More Related Content
More from นายจักราวุธ คำทวี
More from นายจักราวุธ คำทวี (20)
อุดม อินทรเวศน์วิไล ฉบับปรับปรุง ล่าสุด 17 ก.ค. 55
- 3. การประพฤติผิดประเวณี
การประพฤติผิดประเวณีต่อบุคคลอื่นหรือ คู่สมรสของบุคคลอื่น เป็น
ความผิดที่ไม่เหมาะสม เข้าลักษณะเป็นความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
(หนังสือ ศ.ธ.ที่ ๑๓๙๒๗/๒๔๙๘ ลว. ๑๖ ก.ย. ๙๘)
กระทรวงศึกษาธิการรังเกียจและจําต้องห้ามความประพฤติผิดประเวณีในระหว่าง
ข้าราชการชายหญิง หรือครูกับนักเรียน เว้นแต่ผู้เป็นโสด ต่างตั้งใจเลี้ยงดูกันและ
สู่ขอสมรสกันตามประเพณี
ถ้า...ครูชายกับนักเรียนหญิง/ครูสตรีกับนักเรียนชาย เขาจะมีความผิดและ
เป็นครูไม่ได้ ต้องออกจากหน้าที่ครูทันที
ข้อบังคับของ ศธ. เรื่องครูชายนักเรียนหญิง ลว.๒๑ ต.ค. ๒๔๖๕
- 4. ...ข้าราชการ...
“ข้า” = ผู้ที่ช่วยทาการใดๆ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยเป็นการควร
เพื่อประโยชน์ต่อ“ราชการ” หรือการไม่ควร คือ งดการกระทา
ที่ไม่เหมาะสมต่อ“ราชการ”
“ราชะ” = ผู้ทาให้มหาชนยินดีด้วยธรรม
“การ” = งานที่ต้องคอยบาบัดทุกข์บารุงสุขของประชาชนในแผ่นดิน
“ข้าราชการ” = ผู้ที่ปฏิบัติงานของพระราชาหรืองานของ
แผ่นดินให้เรียบร้อยสมบูรณ์ที่สุด
- 8. การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
• มาตรา 146 ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทําเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่ามีสิทธิ
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
ชื่อย่อ ชั้นเครื่องราชฯ ระดับ ปฏิบัติราชการมาแล้ว
จ.ช.
ต.ม.
ต.ช.
ท.ม.
ท.ช.
ป.ม.
ป.ช.
ม.ว.ม.
ม.ป.ช.
ร.จ.พ.
จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
ตริตาภรณ์ช้างเผือก
ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
ประถมาภรณ์มงกุฎไทย
ประถมาภรณ์ข้างเผือก
มหาวชิรมงกุฎ
มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
เหรียญจักรพรรดิมาลา
3,4
5,6
5,6
7,8
7,8
9
9,10
9,10
10,11
ไม่เคยกระทาความผิด
ทางวินัย
5 ปี
5 ปี
5 ปี
5 ปี
5 ปี
ได้ ท.ช.ไม่น้อยกว่า 3 ปี
ได้ ป.ม.ไม่น้อยกว่า 3 ปี
ได้ ป.ช.ไม่น้อยกว่า 3 ปี
ได้ ม.ว.ม.ไม่น้อยกว่า 5 ปี
ครบ 25 ปีบริบูรณ์
- 9. บัญชีราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืน
ตามพระราชบัญญัติฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2542 เป็นต้นมา
รายการเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ราคาคืน/บาท
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ช้างเผือก
มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก สตรี
ประถมาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
ประถมาภรณ์ช้างเผือก สตรี
ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก สตรี
ตริตาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
ตริตาภรณ์ช้างเผือก สตรี
จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก สตรี
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก บุรุษ
เบญจมาภรณ์ช้างเผือก สตรี
27,216
22,662
19,030
16,054
10,004
8,386
4,494
4,052
2,478
2,710
2,432
2,660
รายการเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ราคาคืน/บาท
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มงกุฎไทย
มหาวชิรมงกุฎ บุรุษ
มหาวชิรมงกุฎ สตรี
ประถมาภรณ์มงกุฎไทย บุรุษ
ประถมาภรณ์มงกุฎไทย สตรี
ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย บุรุษ
ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย สตรี
ตริตาภรณ์มงกุฎไทย บุรุษ
ตริตาภรณ์มงกุฎไทย สตรี
จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย บุรุษ
จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย สตรี
40,520
33,732
17,828
14,682
10,420
7,740
4,310
3,618
2,458
2,686
- 10. โรงเรียนสตรีวิทยา 2 มัธยมศึกษาตอนต้น
แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว
กรุงเทพมหานคร
5 มกราคม 2542
เรื่อง ขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
เรียน เลขาธิการพระราชวัง
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สาเนาใบมรณบัตร
2.สาเนาทะเบียนบ้าน (ผู้ขอ) พร้อมนาเอกสารฉบับตัวจริงมาด้วย
3.สาเนาบัตรประจาตัว (ผู้ขอ)
4.ใบประกาศเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ด้วยข้าพเจ้า นางเนืองนิตย์ รักไทย ตาแหน่งครูวิทยฐานะชานาญการสังกัดสานักงานเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขต 1จะทาการฌาปนกิจศพ
นายสนิท ดอกไม้บาน ผู้เป็นบิดา ณ เมรุวัดค่าย อาเภอบางประหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2542 เวลา 16.00 น.
