SlideShare a Scribd company logo
1 of 56
Download to read offline
สมิทธิชัย ไชยวงศ์ (อ.รอง)
smitrong@Hotmail.com
• Shortcut Key ที่จำเป็นต่อกำรทำงำน เพื่อนให้ทำงำนได้ไวยิ่งขึ้น เช่นกำร
Navigation, Selection เป็นต้น
• เทคนิคกำรเลื่อน Cell เทคนิคกำรใส่สูตร Shortcut ที่ทำงำนได้รวดเร็ว
• เทคนิคกำรป้ อนข้อมูลอย่ำงรวดเร็ว เช่น กำรป้ อนวันที่ เวลำ หรือกำรป้ อนข้อมูล
ใน Database ที่มีข้อมูลเหมือนกับที่เคยป้ อนไปแล้ว
• เทคนิคกำรใช้งำน Microsoft Excel ให้เพิ่มประสิทธิภำพ และควำม
รวดเร็วเช่น เทคนิคกำร Copy งำนกำร Run ตัวเลขแบบเว้นบรรทัดใน
Excel
excel มีกี่ row กี่ column
แล้ว excel มีกี่ cell
เลือกเฉพำะข้อมูลใน column ยังไง
เลือกข้อมูลทั้งหมดในตำรำงยังไง
ข้อมูลหลักมีกี่ประเภทอะไรบ้ำง
พิมพ์วันที่ยังไง ให้คำนวนได้
2+2/2^2-2*2 =?
A1 ,$A$1 ,$A1 ,A$1 ต่ำงกันอย่ำงไร
Today()
Istext(value)
Countif(range,criteria)
^, */ ก่อน +-
$ อ้ำงอิงแบบเจำะจง
Function (Argument )
สูตรสำเร็จ(ค่ำในแต่ล่ะสูตร)
• กำรป้ องกัน Worksheet & Workbook (Protect Sheet,
Protect Workbook)
• กำรกำหนดรหัสผ่ำนให้ไฟล์ Excel
• เทคนิคกำรซ่อนชีตไม่ให้ผู้อื่นเห็นได้ โดยไม่สำมำรถใช้คำสั้ง Unhide Sheet
ได้เลย
• เทคนิคกำรเลือกเซลล์ที่ไม่ได้ทำกำร Locked เพื่อ Clear ข้อมูลในครำว
เดียว
• กำรเชื่อมโยงเซลล์จำก Workbook อื่น (Link Cells in
difference workbook)
• กำรแก้ไขลิ้งค์ (Edit Links)
• กำรเปรียบเทียบข้อมูลจำก 2 ชีทแล้วนำผลต่ำงไปแสดงในชีทที่ 3
• กำรเชื่อมโยงข้อมูลเข้ำด้วยกัน (Consolidate Data)
• เทคนิคกำรรวมข้อมูลจำกหลำยไฟล์มำไว้ในไฟล์เดียว
• เรำจะทรำบได้อย่ำงไรว่ำเซลล์ไหน Link มำจำกไฟล์อื่น
เช่น กำรสร้ำงสูตรหำผลรวมของทุก Sheet ใน
ลักษณะ =Jan!A10+Feb!A10+Mar!A10+Apr!A10+May!
A10+Jun!A10+Jul!A10+Aug!A10+Sep!A10+Oct!A10
+Nov!A10+Dec!A10 ให้เสียเวลำและยำว
เหมำะสำหรับในกรณีต้องกำร SUM ในลักษณะ MONTH
TO DATE หรือ YEAR TO DATE อย่ำงรวดเร็ว โดย
ไม่ต้องมำคอยแก้ไขสูตรเมื่อมีเดือนใหม่เพิ่มขึ้นมำแต่อย่ำงใด
1 สร้ำงชีทของข้อมูล เช่น มกรำคม -
มีนำคม แล้วให้มีชีทหลอกไว้ 1 ชีท กำร
มีชีทหลอกนี้ควำมจริงเป็นเพรำะว่ำเรำ
ต้องกำรให้มีกำรเพิ่มชีทที่ต้องกำร
sum ในระหว่ำงช่วงชีทต่ำง ๆ เข้ำไป
นั่นเอง
3.1 ที่ชีท SumData Cell B2 พิมพ์สูตร =sum(
3.2 ใช้ mouse คลิ้กเลือก ชีท jan แล้วใช้มือซ้ำย กด shift ค้ำงไว้ แล้ว
คลิ้ก mouse อีกครั้งที่ชีท Temp แล้วปล่อย shift ออก (วิธีนี้เป็นกำร
เลือกชีทเป็น Group นั่นเอง)...สังเกตุ formula bar จะขึ้น
สูตร =SUM(Jan:Temp!
3.3 เอำ mouse คลิ้กที่ cell F2 จะได้
สูตร =SUM(Jan:Temp!F2
3.4 พิมพ์ : จะปรำกฏ F2 อีก 1 ตัวให้อัตโนมัติ
กลำยเป็น =SUM(Jan:Temp!F2:F2 ปิดวงเล็บ จะได้สูตรที่สมบูรณ์
คือ =SUM(Jan:Temp!F2:F2) กด enter
ต่อยอดให้ครับ ถ้ำต้องกำร Sum
มำกกว่ำ 1 ค่ำ ก็สำมำรถเพิ่มค่ำที่
ต้องกำร sum ด้วยกำรพิมพ์ ,
(เครื่องหมำย Comma) คั่นในสุตร
Sum หลังค่ำ F2 (ตัวที่ 2) ต่อ ๆ ไป
ได้ครับ
• เรำสำมำรถซ้อน IF มำกกว่ำ 7 ชั้นได้อย่ำงไร
• กำรใช้ฟังก์ชัน And และ Or
รูปแบบสูตร IF
=IF( เงื่อนไข, ค่ำกรณีที่เงื่อนไขถูกต้อง, ค่ำกรณีเงื่อนไขไม่ถูกต้อง)
เงื่อนไข เช่น ทดสอบว่ำ เซลล์นั้นเท่ำกับเซลล์นี้หรือไม่ เซลล์โน้นเท่ำกับค่ำนี้
หรือไม่ จะใส่สูตรคำนวณเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขก็ได้ โดยผลลัพธ์ของเงื่อนไข จะคืน
ค่ำออกมำเป็น TRUE หรือ FALSE อย่ำงใดอย่ำงหนึ่งเท่ำนั้น เครื่องหมำย
ในส่วนของเงื่อนไข เช่น
 = เท่ำกับ
 < น้อยกว่ำ
 > มำกกว่ำ
 >= มำกกว่ำหรือเท่ำกับ
 <= น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ
 <> หมำยถึง ไม่เท่ำกับ
วิธีเขียนสูตร ภำษำชำวบ้ำน
=IF(เงื่อนไขที่เรำโยนเข้ำไปให้ทดสอบ, [ถ้ำจริงจะทำอันนี้], [ถ้ำเท็จจะทำอันนี้])
เช่น หำกเทียบกับภำษำพูด จะได้ว่ำ
ถ้ำ ฉันสอบตก ฉันจะเลี้ยงข้ำว ไม่งั้น เธอเป็นคนเลี้ยงข้ำว
ฉันสอบตก = เงื่อนไข
ฉันเลี้ยงข้ำว = กำรกระทำหำกเงื่อนไขเป็นจริง
เธอเป็นคนเลี้ยงข้ำว = กำรกระทำหำกเงื่อนไขเป็นเท็จ
ซึ่งเงื่อนไขที่เรำโยนเข้ำไปให้ทดสอบ นั้นจะต้องมี ตัวเปรียบเทียบ
(COMPARISON OPERATOR) อยู่ด้วย เพื่อให้ค่ำออกมำเป็นจริง
(TRUE) หรือเท็จ (FALSE) เช่น
ตัวอย่ำง 1 หำกช่อง B4 เรำเขียนว่ำ
=IF(B2>10, 20*3,”ขี้เกียจทำ”)
สิ่งที่มันจะทำคือดูว่ำค่ำใน B2 มำกกว่ำ 10 หรือไม่?
สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 =>เงื่อนไขเป็นจริง =>คำนวณ 20*3 => แสดงค่ำ
60 ในช่อง B4
สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 7 => เงื่อนไขเป็นเท็จ =>แสดงค่ำ “ขี้เกียจทำ” ในช่อง
B4
 กำรเขียน IF ซ้อน IF
 เรำสำมำรถเขียน IF ซ้อนกันไปเรื่อยๆ ได้ (จริงๆแล้วจะเอำฟังก์ชั่นอื่นมำซ้อนด้วยก็ยังได้)โดย IF แต่ละตัวก็จะมีกำร
เช็คเงื่อนไขของตัวเอง และทำค่ำจริง/เท็จ ของตัวเองแล้วแต่ผลลัพธ์ที่ประมวลได้ เช่น
 =IF(เงื่อนไข 1, IF( เงื่อนไข2,จริง2,เท็จ2),IF(เงื่อนไข3,จริง3,เท็จ3))
