SlideShare a Scribd company logo
1 of 25
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน ภาษาจีนใครว่ายาก ?汉语不难 !
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวพิมพ์วรีย์ มีสัตย์ เลขที่ 4 ชั้น ม.6 ห้อง 13
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) “ภาษาจีนใครว่ายาก”
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) “Chinese don’t hard.”
ประเภทโครงงาน โครงงานตามสาระการเรียนรู้ (โครงงานเชิงวิชาการ)
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิมพ์วรีย์ มีสัตย์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันประเทศจีนเป็นประเทศที่กาลังเจริญไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดในขณะนี้
ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีประวัตฺศาสตร์ที่ยาวนานเป็นแหล่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ จีนมีจานวน
ประชากรที่มากที่สุดในโลกและชาวจีนได้เดินทางไปตั้งรกรากในแทบทุกประเทศ ส่งผลให้มีผู้ใช้ภาษาจีน
อาศัยอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะมุมไหนของโลกก็ตาม บทบาทของประเทศจีนบนเวทีโลกกาลังชัดเจนมาก
ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่กาลังขยายตัวและพร้อมจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็น
มหาอานาจทางเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ความสาคัญของภาษาจีนจึงมีมากขึ้น โดยเฉพาะสาหรับผู้ที่มีความสนใจใน
ด้านการค้าขาย ธุรกิจ เทคโนโลยี การแพทย์ รวมทั้งวัฒนธรรมจีน นอกจากนี้ภาษาจีนยังสามารถเพิ่ม
โอกาสทางการทางานให้พวกเราทุกคนจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการรู้ภาษาจีนย่อมมีประโยชน์อย่างยิ่ง คนที่
สามารถใช้ภาษาจีนในการติดต่อสื่อสารได้คล่องแคล่ว ก็เท่ากับมีเครื่องมือชิ้นสาคัญที่จะนาไปสู่การสร้าง
ความสัมพันธ์ การประกอบอาชีพ การขยายโอกาสทางธุรกิจ และการศึกษาหาความรู้ในวิทยาการแขนง
ต่างๆ ทว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังคงไม่ตระหนักถึงบทบาทของภาษาจีนที่กาลังมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนหลายคนพูดว่าภาษาจีนกลางอาจพัฒนากลายมาเป็นภาษาสากลแทนภาษาอังกฤษในอนาคต
3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1. สามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาจีนแบบพื้นฐาน
2. สามารถฟังและพูดภาษาจีนแบบเบื้องต้นได้
3. รู้จักและจดจา อักษรภาพจีน อักษรพินอิน พยัญชนะ สระ เข้าใจวิธีการประสมเสียง
4. การออกเสียงและพูดเลียนเสียงสาเนียงเจ้าของภาษาได้ถูกต้อง
5. รู้จักวัฒนธรรมต่างๆของประเทศจีน
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1. เพื่อให้บุคคลที่สนใจศึกษาภาษาที่สาม “ภาษาจีน” ได้ทาความเข้าใจหลักการขั้นพื้นฐานของการ
พูด การเขียน การอ่าน ภาษาจีน
2. เพื่อให้บุคคลผู้สนใจในภาษาจีน หรือบุคคลทั่วไป สามารถสื่อสารกับคนจีนเจ้าของภาษา หรือคน
ไทยเชื้อสายจีนได้ในขั้นพื้นฐาน เช่น การทักทาย การไถ่ถามเรื่องชีวิตประจาวัน
3. เพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภาษาจีน ได้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการภายในเว็บไซด์แห่ง
นี้ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบ สมบูรณ์
4. ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นหลักการพูด การอ่าน การเขียน ภาษาจีนขั้นพื้นฐาน
โดยที่นาเสนอผ่านเว็บไซด์ Blogger
5. มีเนื้อหาภายใน Blogger ครบถ้วน สมบูรณ์ มีรูปภาพประกอบการอ่าน เพื่อให้ง่ายต่อการทา
ความเข้าใจ และตกแต่งให้ผู้อ่านรู้สึกน่าอ่าน และมีความสนใจต่อเนื้อหามากยิ่งขึ้น
4
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า จริงๆแล้วภาษาจีนนั้นมีแบ่งอยู่2 แบบ ได้แก่ แบบจีน และ แบบ
ไต้หวัน ถ้าเป็นแบบไต้หวันเขายังคงยึดแบบดั้งเดิมของจีนที่ใช้กันมาช้านาน นั้นก็คือตัวอักษรจีนแบบตัว
เต็ม และใช้ระบบจู้อิน Zhuyin (注音) ในการสะกดคา
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ในประเทศจีนได้เปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบพินอิน Pinyin (拼音) ซึ่งเป็น
ระบบที่ใช้อักษรโรมันมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสะกดคา ซึ่งมันทาให้ง่ายต่อการเรียภาษาจีนมากขึ้น ซึ่ง
ทาให้ระบบนี้เป็นที่แพร่หลายมากกว่าระบบจู้อิน ที่ใช้ตัวอักษรที่คิดค้นขึ้นมาเอง
เรียนภาษาจีนไปทาไม?
เป็นอันรู้ๆกันอยู่ว่า ประเทศจีนนั้นประกอบไปด้วยประชากรถึง 1300 ล้านคนซึ่งถือว่าเป็น
ประเทศที่มีประกรมากที่สุดในโลกซึ่งแน่นอนว่าการกินการอยู่ การจับจ่ายใช้สอย ของคนจีนย่อมมีมาก
มหาศาลตามจานวนประชากรที่มากขนาดนั้น ประกอบกับเศรษฐกิจจีนโตวัน โตคืน สวนกระแสโลก
อย่างออกหน้าออกตา จนเป็นที่กล่าวกันว่า อีกไม่นานประเทศจีนจะกลายมาเป็นอภิมหาอานาจตัวจริง
เบอร์หนึ่งของโลกแทนอเมริกา
ซึ่งจะว่าไป ก็เป็นเพราะว่าบ้านเราประเทศไทยมีความสวยงาม มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์
ของกินอร่อย ที่พักหรูๆราคาไม่แพง บริการด้วยใจเป็นเลิศซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้คนจีน
อยากจะเข้ามาจับจ่าย ท่องเที่ยวในบ้านเรา อยากเข้ามารู้ มาดูมาสัมผัส หรือพูดตรงๆว่า อยากมาใช้เงิน
ที่บ้านเรา และเงินเหล่านี้ก็ไม่ใช่จานวนน้อยๆเลยที่เดียว นอกจากนี้ บริษัทจีนที่มาเปิดในบ้านเรานั้น มี
จานวนไม่น้อยเลยทีเดียว และบริษัทเหล่านั้นก็จะรู้สึกชอบใจหากว่ามีคนในท้องที่ ที่สามารถพูดภาษาจีน
ได้ด้วย นี่อาจจะเป็นภาพรวมเล็กๆน้อยๆ ว่าภาษาจีนมีความสาคัญมากขึ้นอย่างร การเรียนรู้ภาษาจีน
เอาไว้ย่อมมีประโยชน์แน่นอน นอกจากเรื่องการใช้ภาษาจีนในประเทศไทยบ้านเราแล้ว หากคุณเดินทาง
ไปต่างประเทศ ไม่จะเป็นประเทศจีนเอง หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างไต้หวัน หรือประเทศสิงคโปร์
มาเลเซีย ประเทศเหล่านี้ล้วนสามารถใช้ภาษาจีน(กลาง) สื่อสารได้ หากคุณเดินทางไปเที่ยวประเทศ
เหล่านี้ ไม่ดีกว่าหรือ ถ้าคุณอ่านไปร้านค้าออก ดูตารางเที่ยวรถเข้าใจ ต่อราคาได้ หรือไม่ว่าคุณจะทา
ธุรกินกับพวกเขาเหล่านั้น การที่คุณสื่อการกับเขาได้โดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง ย่อมสื่อถึงกันได้โดยตรง
และเข้าใจได้ดีมากกว่า
5
การปูพื้นฐานภาษาจีน
“หลายคนที่เรียนภาษาจีนอาจเคยเป็นเหมือนฉันในอดีตเรียนๆ หยุดๆ ขาดๆ หายๆ รู้สึกว่า
ภาษาจีน ไม่พัฒนา ไม่ก้าวหน้kนับจากวันที่ฉันเริ่มเรียน ภาษาจีน มาถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 6 ปีเศษแต่แล้ว
ภาษาจีนที่ได้ก็ยังไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป ฉันเลยเริ่มสารวจตัวเองว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรก็ได้คาตอบ
อยู่หลายข้อคือไม่ได้เรียนอย่างต่อเนื่องปีแรกที่เรียนก็เรียนแค่สัปดาห์ละครั้งเรียนเสร็จก็ทบทวนบ้างไม่
ทบทวนบ้างไม่มีความสม่าเสมอในการเรียนต่อมาพ่อก็ส่งให้ไปเรียนที่กวางเจาหนึ่งเทอมจริงๆ แล้วพ่อ
อยากให้เรียน ภาษาจีน ต่อไปเรื่อยๆจนสามารถพูดสื่อสารได้คล่องแต่แล้วฉันกลับทาให้ท่านผิดหวัง
เพราะโดยลักษณะนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดชอบถามอะไรสักเท่าไหร่นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทา
ให้ ทักษะการพูด ภาษาจีน ของฉันเป็นไปได้อย่างช้าแม้จะพอมีคาศัพท์อยู่ในหัวบ้างก็ตามที ถึงตอนนี้ฉัน
เริ่มรู้สึกว่าภาษาจีน ยากเกินไปสาหรับฉัน ดังนั้นก็เลยหยุดเรียนไปประมาณ 3 ปีได้ ซึ่งเป็นที่น่า
เสียดาย หากฉัน พยายามสักหน่อย ฉันคงไม่ต้องเสียเวลาไปมากมายถึงเพียงนี้เมื่อคิดอย่างนี้แล้วฉันจึง
