนต์ใบพัดของ Peace Maker ส่งเสียงคารามกึกก้องแล้วโฉบต่าลง
มาเหนือหัวของพ่อ พ่อเหลือบไปมองเห็นหัวเครื่องบินที่วาดเป็นปากฉลามสี
แดงแยกเขี้ยวสีขาวน่าเกรงกลัว จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจุด
ไล่หลังพ่อมาเพื่อไม่ให้ใครหยุดนิ่ง พ่อต้องหมอบคลานพร้อมถุงทะเลและเป้
สัมภาระใบใหญ่แอบไปตามกอไม้เล็ก ๆ ของร่องน้าที่แห้งสนิทริมถนน เมื่อ
ทุกอย่างสงบลง พวกพ่อก็เริ่มลุกขึ้นเดินอย่างระแวดระวังไปตามหนทางที่
เงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวข้างหน้า มีแต่แสงแดดแผดกล้า เสียงลมหวิว
หวิว เสียงหม้อข้าวสนามและกระติกน้ากระทบกันดังก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก
ตลอดเส้นทาง ไม่มีใครพูดจากับใครเลย
หลังจากที่พ่อเดินเท้ามาเกือบ 5 กิโลเมตร แดดก็เริ่มเผารองเท้าหนัง
คอมแบทสีดาของพ่อจนร้อนจ้วด ๆ พ่อต้องเอาน้าราดที่รองเท้าให้มันเย็นลง
มีกลิ่นหนังรองเท้าไหม้ลอยฟุ้ งเข้าจมูก แต่ในที่สุดพ่อก็เดินไปถึงค่ายที่พัก
ของพ่อ ซึ่งมีชื่อว่า ”ค่ายชัยพฤกษ์ 25”
๕
ที่ตั้งค่ายพักของพ่อจะติดกับคันดินสูง กั้นอ่างเก็บน้าพุโลนไว้กับพื้น
ราบเบื้องล่าง พ่อและเพื่อน ๆ ทุกคนจะต้องปรับพื้นที่และกางเต็นท์ที่พักเอง
เที่ยงวันนั้น พวกทหารเกียกกายที่มากับคณะอานวยการฝึกจะเป็นคน
ทาอาหารบารุงเลี้ยงแจกจ่ายให้พ่อกิน บริเวณค่ายพักของพ่อมีแท็งก์น้าซึ่ง
สารองน้าสีข้นไว้ดื่ม มีเรือเหล็กใส่น้าไว้ให้อาบร่วมกัน ส่วนส้วมนั้นเป็นส้วม
คอห่านใช้ใบจากกั้นเป็นห้อง ๆ ฉากใบจากที่กั้นไว้นั้นเมื่อนั่งแล้วสูงแค่
ระดับคอ พ่อสามารถมองเห็นหน้าเพื่อนและคุยกันได้
ในช่วงเวลา 20 วันนี้มีภารกิจที่พ่อต้องทาคือ การเดินทางไกลเพื่อฝึก
ความอดทน, การเดินแผนที่เข็มทิศเวลากลางวันและกลางคืน , การฝึกหลบ
หลีกและหลีกหนีเวลากลางวันและกลางคืน , การลาดตระเวนหาข่าว
กลางวันและกลางคืน, การซุ่มโจมตีกลางวันและกลางคืน, การป้ องกันฐาน
ที่ตั้ง, การรับเสบียงจากเฮลิคอปเตอร์ และการยังชีพในป่า 72 ชั่วโมง
ภารกิจเหล่านี้ดูแล้วน่าจะเป็นการผจญภัยอันน่าสนุกสาหรับพ่อซึ่งยัง
อยู่ในวัยรุ่นในตอนนั้น และมันก็สนุกจริง ๆ ยามเมื่อพ่อได้นึกถึงมัน แต่ไม่ใช่
ในเวลานั้น
ภารกิจลาดับแรกสาหรับการเข้าป่าทุกครั้งก็คือ การเดินแผนที่เข็มทิศ
ทั้งกลางวันและกลางคืน ฟังดูง่ายและท้าทายใช่ไหมลูก แต่ช้าก่อน พ่อ
จะต้องเตรียมตัวศึกษาแผนที่ 1 ต่อ 50,000 กับการใช้เข็มทิศให้ถูกต้องและ
แม่นยาอย่างที่สุดเสียก่อน เมื่อได้ทิศทางแล้ว พ่อก็ต้องหาเส้นทางเดินบุก
ป่าฝ่าดงไปอีก และถึงพวกพ่อจะรู้ทิศทางที่ต้องการไป แต่ก็ยังอาจหลงทาง
ได้ เพราะป่านั้นไม่เอื้ออานวยให้เราเดินไปตามทิศที่เราต้องการเลย
๖
ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้วหละลูก เขาเอาพ่อกับเพื่อน ๆ ใส่รถบรรทุก
GMC คลุมผ้าใบมิดชิดวิ่งไปตามทางโขยกเขยกอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็ปล่อย
พวกพ่อลงเป็นหมู่ ๆ ตามที่ได้แบ่งหมู่ไว้แล้วหมู่ละ 11 คน ต่างหมู่ก็ต่างทิศ
ต่างทางกัน พ่อจะต้องหาตาแหน่งพิกัดที่พ่อยืนอยู่ตรงนั้นให้ได้เสียก่อน พ่อ
จึงจะสามารถเดินทางกลับค่ายที่พักของพ่อที่พ่อรู้พิกัดอยู่แล้วได้ สิ่งแรกที่
พ่อต้องทาคือ พ่อต้องดูลายยอดเขาบนแผนที่คร่าว ๆ เมื่อกะประมาณเทียบ
กับยอดเขาจริงได้แล้ว พ่อก็เล็งเข็มทิศไปยังยอดเขาเพื่อให้ได้มุมทิศทาง
แล้วพ่อก็มาลากเส้นบนแผนที่ตามมุมกลับ (Back Azimuth) ของเข็มทิศ ทา
แบบนี้กับยอดเขาอีก 2 ลูก เส้นที่ลากทั้ง 3 เส้นก็จะมาบรรจบกัน ซึ่งก็เป็นที่
ที่พ่อยืนอยู่นั่นเอง ในแผนที่จากจุดที่พ่อยืน พ่อก็ลากเส้นไปยังพิกัดค่ายที่
พักของพ่อ พ่อได้ทิศทางกลับบ้านของพ่อแล้ว แต่เมื่อมองไปตามทิศทางนั้น
มันเป็นแต่ป่าทึบและมีภูเขากั้นอยู่
พ่อกับเพื่อน ๆ เริ่มออกเดินทางกลับบ้านที่เป็นค่ายพัก ลัดเลาะไป
ตามช่องทางที่พอมี บางครั้ง พวกพ่อก็เดินไปสุดยังป่าหนาม แล้วหมด
หนทางเดินต่อไป บางครั้งก็ผ่านลาห้วย บางครั้งก็ติดป่าทึบ การเดินไปตาม
ทางคนเดินป่าที่เห็นเป็นรอยเล็ก ๆ จาง ๆ นั้น พ่อก็ทาไม่ได้ เพราะจะมีครูฝึก
ซึ่งเป็นข้าศึกสมมุติคอยดักจับตามเส้นทางเดินอยู่ตลอดเวลา การเดินแผนที่
เข็มทิศเวลากลางวันเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้าและจะเสร็จสิ้นลงในเวลา 1 ทุ่ม ซึ่ง
นั่นหมายถึงว่า พวกพ่อต้องเดินได้ถูกต้อง แต่ถ้าเดินไม่ถูกต้อง จนถึงเที่ยง
คืนก็ยังมีบางชุดที่ไม่สามารถเข้าค่ายพักได้ และโทษของการชักช้าก็คือ จะ
ไม่ได้พักผ่อนสาหรับภารกิจที่เพิ่มความหนักหน่วงขึ้นในวันต่อไป
๗
ถ้าจะให้พ่อบรรยายความรู้สึกในการเดินทางแผนที่เข็มทิศได้ดีที่สุด ก็
เห็นจะเป็นว่า “มันร้อนและช่างเงียบเหงาวังเวง” ทุกคนต่างก็เดินเดินเดินไป
เหมือนยังกับจะไม่มีวันสิ้นสุด แต่ละคนมีกระติกน้าเพียงกระติกเดียว การ
ฝึกของพ่อในปีแรก อาหารยังได้เป็นข้าวห่อ ซึ่งก็ช่วยให้พ่อสะดวกสบายขึ้น
มาก ในปีต่อ ๆ มา พ่อได้อาหารแห้งคนละเล็กน้อย ที่เหลือนอกนั้นพ่อต้อง
จัดการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอด
ตกกลางคืน การเดินแผนที่เข็มทิศก็ยิ่งลาบากเท่าทวีคูณ นับตั้งแต่เขา
เริ่มปล่อยให้พ่อหาพิกัดที่ยืนอยู่ในขณะนั้น หนทางใต้เงาไม้ทะมึนนั้นมืด
สนิท การใช้ไฟฉายหรือแสงสว่างต่าง ๆ ก็ถูกห้ามทั้งสิ้น เพราะจะทาให้เกิด
ปัญหาการมองในที่มืดมากยิ่งขึ้น ไม่มีแสงพระจันทร์ มีแต่แสงดาวและแสง
สลัว ๆ ลาง ๆ จากพรายน้าของเข็มทิศและนาฬิกาข้อมือ การเดินแผนที่เข็ม
ทิศเวลากลางคืนจะต้องเล็งทิศทางด้วยพรายน้าจากเข็มทิศโดยตรง เมื่อ
ออกเดินจะต้องใช้มือที่สวมถุงมือหนังยื่นระไปข้างหน้าเพื่อป้ องกันไม่ให้กิ่ง
ไม้ทิ่มแทงตา การหลงทางนั้นง่ายดายและเป็นธรรมดา แต่สัญชาติญาณใน
การเอาตัวรอด ก็ทาให้ทุกคนสามารถเดินกลับฐานได้ในที่สุด
การฝึกหลบหลีกหลีกหนีทั้งเวลากลางวันและกลางคืนจะยุ่งยากขึ้นไป
อีก เพราะนอกจากพ่อจะต้องกังวลกับการเดินแผนที่เข็มทิศแล้ว จะต้อง
ระวังข้าศึกที่คอยโจมตีกระหนาบข้างอีกด้วย โชคดีที่พ่ออาศัยไหวพริบทาให้
ภาระการเดินแผนที่เข็มทิศลดลงเพราะมีความคุ้นเคยกับพื้นที่มากขึ้น พ่อ
พอจะเดาออกว่าทางไหนจะไปบรรจบกันที่ไหน แต่สิ่งที่น่าวิตกก็คือ การ
หลบหนี ทาอย่างไรถึงจะไม่เสียขบวนหมู่ หมู่แตกหรือสมาชิกในหมู่ของพ่อ
ถูกจับเมื่อถูกลอบโจมตี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกพ่อจะต้องเอาอาหาร
๘
ทั้งมื้อไปแลกเอาตัวเพื่อนกลับมา ซึ่งหมายความว่าต้องอดอาหารไปหนึ่งมื้อ
ในภาวะเช่นนี้อาหารเป็นสิ่งสาคัญที่สุดที่จะทาให้พวกพ่อมีเรี่ยวแรงในการ
ปฏิบัติภารกิจและสู้ต่อไปได้ ลูกรัก ทุกหมู่ประสบ สภาวการณ์ เช่นนี้กัน
มาแล้วไม่มีข้อยกเว้น
ภารกิจที่พ่อรู้สึกสนุกที่สุดน่าจะเป็นการลาดตระเวนหาข่าวทั้งเวลา
กลางวันและกลางคืน ภารกิจนี้ก็เริ่มจากการเดินแผนที่เข็มทิศเช่นเคย ไป
กันทั้งหมู่ ในเวลากลางวันจะมีการปลอมตัว การใช้ รหัสและการหาข่าวจาก
ชาวบ้าน มันเหมือนกับการเล่นสนุก ๆ นั่นแหละลูก ถ้าเราทาถูกต้องเราก็จะ
ได้ข่าว ทั้ง ๆ ที่คนให้ข่าวก็รู้ว่าเรามาหาข่าวตามนัด แต่ถ้าเราทาผิด เราจะ
ถูกจับเป็นตัวประกันทันที คาว่าลาดตระเวนนั่นก็คือ เริ่มจากการเดินแผนที่
เข็มทิศไปยังแหล่งข่าวนั่นเอง พอตกกลางคืน การลาดตระเวนยิ่งทวีความ
สนุกมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การเดินแผนที่เข็มทิศเวลากลางคืน พ่อออกจาก
ฐานที่พักตอน 5 โมงเย็น ไปถึงเป้ าหมายก็ตอน 5 ทุ่มกว่าไปแล้ว ส่วน
เป้ าหมายก็มีหลายเป้ า ดังนั้นการเดินแผนที่เข็มทิศจะต้องแม่นยา ไปยังเป้ า
ที่เราได้รับมอบหมายเท่านั้น พ่อรู้สึกลังเลใจเพราะแต่ละเป้ าหมายนั้นมิได้
อยู่ห่างกันเลย เมื่อพ่อแน่ใจและตัดสินใจว่านั่นคือเป้ าหมายที่ถูกต้องแล้ว ก็
จะหยุดอยู่ห่างเป้ าหมายประมาณ 30 เมตร แล้วส่งเพื่อนพ่อคนที่ตัวเล็ก
ที่สุดค่อย ๆ คลานเข้าไปแอบดักฟังข่าว เป้ าหมายเป็นข้าศึก 4 คนที่นั่ง
ล้อมรอบกองไฟคุยกันอยู่กลางป่า คนคลานจะค่อย ๆ คลานเข้าไปอย่างช้า
มาก ๆ ลาตัว มือและเข่าที่คืบไปบนใบไม้ กิ่งไม้ ใบหญ้า จะต้องวางลง
อย่างแผ่วเบาจนแน่ใจว่าได้ตาแหน่ง จากนั้นจึงค่อย ๆ กดน้าหนักลงโดย
ไม่ให้มีเสียงกรอบแกรบเล็ดลอดออกมา ทุกอย่างจะต้องเงียบกริบแฝงไปกับ
๙
ความมืด อย่างไรก็ตาม ด้วยความชานาญของข้าศึก พ่อว่าเขารู้ว่าพวกพ่อ
แอบเล็ดลอดเข้ามาแล้ว แต่ก็จะนั่งคุยกันเสียงดังให้ได้ยินข่าวสารซึ่งเราต้อง
จดจากลับไปรายงานที่ฐาน แต่ก็มีบางหมู่เหมือนกันที่ประเจิดประเจ้อส่ง
เสียงดังมากเกินไป นั่นจะถูกไล่จับตัวทันที
การซุ่มโจมตีทั้งกลางวันและกลางคืนก็จะเริ่มจากการเดินทางไกลไป
ยังพิกัดเป้ าหมายเช่นเดียวกัน พ่อชานาญทางมากขึ้นและไปถึงที่หมายเร็ว
ขึ้นจากเดิมใช้เวลา 5-6 ชั่งโมงเป็น 4-5 ชั่วโมง พ่อเลยได้นอนชมดาวที่ส่ง
แสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้ ายามค่าคืนอย่างเงียบ ๆ และแสนสบาย ใน
วันรุ่งขึ้น พ่อจะได้อาหารกินก็ต่อเมื่อพ่อกับเพื่อน ๆ สามารถดักจับรถอาหาร
ของข้าศึกที่จะวิ่งผ่านมาตามเวลาที่พ่อได้หาข่าวเอาไว้ เมื่อใกล้เวลา 5 ทุ่ม
พ่อก็เห็นรถบรรทุก GMC เปิดไฟวิ่งส่งเสียงครึงครังมาแต่ไกล เมื่อรถเข้ามา
ใกล้ก็ต้องชะลอแล้วหยุดกึก เพราะพวกพ่อได้เอาขอนไม้ขวางทางไว้ แล้ว
จากนั้นพวกพ่อทุกคนก็ตะโกนกันเอะอะพร้อมยิงปืนลูกซ้อมส่งเสียงป่อก ๆ
แป่ก ๆ ในที่สุดพวกข้าศึกเอามือพาดหัวยอมจานน แล้วพ่อก็ปฏิบัติภารกิจ
ได้สาเร็จ
ภารกิจที่พ่อว่าหนักที่สุดของการเข้าป่าก็คือ การป้ องกันฐานที่ตั้งและ
ปัญหา 72 ชั่วโมง การเข้าปัญหานี้จะใช้เวลาถึง 3 วันเต็ม ๆ ซึ่งพ่อจะต้อง
เตรียมพร้อมและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การฝึกต่าง ๆ ที่พ่อได้ฝึกมาแล้วจะถูก
นามาใช้ทั้งหมด หลังจากการเดินลาดตระเวนอันสุดอ่อนล้าในตอนกลางวัน
แล้ว เมื่อถึงกลางคืน ก็ยังต้องจัดเวรยามป้ องกันฐานที่ตั้งอีก มีทั้งการวาง
กาลังชั้นนอกและการวางกาลังชั้นใน มีการจัดส่วนระวังป้ องกันหน้า ก็โดย
จัดเวรยาม 2 คน ผลัดละ 2 ชั่วโมง ออกไปซุ่มอยู่ในความมืดห่างจากฐาน
๑๐
ประมาณ 25 – 50 เมตรกลางป่าที่วิเวกวังเวง ยามระวังป้ องกันหน้ามีหน้าที่
คอยตรวจการณ์ว่ามีใครบุกรุกเข้ามาหรือไม่ หากตรวจพบจะต้องรีบส่ง
สัญญาณบอกกาลังส่วนใหญ่ภายในฐาน ในการเข้าปัญหานี้อาหารก็จะถูก
จากัด มีการตรวจตราพวกพ่อทุกคนอย่างละเอียดว่าไม่มีใครเอาอาหารหรือ
เงินซุกซ่อนอยู่กับตัว แต่ละคนจะได้รับแจกอาหารใส่ถุงพลาสติกคนละเล็ก
ละน้อยเท่านั้น มีบะหมี่สาเร็จรูป 1 ห่อ ข้าวสาร 1 กามือ ปลาสลิดแห้งและ
เกลือ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารสาหรับ 3 วัน พ่อยังชอบกินปลาสลิดทอดมา
จนถึงเดี๋ยวนี้เพราะตอนนั้น เวลาอดอยากนี่มันช่างเอร็ดอร่อยเสียจริง ๆ
แล้วการโจมตีก็มาถึง พ่อกับเพื่อนกาลังเข้าเวรส่วนระวังป้ องกันหน้า
อยู่ทางด้านทิศเหนือ ตอนนั้นเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว คืนนั้นป่าช่างเงียบ
สงัด มีเพียงเสียงนกกลางคืนที่บินร้องสอกแสกไปมา ฟังดูวิเวกวังเวง ทันใด
นั้น พ่อก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากทิศใต้ แล้วมีเสียงปืนลูกซ้อมดังเปรี๊ยะ
ปร๊ะ พ่อจึงรีบวิ่งกลับเข้าฐาน ปรากฏว่านักเรียนรุ่นพี่ชั้นปีที่ ๒ ที่เข้าร่วมการ
ฝึกภาคสนามด้วยกันเป็นข้าศึกสมมุติเข้าโจมตีค่าย การต่อสู้เข้าขั้น
ตะลุมบอนจนเกือบควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เนื่องจากข้าศึกสมมุติไม่เล่น
ตามเกมส์และพยายามจับตัวประกันฝ่ายพ่อให้ได้ การเล่นตามเกมส์คือ ถ้า
ฝ่ายพ่อรู้ตัวแล้วยิงปืนปะทะก่อนถือว่ามีการระวังป้ องกันที่ดีและจะเป็นฝ่าย
ชนะ แต่เมื่อข้าศึกสมมุติยังตามเข้ามาจับพวกพ่อ จึงเกิดการเอาก้อนหินปา
กันในความมืดที่สับสนอลหม่าน รวมทั้งเพื่อนพ่อได้ยิงปืนเข้าใส่หน้าข้าศึก
สมมุติเข้าที่เบ้าตา พลุสีแดงจึงถูกจุดลอยเด่นสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้ าที่มืดมิด
เพื่อเลิกสถานการณ์ และข้าศึกสมมุติคนนั้นก็มีเฮลิคอปเตอร์บินมารับเข้า
โรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้น
๑๑
ภารกิจที่พ่อต้องทาอีกภารกิจหนึ่งก็คือ การรับเสบียงอาหารและ
จดหมายจากเฮลิคอปเตอร์ พ่อรู้ว่าในถุงเมล์ที่เฮลิคอปเตอร์เอามาส่งนั้น จะ
มีจดหมายของปู่ ย่าและป้ าไก่มาด้วย จึงต้องวางแผนระวังป้ องกันให้ดี พ่อ
และเพื่อนทุกคนเดินทางไกลไปซุ่มรอยังจุดนัดหมาย เมื่อถึงเวลานัดหมายก็
ใช้วิทยุติดต่อเฮลิคอปเตอร์ให้บินเข้ามาหา ซึ่งหากไม่ชานาญในการเรียก
เฮลิคอปเตอร์แล้ว จะยากมากทีเดียว เนื่องจากการมองจากพื้นดินของพวก
พ่อกับการมองจากเฮลิคอปเตอร์ของนักบินนั้นแตกต่างกัน อีกทั้งไม่
สามารถใช้สัญญาณควันใด ๆ ได้เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ข้าศึก ในที่สุด
เฮลิคอปเตอร์ลาเลียงเมล์ก็บินมาอยู่เหนือพื้นที่เป้ าหมาย เจ้าหน้าที่บน
เครื่องทยอยส่งถุงเสบียงอาหาร ถุงเมล์จดหมายพัสดุต่าง ๆ และกระสอบ
ข้าวลงมา แต่ทันใดนั้นเอง ข้าศึกสมมุติก็เข้าโจมตีพวกพ่อ และจับเพื่อนพ่อ
ไปเป็นตัวประกันได้ ทาให้พวกพ่อต้องแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไปให้ข้าศึกเพื่อ
แลกตัวกลับมา ทั้ง ๆ ที่อาหารนั้นก็มีน้อยอยู่แล้วเต็มทน ประกอบด้วย
ข้าวสารและอาหารแห้ง เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
เวลามันผ่านมานานหลายปีแล้วสาหรับการเข้าป่าที่พุโลน สิ่งที่พ่อจา
ได้แม่นยาก็คือการฝึกหลบหลีกหลีกหนีในเวลากลางคืน คืนนั้นเป็นคืนเดือน
มืด หมู่ของพ่อเดินเกาะข้างถนนดินแดงสายเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนแสงดาวให้
เห็นเป็นสีเทาจาง ๆ ถนนนั้นเป็นเนินลูกฟูกสูง ๆ ต่า ๆ เลาะเชิงเขาไปเรื่อย ๆ
พ่อต้องเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ส่งเสียงกุ๊กกิ๊กเวลาเดินให้เรียบร้อย คงมีแต่
เสียงย่าเท้าสวบสาบเบา ๆ เท่านั้น ในความเงียบสงัดของป่า ข้าศึกเข้าโจมตี