 ตัวอย่ำง 3 หำกเรำต้องกำรจะจัดเกรดจำกคะแนนดิบของนักเรียน โดยมีเกณฑ์ดังนี้
 คะแนน <50 : F
 50 <= คะแนน<60 : D
 60 <= คะแนน<70 : C
 70 <= คะแนน<80 : B
 คะแนน >= 80 : A
 สมมติคะแนนดิบอยู่ในช่อง A2 และเรำจะใส่เกรดในช่อง B2 / ในช่อง B2 เรำต้องเขียน
ดังนี้
 =IF(A2<50,”F”,IF(A2<60,”D”,IF(A2<70,”C”,IF(A2<8
0,”B”,”A”))))
 อธิบำยแนวคิด
 ให้ใส่เงื่อนไขทีละ Step อันแรกเช็คว่ำน้อยกว่ำ 50 หรือไม่? ถ้ำน้อยกว่ำให้แสดงเกรด F
ถ้ำไม่น้อยกว่ำ ต้องเช็คต่อว่ำ < 60 หรือไม่?… ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
หำกมีหลำยเงื่อนไขจะทำอย่ำงไร?
โดยหำกมีหลำยเงื่อนไข เรำสำมำรถเอำแต่ละเงื่อนไขมำเชื่อมกับฟังก์ชั่นทำง
ตรรกกศำสตร์ ได้อีก เช่น
 AND(เงื่อนไข1,เงื่อนไข2,เงื่อนไข3,…) => และ : ต้องเป็นจริงทุกอัน ถึงจะออกมำเป็นจริง
 OR(เงื่อนไข1,เงื่อนไข2,เงื่อนไข3,…) => หรือ : หำกอันใดอันหนึ่งจริงถือว่ำจริง
ตัวอย่ำง 2 หำกช่อง B4 เรำเขียนว่ำ
=IF(AND(B2>10,B3<=5), 20*3,”ขี้เกียจทำ”)
สิ่งที่มันจะทำคือดูว่ำค่ำใน B2 มำกกว่ำ 10 และ B3น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ 5
หรือไม่?
สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 และ B3 เป็น 4 =>=> เงื่อนไขเป็นจริง =>คำนวณ
20*3 => แสดงค่ำ 60 ในช่อง B4
สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 และ B3 เป็น 6 => เงื่อนไขเป็นเท็จ =>แสดงค่ำ “ขี้
เกียจทำ” ในช่อง B4
หำกต้องกำรนำสูตร IF มำซ้อนกันหลำยๆชั้น โดยทั่วไปจะซ้อนกันได้เพียง 7
ชั้นเท่ำนั้น แต่เรำสำมำรถเอำชนะข้อจำกัดนี้ โดยนำสูตร IF 7 ชั้นมำบวกกับ
สูตร IF 7 ชั้น หรือนำสูตร IF 7 ชั้นมำต่อกับสูตร IF 7 ชั้น โดยใช้
เครื่องหมำย &
นอกจำกนี้ ยังใช้วิธีตั้งชื่อสูตร แล้วนำชื่อสูตรมำซ้อนในอีกชื่อหนึ่งก็ได้
 กำรคำนวณหำค่ำคอมฯในเซลล์ C2 ก็
คล้ำยๆ กัน ใช้สูตร If
 กำรคำนวณจะมีอยู่ ภ เงื่อนไข
 ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 250000 บำทขึ้นไป
(B2>= 250000) จะให้ค่ำคอมฯ 3.5%
ของยอดขำย (B2*3.5 % )
 ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 150000 บำทขึ้นไป
(B2>= 150000) จะให้ค่ำคอมฯ 3%
ของยอดขำย (B2*3% )
 ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 70000 บำทขึ้นไป
(B2>= 70000) จะให้ค่ำคอมฯ 2.5%
ของยอดขำย (B2*2.5 % )
 ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 0 บำทขึ้นไป จะให้ค่ำคอมฯ
2% ของยอดขำย (B2*2 % )
1. เปิด Sheet ใหม่
2. พิมพ์ข้อมูล A4:D14 หรือจะ
Copy มำก็ได้ โดยเพิ่มคอลัมน์ E ดัง
รูป (รหัสอำยุ)
 3. เลื่อนเซลล์มำที่ตำแหน่ง E5 แล้ว
พิมพ์
=IF(C14>25,"1",IF(AND(C14
>=25,C14<29),"2",IF(AND(C
14>=30,C14<39),"3","4")))
แล้วคัดลอกลงมำจนถึงบรรทัดที่14
 4. เลื่อนเซลล์มำที่ตำแหน่ง f5 แล้วพิมพ์
=IF(C14>=40,"4",IF(C14>=30
,"3",IF(C14>=25,"2","1")))
แล้วคัดลอกลงมำจนถึงบรรทัดที่14
 5. จะได้ผลลัพธ์ของกำรใช้ if ทั้ง 2
รูปแบบเหมือนกัน ดังรูป
• สำเหตุที่ Excel ไม่คำนวณผลลัพธ์
• กำรเปลี่ยนค่ำผิดพลำด #N/A เป็นค่ำใดๆ ตำมต้องกำร
ฟังก์ชั่น Vlookup เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่ใช้บ่อยมำก แต่ผู้ที่ใช้ส่วนมำกก็ยังไม่
เข้ำใจว่ำทำงำนอย่ำงไร อ่ำนใน Help แล้วก็ยังไม่เคลียร์ เมื่อเกิดปัญหำก็เลย
ไม่สำมำรถแก้ไขได้
มำดูส่วนประกอบหรือไวยำกรณ์ของ Vlookup กันก่อนครับ
Vlookup มีไวยำกรณ์ดังนี้
Vlookup(lookup_value,table_array,col_index_n
um,range_lookup)
หรือแปลตำมแบบฉบับของผมเพื่อให้ง่ำยต่อกำรเข้ำใจ Smile with
tongue out
Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรค้นหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ, คอลัมน์
ที่ต้องกำรแสดงผล, รูปแบบกำรค้นหำ)
 ค่ำที่ต้องกำรค้นหำ เป็นค่ำใด ๆ ก็ได้ทั้งนั้น
 ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ แน่นอนครับว่ำต้องเป็นตำรำงและคอลัมน์แรกของตำรำง
ต้องมีค่ำที่ต้องกำรค้นหำในข้อ 1. อยู่ด้วย (แต่ไม่เสมอไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบกำรค้นหำซึ่งเป็น
ส่วนประกอบสุดท้ำยของฟังก์ชั่น)
 ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ เป็นตำรำงที่มีคอลัมน์เดียวได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ นั่นคือ
มีแต่เฉพำะค่ำที่ต้องกำรค้นหำเท่ำนั้น
 คอลัมน์ที่ต้องกำรแสดงผล หมำยถึง ลำดับของคอลัมน์ในตำรำงที่บรรจุผลลัพธ์(ปกติคำว่ำ
ตำรำงมักจะมำกกว่ำ 1 คอลัมน์และคอลัมน์ผลลัพธ์เป็นคอลัมน์ใด ๆ ก็ได้ในตำรำงแล้วแต่
ควำมต้องกำร) และที่สำคัญคอลัมน์ที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำนั้นต้องนับเป็นคอลัมน์แรก
หรือคอลัมน์ที่ 1 เสมอ
 รูปแบบกำรค้นหำ มี แค่ 2 รูปแบบเท่ำนั้น คือ หำค่ำแบบตรงตัว และ หำค่ำแบบใกล้เคียง
 กำรหำค่ำแบบตรงตัว จะใช้ False หรือ 0 ในสูตร กำรหำค่ำแบบใกล้เคียง จะใช้ True
หรือ 1 หรือ ปล่อยว่ำง
=Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่
บรรจุผลลัพธ์, False) หรือ
=Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่