ได้กลับมาเรียน ภาษาจีน อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ฉันเลือกไปเรียนที่ หางโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ลืมบอก
ไปว่าฉันเป็นคนที่ขาดความมั่นใจเอามากๆ เลยอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉันหาข้อมูลและติดต่อกับทาง
มหาวิทยาลัยเอง แม้จะมีความตื่นเต้นไปบ้าง แต่ฉันก็ทาเป็น “ใจดีสู้เสือ” ฉันเรียนที่ หางโจว ได้
สองเทอม คราวนี้ดีหน่อยที่ฉันยังกล้าพอที่จะถามอะไรบ้าง ไม่เหมือนกับครั้งที่อยู่ในกวางเจา แต่ก็ยัง
ไม่ดีพอ เพราะบางครั้งฉันก็ยังรู้สึกว่า ภาษาจีน ของฉันช่างไม่เอาไหน อยู่ในห้องเรียนก็ตอบคาถามไม่
ค่อยได้ แต่งประโยคก็ไม่ค่อยออก และฉันก็คิดว่าหนังสือ ภาษาจีน ที่เหล่าซือใช้บางเล่มก็ยากเกินไป
สาหรับฉัน
มีอยู่หลายครั้งที่ฉันไม่เข้าห้องเรียน เพราะรู้สึกว่าบทเรียน ภาษาจีน นั้นยากเกินไป แทนที่จะรู้ว่ายาก
ก็ต้องให้ความเอาใจใส่ และทุ่มเทให้มากขึ้น จริงๆ แล้วความยาก ก็เป็นเพียงบททดสอบหนึ่ง ที่ฉัน
ควรจะฝ่าฝันไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเรียน ภาษาจีน ก็เท่านั้น มาถึงวันนี้ เมื่อฉันคิดได้มันก็
สายแล้ว มันก็อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าฉันเอาแต่คิด แล้วไม่ลงมือทา มันคงสายไปจริงๆ แต่ฉันไม่
อยากให้เป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา จึงตัดสินใจที่จะทาเว็บไซต์เพื่อรวบรวมในสิ่งที่ได้เรียนมา และ
แบ่งปันให้กับทุกคนที่มีความสนใจ ภาษาจีน เหมือนกัน ฉันคิดว่าการแบ่งปันความรู้ และ
ประสบการณ์นั้น ก็เหมือนกับการต่อยอดความคิดให้กับตนเองเพื่อจะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ เพราะฉันเชื่อ
ว่ายังมีคนอีกมากมาย ที่มีความรู้ทางด้าน ภาษาจีน มากกว่าฉัน ที่พร้อมจะสอน ให้คาแนะนา และ
แบ่งปันความรู้ด้วยใจจริง เวลาช่างผ่านไปเร็ว และไม่เคยคอยใคร และไม่มีใครสามารถที่จะหยุดเวลาไว้
ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนเรามักมองข้ามไป รวมถึงตัวฉันเองด้วย คือ “เวลาเป็นสิ่งมีค่า” ดังนั้นเราต้อง
รักษาทุกช่วงเวลาไว้ให้ดีที่สุด หลายคนคงอาจสงสัยว่าทาไมฉันถึงต้องยกเรื่องเวลาขึ้นมากล่าว เพราะ
ฉันไม่อยากให้ทุกคนที่เรียน ภาษาจีน เป็นเหมือนอย่างฉันในอดีต ที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ สิ่ง
ที่ฉันอยากจะบอกกับทุกคนก็คือ ฉันจะคอยเป็นกาลังใจให้ กับทุกคนที่ท้อแท้ และสิ้นหวังกับการเรียน
ภาษาจีน ลองคิดทบทวนดูว่าเราพลาดตรงไหน แล้วแก้ไข และเริ่มเรียนดูใหม่อีกสักครั้ง
แม้หนทางจะไกลเพียงใด อุปสรรคจะมากแค่ไหน หรือแม้แต่เดินไปสู่ทางตัน ถ้าเรายังไม่หมดกาลังใจ
หรือสิ้นหวังไปเสียก่อน ฉันเชื่อว่าเราทุกคนจะสามารถมองเห็นทางออกได้เสมอ สุดท้ายฉันขอฝากอะไร
สักนิดสาหรับทุกคนที่เคยเรียน ภาษาจีน มาอาจจะเคยได้ยินคาว่า 万事开头难 หรือแปลเป็นไทย
6
ว่า ทุกเรื่องเริ่มต้นยากเสมอ และฉันก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เมื่อเราผ่านจุดเริ่มต้นนั้นไปได้
แล้วมองย้อนกลับไป เราจะเกิดความภูมิใจกับสิ่งดีๆ ที่ได้ทา ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองดู
การปูพื้นฐานภาษาจีน เหมาะสาหรับผู้ที่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนจาเป็นจะต้องเรียนตามลาดับ
บทเรียนจัดไว้ให้ ดังต่อไปนี้
1. การอ่านพินอิน(พยัญชนะ + สระ )
2. การออกเสียงภาษาจีน(วรรณยุกต์)
3. ตัวอักษรจีน(เขียน-อ่าน)
4. คาศัพท์ภาษาจีนเบื้องต้น
5. พิมพ์คีบอร์ดภาษาจีน
พินอิน Pinyin (拼音)
"PinYin" หมายถึง สัญลักษณ์หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เรานามาใช้เพื่อการสะกดคา ถ้าเทียบเป็น
ภาษาไทยคงไม่ต่างจากสระและพยัญชนะในบ้านเรา เพียงแต่ว่า "PinYin" จะไม่นามาใช้ทั้งในภาษาพูด
และเขียน แต่จะใช้เพียงแค่ในกรณีของการสะกดคาเพื่อออกเสียงเท่านั้น
“Pinyin พินอิน 拼音” คือตัวช่วยให้เราอ่านออกเสียงภาษาจีนได้อย่างถูกต้อง เพราะบางครั้งเวลา
นักเรียนใช้ภาษาไทยในการจดคาอ่านภาษาจีน มันอาจจะทาให้นักเรียนอ่านผิดเพี้ยนหรืออ่านได้ไม่
ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ พินอินมีลักษณะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าใจ และจดจาได้
ง่าย และในเว็บไซต์นี้ก็จะใช้เป็น พินอิน ทั้งหมด เพื่อความง่ายและถูกต้องถ้าเทียบกับภาษาไทยแล้ว
พินอินก็เปรียนเสมือนสระและพยัญชนะของภาษาจีน
พินอิน หรือ ฮั่นหยู่พินอิน (จีนตัวเต็ม: 漢語拼音; จีนตัวย่อ: 汉语拼音 แปลว่า การถอด
เสียงภาษาจีน) คือระบบในการถ่ายถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐาน ด้วยตัวอักษรโรมัน ความหมายของพิน
อินคือ 'การรวมเสียงเข้าด้วยกัน'
ในภาษาจีนนั้นไม่มี ตัวสระ ตัวสะกด เหมือนภาษาไทย ฉะนั้น จึงต้องนาตัวพินอิน(ตัวอักษรโรมัน)
มาแทนในการออกเสียง
ทาไมเรียนภาษาจีนต้องเริ่มเรียนพินอินก่อนเป็นอันดับแรก
เนื่องจากอักษรจีนเป็นอักษรที่พัฒนามาจากรูปภาพ และได้วิวัฒนาการจนมาเป็นอักษรเฉกเช่น
ปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแค่มองตัวอักษรเราจะไม่รู้ว่ามันสะกดยังไง ต้องใช้ความจาเพียงอย่างเดียว “ตาย
ล่ะ ใครจะไปจาได้ ตัวอักษรเยอะแยะตาแปะขายไข่ขนาดนั้น” เพราะฉะนั้นเราถึงต้องเรียนวิธีเขียนอ่าน
ตัวสะกดภาษาจีนเอาไว้ หรือที่เรียกว่าพินอินซึ่งเปรียบเสมือน ก.ไก่ ข.ไข่ ในภาษาไทยนั่นเอง มันจะช่วย
ทาให้ชาวต่างชาติอย่างเราเขียนอ่านภาษาจีนได้สะดวก แล้วยังช่วยเราออกเสียงได้อย่างถูกต้องด้วย
นอกจากนั้นใครที่รู้พินอินแล้วก็สามารถพิมพ์ภาษาจีนได้อย่างง่ายดาย
7
พินอินไม่ใช่การถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ (Anglicization)
หลายๆคนคงคิดว่าพินอินคือการถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ ง่ายๆไม่เห็นจาเป็นต้องเรียน ขอให้
คิดใหม่ได้เลยยย จริงๆแล้วมันแค่ยืมอักษรโรมันมาแทนเสียงตัวสะกด เช่นอักษร q ในระบบพินอินเป็น
เสียง “ช” ไม่ตรงกับในภาษาอังกฤษเลย และยังมีกฏอีกมากมาย เช่นการผสมคา และการใส่เสียง
วรรณยุกต์ที่แตกต่างจากระบบการออกเสียงในภาษาอังกฤษอย่างสิ้นเชิง
องค์ประกอบของพินอิน
1. 声母: พยัญชนะ มี 23 เสียง
2. 韵母: สระ แบ่งออกเป็นสระเดี่ยว และ สระผสม ทั้งหมด 36 เสียง
– สระเดี่ยวมี 6 เสียง
– สระผสมมี 30 เสียง
3. 声调: เสียงวรรณยุกต์ มี 4 เสียง และเสียงเบา
เสียงพยัญชนะ 声母 ในภาษาจีนมีทั้งหมด23 เสียงดังนี้
พยัญชนะ วิธีการออกเสียง
b ป
p พ
m ม
f ฟ
d เตอ
t เทอ
n เนอ
l เลอ
g เกอ
8
k เคอ
h เฮอ
j จี
q ชี
x ซี
z จือ
c ชือ
s ซือ
zh จรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว)
ch ชรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว)
sh ซรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว)
r ยรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว)
y ยี
w อู
9
เสียงสระ 韵母 ทั้ง 36 เสียงของภาษาจีน
1. สระเดี่ยว มี 6 เสียง
2.สระผสม
สระผสมสองเสียงในภาษาจีนมี 9 เสียง
 ai ( ไอ )
 ei ( เอย )
 ao ( อาว )
 ou ( โอว )
 ia (เอีย / อี + อา)
 ie (เอีย / อี + เอะ)
 ua ( อวา )
 uo ( อัว )
 ue ( เอว์ )
สระเดี่ยว วิธีการออกเสียง
a อา
o โอ
e เออ
i อี
u อู
ü อวี(อ่านเป็นเสียงเดียว)
10
สระผสมสามเสียงในภาษาจีนมี 4 เสียง
 iao (เอียว /อี+อา+โอ )
 iu ( iou ) ( อิว /อี+โอ+อู )
 uai ( ไอว /อู+อา+ไอ )
 ui ( uei ) ( อุย /อู+เอ+อี )
สระผสมนาสิกในภาษาจีนมี 16 เสียง ดังนี้
 an ( อัน )
 ang ( อาง )
 ong ( อง )
 en ( เอิน )
 eng ( เอิง )
 ian ( เอียน )
 in ( อิน )
 iang ( เอียง )
 ing ( อิง )
 iong ( อี + อง )
 uan ( อวน )
 un ( อุน )
 uang( อวาง/อู + อาง )