จากทางด้านขวาของหมู่พ่ออย่างรวดเร็ว ทาให้พ่อและเพื่อน ๆ ต้องพุ่งตัว
หลบออกไปทางซ้ายประมาณ 30 เมตรแล้วหมอบนิ่งเงียบ ข้าศึกยังเอะอะ
๑๒
โวยวายอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเงียบหายไป พวกพ่อจึงค่อย ๆ รวมตัวกัน แล้วไล่
ลาดับหมู่ เมื่อไม่มีใครหายจึงพากันเดินย่าเท้าต่อไป รุ่งเช้า เมื่อพ่อออกเดิน
ผ่านถนนสายนั้นอีกครั้ง ปรากฏว่าพื้นที่ที่พ่อพุ่งตัวเข้าไปหลบนั้น เป็นป่าไผ่
แห้ง ๆ หนาทึบ มีทั้งก้านเล็กก้านน้อยสานกันเต็มไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าใน
ความมืดนั้นพ่อพุ่งตัวและวิ่งผ่านไปได้อย่างไร เมื่อพ่อออกจากป่าหลังจบ
การฝึกแล้ว พ่ออยากกินขนมโดนัทโรยน้าตาลหวาน ๆ และน้าแดงเฮลส์
บลูบอยใส่น้าแข็งเย็นเจี๊ยบมากที่สุด
คืนนี้พ่อนอนสบาย ๆ ในห้องกับลูก ๆ แต่ตอนนั้นมันเป็นเวลาที่
ยากลาบากมากสาหรับพ่อ เพราะมันไม่สนุกเหมือนที่พ่อเล่าเลย มันไม่ใช่
แค่เหนื่อยแรงนะลูก มันเหนื่อยใจด้วย เพราะการฝึกเขาจะบีบบังคับและ
ทดสอบจิตใจของเราด้วยตลอดเวลา ถ้าลูกประสบความยากลาบากอย่างนี้
ลูกต้องทนให้ได้นะ เข้าใจมั้ยลูก
๑๓
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss
J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S
_______________________________________________________________________________________________
ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร
ภาคภาค 22
ป่ า ซั บ ป ร ะ ดู่ป่ า ซั บ ป ร ะ ดู่ : โ ค ร า ชโ ค ร า ช
ป่าอ่างซับประดู่ อาเภอสีคิ้ว อยู่ที่โคราชนี่เอง เป็นที่เดียวกับที่พ่อพา
ลูก ๆ ไปเที่ยวพักผ่อน พายเรือและเล่นน้าอยู่เป็นประจานั่นแหละ แต่เมื่อ
ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว มันยังคงเป็นป่าทึบ มีเพียงทางเกวียนราง ๆ แล้ว
กลายเป็นทางเดินป่าของชาวบ้านป่าที่อยู่ลึกเข้าไปจนถึงเทือกเขาใหญ่
เทือกเขานี้ต่อเนื่องไปจนถึงปราจีนบุรีและพาดไปจนถึงประเทศกัมพูชาโน่น
ปัจจุบันสภาพที่พ่อเคยพบเห็นนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว มีถนนราดยาง
ร้านอาหาร รีสอร์ทเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่พ่อจะเล่าเรื่องป่าซับ
ประดู่ในอดีตให้ลูก ๆ ฟัง
ฤดูร้อนปี 2526 ลมร้อนนั้นร้อนแรงผะผ่าวเช่นทุกปี ท้องฟ้ ากว้างก็ไร้
เมฆหมอกและร้อนจนโลกกลายเป็นสีน้าตาลไหม้ ซับประดู่ยังเป็นเพียงห้วย
ใหญ่แถบอาเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากแนวถนนมิตรภาพไป
ทางแถบเทือกเขาด้านทิศใต้ซึ่งเห็นยาวไกลเป็นพืดสุดลูกหูลูกตาสัก 2
กิโลเมตร
ก่อนที่พ่อจะเข้าป่าแต่ละครั้ง ก็จะมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่พ่อไม่
สามารถเล่าบรรยายได้หมด นับตั้งแต่การเตรียมพร้อมด้านกาลังกายก่อนที่
๑๔
จะเข้าป่า การจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เหมาะแก่การดารงชีพ พ่อจะซื้อ
กางเกงชั้นในถูก ๆ แบบเหมาโหลเพื่อใช้แล้วทิ้ง ส่วนอาหารการกินนั้นจะนา
ติดตัวไปไม่ได้เลย เพราะเมื่อถึงฐานที่พักจะมีการตรวจค้นอย่างละเอียด
ก่อนแยกย้ายกันปรับพื้นที่กางเต็นท์ ในการตรวจจะต้องถอดเครื่องแบบออก
จนหมด เหลือแต่ชุดชั้นใน บางคนเอาเมล็ดถั่วเขียวใส่ไว้ในพานท้ายปืน
บางคนอัดม่าม่าแห้งใส่ลงในกระติกน้าแทนน้า บางคนก็เย็บเงินเข้ากับขอบ
เสื้อผ้าอย่างมิดชิด และยังมีอีกหลายวิธีการ แต่ทั้งหมดนั้น ไม่สามารถเล็ด
ลอดจากสายตาผู้ควบคุมการฝึกไปได้
การเข้าป่าในปีที่ 2 นี้พ่อเริ่มมีความคุ้นเคยแล้ว และเป็นการฝึกเข้า
ป่าเพียงชั้นเดียวคือ นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 2 ชั้นที่พ่อเรียนอยู่ ในปี
นั้น นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 1 ยังเรียนรวมเหล่าอยู่ที่โรงเรียนเตรียม
ทหาร แต่การเข้าป่าเพียงชั้นเดียว ก็ทาให้พ่อทาอะไรได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะไม่ต้องคอยดูแลน้องใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับความยากลาบากใน
การเข้าป่า
สีคิ้วมีเทือกเขาสลับซับซ้อนที่เชื่อมโยงเป็นเทือกเดียวกันกับเขาใหญ่
แล้วต่อเลยผ่านกบินทร์บุรีจนกระทั่งเข้าเขตประเทศกัมพูชาไป ยิ่งไปกว่านั้น
ยังมีเสือโคร่งลายพาดกลอนที่ยังคงเดินเที่ยวท่องไปตามแนวเทือกเขานี้ด้วย
เจ้าหน้าที่รักษาป่าที่เขาใหญ่กล่าวว่า ในบางปีจะพบเห็นเสือได้บ่อยครั้ง
แม้กระทั่งที่เขาใหญ่เอง แต่บางปีก็อาจไม่พบเลย เพราะมันอาจจะเดินลัด
เลาะป่าไปจนถึงเขมรก็ได้ ด้วยเหตุที่มีลูกเขามากมายนี่เอง ทาให้การเดินป่า
ของพ่อในปีนี้มีความยากลาบาก นับตั้งแต่ความสับสนในการดูลายเส้น
๑๕
ภูเขาจากแผนที่ การหาพิกัดที่อยู่และการเลือกเส้นทางเดิน มีหลายครั้งที่
เดินไปติดอยู่กลางหุบเขาและไม่มีทางที่จะเดินต่อไป
การเข้าฐานที่พักในวันแรกของพ่อเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการ
ปรับพื้นที่หักล้างถางพงบ้าง แต่เมื่อพ่อจบการฝึกแล้วจะต้องปลูกป่าเสริม
ทดแทนใหม่ทันที ฐานที่พักของพ่ออยู่ติดกับห้วยซับประดู่ ซึ่งเป็นห้วยใหญ่มี
น้าลึกสีเขียวใสสะอาด แลดูเย็นยะเยียบ ในปีนี้ค่ายของพ่อมีชื่อว่า “ค่าย
ชัยพฤกษ์ 26”
การฝึกเริ่มต้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ทีมของพ่อมีทั้งหมด 13 คน การเดิน
แผนที่เข็มทิศเวลากลางวันในครั้งนี้จะยากกว่าที่เคยเดินมาที่ป่าพุโลน การ
เดินตามทางเดินป่าที่ขาด ๆ หาย ๆ จะพาให้หมู่หลงทางได้ง่าย พ่อสามารถ
หาพิกัดที่พ่ออยู่ได้ เล็งจุดหมายและทิศทางได้ แต่ไม่มีเส้นทางให้พ่อเดินไป
พ่อพยายามจะเดินเกาะทางเกวียนก็ไม่สามารถจะทาได้อีก เพราะจะมีรถ
ของข้าศึกสมมุติวิ่งตรวจไปมาอยู่ตลอดเวลาเหมือนเช่นเคย ดังนั้นการเดิน
ป่าในครั้งนี้จึงเป็นการเดินไปตามหนทางที่เงียบสงัดและไร้ผู้คนอย่างไม่รู้จบ
รู้สิ้น
แสงแดดที่โคราชนี่มันช่างร้อนแรงเอาซะมาก ๆ พ่อต้องคอยหาแอ่งน้า
เล็ก ๆ เพื่อแช่รองเท้าคอมแบท หนังสีดาที่ร้อนจนเหม็นไหม้อยู่ตลอดเวลา
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ลูก เพราะพื้นรองเท้าของพ่อมันดูดความร้อนจากพื้น
กรวดหินดินทรายมาใส่เท้าพ่อจนแสบจ๊าก แล้วพ่อก็เดินมาจนถึงที่ ๆ หนึ่ง
ซึ่งมีภูเขาสูงใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า ถ้าจะเดินอ้อมเขาก็คงต้องใช้เวลาอีกกว่า
ครึ่งวัน พ่อต้องกางแผนที่สุมหัวกันกับเพื่อนว่าจะเอาเช่นไรกันดี พอดีเพื่อน
ของพ่อออกเดินสารวจเส้นทางใกล้ ๆ ไปเจอชาวบ้านป่าเข้า พวกพ่อจึงเดิน
๑๖
เข้าไปขอพักกับเขาสักครู่หนึ่ง หลังจากพูดคุยแนะนาตัวกับชาวบ้านป่าจน
สนิทสนมแล้ว ชาวบ้านป่าก็บอกว่ามีทางเดินป่าตัดขึ้นเขาเหมือนกัน แต่
น่าจะลางเลือนไปจนหมดแล้วและอาจเป็นอันตราย บนเขานี้ยังมีปราสาท
หินซึ่งเขาเคยขึ้นไปสารวจและได้หม้อกาไลสาริดมา 1 หม้อ แล้วเขาก็ไปยก
เอามาแจกให้พวกพ่อ แต่พ่อและเพื่อน ๆ ก็ไม่กล้าเอาเพราะเห็นเป็นของเก่า
เป็นเศษกาไลสาริดขึ้นสนิมสีเขียวอยู่ในหม้อดินเก่า ๆ แตก ๆ เต็มไปหมด
ชาวบ้านรับอาสาที่จะพาขึ้นไปดูปราสาทหินแต่ก็บอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ขึ้นไป
หลายปีแล้วป่าอาจปิดหมด พ่อจึงขอบใจเขา เมื่อถามถึงหนทางที่จะไปต่อก็
ได้ข้อมูลว่ามีทางเดียวคือเดินอ้อมเขา พวกพ่อจึงจากบ้านชาวป่าใจอารีคน
ที่ 1 ไป พ่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยในหุบเขาซึ่งมีชื่อว่าเขาผา แล้วก็เจอกับ
ชาวบ้านป่าอีกคนหนึ่ง เขาเรียกร้องให้เข้าไปพักดื่มน้าและเอามะละกอสุก 1
ลูกมาให้แบ่งกันกิน พวกพ่อคุยกับเขานิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็ลาจากไป แต่พ่อ
รู้สึกว่าเขาจะดีใจมาก
พอถึงตอนบ่าย แดดก็ร้อนจี๋ พ่อก็ยังเดิน เดิน เดิน ไป แนวป่าตอนนี้
แห้งแล้งจนน่าถอดถอนใจ หายใจเข้าไปก็มีแต่กลิ่นไหม้ของแดดที่เผาหญ้า
เผาต้นไม้จนแห้งกรอบ แล้วทันทีทันใดนั้น พ่อก็ไปพบดินแดนมหัศจรรย์เข้า
แห่งหนึ่ง พื้นที่ตรงนั้นมันมีลาธารน้าใสแจ๋วไหลเย็นส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ๆ มี
ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มที่ริมขอบลาธาร เลยออกไปเป็นทุ่งหญ้าคากว้างไกลลิบ
ลมพัดอู้ ๆ จนทุ่งหญ้าคาโบกสะบัดเป็นระลอกคลื่นส่งเสียงสวบสาบ ๆ
อย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนภายใต้ท้องฟ้ า อันโล่งกว้าง เลยไปเป็นเนินโค้งสลับ
ไปมาเป็น ลอนลูกฟูก ไกลออกไปจน จดทิวเขายาวที่ปิดกั้นขอบฟ้ าไว้ ใน
ความสงัดนี้สายลมยังพัดเอายอดสนใกล้ ๆ ส่งเสียงหวีดหวิวสูง ๆ ต่า ๆ
๑๗
คล้ายเสียงเพลง มีนกน้อย ๆ บินฉวัดเฉวียนล้อลมส่งเสียงจุ๊บจิ๊บอยู่บนฟ้ า
กว้าง พ่อกับเพื่อนนั่งพักกินข้าวกับไข่ต้มกันอย่างสุขสบาย แต่เวลาก็ไม่เคย
คอยใคร ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องบากบั่นกันต่อไป พ่อจึงต้องจาจาก
สถานที่ที่แสนสงบสุขนั้นไปหลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่พ่อ
จะเดินจากที่นั้นไป พ่อก็หันกลับมาดูภาพอันแสนสวยงามนั้นอีกครั้ง ใบไม้
นั้นถูกลมเป่าแกว่งไหวไปมา แล้วร่วง ผล็อย ๆ ลงสู่พื้นไปเงียบ ๆ ถ้าพ่อไม่
ยืนอยู่ตรงนั้น ก็คงไม่มีใครเคยเห็นภาพเช่นนี้เลย
การเดินทางไกลเวลากลางคืนในหุบเขายิ่งอันตราย การใช้แผนที่เข็ม
ทิศแทบจะไม่มีความหมาย เพราะไม่มีหนทางไป ซ้าเงาภูเขายังบังแสง
สนธยาที่ยังจับขอบฟ้ าไปจนถึง 4 ทุ่มให้หายไปหมดสิ้น พ่อกับพรรคพวก
ต้องเดินเกาะทางเดินป่าเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ ช่วงที่พ่อเดินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มัน
จะมืดมองไม่เห็นอะไรเลย เหมือนเราเข้าห้องที่ปิดสนิทไม่มีช่องหน้าต่าง แม้
พ่อเอามือมาจ่อไว้ที่ตาก็ยังมองไม่เห็น จึงต้องใช้มือคลาระทางไปเรื่อย ๆ แต่
พอเดินออกมายังพื้นที่โล่ง ป่าเปิดห่างออก ตรงนั้นกลับยิ่งยากเพราะอาจจะ
ทาให้เดินเป๋ หลงออกนอกเส้นทางได้ แนวเส้นทางที่เคยเกาะร่องไม้เดินนั้น
จะสลัวรางหายไปกับความมืด ต้องคาดเดาเส้นทางจนกว่าจะเจอแนวป่าอีก
ครั้งหนึ่ง จึงจะเลาะหาช่องทางเดินผ่านป่าได้อีก ขณะที่พ่อเดินไปนั้น พ่อก็
สงสัยว่าใครมาจุดคบไฟบนยอดเขา หรือครูฝึกขึ้นไปจุดไว้ให้เป็นที่สังเกตกัน
พวกพ่อหลงทาง ในที่สุดพ่อก็รู้ว่าไม่ใช่ แต่เป็นดาวประจาเมือง (ดาวพระ
ศุกร์) นั่นเอง พ่อก็เลยเดินเกาะดาวนั้นกลับสู่ฐานได้สาเร็จ
คืนหนึ่งพ่อกับพวกพลางหน้าด้วยสีดาเดินผ่านเข้าไปในที่ของ
ชาวบ้านป่าที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า ชาวบ้านได้ยินเสียงกรอกแกรกเมื่อพ่อ
๑๘
เดินผ่านใกล้เข้ามา เขาคว้ามีดโต้วิ่งลงมาจากบ้านใต้ถุนสูง เมียเขาก็ยืนร้อง
หวีด ๆ อยู่บนบ้านคิดว่าพวกพ่อเป็นโจร พวกพ่อก็ช่วยกันตะโกนบอกว่าเป็น
ทหาร เขาวิ่งมากราบเท้าและพร่าบ่นว่าคืนนี้เขาคิดว่าคงถึงวันตายของเขา
แน่แล้ว พวกพ่อบอกว่าต้องขอโทษด้วย คิดว่าผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งให้ทราบ
แล้วว่าจะมีทหารมาฝึกในบริเวณป่านี้กัน แล้วพ่อก็โบกมือลาเขา เดินลับไป
ในความมืดอย่างโล่งใจต่อไป
คืนหนึ่ง พ่อก็ได้ฝึกซุ่มโจมตี พ่อและเพื่อน ๆ ก็นอนเงียบบนพื้นดิน
กรวดหญ้าข้างทางเกวียนที่ตัดผ่านทุ่งกว้าง ดวงดาวทอแสงระยิบระยับ
กระจ่างใสปราศจากแสงรบกวนเหมือนในเมือง รถเสบียงฝ่ายข้าศึกจะผ่าน
มาตอนเวลา 5 ทุ่ม แต่ตอนนี้มันช่างอิสรเสรีและปลอดโปร่งหัวใจอย่างที่สุด
เมื่อรถบรรทุกเสบียงของข้าศึกวิ่งผ่านมา พวกพ่อก็ลุกขึ้นพร้อมกันแล้วยึด
เอารถและเสบียงมาได้
วันต่อมาพ่อไปฝึกไต่ข้ามลาน้าที่ลาตะคอง ไม่ใช่ที่เขื่อนลาตะคองนะ
ลูก แต่เป็นลาน้าลาตะคองที่ไหลผ่านป่าไม่มีผู้คนทางแถบสีคิ้ว พ่อต้องนั่ง
รถ GMC ไป การไต่เชือกข้ามลาน้านั้นยากกว่าที่คิด พ่อต้องสะพายปืนคาด
ไว้ที่กลางหลัง เอาตัวทาบกับเส้นเชือก เอาปลายเท้าขวาเกี่ยวเชือกไว้ ส่วน
ขาซ้ายทิ้งดิ่งช่วยทรงตัว พ่อไต่เชือกข้ามลาน้าได้สาเร็จ ส่วนเพื่อนพ่อนั้นตก
น้ากันเยอะทีเดียว ผลของการตกน้าก็คือ เขาต้องมานั่งทาความสะอาดปืน
และชักน้ามันใหม่ ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควรเชียวหละ
และแล้วการฝึกเข้าปัญหา 72 ชั่งโมงก็มาถึง พ่อและพวก ๆ ได้รับแจก
ปลาสลิดตัวเล็ก ๆ มาคนละ 1 ตัว พริกสด ข้าวสาร 1 กามือ ปลากระป๋ อง 1
กระป๋ องและเกลือ มีเพียงเท่านั้นสาหรับการดารงชีพในป่า 3 วัน 3 คืน ทั้ง 3
๑๙
วัน 3 คืนนี้พวกพ่อจะต้องเลี้ยงตัวให้รอดและต้องระวังตัวจากการถูกโจมตี
เมื่อถึงเวลา ทุกคนถูกไล่เข้าป่า ต้องหาที่กบดานเอาเอง อย่างไรจึงจะ
ปลอดภัย ไม่มีน้าอาบ ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรอื่นอีกทั้งสิ้น พ่อจะ
รู้เพียงที่ตั้งของกองอานวยการฝึก ซึ่งไปตั้งเป็นเต็นท์เฉพาะกิจ ณ โรงเรียน
กลางป่าแห่งหนึ่ง เมื่อมีเหตุฉุกเฉินจาเป็น เจ็บไข้ได้ป่วยจึงจะกลับเข้าไปได้
พวกพ่อเลือกได้ภูมิประเทศเหมาะแห่งหนึ่ง เป็นหน้าผาสูงประมาณ
20 เมตร บริเวณนั้นเป็นลานหินสลับกับต้นไม้ใหญ่ จากชะง่อนผาที่มีทาง
ขึ้นเพียงทางเดียวนี้พ่อสามารถตรวจการณ์รอบ ๆ ค่ายที่พักได้ดี และยิ่ง
ตอนเวลาพ่อยืนดูพระอาทิตย์ตกดินแล้ว มันช่างน่าดูและงดงามมาก ใน
เวลากลางคืน ท้องฟ้ าที่โอบรอบก็มีดวงดาวสว่างสุกใสนับพัน ๆ ดวงทอแสง
แวววาวอยู่ไม่มีอะไรบดบัง เพื่อนพ่อประหลาดใจมาก เมื่อพ่อรู้จักกลุ่มดาว
ทุกกลุ่ม ในยามค่าคืนที่ปลอดโปร่งและยังไม่มีอะไรต้องทา พ่อก็เริ่มเล่า
นิยายดาวให้เพื่อนของพ่อที่สนใจฟัง
พ่อจากัดอาหารด้วยการกินวันละ 1 มื้อ ประกอบด้วยข้าวต้มใส่น้า
มาก ๆ ต้มยาปลากระป๋ องใส่น้ามาก ๆ โรยเกลือ โชคดีอย่างนึง พวกพ่อออก
สารวจพื้นที่ไปพบต้นมะม่วงป่าที่ออกลูกดกมากจนเก็บแทบไม่หมด ลูกโต
พอกินได้ดิบ ๆ แม้จะรสเปรี้ยวจัดก็ตาม เมื่อนามาซอยใส่ต้มยาปลากระป๋ อง
มาก ๆ ก็ทาให้กินพออิ่มได้เหมือนกัน พวกพ่อเก็บมาได้จนมากเกินพอ จึงใช้
แทะกินเล่นแก้หิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีหัวปลีบ้าง มะละกอดิบบ้าง
พอจะช่วยบรรเทาความหิวได้เป็นช่วง ๆ โชคดีซ้าสองที่ฐานของพ่อไม่ถูก