บรรจุผลลัพธ์, 0)
เช่น
=Vlookup(A2,Sheet2!B5:D100,3,False)
หมำยควำมว่ำ ให้หำค่ำที่เท่ำกับ A2 ในช่วงข้อมูล B5:B100 ของ
Sheet2 แล้วนำค่ำในคอลัมน์ที่ 3 ของตำรำง B5:D100 (ซึ่งอยู่ใน
บรรทัดเดียวกัน) มำแสดง นั่นคือ นำค่ำในคอลัมน์ D มำแสดง ( 1 คือคอลัมน์
B, 2 คือคอลัมน์ C, 3 คือคอลัมน์ D)
 =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์, True)
หรือ
 =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์, 1) หรือ
 =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์)
 เช่น
 =Vlookup(A2,Sheet2!B5:D100,3,True)
 หมำยควำมว่ำ ให้หำค่ำที่น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ A2 ในช่วงข้อมูล B5:B100 ของ Sheet2 แล้ว
นำค่ำในคอลัมน์ที่ 3 ของตำรำง B5:D100 (ซึ่งอยู่ในบรรทัดเดียวกัน) มำแสดง นั่นคือ นำค่ำใน
คอลัมน์ D มำแสดง ( 1 คือคอลัมน์ B, 2 คือคอลัมน์ C, 3 คือคอลัมน์ D)
 กำรหำค่ำแบบใกล้เคียงนี้ จะหำค่ำได้อย่ำงรวดเร็วและจำเป็นต้องเรียงข้อมูลตำมคอลัมน์ B (จำก
ตัวอย่ำง) จำกน้อยไปหำมำกเสมอ ทั้งสองรูปแบบกำรค้นหำ ถ้ำไม่เจอค่ำที่ต้องกำร จะแสดงค่ำ
ผิดพลำดเป็น #N/A
• กำรคำนวณโดยระบุกลุ่มข้อมูลจำกข้อมูลทั้งหมด
 =SUM(… : …) ใช้หำผลรวมในช่วง
ของข้อมูล เช่น =SUM(A1 : A2)
 =AVERAGE(… : …) ใช้หำ
ค่ำเฉลี่ยในช่วงของข้อมูลที่กำหนด เช่น
=AVERAGE(A2 : A50)
 =MAX(… : …) ใช้หำค่ำสูงที่สุด
ในช่วงข้อมูลที่กำหนด เช่น =MAX(A1 :
A50)
 =MIN(… : …) ใช้หำค่ำน้อยที่สุด
ในช่วงข้อมูลที่กำหนด เช่น =MIN(A1 :
A50)
 =STDEV(… : …) ใช้หำค่ำส่วน
เบี่ยงเบนมำตรฐำนของกลุ่มตัวอย่ำง เช่น
=STDEV(A1 : A50)
กำรใช้ ฟังก์ชั่น SUM
1. พิมพ์ 5 ในตำแหน่ง B1 แล้วกด
Enter
2. พิมพ์ 2 ในตำแหน่ง B2 แล้วกด
Enter
3. พิมพ์ 6 ในตำแหน่ง B3 แล้วกด
Enter
4. ขณะนี้ เคอร์เซอร์จะมำอยู่ในตำแหน่ง
B4 ดังภำพ
5. คลิกที่ เครื่องหมำย (ใช้ฟังก์ชั่น หรือ
Insert Function)
6. จะเห็นมี หน้ำจอ แทรกฟังก์ชั่น หรือ
Insert Function เกิดขึ้น ดังภำพ
กำรหำค่ำเฉลีย
ข้อมูลจำกหน้ำจอเดิม เรำจะหำค่ำเฉลี่ยของ
ข้อมูลเดิม คือ ข้อมูลในตำแหน่ง B1, B2
และ B3 เรำหำได้ ดังนี้
1. ใช้เมำส์คลิกที่ตำแหน่ง B6
2. คลิกไอคอน แทรกฟังก์ชั่น เพื่อเปิด
หน้ำจอ Insert Function ตำมข้อ 6
ข้ำงบน
3. เลือก AVERAGE ซึ่งเป็นฟังก์ชั่น
หำค่ำเฉลี่ย แล้วคลิกปุ่ ม OK
กำรหำค่ำต่ำสุด มีวิธีกำรดังนี้
1. เรำใช้ ฟังก์ชั่น MIN ในกำรหำค่ำต่ำสุด
ของขอบเขตข้อมูลที่เรำต้องกำร ในตัวอย่ำงนี้
จะใช้ข้อมูลเดิม คือ ข้อมูลที่อยู่ในตำแหน่ง
B1:B3
2. คลิกที่ช่อง D1 พิมพ์คำว่ำ ค่ำต่ำสุด
3. กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยัง
ตำแหน่ง E1
4. พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร
=MIN(B1:B3) ดังภำพ
การหาค่าสูงสุด
 คลิกที่ช่อง D3 พิมพ์คำว่ำ จำนวน
 กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยังตำแหน่ง
E2
 พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร
=MAX(B1:B3)
 เสร็จแล้ว กดปุ่ ม Enter จะได้ค่ำต่ำสุด
เท่ำกับ 3 ในช่อง D2
การนับจานวน
 คลิกที่ช่อง D2 พิมพ์คำว่ำ ค่ำสูงสุด
 กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยังตำแหน่ง
E3
 พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร
=COUNT(B1:B3)
 เสร็จแล้ว กดปุ่ ม Enter จะได้ค่ำต่ำสุด
เท่ำกับ 6 ในช่อง D2
หน้ำที่ของฟังก์ชัน SUMIF คือ จะใช้หำ
ผลรวมของตัวเลขในอำร์กิวเมนต์โดยกำร
ระบุเงื่อนไข
รูปแบบของสูตร คือ
=SUMIF(rang,criteria,sum_range)
Range หมำยถึง ช่วงเซลล์ที่มีเงื่อนไขที่ระบุใน criteria
Criteria หมำยถึง เงื่อนไขที่ระบุ โดยจะเป็นตัวเลขหรือควำม
ข้อควำมก็ได้
Sum_rang หมำยถึง ช่วงเซลล์ที่ต้องกำรให้หำผลรวมตำม
เงื่อนไขที่เรำระบุไว้
ฟังก์ชั่น COUNTIF เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยนับจำนวนเซลข้อมูลตำมเงื่อนไขที่กำ
หดน ด้วยกำรระบุกลุ่มเซลและระบุเงื่อนไขที่ต้องกำรนับลงไป โดยสำมำรถระ
บเงื่อนไขเฉพำะเจำะจงได้ทั้งค่ำที่เป็นตัวเลข และข้อควำม
รูปแบบ
=CONTIF (range, criteria)
range คือช่วงของเซลข้อมูลที่ต้องกำรนับรำยกำรตำมเงื่อนไข
criteria คือเงื่อนไขที่กำหนดให้นับ
ตัวอย่ำง
=COUNTIF(M2:M6,4)
หมำยถึงนับช่วงเซลข้อมูลจำก M2 จนถึง M6 ว่ำนักเรียนที่ได้เกรดสี่มีจำนวนกี่คน
ฟังก์ชัน AVERAGEIF ส่งกลับค่ำเฉลี่ย (ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต) ของเซลล์
ทั้งหมดในช่วงที่ตรงกับเกณฑ์ที่ให้
=AVERAGEIF(range,criteria,average_range)
Range คือเซลล์อย่ำงน้อยหนึ่งเซลล์ที่จะหำค่ำเฉลี่ย รวมทั้งตัวเลขหรือชื่อ อำร์เรย์ หรือกำรอ้ำงอิงที่มีตัวเลข
Criteria คือเกณฑ์ในรูปแบบของตัวเลข นิพจน์ กำรอ้ำงอิงเซลล์ หรือข้อควำมที่กำหนดว่ำจะนำเซลล์ใดมำเฉลี่ย
ตัวอย่ำงเช่น เกณฑ์อำจเป็น 32, "32", ">32", "apples" หรือ B4
average_range คือชุดของเซลล์ที่นำมำเฉลี่ยจริง ถ้ำถูกเว้นไว้ จะใช้ช่วงมำคำนวณ
• เทคนิคกำรกู้ไฟล์ที่เผลอไป Save ให้กลับสู่ต้นแบบก่อน Save
smitrong@Hotmail.com