 ueng ( เอวิง/อู + เอิง )
 uan ( อวาน )
 un ( อวุน )
11
วิธีการผสมเสียง(พยัญชนะ+สระ)
วิธีการผสมเสียงต้องประกอบด้วย พยัญชนะ + สระ + เสียงวรรณยุกต์
 พยัญชนะ รวมกับ สระเดี่ยว 1 ตัว เช่น P + a = Pa
 พยัญชนะ รวมกับ สระผสม เช่น
 สระผสม 2 ตัว เช่น bai gei hao tou ฯลฯ
 สระผสม 3 ตัว เช่น bang teng tong ฯลฯ
 สระผสม 4 ตัว เช่น xiong liang lieng ฯลฯ
*ข้อควรระวัง*
แม่สะกดในภาษาจีนที่ต้องตามหลังเสียงสระ
 n เหมือนแม่กนและกงในภาษาไทย
 ng เหมือนแม่กง
 r มีไว้แสดงเสียงเอ้อ ต้องเอาปลายลิ้นงอขึ้นไปแตะที่เพดานปาก
 สระ u อู(อู) ไม่ใช้กับพยัญชนะ y, j, q, x
 สระ ü อวี ถ้าใช้ควบคู่กับพยัญชนะ y, j, q, x จะต้องตัดจุดสองจุดที่อยู่ข้างบนของ ü
ออกไป เช่น ü –> yu üe –> yue
 ถ้าใช้ควบคู่กับพยัญชนะ l, n จะละสองจุดไม่ได้ ไม่นั้นจะไปซ้ากับเสียงu (อู) ทาให้เกิด
การสับสนได้
 สระ er เช่น 兒 เมื่อทาหน้าที่เป็นสระต่อท้าย จะเขียนพินอินแค่ r เท่านั้น เช่น 一點
兒 yīdiǎnr
12
เสียงวรรณยุกต์ 声调
เสียงวรรณยุกต์คือ ระดับเสียงสูง ต่า ในภาษา ซึ่งสามารถทาให้ความหมายของคาเปลี่ยนไป (เช่น
ภาษาไทยก็มีคาว่า สวย กับ ซวย) แต่มีบางภาษาที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษา
ฝรั่งเศส เป็นต้นในภาษาจีนมีเสียงวรรณยุกต์ 4 รูป 4 เสียง และมีเสียงเบาอีก 1 เสียง ทุกพยางค์ในแต่
ละคาจะเขียนสัญลักษณ์ ( ¯ ˊ ˇ ˋ ) ไว้บนเสียงหลักของสระ เช่น mā, má, mǎ, mà, ma
เสียงที่ 1 ˉ เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย สามัญ
เสียงที่ 2 / เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย จัตวา
เสียงที่ 3 ˇ เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย เอก
เสียงที่ 4  เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย โท
1. เสียงที่1
ขีดระนาบสั้น ๆ เทียบเท่าเสียงสามัญในภาษาไทย เป็นเสียงค่อนข้างสูง
2. เสียงที่2
ขีดสั้น ๆ เอียงขวา เทียบเท่าเสียงจัตวาในภาษาไทย เป็นเสียง กลาง-ขึ้น-สูง(เวลาพูดยกคิ้ว
ของคุณในขณะที่พูด)
3. เสียงที่3
13
ขีดรูปลิ่ม คล้ายเสียงเอกในภาษาไทยแต่ตัวนี้ไม่เหมือนกันสักทีเดียว เป็นเสียง ต่า-ขึ้น(เวลา
พูดก้มหน้าแล้วค่อยเงยขึ้น)
5. เสียงที่4
ขีดสั้น ๆ เอียงซ้าย เทียบเท่าเสียงโทในภาษาไทย เป็นเสียงสูง-ตก (เวลาเหยียบเท้าของคุณ
เบา ๆ)
6. เสียงที่5
ไม่มีเครื่องหมาย เป็นเสียงลมที่ออกเสียงเบาก็พอ
14
การเขียนเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์
การวางเครื่องหมายวรรณยุกต์ให้วางไว้บนสระหลัก ซึ่งมี
a o e i u ü
1. ตาแหน่งการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ จะใส่ไว้ตามลาดับสระที่เรียงไว้ข้างบน
2. ถ้าไม่มี a ให้มองหา o และ e ตามลาดับ เช่น běi (วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน i)
3. ถ้ามี iu หรือ ui ให้วางวรรณยุกต์ไว้ที่ตัวหลังสุด diū
4. ในการเติมเสียงวรรณยุกต์ลงบนตัว i นั้น ให้ตัดจุดบนตัว i ออกด้วย เช่น bī
5. สระ ü ให้ตัดจุดบนตัว ü เช่นกัน yū
พินอินที่ถูกต้อง วิธีใส่วรรณยุกต์
miāo วางไว้บนตัว a เพราะ a มาก่อน i และ o
běi วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน i
liè วางไว้บนตัว e เพราะ a มาก่อน i
yüē วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน ü
kū วางไว้บนตัว u เพราะมีสระตัวเดียว
shuài วางไว้บนตัว a เพราะ a มาก่อน u และ i
15
ตัวอักษรจีน
ก่อนจะอธิบาย เรามาทาความเข้าใจก่อนว่าภาษาจีนเป็นอักษรภาพดังนั้นตัวอักษรมันเองบอก
ความหมายแต่ไม่บอกเสียง เช่น 木 = ต้นไม้ ก็เขียนเลียนแบบภาพต้นไม้ที่ตาเห็น
旦 = ตอนเช้าตรู่ (เพราะสี่เหลี่ยมข้างบนคือพระอาทิตย์ เส้นขีดข้างล่างคือเส้นขอบฟ้าที่พระอาทิตย์
ลอยขึ้นมา) 山 = ภูเขา
16
17
18
19
20
หน่วยของ ตัวอักษรจีน หรือ sinogramเป็น เส้น. ในการเขียน ภาษาจีน มี แปด จังหวะ ขั้นพื้นฐานคือ
21
แปด เส้นที่เรียบง่าย เหล่านี้ สามารถมี หลายรูปแบบ ในทุก 29 ซึ่งเรียกว่า โรคหลอดเลือดสมอง
ที่ซับซ้อนกับเส้น ขั้นพื้นฐานทั้ง แปด และ รูปแบบเหล่านี้, เราสามารถเขียน 214 ตัวอักษรจีน พื้นฐาน ที่
เรียกว่า อนุมูลอิสระ. อนุมูล บางส่วน เป็นคาที่ ถูกใช้เป็น 马 mǎ ( ม้า ) คนอื่นจะ ไม่เคยพบ เพียง
อย่างเดียว เป็นรากฐานของ น้า 氵 แต่ด้วย อนุมูล อื่น ๆ. รวม อนุมูล เหล่านั้น คุณสามารถสร้างจานวน
อนันต์ ของตัวอักษรจีน. การเรียนรู้ อนุมูลอาจดูเหมือน ไม่จาเป็นและ ยาก สาหรับการเริ่มต้น แต่ คุณ
จะจา ตัวอักษรจีน ได้ง่าย มากขึ้นในอนาคต. เช่น
你 Nǐ : คุณ
好 hǎo : ดี
他 tā : เขา
吗 ma : อนุภาค คาถาม
22
呢 ne : หล่ะ
不 bù : ปฏิเสธ ไม่
我 wǒ : ฉัน
很 hěn : มาก
再 zài : (อีกครั้ง )
23
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือเรื่อง ภาษาจีน ว่ามีเนื้อหามากน้อย
เพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซด์ต่างๆและเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทา
เนื้อหาต่อไป
3. ศึกษาภาษาจีน จากเอกสารและเว็บไซด์ต่างๆ
4. จัดทาโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
5. ปฏิบัติการจัดทาโครงงาน
6. จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
7. นาเสนองาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์
2. โปรแกรม Microsoft Word
3. โปรแกรม Adobe Photoshop CS6
4. Internet
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
24
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. ทาให้บุคคลที่มีความสนใจต่อภาษาจีนได้รับความรู้เกี่ยวกับภาษาจีนขั้นพื้นฐาน และสามารถ
นาไปต่อยอดได้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การติดต่อสื่อสาร การศึกษาต่อในประเทศ
จีน
2. ทาให้บุคคลที่ต้องการไปศึกษาต่อประเทศจีนได้ใช้เนื้อหาความรู้ใน blogger นี้ประกอบการ
ตัดสินใจเพื่อไปศึกษาต่อ
3. ทาให้ผู้ที่คิดว่าภาษาจีนนั้นยากมากที่จะเรียนรู้ ได้เข้าใจถึงหลักการในการพูด การอ่าน การเขียน
ภาษาจีนว่าภาษาจีนนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
สถานที่ดาเนินการ
1. ห้องสมุดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
2. CAMP ห้างสรรพสินค้าเมญ่า เชียงใหม่
3. WAKE UP (สาขาไอคอน)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.ภาษาไทย
2.ภาษาต่างประเทศ ก (ภาษาอังกฤษ)
3..ภาษาต่างประเทศ ข (ภาษาจีน)
4.ศิลปะ
5.การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
25
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1. http://happychinese-miaodi.weebly.com/361436363609362936363609.html
2.http://www.jiewfudao.com/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%
B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E
0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99
3. http://www.chine-
culture.com/th/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%
B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-
%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8
%99/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0
%B8%99-
01/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%
B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.php
4. http://www.taiwanandi.com/chinese-for-starter/
5.http://www.jeen4u.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8
%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0
%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89
%E0%B8%99/
6. http://www.taiwanandi.com/chapter1-pinyin/