ขณะที่นายสนิท ดอกไม้บาน ผู้เป็นบิดายังมีชีวิตอยู่ได้ประกอบคุณงามความดีอย่างมาก ได้อบรมสั่งสอนบุตร-ธิดาให้รู้จักรักชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์เสมอมา ทั้งยังได้ให้การศึกษาแก่บุตร-ธิดา เป็นอย่างดี จนได้รับราชการ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และทางราชการ
เป็นอย่างมาก
โดยบุตร-ธิดา มีความอาลัยรัก กตัญญูและสานึกในหน้าที่ ที่มีต่อผู้บังเกิดเกล้าจึงของกราบเรียนมาเพื่อขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายสนิท ดอกไม้บาน ผู้เป็นบิดา และวงศ์ตระกูลสืบไป
ขอได้โปรดนาความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท การจะควรประการใดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ.
ขอแสดงความนับถือ
(นางเนืองนิตย์ รักไทย)
***!!!ข้อความที่ขีดเส้นใต้คือข้อความตัวอย่าง
- 17. การลงโทษนักเรียน หรือนักศึกษา ให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของ
นักเรียนหรือนักศึกษาให้รู้สานึกในความผิดและกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป
ข้อ 6. ห้ามลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา ด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วย
ความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คานึงถึงอายุนักเรียน
หรือนักศึกษาและความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วย
กระทรวงศึกษาธิการไม่มีความประสงค์ที่จะให้ครูลงโทษนักเรียนรุนแรงหรือแบบวิตถาร เช่น ตบหน้า เขกศีรษะ ทุบ
หลัง ตบกกหูหรือใช้แปรงลบกระดานทุบตี ขว้าง ปาหรือให้เขกโต๊ะจนมือเลือดออก เป็นต้น ครูคนใดฝ่าฝืนถือว่า
เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ศธ 7754/2506 ลงวันที่ 16 เมษายน 2506
ข้อ 7. การว่ากล่าวตักเตือนใช้ในกรณีที่นักเรียนนักศึกษากระทาความผิดไม่ร้ายแรง
ข้อ 8. การทาทัณฑ์บนใช้ในกรณีที่ฝ่าฝืนระเบียบหรือเสื่อมเสียเสียงและเกียรติศักดิ์และ
ได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนมาแล้วและต้องเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
ข้อ 9.การตัดคะแนนความประพฤติเป็นไปตามที่สถานศึกษากาหนดและทาบันทึกข้อมูล
18 มกราคม 2548
ข้อ 10.พักกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นไปตามแนวทางที่
กระทรวงศึกษาธิการ กาหนด
- 18. การลงโทษผู้ละทิ้งหน้าที่เวรรักษาสถานที่ราชการ
มติค.ร.ม. นร. 0203/ว 103 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2528
“ถ้าปรากฎว่าเวรละทิ้งหน้าที่ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษให้เหมาะสมกับ
ความผิดตามความร้ายแรงแห่งกรณี”
วันปิดภาคเรียน ถือว่าเป็นวันพักผ่อนของนักเรียน ซึ่งสถานศึกษาอาจอนุญาตให้หยุด
พักผ่อนด้วยก็ได้ แต่ถ้ามีราชการจาเป็นครูต้องมาปฏิบัติราชการตามคาสั่งของ
ทางราชการ (ข้อ 6 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยกาหนดเวลาทางานและ
วันหยุดราชการของสถานศึกษา พ.ศ.2547)
- 28. ข้าราชการครูมีภรรยาน้อย
ตามหนังสือกระทรวงศึกษาธิการ ที่ 4681/2501 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2501
1. กระทรวงศึกษาธิการไม่เคยลงโทษข้าราชการครูเพราะเหตุมีภรรยาน้อย แต่ลงโทษเพราะประพฤติ
ชั่วเกี่ยวกับประพฤติผิดประเวณี หรือล่วงศีลสมาจาร ทั้งนี้โดยถือปฏิบัติตามหลักจารีตครูซึ่งมีมาแต่เดิม...