More Related Content

What's hot

การเขียนผังงานเบื้องต้น
การเขียนผังงานเบื้องต้นการเขียนผังงานเบื้องต้น
การเขียนผังงานเบื้องต้นพัน พัน
 
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาอัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาskiats
 
การเขียนผังงาน
การเขียนผังงานการเขียนผังงาน
การเขียนผังงานIsaku JuJu
 
ความหมายของผังงาน
ความหมายของผังงานความหมายของผังงาน
ความหมายของผังงาน9inglobin
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานChittraporn Phalao
 
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมbpatra
 
การเขียนผังงาน
การเขียนผังงานการเขียนผังงาน
การเขียนผังงานCai Ubru
 
1 3สัญลักษณ์ผังงาน
1 3สัญลักษณ์ผังงาน1 3สัญลักษณ์ผังงาน
1 3สัญลักษณ์ผังงานPannathat Champakul
 
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาอัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาsupatra178
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมwaradakhantee
 
3 software deverlop
3 software deverlop3 software deverlop
3 software deverlopPor Kung
 
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงาน
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงานแบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงาน
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงานChess
 
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหาบทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหาjack4212
 

What's hot (20)

ผังงาน เจนนภา
ผังงาน เจนนภาผังงาน เจนนภา
ผังงาน เจนนภา
 
การเขียนผังงานเบื้องต้น
การเขียนผังงานเบื้องต้นการเขียนผังงานเบื้องต้น
การเขียนผังงานเบื้องต้น
 
Chapter 02 Flowchart
Chapter 02 FlowchartChapter 02 Flowchart
Chapter 02 Flowchart
 
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาอัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
 
Chapter05
Chapter05Chapter05
Chapter05
 
การเขียนผังงาน
การเขียนผังงานการเขียนผังงาน
การเขียนผังงาน
 
ความหมายของผังงาน
ความหมายของผังงานความหมายของผังงาน
ความหมายของผังงาน
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงาน
 
Programmer1
Programmer1Programmer1
Programmer1
 
flowchart
flowchartflowchart
flowchart
 
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรมขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม
 
การเขียนผังงาน
การเขียนผังงานการเขียนผังงาน
การเขียนผังงาน
 
1 3สัญลักษณ์ผังงาน
1 3สัญลักษณ์ผังงาน1 3สัญลักษณ์ผังงาน
1 3สัญลักษณ์ผังงาน
 
Chapter05
Chapter05Chapter05
Chapter05
 
3.7 การเขียนผังงาน
3.7 การเขียนผังงาน3.7 การเขียนผังงาน
3.7 การเขียนผังงาน
 
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหาอัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
อัลกอริทึมและการวิเคราะห์ปัญหา
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึม
 
3 software deverlop
3 software deverlop3 software deverlop
3 software deverlop
 
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงาน
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงานแบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงาน
แบบฝึกหัดโครงสร้างการเขียนผังงาน
 
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหาบทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา
บทที่4การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา
 

Similar to Logical Excel

การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศMeaw Sukee
 
Vb 6.0
Vb 6.0 Vb 6.0
Vb 6.0 ictppk
 
การคำนวณในตารางทำงาน
การคำนวณในตารางทำงานการคำนวณในตารางทำงาน
การคำนวณในตารางทำงานMeaw Sukee
 
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศABELE Snvip
 
วัฒนาอ่อนนุ้ย
วัฒนาอ่อนนุ้ยวัฒนาอ่อนนุ้ย
วัฒนาอ่อนนุ้ยfinverok
 
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1Thinnakrit Knoo-Aksorn
 
ใบความรู้ที่ 4 การคำนวณในตารางงาน
ใบความรู้ที่  4 การคำนวณในตารางงานใบความรู้ที่  4 การคำนวณในตารางงาน
ใบความรู้ที่ 4 การคำนวณในตารางงานMeaw Sukee
 
งานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมงานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมnuknook
 
งานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมงานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมPassawan' Koohar
 
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์peter dontoom
 

Similar to Logical Excel (20)

การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
53011213012
5301121301253011213012
53011213012
 
11
1111
11
 
Vb 6.0
Vb 6.0 Vb 6.0
Vb 6.0
 
Data base programming
Data base programmingData base programming
Data base programming
 