More Related Content

What's hot

สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรค
สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรคสมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรค
สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรคNinnin Ja
 
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)พัน พัน
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผนสรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผนAtiwat SN
 
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลเฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลkrurutsamee
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนChittraporn Phalao
 
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงLakkana Wuittiket
 
โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5ChutimaKerdpom
 
ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1peter dontoom
 
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์Apinya Phuadsing
 
โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์Nomjeab Nook
 
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะบทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะอุษณีษ์ ศรีสม
 
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์Wichai Likitponrak
 
โครงการทัศนศึกษา
โครงการทัศนศึกษาโครงการทัศนศึกษา
โครงการทัศนศึกษาSaranda Nim
 
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนพัน พัน
 
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้Mint'moy Mimi
 

What's hot (20)

สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรค
สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรคสมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรค
สมุดเล่มเล็ก เรื่อง ลดหวานต้านโรค
 
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ(อินเดีย)
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผนสรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
สรุปความรู้จากเรื่องขุนช้าง ขุนแผน
 
ใบงานเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรี
ใบงานเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรีใบงานเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรี
ใบงานเรื่องการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ตกแบบเสรี
 
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูลเฉลยค่ากลางของข้อมูล
เฉลยค่ากลางของข้อมูล
 
ข้อสอบตรรกศาตร์ม.4
ข้อสอบตรรกศาตร์ม.4ข้อสอบตรรกศาตร์ม.4
ข้อสอบตรรกศาตร์ม.4
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
 
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
 
โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5โครงร่างรายงาน6/5
โครงร่างรายงาน6/5
 
คำศัพท์พื้นฐานชั้น ป.5
คำศัพท์พื้นฐานชั้น ป.5คำศัพท์พื้นฐานชั้น ป.5
คำศัพท์พื้นฐานชั้น ป.5
 
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
 
ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1ห้องสีขาว 1.1
ห้องสีขาว 1.1
 
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
เรื่องที่14แสงและทัศน์อุปกรณ์
 
โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์โครงงานคณิตศาสตร์
โครงงานคณิตศาสตร์
 
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะบทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
 
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
 
โครงการทัศนศึกษา
โครงการทัศนศึกษาโครงการทัศนศึกษา
โครงการทัศนศึกษา
 
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
 
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
เครื่องดนตรีพื้นบ้านในภาคใต้
 

Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์

2560 project warisa-9 (11)
2560 project warisa-9 (11)2560 project warisa-9 (11)
2560 project warisa-9 (11)wariety
 
2562 final-project -1
2562 final-project -12562 final-project -1
2562 final-project -1ffahar
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงานKanokp Swn
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Gankorn Inpia
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Gankorn Inpia
 