โจมตีเลย พ่อจึงมีหน้าที่อย่างเดียวคือดารงชีพอยู่ให้ได้
๒๐
ในสองวันแรก อาหารที่พวกพ่อนามารวมกันไว้ก็หมดลง ข้าวต้มน้า
โหรงเหรงใส่เกลือกับปลาสลิดย่างตัวน้อยหมดไปแล้ว รวมทั้งน้าที่บรรทุกมา
คนละ 2 กระติกก็หมดลง โรงเรียนที่เป็นที่ตั้งของกองอานวยการฝึกมี แท็งก์
ปูนเล็ก ๆ ไว้ใส่น้าให้นักเรียนเด็ก ๆ ดื่มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้ใช้
เพราะมีไม่เพียงพอสาหรับพวกพ่อตั้ง 100 กว่าคน และที่สาคัญก็คือ ทาง
โรงเรียนก็ต้องรักษาน้าไว้ดื่มเช่นกัน โรงเรียนนี้อยู่ห่างจากฐานที่ตั้งของพ่อ
ประมาณ 5 กิโลเมตร ลูกว่าพ่อจะทาอย่างไร
คาตอบก็คือ มีร้านกระต็อบมุงจากเล็ก ๆ ขายของกินของใช้จุกจิก อยู่
ห่างออกไปจากค่ายพักของพ่อราว 7 กิโลเมตร ณ กระต็อบนั้นมีข้าศึก
สมมุติเฝ้ าอยู่ตลอดวันตลอดคืน
มันคือเกมส์การเอาตัวรอดลูก กลางดึกของคืนที่ 2 พวกพ่อส่งสาย
ออกไปซุ่มรอบ ๆ ร้านค้า ข้าศึกนั่งจุดตะเกียงดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะไม้ตรงเพิง
หน้าร้าน เมื่อพ่อดูจนแน่ใจจึงลัดเลาะค่อย ๆ แอบไปทางหลังร้านกับเพื่อน ๆ
เจ้าของร้านก็ดูจะรู้เห็นเป็นใจและเข้าใจดี พวกพ่อรีบกรอกน้าจากตุ่มน้าใส่
กระติกซึ่งร้อยเข็มขัดสนามมาเป็นพวง พ่อคิดว่าตุ่มน้านั้นทางกองฝึกเขา
เป็นคนเอามาตั้งไว้ให้นั่นแหละ นอกจากนั้น พ่อก็ได้มาม่ามา 10 ห่อ
(แน่นอนว่าพวกพ่อบางคนก็แอบลักลอบติดเงินมาจนได้) คืนนั้นหลังจากต้ม
มาม่ากินกันจนอิ่มหนาสาราญ พ่อก็นอนดูดาวดื่มด่ากับบรรยากาศของ
ธรรมชาติอันสงัดวิเวกในป่าเปลี่ยวอย่างสบายใจ เสียงจิ้งหรีดเรไรในป่าตอน
หัวค่านั้นมันดังมากนะลูก แล้วก็ช่างฟังไพเราะเสียจริง ๆ ตกดึก 4 ทุ่มไป
แล้วเสียงต่าง ๆ จึงค่อยเงียบซาลงไป
๒๑
การฝึกในป่ากินเวลานาน 15 วัน หลังจากนั้นเป็นการเดินทางด้วยเท้า
จากสีคิ้วเลาะแนวเขามุ่งหน้าสู่กองบิน 1 ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร
ในระหว่างนี้มีการพักแรมกลางทางอีก 1 คืน แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะทาเพิงที่
พักหลังผ่านการเดินทางทั้งร้อนและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในตอนกลางวัน
มาแล้ว พวกพ่อเอาผ้าขาวม้าปูแล้วนอนกลางดินกันเลย ตอนเย็น พ่อก็
ยังคงต้องเรียกเฮลิคอปเตอร์เพื่อรับเสบียงอาหารและจดหมายเมล์อีกเช่น
เคย แต่คราวนี้ไม่มีข้าศึกมาแย่ง พ่อได้รับจดหมายจากย่าทุกเที่ยวเมล์เลย
ในการเดินช่วงสุดท้ายก่อนเข้าโคราช พ่อได้รับมอบหมายให้เป็นคนนาทาง
เพื่อหาทางเข้าสู่กองบิน 1 ถึงตรงนี้ก็สบายมากสาหรับพ่อ เพราะพ่อคุ้นเคย
กับพื้นที่เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อเห็นหลังคาโรงงานแถบโคกกรวดลิบ ๆ แล้วก็
ประมาณเส้นทางเลาะมาด้านหลังเข้าชนประตูกองบิน 1 ได้อย่างสบาย ๆ
การใช้ชีวิตในป่านั้นเหนื่อยหนักมากลูก แต่พ่อก็มีอิสระกับความสงบ
เงียบของป่าและยังได้ฝึกให้มีความอดทนต่อความยากลาบาก เมื่อกลับเข้า
เมืองแล้ว พ่อก็รู้สึกอยากจะกลับเข้าไปใช้ชีวิตที่สันโดษในป่าเช่นนั้นอีกเสีย
จริง ๆ ถึงตอนนี้ลูกคงรู้แล้วว่าทาไมพ่อถึงชอบพาลูก ๆ ไปเที่ยวป่าเขาใหญ่
ใช่ไหมละลูก
๒๒
TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess
BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss
J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S
_______________________________________________________________________________________________
ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร
ภาคภาค 33
ป่ า ลา เ ห ยป่ า ลา เ ห ย : ก า ญ จ น บุ รีก า ญ จ น บุ รี
เมื่อพ่อขึ้นชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายเรืออากาศ ภารกิจการเข้าป่าภาคฤดู
ร้อนถูกงดไป แต่แทนที่ด้วยการฝึกพลร่มอันหนักหน่วงถึง 1 เดือนเต็ม การ
ฝึกทหารพลร่มนั้นพ่อต้องโกนหัว แล้วก็ถูกฝึกอย่างบีบคั้นและกดดันจนถึง
ขนาดต้องบ้าเลือดจึงจะพร้อมรับกับความเสี่ยงอันตรายในรูปแบบของ
ทหารพลร่มได้
ในชั้นปีที่ 4 พ่อเริ่มเป็นนักเรียนผู้ใหญ่แล้ว จึงฝึกเพียงการฝึกป้ องกัน
ฐานบินที่กองบิน 1 โคราชบ้านเรานี่เอง
ส่วนชั้นปีที่ 5 พ่อฝึกการเดินอากาศ ซึ่งพ่อได้เดินทางไปประเทศ
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บาหลีไปจนถึงประเทศออสเตรเลียโน้นเลยทีเดียว พ่อ
ได้เห็นดาวหางฮัลเล่ย์ (Halley’s Comet) ตอนที่พักอยู่แคนเบอร์ร่า แล้วก็ได้
ถ่ายรูปเอาไว้ด้วยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2529 คืนนั้นอากาศที่แคนเบอร์ร่ามัน
ช่างหนาวเหน็บจริง ๆ
เมื่อพ่อจบชั้นปีที่ 5 เพื่อน ๆ ของพ่อต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปบรรจุ
ทางาน ส่วนหนึ่งได้รับบรรจุ ณ ส่วนราชการต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ อีก
ส่วนหนึ่ง 45 คน ได้เข้าโรงเรียนการบินกาแพงแสนซึ่งก็รวมถึงพ่อด้วย
๒๓
ก่อนที่จะเข้าฝึกบินชั้นประถม พ่อต้องฝึกการยังชีพในป่ากาญจนบุรีเสียก่อน
เอาละ พ่อเคยเล่าแต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเข้าป่าให้ลูกฟัง คราวนี้พ่อจะ
เล่ารายละเอียดตามสมุดบันทึกของพ่อให้ฟังนะลูกนะ
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2530
ตอน 7 โมงเช้าพ่อเดินทางจากโรงเรียนนายเรืออากาศไปยังโรงเรียน
การบินกาแพงแสนด้วยรถบัสปรับอากาศของกองทัพอากาศ พ่อไปถึงที่
กาแพงแสนก็ราว ๆ สัก 9 โมง พอไปถึงครู (เรืออากาศเอก) สุทธิรัตน์ซึ่งมี
ความเชี่ยวชาญในเรื่องการยังชีพในป่าก็อบรมภาควิชาการกันเลย พ่อต้อง
เรียนรู้เรื่องแผนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน , การปฐมพยาบาล, การส่ง
สัญญาณ, อันตรายในป่า, การเจ็บไข้ในป่า, การเดินป่า, การหาที่พัก, การ
หาน้าและหาอาหารจากป่า เป็นต้น จนถึงเที่ยง พ่อถึงได้พักกินข้าว เวลา
บ่ายโมงตรงพ่อต้องเข้าเรียนต่อ จนถึง 5 โมงเย็น พ่อถึงได้จัดข้าวของและ
อาบน้าที่โรงนอนของแผนกฝึกยังชีพ โรงเรียนการบินกาแพงแสนนั่นเอง ที่
โรงนอนนี้พ่อเคยพักมาแล้วสมัยพ่อเข้าฝึกหลักสูตรพลร่มตอนชั้นปีที่ 3 ที่
นอนนั้นเป็นเตียง 2 ชั้น 2 แถวเรียงยาวต่อกันไป พ่อนอนอยู่เตียงบน มีตู้
เหล็ก 2 ชั้นเอาไว้ให้ใส่ของอยู่ตรงหัวเตียง พื้นที่ระหว่างเตียงและทางเดิน
นั้นแคบมาก แต่ก็พอที่พ่อจะใช้นั่งขัดรองเท้าได้ ตอน 6 โมงเย็น หลังเคารพ
ธงชาติแล้วก็รับประทานอาหารเย็นกันตามสบายที่โรงเลี้ยง ไม่เหมือนสมัยที่
พ่อฝึกทหารพลร่มที่ให้เวลาเพียง 10 วินาทีหรืออย่างดีก็ไม่เกิน 1 นาที ซึ่ง
ต้องเอาข้าวใส่ปากแล้วกลืนอย่างเดียวเพราะว่าพ่อหิวและการฝึกต้องใช้
กาลังกายมาก กินข้าวเสร็จแล้วก็ได้นั่งพักผ่อนกันสบาย ๆ บรรยากาศของ
๒๔
กองแผนกฝึกยังชีพก็ยังคงเหมือนเดิม คือเงียบสงบ แต่มีงานภารกิจอันหนัก
อึ้งรออยู่ ตอน 1 ทุ่มพ่อก็เข้าห้องฝึกฝน ใครจะอ่านหนังสือหรือทาอะไรก็ได้
ตามสบาย จนถึง 2 ทุ่ม หลัง 2 ทุ่มแล้วก็ปล่อยให้ทาธุระส่วนตัวอะไรก็ได้ไม่
ต้องอยู่ในห้องฝึกฝน พ่อรู้สึกสบายมาก ๆ ไม่เหมือนครั้งฝึกทหารพลร่ม ซึ่ง
ตอนนั้นแผนกฝึกยังชีพนี้เหมือนยังกับนรก เพราะพ่อยังมีสถานะเป็น
นักเรียนอยู่ แต่ตอนนี้พ่อเป็นนายทหารสัญญาบัตรและได้รับพระราชทาน
กระบี่จากพระหัตถ์ของในหลวงมาแล้ว การฝึกอบรมจึงทุเลาความเข้มงวด
ลงไปบ้าง
ตอน 2 ทุ่มครึ่ง ทุกคนจะไปรวมแถวกันที่หลักศาล ซึ่งเป็นหลักสีทอง
และมีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐานอยู่ 2 องค์ ทั้งหมดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่
แผ่ใบปกคลุมไปทั่ว ลมพัดมาเย็นซู่ ซู่ ใบไม้ในป่าข้างที่พักส่งเสียงเกรียว
กราว ใบระกาทองเหลืองที่แขวนไว้กับกิ่งไม้เหนือองค์พระส่งเสียงก๋องแก๋ง ๆ
สวดมนต์เสร็จก็รอเวลา 3 ทุ่มทุกคนจึงดับไฟนอน คนที่ต้องเข้าเวรยามก็
ผลัดกันทาหน้าที่ตามตารางเวรยามไป แต่ไม่ต้องระวังครูฝึกจะมาขโมยธง
ประจากลุ่มเหมือนเช่นการฝึกทหารพลร่ม
วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530
เช้ามืด เวลาตี 5 ครึ่ง เพื่อนพ่อที่เข้าเวรผลัดสุดท้ายทาหน้าที่เป่า
นกหวีดปลุก พ่อรีบแต่งตัวชุดพละออกวิ่งตามเส้นทางในป่าเหมือนสมัย
เรียนทหารพลร่ม แต่ระยะทางที่วิ่งสั้นกว่าเดิมมาก รวมทั้งไม่ต้องวิ่งลุยไป
ตามถนนฝุ่นที่พาเข้าไปยังหอสูง 34 ฟุต คงวิ่งไปตามถนนลาดยาง ซึ่งก็ดี
สาหรับพ่อ คือทาให้รองเท้าผ้าใบสีขาวไม่สกปรกง่าย พอ 6 โมงเช้าก็ทา
๒๕
ความสะอาดบริเวณรอบ ๆ กองฝึก 6 โมงครึ่งจึงได้อาบน้าเปลี่ยนเป็นชุดฝึก
รวมแถวกินข้าวเช้าตอน 7 โมง พอ 7 โมงครึ่งก็เข้าแถว ครูฝึกมาตรวจ
เครื่องแบบและรอเคารพธงชาติ
เช้าวันนี้พ่อยังเรียนทฤษฎีของการยังชีพกันในห้องเรียน แต่ตอนบ่ายก็
ออกไปฝึก Hoist Operations ที่สนามกระโดดร่ม การฝึกกว้านรับคนขึ้น
เครื่องเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิต (Search & Rescue) ในพื้นที่ข้าศึกนี้สนุกและ
ตื่นเต้นหวาดเสียวน่าดู เริ่มด้วยการใช้วิทยุติดต่อเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิตให้
มารับ ณ จุดนัดหมาย ซึ่งพ่อเคยฝึกมาจนชานาญแล้ว จากนั้นเฮลิคอปเตอร์
จะหย่อนเครื่องกว้าน (Penetrator) มารับขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่
สูงประมาณ 50 ฟุตครั้งละ 2 คน เครื่องกว้านจะค่อย ๆ กว้านขึ้นไปจนถึงสกี
ของเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นพ่อก็จะต้องปีนเกาะสกีเข้าไปในเครื่อง ตรงนี้นี่เอง
ที่น่าหวาดเสียว เพราะสกีเฮลิคอปเตอร์จะลื่นและระยะระหว่างเครื่องกว้าน
และตัวเครื่องก็ค่อนข้างห่างและปีนไม่ถนัดเอาเสียเลย มองลงไปเห็นแต่ขา
ของพ่อเองห้อยต่องแต่งลอยอยู่กลางอากาศสูงลิบ มีจุดระวังอีกเล็กน้อยก็
คือตอนที่เฮลิคอปเตอร์หย่อนเครื่องแขวนลงมาจะไปจับถูกมันก่อนที่มันจะ
สัมผัสพื้นไม่ได้ เพราะจะมีกระแสไฟฟ้ าอ่อน ๆ ดูดทันที การฝึกนี้ต้องฝึกให้
เกิดทักษะในการนาไปปฏิบัติจริง ๆ เพราะหากเครื่องบินที่พ่อบินตก พ่อ
จะต้องรู้ขั้นตอนในการปฏิบัติ (Procedure), วิธีปฏิบัติ จะได้มีประสบการณ์
สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นการฝึกนี้ต้องปฏิบัติเองทุกคนมิใช่การ
ฝึกแบบสาธิต
4 โมงเย็นพ่อก็กลับมาที่แผนกยังชีพ ตอนพักการฝึก พ่อไปยืนดู
นักเรียนผู้บังคับหมวดกระโดดหอสูง 34 ฟุตซึ่งก็เหวอหวากันน่าดู เพราะเขา
๒๖
มาฝึกแค่ทดสอบกาลังใจ แต่สมัยพ่อเรียนทหารพลร่มต้องกระโดดหอสูงไม่
ต่ากว่า 15 เที่ยว เพื่อให้สามารถครองสติได้อยู่ หากกระโดดมาแล้วตรวจร่ม
ไม่กาง จะได้สามารถกระตุกร่มช่วยได้ทัน ไม่ใช่การกระโดดเล่นเช่นนี้พอ 4
โมงครึ่ง พ่อก็มาฝึกยิงปืนสั้นที่สนามรอกวิ่งลงพื้น ซึ่งไม่ใช่การฝึกยืนยิงหรือ
ฝึกเล็งเปล่า ๆ เปลี้ย ๆ แต่เป็นการฝึกการยิงแบบยุทธวิธีที่มีการกลิ้ง หลบ ตี
ลังกาและฉากหลีก เหมือนกับที่พ่อเคยดูในหนังไทยแล้วเห็นว่ามันตลกเต็ม
ที ฝึกกันจนถึง 6 โมงเย็นแล้วจึงได้พักกินข้าวอาบน้า ตอนทุ่มครึ่งพ่อก็มา
พักผ่อนเล่นหมากฮอร์สกับเพื่อน ๆ ที่ห้องฝึกฝนจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง จึงสวดมนต์
แล้วเตรียมตัวเข้านอนในเวลา 3 ทุ่มตรง
อย่างที่พ่อบอกนั่นแหละลูก การมาฝึกในครั้งนี้พ่อมาในฐานะ
นายทหารที่ประดับยศว่าที่เรืออากาศตรีแล้ว ดังนั้นการปฏิบัติของครูฝึกจึง
แตกต่างไปจากเดิมสมัยที่พ่อเป็นนักเรียนนายเรืออากาศอย่างมากมาย
วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2530
เช้าวันนี้พ่อก็ตื่นเวลาเดิมคือตอนตี 5 ครึ่ง แล้วก็ปฏิบัติกิจวัตร
เหมือนกับเมื่อวานนี้ช่วงเช้ามีการเรียนเรื่องการช่วยชีวิต โดยเรืออากาศโท
สุทัศน์ ซึ่งเป็นนายทหารปกครอง ศิษย์การบินชั้นประถม ตอนบ่ายเรียนเรื่อง
สรีระวิทยาการบิน ซึ่งจะสอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย
มนุษย์เมื่อขึ้นไปอยู่ในอากาศที่สูง ๆ ภาวะการขาดออกซิเจนที่มีเบาบางใน
อากาศตั้งแต่ 10,000 ฟุตขึ้นไป การเคลื่อนไหวที่ผิดแผกไปเมื่ออยู่ในอากาศ
ซึ่งจะแตกต่างจากการเดินด้วยเท้าติดพื้นตามปกติธรรมดาของคนเรา การ
บินรบในอากาศเป็นการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงทั้ง 3 มิติ รวมทั้งอาการต่าง
๒๗
ๆ ที่อาจจะไม่เกิดบนพื้นแต่จะแสดงอาการเมื่อขึ้นไปที่สูง เช่น หูอื้อ ปวดฟัน
เนื่องจากมีโพรงอากาศในฟันที่อุดไม่ดี ปวดท้องเนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะ
เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ปรากฏอาการที่พื้น แต่จะแสดงอาการเมื่ออากาศ
ขยายตัวเพิ่มปริมาตรมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่สูง เพราะในที่สูงความดันอากาศ
จะลดลง ทาให้ฟองอากาศเล็ก ๆ ขยายใหญ่มากขึ้นได้ พอเรียนจบแล้วก็ไป
ฝึกยิงปืนต่อจนถึง 6 โมงเย็น ในตอน 1 ทุ่มครึ่ง พ่อเข้าประชุมเรื่องการ
เตรียมตัวและข้าวของที่ต้องในวันรายงานตัวเป็นศิษย์การบิน ทาให้
บรรยากาศเริ่มจะเครียดขึ้น แต่พ่อก็คิดว่า เอาไว้สู้กันวันหน้า วันนี้ขอ
พักผ่อนให้สบายใจก่อน
พ่อยังสงสัยว่า ตัวพ่อเองจะบินเครื่องบินได้หรือเปล่า
วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2530
ตอนเช้าพ่อเรียนวิชาการหลบหลีก หลีกหนี เรื่องการแสวงหาน้าและ
อาหารในป่า ครู (พันจ่าอากาศเอก) ประคองสอนได้สนุกและได้ความรู้
มากมาย ครูประคองแนะนาพืชที่กินได้ในป่าของประเทศไทยเรา ไปตัดเอา
เถาวัลย์ของจริงมาให้ดูกันเลย ซึ่งก็ไปหาเก็บมาจากแถวป่าแถบแผนกยังชีพ
นั่นแหละ การหาน้าจากเถาไม้ , การทาที่รองน้าค้าง, การหาน้าจากดินโดย
ขุดหลุมเอาใบไม้สดใส่ลงไปเยอะ ๆ เอากระป๋ องรองน้าวางไว้ตรงกลาง แล้ว
เอาผ้าปานโจ (ผ้าชุบยางกันน้าชนิดหนึ่ง) ที่ทุกคนต้องมีติดตัวอยู่แล้วเอาไป
ปิดปากหลุมไว้ จากนั้นเอาก้อนหินถ่วงตรงกลางเหนือกระป๋ อง ทิ้งไว้ให้แดด
เผาสักครู่ ก็จะมีละอองน้ามาเกาะแล้วไหลหยดลงในกระป๋ องใช้ดื่มได้
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า
เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า