2. ครูสตรีตกเป็นภรรยาน้อย อยู่ในฐานะนางบาเรอย่อมเป็นการขัดกับความรู้สึกของประชาชน
กระทรวงศึกษาธิการก็พิจารณาเฉพาะรายที่มีเรื่องเกิดขึ้น พฤติการณ์เช่นนี้กระทรวงศึกษาธิการรังเกียจ...
3. กระทรวงศึกษาธิการเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรที่จะเปลี่ยนหลักการเดิม เพราะเป็นทางแห่งความ
เสื่อมเสีย...
- 34. วิธีการทุจริต
1.การบัญชีและการเงิน
ก.รับเงิน
1. รับเงินแล้วไม่ลงบัญชี โดยไม่ออกใบรับหรือออก แต่ไม่นําเข้าบัญชี
2. ลงบัญชีรับต่ํากว่าหลักฐาน ยักยอกเงินที่เหลือ
3. ทําลายหลักฐานการรับเงินแล้วไม่นําเข้าบัญชี
4. เอาใบรับเงินของปีก่อนๆที่เหลือและเลิกใช้ฉีกมาเขียนรับเงินโดยไม่ลงต้นขั้ว
5. รับเงินแล้วแต่หมายเหตุในต้นขั้วหรือสําเนาว่ายกเลิกหรือไม่ใช่ แล้วยักยอกเงินที่รับมา
6. ปลอมแปลงใบรับเงินเก็บจากลูกค้า
7. ใบรับเงินที่ไม่มีเลขที่พิมพ์ไว้ในแบบพิมพ์เมื่อรับเงินจึงเขียนเลขที่ ถ้ารายไหนจะยักยอกก็จะ
ฉีกสําเนาหรือต้นขั้วทิ้ง
8. การรับเงินเขียนในต้นขั้วหรือสําเนาต่ํากว่าต้นฉบับ
9. แก้ไขตัวเลขในต้นขั้วหรือสําเนาใบเสร็จให้ตัวเลขต่ํากว่าที่ได้รับจริง
- 40. ..... แต่ .....เอ! วันนี้ก็สายมากแล้ว โรงเรียนกาลังจะเข้าแล้ว
..... ยังไม่มีใครพบหน้าครูกอบจิตเลย นักเรียนพากันบ่นพึมพาว่า
“สงสัยครูกอบจิตคงไม่สบายนะเนี่ย!”
