SlideShare a Scribd company logo
ภาคเหนือ
ภ า ค เ ห นื อ เป็ น ภู มิ ภ า ค ที่ อ ยู่ ด้ า น บ น สุ ด ข อ ง ไ ท ย
มีลัก ษ ณ ะภูมิป ระเทศ อัน ประก อบ ไป ด้ว ย เทื อก เข าสลับ ซับ ซ้ อ น
ที่ต่อเนื่องมาจากทิวเข าฉานโยมาในประเทศ พ ม่า และประเทศลาว
ภาคเหนือมีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาเหมือนกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเ
ท ศ
การที่มีระดับน้าทะเลสูงและมีเส้นละติจูดอยู่ตอนบนทาให้สภาพอากาศของภา
ค เ ห นื อ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ต า ม ฤ ดู ก า ล อ ย่ า ง เห็ น ไ ด้ ชั ด เ ช่ น
มี ฤ ดู ห น า ว ที่ ห น า ว เ ย็ น ก ว่ า ภู มิ ภ า ค อื่ น ๆ
ทางด้านประวัติศาสตร์ของภาคเหนือมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับอาณาจั
กรล้านนา
ประวัติศาสตร์
บริเวณ พื้ นที่ภาค เห นื อ แต่เดิมเป็ นที่ตั้งข องอาณ าจักรล้านน า
ซึ่งสถาปนาอาณาจักรขึ้นมาในปี พุ ทธศักราช 1835 โดยพญามังราย
และสถาปนาเมืองห ลวงอย่างเป็ นทางการในปี พุ ทธ ศักราช 1 8 3 9
ในชื่อนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อาณาจักรล้านนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 1835
เกิด จ าก ก ารยุ บ รว ม กัน ข อ งอ าณ า จัก รใน ช่ วงยุ ค ก่อ น ห น้ า คื อ
หิรัญนครเงินยางเชียงแสน และ หริภุญชัย
ภูมิศาสตร์
แผนที่แสดงภูมิประเทศของภาคเหนือ
ภูมิประเทศของภาคเหนือเต็มไปด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน
แ ล ะ มี พื้ น ที่ ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ห ล า ย จุ ด เ ช่ น
พื้นที่ทางด้านตะวันตกสุดของประเทศที่อาเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พื้นที่ทางด้านเหนื อสุดข องประเทศที่อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
จุดสูงสุดของประเทศที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้
ภ าค เห นื อ ยังเป็ น พื้ น ที่ แ ร ก ข อ งป ร ะเท ศ ที่ แ ม่ น้ า โข งไ ห ล ผ่า น
ซึ่งจุดแรกที่แม่น้าโขงไหลผ่านประเทศไทยอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคา
อาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
ภาคเหนือมีพื้นที่รวมทั้งหมด 93,690.85 ตร.กม คิดเป็ นสัดส่วนร้อยละ
0.06 ข อ งพื้ น ที่ บ น ผิว โล ก แ ล ะห าก เที ย บ จ าก ข น า ด พื้ น ที่ แ ล้ว
ภาค เห นื อจ ะมี ข น าด พื้ น ที่ ใกล้เคี ย งกับป ระเท ศ ฮังการีม ากที่ สุ ด
และมีขนาดเล็กกว่าประเทศเกาหลีใต้เล็กน้อย
เขตแดนติดกับประเทศเพื่ อนบ้านและภูมิภาคอื่น ๆ ของภาคเหนื อ
เ รี ย ง ต า ม เ ข็ ม น า ฬิ ก า ไ ด้ แ ก่
ทิศ ต ะวัน ต ก แ ละ ทิศ เห นื อ ติด กับ ส าธ ารณ รัฐแ ห่งส ห ภ าพ พ ม่ า
ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศใต้ติดกับภาคกลาง (พิษณุโลก สุโขทัย) และภาคตะวันตก (ตาก)
ประเพณีภาคเหนือ และวัฒนธรรมประเพณีภาคเหนือ
วัฒนธรรมในท้องถิ่นของภาคเหนือ แบ่งออกได้ดังนี้
วัฒนธรรมทางภาษาถิ่น
ช าวไท ย ท างภ า ค เห นื อ มี ภ าษ าล้าน น าที่ นุ่ ม น วล ไพ เรา ะ
ซึ่งมีภาษาพู ดและภาษาเขียนที่เรียกว่า "คาเมือง" ของภาคเห นือเอง
โ ด ย ก า ร พู ด จ ะ มี ส า เนี ย ง ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป ต า ม พื้ น ที่
ปัจจุบันยังคงใช้พูดติดต่อสื่อสารกัน
วัฒนธรรมการแต่งกาย
การแต่งกายพื้นเมืองของภาคเหนือมีลักษณะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติของก
ลุ่ ม ช น ค น เ มื อ ง
เนื่องจากผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์ของแ
ต่ละพื้นถิ่น
ปัจจุบัน ชาวเชียงใหม่ได้มีการฟื้ นฟูวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นเมืองขึ้น
ซึ่งมีหลายรูปแบบตามเผ่าพันธุ์ของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรล้านนาใน
อ ดี ต
เป็นการประยุกต์รูปแบบของเสื้อผ้าในยุคดั้งเดิมมาแต่งโดยพยายามรักษาควา
ม เ ป็ น เ อ ก ลั ก ษ ณ์ ข อ ง ช า ว พื้ น เ มื อ ง เ ชี ย ง ใ ห ม่ ไ ว้
จึงได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบในรูปแบบการแต่งกายพื้นเมืองโดยคณะ
อนุกรรมการวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปีพุทธศักราช 2534
วัฒนธรรมการกิน
ช า ว เห นื อ มี วัฒ น ธ ร ร ม ก า ร กิ น ค ล้า ย กับ ค น อี ส า น คื อ
กิน ข้าวเห นี ยวและปลาร้า ซึ่ งภาษ าเห นื อเรีย กว่า ข้าวนิ่ งและฮ้า
ส่วนกรรมวิธีการปรุงอาหารของภาคเหนือจะนิยมการต้ม ปิ้ ง แกง หมก
ไม่นิยมใช้น้ามัน ส่วนอาหารขึ้นชื่อเรียกว่าถ้าได้ไปเที่ยวต้องไปลิ้มลอง ได้แก่
น้าพริกหนุ่ม, น้าพริกอ่อง, น้าพริกน้าปู, ไส้อั่ว, แกงโฮะ, แกงฮังเล, แคบหมู,
ผักกาดจอ ลาบหมู, ลาบเนื้อ, จิ้นส้ม (แหนม), ข้าวซอย, ขนมจีนน้าเงี้ยว
เป็นต้น
น อ ก จ า ก นี้ ช า ว เ ห นื อ ช อ บ กิ น ห ม า ก แ ล ะ อ ม เมี่ ย ง
โด ย น าใบ เมี ย งที่ เป็ น ส่วน ใบ อ่อน ม าห มัก ให้มีรส เปรี้ย วอม ฝ าด
เมื่อหมักได้ระยะเวลาที่ต้องการ จะนาใบเมี่ยงมาผสมเกลือเม็ด หรือน้าตาล
แ ล้ ว แ ต่ ค ว า ม ช อ บ ซึ่ ง น อ ก จ า ก ก า ร อ ม เ มี่ ย ง แ ล้ ว
คนล้านนาโบราณมีความนิยมสูบบุหรี่ที่มวนด้วยใบตองกล้วยมวนหนึ่งขนาดเ
ท่านิ้วมือ และยาวเกือบคืบ ชาวบ้านเรียกจะเรียกบุหรี่ชนิดนี้ว่า ขี้โย หรือ
บุ ห รี่ ขี้ โ ย ที่ นิ ย ม สู บ กัน ม าก อ าจ เนื่ อ ง ม าจ าก อ าก าศ ห น าวเย็ น
เพื่อทาให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา-ความเชื่อ
ชาวล้านนามีความผูกพันอยู่กับการนับถือผีซึ่งเชื่อว่ามีสิ่งเร้าลับให้ความคุ้มคร
องรักษาอยู่ ซึ่งสามารถพบเห็นได้จากการดาเนินชีวิตประจาวัน เช่น
เมื่ อ เ ว ล า ที่ ต้ อ ง เ ข้ า ป่ า ห รื อ ต้ อ ง ค้ า ง พั ก แ ร ม อ ยู่ ใ น ป่ า
จ ะ นิ ย ม บ อ ก ก ล่ า ว แ ล ะ ข อ อ นุ ญ า ต เจ้ า ที่ -เจ้ า ท า ง อ ยู่ เส ม อ
และเมื่อเวลาที่กินข้าวในป่าจะแบ่งอาหารบางส่วนให้เจ้าที่อีกด้วย เช่นกัน
ซึ่งเหล่านี้แสด งให้เห็นว่าวิถีชีวิตที่ยังคงผูกผันอยู่กับการนับถือผีสาง
แบ่งประเภท ได้ดังนี้
- ผีบรรพบุรุษ มีหน้าที่คุ้มครองเครือญาติและครอบครัว
- ผีอารักษ์ หรือผีเจ้าที่เจ้าทาง มีหน้าที่คุ้มครองบ้านเมืองและชุมชน
- ผีขุนน้า มีหน้าที่ให้น้าแก่ไร่นา
- ผีฝาย มีหน้าที่คุ้มครองเมืองฝาย
- ผี ส บ น้ า ห รื อ ผี ป า ก น้ า
มีหน้าที่คุ้มครองบริเวณที่แม่น้าสองสายมาบรรจบกัน
- ผีวิญญาณประจาข้าว เรียกว่า เจ้าแม่โพส
- ผีวิญญาณประจาแผ่นดิน เรียกว่า เจ้าแม่ธรณี
ทั้งนี้ ชาวล้านนาจะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ ในช่วงระหว่างเดือน 4
เหนือเป็ ง (มกราคม) จนถึง 8 เหนือ (พฤษภาคม) เช่น ที่อาเภอเชียงคา
จังห วัด พ ะเย า จะมี การเลี้ย งผี เสื้อ บ้าน เสื้อ เมือ ง ซึ่ งเป็ น ผี บรร พ
บุรุษ ข องช าวไทลื้อ พ อห ลังจากนี้ อีกไม่นานก็จะมีการเลี้ย งผีลัวะ
ห รือประเพ ณี บูช าเสาอินทขิล ซึ่งเป็ นประเพ ณี เก่าแก่ข องค นเมือง
ไม่นับรวมถึงการ เลี้ยงผีมด ผีเม็ง และการเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะของ ชาวลั๊วะ
ซึ่งจะทยอยทากันต่อจากนี้