More Related Content

More from Washirasak Poosit

Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverEarly Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverWashirasak Poosit
 
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพบรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพWashirasak Poosit
 
อบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการอบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการWashirasak Poosit
 
บรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Educationบรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military EducationWashirasak Poosit
 
บรรยายหลักนิยม วทอ.
บรรยายหลักนิยม วทอ.บรรยายหลักนิยม วทอ.
บรรยายหลักนิยม วทอ.Washirasak Poosit
 
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาเล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาWashirasak Poosit
 
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อเรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อWashirasak Poosit
 
ลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังWashirasak Poosit
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงWashirasak Poosit
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnWashirasak Poosit
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional SecuritytWashirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8Washirasak Poosit
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1Washirasak Poosit
 

More from Washirasak Poosit (20)

Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter WeverEarly Air Power Theorists: Major General Walter Wever
Early Air Power Theorists: Major General Walter Wever
 
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพบรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
บรรยายวิชาการบริหารคุณภาพ
 
อบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการอบรมข้าราชการ
อบรมข้าราชการ
 
บรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Educationบรรยาย Professional Military Education
บรรยาย Professional Military Education
 
บรรยายหลักนิยม วทอ.
บรรยายหลักนิยม วทอ.บรรยายหลักนิยม วทอ.
บรรยายหลักนิยม วทอ.
 
Thai National Security Law
Thai National Security LawThai National Security Law
Thai National Security Law
 
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนาเล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
เล่าเรื่องหนังสือชุดสถาบันสถาปนา
 
เรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อเรื่องเล่าของพ่อ
เรื่องเล่าของพ่อ
 
ลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟังลุงเล่าให้ฟัง
ลุงเล่าให้ฟัง
 
บทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึงบทกวีและบทรำพึง
บทกวีและบทรำพึง
 
The infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavnThe infinite journey kobenhavn
The infinite journey kobenhavn
 
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional SecuritytAn Essay on, The Expansion of  ASEAN: Implications for Regional Securityt
An Essay on, The Expansion of ASEAN: Implications for Regional Securityt
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า2
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า3
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า4
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า5
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า6
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า7
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า8
 
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
โรงเรียนที่บ้านอนุบาลจ๋าจ้า1
 