การคำนวณในตารางทำงาน
การคำนวณในตารางทำงานการคำนวณในตารางทำงาน
การคำนวณในตารางทำงาน
 
Excel2010
Excel2010Excel2010
Excel2010
 
หลักการเขียนโปรแกรม
หลักการเขียนโปรแกรมหลักการเขียนโปรแกรม
หลักการเขียนโปรแกรม
 
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
วัฒนาอ่อนนุ้ย
วัฒนาอ่อนนุ้ยวัฒนาอ่อนนุ้ย
วัฒนาอ่อนนุ้ย
 
1122
11221122
1122
 
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1
อยากเขียนโปรแกรมสักตัว เล่ม 1
 
Lesson 13
Lesson 13Lesson 13
Lesson 13
 
ใบความรู้ที่ 4 การคำนวณในตารางงาน
ใบความรู้ที่  4 การคำนวณในตารางงานใบความรู้ที่  4 การคำนวณในตารางงาน
ใบความรู้ที่ 4 การคำนวณในตารางงาน
 
งานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมงานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอม
 
OpenOffice.org 3.0
OpenOffice.org 3.0OpenOffice.org 3.0
OpenOffice.org 3.0
 
งานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอมงานนำเสนอ1 คอม
งานนำเสนอ1 คอม
 
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์
เฉลยข้อสอบเพาเวอร์พ้อยท์
 
งานทำBlog บทที่ 4
งานทำBlog บทที่ 4งานทำBlog บทที่ 4
งานทำBlog บทที่ 4
 
3.4 ตัวดำเนินการและนิพจน์
3.4 ตัวดำเนินการและนิพจน์3.4 ตัวดำเนินการและนิพจน์
3.4 ตัวดำเนินการและนิพจน์
 

More from smittichai chaiyawong (20)

Infographic presentation
Infographic presentationInfographic presentation
Infographic presentation
 
Adobe premiere pro cc 2018
Adobe  premiere pro cc 2018Adobe  premiere pro cc 2018
Adobe premiere pro cc 2018
 
Infographic presentation
Infographic presentationInfographic presentation
Infographic presentation
 
Cinemagraph by photoshop
Cinemagraph by photoshopCinemagraph by photoshop
Cinemagraph by photoshop
 
Motion graphic by ppt
Motion graphic by pptMotion graphic by ppt
Motion graphic by ppt
 
Static excel
Static excelStatic excel
Static excel
 
การใช้งาน Power point 2013
การใช้งาน Power point 2013การใช้งาน Power point 2013
การใช้งาน Power point 2013
 
Excel 2013
Excel 2013Excel 2013
Excel 2013
 
02 word 2013
02 word 201302 word 2013
02 word 2013
 
Ms excel 2016
Ms excel 2016Ms excel 2016
Ms excel 2016
 
Ms outlook 2016
Ms outlook 2016Ms outlook 2016
Ms outlook 2016
 
Windows 10
Windows 10Windows 10
Windows 10
 
แนะนำ ProjectLibre
แนะนำ ProjectLibreแนะนำ ProjectLibre
แนะนำ ProjectLibre
 
Excel 2010 basic finish
Excel 2010 basic finishExcel 2010 basic finish
Excel 2010 basic finish
 
Advance word2013
Advance word2013Advance word2013
Advance word2013
 
เอกสาร Infographic
เอกสาร Infographicเอกสาร Infographic
เอกสาร Infographic
 
slide intro Infographic
slide intro Infographicslide intro Infographic
slide intro Infographic
 
PowerPoint2010 Concept
PowerPoint2010 ConceptPowerPoint2010 Concept
PowerPoint2010 Concept
 
Facebook marketingonline
Facebook marketingonlineFacebook marketingonline
Facebook marketingonline
 
Summery illustrator from PICHET
Summery illustrator from PICHETSummery illustrator from PICHET
Summery illustrator from PICHET
 