- 46. การกระทา + ปราศจากสติ = พฤติกรรม
การกระทา + สติ = ความประพฤติ
ความประพฤติ + ปทัสถาน หรือ บรรทัดฐาน
= จริยธรรม
จริยธรรม หรือ คุณธรรม
- 47. การกระทํา
คิด = ยังไม่เป็นความผิด เพราะไม่มีการกระทํา
ตกลงใจ = เป็นเรื่องภายในจิตใจ ยังไม่เป็นความผิด
ตระเตรียม = ยังไม่เป็นความผิด ไม่มีการกระทํา
ยกเว้น วางเพลิง, กบฎ
กระทําไปตลอด
ลงมือกระทํา
ทําแล้วแต่ไม่บรรลุผล
ผลสําเร็จ ครบองค์ประกอบของความผิด
การกระทํา
ไม่สําเร็จ เป็นพยายาม รับโทษ 2 ใน 3 ของความผิดนั้นๆ
- 67. วินัย
หมายถึง ระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ คาสั่ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่องค์กรกาหนดขึ้นเป็นปทัสถาน
(NORM) เพื่อใช้ในการควบคุมและส่งเสริมความประพฤติของ
บุคคลในองค์กรให้เกิดความมีระเบียบและก่อให้ผลของการ
ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ หากมีผู้กระทาผิดวินัยก็มีมาตรการ
ในการลงโทษ
- 68. จริยธรรม = คุณธรรม + จรรยาบรรณ +วินัย
= คนดีในสังคม
คุณธรรม คือ ปทัสถานสาหรับยึดถือ ควรปฏิบัติตาม
รูปแบบทางศาสนา ซึ่งอยู่ในตัวคน เป็นความดี ความถูกต้อง ซึ่งมี
อยู่ภายในจิตใจของคน และผลักดันให้คนแสดงพฤติกรรมที่ถูกต้อง
เหมาะสม (ควร)
จรรยาบรรณ คือ ความประพฤติที่ดีงามของผู้ที่ประกอบวิชาชีพที่
องค์กรวิชาชีพกาหนดให้คนในวงการพึงประพฤติปฏิบัติ เพื่อรักษา
และส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียง ฐานะของสมาชิก (พึง)
วินัย คือ ข้อห้ามและข้อปฏิบัติของข้าราชการที่ต้องปฏิบัติ (ต้อง)
- 69. โทษทางวินัย
ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา หรือทาทัณฑ์บนเป็นหนังสือ
(ไม่ใช่โทษ แต่เป็นมาตรการทางบริหาร)
• โทษ 5 สถาน ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้
1. ภาคทัณฑ์ (ตาหนิติเตียน)
2. ตัดเงินเดือน (ตัดผลประโยชน์) ไม่ร้ายแรง
3. ลดขั้นเงินเดือน (ตัดผลประโยชน์)
4. ปลดออก (มีสิทธิรับบาเหน็จบานาญ) ร้ายแรง
5. ไล่ออก (ไม่มีสิทธิได้รับบาเหน็จบานาญ) ร้ายแรง
• ให้ออกจากราชการกรณีต่อไปนี้ ไม่ใช่โทษ
- ขาดคุณสมบัติ : ล้มละลาย...
- หย่อนความสามารถ
- ประพฤติตนไม่เหมาะสม
- มีมลทินมัวหมอง
- ไม่พ้นทดลองปฏิบัติราชการ
- เจ็บป่วย ทุพพลภาพ
- ให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือ สั่งพักราชการ
(ใช้สิทธิร้องทุกข์ได้)
- 71. ตั้งแต่ 25 ปี ขึ้นไป
ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
•เหตุทุพพลภาพ
•เหตุทดแทน
•เหตุสูงอายุ
บาเหน็จ บานาญ
เลือก รับ
- 72. ตั้งแต่ 10 ปีไม่ถึง 25 ปี
ตั้งแต่ 1 ปี ไม่ถึง 10 ปี
•เหตุทุพพลภาพ
•เหตุทดแทน
•เหตุสูงอายุ
มีสิทธิได้รับบาเหน็จ
- 75. แผนภูมิ กบข.
ข้าราชการก่อน 27 มี.ค. 40
ออกจากราชการ
มีสิทธิได้รับบาเหน็จบานาญตามกฎหมาย
ว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราชการ
ไม่สมัคร สมัครเป็นสมาชิกภายใน 26 มี.ค. 40
- 77. ตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป
หรือ
ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
•เหตุทุพพลภาพ
•เหตุทดแทน
•เหตุสูงอายุ
1.บํานาญ
2.เงินชดเชย
*3.เงินประเดิม
4.ดอกผล 2+3
5.สวัสดิการ
1.บํานาญ
2.เงินชดเชย
*3.เงินประเดิม
4.เงินสะสม
5.เงินสมทบ
6.ดอกผล2+3+4+5
7.สวัสดิการ
บําเหน็จ
1.บําเหน็จ
2.เงินสะสม
3.เงินสะสม
4.ดอกผล 2+3+4+5
บํานาญ บําเหน็จ
ออมไม่ออม ไม่ออม ออม
- 78. ตั้งแต่ 10 ปีไม่ถึง
25 ปี หรือ
ตั้งแต่ 1 ปี ไม่ถึง 10 ปี
-เหตุทุพลพลภาพ
- เหตุทดแทน
- เหตุสูงอายุ
ออมไม่ออม
บําเหน็จ 1. บําเหน็จ
2. เงินสะสม
3. เงินสมทบ
4. ดอกผล 2+3
- 82. ตามมาตรา 48 และมาตรา49 แห่งพระราชบัญญัติบาเหน็จบานาญ
ข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือตามมาตรา 58 และ
มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนบาเหน็จบานาญข้าราชการ พ.ศ.