เรื่องเล่าของพ่อท่องป่า

  • 1. TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S “เรื่องเล่าของพ่อ” ชุด “ป่าดงพงไพร” เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจาก เรื่องสั้นชุด “ป่าดงพงไพร” ที่พ่อเขียนไว้เมื่อปีพุทธศักราช 2534 เนื้อหาของ เรื่องราวนั้นรวบรวมมาจากอนุทิน (Diary) ที่พ่อบันทึกเอาไว้ตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2525 เป็นต้นมา เรื่องราวต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด มิได้มี การแต่งเติมส่วนใดเพิ่มเพื่อความสนุกสนานแต่ประการใด ยกเว้นการแปลง สานวนให้เป็นเรื่องเล่าตามที่พ่อเคยเล่าเกร็ดต่าง ๆ จากการเข้าฝึกในป่า ของพ่อให้ลูกฟังก่อนนอนนั่นเอง ดังนั้น ลูกจะได้รับรู้ถึงหนทางที่ผ่านมาของ พ่อในอดีตอย่างแท้จริง ตรงตามอนุทินที่พ่อบันทึกไว้ทุกตัวอักษร อย่างไรก็ตาม พ่อได้ตัดเรื่องราวบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ เหมาะสมออกไปบ้าง ลูกยังคงขออ่านจากอนุทินของพ่อได้ ถ้าลูกต้องการ และนี่คือการผจญภัยของพ่อ พ่อจะเล่าให้ฟัง....
  • 2. ๒ TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S _______________________________________________________________________________________________ ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร ภาคภาค 11 ป่ า พุ โ ล นป่ า พุ โ ล น : ล พ บุ รีล พ บุ รี พุทธศักราช 2525 ปีนั้นพ่ออยู่โรงเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 1 โรงเรียนของพ่อตั้งอยู่ ตรงกันข้ามกับกองบัญชาการกองทัพอากาศที่ดอนเมือง กรุงเทพ ฯ พ่อเรียน วิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมอากาศยาน (Aeronautical Engineering) ที่สถาบันแห่งนี้ในปีที่ 1 นี้พ่อจะเรียนในวิชาพื้นฐานทางด้านวิศวกรรม และจะไปเรียนสาขาเฉพาะทางก็ต่อเมื่อพ่ออยู่ปี 3 โน้น การเรียนของพ่อนั้น หนักเอาการอยู่ เพราะถึงจะเป็นโรงเรียนทหารแต่เขาก็ไม่ได้ลดมาตรฐาน การเรียนเลย ในปีหนึ่ง ๆ จะมีนักเรียนตกซ้าชั้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าในปีที่พ่อเรียน พ่อมีเพื่อนนักเรียน 135 คน แต่ตกซ้าชั้นถึง 13 คน เห็นไหมลูก ว่าการเรียนนั้นต้องใช้ความมานะพยายามเช่นไร ลูกรู้ ไหมว่าทาไมเพื่อนของพ่อจึงต้องตกซ้าชั้น สาเหตุก็เพราะว่าการเป็นนักเรียน ทหารนั้น ต้องทั้งเรียน ทั้งเข้าเวรยาม และทั้งฝึกตามแบบธรรมเนียมของ ทหารอย่างหนักมากนั่นเอง ทั้งกองฝึกและกองการศึกษาไม่เคยผ่อนปรน มาตรฐานให้กันและกันเลย เมื่อถึงเวลาเรียน หลายคนจึงนั่งหลับอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้
  • 3. ๓ มีนาคม 2525 การฝึกภาคสนามฤดูร้อนปีแรกเริ่มขึ้นแล้ว นักเรียนนายเรืออากาศทุก คนจะต้องเข้ารับการฝึกภาคสนามในป่า ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 20 วัน ทั้ง 20 วันนี้พ่อจะต้องสมบุกสมบันทุกรูปแบบให้สมกับเป็นชายชาติทหาร ถึงแม้ว่าพ่อจะเป็นทหารอากาศ แต่ครูฝึกที่มาจากเหล่าอากาศโยธินก็ไม่มี การอ่อนข้อให้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานการฝึกทหารของกองทัพ ไทย ถ้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกเขาจะเรียกชื่อการฝึกภาคสนามนี้ว่า “เสือคาบดาบ” และจะได้เครื่องหมายเป็นรูปหัวเสือคาบดาบประดับที่อก ด้านซ้ายด้วย รถบรรทุก GMC พาพ่อกับเพื่อน ๆ ออกจากโรงเรียนนายเรืออากาศ มุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือสู่จังหวัดลพบุรี รถบรรทุกทั้ง 10 คันวิ่งตามกันเป็น ขบวนและใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงถึง “ป่าพุโลน” นี่เป็นการเข้าป่าจริง ๆ ครั้ง แรกในชีวิตทหารของพ่อนับตั้งแต่พ่อได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหารเป็นต้นมา เมื่อพ่ออยู่โรงเรียนเตรียมทหารก็มีการฝึกภาคสนาม แต่ทางโรงเรียนจะพา ไปนอนที่ค่ายทหารมีโรงเลี้ยงประกอบอาหาร มีที่พักโรงนอนไม่ลาบาก แต่ การเข้าป่าจริง ๆ นั้นมันแตกต่างกันลิบลับ มันเป็นความรู้สึกที่พ่อยากจะ อธิบาย มันมีความเหนื่อยที่หยุดไม่ได้ เหนื่อยแล้วก็หยุดไม่ได้ เหนื่อยอีกก็ หยุดไม่ได้ เป็นอย่างนี้เสียจนมึนชา มันมีความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาตั้งแต่ ปลายรองเท้าหนังคอมแบทยันหมวกเหล็กที่สวมใส่อยู่บนหัว , มีสัมภาระยัง ชีพที่หนักอึ้งบนหลัง, มีเหงื่อที่ไหลชุ่มอยู่ในอกแล้วไหลตกลงผ่านร่องหน้า แข้งไปจนชุ่มรองเท้าคอมแบท และยังมีปืนประจากายแบบ M-16 ที่ต้อง
  • 4. ๔ กอดรักษาไว้แนบกายยิ่งกว่าชีวิต หากทาปืนหายหรือถูกขโมยจากครูฝึก ก็ หมายถึงบทลงโทษอันหนักหนาสาหัสทีเดียว ถึงแม้คืนนี้ความยากลาบากของพ่อจะเลือนหายไปกับกาลเวลาที่ ผ่านมานานแสนนานแล้ว แต่พ่อยังจากลิ่นของฝุ่นดินที่ฟุ้ งตลบอบอวลได้ดี รถบรรทุกทหารของพ่อถ่ายกาลังพลลงตามถนนฝุ่นดินแดงที่ดูยาวไกลไม่ รู้จักจบจักสิ้น ถนนนี้ยาวลิบลับแล้วซ่อนหายเข้าไปในแนวป่า จากนั้นก็พุ่ง เลยไปจนถึงภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป ขณะที่พวกพ่อเดินไปตามหนทางที่ แห้งแล้งอยู่ ทันใดนั้น เครื่องบิน Peace Maker ก็ปรากฏผงาดอยู่บนท้องฟ้ า เครื่องยนต์ใบพัดของ Peace Maker ส่งเสียงคารามกึกก้องแล้วโฉบต่าลง มาเหนือหัวของพ่อ พ่อเหลือบไปมองเห็นหัวเครื่องบินที่วาดเป็นปากฉลามสี แดงแยกเขี้ยวสีขาวน่าเกรงกลัว จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจุด ไล่หลังพ่อมาเพื่อไม่ให้ใครหยุดนิ่ง พ่อต้องหมอบคลานพร้อมถุงทะเลและเป้ สัมภาระใบใหญ่แอบไปตามกอไม้เล็ก ๆ ของร่องน้าที่แห้งสนิทริมถนน เมื่อ ทุกอย่างสงบลง พวกพ่อก็เริ่มลุกขึ้นเดินอย่างระแวดระวังไปตามหนทางที่ เงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวข้างหน้า มีแต่แสงแดดแผดกล้า เสียงลมหวิว หวิว เสียงหม้อข้าวสนามและกระติกน้ากระทบกันดังก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก ตลอดเส้นทาง ไม่มีใครพูดจากับใครเลย หลังจากที่พ่อเดินเท้ามาเกือบ 5 กิโลเมตร แดดก็เริ่มเผารองเท้าหนัง คอมแบทสีดาของพ่อจนร้อนจ้วด ๆ พ่อต้องเอาน้าราดที่รองเท้าให้มันเย็นลง มีกลิ่นหนังรองเท้าไหม้ลอยฟุ้ งเข้าจมูก แต่ในที่สุดพ่อก็เดินไปถึงค่ายที่พัก ของพ่อ ซึ่งมีชื่อว่า ”ค่ายชัยพฤกษ์ 25”
  • 5. ๕ ที่ตั้งค่ายพักของพ่อจะติดกับคันดินสูง กั้นอ่างเก็บน้าพุโลนไว้กับพื้น ราบเบื้องล่าง พ่อและเพื่อน ๆ ทุกคนจะต้องปรับพื้นที่และกางเต็นท์ที่พักเอง เที่ยงวันนั้น พวกทหารเกียกกายที่มากับคณะอานวยการฝึกจะเป็นคน ทาอาหารบารุงเลี้ยงแจกจ่ายให้พ่อกิน บริเวณค่ายพักของพ่อมีแท็งก์น้าซึ่ง สารองน้าสีข้นไว้ดื่ม มีเรือเหล็กใส่น้าไว้ให้อาบร่วมกัน ส่วนส้วมนั้นเป็นส้วม คอห่านใช้ใบจากกั้นเป็นห้อง ๆ ฉากใบจากที่กั้นไว้นั้นเมื่อนั่งแล้วสูงแค่ ระดับคอ พ่อสามารถมองเห็นหน้าเพื่อนและคุยกันได้ ในช่วงเวลา 20 วันนี้มีภารกิจที่พ่อต้องทาคือ การเดินทางไกลเพื่อฝึก ความอดทน, การเดินแผนที่เข็มทิศเวลากลางวันและกลางคืน , การฝึกหลบ หลีกและหลีกหนีเวลากลางวันและกลางคืน , การลาดตระเวนหาข่าว กลางวันและกลางคืน, การซุ่มโจมตีกลางวันและกลางคืน, การป้ องกันฐาน ที่ตั้ง, การรับเสบียงจากเฮลิคอปเตอร์ และการยังชีพในป่า 72 ชั่วโมง ภารกิจเหล่านี้ดูแล้วน่าจะเป็นการผจญภัยอันน่าสนุกสาหรับพ่อซึ่งยัง อยู่ในวัยรุ่นในตอนนั้น และมันก็สนุกจริง ๆ ยามเมื่อพ่อได้นึกถึงมัน แต่ไม่ใช่ ในเวลานั้น ภารกิจลาดับแรกสาหรับการเข้าป่าทุกครั้งก็คือ การเดินแผนที่เข็มทิศ ทั้งกลางวันและกลางคืน ฟังดูง่ายและท้าทายใช่ไหมลูก แต่ช้าก่อน พ่อ จะต้องเตรียมตัวศึกษาแผนที่ 1 ต่อ 50,000 กับการใช้เข็มทิศให้ถูกต้องและ แม่นยาอย่างที่สุดเสียก่อน เมื่อได้ทิศทางแล้ว พ่อก็ต้องหาเส้นทางเดินบุก ป่าฝ่าดงไปอีก และถึงพวกพ่อจะรู้ทิศทางที่ต้องการไป แต่ก็ยังอาจหลงทาง ได้ เพราะป่านั้นไม่เอื้ออานวยให้เราเดินไปตามทิศที่เราต้องการเลย
  • 6. ๖ ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้วหละลูก เขาเอาพ่อกับเพื่อน ๆ ใส่รถบรรทุก GMC คลุมผ้าใบมิดชิดวิ่งไปตามทางโขยกเขยกอยู่เกือบชั่วโมง แล้วก็ปล่อย พวกพ่อลงเป็นหมู่ ๆ ตามที่ได้แบ่งหมู่ไว้แล้วหมู่ละ 11 คน ต่างหมู่ก็ต่างทิศ ต่างทางกัน พ่อจะต้องหาตาแหน่งพิกัดที่พ่อยืนอยู่ตรงนั้นให้ได้เสียก่อน พ่อ จึงจะสามารถเดินทางกลับค่ายที่พักของพ่อที่พ่อรู้พิกัดอยู่แล้วได้ สิ่งแรกที่ พ่อต้องทาคือ พ่อต้องดูลายยอดเขาบนแผนที่คร่าว ๆ เมื่อกะประมาณเทียบ กับยอดเขาจริงได้แล้ว พ่อก็เล็งเข็มทิศไปยังยอดเขาเพื่อให้ได้มุมทิศทาง แล้วพ่อก็มาลากเส้นบนแผนที่ตามมุมกลับ (Back Azimuth) ของเข็มทิศ ทา แบบนี้กับยอดเขาอีก 2 ลูก เส้นที่ลากทั้ง 3 เส้นก็จะมาบรรจบกัน ซึ่งก็เป็นที่ ที่พ่อยืนอยู่นั่นเอง ในแผนที่จากจุดที่พ่อยืน พ่อก็ลากเส้นไปยังพิกัดค่ายที่ พักของพ่อ พ่อได้ทิศทางกลับบ้านของพ่อแล้ว แต่เมื่อมองไปตามทิศทางนั้น มันเป็นแต่ป่าทึบและมีภูเขากั้นอยู่ พ่อกับเพื่อน ๆ เริ่มออกเดินทางกลับบ้านที่เป็นค่ายพัก ลัดเลาะไป ตามช่องทางที่พอมี บางครั้ง พวกพ่อก็เดินไปสุดยังป่าหนาม แล้วหมด หนทางเดินต่อไป บางครั้งก็ผ่านลาห้วย บางครั้งก็ติดป่าทึบ การเดินไปตาม ทางคนเดินป่าที่เห็นเป็นรอยเล็ก ๆ จาง ๆ นั้น พ่อก็ทาไม่ได้ เพราะจะมีครูฝึก ซึ่งเป็นข้าศึกสมมุติคอยดักจับตามเส้นทางเดินอยู่ตลอดเวลา การเดินแผนที่ เข็มทิศเวลากลางวันเริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้าและจะเสร็จสิ้นลงในเวลา 1 ทุ่ม ซึ่ง นั่นหมายถึงว่า พวกพ่อต้องเดินได้ถูกต้อง แต่ถ้าเดินไม่ถูกต้อง จนถึงเที่ยง คืนก็ยังมีบางชุดที่ไม่สามารถเข้าค่ายพักได้ และโทษของการชักช้าก็คือ จะ ไม่ได้พักผ่อนสาหรับภารกิจที่เพิ่มความหนักหน่วงขึ้นในวันต่อไป
  • 7. ๗ ถ้าจะให้พ่อบรรยายความรู้สึกในการเดินทางแผนที่เข็มทิศได้ดีที่สุด ก็ เห็นจะเป็นว่า “มันร้อนและช่างเงียบเหงาวังเวง” ทุกคนต่างก็เดินเดินเดินไป เหมือนยังกับจะไม่มีวันสิ้นสุด แต่ละคนมีกระติกน้าเพียงกระติกเดียว การ ฝึกของพ่อในปีแรก อาหารยังได้เป็นข้าวห่อ ซึ่งก็ช่วยให้พ่อสะดวกสบายขึ้น มาก ในปีต่อ ๆ มา พ่อได้อาหารแห้งคนละเล็กน้อย ที่เหลือนอกนั้นพ่อต้อง จัดการช่วยเหลือตัวเองให้อยู่รอด ตกกลางคืน การเดินแผนที่เข็มทิศก็ยิ่งลาบากเท่าทวีคูณ นับตั้งแต่เขา เริ่มปล่อยให้พ่อหาพิกัดที่ยืนอยู่ในขณะนั้น หนทางใต้เงาไม้ทะมึนนั้นมืด สนิท การใช้ไฟฉายหรือแสงสว่างต่าง ๆ ก็ถูกห้ามทั้งสิ้น เพราะจะทาให้เกิด ปัญหาการมองในที่มืดมากยิ่งขึ้น ไม่มีแสงพระจันทร์ มีแต่แสงดาวและแสง สลัว ๆ ลาง ๆ จากพรายน้าของเข็มทิศและนาฬิกาข้อมือ การเดินแผนที่เข็ม ทิศเวลากลางคืนจะต้องเล็งทิศทางด้วยพรายน้าจากเข็มทิศโดยตรง เมื่อ ออกเดินจะต้องใช้มือที่สวมถุงมือหนังยื่นระไปข้างหน้าเพื่อป้ องกันไม่ให้กิ่ง ไม้ทิ่มแทงตา การหลงทางนั้นง่ายดายและเป็นธรรมดา แต่สัญชาติญาณใน การเอาตัวรอด ก็ทาให้ทุกคนสามารถเดินกลับฐานได้ในที่สุด การฝึกหลบหลีกหลีกหนีทั้งเวลากลางวันและกลางคืนจะยุ่งยากขึ้นไป อีก เพราะนอกจากพ่อจะต้องกังวลกับการเดินแผนที่เข็มทิศแล้ว จะต้อง ระวังข้าศึกที่คอยโจมตีกระหนาบข้างอีกด้วย โชคดีที่พ่ออาศัยไหวพริบทาให้ ภาระการเดินแผนที่เข็มทิศลดลงเพราะมีความคุ้นเคยกับพื้นที่มากขึ้น พ่อ พอจะเดาออกว่าทางไหนจะไปบรรจบกันที่ไหน แต่สิ่งที่น่าวิตกก็คือ การ หลบหนี ทาอย่างไรถึงจะไม่เสียขบวนหมู่ หมู่แตกหรือสมาชิกในหมู่ของพ่อ ถูกจับเมื่อถูกลอบโจมตี ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกพ่อจะต้องเอาอาหาร