ส่วนช่วงกลางฤดูร้อนจะมีการลงเจ้าเข้าทรงตามหมู่บ้านต่าง ๆ
อาจเป็ นเพราะความเชื่อที่ว่าการลงเจ้าเป็ นการพบปะพูดคุยกับผีบรรพบุรุษ
ซึ่ ง ใ น ปี ห นึ่ ง จ ะ มี ก า ร ล ง เ จ้ า ห นึ่ ง ค รั้ ง
และจะถือโอกาสทาพิธีรดน้าดาหัวผีบรรพ บุรุษไปด้วย ยังมีพิธีเลี้ย ง
"ผีมดผีเม็ง" ที่จัดขึ้นครั้งเดียวในหนึ่งปี โดยจะต้องหาฤกษ์ยามที่เหมาะสม
ก่อนวันเข้าพรรษา จะทาพิธีอัญเชิญผีเม็งมาลง เพื่อขอใช้ช่วยปกปักษ์รักษา
คุ้มครองชาวบ้านที่เจ็บป่วย และจัดหาดนตรีเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน
อย่างไรก็ตาม คนล้านนามีความเชื่อในการเลี้ยงผีเป็นพิธีกรรมที่สาคัญ
แ ม้ ว่ า ก า ร ด า เนิ น ชี วิต ข อ ง จ ะ ร า บ รื่ น ไ ม่ ป ร ะ ส บ ปั ญ ห า ใ ด
แต่ก็ยังไม่ลืมบรรพบุรุษที่เคยช่วยเหลือให้มีชีวิตที่ปกติสุขมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า
ยังค งพ บเรือน เล็กๆ ห ลังเก่าตั้งอยู่กลางห มู่บ้านเสมอ ห รือเรีย กว่า
"หอเจ้าที่ประจาหมู่บ้าน" เมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท
ความเชื่อดังกล่าวจึงส่งผลให้ขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ
ของชาวเหนือ เช่น ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวเหนื อ (พ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย) เมื่อไปวัดฟัง
ธรรมก็จะประกอบพิธีเลี้ยงผี คือ จัดหาอาหารคาว-หวานเซ่น สังเวยผีปู่ย่าด้วย
แม้ปัจจุบันในเขตตัวเมืองของภาคเหนือจะมีการนับถือผีที่อาจเปลี่ยนแปลงและ
เหลือน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านในชนบทยังคงมีการปฏิบัติกันอยู่
ประเพณีของภาคเหนือ
ประเพณี ของภาคเหนื อ เกิดจากการผสมผสานการดาเนินชีวิต
แ ล ะ ศ า ส น า พุ ท ธ ค ว า ม เ ชื่ อ เ รื่ อ ง ก า ร นั บ ถื อ ผี
ส่งผลทาให้มีประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของประเพณีที่จะแตกต่างกันไปตามฤดู
กา ล ทั้ง นี้ ภ า ค เห นื อ จะ มี งาน ป ระเพ ณี ใน รอ บ ปี แ ท บ ทุ ก เดื อ น
จึงขอยกตัวอย่างประเพณีภาคเหนือบางส่วนมานาเสนอ ดังนี้
สงกรานต์งานประเพณี ถือเป็นช่วงแรกของการเริ่มต้นปี๋ใหม่เมือง
หรือสงกรานต์งานประเพณี โดยแบ่งออกเป็น
- วันที่ 13 เมษาย น หรือวันสังข ารล่อง ถือเป็ นวันสิ้นสุดของปี
โ ด ย จ ะ มี ก า ร ยิ ง ปื น ยิ ง ส โ พ ก
แ ล ะ จุ ด ป ร ะ ทั ด ตั้ ง แ ต่ ก่ อ น ส ว่ า ง เพื่ อ ขั บ ไ ล่ สิ่ ง ไ ม่ ดี
วันนี้ต้องเก็บกวาดบ้านเรือน และ ทาความสะอาดวัด
- วันที่ 14 เมษายน หรือวันเนา ตอนเช้าจะมีการจัดเตรียมอาหาร
แ ล ะ เค รื่ อ ง ไ ท ย ท า น ส า ห รั บ ง า น บุ ญ ใ น วัน รุ่ ง ขึ้ น
ตอนบ่ายจะไปขนทรายจากแม่น้าเพื่อนาไปก่อเจดีย์ทรายในวัด
เป็นการทดแทนทรายที่เหยียบติดเท้าออกจากวัดตลอดทั้งปี
- วันที่ 15 เมษาย น ห รือวันพ ญ าวัน เป็ น วันเริ่มศักราช ให ม่
มีการทาบุญถวายขันข้าว ถวายตุง ไม้ค้าโพธิ์ที่วัดสรงน้าพระพุทธรูป
พระธาตุและรดน้าดาหัวขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ
- วัน ที่ 16-17 เม ษ า ย น ห รื อ วัน ป า ก ปี แ ละ วัน ป าก เดื อ น
เป็ น วั น ท า พิ ธี ท า ง ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ส ะ เด า ะ เค ร า ะ ห์
และบูช า สิ่งศักดิ์สิท ธิ์ต่า ง ๆ ทั้งนี้ ช าวล้านนา มีค วา มเชื่ อว่า
การท าพิ ธี สื บ ช ะต าจะช่ วย ต่อ อายุ ให้ต น เอง ญ าติพี่ น้ อ ง
แ ล ะ บ้ า น เ มื อ ง ใ ห้ ยื น ย า ว
ท า ใ ห้ เกิ ด ค ว า ม เจ ริ ญ รุ่ ง เรื อ ง แ ล ะ ค ว า ม เป็ น สิ ริม ง ค ล
โดยแบ่งการสืบชะตาแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คือ การสืบชะตาคน,
การสืบชะตาบ้าน และการสืบชะตาเมือง
แ ห่ น า ง แ ม ว ร ะ ห ว่ า ง เดื อ น พ ฤ ษ ภ า ค ม ถึ ง สิ ง ห า ค ม
เป็ นช่วงของการเพาะปลูก หากปี ใดฝนแล้งไม่มีน้า จะทาให้นาข้าวเสียหาย
ชาวบ้านจึงพึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ทาพิธีขอฝนโดยการแห่นางแมว
โดยมีความเชื่อกันว่าหากกระทาเช่นนั้นแล้วจะช่วยให้ฝนตก
ประเพ ณี ปอยน้อย /บวช ลูกแก้ว/แห ล่ส่างลองเป็ นประเพ ณี บวช
หรือการบรรพชาของชาวเหนือ นิยมจัดภายในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม
ห รื อ เม ษ า ย น ต อ น ช่ ว ง เช้ า ซึ่ ง เก็ บ เกี่ ย ว พื ช ผ ล เส ร็ จ แ ล้ ว
ใ น พิ ธี บ ว ช จ ะ มี ก า ร จั ด ง า น เฉ ลิ ม ฉ ล อ ง อ ย่ า ง ยิ่ ง ใ ห ญ่
มีการแห่งลูกแก้วหรือผู้บวชที่จะแต่งตัวอย่างสวยงามเลียนแบบเจ้าชายสิทธัตถ
ะ เพ ราะถื อค ตินิย มว่าเจ้าช าย สิทธัต ถะได้เสด็จออกบวช จนต รัสรู้
แ ล ะ นิ ย ม ใ ห้ ลู ก แ ก้ ว ขี่ ม้ า ขี่ ช้ า ง ห รื อ ขี่ ค อ ค น
เป รี ย บ เห มื อ น ม้ า กั ณ ฐ ก ะ ม้ า ท ร ง ข อ ง เจ้ า ช า ย สิ ท ธั ต ถ ะ
ปัจจุบันประเพ ณี บวชลูกแก้วที่มีชื่อเสีย ง คือ ประเพ ณี บวชลูกแก้ว
ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ป ร ะ เ พ ณี ป อ ย ห ล ว ง ห รื อ ง า น บุ ญ ป อ ย ห ล ว ง
เป็ น เอก ลัก ษ ณ์ ข อ งช าวล้าน น าซึ่ งเป็ น ผ ลดี ต่อ ส ภ าพ ท างสังค ม
ถื อ ว่ า เ ป็ น ก า ร ใ ห้ ช า ว บ้ า น ไ ด้ ม า ท า บุ ญ ร่ ว ม กั น
ร่ ว ม กั น จั ด ง า น ท า ใ ห้ เกิ ด ค ว า ม ส า มั ค คี ใ น ก า ร ท า ง า น
งานทาบุญปอยหลวงยังเป็นการรวมญาติพี่น้องที่อยู่ต่างถิ่นได้มีโอกาสทาบุญร่
ว ม กั น
และมีการสืบทอดประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาครั้งแต่บรรพชนไม่ให้สูญหายไป
จากสังคม
ช่ วงเวล าจัด งาน เริ่ม จ าก เดื อ น 5 จน ถึงเดื อ น 7 เห นื อ
(ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคมของทุกปี )
ระยะเวลา 3-7 วัน
ประเพณียี่เป็ ง (วันเพ็ญเดือนยี่) หรืองานลอยกระทง โดยจะมีงาน
"ตามผางผะติ้ป" (จุดประทีป) ซึ่งชาวภาคเหนือตอนล่างจะเรียกประเพณีนี้ว่า
“พิธีจองเปรียง” หรือ “ลอยโขมด” เป็นงานที่ขึ้นชื่อที่จังหวัดสุโขทัย
ป ร ะ เ พ ณี ล อ ย โ ค ม ช า ว ล้ า น น า จัง ห วัด เชี ย ง ใ ห ม่
ที่ มี ค ว า ม เ ชื่ อ ใ น ก า ร ป ล่ อ ย
โคมลอยซึ่งทาด้วยกระดาษสาติดบนโครงไม้ไผ่แล้วจุดตะเกียงไฟตรงกลางเพื่
อให้ไอความร้อนพาโคมลอยขึ้นไปในอากาศเป็ นการปล่อยเคราะห์ปล่อยโศกแ
ละเรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ ให้ไปพ้นจากตัว
ป ร ะเพ ณี ต า น ตุ ง ในภาษาถิ่นล้านน า ตุง ห มาย ถึง "ธ ง"
จุดประสงค์ของการทาตุงในล้านนาก็คือ การทาถวายเป็ นพุ ทธบูช า
ช าว ล้า น น าถื อ ว่าเป็ น ก าร ท าบุ ญ อุ ทิศ ให้ แ ก่ผู้ ที่ ล่วงลับ ไ ป แ ล้ว
หรือถวายเพื่อเป็ นปัจจัยส่งกุศลให้แก่ตนไปในชาติหน้า ด้วยความเชื่อที่ว่า
เมื่ อต าย ไปแ ล้วก็จะได้เกาะยึด ช าย ตุง ขึ้น สวรรค์ พ้ น จา กขุ มน รก
วันที่ถวายตุงนั้นนิยมกระทาในวันพญาวันซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรา
นต์
ป ร ะ เ พ ณี ก ร ว ย ส ล า ก ห รื อ ต า น ก๋ ว ย ส ล า ก
เป็ น ประเพ ณี ข องช าวพุ ท ธ ที่ มีก ารท าบุญ ให้ท านรับ พ รจากพ ร ะ
จะทาให้เกิด สิริมงคลแก่ต นและอุทิศ ส่วนกุศ ลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
เ ป็ น ก า ร ร ะ ลึ ก ถึ ง บุ ญ คุ ณ ข อ ง ผู้ มี พ ร ะ คุ ณ
และเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของคนในชุมชน
ประเพณีขึ้นขันดอกอินทขิล บูชาเสาหลักเมืองเชียงใหม่
ป ร ะ เ พ ณี ล อ ย ก ร ะ ท ง ส า ย เพื่ อ บู ช า แ ม่ ค ง ค า
ขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในน้าและอธิษฐานบูชารอยพระพุทธบาท
ประเพณีแล้อุ๊ป๊ ะดะก่า เป็นการเตรียมอาหารเพื่อนาไปถวาย (ทาบุญ)
ข้าวพระพุทธในวันพระของชาวไทยใหญ่
ประเพณีแข่งเรือยาว จังหวัดน่าน
ประเพณีเวียนเทียนกลางน้า วัดติโลกอาราม จังหวัดพะเยา
ประเพณีอู้สาว คาว่า “อู้” เป็ นภาษาไทยภาคเหนือแปลว่า “พุดกัน
คุยกัน สนทนากัน สนทนากัน” ดังนั้น “อู้สาว” ก็คือ พูดกับสาว คุยกับสาว
หรือแอ่วสาวการอู้สาวเป็นการพดคุยกันเป็นทานองหรือเป็นกวีโวหาร
น อ ก จ า ก ง า น เ ท ศ ก า ล ป ร ะ จ า ท้ อ ง ถิ่ น แ ล้ ว
ยังมีประเพณีความเชื่อดั้งเดิมของชนชาติไทยเผ่าต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ไทยยวน
ไ ท ย ลื้ อ ไ ท ย ใ ห ญ่ ไ ท ย พ ว น ลัว ะ แ ล ะ พ ว ก แ ม ง ไ ด้ แ ก่
ป ร ะ เ พ ณี กิ น ว อ ข อ ง ช า ว ไ ท ย ภู เ ข า เ ผ่ า ลี ซ อ
ประเพณีบุญกาฟ้าของชาวไทยพวนหรือไทยโข่ง
เพลงพื้นบ้านในภาคเหนือ
วัฒ น ธ ร ร ม เพ ล ง พื้ น บ้ า น ท้ อ ง ถิ่ น ใน ข อ ง ภ า ค เห นื อ
เน้นความเพ ลงที่มีค วามสนุกสนาน สามารถใช้ร้องเล่นได้ทุกโอกาส
ไม่จากัดฤดู ไม่จากัดเทศกาล ส่วนใหญ่นิยมใช้ร้องเพลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์
และการพักผ่อนหย่อนใจ โดยลักษณะการขับร้องและท่วงทานองจะ อ่อนโยน
ฟังดูเนิบนาบนุ่มนวล สอดคล้องเครื่องดนตรีหลัก ได้แก่ ปี่ ซึง สะล้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถจัดประเภทของเพลงพื้นบ้านของภาคเหนือได้ 4 ประเภท
ดังนี้
- เพลงซอ คือการร้องเพลงร้องโต้ตอบกันระหว่างชายหญิง เพื่อเกี้ยวพาราสีกัน
โดยมีการบรรเลงปี่ สะล้อและซึง เคล้าคลอไปด้วย
- เพลงค่าว ซึ่งเป็นบทขับร้องที่มีทานองสูงต่า ไพเราะ
- เ พ ล ง จ๊ อ ย ค ล้ า ย ก า ร ขั บ ล า น า โ ด ย มี ผู้ ร้ อ ง ห ล า ย ค น
เป็ นการนาบทประพันธ์ของภาคเหนือ นามาขับร้องเป็ นทานองสั้น ๆ
โดยเนื้อหาเป็นการระบายความในใจ แสดงอารมณ์ความรัก ความเงียบเหงา
ทั้งนี้ มีผู้ขับร้องเพี ยงคน เดีย ว โดย จะใช้ด นตรีบรรเลงห รือไม่ก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น จ๊อยให้กับคนรักรู้คนในใจ จ๊อยประชันกันระหว่างเพื่อนฝูง
และจ๊อยเพื่ออวยพรในโอกาสต่าง ๆ หรือจ๊อยอาลา
- เพลงเด็ก มีลักษณะคล้ายกับเพลงเด็กของภาคอื่น ๆ คือ เพลงกล่อมเด็ก
เพ ลงปลอบเด็ก และเพ ลงที่เด็กใช้ร้องเล่นกันได้แก่ เพ ลงกล่อมลูก
หรือเพ ลงฮื่อลูก และเพ ลงสิกจุ่ง-จา (สิก จุ่ง-จา ห มายถึง เล่นชิงช้า)
ซึ่งการสิกจุ่งจาเป็ นการละเล่น ข องภาค เห นื อ จะผู้เล่น มีกี่ค น ก็ได้
โด ย ชิงช้าทาด้วย เชื อกเส้น เดี ย วสอด เข้าไปในรูกระบอ กไม้ซ าง
แล้วผูกปลายเชือกทั้งสองไว้กับต้นไม้หรือใต้ถุนบ้าน
ส่ ว น วิ ธี เ ล่ น คื อ แ ก ว่ ง ชิ ง ช้ า ไ ป ม า ใ ห้ สู ง ม า ก ๆ
บทร้องประกอบผู้เล่นจะร้องตามจังหวะที่ชิงช้าแกว่งไกวไปมา ดังนี้
"สิกจุ่งจา อีหล้าจุ่งจ๊อย ขึ้นดอยน้อย ขึ้นดอยหลวง เก็บผักขี้ขวง
ใส่ซ้าทังลุ่ม เก็บฝักกุ่ม ใส่ซ้าทั้งสน เจ้านายตน มาปะคนหนึ่ง ตีตึ่งตึง
หื้ออย่าสาวฟังควักขี้ดัง หื้ออย่าสาวจูบ แปงตูบน้อย หื้ออย่าสาวนอน
ขี้ผองขอน หื้ออย่าสาวไหว้ ร้อยดอกไม้ หื้ออย่าสาวเหน็บ จักเข็บขบหู
ปูหนีบข้าง ช้างไล่แทง แมงแกงขบเขี้ยว เงี้ยวไล่แทง ตกขุมแมงดิน ตีฆ้องโม่ง
ๆ "
นิทานพื้นบ้าน
นิทาน เรื่อง ลานนางคอย
นิทานของภาค ข องแต่ละภาค มักเต็มไปด้วย สาระ คติสอนใจ
พ ร้ อ ม ค ว า ม ส นุ ก ส น า น เ พ ลิ ด เ พ ลิ น
อา จมี ค วาม แ ต ก ต่างกัน ไป ต าม แ ต่ลัก ษ ณ ะส าคัญ ข อง ภู มิภ า ค
ส่วนนิทานพื้ นบ้านจากภาคเห นื อมักเป็ นตานานของสถานที่ต่าง ๆ
หรือความเป็ นมาและสาเหตุของสถานที่เหล่านั้นเล่าสืบต่อกันมาช้านาน
เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และได้สาระที่เป็ นคติสอนใจ อาทิ
ค ว า ม ดี ค ว า ม ก ตั ญ ญู ค ว า ม ซื่ อ สั ต ย์
รวมถึงยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นภาคเหนือ
อีกด้วย
ยกตัวอย่างนิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ได้แก่
เรื่อง ลานนางคอย จังหวัดแพร่
ถ้ า ผ า น า ง เ ป็ น ถ้ า ส ว ย ง า ม อ ยู่ ใ น จั ง ห วั ด แ พ ร่
ป า ก ถ้ า อ ยู่ ภู เ ข า สู ง จ า ก พื้ น ดิ น ป ร ะ ม า ณ 50 เ ม ต ร
มีบัน ได ไต่เลีย บเลี้ย ววกขึ้น ไปจน สุ ด ท าง บัน ได เป็ น ดินแ ละหิน
มีลาน กว้างเป็ น ที่นั่ งพัก ก่อน จะเข้าสู่ถ้าด้าน ข วามื อเป็ น ซ อกเข า
มีทางขึ้นไปไม่สูง ข้างบนมีลานหินเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่นั่ง เรียกกันว่า ลานนางคอย
เ รื่ อ ง ถ้ า ผ า น า ง แ ล ะ ล า น น า ง ค อ ย มี อ ยู่ ว่ า
ค รั้ น อ า ณ า จั ก ร แ ส น ห วี ยั ง เ จ ริ ญ รุ่ ง เ รื อ ง
เจ้าผู้ค รองนค รมีราช ธิดาผู้สิริโฉมงดงามมาก นามว่านางอรัญญ นี
วันหนึ่งนางเสด็จประพาสโดยเรือพระที่นั่งเกิดมีพายุใหญ่พัดกระหน่ามา
ท า ใ ห้ เรื อ พ ร ะ ที่ นั่ ง พ ลิ ก ค ว่า น า ง อ รัญ ญ นี พ ลัด ต ก ล ง ใ น น้ า
ฝี พ าย หนุ่มคนห นึ่งได้กระโด ลงไปช่วย ชีวิตนางไว้ได้ ตั้งแต่นั้นมา
ทั้งสองคนก็ได้ลอบติดต่อรักใคร่กันโดยปิดบังไม่ให้พระราชบิดาของนางล่วงรู้
จนนา งอรัญ ญนี ตั้งค รรภ์ขึ้น พ ระราช บิด าข องนางกริ้วมา ก
สั่งให้โบยนางและกักขังไว้ แต่คนรักของนางก็ได้ลอบเข้าไปหาถึงในที่คุมขัง
แ ล ะ พ า น า ง ห ล บ ห นี ไ ป
เมื่ อเจ้าค รอ งน ค รท รงท ราบ ก็สั่งให้ท ห ารออกติด ต าม ค น ทั้งสอ ง
ท ห า ร ขี่ ม้ า ทั น ทั้ ง ส อ ง ค น ที่ ซ อ ก เ ข า แ ห่ ง ห นึ่ ง
แ ล ะ ยิ ง ธ นู ไ ป ห ม า ย จ ะ เ อ า ชี วิ ต ช า ย ห นุ่ ม
แ ต่ ธ นู พ ล า ด ไ ป ถู ก น า ง อ รั ญ ญ นี ไ ด้ รั บ บ า ด เ จ็ บ ส า หั ส
สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้า
น า ง อ รั ญ ญ นี รู้ ตั ว ว่ า ค ง ไ ม่ ร อ ด ชี วิ ต
จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้าแห่งนี้ตลอดไป
ช า ย ห นุ่ ม จึ ง จ า ใ จ ต้ อ ง จ า ก ไ ป ต า ม ค า ข อ ร้ อ ง ข อ ง น า ง
ส่ว น น า งอ รัญ ญ นี ก็ นั่ งม อ ง ดู ส า มี ค ว บ ม้ า ห นี ห่ า งไ ป จ น ลับ ต า
และสิ้นใจตายอยู่ในถ้าแห่งนั้น ลานที่นางนั่งดูสามีค วบม้าจากไปนั้น
ต่อมาเรียกว่า ลานนางคอย ส่วนถ้าแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้าผานาง
เรื่อง เมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
เมื องลับแ ลเป็ น อาเภ อเล็ก ๆ แห่งห นึ่ งในจังห วัด อุต รดิต ถ์
แต่เดิมคงเป็ นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคด เคี้ย ว
ทาให้คนที่ไม่ชานาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า
มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล
มี ต า น า น เล่า ว่า ค รั้ ง ห นึ่ ง มี ช า ย ค น ห นึ่ ง เข้ า ไ ป ใ น ป่ า
ได้ เห็ น ห ญิ งส าว ส วย ห ล าย ค น เดิ น อ อ ก ม า ค รั้น ม า ถึงช าย ป่ า
น า ง เห ล่ า นั้ น ก็ เอ า ใ บ ไ ม้ ที่ ถื อ ม า ไ ป ซ่ อ น ไ ว้ ใ น ที่ ต่ า ง ๆ