2539 จึงขอแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบาเหน็จตกทอดโดยหนังสือฉบับ
นี้ว่า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตาย ข้าพเจ้าประสงค์ให้จ่ายเงินบาเหน็จตก
ทอดแก่บุคคลรวม.........................(4) คน ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
1........................(5) ให้ได้รับ...................(6) ส่วน
ซึ่งมีภูมิลาเนา อยู่บ้านเลขที่....................ถนน.............................................
ตาบล/แขวง......................................อาเภอ/เขต....................................
จังหวัด..........................................รหัสไปรษณีย์...................................
- 83. 2.............................(5) ให้ได้รับ..................................(6) ส่วน
ซึ่งมีภูมิลาเนา อยู่บ้านเลขที่.........................................ถนน.................................
ตาบล/แขวง.....................................อาเภอ/เขต....................................................
จังหวัด..........................................รหัสไปรษณีย์................................................
3.............................(5) ให้ได้รับ..................................(6) ส่วน
ซึ่งมีภูมิลาเนา อยู่บ้านเลขที่.........................................ถนน.................................
ตาบล/แขวง.....................................อาเภอ/เขต....................................................
จังหวัด..........................................รหัสไปรษณีย์................................................
ลงชื่อ.............................................ผู้แสดงเจตนา
(...........................)
ลงชื่อ..............................................พยาน
(............................)
ลงชื่อ..............................................พยาน
(............................)
- 86. คําอธิบายการกรอกแบบหนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบําเหน็จตกทอด
(1) ให้ระบุวัน เดือน ปี ที่แสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบาเหน็จตกทอด
(2) ให้ระบุคานาหน้าชื่อ และนามสกุล ของผู้แสดง/เจตนา
(3) ให้ระบุเงินเดือน บานาญ หรือเบี้ยหวัดที่ได้รับอยู่ขณะที่แสดงเจตนา
(4) ให้ระบุจานวนผู้มีสิทธิได้รับบาเหน็จตกทอดได้ไม่เกิน 3 คน
(5) ให้ระบุคานาหน้าชื่อ และนามสกุล ของผู้มีสิทธิรับบาเหน็จตกทอด
(6) กรณีระบุตัวผู้รับบาเหน็จตกทอดไว้มากกว่าหนึ่งคนให้กาหนดส่วนที่จะมี
สิทธิได้รับให้ชัดเจนด้วย เช่น นาย ก. ให้ได้รับ 1 ส่วน นางสาว ข . ให้
ได้รับ 1 ส่วน และ เด็กหญิง ค. ให้ได้รับ 2 ส่วน เป็นต้น
(7) เจ้าหน้าที่ส่วนราชการมอบหมาย ซึ่งเป็นข้าราชการไม่ต่ากว่าระดับ 3
- 87. การนับอายุบุคคล
1. 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. อายุครบ 1 ปี
2. 1 ต.ค. ปีนี้ – 30 ก.ย. ปีหน้า อายุครบ 1 ปี
3. เกิด 1 ต.ค. ของปี เกษียณราชการสิ้นปีงบประมาณของปีเดียวกัน
4. เกิด 2 ต.ค. – 31 ธ.ค. ของปี เกษียณราชการสิ้นปีงบประมาณหน้า
(บวกอีก 1 ปี)
ตัวอย่าง
นาย ก. เกิดวันที่ 1 ตุลาคม 2483 ต้องเกษียณราชการ 30 กันยายน 2543
นาง ข. เกิดวันที่ 2 ตุลาคม 2483 ต้องเกษียณราชการ 30 กันยายน 2544
(หนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค.0513/ว 58 ลว. 6 พ.ค. 2537)
- 88. ประกาศใช้กฎอัยการศึก
1. พ.ศ. 2494 (ในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ 30 มิ.ย. 94 ถึง 5 ก.ย. 94 รวม 2 เดือน
6 วัน)
2. พ.ศ. 2500 (นอกเขต 26 จังหวัด 17 ก.ย. 2500 ถึง 3 ต.ค. 2500 รวม 16 วัน)
3. พ.ศ. 2500 (ในเขต 26 จังหวัด ตั้งแต่ 17 ก.ย. 2500 ถึง 9 ม.ค. 2501 รวม 3 เดือน
23 วัน)
4. พ.ศ. 2501 (ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 21 ต.ค. 2501 ถึง 28 ต.ค. 2508 รวม 7 ปี -
เดือน 7 วัน)
5. พ.ศ. 2519 (ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 7 ต.ค. 2519 ถึง 5 ม.ค. 2520 รวม 3 เดือน)
6. พ.ศ. 2534 (ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ 23 ก.พ. 2534 ถึง 2 พ.ค. 2534 รวม 2 เดือน
8 วัน)
7. พ.ศ. 2534 (ในเขต 21 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 2534 ถึง...)