  • 8. ๘ ทั้งมื้อไปแลกเอาตัวเพื่อนกลับมา ซึ่งหมายความว่าต้องอดอาหารไปหนึ่งมื้อ ในภาวะเช่นนี้อาหารเป็นสิ่งสาคัญที่สุดที่จะทาให้พวกพ่อมีเรี่ยวแรงในการ ปฏิบัติภารกิจและสู้ต่อไปได้ ลูกรัก ทุกหมู่ประสบ สภาวการณ์ เช่นนี้กัน มาแล้วไม่มีข้อยกเว้น ภารกิจที่พ่อรู้สึกสนุกที่สุดน่าจะเป็นการลาดตระเวนหาข่าวทั้งเวลา กลางวันและกลางคืน ภารกิจนี้ก็เริ่มจากการเดินแผนที่เข็มทิศเช่นเคย ไป กันทั้งหมู่ ในเวลากลางวันจะมีการปลอมตัว การใช้ รหัสและการหาข่าวจาก ชาวบ้าน มันเหมือนกับการเล่นสนุก ๆ นั่นแหละลูก ถ้าเราทาถูกต้องเราก็จะ ได้ข่าว ทั้ง ๆ ที่คนให้ข่าวก็รู้ว่าเรามาหาข่าวตามนัด แต่ถ้าเราทาผิด เราจะ ถูกจับเป็นตัวประกันทันที คาว่าลาดตระเวนนั่นก็คือ เริ่มจากการเดินแผนที่ เข็มทิศไปยังแหล่งข่าวนั่นเอง พอตกกลางคืน การลาดตระเวนยิ่งทวีความ สนุกมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การเดินแผนที่เข็มทิศเวลากลางคืน พ่อออกจาก ฐานที่พักตอน 5 โมงเย็น ไปถึงเป้ าหมายก็ตอน 5 ทุ่มกว่าไปแล้ว ส่วน เป้ าหมายก็มีหลายเป้ า ดังนั้นการเดินแผนที่เข็มทิศจะต้องแม่นยา ไปยังเป้ า ที่เราได้รับมอบหมายเท่านั้น พ่อรู้สึกลังเลใจเพราะแต่ละเป้ าหมายนั้นมิได้ อยู่ห่างกันเลย เมื่อพ่อแน่ใจและตัดสินใจว่านั่นคือเป้ าหมายที่ถูกต้องแล้ว ก็ จะหยุดอยู่ห่างเป้ าหมายประมาณ 30 เมตร แล้วส่งเพื่อนพ่อคนที่ตัวเล็ก ที่สุดค่อย ๆ คลานเข้าไปแอบดักฟังข่าว เป้ าหมายเป็นข้าศึก 4 คนที่นั่ง ล้อมรอบกองไฟคุยกันอยู่กลางป่า คนคลานจะค่อย ๆ คลานเข้าไปอย่างช้า มาก ๆ ลาตัว มือและเข่าที่คืบไปบนใบไม้ กิ่งไม้ ใบหญ้า จะต้องวางลง อย่างแผ่วเบาจนแน่ใจว่าได้ตาแหน่ง จากนั้นจึงค่อย ๆ กดน้าหนักลงโดย ไม่ให้มีเสียงกรอบแกรบเล็ดลอดออกมา ทุกอย่างจะต้องเงียบกริบแฝงไปกับ
  • 9. ๙ ความมืด อย่างไรก็ตาม ด้วยความชานาญของข้าศึก พ่อว่าเขารู้ว่าพวกพ่อ แอบเล็ดลอดเข้ามาแล้ว แต่ก็จะนั่งคุยกันเสียงดังให้ได้ยินข่าวสารซึ่งเราต้อง จดจากลับไปรายงานที่ฐาน แต่ก็มีบางหมู่เหมือนกันที่ประเจิดประเจ้อส่ง เสียงดังมากเกินไป นั่นจะถูกไล่จับตัวทันที การซุ่มโจมตีทั้งกลางวันและกลางคืนก็จะเริ่มจากการเดินทางไกลไป ยังพิกัดเป้ าหมายเช่นเดียวกัน พ่อชานาญทางมากขึ้นและไปถึงที่หมายเร็ว ขึ้นจากเดิมใช้เวลา 5-6 ชั่งโมงเป็น 4-5 ชั่วโมง พ่อเลยได้นอนชมดาวที่ส่ง แสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้ ายามค่าคืนอย่างเงียบ ๆ และแสนสบาย ใน วันรุ่งขึ้น พ่อจะได้อาหารกินก็ต่อเมื่อพ่อกับเพื่อน ๆ สามารถดักจับรถอาหาร ของข้าศึกที่จะวิ่งผ่านมาตามเวลาที่พ่อได้หาข่าวเอาไว้ เมื่อใกล้เวลา 5 ทุ่ม พ่อก็เห็นรถบรรทุก GMC เปิดไฟวิ่งส่งเสียงครึงครังมาแต่ไกล เมื่อรถเข้ามา ใกล้ก็ต้องชะลอแล้วหยุดกึก เพราะพวกพ่อได้เอาขอนไม้ขวางทางไว้ แล้ว จากนั้นพวกพ่อทุกคนก็ตะโกนกันเอะอะพร้อมยิงปืนลูกซ้อมส่งเสียงป่อก ๆ แป่ก ๆ ในที่สุดพวกข้าศึกเอามือพาดหัวยอมจานน แล้วพ่อก็ปฏิบัติภารกิจ ได้สาเร็จ ภารกิจที่พ่อว่าหนักที่สุดของการเข้าป่าก็คือ การป้ องกันฐานที่ตั้งและ ปัญหา 72 ชั่วโมง การเข้าปัญหานี้จะใช้เวลาถึง 3 วันเต็ม ๆ ซึ่งพ่อจะต้อง เตรียมพร้อมและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การฝึกต่าง ๆ ที่พ่อได้ฝึกมาแล้วจะถูก นามาใช้ทั้งหมด หลังจากการเดินลาดตระเวนอันสุดอ่อนล้าในตอนกลางวัน แล้ว เมื่อถึงกลางคืน ก็ยังต้องจัดเวรยามป้ องกันฐานที่ตั้งอีก มีทั้งการวาง กาลังชั้นนอกและการวางกาลังชั้นใน มีการจัดส่วนระวังป้ องกันหน้า ก็โดย จัดเวรยาม 2 คน ผลัดละ 2 ชั่วโมง ออกไปซุ่มอยู่ในความมืดห่างจากฐาน
  • 10. ๑๐ ประมาณ 25 – 50 เมตรกลางป่าที่วิเวกวังเวง ยามระวังป้ องกันหน้ามีหน้าที่ คอยตรวจการณ์ว่ามีใครบุกรุกเข้ามาหรือไม่ หากตรวจพบจะต้องรีบส่ง สัญญาณบอกกาลังส่วนใหญ่ภายในฐาน ในการเข้าปัญหานี้อาหารก็จะถูก จากัด มีการตรวจตราพวกพ่อทุกคนอย่างละเอียดว่าไม่มีใครเอาอาหารหรือ เงินซุกซ่อนอยู่กับตัว แต่ละคนจะได้รับแจกอาหารใส่ถุงพลาสติกคนละเล็ก ละน้อยเท่านั้น มีบะหมี่สาเร็จรูป 1 ห่อ ข้าวสาร 1 กามือ ปลาสลิดแห้งและ เกลือ ทั้งหมดนี้เป็นอาหารสาหรับ 3 วัน พ่อยังชอบกินปลาสลิดทอดมา จนถึงเดี๋ยวนี้เพราะตอนนั้น เวลาอดอยากนี่มันช่างเอร็ดอร่อยเสียจริง ๆ แล้วการโจมตีก็มาถึง พ่อกับเพื่อนกาลังเข้าเวรส่วนระวังป้ องกันหน้า อยู่ทางด้านทิศเหนือ ตอนนั้นเป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว คืนนั้นป่าช่างเงียบ สงัด มีเพียงเสียงนกกลางคืนที่บินร้องสอกแสกไปมา ฟังดูวิเวกวังเวง ทันใด นั้น พ่อก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากทิศใต้ แล้วมีเสียงปืนลูกซ้อมดังเปรี๊ยะ ปร๊ะ พ่อจึงรีบวิ่งกลับเข้าฐาน ปรากฏว่านักเรียนรุ่นพี่ชั้นปีที่ ๒ ที่เข้าร่วมการ ฝึกภาคสนามด้วยกันเป็นข้าศึกสมมุติเข้าโจมตีค่าย การต่อสู้เข้าขั้น ตะลุมบอนจนเกือบควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เนื่องจากข้าศึกสมมุติไม่เล่น ตามเกมส์และพยายามจับตัวประกันฝ่ายพ่อให้ได้ การเล่นตามเกมส์คือ ถ้า ฝ่ายพ่อรู้ตัวแล้วยิงปืนปะทะก่อนถือว่ามีการระวังป้ องกันที่ดีและจะเป็นฝ่าย ชนะ แต่เมื่อข้าศึกสมมุติยังตามเข้ามาจับพวกพ่อ จึงเกิดการเอาก้อนหินปา กันในความมืดที่สับสนอลหม่าน รวมทั้งเพื่อนพ่อได้ยิงปืนเข้าใส่หน้าข้าศึก สมมุติเข้าที่เบ้าตา พลุสีแดงจึงถูกจุดลอยเด่นสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้ าที่มืดมิด เพื่อเลิกสถานการณ์ และข้าศึกสมมุติคนนั้นก็มีเฮลิคอปเตอร์บินมารับเข้า โรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้น
  • 11. ๑๑ ภารกิจที่พ่อต้องทาอีกภารกิจหนึ่งก็คือ การรับเสบียงอาหารและ จดหมายจากเฮลิคอปเตอร์ พ่อรู้ว่าในถุงเมล์ที่เฮลิคอปเตอร์เอามาส่งนั้น จะ มีจดหมายของปู่ ย่าและป้ าไก่มาด้วย จึงต้องวางแผนระวังป้ องกันให้ดี พ่อ และเพื่อนทุกคนเดินทางไกลไปซุ่มรอยังจุดนัดหมาย เมื่อถึงเวลานัดหมายก็ ใช้วิทยุติดต่อเฮลิคอปเตอร์ให้บินเข้ามาหา ซึ่งหากไม่ชานาญในการเรียก เฮลิคอปเตอร์แล้ว จะยากมากทีเดียว เนื่องจากการมองจากพื้นดินของพวก พ่อกับการมองจากเฮลิคอปเตอร์ของนักบินนั้นแตกต่างกัน อีกทั้งไม่ สามารถใช้สัญญาณควันใด ๆ ได้เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ข้าศึก ในที่สุด เฮลิคอปเตอร์ลาเลียงเมล์ก็บินมาอยู่เหนือพื้นที่เป้ าหมาย เจ้าหน้าที่บน เครื่องทยอยส่งถุงเสบียงอาหาร ถุงเมล์จดหมายพัสดุต่าง ๆ และกระสอบ ข้าวลงมา แต่ทันใดนั้นเอง ข้าศึกสมมุติก็เข้าโจมตีพวกพ่อ และจับเพื่อนพ่อ ไปเป็นตัวประกันได้ ทาให้พวกพ่อต้องแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไปให้ข้าศึกเพื่อ แลกตัวกลับมา ทั้ง ๆ ที่อาหารนั้นก็มีน้อยอยู่แล้วเต็มทน ประกอบด้วย ข้าวสารและอาหารแห้ง เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เวลามันผ่านมานานหลายปีแล้วสาหรับการเข้าป่าที่พุโลน สิ่งที่พ่อจา ได้แม่นยาก็คือการฝึกหลบหลีกหลีกหนีในเวลากลางคืน คืนนั้นเป็นคืนเดือน มืด หมู่ของพ่อเดินเกาะข้างถนนดินแดงสายเล็ก ๆ ซึ่งสะท้อนแสงดาวให้ เห็นเป็นสีเทาจาง ๆ ถนนนั้นเป็นเนินลูกฟูกสูง ๆ ต่า ๆ เลาะเชิงเขาไปเรื่อย ๆ พ่อต้องเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ส่งเสียงกุ๊กกิ๊กเวลาเดินให้เรียบร้อย คงมีแต่ เสียงย่าเท้าสวบสาบเบา ๆ เท่านั้น ในความเงียบสงัดของป่า ข้าศึกเข้าโจมตี จากทางด้านขวาของหมู่พ่ออย่างรวดเร็ว ทาให้พ่อและเพื่อน ๆ ต้องพุ่งตัว หลบออกไปทางซ้ายประมาณ 30 เมตรแล้วหมอบนิ่งเงียบ ข้าศึกยังเอะอะ
  • 12. ๑๒ โวยวายอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเงียบหายไป พวกพ่อจึงค่อย ๆ รวมตัวกัน แล้วไล่ ลาดับหมู่ เมื่อไม่มีใครหายจึงพากันเดินย่าเท้าต่อไป รุ่งเช้า เมื่อพ่อออกเดิน ผ่านถนนสายนั้นอีกครั้ง ปรากฏว่าพื้นที่ที่พ่อพุ่งตัวเข้าไปหลบนั้น เป็นป่าไผ่ แห้ง ๆ หนาทึบ มีทั้งก้านเล็กก้านน้อยสานกันเต็มไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าใน ความมืดนั้นพ่อพุ่งตัวและวิ่งผ่านไปได้อย่างไร เมื่อพ่อออกจากป่าหลังจบ การฝึกแล้ว พ่ออยากกินขนมโดนัทโรยน้าตาลหวาน ๆ และน้าแดงเฮลส์ บลูบอยใส่น้าแข็งเย็นเจี๊ยบมากที่สุด คืนนี้พ่อนอนสบาย ๆ ในห้องกับลูก ๆ แต่ตอนนั้นมันเป็นเวลาที่ ยากลาบากมากสาหรับพ่อ เพราะมันไม่สนุกเหมือนที่พ่อเล่าเลย มันไม่ใช่ แค่เหนื่อยแรงนะลูก มันเหนื่อยใจด้วย เพราะการฝึกเขาจะบีบบังคับและ ทดสอบจิตใจของเราด้วยตลอดเวลา ถ้าลูกประสบความยากลาบากอย่างนี้ ลูกต้องทนให้ได้นะ เข้าใจมั้ยลูก
  • 13. ๑๓ TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S _______________________________________________________________________________________________ ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร ภาคภาค 22 ป่ า ซั บ ป ร ะ ดู่ป่ า ซั บ ป ร ะ ดู่ : โ ค ร า ชโ ค ร า ช ป่าอ่างซับประดู่ อาเภอสีคิ้ว อยู่ที่โคราชนี่เอง เป็นที่เดียวกับที่พ่อพา ลูก ๆ ไปเที่ยวพักผ่อน พายเรือและเล่นน้าอยู่เป็นประจานั่นแหละ แต่เมื่อ ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว มันยังคงเป็นป่าทึบ มีเพียงทางเกวียนราง ๆ แล้ว กลายเป็นทางเดินป่าของชาวบ้านป่าที่อยู่ลึกเข้าไปจนถึงเทือกเขาใหญ่ เทือกเขานี้ต่อเนื่องไปจนถึงปราจีนบุรีและพาดไปจนถึงประเทศกัมพูชาโน่น ปัจจุบันสภาพที่พ่อเคยพบเห็นนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว มีถนนราดยาง ร้านอาหาร รีสอร์ทเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่พ่อจะเล่าเรื่องป่าซับ ประดู่ในอดีตให้ลูก ๆ ฟัง ฤดูร้อนปี 2526 ลมร้อนนั้นร้อนแรงผะผ่าวเช่นทุกปี ท้องฟ้ ากว้างก็ไร้ เมฆหมอกและร้อนจนโลกกลายเป็นสีน้าตาลไหม้ ซับประดู่ยังเป็นเพียงห้วย ใหญ่แถบอาเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา อยู่ห่างจากแนวถนนมิตรภาพไป ทางแถบเทือกเขาด้านทิศใต้ซึ่งเห็นยาวไกลเป็นพืดสุดลูกหูลูกตาสัก 2 กิโลเมตร ก่อนที่พ่อจะเข้าป่าแต่ละครั้ง ก็จะมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่พ่อไม่ สามารถเล่าบรรยายได้หมด นับตั้งแต่การเตรียมพร้อมด้านกาลังกายก่อนที่
  • 14. ๑๔ จะเข้าป่า การจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เหมาะแก่การดารงชีพ พ่อจะซื้อ กางเกงชั้นในถูก ๆ แบบเหมาโหลเพื่อใช้แล้วทิ้ง ส่วนอาหารการกินนั้นจะนา ติดตัวไปไม่ได้เลย เพราะเมื่อถึงฐานที่พักจะมีการตรวจค้นอย่างละเอียด ก่อนแยกย้ายกันปรับพื้นที่กางเต็นท์ ในการตรวจจะต้องถอดเครื่องแบบออก จนหมด เหลือแต่ชุดชั้นใน บางคนเอาเมล็ดถั่วเขียวใส่ไว้ในพานท้ายปืน บางคนอัดม่าม่าแห้งใส่ลงในกระติกน้าแทนน้า บางคนก็เย็บเงินเข้ากับขอบ เสื้อผ้าอย่างมิดชิด และยังมีอีกหลายวิธีการ แต่ทั้งหมดนั้น ไม่สามารถเล็ด ลอดจากสายตาผู้ควบคุมการฝึกไปได้ การเข้าป่าในปีที่ 2 นี้พ่อเริ่มมีความคุ้นเคยแล้ว และเป็นการฝึกเข้า ป่าเพียงชั้นเดียวคือ นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 2 ชั้นที่พ่อเรียนอยู่ ในปี นั้น นักเรียนนายเรืออากาศชั้นปีที่ 1 ยังเรียนรวมเหล่าอยู่ที่โรงเรียนเตรียม ทหาร แต่การเข้าป่าเพียงชั้นเดียว ก็ทาให้พ่อทาอะไรได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะไม่ต้องคอยดูแลน้องใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับความยากลาบากใน การเข้าป่า สีคิ้วมีเทือกเขาสลับซับซ้อนที่เชื่อมโยงเป็นเทือกเดียวกันกับเขาใหญ่ แล้วต่อเลยผ่านกบินทร์บุรีจนกระทั่งเข้าเขตประเทศกัมพูชาไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเสือโคร่งลายพาดกลอนที่ยังคงเดินเที่ยวท่องไปตามแนวเทือกเขานี้ด้วย เจ้าหน้าที่รักษาป่าที่เขาใหญ่กล่าวว่า ในบางปีจะพบเห็นเสือได้บ่อยครั้ง แม้กระทั่งที่เขาใหญ่เอง แต่บางปีก็อาจไม่พบเลย เพราะมันอาจจะเดินลัด เลาะป่าไปจนถึงเขมรก็ได้ ด้วยเหตุที่มีลูกเขามากมายนี่เอง ทาให้การเดินป่า ของพ่อในปีนี้มีความยากลาบาก นับตั้งแต่ความสับสนในการดูลายเส้น