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษsakaratyo
 
ภาษาทางกาย
ภาษาทางกายภาษาทางกาย
ภาษาทางกายChanin Monkai
 
โครงร่างคอมพิวเตอร์
โครงร่างคอมพิวเตอร์โครงร่างคอมพิวเตอร์
โครงร่างคอมพิวเตอร์ต. เตอร์
 
2562 final-project-14
2562 final-project-142562 final-project-14
2562 final-project-14Stamprsn
 
2562 final-project-14
2562 final-project-142562 final-project-14
2562 final-project-14Stamprsn
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์wasavaros
 
คอมม
คอมมคอมม
คอมมpropsets
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอม
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอม
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมBoyle606
 
กิจกรรมที่ 5 โครงงาน
กิจกรรมที่ 5 โครงงานกิจกรรมที่ 5 โครงงาน
กิจกรรมที่ 5 โครงงานChanin Monkai
 

Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ (20)

2560 project warisa-9 (11)
2560 project warisa-9 (11)2560 project warisa-9 (11)
2560 project warisa-9 (11)
 
2562 final-project -1
2562 final-project -12562 final-project -1
2562 final-project -1
 
4k kk
4k kk4k kk
4k kk
 
The Deep work
The Deep workThe Deep work
The Deep work
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
2559 project
2559 project 2559 project
2559 project
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
 
Work1
Work1Work1
Work1
 
ภาษาทางกาย
ภาษาทางกายภาษาทางกาย
ภาษาทางกาย
 
โครงร่างคอมพิวเตอร์
โครงร่างคอมพิวเตอร์โครงร่างคอมพิวเตอร์
โครงร่างคอมพิวเตอร์
 
2562 final-project-14
2562 final-project-142562 final-project-14
2562 final-project-14
 
2562 final-project-14
2562 final-project-142562 final-project-14
2562 final-project-14
 
ขนมไทยไร้เทียมทาน
ขนมไทยไร้เทียมทานขนมไทยไร้เทียมทาน
ขนมไทยไร้เทียมทาน
 
2562 final-project 14
2562 final-project 142562 final-project 14
2562 final-project 14
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
คอมม
คอมมคอมม
คอมม
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอม
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอม
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอม
 
กิจกรรมที่ 5 โครงงาน
กิจกรรมที่ 5 โครงงานกิจกรรมที่ 5 โครงงาน
กิจกรรมที่ 5 โครงงาน
 