แ ล้ ว ก็ เ ข้ า ไ ป ใ น เ มื อ ง ด้ ว ย ค ว า ม ส ง สั ย
ชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา
ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป
มีห ญิงสาวค น ห นึ่งห าใบ ไม้ไม่พ บ เพ ราะช าย ห นุ่ มแ อบห ยิบ ม า
นางวิตกเดือดร้อนมาก
ช า ย ห นุ่ ม จึ ง ป ร า ก ฏ ตั ว ใ ห้ เ ห็ น แ ล ะ คื น ใ บ ไ ม้ ใ ห้
โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลั
บ แ ล ห ญิ ง ส า ว ก็ ยิ น ย อ ม
นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง
น าง อ ธิ บ าย ว่า ค น ใ น ห มู่บ้ าน นี้ ล้ว น มี ศี ล ธ รร ม ถื อ ว าจ าสัต ย์
ใ ค ร ป ร ะ พ ฤ ติ ผิ ด ก็ ต้ อ ง อ อ ก จ า ก ห มู่ บ้ า น ไ ป
ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด
แ ล้ ว น า ง ก็ พ า ช า ย ห นุ่ ม ไ ป พ บ ม า ร ด า ข อ ง น า ง
ช า ย ห นุ่ ม เกิ ด ค ว า ม รัก ใ ค ร่ ใ น ตั ว น า ง จึ ง ข อ อ า ศั ย อ ยู่ ด้ ว ย
มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม
ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1
คน
วัน ห นึ่ งข ณ ะที่ภ รรย าไ ม่อ ยู่บ้าน ช าย ห นุ่ ม ผู้เลี้ย งบุต รอ ยู่
บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ผู้เป็ นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้ว ๆ"
ม า ร ด า ข อ ง ภ ร ร ย า ไ ด้ ยิ น เข้ า ก็ โ ก ร ธ ม า ก ที่ บุ ต ร เข ย พู ด เท็ จ
เ มื่ อ บุ ต ร ส า ว ก ลั บ ม า ก็ บ อ ก ใ ห้ รู้ เ รื่ อ ง
ฝ่ าย ภ ร รย า ข อ งช า ย ห นุ่ ม เสี ย ใจ ม า ก ที่ ส ามี ไ ม่รัก ษ า วาจ าสัต ย์
น า ง บ อ ก ใ ห้ เ ข า อ อ ก จ า ก ห มู่ บ้ า น ไ ป เ สี ย
แล้วนางก็ จัด ห าย่ามใส่เสบีย งอาห ารและข องใช้ ที่จาเป็ น ให้สามี
พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจานวนมาก
จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล
ชายหนุ่มไม่รู้จะทาอย่างไรก็จาต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้
ระห ว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาห นักขึ้น เรื่อย ๆ
และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด
ค รั้น เดิ น ท า ง ก ลับ ไ ป ถึง ห มู่ บ้ า น เดิ ม บ ร ร ด าญ า ติ มิ ต ร ต่ า ง ก็
ซั ก ถ า ม ว่ า ห า ย ไ ป อ ยู่ ที่ ไ ห น ม า เ ป็ น เ ว ล า น า น
ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขา
ทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา
ป ร า ก ฏ ว่ า ข มิ้ น นั้ น ก ลับ ก ล า ย เป็ น ท อ ง ค า ทั้ ง แ ท่ ง
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้
ป ร า ก ฏ ว่ า ข มิ้ น เ ห ล่ า นั้ น ไ ด้ ง อ ก เป็ น ต้ น ไ ม้ ห ม ด แ ล้ ว
และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่ง
ที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก
จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตาม
เครื่องดนตรีพื้นบ้าน
สะล้อ ห รือทะล้อ เป็ นเครื่องสายบรรเลง ด้วยการสี ใช้คัน ชักอิสระ
ตัวสะล้อที่เป็น แหล่งกาเนิดเสียงทา ด้วยกะลามะพร้าว
ซึ ง เป็ น เค รื่อ งส าย ช นิ ด ห นึ่ ง ใช้ บ รร เลงด้ว ย ก ารดี ด ท า
ด้วยไม้สักหรือไม้เนื้อแข็ง
กลองเต่งถิ้ง เป็ นกลองสองหน้า ทาด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง
หรือไม้ เนื้ออ่อน
ตะหลดปด หรือมะหลดปด เป็นกลองสองหน้า ขนาดยาวประมาณ 100
เซนติเมตร
กลองตึ่งโนง เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตัวกลองจะยาว มากขนาด
3-4 เมตร
กลองสะบัดชัยโบราณ เดิมใช้ตียามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นสิริมงคล
และเป็ นขวัญกาลังใจให้แก่เหล่าทห ารหาญในการต่อ สู้ให้ได้ชัยชนะ
ซึ่งปัจจุบันพบเห็นในขบวนแห่หรืองานแสดงศิลปะพื้นบ้านในระยะหลังโดยทั่ว
ไป ลีลาในการตีมีลักษณะโลดโผนเร้าใจมีการใช้อวัยวะหรือส่วนต่าง ๆ
ข อ งร่างก าย เช่ น ศ อก เข่า ศี รษ ะ ป ระกอ บใน ก ารตี กลอ งด้ว ย
ทาให้การแสดงการตีกลองสะบัดชัยเป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้ชม
การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ
ศิลปะการแสดงกลองสะบัดชัย
ฟ้ อนเล็บ
ขบวนประกวด แม่หญิงขี่รถถีบกางจ้อง (เชียงใหม่)
ฟ้ อนเทียน
โอกาสที่แสดงนิยม โชว์ในงานพระราชพิธี หรือวันสาคัญทางศาสนา
ต้อ น รับ แ ข ก บ้าน แ ข ก เมื อ ง งาน ม งค ล แ ละ งาน รื่น เริงทั่ ว ไ ป
ในที่นี้จะแสดงตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ ได้แก่ ฟ้ อนภูไท ,
ฟ้อนเทียน, ฟ้ อนเล็บ หรือฟ้อนเมือง, ฟ้ อนดาบ, ฟ้อนเงี้ยว, ฟ้ อนลาวแพน,
ฟ้ อนรัก, ฟ้ อนด วงเดือน , ฟ้ อนด วงด อกไม้, ฟ้ อนมาลัย , ฟ้ อนไต ,
ฟ้อนโยคีถวายไฟ, ระบาชาวเขา, ราลาวกระทบไม้, รากลองสะบัดชัย
การแบ่งเขต การปกครอง
จังหวัดในภาคเหนือ กาหนดโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติเมื่อปี
พ .ศ . 2 5 2 1 แ ล ะ ป ร ะ ก า ศ ใ ช้ โ ด ย ร า ช บัณ ฑิ ต ย ส ถ า น [1 ]
เป็นการแบ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ประเพณี สังคม วัฒนธรรมและภาษา
เป็ น ก า ร แ บ่ ง ร ะ บ บ 6 ภู มิ ภ า ค ป ร ะก อ บ ไ ป ด้ ว ย 9 จัง ห วัด
ตามลักษณะภูมิภาคตามธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขา ถ้าแบ่งเป็ นระบบ 4
ภูมิภาค จะมีอีก 8 จังหวัดทางภาคกลางตอนบนเพิ่มเข้ามาเป็น 17 จังหวัด
จังหวัดในภาคเหนือที่แบ่งตามราชบัณฑิตยสถานมี 9 จังหวัด ได้แก่
ตราประ
จา
จังหวัด
ชื่อจังหวัด
อักษรไทย
ชื่อจังหวั
ด
อักษรโร
มัน
จานวนประช
ากร
(คน)
พื้นที่
(ตร.กม.
)
ความหนาแ
น่น
(คน/ตร.กม
.)
จังหวัดเชียงรา
ย
Chiang
Rai
1,198,218 11,678
.4
102.6
จังหวัดเชียงให
ม่
Chiang
Mai
1,640,479 20,107
.0
81.6
จังหวัดน่าน Nan 476,363 11,472
.1
41.5
จังหวัดพะเยา Phayao 486,304 6,335.
1
76.8
จังหวัดแพร่ Phrae 460,756 6,538.
6
70.5
จังหวัดแม่ฮ่อง
สอน
Mae
Hong
Son
242,742 12,681
.3
19.1
จังหวัดลาปาง Lampa
ng
761,949 12,534
.0
60.8
จังหวัดลาพูน Lamph
un
404,560 4,505.
9
89.8
จังหวัดอุตรดิต
ถ์
Uttarad
it
462,618 7,838.
6
59.0
น อ ก จ า ก ก า ร แ บ่ ง ต า ม ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ า น แ ล้ ว
ยังมีหน่วยงานที่เคยจัดแบ่งภูมิภาคของประเทศไทยขึ้นเพื่อกาหนดแผนบริหาร
งานด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นการแบ่งภูมิภาคอย่างไม่เป็นทางการได้แก่
ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร พั ฒ น า ก า ร เศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช า ติ
โดยกาห นดให้ภาคเห นือประกอบด้วย 17 จังหวัด[1] ประกอบด้วย 9
จังหวัดภาคเหนือข้างต้น กับอีก 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก
สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กาแพงเพชร นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี
จังห วัด ทั้ง 9 ข อ งภ าค เห นื อ ใน ก ารแ บ่งเช่ น นี้ อ าจเรีย ก ว่า
ภาคเหนือตอนบน ซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็ นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนามาก่อน