  • 15. ๑๕ ภูเขาจากแผนที่ การหาพิกัดที่อยู่และการเลือกเส้นทางเดิน มีหลายครั้งที่ เดินไปติดอยู่กลางหุบเขาและไม่มีทางที่จะเดินต่อไป การเข้าฐานที่พักในวันแรกของพ่อเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการ ปรับพื้นที่หักล้างถางพงบ้าง แต่เมื่อพ่อจบการฝึกแล้วจะต้องปลูกป่าเสริม ทดแทนใหม่ทันที ฐานที่พักของพ่ออยู่ติดกับห้วยซับประดู่ ซึ่งเป็นห้วยใหญ่มี น้าลึกสีเขียวใสสะอาด แลดูเย็นยะเยียบ ในปีนี้ค่ายของพ่อมีชื่อว่า “ค่าย ชัยพฤกษ์ 26” การฝึกเริ่มต้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ทีมของพ่อมีทั้งหมด 13 คน การเดิน แผนที่เข็มทิศเวลากลางวันในครั้งนี้จะยากกว่าที่เคยเดินมาที่ป่าพุโลน การ เดินตามทางเดินป่าที่ขาด ๆ หาย ๆ จะพาให้หมู่หลงทางได้ง่าย พ่อสามารถ หาพิกัดที่พ่ออยู่ได้ เล็งจุดหมายและทิศทางได้ แต่ไม่มีเส้นทางให้พ่อเดินไป พ่อพยายามจะเดินเกาะทางเกวียนก็ไม่สามารถจะทาได้อีก เพราะจะมีรถ ของข้าศึกสมมุติวิ่งตรวจไปมาอยู่ตลอดเวลาเหมือนเช่นเคย ดังนั้นการเดิน ป่าในครั้งนี้จึงเป็นการเดินไปตามหนทางที่เงียบสงัดและไร้ผู้คนอย่างไม่รู้จบ รู้สิ้น แสงแดดที่โคราชนี่มันช่างร้อนแรงเอาซะมาก ๆ พ่อต้องคอยหาแอ่งน้า เล็ก ๆ เพื่อแช่รองเท้าคอมแบท หนังสีดาที่ร้อนจนเหม็นไหม้อยู่ตลอดเวลา มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ลูก เพราะพื้นรองเท้าของพ่อมันดูดความร้อนจากพื้น กรวดหินดินทรายมาใส่เท้าพ่อจนแสบจ๊าก แล้วพ่อก็เดินมาจนถึงที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งมีภูเขาสูงใหญ่ขวางอยู่ข้างหน้า ถ้าจะเดินอ้อมเขาก็คงต้องใช้เวลาอีกกว่า ครึ่งวัน พ่อต้องกางแผนที่สุมหัวกันกับเพื่อนว่าจะเอาเช่นไรกันดี พอดีเพื่อน ของพ่อออกเดินสารวจเส้นทางใกล้ ๆ ไปเจอชาวบ้านป่าเข้า พวกพ่อจึงเดิน
  • 16. ๑๖ เข้าไปขอพักกับเขาสักครู่หนึ่ง หลังจากพูดคุยแนะนาตัวกับชาวบ้านป่าจน สนิทสนมแล้ว ชาวบ้านป่าก็บอกว่ามีทางเดินป่าตัดขึ้นเขาเหมือนกัน แต่ น่าจะลางเลือนไปจนหมดแล้วและอาจเป็นอันตราย บนเขานี้ยังมีปราสาท หินซึ่งเขาเคยขึ้นไปสารวจและได้หม้อกาไลสาริดมา 1 หม้อ แล้วเขาก็ไปยก เอามาแจกให้พวกพ่อ แต่พ่อและเพื่อน ๆ ก็ไม่กล้าเอาเพราะเห็นเป็นของเก่า เป็นเศษกาไลสาริดขึ้นสนิมสีเขียวอยู่ในหม้อดินเก่า ๆ แตก ๆ เต็มไปหมด ชาวบ้านรับอาสาที่จะพาขึ้นไปดูปราสาทหินแต่ก็บอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ขึ้นไป หลายปีแล้วป่าอาจปิดหมด พ่อจึงขอบใจเขา เมื่อถามถึงหนทางที่จะไปต่อก็ ได้ข้อมูลว่ามีทางเดียวคือเดินอ้อมเขา พวกพ่อจึงจากบ้านชาวป่าใจอารีคน ที่ 1 ไป พ่อเดินลึกเข้าไปเรื่อยในหุบเขาซึ่งมีชื่อว่าเขาผา แล้วก็เจอกับ ชาวบ้านป่าอีกคนหนึ่ง เขาเรียกร้องให้เข้าไปพักดื่มน้าและเอามะละกอสุก 1 ลูกมาให้แบ่งกันกิน พวกพ่อคุยกับเขานิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็ลาจากไป แต่พ่อ รู้สึกว่าเขาจะดีใจมาก พอถึงตอนบ่าย แดดก็ร้อนจี๋ พ่อก็ยังเดิน เดิน เดิน ไป แนวป่าตอนนี้ แห้งแล้งจนน่าถอดถอนใจ หายใจเข้าไปก็มีแต่กลิ่นไหม้ของแดดที่เผาหญ้า เผาต้นไม้จนแห้งกรอบ แล้วทันทีทันใดนั้น พ่อก็ไปพบดินแดนมหัศจรรย์เข้า แห่งหนึ่ง พื้นที่ตรงนั้นมันมีลาธารน้าใสแจ๋วไหลเย็นส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ๆ มี ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มที่ริมขอบลาธาร เลยออกไปเป็นทุ่งหญ้าคากว้างไกลลิบ ลมพัดอู้ ๆ จนทุ่งหญ้าคาโบกสะบัดเป็นระลอกคลื่นส่งเสียงสวบสาบ ๆ อย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนภายใต้ท้องฟ้ า อันโล่งกว้าง เลยไปเป็นเนินโค้งสลับ ไปมาเป็น ลอนลูกฟูก ไกลออกไปจน จดทิวเขายาวที่ปิดกั้นขอบฟ้ าไว้ ใน ความสงัดนี้สายลมยังพัดเอายอดสนใกล้ ๆ ส่งเสียงหวีดหวิวสูง ๆ ต่า ๆ
  • 17. ๑๗ คล้ายเสียงเพลง มีนกน้อย ๆ บินฉวัดเฉวียนล้อลมส่งเสียงจุ๊บจิ๊บอยู่บนฟ้ า กว้าง พ่อกับเพื่อนนั่งพักกินข้าวกับไข่ต้มกันอย่างสุขสบาย แต่เวลาก็ไม่เคย คอยใคร ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะต้องบากบั่นกันต่อไป พ่อจึงต้องจาจาก สถานที่ที่แสนสงบสุขนั้นไปหลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่พ่อ จะเดินจากที่นั้นไป พ่อก็หันกลับมาดูภาพอันแสนสวยงามนั้นอีกครั้ง ใบไม้ นั้นถูกลมเป่าแกว่งไหวไปมา แล้วร่วง ผล็อย ๆ ลงสู่พื้นไปเงียบ ๆ ถ้าพ่อไม่ ยืนอยู่ตรงนั้น ก็คงไม่มีใครเคยเห็นภาพเช่นนี้เลย การเดินทางไกลเวลากลางคืนในหุบเขายิ่งอันตราย การใช้แผนที่เข็ม ทิศแทบจะไม่มีความหมาย เพราะไม่มีหนทางไป ซ้าเงาภูเขายังบังแสง สนธยาที่ยังจับขอบฟ้ าไปจนถึง 4 ทุ่มให้หายไปหมดสิ้น พ่อกับพรรคพวก ต้องเดินเกาะทางเดินป่าเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ ช่วงที่พ่อเดินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มัน จะมืดมองไม่เห็นอะไรเลย เหมือนเราเข้าห้องที่ปิดสนิทไม่มีช่องหน้าต่าง แม้ พ่อเอามือมาจ่อไว้ที่ตาก็ยังมองไม่เห็น จึงต้องใช้มือคลาระทางไปเรื่อย ๆ แต่ พอเดินออกมายังพื้นที่โล่ง ป่าเปิดห่างออก ตรงนั้นกลับยิ่งยากเพราะอาจจะ ทาให้เดินเป๋ หลงออกนอกเส้นทางได้ แนวเส้นทางที่เคยเกาะร่องไม้เดินนั้น จะสลัวรางหายไปกับความมืด ต้องคาดเดาเส้นทางจนกว่าจะเจอแนวป่าอีก ครั้งหนึ่ง จึงจะเลาะหาช่องทางเดินผ่านป่าได้อีก ขณะที่พ่อเดินไปนั้น พ่อก็ สงสัยว่าใครมาจุดคบไฟบนยอดเขา หรือครูฝึกขึ้นไปจุดไว้ให้เป็นที่สังเกตกัน พวกพ่อหลงทาง ในที่สุดพ่อก็รู้ว่าไม่ใช่ แต่เป็นดาวประจาเมือง (ดาวพระ ศุกร์) นั่นเอง พ่อก็เลยเดินเกาะดาวนั้นกลับสู่ฐานได้สาเร็จ คืนหนึ่งพ่อกับพวกพลางหน้าด้วยสีดาเดินผ่านเข้าไปในที่ของ ชาวบ้านป่าที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า ชาวบ้านได้ยินเสียงกรอกแกรกเมื่อพ่อ
  • 18. ๑๘ เดินผ่านใกล้เข้ามา เขาคว้ามีดโต้วิ่งลงมาจากบ้านใต้ถุนสูง เมียเขาก็ยืนร้อง หวีด ๆ อยู่บนบ้านคิดว่าพวกพ่อเป็นโจร พวกพ่อก็ช่วยกันตะโกนบอกว่าเป็น ทหาร เขาวิ่งมากราบเท้าและพร่าบ่นว่าคืนนี้เขาคิดว่าคงถึงวันตายของเขา แน่แล้ว พวกพ่อบอกว่าต้องขอโทษด้วย คิดว่าผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งให้ทราบ แล้วว่าจะมีทหารมาฝึกในบริเวณป่านี้กัน แล้วพ่อก็โบกมือลาเขา เดินลับไป ในความมืดอย่างโล่งใจต่อไป คืนหนึ่ง พ่อก็ได้ฝึกซุ่มโจมตี พ่อและเพื่อน ๆ ก็นอนเงียบบนพื้นดิน กรวดหญ้าข้างทางเกวียนที่ตัดผ่านทุ่งกว้าง ดวงดาวทอแสงระยิบระยับ กระจ่างใสปราศจากแสงรบกวนเหมือนในเมือง รถเสบียงฝ่ายข้าศึกจะผ่าน มาตอนเวลา 5 ทุ่ม แต่ตอนนี้มันช่างอิสรเสรีและปลอดโปร่งหัวใจอย่างที่สุด เมื่อรถบรรทุกเสบียงของข้าศึกวิ่งผ่านมา พวกพ่อก็ลุกขึ้นพร้อมกันแล้วยึด เอารถและเสบียงมาได้ วันต่อมาพ่อไปฝึกไต่ข้ามลาน้าที่ลาตะคอง ไม่ใช่ที่เขื่อนลาตะคองนะ ลูก แต่เป็นลาน้าลาตะคองที่ไหลผ่านป่าไม่มีผู้คนทางแถบสีคิ้ว พ่อต้องนั่ง รถ GMC ไป การไต่เชือกข้ามลาน้านั้นยากกว่าที่คิด พ่อต้องสะพายปืนคาด ไว้ที่กลางหลัง เอาตัวทาบกับเส้นเชือก เอาปลายเท้าขวาเกี่ยวเชือกไว้ ส่วน ขาซ้ายทิ้งดิ่งช่วยทรงตัว พ่อไต่เชือกข้ามลาน้าได้สาเร็จ ส่วนเพื่อนพ่อนั้นตก น้ากันเยอะทีเดียว ผลของการตกน้าก็คือ เขาต้องมานั่งทาความสะอาดปืน และชักน้ามันใหม่ ซึ่งก็ใช้เวลานานพอสมควรเชียวหละ และแล้วการฝึกเข้าปัญหา 72 ชั่งโมงก็มาถึง พ่อและพวก ๆ ได้รับแจก ปลาสลิดตัวเล็ก ๆ มาคนละ 1 ตัว พริกสด ข้าวสาร 1 กามือ ปลากระป๋ อง 1 กระป๋ องและเกลือ มีเพียงเท่านั้นสาหรับการดารงชีพในป่า 3 วัน 3 คืน ทั้ง 3
  • 19. ๑๙ วัน 3 คืนนี้พวกพ่อจะต้องเลี้ยงตัวให้รอดและต้องระวังตัวจากการถูกโจมตี เมื่อถึงเวลา ทุกคนถูกไล่เข้าป่า ต้องหาที่กบดานเอาเอง อย่างไรจึงจะ ปลอดภัย ไม่มีน้าอาบ ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรอื่นอีกทั้งสิ้น พ่อจะ รู้เพียงที่ตั้งของกองอานวยการฝึก ซึ่งไปตั้งเป็นเต็นท์เฉพาะกิจ ณ โรงเรียน กลางป่าแห่งหนึ่ง เมื่อมีเหตุฉุกเฉินจาเป็น เจ็บไข้ได้ป่วยจึงจะกลับเข้าไปได้ พวกพ่อเลือกได้ภูมิประเทศเหมาะแห่งหนึ่ง เป็นหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร บริเวณนั้นเป็นลานหินสลับกับต้นไม้ใหญ่ จากชะง่อนผาที่มีทาง ขึ้นเพียงทางเดียวนี้พ่อสามารถตรวจการณ์รอบ ๆ ค่ายที่พักได้ดี และยิ่ง ตอนเวลาพ่อยืนดูพระอาทิตย์ตกดินแล้ว มันช่างน่าดูและงดงามมาก ใน เวลากลางคืน ท้องฟ้ าที่โอบรอบก็มีดวงดาวสว่างสุกใสนับพัน ๆ ดวงทอแสง แวววาวอยู่ไม่มีอะไรบดบัง เพื่อนพ่อประหลาดใจมาก เมื่อพ่อรู้จักกลุ่มดาว ทุกกลุ่ม ในยามค่าคืนที่ปลอดโปร่งและยังไม่มีอะไรต้องทา พ่อก็เริ่มเล่า นิยายดาวให้เพื่อนของพ่อที่สนใจฟัง พ่อจากัดอาหารด้วยการกินวันละ 1 มื้อ ประกอบด้วยข้าวต้มใส่น้า มาก ๆ ต้มยาปลากระป๋ องใส่น้ามาก ๆ โรยเกลือ โชคดีอย่างนึง พวกพ่อออก สารวจพื้นที่ไปพบต้นมะม่วงป่าที่ออกลูกดกมากจนเก็บแทบไม่หมด ลูกโต พอกินได้ดิบ ๆ แม้จะรสเปรี้ยวจัดก็ตาม เมื่อนามาซอยใส่ต้มยาปลากระป๋ อง มาก ๆ ก็ทาให้กินพออิ่มได้เหมือนกัน พวกพ่อเก็บมาได้จนมากเกินพอ จึงใช้ แทะกินเล่นแก้หิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีหัวปลีบ้าง มะละกอดิบบ้าง พอจะช่วยบรรเทาความหิวได้เป็นช่วง ๆ โชคดีซ้าสองที่ฐานของพ่อไม่ถูก โจมตีเลย พ่อจึงมีหน้าที่อย่างเดียวคือดารงชีพอยู่ให้ได้
  • 20. ๒๐ ในสองวันแรก อาหารที่พวกพ่อนามารวมกันไว้ก็หมดลง ข้าวต้มน้า โหรงเหรงใส่เกลือกับปลาสลิดย่างตัวน้อยหมดไปแล้ว รวมทั้งน้าที่บรรทุกมา คนละ 2 กระติกก็หมดลง โรงเรียนที่เป็นที่ตั้งของกองอานวยการฝึกมี แท็งก์ ปูนเล็ก ๆ ไว้ใส่น้าให้นักเรียนเด็ก ๆ ดื่มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้ใช้ เพราะมีไม่เพียงพอสาหรับพวกพ่อตั้ง 100 กว่าคน และที่สาคัญก็คือ ทาง โรงเรียนก็ต้องรักษาน้าไว้ดื่มเช่นกัน โรงเรียนนี้อยู่ห่างจากฐานที่ตั้งของพ่อ ประมาณ 5 กิโลเมตร ลูกว่าพ่อจะทาอย่างไร คาตอบก็คือ มีร้านกระต็อบมุงจากเล็ก ๆ ขายของกินของใช้จุกจิก อยู่ ห่างออกไปจากค่ายพักของพ่อราว 7 กิโลเมตร ณ กระต็อบนั้นมีข้าศึก สมมุติเฝ้ าอยู่ตลอดวันตลอดคืน มันคือเกมส์การเอาตัวรอดลูก กลางดึกของคืนที่ 2 พวกพ่อส่งสาย ออกไปซุ่มรอบ ๆ ร้านค้า ข้าศึกนั่งจุดตะเกียงดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะไม้ตรงเพิง หน้าร้าน เมื่อพ่อดูจนแน่ใจจึงลัดเลาะค่อย ๆ แอบไปทางหลังร้านกับเพื่อน ๆ เจ้าของร้านก็ดูจะรู้เห็นเป็นใจและเข้าใจดี พวกพ่อรีบกรอกน้าจากตุ่มน้าใส่ กระติกซึ่งร้อยเข็มขัดสนามมาเป็นพวง พ่อคิดว่าตุ่มน้านั้นทางกองฝึกเขา เป็นคนเอามาตั้งไว้ให้นั่นแหละ นอกจากนั้น พ่อก็ได้มาม่ามา 10 ห่อ (แน่นอนว่าพวกพ่อบางคนก็แอบลักลอบติดเงินมาจนได้) คืนนั้นหลังจากต้ม มาม่ากินกันจนอิ่มหนาสาราญ พ่อก็นอนดูดาวดื่มด่ากับบรรยากาศของ ธรรมชาติอันสงัดวิเวกในป่าเปลี่ยวอย่างสบายใจ เสียงจิ้งหรีดเรไรในป่าตอน หัวค่านั้นมันดังมากนะลูก แล้วก็ช่างฟังไพเราะเสียจริง ๆ ตกดึก 4 ทุ่มไป แล้วเสียงต่าง ๆ จึงค่อยเงียบซาลงไป