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน ภาษาจีนใครว่ายาก ?汉语不难 ! ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิมพ์วรีย์ มีสัตย์ เลขที่ 4 ชั้น ม.6 ห้อง 13 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) “ภาษาจีนใครว่ายาก” ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) “Chinese don’t hard.” ประเภทโครงงาน โครงงานตามสาระการเรียนรู้ (โครงงานเชิงวิชาการ) ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวพิมพ์วรีย์ มีสัตย์ ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) ในปัจจุบันประเทศจีนเป็นประเทศที่กาลังเจริญไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วที่สุดในขณะนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศที่มีประวัตฺศาสตร์ที่ยาวนานเป็นแหล่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ จีนมีจานวน ประชากรที่มากที่สุดในโลกและชาวจีนได้เดินทางไปตั้งรกรากในแทบทุกประเทศ ส่งผลให้มีผู้ใช้ภาษาจีน อาศัยอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะมุมไหนของโลกก็ตาม บทบาทของประเทศจีนบนเวทีโลกกาลังชัดเจนมาก ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่กาลังขยายตัวและพร้อมจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็น มหาอานาจทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ความสาคัญของภาษาจีนจึงมีมากขึ้น โดยเฉพาะสาหรับผู้ที่มีความสนใจใน ด้านการค้าขาย ธุรกิจ เทคโนโลยี การแพทย์ รวมทั้งวัฒนธรรมจีน นอกจากนี้ภาษาจีนยังสามารถเพิ่ม โอกาสทางการทางานให้พวกเราทุกคนจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการรู้ภาษาจีนย่อมมีประโยชน์อย่างยิ่ง คนที่ สามารถใช้ภาษาจีนในการติดต่อสื่อสารได้คล่องแคล่ว ก็เท่ากับมีเครื่องมือชิ้นสาคัญที่จะนาไปสู่การสร้าง ความสัมพันธ์ การประกอบอาชีพ การขยายโอกาสทางธุรกิจ และการศึกษาหาความรู้ในวิทยาการแขนง ต่างๆ ทว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังคงไม่ตระหนักถึงบทบาทของภาษาจีนที่กาลังมีอิทธิพลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนพูดว่าภาษาจีนกลางอาจพัฒนากลายมาเป็นภาษาสากลแทนภาษาอังกฤษในอนาคต
  • 3. 3 วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1. สามารถเรียนรู้และเข้าใจภาษาจีนแบบพื้นฐาน 2. สามารถฟังและพูดภาษาจีนแบบเบื้องต้นได้ 3. รู้จักและจดจา อักษรภาพจีน อักษรพินอิน พยัญชนะ สระ เข้าใจวิธีการประสมเสียง 4. การออกเสียงและพูดเลียนเสียงสาเนียงเจ้าของภาษาได้ถูกต้อง 5. รู้จักวัฒนธรรมต่างๆของประเทศจีน ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 1. เพื่อให้บุคคลที่สนใจศึกษาภาษาที่สาม “ภาษาจีน” ได้ทาความเข้าใจหลักการขั้นพื้นฐานของการ พูด การเขียน การอ่าน ภาษาจีน 2. เพื่อให้บุคคลผู้สนใจในภาษาจีน หรือบุคคลทั่วไป สามารถสื่อสารกับคนจีนเจ้าของภาษา หรือคน ไทยเชื้อสายจีนได้ในขั้นพื้นฐาน เช่น การทักทาย การไถ่ถามเรื่องชีวิตประจาวัน 3. เพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภาษาจีน ได้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการภายในเว็บไซด์แห่ง นี้ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบ สมบูรณ์ 4. ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นหลักการพูด การอ่าน การเขียน ภาษาจีนขั้นพื้นฐาน โดยที่นาเสนอผ่านเว็บไซด์ Blogger 5. มีเนื้อหาภายใน Blogger ครบถ้วน สมบูรณ์ มีรูปภาพประกอบการอ่าน เพื่อให้ง่ายต่อการทา ความเข้าใจ และตกแต่งให้ผู้อ่านรู้สึกน่าอ่าน และมีความสนใจต่อเนื้อหามากยิ่งขึ้น
  • 4. 4 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า จริงๆแล้วภาษาจีนนั้นมีแบ่งอยู่2 แบบ ได้แก่ แบบจีน และ แบบ ไต้หวัน ถ้าเป็นแบบไต้หวันเขายังคงยึดแบบดั้งเดิมของจีนที่ใช้กันมาช้านาน นั้นก็คือตัวอักษรจีนแบบตัว เต็ม และใช้ระบบจู้อิน Zhuyin (注音) ในการสะกดคา แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ในประเทศจีนได้เปลี่ยนแปลงมาใช้ระบบพินอิน Pinyin (拼音) ซึ่งเป็น ระบบที่ใช้อักษรโรมันมาใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสะกดคา ซึ่งมันทาให้ง่ายต่อการเรียภาษาจีนมากขึ้น ซึ่ง ทาให้ระบบนี้เป็นที่แพร่หลายมากกว่าระบบจู้อิน ที่ใช้ตัวอักษรที่คิดค้นขึ้นมาเอง เรียนภาษาจีนไปทาไม? เป็นอันรู้ๆกันอยู่ว่า ประเทศจีนนั้นประกอบไปด้วยประชากรถึง 1300 ล้านคนซึ่งถือว่าเป็น ประเทศที่มีประกรมากที่สุดในโลกซึ่งแน่นอนว่าการกินการอยู่ การจับจ่ายใช้สอย ของคนจีนย่อมมีมาก มหาศาลตามจานวนประชากรที่มากขนาดนั้น ประกอบกับเศรษฐกิจจีนโตวัน โตคืน สวนกระแสโลก อย่างออกหน้าออกตา จนเป็นที่กล่าวกันว่า อีกไม่นานประเทศจีนจะกลายมาเป็นอภิมหาอานาจตัวจริง เบอร์หนึ่งของโลกแทนอเมริกา ซึ่งจะว่าไป ก็เป็นเพราะว่าบ้านเราประเทศไทยมีความสวยงาม มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ ของกินอร่อย ที่พักหรูๆราคาไม่แพง บริการด้วยใจเป็นเลิศซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้คนจีน อยากจะเข้ามาจับจ่าย ท่องเที่ยวในบ้านเรา อยากเข้ามารู้ มาดูมาสัมผัส หรือพูดตรงๆว่า อยากมาใช้เงิน ที่บ้านเรา และเงินเหล่านี้ก็ไม่ใช่จานวนน้อยๆเลยที่เดียว นอกจากนี้ บริษัทจีนที่มาเปิดในบ้านเรานั้น มี จานวนไม่น้อยเลยทีเดียว และบริษัทเหล่านั้นก็จะรู้สึกชอบใจหากว่ามีคนในท้องที่ ที่สามารถพูดภาษาจีน ได้ด้วย นี่อาจจะเป็นภาพรวมเล็กๆน้อยๆ ว่าภาษาจีนมีความสาคัญมากขึ้นอย่างร การเรียนรู้ภาษาจีน เอาไว้ย่อมมีประโยชน์แน่นอน นอกจากเรื่องการใช้ภาษาจีนในประเทศไทยบ้านเราแล้ว หากคุณเดินทาง ไปต่างประเทศ ไม่จะเป็นประเทศจีนเอง หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างไต้หวัน หรือประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ประเทศเหล่านี้ล้วนสามารถใช้ภาษาจีน(กลาง) สื่อสารได้ หากคุณเดินทางไปเที่ยวประเทศ เหล่านี้ ไม่ดีกว่าหรือ ถ้าคุณอ่านไปร้านค้าออก ดูตารางเที่ยวรถเข้าใจ ต่อราคาได้ หรือไม่ว่าคุณจะทา ธุรกินกับพวกเขาเหล่านั้น การที่คุณสื่อการกับเขาได้โดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง ย่อมสื่อถึงกันได้โดยตรง และเข้าใจได้ดีมากกว่า
  • 5. 5 การปูพื้นฐานภาษาจีน “หลายคนที่เรียนภาษาจีนอาจเคยเป็นเหมือนฉันในอดีตเรียนๆ หยุดๆ ขาดๆ หายๆ รู้สึกว่า ภาษาจีน ไม่พัฒนา ไม่ก้าวหน้kนับจากวันที่ฉันเริ่มเรียน ภาษาจีน มาถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 6 ปีเศษแต่แล้ว ภาษาจีนที่ได้ก็ยังไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป ฉันเลยเริ่มสารวจตัวเองว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไรก็ได้คาตอบ อยู่หลายข้อคือไม่ได้เรียนอย่างต่อเนื่องปีแรกที่เรียนก็เรียนแค่สัปดาห์ละครั้งเรียนเสร็จก็ทบทวนบ้างไม่ ทบทวนบ้างไม่มีความสม่าเสมอในการเรียนต่อมาพ่อก็ส่งให้ไปเรียนที่กวางเจาหนึ่งเทอมจริงๆ แล้วพ่อ อยากให้เรียน ภาษาจีน ต่อไปเรื่อยๆจนสามารถพูดสื่อสารได้คล่องแต่แล้วฉันกลับทาให้ท่านผิดหวัง เพราะโดยลักษณะนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดชอบถามอะไรสักเท่าไหร่นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทา ให้ ทักษะการพูด ภาษาจีน ของฉันเป็นไปได้อย่างช้าแม้จะพอมีคาศัพท์อยู่ในหัวบ้างก็ตามที ถึงตอนนี้ฉัน เริ่มรู้สึกว่าภาษาจีน ยากเกินไปสาหรับฉัน ดังนั้นก็เลยหยุดเรียนไปประมาณ 3 ปีได้ ซึ่งเป็นที่น่า เสียดาย หากฉัน พยายามสักหน่อย ฉันคงไม่ต้องเสียเวลาไปมากมายถึงเพียงนี้เมื่อคิดอย่างนี้แล้วฉันจึง ได้กลับมาเรียน ภาษาจีน อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ฉันเลือกไปเรียนที่ หางโจว ในมณฑลเจ้อเจียง ลืมบอก ไปว่าฉันเป็นคนที่ขาดความมั่นใจเอามากๆ เลยอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉันหาข้อมูลและติดต่อกับทาง มหาวิทยาลัยเอง แม้จะมีความตื่นเต้นไปบ้าง แต่ฉันก็ทาเป็น “ใจดีสู้เสือ” ฉันเรียนที่ หางโจว ได้ สองเทอม คราวนี้ดีหน่อยที่ฉันยังกล้าพอที่จะถามอะไรบ้าง ไม่เหมือนกับครั้งที่อยู่ในกวางเจา แต่ก็ยัง ไม่ดีพอ เพราะบางครั้งฉันก็ยังรู้สึกว่า ภาษาจีน ของฉันช่างไม่เอาไหน อยู่ในห้องเรียนก็ตอบคาถามไม่ ค่อยได้ แต่งประโยคก็ไม่ค่อยออก และฉันก็คิดว่าหนังสือ ภาษาจีน ที่เหล่าซือใช้บางเล่มก็ยากเกินไป สาหรับฉัน มีอยู่หลายครั้งที่ฉันไม่เข้าห้องเรียน เพราะรู้สึกว่าบทเรียน ภาษาจีน นั้นยากเกินไป แทนที่จะรู้ว่ายาก ก็ต้องให้ความเอาใจใส่ และทุ่มเทให้มากขึ้น จริงๆ แล้วความยาก ก็เป็นเพียงบททดสอบหนึ่ง ที่ฉัน ควรจะฝ่าฝันไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเรียน ภาษาจีน ก็เท่านั้น มาถึงวันนี้ เมื่อฉันคิดได้มันก็ สายแล้ว มันก็อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าฉันเอาแต่คิด แล้วไม่ลงมือทา มันคงสายไปจริงๆ แต่ฉันไม่ อยากให้เป็นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา จึงตัดสินใจที่จะทาเว็บไซต์เพื่อรวบรวมในสิ่งที่ได้เรียนมา และ แบ่งปันให้กับทุกคนที่มีความสนใจ ภาษาจีน เหมือนกัน ฉันคิดว่าการแบ่งปันความรู้ และ ประสบการณ์นั้น ก็เหมือนกับการต่อยอดความคิดให้กับตนเองเพื่อจะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ เพราะฉันเชื่อ ว่ายังมีคนอีกมากมาย ที่มีความรู้ทางด้าน ภาษาจีน มากกว่าฉัน ที่พร้อมจะสอน ให้คาแนะนา และ แบ่งปันความรู้ด้วยใจจริง เวลาช่างผ่านไปเร็ว และไม่เคยคอยใคร และไม่มีใครสามารถที่จะหยุดเวลาไว้ ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนเรามักมองข้ามไป รวมถึงตัวฉันเองด้วย คือ “เวลาเป็นสิ่งมีค่า” ดังนั้นเราต้อง รักษาทุกช่วงเวลาไว้ให้ดีที่สุด หลายคนคงอาจสงสัยว่าทาไมฉันถึงต้องยกเรื่องเวลาขึ้นมากล่าว เพราะ ฉันไม่อยากให้ทุกคนที่เรียน ภาษาจีน เป็นเหมือนอย่างฉันในอดีต ที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ สิ่ง ที่ฉันอยากจะบอกกับทุกคนก็คือ ฉันจะคอยเป็นกาลังใจให้ กับทุกคนที่ท้อแท้ และสิ้นหวังกับการเรียน ภาษาจีน ลองคิดทบทวนดูว่าเราพลาดตรงไหน แล้วแก้ไข และเริ่มเรียนดูใหม่อีกสักครั้ง แม้หนทางจะไกลเพียงใด อุปสรรคจะมากแค่ไหน หรือแม้แต่เดินไปสู่ทางตัน ถ้าเรายังไม่หมดกาลังใจ หรือสิ้นหวังไปเสียก่อน ฉันเชื่อว่าเราทุกคนจะสามารถมองเห็นทางออกได้เสมอ สุดท้ายฉันขอฝากอะไร สักนิดสาหรับทุกคนที่เคยเรียน ภาษาจีน มาอาจจะเคยได้ยินคาว่า 万事开头难 หรือแปลเป็นไทย
  • 6. 6 ว่า ทุกเรื่องเริ่มต้นยากเสมอ และฉันก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เมื่อเราผ่านจุดเริ่มต้นนั้นไปได้ แล้วมองย้อนกลับไป เราจะเกิดความภูมิใจกับสิ่งดีๆ ที่ได้ทา ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ลองดู การปูพื้นฐานภาษาจีน เหมาะสาหรับผู้ที่ไม่เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนจาเป็นจะต้องเรียนตามลาดับ บทเรียนจัดไว้ให้ ดังต่อไปนี้ 1. การอ่านพินอิน(พยัญชนะ + สระ ) 2. การออกเสียงภาษาจีน(วรรณยุกต์) 3. ตัวอักษรจีน(เขียน-อ่าน) 4. คาศัพท์ภาษาจีนเบื้องต้น 5. พิมพ์คีบอร์ดภาษาจีน พินอิน Pinyin (拼音) "PinYin" หมายถึง สัญลักษณ์หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เรานามาใช้เพื่อการสะกดคา ถ้าเทียบเป็น ภาษาไทยคงไม่ต่างจากสระและพยัญชนะในบ้านเรา เพียงแต่ว่า "PinYin" จะไม่นามาใช้ทั้งในภาษาพูด และเขียน แต่จะใช้เพียงแค่ในกรณีของการสะกดคาเพื่อออกเสียงเท่านั้น “Pinyin พินอิน 拼音” คือตัวช่วยให้เราอ่านออกเสียงภาษาจีนได้อย่างถูกต้อง เพราะบางครั้งเวลา นักเรียนใช้ภาษาไทยในการจดคาอ่านภาษาจีน มันอาจจะทาให้นักเรียนอ่านผิดเพี้ยนหรืออ่านได้ไม่ ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ พินอินมีลักษณะเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้เรียนสามารถเข้าใจ และจดจาได้ ง่าย และในเว็บไซต์นี้ก็จะใช้เป็น พินอิน ทั้งหมด เพื่อความง่ายและถูกต้องถ้าเทียบกับภาษาไทยแล้ว พินอินก็เปรียนเสมือนสระและพยัญชนะของภาษาจีน พินอิน หรือ ฮั่นหยู่พินอิน (จีนตัวเต็ม: 漢語拼音; จีนตัวย่อ: 汉语拼音 แปลว่า การถอด เสียงภาษาจีน) คือระบบในการถ่ายถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐาน ด้วยตัวอักษรโรมัน ความหมายของพิน อินคือ 'การรวมเสียงเข้าด้วยกัน' ในภาษาจีนนั้นไม่มี ตัวสระ ตัวสะกด เหมือนภาษาไทย ฉะนั้น จึงต้องนาตัวพินอิน(ตัวอักษรโรมัน) มาแทนในการออกเสียง ทาไมเรียนภาษาจีนต้องเริ่มเรียนพินอินก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากอักษรจีนเป็นอักษรที่พัฒนามาจากรูปภาพ และได้วิวัฒนาการจนมาเป็นอักษรเฉกเช่น ปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแค่มองตัวอักษรเราจะไม่รู้ว่ามันสะกดยังไง ต้องใช้ความจาเพียงอย่างเดียว “ตาย ล่ะ ใครจะไปจาได้ ตัวอักษรเยอะแยะตาแปะขายไข่ขนาดนั้น” เพราะฉะนั้นเราถึงต้องเรียนวิธีเขียนอ่าน ตัวสะกดภาษาจีนเอาไว้ หรือที่เรียกว่าพินอินซึ่งเปรียบเสมือน ก.ไก่ ข.ไข่ ในภาษาไทยนั่นเอง มันจะช่วย ทาให้ชาวต่างชาติอย่างเราเขียนอ่านภาษาจีนได้สะดวก แล้วยังช่วยเราออกเสียงได้อย่างถูกต้องด้วย นอกจากนั้นใครที่รู้พินอินแล้วก็สามารถพิมพ์ภาษาจีนได้อย่างง่ายดาย
  • 7. 7 พินอินไม่ใช่การถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ (Anglicization) หลายๆคนคงคิดว่าพินอินคือการถอดเสียงแบบภาษาอังกฤษ ง่ายๆไม่เห็นจาเป็นต้องเรียน ขอให้ คิดใหม่ได้เลยยย จริงๆแล้วมันแค่ยืมอักษรโรมันมาแทนเสียงตัวสะกด เช่นอักษร q ในระบบพินอินเป็น เสียง “ช” ไม่ตรงกับในภาษาอังกฤษเลย และยังมีกฏอีกมากมาย เช่นการผสมคา และการใส่เสียง วรรณยุกต์ที่แตกต่างจากระบบการออกเสียงในภาษาอังกฤษอย่างสิ้นเชิง องค์ประกอบของพินอิน 1. 声母: พยัญชนะ มี 23 เสียง 2. 韵母: สระ แบ่งออกเป็นสระเดี่ยว และ สระผสม ทั้งหมด 36 เสียง – สระเดี่ยวมี 6 เสียง – สระผสมมี 30 เสียง 3. 声调: เสียงวรรณยุกต์ มี 4 เสียง และเสียงเบา เสียงพยัญชนะ 声母 ในภาษาจีนมีทั้งหมด23 เสียงดังนี้ พยัญชนะ วิธีการออกเสียง b ป p พ m ม f ฟ d เตอ t เทอ n เนอ l เลอ g เกอ
  • 8. 8 k เคอ h เฮอ j จี q ชี x ซี z จือ c ชือ s ซือ zh จรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว) ch ชรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว) sh ซรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว) r ยรือ(อ่านเป็นเสียงเดียว) y ยี w อู
  • 9. 9 เสียงสระ 韵母 ทั้ง 36 เสียงของภาษาจีน 1. สระเดี่ยว มี 6 เสียง 2.สระผสม สระผสมสองเสียงในภาษาจีนมี 9 เสียง  ai ( ไอ )  ei ( เอย )  ao ( อาว )  ou ( โอว )  ia (เอีย / อี + อา)  ie (เอีย / อี + เอะ)  ua ( อวา )  uo ( อัว )  ue ( เอว์ ) สระเดี่ยว วิธีการออกเสียง a อา o โอ e เออ i อี u อู ü อวี(อ่านเป็นเสียงเดียว)
  • 10. 10 สระผสมสามเสียงในภาษาจีนมี 4 เสียง  iao (เอียว /อี+อา+โอ )  iu ( iou ) ( อิว /อี+โอ+อู )  uai ( ไอว /อู+อา+ไอ )  ui ( uei ) ( อุย /อู+เอ+อี ) สระผสมนาสิกในภาษาจีนมี 16 เสียง ดังนี้  an ( อัน )  ang ( อาง )  ong ( อง )  en ( เอิน )  eng ( เอิง )  ian ( เอียน )  in ( อิน )  iang ( เอียง )  ing ( อิง )  iong ( อี + อง )  uan ( อวน )  un ( อุน )  uang( อวาง/อู + อาง )  ueng ( เอวิง/อู + เอิง )  uan ( อวาน )  un ( อวุน )