Logical Excel

  • 2. • Shortcut Key ที่จำเป็นต่อกำรทำงำน เพื่อนให้ทำงำนได้ไวยิ่งขึ้น เช่นกำร Navigation, Selection เป็นต้น • เทคนิคกำรเลื่อน Cell เทคนิคกำรใส่สูตร Shortcut ที่ทำงำนได้รวดเร็ว • เทคนิคกำรป้ อนข้อมูลอย่ำงรวดเร็ว เช่น กำรป้ อนวันที่ เวลำ หรือกำรป้ อนข้อมูล ใน Database ที่มีข้อมูลเหมือนกับที่เคยป้ อนไปแล้ว • เทคนิคกำรใช้งำน Microsoft Excel ให้เพิ่มประสิทธิภำพ และควำม รวดเร็วเช่น เทคนิคกำร Copy งำนกำร Run ตัวเลขแบบเว้นบรรทัดใน Excel
  • 3. excel มีกี่ row กี่ column แล้ว excel มีกี่ cell เลือกเฉพำะข้อมูลใน column ยังไง เลือกข้อมูลทั้งหมดในตำรำงยังไง ข้อมูลหลักมีกี่ประเภทอะไรบ้ำง พิมพ์วันที่ยังไง ให้คำนวนได้
  • 4. 2+2/2^2-2*2 =? A1 ,$A$1 ,$A1 ,A$1 ต่ำงกันอย่ำงไร Today() Istext(value) Countif(range,criteria) ^, */ ก่อน +- $ อ้ำงอิงแบบเจำะจง Function (Argument ) สูตรสำเร็จ(ค่ำในแต่ล่ะสูตร)
  • 5. • กำรป้ องกัน Worksheet & Workbook (Protect Sheet, Protect Workbook) • กำรกำหนดรหัสผ่ำนให้ไฟล์ Excel • เทคนิคกำรซ่อนชีตไม่ให้ผู้อื่นเห็นได้ โดยไม่สำมำรถใช้คำสั้ง Unhide Sheet ได้เลย • เทคนิคกำรเลือกเซลล์ที่ไม่ได้ทำกำร Locked เพื่อ Clear ข้อมูลในครำว เดียว
  • 6.
  • 7.
  • 8.
  • 9.
  • 10.
  • 11. • กำรเชื่อมโยงเซลล์จำก Workbook อื่น (Link Cells in difference workbook) • กำรแก้ไขลิ้งค์ (Edit Links) • กำรเปรียบเทียบข้อมูลจำก 2 ชีทแล้วนำผลต่ำงไปแสดงในชีทที่ 3 • กำรเชื่อมโยงข้อมูลเข้ำด้วยกัน (Consolidate Data) • เทคนิคกำรรวมข้อมูลจำกหลำยไฟล์มำไว้ในไฟล์เดียว • เรำจะทรำบได้อย่ำงไรว่ำเซลล์ไหน Link มำจำกไฟล์อื่น
  • 12. เช่น กำรสร้ำงสูตรหำผลรวมของทุก Sheet ใน ลักษณะ =Jan!A10+Feb!A10+Mar!A10+Apr!A10+May! A10+Jun!A10+Jul!A10+Aug!A10+Sep!A10+Oct!A10 +Nov!A10+Dec!A10 ให้เสียเวลำและยำว
  • 13. เหมำะสำหรับในกรณีต้องกำร SUM ในลักษณะ MONTH TO DATE หรือ YEAR TO DATE อย่ำงรวดเร็ว โดย ไม่ต้องมำคอยแก้ไขสูตรเมื่อมีเดือนใหม่เพิ่มขึ้นมำแต่อย่ำงใด
  • 14. 1 สร้ำงชีทของข้อมูล เช่น มกรำคม - มีนำคม แล้วให้มีชีทหลอกไว้ 1 ชีท กำร มีชีทหลอกนี้ควำมจริงเป็นเพรำะว่ำเรำ ต้องกำรให้มีกำรเพิ่มชีทที่ต้องกำร sum ในระหว่ำงช่วงชีทต่ำง ๆ เข้ำไป นั่นเอง
  • 15.
  • 16. 3.1 ที่ชีท SumData Cell B2 พิมพ์สูตร =sum( 3.2 ใช้ mouse คลิ้กเลือก ชีท jan แล้วใช้มือซ้ำย กด shift ค้ำงไว้ แล้ว คลิ้ก mouse อีกครั้งที่ชีท Temp แล้วปล่อย shift ออก (วิธีนี้เป็นกำร เลือกชีทเป็น Group นั่นเอง)...สังเกตุ formula bar จะขึ้น สูตร =SUM(Jan:Temp! 3.3 เอำ mouse คลิ้กที่ cell F2 จะได้ สูตร =SUM(Jan:Temp!F2 3.4 พิมพ์ : จะปรำกฏ F2 อีก 1 ตัวให้อัตโนมัติ กลำยเป็น =SUM(Jan:Temp!F2:F2 ปิดวงเล็บ จะได้สูตรที่สมบูรณ์ คือ =SUM(Jan:Temp!F2:F2) กด enter
  • 17. ต่อยอดให้ครับ ถ้ำต้องกำร Sum มำกกว่ำ 1 ค่ำ ก็สำมำรถเพิ่มค่ำที่ ต้องกำร sum ด้วยกำรพิมพ์ , (เครื่องหมำย Comma) คั่นในสุตร Sum หลังค่ำ F2 (ตัวที่ 2) ต่อ ๆ ไป ได้ครับ
  • 18.
  • 19. • เรำสำมำรถซ้อน IF มำกกว่ำ 7 ชั้นได้อย่ำงไร • กำรใช้ฟังก์ชัน And และ Or
  • 20. รูปแบบสูตร IF =IF( เงื่อนไข, ค่ำกรณีที่เงื่อนไขถูกต้อง, ค่ำกรณีเงื่อนไขไม่ถูกต้อง) เงื่อนไข เช่น ทดสอบว่ำ เซลล์นั้นเท่ำกับเซลล์นี้หรือไม่ เซลล์โน้นเท่ำกับค่ำนี้ หรือไม่ จะใส่สูตรคำนวณเพื่อใช้เป็นเงื่อนไขก็ได้ โดยผลลัพธ์ของเงื่อนไข จะคืน ค่ำออกมำเป็น TRUE หรือ FALSE อย่ำงใดอย่ำงหนึ่งเท่ำนั้น เครื่องหมำย ในส่วนของเงื่อนไข เช่น  = เท่ำกับ  < น้อยกว่ำ  > มำกกว่ำ  >= มำกกว่ำหรือเท่ำกับ  <= น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ  <> หมำยถึง ไม่เท่ำกับ
  • 21. วิธีเขียนสูตร ภำษำชำวบ้ำน =IF(เงื่อนไขที่เรำโยนเข้ำไปให้ทดสอบ, [ถ้ำจริงจะทำอันนี้], [ถ้ำเท็จจะทำอันนี้]) เช่น หำกเทียบกับภำษำพูด จะได้ว่ำ ถ้ำ ฉันสอบตก ฉันจะเลี้ยงข้ำว ไม่งั้น เธอเป็นคนเลี้ยงข้ำว ฉันสอบตก = เงื่อนไข ฉันเลี้ยงข้ำว = กำรกระทำหำกเงื่อนไขเป็นจริง เธอเป็นคนเลี้ยงข้ำว = กำรกระทำหำกเงื่อนไขเป็นเท็จ ซึ่งเงื่อนไขที่เรำโยนเข้ำไปให้ทดสอบ นั้นจะต้องมี ตัวเปรียบเทียบ (COMPARISON OPERATOR) อยู่ด้วย เพื่อให้ค่ำออกมำเป็นจริง (TRUE) หรือเท็จ (FALSE) เช่น
  • 22. ตัวอย่ำง 1 หำกช่อง B4 เรำเขียนว่ำ =IF(B2>10, 20*3,”ขี้เกียจทำ”) สิ่งที่มันจะทำคือดูว่ำค่ำใน B2 มำกกว่ำ 10 หรือไม่? สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 =>เงื่อนไขเป็นจริง =>คำนวณ 20*3 => แสดงค่ำ 60 ในช่อง B4 สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 7 => เงื่อนไขเป็นเท็จ =>แสดงค่ำ “ขี้เกียจทำ” ในช่อง B4
  • 23.  กำรเขียน IF ซ้อน IF  เรำสำมำรถเขียน IF ซ้อนกันไปเรื่อยๆ ได้ (จริงๆแล้วจะเอำฟังก์ชั่นอื่นมำซ้อนด้วยก็ยังได้)โดย IF แต่ละตัวก็จะมีกำร เช็คเงื่อนไขของตัวเอง และทำค่ำจริง/เท็จ ของตัวเองแล้วแต่ผลลัพธ์ที่ประมวลได้ เช่น  =IF(เงื่อนไข 1, IF( เงื่อนไข2,จริง2,เท็จ2),IF(เงื่อนไข3,จริง3,เท็จ3))