  • 21. ๒๑ การฝึกในป่ากินเวลานาน 15 วัน หลังจากนั้นเป็นการเดินทางด้วยเท้า จากสีคิ้วเลาะแนวเขามุ่งหน้าสู่กองบิน 1 ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ในระหว่างนี้มีการพักแรมกลางทางอีก 1 คืน แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะทาเพิงที่ พักหลังผ่านการเดินทางทั้งร้อนและเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในตอนกลางวัน มาแล้ว พวกพ่อเอาผ้าขาวม้าปูแล้วนอนกลางดินกันเลย ตอนเย็น พ่อก็ ยังคงต้องเรียกเฮลิคอปเตอร์เพื่อรับเสบียงอาหารและจดหมายเมล์อีกเช่น เคย แต่คราวนี้ไม่มีข้าศึกมาแย่ง พ่อได้รับจดหมายจากย่าทุกเที่ยวเมล์เลย ในการเดินช่วงสุดท้ายก่อนเข้าโคราช พ่อได้รับมอบหมายให้เป็นคนนาทาง เพื่อหาทางเข้าสู่กองบิน 1 ถึงตรงนี้ก็สบายมากสาหรับพ่อ เพราะพ่อคุ้นเคย กับพื้นที่เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อเห็นหลังคาโรงงานแถบโคกกรวดลิบ ๆ แล้วก็ ประมาณเส้นทางเลาะมาด้านหลังเข้าชนประตูกองบิน 1 ได้อย่างสบาย ๆ การใช้ชีวิตในป่านั้นเหนื่อยหนักมากลูก แต่พ่อก็มีอิสระกับความสงบ เงียบของป่าและยังได้ฝึกให้มีความอดทนต่อความยากลาบาก เมื่อกลับเข้า เมืองแล้ว พ่อก็รู้สึกอยากจะกลับเข้าไปใช้ชีวิตที่สันโดษในป่าเช่นนั้นอีกเสีย จริง ๆ ถึงตอนนี้ลูกคงรู้แล้วว่าทาไมพ่อถึงชอบพาลูก ๆ ไปเที่ยวป่าเขาใหญ่ ใช่ไหมละลูก
  • 22. ๒๒ TThhee FFaatthheerr’’ss TTaalleess BB ee dd tt ii mm ee SS tt oo rr ii ee ss FF oo rr MM yy DD aa uu gg hh tt ee rr ss J U N G L E S T O R I E S : T H E S E R I E S _______________________________________________________________________________________________ ป่ป่ าา ดด งง พพ งง ไไ พพ รร ภาคภาค 33 ป่ า ลา เ ห ยป่ า ลา เ ห ย : ก า ญ จ น บุ รีก า ญ จ น บุ รี เมื่อพ่อขึ้นชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายเรืออากาศ ภารกิจการเข้าป่าภาคฤดู ร้อนถูกงดไป แต่แทนที่ด้วยการฝึกพลร่มอันหนักหน่วงถึง 1 เดือนเต็ม การ ฝึกทหารพลร่มนั้นพ่อต้องโกนหัว แล้วก็ถูกฝึกอย่างบีบคั้นและกดดันจนถึง ขนาดต้องบ้าเลือดจึงจะพร้อมรับกับความเสี่ยงอันตรายในรูปแบบของ ทหารพลร่มได้ ในชั้นปีที่ 4 พ่อเริ่มเป็นนักเรียนผู้ใหญ่แล้ว จึงฝึกเพียงการฝึกป้ องกัน ฐานบินที่กองบิน 1 โคราชบ้านเรานี่เอง ส่วนชั้นปีที่ 5 พ่อฝึกการเดินอากาศ ซึ่งพ่อได้เดินทางไปประเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บาหลีไปจนถึงประเทศออสเตรเลียโน้นเลยทีเดียว พ่อ ได้เห็นดาวหางฮัลเล่ย์ (Halley’s Comet) ตอนที่พักอยู่แคนเบอร์ร่า แล้วก็ได้ ถ่ายรูปเอาไว้ด้วยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2529 คืนนั้นอากาศที่แคนเบอร์ร่ามัน ช่างหนาวเหน็บจริง ๆ เมื่อพ่อจบชั้นปีที่ 5 เพื่อน ๆ ของพ่อต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปบรรจุ ทางาน ส่วนหนึ่งได้รับบรรจุ ณ ส่วนราชการต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ อีก ส่วนหนึ่ง 45 คน ได้เข้าโรงเรียนการบินกาแพงแสนซึ่งก็รวมถึงพ่อด้วย
  • 23. ๒๓ ก่อนที่จะเข้าฝึกบินชั้นประถม พ่อต้องฝึกการยังชีพในป่ากาญจนบุรีเสียก่อน เอาละ พ่อเคยเล่าแต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเข้าป่าให้ลูกฟัง คราวนี้พ่อจะ เล่ารายละเอียดตามสมุดบันทึกของพ่อให้ฟังนะลูกนะ วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2530 ตอน 7 โมงเช้าพ่อเดินทางจากโรงเรียนนายเรืออากาศไปยังโรงเรียน การบินกาแพงแสนด้วยรถบัสปรับอากาศของกองทัพอากาศ พ่อไปถึงที่ กาแพงแสนก็ราว ๆ สัก 9 โมง พอไปถึงครู (เรืออากาศเอก) สุทธิรัตน์ซึ่งมี ความเชี่ยวชาญในเรื่องการยังชีพในป่าก็อบรมภาควิชาการกันเลย พ่อต้อง เรียนรู้เรื่องแผนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน , การปฐมพยาบาล, การส่ง สัญญาณ, อันตรายในป่า, การเจ็บไข้ในป่า, การเดินป่า, การหาที่พัก, การ หาน้าและหาอาหารจากป่า เป็นต้น จนถึงเที่ยง พ่อถึงได้พักกินข้าว เวลา บ่ายโมงตรงพ่อต้องเข้าเรียนต่อ จนถึง 5 โมงเย็น พ่อถึงได้จัดข้าวของและ อาบน้าที่โรงนอนของแผนกฝึกยังชีพ โรงเรียนการบินกาแพงแสนนั่นเอง ที่ โรงนอนนี้พ่อเคยพักมาแล้วสมัยพ่อเข้าฝึกหลักสูตรพลร่มตอนชั้นปีที่ 3 ที่ นอนนั้นเป็นเตียง 2 ชั้น 2 แถวเรียงยาวต่อกันไป พ่อนอนอยู่เตียงบน มีตู้ เหล็ก 2 ชั้นเอาไว้ให้ใส่ของอยู่ตรงหัวเตียง พื้นที่ระหว่างเตียงและทางเดิน นั้นแคบมาก แต่ก็พอที่พ่อจะใช้นั่งขัดรองเท้าได้ ตอน 6 โมงเย็น หลังเคารพ ธงชาติแล้วก็รับประทานอาหารเย็นกันตามสบายที่โรงเลี้ยง ไม่เหมือนสมัยที่ พ่อฝึกทหารพลร่มที่ให้เวลาเพียง 10 วินาทีหรืออย่างดีก็ไม่เกิน 1 นาที ซึ่ง ต้องเอาข้าวใส่ปากแล้วกลืนอย่างเดียวเพราะว่าพ่อหิวและการฝึกต้องใช้ กาลังกายมาก กินข้าวเสร็จแล้วก็ได้นั่งพักผ่อนกันสบาย ๆ บรรยากาศของ
  • 24. ๒๔ กองแผนกฝึกยังชีพก็ยังคงเหมือนเดิม คือเงียบสงบ แต่มีงานภารกิจอันหนัก อึ้งรออยู่ ตอน 1 ทุ่มพ่อก็เข้าห้องฝึกฝน ใครจะอ่านหนังสือหรือทาอะไรก็ได้ ตามสบาย จนถึง 2 ทุ่ม หลัง 2 ทุ่มแล้วก็ปล่อยให้ทาธุระส่วนตัวอะไรก็ได้ไม่ ต้องอยู่ในห้องฝึกฝน พ่อรู้สึกสบายมาก ๆ ไม่เหมือนครั้งฝึกทหารพลร่ม ซึ่ง ตอนนั้นแผนกฝึกยังชีพนี้เหมือนยังกับนรก เพราะพ่อยังมีสถานะเป็น นักเรียนอยู่ แต่ตอนนี้พ่อเป็นนายทหารสัญญาบัตรและได้รับพระราชทาน กระบี่จากพระหัตถ์ของในหลวงมาแล้ว การฝึกอบรมจึงทุเลาความเข้มงวด ลงไปบ้าง ตอน 2 ทุ่มครึ่ง ทุกคนจะไปรวมแถวกันที่หลักศาล ซึ่งเป็นหลักสีทอง และมีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐานอยู่ 2 องค์ ทั้งหมดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ แผ่ใบปกคลุมไปทั่ว ลมพัดมาเย็นซู่ ซู่ ใบไม้ในป่าข้างที่พักส่งเสียงเกรียว กราว ใบระกาทองเหลืองที่แขวนไว้กับกิ่งไม้เหนือองค์พระส่งเสียงก๋องแก๋ง ๆ สวดมนต์เสร็จก็รอเวลา 3 ทุ่มทุกคนจึงดับไฟนอน คนที่ต้องเข้าเวรยามก็ ผลัดกันทาหน้าที่ตามตารางเวรยามไป แต่ไม่ต้องระวังครูฝึกจะมาขโมยธง ประจากลุ่มเหมือนเช่นการฝึกทหารพลร่ม วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2530 เช้ามืด เวลาตี 5 ครึ่ง เพื่อนพ่อที่เข้าเวรผลัดสุดท้ายทาหน้าที่เป่า นกหวีดปลุก พ่อรีบแต่งตัวชุดพละออกวิ่งตามเส้นทางในป่าเหมือนสมัย เรียนทหารพลร่ม แต่ระยะทางที่วิ่งสั้นกว่าเดิมมาก รวมทั้งไม่ต้องวิ่งลุยไป ตามถนนฝุ่นที่พาเข้าไปยังหอสูง 34 ฟุต คงวิ่งไปตามถนนลาดยาง ซึ่งก็ดี สาหรับพ่อ คือทาให้รองเท้าผ้าใบสีขาวไม่สกปรกง่าย พอ 6 โมงเช้าก็ทา
  • 25. ๒๕ ความสะอาดบริเวณรอบ ๆ กองฝึก 6 โมงครึ่งจึงได้อาบน้าเปลี่ยนเป็นชุดฝึก รวมแถวกินข้าวเช้าตอน 7 โมง พอ 7 โมงครึ่งก็เข้าแถว ครูฝึกมาตรวจ เครื่องแบบและรอเคารพธงชาติ เช้าวันนี้พ่อยังเรียนทฤษฎีของการยังชีพกันในห้องเรียน แต่ตอนบ่ายก็ ออกไปฝึก Hoist Operations ที่สนามกระโดดร่ม การฝึกกว้านรับคนขึ้น เครื่องเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิต (Search & Rescue) ในพื้นที่ข้าศึกนี้สนุกและ ตื่นเต้นหวาดเสียวน่าดู เริ่มด้วยการใช้วิทยุติดต่อเฮลิคอปเตอร์ช่วยชีวิตให้ มารับ ณ จุดนัดหมาย ซึ่งพ่อเคยฝึกมาจนชานาญแล้ว จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ จะหย่อนเครื่องกว้าน (Penetrator) มารับขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ที่ลอยอยู่ สูงประมาณ 50 ฟุตครั้งละ 2 คน เครื่องกว้านจะค่อย ๆ กว้านขึ้นไปจนถึงสกี ของเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นพ่อก็จะต้องปีนเกาะสกีเข้าไปในเครื่อง ตรงนี้นี่เอง ที่น่าหวาดเสียว เพราะสกีเฮลิคอปเตอร์จะลื่นและระยะระหว่างเครื่องกว้าน และตัวเครื่องก็ค่อนข้างห่างและปีนไม่ถนัดเอาเสียเลย มองลงไปเห็นแต่ขา ของพ่อเองห้อยต่องแต่งลอยอยู่กลางอากาศสูงลิบ มีจุดระวังอีกเล็กน้อยก็ คือตอนที่เฮลิคอปเตอร์หย่อนเครื่องแขวนลงมาจะไปจับถูกมันก่อนที่มันจะ สัมผัสพื้นไม่ได้ เพราะจะมีกระแสไฟฟ้ าอ่อน ๆ ดูดทันที การฝึกนี้ต้องฝึกให้ เกิดทักษะในการนาไปปฏิบัติจริง ๆ เพราะหากเครื่องบินที่พ่อบินตก พ่อ จะต้องรู้ขั้นตอนในการปฏิบัติ (Procedure), วิธีปฏิบัติ จะได้มีประสบการณ์ สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นการฝึกนี้ต้องปฏิบัติเองทุกคนมิใช่การ ฝึกแบบสาธิต 4 โมงเย็นพ่อก็กลับมาที่แผนกยังชีพ ตอนพักการฝึก พ่อไปยืนดู นักเรียนผู้บังคับหมวดกระโดดหอสูง 34 ฟุตซึ่งก็เหวอหวากันน่าดู เพราะเขา
  • 26. ๒๖ มาฝึกแค่ทดสอบกาลังใจ แต่สมัยพ่อเรียนทหารพลร่มต้องกระโดดหอสูงไม่ ต่ากว่า 15 เที่ยว เพื่อให้สามารถครองสติได้อยู่ หากกระโดดมาแล้วตรวจร่ม ไม่กาง จะได้สามารถกระตุกร่มช่วยได้ทัน ไม่ใช่การกระโดดเล่นเช่นนี้พอ 4 โมงครึ่ง พ่อก็มาฝึกยิงปืนสั้นที่สนามรอกวิ่งลงพื้น ซึ่งไม่ใช่การฝึกยืนยิงหรือ ฝึกเล็งเปล่า ๆ เปลี้ย ๆ แต่เป็นการฝึกการยิงแบบยุทธวิธีที่มีการกลิ้ง หลบ ตี ลังกาและฉากหลีก เหมือนกับที่พ่อเคยดูในหนังไทยแล้วเห็นว่ามันตลกเต็ม ที ฝึกกันจนถึง 6 โมงเย็นแล้วจึงได้พักกินข้าวอาบน้า ตอนทุ่มครึ่งพ่อก็มา พักผ่อนเล่นหมากฮอร์สกับเพื่อน ๆ ที่ห้องฝึกฝนจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง จึงสวดมนต์ แล้วเตรียมตัวเข้านอนในเวลา 3 ทุ่มตรง อย่างที่พ่อบอกนั่นแหละลูก การมาฝึกในครั้งนี้พ่อมาในฐานะ นายทหารที่ประดับยศว่าที่เรืออากาศตรีแล้ว ดังนั้นการปฏิบัติของครูฝึกจึง แตกต่างไปจากเดิมสมัยที่พ่อเป็นนักเรียนนายเรืออากาศอย่างมากมาย วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2530 เช้าวันนี้พ่อก็ตื่นเวลาเดิมคือตอนตี 5 ครึ่ง แล้วก็ปฏิบัติกิจวัตร เหมือนกับเมื่อวานนี้ช่วงเช้ามีการเรียนเรื่องการช่วยชีวิต โดยเรืออากาศโท สุทัศน์ ซึ่งเป็นนายทหารปกครอง ศิษย์การบินชั้นประถม ตอนบ่ายเรียนเรื่อง สรีระวิทยาการบิน ซึ่งจะสอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย มนุษย์เมื่อขึ้นไปอยู่ในอากาศที่สูง ๆ ภาวะการขาดออกซิเจนที่มีเบาบางใน อากาศตั้งแต่ 10,000 ฟุตขึ้นไป การเคลื่อนไหวที่ผิดแผกไปเมื่ออยู่ในอากาศ ซึ่งจะแตกต่างจากการเดินด้วยเท้าติดพื้นตามปกติธรรมดาของคนเรา การ บินรบในอากาศเป็นการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงทั้ง 3 มิติ รวมทั้งอาการต่าง
  • 27. ๒๗ ๆ ที่อาจจะไม่เกิดบนพื้นแต่จะแสดงอาการเมื่อขึ้นไปที่สูง เช่น หูอื้อ ปวดฟัน เนื่องจากมีโพรงอากาศในฟันที่อุดไม่ดี ปวดท้องเนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ปรากฏอาการที่พื้น แต่จะแสดงอาการเมื่ออากาศ ขยายตัวเพิ่มปริมาตรมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่สูง เพราะในที่สูงความดันอากาศ จะลดลง ทาให้ฟองอากาศเล็ก ๆ ขยายใหญ่มากขึ้นได้ พอเรียนจบแล้วก็ไป ฝึกยิงปืนต่อจนถึง 6 โมงเย็น ในตอน 1 ทุ่มครึ่ง พ่อเข้าประชุมเรื่องการ เตรียมตัวและข้าวของที่ต้องในวันรายงานตัวเป็นศิษย์การบิน ทาให้ บรรยากาศเริ่มจะเครียดขึ้น แต่พ่อก็คิดว่า เอาไว้สู้กันวันหน้า วันนี้ขอ พักผ่อนให้สบายใจก่อน พ่อยังสงสัยว่า ตัวพ่อเองจะบินเครื่องบินได้หรือเปล่า วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2530 ตอนเช้าพ่อเรียนวิชาการหลบหลีก หลีกหนี เรื่องการแสวงหาน้าและ อาหารในป่า ครู (พันจ่าอากาศเอก) ประคองสอนได้สนุกและได้ความรู้ มากมาย ครูประคองแนะนาพืชที่กินได้ในป่าของประเทศไทยเรา ไปตัดเอา เถาวัลย์ของจริงมาให้ดูกันเลย ซึ่งก็ไปหาเก็บมาจากแถวป่าแถบแผนกยังชีพ นั่นแหละ การหาน้าจากเถาไม้ , การทาที่รองน้าค้าง, การหาน้าจากดินโดย ขุดหลุมเอาใบไม้สดใส่ลงไปเยอะ ๆ เอากระป๋ องรองน้าวางไว้ตรงกลาง แล้ว เอาผ้าปานโจ (ผ้าชุบยางกันน้าชนิดหนึ่ง) ที่ทุกคนต้องมีติดตัวอยู่แล้วเอาไป ปิดปากหลุมไว้ จากนั้นเอาก้อนหินถ่วงตรงกลางเหนือกระป๋ อง ทิ้งไว้ให้แดด เผาสักครู่ ก็จะมีละอองน้ามาเกาะแล้วไหลหยดลงในกระป๋ องใช้ดื่มได้