(ส าห รับ จัง ห วัด อุ ต ร ดิ ต ถ์ แ ล ะ จังห วัด ต า ก เค ย เป็ น บ าง ส่ว น )
แล ะมี ภ าษ าถิ่น เป็ น ค าเมื อ ง ส่วน 8 จังห วัด ที่ เห ลือ อาจ เรีย กว่า
ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดนครสวรรค์
อั น เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง ก า ร ค ม น า ค ม ที่ ส า คั ญ
ปัจจุบันการแบ่งแบบนี้ไม่นิยมใช้อ้างอิงในเอกสารของทางราชการและบทควา
มทางวิชาการอื่น ๆ เนื่องจากราชบัณฑิตยสถานได้กาหนดให้จังหวัดเหล่านี้
เป็นจังหวัดในเขตภาคกลาง ยกเว้นจังหวัดตากอยู่ในภาคตะวันตก
ประชากรศาสตร์
ภาษา
พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลาพูน ลาปาง
แ พ ร่ น่ า น แ ล ะ บ า ง ส่ ว น ข อ ง จั ง ห วั ด อุ ต ร ดิ ต ถ์
เ ค ย เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง อ า ณ า จั ก ร ล้ า น น า
ท า ใ ห้ เกิ ด ลัก ษ ณ ะ ข อ ง ตั ว อั ก ษ ร แ ล ะ ส า เนี ย ง เฉ พ า ะ ถิ่ น
เรียกว่าอักษรธรรมล้านนา (ตั๋วเมือง) และภาษาถิ่นพายัพ (กาเมือง)
สถิติประชากร
อันดั
บ
จังหวัด จานวน
(คน)
(31
ธันวาค
ม
2558)
จานวน
(คน)
(31
ธันวาค
ม
2557)
จานว
น
(คน)
(31
ธันวา
คม
2556
)
จานวน
(คน)
(31
ธันวาค
ม
2555)
จานวน
(คน)
(31
ธันวาค
ม
2554)
จานวน
(คน)
(31
ธันวาค
ม
2553)
1 เชียงใหม่ 1,728,
242
1,678,
284
1,666
,888
1,655,
642
1,646,
144
1,640,
479
2 เชียงราย 1,277,
950
1,207,
699
1,204
,660
1,200,
423
1,198,
656
1,198,
218
3 ลาปาง 752,3
56
753,0
13
754,8
62
756,81
1
757,53
4
761,94
9
4 พะเยา 482,6
45
484,4
54
486,7
44
488,12
0
486,47
2
486,30
4
5 น่าน 479,5
18
478,2
64
477,9
12
477,67
3
476,61
2
476,36
3
6 อุตรดิตถ์ 459,7
68
460,4
00
460,9
95
461,29
4
461,04
0
462,61
8
7 แพร่ 452,3
46
454,0
83
456,0
74
457,60
7
458,75
0
460,75
6
8 ลาพูน 406,3
85
405,4
68
405,2
68
404,67
3
403,95
2
404,56
0
9 แม่ฮ่องสอ
น
273,7
64
248,1
78
246,5
49
244,35
6
244,04
8
242,74
2
— รวม 6,312,
974
6,169,
843
6,159
,952
6,146,
599
6,133,
208
6,133,
989
การศึกษา
สถาบันอุดมศึกษาที่สาคัญในภาคเหนือ
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยพะเยา
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
เขตพื้นที่พายัพ เชียงใหม่
เขตพื้นที่เชียงราย
เขตพื้นที่ลาปาง
เขตพื้นที่น่าน
- มหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มภาคเหนือ
วิทยาเขตเชียงใหม่
วิทยาเขตเชียงราย
วิทยาเขตลาปาง
วิทยาเขตอุตรดิตถ์
- มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยเนชั่น ลาปาง
การขนส่ง
การขนส่งทางอากาศ
- ท่าอากาศยานเชียงใหม่
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- ท่าอากาศยานน่านนคร
- ท่าอากาศยานลาปาง
- ท่าอากาศยานแพร่
- ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน
- ท่าอากาศยานปาย
การขนส่งทางบก
ดูเพิ่มเติมที่: รายชื่อทางหลวงแผ่นดินในประเทศไทย/หมวด 1 และ
ทางรถไฟสายเหนือ
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข1
- ลาปาง-งาว-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข11
- อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลาปาง-ลาพูน-เชียงใหม่
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข101
- สุโขทัย-เด่นชัย-แพร่-น่าน-ด่านพรมแดน
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข103
- งาว-ร้องกวาง
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข105
สถานที่สาคัญ
ภาพพาโนรามาภูชี้ฟ้ า
อุทยานแห่งชาติ
ในภาคเหนือตอนบนเป็นดอยสูงสลับซับซ้อนหลายชั้น
มีอุทยานแห่งชาติสาคัญหลายแห่ง เช่น
จังหวัดเชียงใหม่
 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
 อุทยานแห่งชาติขุนขาน
 อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
 อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา
 อุทยานแห่งชาติผาแดง
 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
 อุทยานแห่งชาติแม่โถ
 อุทยานแห่งชาติแม่วาง
 อุทยานแห่งชาติศรีลานนา
 อุทยานแห่งชาติห้วยน้าดัง
 อุทยานแห่งชาติออบขาน
 อุทยานแห่งชาติออบหลวง
จังหวัดลาพูน
 อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
 อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
จังหวัดเชียงราย
 อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
 อุทยานแห่งชาติขุนแจ
 อุทยานแห่งชาติลาน้ากก
จังหวัดลาปาง
 อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
 อุทยานแห่งชาติดอยจง
 อุทยานแห่งชาติแม่วะ
 อุทยานแห่งชาติถ้าผาไท
จังหวัดพะเยา
 อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง
 อุทยานแห่งชาติแม่ปืม
 อุทยานแห่งชาติภูซาง
จังหวัดอุตรดิตถ์
 อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
 อุทยานแห่งชาติลาน้าน่าน
 อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่
เขื่อน
เขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่สาคัญ ได้แก่
 เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
 เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่
 เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่
 เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลาปาง
 เขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลาปาง
เทือกเขาที่สาคัญ
 ทิวเขาแดนลาว
 ทิวเขาถนนธงชัย
 ทิวเขาหลวงพระบาง
 ทิวเขาผีปันน้า
 ทิวเขาดอยมอนกุจู
 ทิวเขาดอยอินทนนท์
 ทิวเขาขุนตาน
 ทิวเขาพลึง
 ทิวเขาดอยภูสอยดาว
สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
แต่เดิมดอยอินทนนท์มีชื่อว่า “ดอยห ลวง” ห รือ “ดอยอ่างกา”
ดอยหลวง ห มายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่าดอยอ่างกานั้น
มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากด อย อินทนนท์ไปทางทิศ ตะวันต ก 3 00 เมต ร
มี ห น อ ง น้ า อ ยู่ แ ห่ ง ห นึ่ ง ลั ก ษ ณ ะ เ ห มื อ น อ่ า ง น้ า
แต่ก่อนนี้มีฝูงกาไปเล่นน้ากันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา ต่อมาจึงรวมเรียกว่า
ดอยอ่างกา
ดอยอินทนนท์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งพาดผ่านจากประเทศเนป
า ล ภู ฐ า น พ ม่ า แ ล ะ ม า สิ้ น สุ ด ที่ นี่
สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็ นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความ
สู ง 2 ,5 6 5 เม ต ร จ า ก ร ะ ดั บ น้ า ท ะ เล ป า น ก ล า ง เท่ า นั้ น
แต่สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นป่าดงดิบ ป่าสน
ป่ า เ บ ญ จ พ ร ร ณ
และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือ
บ ทั้งวัน แ ละบ างค รั้งน้ าค้างยังก ลาย เป็ น น้ า ค้างแ ข็ ง สิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
ก า ร เ ดิ น ท า ง
ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร
ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง
ถึงห ลัก กิโ ล เม ต ร ที่ 5 7 ก่อ น ถึง อ า เภ อ จ อ ม ท อ ง 1 กิโ ล เม ต ร
แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48
กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน
ร ถ ที่ น า ขึ้ น ไ ป จ ะ ต้ อ ง มี ส ภ า พ ดี
ผู้ที่ ไม่มี ร ถ ย น ต์ ส่วน ตัวส าม าร ถนั่ งรถ ส อ งแ ถ วส าย เชี ย งให ม่ -
จ อ ม ท อ ง บ ริ เ ว ณ ป ร ะ ตู เ ชี ย ง ใ ห ม่
จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารหรือที่น้าตกแม่กล
า ง
ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจาทางไปจนถึงที่ทาการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่
3 1 แ ล ะห มู่บ้า น ใ ก ล้เคี ย ง แ ต่ห าก ต้ อ งก าร จ ะไ ป ยังจุ ด ต่ าง ๆ
ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาท
ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณกิโลเ
มตรที่ 9 ของเส้นทางห มายเลข 1009 มีเจ้าหน้าที่คอยให้คาแนะนา
และมีนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ป่า และอื่น ๆ
บ ริ เ ว ณ ที่ ท า ก า ร มี สิ่ ง อ า น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก พ ร้ อ ม
สารองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. 0 2562
0760 หรือ เว็บไซต์ www.dnp.go.th อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร.
0 5335 5728, 0 5331 1608, เว็บไซต์ www.doiinthanon.com
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท
เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
เดิน ท างต าม ถน น ห้ วย แ ก้ว ผ่า น อ นุ ส าว รีย์ ค รูบ าศ รีวิชั ย
ไ ป ต า ม ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ขึ้ น เ ข า
ร ะ ห ว่ า ง ท า ง จ ะ ม อ ง เ ห็ น ตั ว เมื อ ง เ ชี ย ง ใ ห ม่ อ ยู่ เ บื้ อ ง ล่ า ง
ระยะทางจากเชิงดอยถึงวัดประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็ นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล
นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุก
คน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่
ต า ม ป ร ะ วั ติ แ ห่ ง ด อ ย สุ เ ท พ นั้ น เ ชื่ อ กั น ว่ า
เดิ ม ภู เ ข า แ ห่ ง นี้ เ ป็ น ที่ อ ยู่ ข อ ง ฤ า ษี น า ม ว่ า " สุ เ ท ว ะ "
ซึ่ ง ต ร ง กับ ค า ว่ า สุ เท พ อัน เป็ น ที่ ม า ข อ ง ชื่ อ ด อ ย สู ง แ ห่ ง นี้
โด ย วัด พ ระธ าตุ ด อย สุ เท พ นี้ สร้างขึ้น เมื่อต้นพุ ท ธ ศ ต วรรษที่ 19
ในสมัย พ ระเจ้ากือนาธ รรมิกราช เจ้าห ลวงเมืองเชี ยงใ ห ม่องค์ที่ 6
เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย
ต า ม ต า น า น เ ล่ า ว่ า
พระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงแยกพ ระบรมสารีริกธาตุไว้เป็ นสองส่วน
โ ด ย อั ญ เชิ ญ อ ง ค์ ห นึ่ ง บ ร ร จุ ไ ว้ ที่ พ ร ะ ธ า ตุ วั ด ส ว น ด อ ก
ส่ ว น อี ก อ ง ค์ ห นึ่ ง ไ ด้ อั ญ เ ชิ ญ ขึ้ น บ น ห ลั ง ช้ า ง ม ง ค ล
โดยพระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายว่าหากช้างเชือกนั้นห
ยุ ด ล ง ต ร ง ที่ ใ ด ก็ จ ะ ใ ห้ ส ร้ า ง พ ร ะ ธ า ตุ ขึ้ น ณ ที่ แ ห่ ง นั้ น
ซึ่ ง ช้ า งเชื อ ก ดังก ล่า ว ได้ ม า ห ยุ ด ลง ต ร งย อ ด ด อ ย สุ เท พ แ ห่ ง นี้
โ ด ย ท า ทั ก ษิ ณ า ว ร ร ต ส า ม ร อ บ ก่ อ น ที่ จ ะ ล้ ม ล ง ( ต า ย )
ดังนั้นพระเจ้ากือนาธรรมิกราชจึงทรงรับสั่งให้สร้างพระบรมธาตุอันเป็นที่ประ
ดิ ษ ฐ า น อ ง ค์ พ ร ะ บ ร ม ส า รี ริ ก ธ า ตุ ณ ย อ ด ด อ ย สุ เ ท พ
อ ยู่ คู่ ฟ้ า คู่ ดิ น เ ชี ย ง ใ ห ม่ ม า นั บ แ ต่ นั้ น
วัด พ ระธ าตุ ด อย สุ เท พ ตั้งอยู่ท างทิศ ต ะวันต กข อ งเมือ งเชี ย งให ม่
ผู้ที่เดินทางมาสักการะที่วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ได้อย่
างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด
หรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ระหว่างเวลา 05.30-19.30 น.
งานประเพณีเตียวขึ้นดอยเพื่อสักการะพระธาตุดอยสุเทพจัดเป็นประจาทุกปี
โ ด ย มี ขึ้ น ก่ อ น ห น้ า วั น วิ ส า ข บู ช า 1 คื น
ในงานจะมีขบวนแห่น้าสาห รับสรงพระธาตุโด ยมีพระสงฆ์ สามเณร
และพุทธศาสนิกชนจากชุมชนต่าง ๆ มาร่วมขบวนแห่ขึ้นดอยเป็นจานวนมาก
ค ว า ม เ ชื่ อ แ ล ะ วิ ธี ก า ร บู ช า
เชื่ อกันว่าห ากมาสักการะและอธิษ ฐาน ข อพ รพ ระธ าตุด อย สุเท พ
จะมีแต่ความสาเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้
ใ น ก า ร สัก ก า ร ะ พ ร ะ ธ า ตุ นั้ น ค ว ร เต รี ย ม ข้ า ว ต อ ก ด อ ก ไ ม้
ธูปเทีย นแล้วเดินเวียนข วา 3 รอบ พ ร้อมกล่าวคานมัสการพ ระธ าตุ
โ ด ย ตั้ ง จิ ต อ ธิ ษ ฐ า น ข อ ใ ห้ ส ม ห วั ง ใ น สิ่ ง ที่ ป ร า ร ถ น า
และควรไห ว้พ ระธาตุให้ค รบทั้ง 4 ทิศ ซึ่งให้อานิสงส์ที่ต่างกัน คือ
ทิ ศ เ ห นื อ ข อ ใ ห้ มี ปั ญ ญ า ดุ จ พ ร ะ จั ท ร์ เ พ็ ญ ทิ ศ ใ ต้
ข อ ใ ห้ ไ ด้ เป็ น พ ร ะ ภิ ก ษุ ส ง ฆ์ ไ ด้ บ ว ช ใ น บ ว ร พุ ท ธ ศ า ส น า
ทิ ศ ต ะ วั น อ อ ก ข อ ใ ห้ ไ ด้ ขึ้ น ส ว ร ร ค์
ทิ ศ ต ะ วั น ต ก เ ป็ น ก า ร เ ค า ร พ บู ช า สู ง สุ ด ต่ อ พ ร ะ ธ า ตุ
สิ่งที่ ไ ม่ค วร พ ล าด เมื่ อ ไ ด้ม าน มัส ก า รพ ร ะธ า ตุ ด อ ย สุ เท พ แ ล้ว
ค ว ร ม า ก ร า บ อ นุ ส า ว รี ย์ ค รู บ า ศ รี วิ ชั ย นั ก บุ ญ แ ห่ ง ล้ า น น า
ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ก า ร เ ดิ น ท า ง
จากตัวเมืองสามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยและสวนสัตว์
เ ชี ย ง ใ ห ม่
สาหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถส่วนตัวสามารถเดินทางมาที่วัดโดยรถสองแถวป
ระจาทางจากบริเวณห น้ามห าวิทยาลัย เชี ยงให ม่ด้านถนนห้วยแก้ว
ซึ่งบริการระหว่างเวลาประมาณ 05.00-17.00 น.
ดอยอ่างขาง
ตั้งอยู่ที่ตาบลอ่างขาง อาเภอฝาง ห่างจากเขตแดนไทยพม่าเพียง 5
กิโลเมตร การเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง
ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า
เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมต ร เป็ นทางลาด ย าง สูงและค ด เคี้ย ว
ต้ อ ง ใ ช้ ร ถ ส ภ า พ ดี แ ล ะ มี ก า ลั ง สู ง ค น ขั บ ช า น า ญ
หรือจะหาเช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่า
อ่ า ง ข า ง เป็ น ภ า ษ า เ ห นื อ ห ม า ย ถึ ง อ่ า ง สี่ เห ลี่ ย ม
ซึ่งได้ชื่ อมาจากลักษณ ะพื้ นที่เป็ นแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเข าสูง
อ ยู่ สู ง จ า ก ร ะ ดั บ น้ า ท ะ เ ล 1,400 เ ม ต ร
ทาให้อากาศบนดอยหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-
ม ก ร า ค ม อ า ก า ศ เย็ น จ น น้ า ค้ า ง ก ล า ย เ ป็ น น้ า ค้ า ง แ ข็ ง
นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ
ถุงเท้า เสื้อกันหนาว
สถานที่น่าสนใจบนดอยมีหลายแห่ง ได้แก่
ส ถ า นี เ ก ษ ต ร ห ล ว ง อ่ า ง ข า ง
เป็ นสถานี วิจัยแห่งแรกของโครงการห ลวง เรื่องกาเนิด ข องสถานี ฯ
แห่งนี้เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่าครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภู
มิพลอดุลยเดชเสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้และทอดพระเนตรลง
มาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็ นหมู่บ้าน จึงมีพระดารัสสั่งให้เครื่องลงจอด
เมื่ อ เส ด็ จ พ ร ะรา ช ด า เนิ น ล งม า ท อ ด พ ร ะเน ต ร เห็ น ทุ่ งด อ ก ฝิ่ น
และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละ
ถั ก เ ปี ย ย า ว แ ต่ ง ก า ย สี ด า ส ะ พ า ย ด า บ
พระองค์มีพ ระราชดารัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่ นให้เป็ นแปลงเกษตร สถานี ฯ
จึงเกิด ขึ้นเมื่อพ .ศ . 2512มีโค รงการวิจัยผ ลไม้ ไม้ด อกเมืองห นาว
ง า น ส า ธิ ต พื ช ไ ร่ พื ช น้ า มั น
โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่ นของชาวเขา
และทาการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง
พรรณไม้ที่ปลูก
- ไม้ผ ล เช่น บ๊วย ท้อ พลัม แอปเปิ ล สาลี่ พ ลับ กีวี องุ่น ราสป์ เบอร์รี
กาแฟพันธุ์อาราบิกา นัตพันธุ์ต่างๆ
- ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส เยอบีราพันธุ์ยุโรป สแตติส ยิบโซฟิลลา คาร์เนชั่น
อัลสโตรมีเรีย ลิลี ไอริส แดฟโฟดิล
- ผัก เช่น ซูกินี เบบีแครอต กระเทียมต้น หอมญี่ปุ่น ผักกาดฝรั่ง แรดิช
เฟนเนล มันฝรั่ง ถั่วแดงหลวง และถั่วพันธุ์อื่นๆ
นางพญาเสือโคร่ง
ใน พื้ น ที่ ด อ ย อ่ า งข า ง ยัง มี ก า ร ฟื้ น ฟู ส ภ า พ ป่ าโ ด ย ต ร ง
ด้ ว ย ก า ร ป ลู ก ป่ า ด้ ว ย พ ร ร ณ ไ ม้ ห ล า ย ช นิ ด
ละการทิ้งพื้ นที่แนวป่ าให้พ รณไม้เกิด และเติบโต เองโด ยธ รรมชาติ
มีทั้งพรรณไม้ท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ไม้ก่อ แอปเปิ ลป่ า นางพญาเสือโคร่ง
หรือซากุระ และพรรณไม้โตเร็วจากไต้ห วัน 5 ชนิด คือ กระถินด อย
เมเปิลหอม การบูร จันทน์ทอง และเพาโลเนีย
ที่ ส ถ า นี ฯ
ยังเป็ นแหล่งเที่ยวชมวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านชาวไทยภูเขาต่างๆ ได้แก่
เผ่ามูเซอดา ปะหล่อง และจีนฮ่อ รวมทั้งชมความงามตามธรรมชาติของผืนป่า
กิจ ก ร รม ดู น ก ซึ่ งมี น ก ทังน ก ป ร ะจ าถิ่ น แ ล ะน ก ห าย า ก ต่า งถิ่ น
พร้อมผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย งานส่งเสริมเกษตรกรจาหน่ายใต้ตราสินค้า
" ด อ ย ค า " แ ล ะ ที่ พั ก ทั้ ง ใ น รู ป แ บ บ รี ส อ ร์ ท
บ้านพักแบบกระท่อมและลานกางเต็นท์พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบริการ
ส ว น บ อ น ไ ซ อ ยู่ ใ น บ ริ เ ว ณ ส ถ า นี ฯ
เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก
ดั ด แ ต่ ง โ ด ย ใ ช้ เ ท ค นิ ค บ อ น ไ ซ ส ว ย ง า ม น่ า ช ม
แ ล ะ ใ น บ ริ เ ว ณ เ ดี ย ว กั น ยั ง มี ส ว น ส มุ น ไ พ ร
ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ห มู่ บ้ า น คุ้ ม ตั้ ง อ ยู่ ใ ก ล้ กั บ ส ถ า นี ฯ เ ป็ น ชุ ม ช น เ ล็ ก
ๆประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยให ญ่
ช า ว พ ม่ า แ ล ะ ช า ว จี น ฮ่ อ
ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
จุ ด ช ม วิ ว กิ่ ว ล ม
อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง
แ ล ะ บ้ า น มู เ ซ อ ข อ บ ด้ ง ท า ง ห นึ่ ง
ส า ม า ร ถ ช ม ท ะ เล ห ม อ ก แ ล ะ วิ ว พ ร ะ อ า ทิ ต ย์ ทั้ ง ขึ้ น แ ล ะ ต ก
มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้
วย
ห มู่ บ้ า น น อ แ ล ตั้ ง อ ยู่ บ ริ เ ว ณ ช า ย แ ด น ไ ท ย -พ ม่ า
ค น ที่ นี่ เ ป็ น ช า ว เ ข า เ ผ่ า ป ะ ห ล่ อ ง เ ชื้ อ ส า ย พ ม่ า
แ ต่ เ ดิ ม ค น ก ลุ่ ม นี้ อ ยู่ ใ น พ ม่ า แ ล ะ พึ่ ง อ พ ย พ ม า
มี ภ าษ า แ ล ะ วัฒ น ธ ร ร ม เป็ น ข อ งต น เอ ง นั บ ถื อ ศ าส น าพุ ท ธ
ทุ ก วั น พ ร ะ ผู้ ค น ที่ นี่ ห ยุ ด อ ยู่ บ้ า น ถื อ ศี ล
จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดน
ไทย-พม่า
ห มู่ บ้ า น ข อ บ ด้ ง
เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่ามูเซอดาและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี
มี วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ อ ย่ า ง เ รี ย บ ง่ า ย
หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตรและด้าน
หั ต ถ ก ร ร ม พื้ น บ้ า น ( เ ช่ น อ า บู แ ค
เป็ นกาไลถักด้วยห ญ้าไข่เห ามีสีสันและลวด ลาย ในแบบของมูเซ อ)
บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจาลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน
ค รู
และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกา
สเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านโดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็ นส่วน
ตั ว ข อ ง เ ข า ม า ก เ กิ น ไ ป
และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อยที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งเพื่อ
ช่ ว ย อ ธิ บ า ย วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง พ ว ก เ ข า ใ ห้ ผู้ ม า เ ยื อ น
ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกจิตสานึกและสร้างความรักในท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย
ห มู่ บ้ า น ห ล ว ง
ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโ
ลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้
เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่
กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง มีหลายอย่างที่สามารถทาได้เช่น
เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ขี่ล่อล่องไพร เป็นต้น
สิ่งอานวยความสะดวกสาหรับคนพิการและผู้สูงอายุ
- ทางลาด มีทางลาดหลายจุด ส่วนใหญ่มีความชัน ควรมีผู้ช่วยเหลือผู้ที่ใช้
Wheel Chair ในการขึ้นทางลาด
- ป้ าย สัญ ลักษ ณ์ มีห ลาย จุด ได้แก่ทางไปลิฟ ต์ ด้านห น้ าลิฟ ต์
และบริเวณห้องส้วม
- ห้องส้วม มีห้องส้วมเฉพาะสาหรับคนพิการแบบไม่แยกเพศจานวน 2
ชุด
- ลิฟต์ ทางพระธาตุดอยสุเทพจัดลิฟต์สาหรับคนพิการไว้ 1 ตัว
- ราวจับ มีราวจับบริเวณบันไดและทางลาดเกือบทุกจุด
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี
อ นุ ส า ว รี ย์ พ ร ะ น า ง จ า ม เ ท วี
ตั้ ง อ ยู่ ต า บ ล ใ น เ มื อ ง บ ริ เ ว ณ ส ว น ส า ธ า ร ณ ะ ห น อ ง ด อ ก
ห่ า ง จ า ก ศ า ล า ก ล า ง จั ง ห วั ด ป ร ะ ม า ณ ๑
กิโลเมตรสร้างขึ้นเพื่อเป็ นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวีซึ่งเป็ นองค์ปฐมกษัตริย์
แ ห่ ง น ค ร ห ริ ภุ ญ ไ ช ย
พระนางเป็ นปราชญ์ที่มีคุณธรรมความสามารถและกล้าหาญได้นาพุทธศาสนา
ศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้จนมีความรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุ
บั น ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม โ อ ร ส า ธิ ร า ช ส ย า ม กุ ฏ ร า ช กุ ม า ร
ได้เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ ๒ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
แม่สาย
ภาคเหนือ
ภาคเหนือ
ภาคเหนือ
ภาคเหนือ
ภาคเหนือ