  • 24.  ตัวอย่ำง 3 หำกเรำต้องกำรจะจัดเกรดจำกคะแนนดิบของนักเรียน โดยมีเกณฑ์ดังนี้  คะแนน <50 : F  50 <= คะแนน<60 : D  60 <= คะแนน<70 : C  70 <= คะแนน<80 : B  คะแนน >= 80 : A  สมมติคะแนนดิบอยู่ในช่อง A2 และเรำจะใส่เกรดในช่อง B2 / ในช่อง B2 เรำต้องเขียน ดังนี้  =IF(A2<50,”F”,IF(A2<60,”D”,IF(A2<70,”C”,IF(A2<8 0,”B”,”A”))))  อธิบำยแนวคิด  ให้ใส่เงื่อนไขทีละ Step อันแรกเช็คว่ำน้อยกว่ำ 50 หรือไม่? ถ้ำน้อยกว่ำให้แสดงเกรด F ถ้ำไม่น้อยกว่ำ ต้องเช็คต่อว่ำ < 60 หรือไม่?… ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
  • 25. หำกมีหลำยเงื่อนไขจะทำอย่ำงไร? โดยหำกมีหลำยเงื่อนไข เรำสำมำรถเอำแต่ละเงื่อนไขมำเชื่อมกับฟังก์ชั่นทำง ตรรกกศำสตร์ ได้อีก เช่น  AND(เงื่อนไข1,เงื่อนไข2,เงื่อนไข3,…) => และ : ต้องเป็นจริงทุกอัน ถึงจะออกมำเป็นจริง  OR(เงื่อนไข1,เงื่อนไข2,เงื่อนไข3,…) => หรือ : หำกอันใดอันหนึ่งจริงถือว่ำจริง
  • 26. ตัวอย่ำง 2 หำกช่อง B4 เรำเขียนว่ำ =IF(AND(B2>10,B3<=5), 20*3,”ขี้เกียจทำ”) สิ่งที่มันจะทำคือดูว่ำค่ำใน B2 มำกกว่ำ 10 และ B3น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ 5 หรือไม่? สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 และ B3 เป็น 4 =>=> เงื่อนไขเป็นจริง =>คำนวณ 20*3 => แสดงค่ำ 60 ในช่อง B4 สมมติว่ำค่ำใน B2 เป็น 15 และ B3 เป็น 6 => เงื่อนไขเป็นเท็จ =>แสดงค่ำ “ขี้ เกียจทำ” ในช่อง B4
  • 27.
  • 28. หำกต้องกำรนำสูตร IF มำซ้อนกันหลำยๆชั้น โดยทั่วไปจะซ้อนกันได้เพียง 7 ชั้นเท่ำนั้น แต่เรำสำมำรถเอำชนะข้อจำกัดนี้ โดยนำสูตร IF 7 ชั้นมำบวกกับ สูตร IF 7 ชั้น หรือนำสูตร IF 7 ชั้นมำต่อกับสูตร IF 7 ชั้น โดยใช้ เครื่องหมำย & นอกจำกนี้ ยังใช้วิธีตั้งชื่อสูตร แล้วนำชื่อสูตรมำซ้อนในอีกชื่อหนึ่งก็ได้
  • 29.  กำรคำนวณหำค่ำคอมฯในเซลล์ C2 ก็ คล้ำยๆ กัน ใช้สูตร If  กำรคำนวณจะมีอยู่ ภ เงื่อนไข  ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 250000 บำทขึ้นไป (B2>= 250000) จะให้ค่ำคอมฯ 3.5% ของยอดขำย (B2*3.5 % )  ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 150000 บำทขึ้นไป (B2>= 150000) จะให้ค่ำคอมฯ 3% ของยอดขำย (B2*3% )  ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 70000 บำทขึ้นไป (B2>= 70000) จะให้ค่ำคอมฯ 2.5% ของยอดขำย (B2*2.5 % )  ถ้ำมียอดขำยตั้งแต่ 0 บำทขึ้นไป จะให้ค่ำคอมฯ 2% ของยอดขำย (B2*2 % )
  • 30. 1. เปิด Sheet ใหม่ 2. พิมพ์ข้อมูล A4:D14 หรือจะ Copy มำก็ได้ โดยเพิ่มคอลัมน์ E ดัง รูป (รหัสอำยุ)
  • 31.  3. เลื่อนเซลล์มำที่ตำแหน่ง E5 แล้ว พิมพ์ =IF(C14>25,"1",IF(AND(C14 >=25,C14<29),"2",IF(AND(C 14>=30,C14<39),"3","4"))) แล้วคัดลอกลงมำจนถึงบรรทัดที่14  4. เลื่อนเซลล์มำที่ตำแหน่ง f5 แล้วพิมพ์ =IF(C14>=40,"4",IF(C14>=30 ,"3",IF(C14>=25,"2","1"))) แล้วคัดลอกลงมำจนถึงบรรทัดที่14  5. จะได้ผลลัพธ์ของกำรใช้ if ทั้ง 2 รูปแบบเหมือนกัน ดังรูป
  • 32. • สำเหตุที่ Excel ไม่คำนวณผลลัพธ์ • กำรเปลี่ยนค่ำผิดพลำด #N/A เป็นค่ำใดๆ ตำมต้องกำร
  • 33.
  • 34.
  • 35.
  • 36.
  • 37. ฟังก์ชั่น Vlookup เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่ใช้บ่อยมำก แต่ผู้ที่ใช้ส่วนมำกก็ยังไม่ เข้ำใจว่ำทำงำนอย่ำงไร อ่ำนใน Help แล้วก็ยังไม่เคลียร์ เมื่อเกิดปัญหำก็เลย ไม่สำมำรถแก้ไขได้ มำดูส่วนประกอบหรือไวยำกรณ์ของ Vlookup กันก่อนครับ Vlookup มีไวยำกรณ์ดังนี้ Vlookup(lookup_value,table_array,col_index_n um,range_lookup) หรือแปลตำมแบบฉบับของผมเพื่อให้ง่ำยต่อกำรเข้ำใจ Smile with tongue out Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรค้นหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ, คอลัมน์ ที่ต้องกำรแสดงผล, รูปแบบกำรค้นหำ)
  • 38.  ค่ำที่ต้องกำรค้นหำ เป็นค่ำใด ๆ ก็ได้ทั้งนั้น  ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ แน่นอนครับว่ำต้องเป็นตำรำงและคอลัมน์แรกของตำรำง ต้องมีค่ำที่ต้องกำรค้นหำในข้อ 1. อยู่ด้วย (แต่ไม่เสมอไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบกำรค้นหำซึ่งเป็น ส่วนประกอบสุดท้ำยของฟังก์ชั่น)  ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำ เป็นตำรำงที่มีคอลัมน์เดียวได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ นั่นคือ มีแต่เฉพำะค่ำที่ต้องกำรค้นหำเท่ำนั้น  คอลัมน์ที่ต้องกำรแสดงผล หมำยถึง ลำดับของคอลัมน์ในตำรำงที่บรรจุผลลัพธ์(ปกติคำว่ำ ตำรำงมักจะมำกกว่ำ 1 คอลัมน์และคอลัมน์ผลลัพธ์เป็นคอลัมน์ใด ๆ ก็ได้ในตำรำงแล้วแต่ ควำมต้องกำร) และที่สำคัญคอลัมน์ที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรค้นหำนั้นต้องนับเป็นคอลัมน์แรก หรือคอลัมน์ที่ 1 เสมอ  รูปแบบกำรค้นหำ มี แค่ 2 รูปแบบเท่ำนั้น คือ หำค่ำแบบตรงตัว และ หำค่ำแบบใกล้เคียง  กำรหำค่ำแบบตรงตัว จะใช้ False หรือ 0 ในสูตร กำรหำค่ำแบบใกล้เคียง จะใช้ True หรือ 1 หรือ ปล่อยว่ำง