- 90. PROFESSION วิชาชีพครู
มีคุณสมบัติ 10 ประการ
1. ใช้สติปัญญาประกอบอาชีพนั้น
2. จําเป็นต้องมีองค์ความรู้เฉพาะทาง
3. จําเป็นต้องมีการเตรียมตัวเข้าสู่วิชาชีพยาวนานพอสมควร (อย่างน้อยปริญญาตรี)
4. จําเป็นต้องมีการอบรมระหว่างประจําการ
5. อาชีพที่คนพึ่งพาตลอดชีวิตที่มีความมั่นคง
6. มีการกําหนดมาตรฐานวิชาชีพของตนเองขึ้นมาเอง เช่น กําหนดจรรยาบรรณ
7. คุณค่าของงานมากกว่าเงินที่ได้รับ
8. ต้องให้สิทธิปฏิบัติตามความรับผิดชอบเพราะเรียนมา
9. ต้องมีองค์กรวิชาชีพอย่างแท้จริง
10. ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูได้
- 91. จรรยาบรรณ
• ความดีหรือสิ่งที่ดีที่ครูจาเป็นต้องมีและต้องปฏิบัติ (สานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ)
• ข้อกาหนดกฎเกณฑ์อันเป็นปทัสถานสาหรับผู้ประกอบวิชาชีพ
นั้นๆ ยึดถือปฏิบัติ (ประวีณ ณ นคร)
• แบบแผนที่สังคมวิชาชีพกาหนดขึ้นเพื่อควบคุมตัวเองได้ (คณะ
ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
• ประมวลความประพฤติที่ผู้ประกอบอาชีพการงานแต่ละอย่าง
กาหนดขึ้นเพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณชื่อเสียง และฐานะ
ของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้
(พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน)
• มาตรฐานความชอบธรรมและเกียรติฐานะของความเป็น
ข้าราชการ (พระเมธีธรรมาภรณ์)
สรุป จรรยาบรรณ คือ ข้อกําหนดเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติสําหรับผู้
ประกอบวิชาชีพนั้นๆ
- 92. หมวด ๓
จรรยาบรรณของวิชาชีพ
ข้อ ๑๓ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติ
ตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ และแบบแผนพฤติกรรม
ตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ
ส่วนที่ ๑
จรรยาบรรณต่อตนเอง
ข้อ ๑๔ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีวินัยใน
ตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพและวิสัยทัศน์
ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการเศรษฐกิจ สังคม และ
การเมืองอยู่เสมอ
- 93. ส่วนที่ ๒
จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
ข้อ ๑๖ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องรัก เมตตา
เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กาลังใจศิษย์และผู้รับบริการ
ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า
ข้อ ๑๗ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้
เกิดการเรียนรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และ
ผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วย
ความบริสุทธิ์ใจ
ข้อ ๑๘ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทา
ตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ
อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ
- 94. ส่วนที่ ๔
จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
ข้อ ๒๑ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือ
เกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบ
คุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
ส่วนที่ ๕
จรรยาบรรณต่อสังคม
ข้อ ๒๒ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงประพฤติ
ปฏิบัติตนเป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ
สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม
รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- 95. 1. มีศรัทธาในอาชีพครู และให้เกียรติแก่ครูด้วยกัน
2. บําเพ็ญตนให้สมกับได้ชื่อว่าเป็นครู
3. ใฝ่ใจศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมเสมอ
4. ตั้งใจฝึกสอน อบรมศิษย์ให้เป็นพลเมืองดี
5. ร่วมมือกับผู้ปกครองในการอบรมสั่งสอนนักเรียนอย่างใกล้ชิด
6. รู้จักเสียสละ และรับผิดชอบในหน้าที่การงานทั้งปวง
7. รักษาชื่อเสียงของคณะครูและโรงเรียน
8. รู้จักมัธยัสถ์และพยายามสร้างฐานะด้วยความขยันหมั่นเพียร และซื่อสัตย์ ซื่อตรง
9. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือและไม่ลบหลู่ศาสนาอื่น
10. บําเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
- 96. ลักษณะทั่วไปของวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
1. วินัยเป็นระบบไต่สวน ศาลยุติธรรมเป็นระบบกล่าวหา
2. ไม่มีอายุความ ยกเว้นได้รับล้างมลทิน
3. ใช้เฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
4. ผู้ร้องเรียนไม่จําเป็นต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง
5. ยอมความกันไม่ได้
6. ร้องเรียนแล้วเพิกถอน ไม่มีผลทําให้วินัยยุติ
7. ไม่อาจชดใช้ได้ด้วยเงิน
8. ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว ถูกลงโทษตัดเงินเดือนไม่สามารถที่จะเลื่อนขั้นเงินเดือนได้
9. รับสารภาพ ไม่เป็นเหตุลดหย่อนโทษ
10. มูลกรณีเกิดขึ้นในระหว่างเป็นข้าราชการ แม้ออกจากราชการแล้วเรื่องไม่ยุติ
11. ถูกสอบสวน ลาออกได้ แต่เรื่องไม่ยุติ กรณีระดับโทษร้ายแรง
12. จะอ้างว่าไม่รู้ระเบียบและกฎหมายไม่ได้
13. การอุทธรณ์ไม่เป็นคุณเสมอไป
14. มาตรฐานโทษและแนวการพิจารณาโทษสูงกว่าข้าราชการอื่น
15. แม้ไม่มีเจตนาก็เป็นการกระทําโดยประมาทได้
16. ในบางกรณีไม่เป็นการกระทําผิดวินัย แต่ถูกให้ออกจากราชการได้(มีมลทินมัวหมอง )
17. มีทั้งระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร และไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
18. เมื่อรับโทษทางวินัยแล้ว ยังต้องรับผิดตามกฎหมายอื่นอีกด้วย เช่น ความรับผิดทางแพ่ง
- 103. สาเหตุของการกระทําผิด
1. ไม่เข้าใจ (ไม่รู้ว่าอะไรทําได้อะไรทําไม่ได้)
2. ตามใจ (เห็นคนอื่นทําได้จึงทําตามอย่างไป)
3. ไม่ใส่ใจ (ถือว่าระเบียบแบบแผนไม่สําคัญ วิชาการและ
เสรีภาพสําคัญกว่า)
4. ชะล่าใจ (คิดว่าคงไม่เป็นไร)
5. เผลอใจ (สิ่งเย้ายวนชักนําถลําลงไป)
6. ล่อใจ (โอกาสเปิดช่องให้ได้ของมีค่า)
7. ไม่มีจิตใจ (เสียขวัญและกําลังใจ)
8. จําใจ (ถูกบังคับ)
9. เจ็บใจ (ไม่ได้รับการปฏบัติโดยเป็นธรรม)
10. ตั้งใจ (เป็นสันดาน)
- 104. ความผิดวินัยที่ข้าราชการครูกระทาผิดอยู่เสมอ
1. ละทิ้งหน้าที่ราชการ
2. เล่นการพนัน
3. เสพสุรามึนเมา
4. ทุจริตต่อหน้าที่
5. ทะเลาะวิวาท
6. ลงโทษนักเรียนผิดระเบียบ
7. ชู้สาว
8. ทําร้ายร่างกาย
9. ขัดคําสั่งผู้บังคับบัญชา
10. ไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่
11. ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
12. ผิดระเบียบการลา
13. ละทิ้งเวรยาม
14. เล่นแชร์
15. กระทําผิดอาญา
16. ไม่รายงานผ.บ.เมื่อถูกฟ้องคดีแพ่ง
17. ประมาทเลินเล่อ
18. เปิดเผยความลับ
19. รายงานเท็จ
- 110. กรณีใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ
กรณีการบรรจุข้าราชการผู้ซึ่งออกจากราชการเพราะการกระทําผิดวินัยกลับเข้ารับราชการ
ได้เคยมีแนวทางให้กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ พิจารณาด้วยความระมัดระวัง
ในการรับบรรจุผู้เคยออกจากราชการเพราะกระทาผิดวินัยแล้วกลับเข้ารับราชการอีก แม้ว่า
ผู้ถูกลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการเพราะกระทาผิดวินัยจะไม่ขาดคุณสมบัติ
ตามมาตรา 44 (10) (11) (12) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2497
เพราะได้รับล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ.2499 แล้ว
แต่ผู้นั้นอาจเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 44 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2497 ก็ได้ ถ้าหากการกระทาอันเป็นเหตุให้ผู้ถูกลงโทษไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากราชการนั้น
เป็นการบกพร่องในศีลธรรมอันดี เพราะการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ นั้น
ล้างแต่เฉพาะโทษเท่านั้น หากได้ล้างการกระทาผิดนั้นด้วยไม่
(หนังสือสํานักงาน ก.พ. ที่ นว 2/2504 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2504)
- 118. มติค.ร.ม. วันที่ 3 กันยายน 2496 วางระดับโทษให้
ปลด ไล่ ออกจากราชการ
• การพนัน ต้องมีการได้หรือเสีย เงิน กัน การได้เสีย กิน ด้วยกันนั้นไม่
เรียกว่าการพนัน
1. ไม่เล่นการพนัน แต่รับสารภาพในชั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจ อัยการ ศาล โดยไม่มีการ
สืบพยานโจทก์ พยานจําเลย ได้ชื่อว่า ประพฤติชั่ว (ตัดเงินเดือน 5 % 2 เดือน)
2. เล่นการพนัน แต่ปฏิเสธ มีการสืบพยานโจทย์ พยานจําเลย ศาลพิเคราะห์พยาน
เชื่อว่า จําเลยไม่ได้เล่น และมีคําพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้องโจทก์ อาจยุติเรื่องหรืออื่นๆ
3. เล่นการพนัน แต่ปฏิเสธ มีการสืบพยานโจทก์ พยานจําเลย ศาลพิเคราะห์เชื่อว่า
เล่นการพนันจริง และคําพิพากษาถึงที่สุด โทษ ปลด, ไล่ ออกจากราชการ
4. ไม่เล่นการพนัน แต่ปฏิเสธ มีการสืบพยานโจทก์ พยานจําเลย ศาลพิเคราะห์พยาน
เชื่อว่า จําเลยไม่ได้เล่นจริง มีคําพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้องโจทก์ ยุติเรื่อง
- 121. ละทิ้ง - จุดที่กาหนดให้ปฏิบัติงาน กลับละทิ้งหน้าที่ออกไป
ที่อื่น หรือออกนอกจุดที่กาหนดให้อยู่ประจา
- ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเลย
ทอดทิ้ง - ตัวอยู่แต่ไม่ทางาน ไม่เอาใจใส่ ไม่เอาเป็นธุระ
หรือปล่อยให้งานคั่งค้าง
อุทิศเวลาของตน - การสละเวลาที่นอกเหนือต้องปฏิบัติ
ตามปกติ เช่น วันหยุดราชการ นอกเวลา
ปฏิบัติงานราชการ
การมาลงเวลาปฏิบัติงานแล้วไม่อยู่สถานศึกษาถือเป็นการ
ละทิ้งหน้าที่เช่นกัน
- 122. มูลเหตุจูงใจ
กรณีไม่อุทิศเวลา ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ(ม.๘๗)
1. กระทาตามอารมณ์
2. ไม่ให้ความสาคัญต่อวินัยข้าราชการ
3. อาศัยตาแหน่งหน้าที่ของตนซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากระทาผิดทางวินัย
4. เป็นโรคประสาท หรือมีปัญหาครอบครัวแล้วเกิดความเครียด
5. เกิดความคับข้องใจในการปฏิบัติหน้าที่
6. กระทาเพื่อต้องการผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีกว่า
7. ดื่มสุรากระทาผิดทางวินัย
8. มีปัญหาภาระหนี้สินมาก
9. เนื่องจากไม่เข้าใจระเบียบปฏิบัติและแบบธรรมเนียมของทางราชการ