  • 11. 11 วิธีการผสมเสียง(พยัญชนะ+สระ) วิธีการผสมเสียงต้องประกอบด้วย พยัญชนะ + สระ + เสียงวรรณยุกต์  พยัญชนะ รวมกับ สระเดี่ยว 1 ตัว เช่น P + a = Pa  พยัญชนะ รวมกับ สระผสม เช่น  สระผสม 2 ตัว เช่น bai gei hao tou ฯลฯ  สระผสม 3 ตัว เช่น bang teng tong ฯลฯ  สระผสม 4 ตัว เช่น xiong liang lieng ฯลฯ *ข้อควรระวัง* แม่สะกดในภาษาจีนที่ต้องตามหลังเสียงสระ  n เหมือนแม่กนและกงในภาษาไทย  ng เหมือนแม่กง  r มีไว้แสดงเสียงเอ้อ ต้องเอาปลายลิ้นงอขึ้นไปแตะที่เพดานปาก  สระ u อู(อู) ไม่ใช้กับพยัญชนะ y, j, q, x  สระ ü อวี ถ้าใช้ควบคู่กับพยัญชนะ y, j, q, x จะต้องตัดจุดสองจุดที่อยู่ข้างบนของ ü ออกไป เช่น ü –> yu üe –> yue  ถ้าใช้ควบคู่กับพยัญชนะ l, n จะละสองจุดไม่ได้ ไม่นั้นจะไปซ้ากับเสียงu (อู) ทาให้เกิด การสับสนได้  สระ er เช่น 兒 เมื่อทาหน้าที่เป็นสระต่อท้าย จะเขียนพินอินแค่ r เท่านั้น เช่น 一點 兒 yīdiǎnr
  • 12. 12 เสียงวรรณยุกต์ 声调 เสียงวรรณยุกต์คือ ระดับเสียงสูง ต่า ในภาษา ซึ่งสามารถทาให้ความหมายของคาเปลี่ยนไป (เช่น ภาษาไทยก็มีคาว่า สวย กับ ซวย) แต่มีบางภาษาที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษา ฝรั่งเศส เป็นต้นในภาษาจีนมีเสียงวรรณยุกต์ 4 รูป 4 เสียง และมีเสียงเบาอีก 1 เสียง ทุกพยางค์ในแต่ ละคาจะเขียนสัญลักษณ์ ( ¯ ˊ ˇ ˋ ) ไว้บนเสียงหลักของสระ เช่น mā, má, mǎ, mà, ma เสียงที่ 1 ˉ เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย สามัญ เสียงที่ 2 / เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย จัตวา เสียงที่ 3 ˇ เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย เอก เสียงที่ 4 เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ใน ภาษาไทย โท 1. เสียงที่1 ขีดระนาบสั้น ๆ เทียบเท่าเสียงสามัญในภาษาไทย เป็นเสียงค่อนข้างสูง 2. เสียงที่2 ขีดสั้น ๆ เอียงขวา เทียบเท่าเสียงจัตวาในภาษาไทย เป็นเสียง กลาง-ขึ้น-สูง(เวลาพูดยกคิ้ว ของคุณในขณะที่พูด) 3. เสียงที่3
  • 13. 13 ขีดรูปลิ่ม คล้ายเสียงเอกในภาษาไทยแต่ตัวนี้ไม่เหมือนกันสักทีเดียว เป็นเสียง ต่า-ขึ้น(เวลา พูดก้มหน้าแล้วค่อยเงยขึ้น) 5. เสียงที่4 ขีดสั้น ๆ เอียงซ้าย เทียบเท่าเสียงโทในภาษาไทย เป็นเสียงสูง-ตก (เวลาเหยียบเท้าของคุณ เบา ๆ) 6. เสียงที่5 ไม่มีเครื่องหมาย เป็นเสียงลมที่ออกเสียงเบาก็พอ
  • 14. 14 การเขียนเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ การวางเครื่องหมายวรรณยุกต์ให้วางไว้บนสระหลัก ซึ่งมี a o e i u ü 1. ตาแหน่งการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ จะใส่ไว้ตามลาดับสระที่เรียงไว้ข้างบน 2. ถ้าไม่มี a ให้มองหา o และ e ตามลาดับ เช่น běi (วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน i) 3. ถ้ามี iu หรือ ui ให้วางวรรณยุกต์ไว้ที่ตัวหลังสุด diū 4. ในการเติมเสียงวรรณยุกต์ลงบนตัว i นั้น ให้ตัดจุดบนตัว i ออกด้วย เช่น bī 5. สระ ü ให้ตัดจุดบนตัว ü เช่นกัน yū พินอินที่ถูกต้อง วิธีใส่วรรณยุกต์ miāo วางไว้บนตัว a เพราะ a มาก่อน i และ o běi วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน i liè วางไว้บนตัว e เพราะ a มาก่อน i yüē วางไว้บนตัว e เพราะ e มาก่อน ü kū วางไว้บนตัว u เพราะมีสระตัวเดียว shuài วางไว้บนตัว a เพราะ a มาก่อน u และ i
  • 15. 15 ตัวอักษรจีน ก่อนจะอธิบาย เรามาทาความเข้าใจก่อนว่าภาษาจีนเป็นอักษรภาพดังนั้นตัวอักษรมันเองบอก ความหมายแต่ไม่บอกเสียง เช่น 木 = ต้นไม้ ก็เขียนเลียนแบบภาพต้นไม้ที่ตาเห็น 旦 = ตอนเช้าตรู่ (เพราะสี่เหลี่ยมข้างบนคือพระอาทิตย์ เส้นขีดข้างล่างคือเส้นขอบฟ้าที่พระอาทิตย์ ลอยขึ้นมา) 山 = ภูเขา
  • 16. 16
  • 17. 17
  • 18. 18
  • 19. 19
  • 20. 20 หน่วยของ ตัวอักษรจีน หรือ sinogramเป็น เส้น. ในการเขียน ภาษาจีน มี แปด จังหวะ ขั้นพื้นฐานคือ
  • 21. 21 แปด เส้นที่เรียบง่าย เหล่านี้ สามารถมี หลายรูปแบบ ในทุก 29 ซึ่งเรียกว่า โรคหลอดเลือดสมอง ที่ซับซ้อนกับเส้น ขั้นพื้นฐานทั้ง แปด และ รูปแบบเหล่านี้, เราสามารถเขียน 214 ตัวอักษรจีน พื้นฐาน ที่ เรียกว่า อนุมูลอิสระ. อนุมูล บางส่วน เป็นคาที่ ถูกใช้เป็น 马 mǎ ( ม้า ) คนอื่นจะ ไม่เคยพบ เพียง อย่างเดียว เป็นรากฐานของ น้า 氵 แต่ด้วย อนุมูล อื่น ๆ. รวม อนุมูล เหล่านั้น คุณสามารถสร้างจานวน อนันต์ ของตัวอักษรจีน. การเรียนรู้ อนุมูลอาจดูเหมือน ไม่จาเป็นและ ยาก สาหรับการเริ่มต้น แต่ คุณ จะจา ตัวอักษรจีน ได้ง่าย มากขึ้นในอนาคต. เช่น 你 Nǐ : คุณ 好 hǎo : ดี 他 tā : เขา 吗 ma : อนุภาค คาถาม
  • 22. 22 呢 ne : หล่ะ 不 bù : ปฏิเสธ ไม่ 我 wǒ : ฉัน 很 hěn : มาก 再 zài : (อีกครั้ง )
  • 23. 23 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือเรื่อง ภาษาจีน ว่ามีเนื้อหามากน้อย เพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซด์ต่างๆและเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทา เนื้อหาต่อไป 3. ศึกษาภาษาจีน จากเอกสารและเว็บไซด์ต่างๆ 4. จัดทาโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 5. ปฏิบัติการจัดทาโครงงาน 6. จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ 7. นาเสนองาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ 2. โปรแกรม Microsoft Word 3. โปรแกรม Adobe Photoshop CS6 4. Internet ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน
  • 24. 24 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) 1. ทาให้บุคคลที่มีความสนใจต่อภาษาจีนได้รับความรู้เกี่ยวกับภาษาจีนขั้นพื้นฐาน และสามารถ นาไปต่อยอดได้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การติดต่อสื่อสาร การศึกษาต่อในประเทศ จีน 2. ทาให้บุคคลที่ต้องการไปศึกษาต่อประเทศจีนได้ใช้เนื้อหาความรู้ใน blogger นี้ประกอบการ ตัดสินใจเพื่อไปศึกษาต่อ 3. ทาให้ผู้ที่คิดว่าภาษาจีนนั้นยากมากที่จะเรียนรู้ ได้เข้าใจถึงหลักการในการพูด การอ่าน การเขียน ภาษาจีนว่าภาษาจีนนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง สถานที่ดาเนินการ 1. ห้องสมุดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่ 2. CAMP ห้างสรรพสินค้าเมญ่า เชียงใหม่ 3. WAKE UP (สาขาไอคอน) กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง 1.ภาษาไทย 2.ภาษาต่างประเทศ ก (ภาษาอังกฤษ) 3..ภาษาต่างประเทศ ข (ภาษาจีน) 4.ศิลปะ 5.การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
  • 25. 25 แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) 1. http://happychinese-miaodi.weebly.com/361436363609362936363609.html 2.http://www.jiewfudao.com/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0% B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E 0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99 3. http://www.chine- culture.com/th/%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0% B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89- %E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8 %99/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0 %B8%99- 01/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0% B8%A9%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99.php 4. http://www.taiwanandi.com/chinese-for-starter/ 5.http://www.jeen4u.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8 %B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0 %B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89 %E0%B8%99/ 6. http://www.taiwanandi.com/chapter1-pinyin/