  • 39. =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่ บรรจุผลลัพธ์, False) หรือ =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่ บรรจุผลลัพธ์, 0) เช่น =Vlookup(A2,Sheet2!B5:D100,3,False) หมำยควำมว่ำ ให้หำค่ำที่เท่ำกับ A2 ในช่วงข้อมูล B5:B100 ของ Sheet2 แล้วนำค่ำในคอลัมน์ที่ 3 ของตำรำง B5:D100 (ซึ่งอยู่ใน บรรทัดเดียวกัน) มำแสดง นั่นคือ นำค่ำในคอลัมน์ D มำแสดง ( 1 คือคอลัมน์ B, 2 คือคอลัมน์ C, 3 คือคอลัมน์ D)
  • 40.  =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์, True) หรือ  =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์, 1) หรือ  =Vlookup(ค่ำที่ต้องกำรหำ, ตำรำงที่บรรจุค่ำที่ต้องกำรหำ, คอลัมน์ที่บรรจุผลลัพธ์)  เช่น  =Vlookup(A2,Sheet2!B5:D100,3,True)  หมำยควำมว่ำ ให้หำค่ำที่น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ A2 ในช่วงข้อมูล B5:B100 ของ Sheet2 แล้ว นำค่ำในคอลัมน์ที่ 3 ของตำรำง B5:D100 (ซึ่งอยู่ในบรรทัดเดียวกัน) มำแสดง นั่นคือ นำค่ำใน คอลัมน์ D มำแสดง ( 1 คือคอลัมน์ B, 2 คือคอลัมน์ C, 3 คือคอลัมน์ D)  กำรหำค่ำแบบใกล้เคียงนี้ จะหำค่ำได้อย่ำงรวดเร็วและจำเป็นต้องเรียงข้อมูลตำมคอลัมน์ B (จำก ตัวอย่ำง) จำกน้อยไปหำมำกเสมอ ทั้งสองรูปแบบกำรค้นหำ ถ้ำไม่เจอค่ำที่ต้องกำร จะแสดงค่ำ ผิดพลำดเป็น #N/A
  • 41.
  • 42.
  • 44.  =SUM(… : …) ใช้หำผลรวมในช่วง ของข้อมูล เช่น =SUM(A1 : A2)  =AVERAGE(… : …) ใช้หำ ค่ำเฉลี่ยในช่วงของข้อมูลที่กำหนด เช่น =AVERAGE(A2 : A50)  =MAX(… : …) ใช้หำค่ำสูงที่สุด ในช่วงข้อมูลที่กำหนด เช่น =MAX(A1 : A50)  =MIN(… : …) ใช้หำค่ำน้อยที่สุด ในช่วงข้อมูลที่กำหนด เช่น =MIN(A1 : A50)  =STDEV(… : …) ใช้หำค่ำส่วน เบี่ยงเบนมำตรฐำนของกลุ่มตัวอย่ำง เช่น =STDEV(A1 : A50)
  • 45. กำรใช้ ฟังก์ชั่น SUM 1. พิมพ์ 5 ในตำแหน่ง B1 แล้วกด Enter 2. พิมพ์ 2 ในตำแหน่ง B2 แล้วกด Enter 3. พิมพ์ 6 ในตำแหน่ง B3 แล้วกด Enter 4. ขณะนี้ เคอร์เซอร์จะมำอยู่ในตำแหน่ง B4 ดังภำพ 5. คลิกที่ เครื่องหมำย (ใช้ฟังก์ชั่น หรือ Insert Function) 6. จะเห็นมี หน้ำจอ แทรกฟังก์ชั่น หรือ Insert Function เกิดขึ้น ดังภำพ
  • 46. กำรหำค่ำเฉลีย ข้อมูลจำกหน้ำจอเดิม เรำจะหำค่ำเฉลี่ยของ ข้อมูลเดิม คือ ข้อมูลในตำแหน่ง B1, B2 และ B3 เรำหำได้ ดังนี้ 1. ใช้เมำส์คลิกที่ตำแหน่ง B6 2. คลิกไอคอน แทรกฟังก์ชั่น เพื่อเปิด หน้ำจอ Insert Function ตำมข้อ 6 ข้ำงบน 3. เลือก AVERAGE ซึ่งเป็นฟังก์ชั่น หำค่ำเฉลี่ย แล้วคลิกปุ่ ม OK
  • 47. กำรหำค่ำต่ำสุด มีวิธีกำรดังนี้ 1. เรำใช้ ฟังก์ชั่น MIN ในกำรหำค่ำต่ำสุด ของขอบเขตข้อมูลที่เรำต้องกำร ในตัวอย่ำงนี้ จะใช้ข้อมูลเดิม คือ ข้อมูลที่อยู่ในตำแหน่ง B1:B3 2. คลิกที่ช่อง D1 พิมพ์คำว่ำ ค่ำต่ำสุด 3. กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยัง ตำแหน่ง E1 4. พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร =MIN(B1:B3) ดังภำพ
  • 48. การหาค่าสูงสุด  คลิกที่ช่อง D3 พิมพ์คำว่ำ จำนวน  กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยังตำแหน่ง E2  พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร =MAX(B1:B3)  เสร็จแล้ว กดปุ่ ม Enter จะได้ค่ำต่ำสุด เท่ำกับ 3 ในช่อง D2
  • 49. การนับจานวน  คลิกที่ช่อง D2 พิมพ์คำว่ำ ค่ำสูงสุด  กดปุ่ มลูกศรไปทำงขวำ เพื่อไปยังตำแหน่ง E3  พิมพ์ที่ช่อง สำหรับเขียนสูตร =COUNT(B1:B3)  เสร็จแล้ว กดปุ่ ม Enter จะได้ค่ำต่ำสุด เท่ำกับ 6 ในช่อง D2
  • 50. หน้ำที่ของฟังก์ชัน SUMIF คือ จะใช้หำ ผลรวมของตัวเลขในอำร์กิวเมนต์โดยกำร ระบุเงื่อนไข รูปแบบของสูตร คือ =SUMIF(rang,criteria,sum_range) Range หมำยถึง ช่วงเซลล์ที่มีเงื่อนไขที่ระบุใน criteria Criteria หมำยถึง เงื่อนไขที่ระบุ โดยจะเป็นตัวเลขหรือควำม ข้อควำมก็ได้ Sum_rang หมำยถึง ช่วงเซลล์ที่ต้องกำรให้หำผลรวมตำม เงื่อนไขที่เรำระบุไว้
  • 51. ฟังก์ชั่น COUNTIF เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยนับจำนวนเซลข้อมูลตำมเงื่อนไขที่กำ หดน ด้วยกำรระบุกลุ่มเซลและระบุเงื่อนไขที่ต้องกำรนับลงไป โดยสำมำรถระ บเงื่อนไขเฉพำะเจำะจงได้ทั้งค่ำที่เป็นตัวเลข และข้อควำม รูปแบบ =CONTIF (range, criteria) range คือช่วงของเซลข้อมูลที่ต้องกำรนับรำยกำรตำมเงื่อนไข criteria คือเงื่อนไขที่กำหนดให้นับ ตัวอย่ำง =COUNTIF(M2:M6,4) หมำยถึงนับช่วงเซลข้อมูลจำก M2 จนถึง M6 ว่ำนักเรียนที่ได้เกรดสี่มีจำนวนกี่คน
  • 52. ฟังก์ชัน AVERAGEIF ส่งกลับค่ำเฉลี่ย (ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต) ของเซลล์ ทั้งหมดในช่วงที่ตรงกับเกณฑ์ที่ให้ =AVERAGEIF(range,criteria,average_range) Range คือเซลล์อย่ำงน้อยหนึ่งเซลล์ที่จะหำค่ำเฉลี่ย รวมทั้งตัวเลขหรือชื่อ อำร์เรย์ หรือกำรอ้ำงอิงที่มีตัวเลข Criteria คือเกณฑ์ในรูปแบบของตัวเลข นิพจน์ กำรอ้ำงอิงเซลล์ หรือข้อควำมที่กำหนดว่ำจะนำเซลล์ใดมำเฉลี่ย ตัวอย่ำงเช่น เกณฑ์อำจเป็น 32, "32", ">32", "apples" หรือ B4 average_range คือชุดของเซลล์ที่นำมำเฉลี่ยจริง ถ้ำถูกเว้นไว้ จะใช้ช่วงมำคำนวณ
  • 53. • เทคนิคกำรกู้ไฟล์ที่เผลอไป Save ให้กลับสู่ต้นแบบก่อน Save
  • 54.
  • 55.