More Related Content

What's hot

เทศกาลชักพระ - ลากพระ
เทศกาลชักพระ - ลากพระเทศกาลชักพระ - ลากพระ
เทศกาลชักพระ - ลากพระ
พระอภิชัช ธมฺมโชโต
 
วิเคราะห์หลักสูตรสังคม
วิเคราะห์หลักสูตรสังคมวิเคราะห์หลักสูตรสังคม
วิเคราะห์หลักสูตรสังคมkrusuparat01
 
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
KruKaiNui
 
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบ
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบ
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบpeter dontoom
 
ศิลปการพับผ้า2
ศิลปการพับผ้า2ศิลปการพับผ้า2
ศิลปการพับผ้า2Jakkrapan Jamnae
 
ใบงาน 14.1 14.3
ใบงาน 14.1 14.3ใบงาน 14.1 14.3
ใบงาน 14.1 14.3
oraneehussem
 
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงBe SK
 
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
KruKaiNui
 
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรมโครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
tassanee chaicharoen
 
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำWareerut Hunter
 
3. การผสมสี
3. การผสมสี3. การผสมสี
3. การผสมสี
Pakornkrits
 
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงิน
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงินพหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงิน
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงินDolonk
 
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์
 
กฎหมายที่ควรรู้
กฎหมายที่ควรรู้กฎหมายที่ควรรู้
กฎหมายที่ควรรู้
montira
 
การผูกผ้า
การผูกผ้าการผูกผ้า
การผูกผ้าThakorn Yimtae
 
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
Sircom Smarnbua
 
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
Servamp Ash
 
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
สุขใจ สุขกาย
 
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
Jintana Kujapan
 

What's hot (20)

เทศกาลชักพระ - ลากพระ
เทศกาลชักพระ - ลากพระเทศกาลชักพระ - ลากพระ
เทศกาลชักพระ - ลากพระ
 
วิเคราะห์หลักสูตรสังคม
วิเคราะห์หลักสูตรสังคมวิเคราะห์หลักสูตรสังคม
วิเคราะห์หลักสูตรสังคม
 
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
แผ่นพับโครงงานคณิตศาสตร์ 1
 
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบ
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบกฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบ
กฎหมายลิขสิทธิ์ไทยภาคใหม่ (กศน) จบ
 
ศิลปการพับผ้า2
ศิลปการพับผ้า2ศิลปการพับผ้า2
ศิลปการพับผ้า2
 
ใบงาน 14.1 14.3
ใบงาน 14.1 14.3ใบงาน 14.1 14.3
ใบงาน 14.1 14.3
 
มารยาทไทย
มารยาทไทยมารยาทไทย
มารยาทไทย
 
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ครอบครัวและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง
 
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
แผ่นพับ โครงงานคุณธรรม 1
 
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรมโครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
โครงงานสุขภาพส่งเสริมคุณธรรม
 
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ
2.แผนเรื่องโครงงานกระทงรักษ์น้ำ
 
3. การผสมสี
3. การผสมสี3. การผสมสี
3. การผสมสี
 
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงิน
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงินพหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงิน
พหุปัญญา แผนการจัดกาเรียนรู้ที่ 2 เงิน
 
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบงาน 2.1 ข้อมูลและสารสนเทศ
 
กฎหมายที่ควรรู้
กฎหมายที่ควรรู้กฎหมายที่ควรรู้
กฎหมายที่ควรรู้
 
การผูกผ้า
การผูกผ้าการผูกผ้า
การผูกผ้า
 
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
รายงานโครงการเครื่องจักสานงานไม้ไผ่ภูมิปัญญาไทอีสาน2558ศพว2
 
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ม.3
 
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
อจท. แผน 1 1 สุขศึกษาฯ ป.5
 
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์
 

Similar to ภาคเหนือ

งานสังคม ภาคเหนือ
งานสังคม ภาคเหนืองานสังคม ภาคเหนือ
งานสังคม ภาคเหนือtonsocial
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางorawan155
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22Nongruk Srisukha
 
ภาคใต้
ภาคใต้ภาคใต้
ภาคใต้tonsocial
 
ประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการfufee
 
ฮารีรายอ
ฮารีรายอฮารีรายอ
ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย0857226950bb
 
ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย0857226950bb
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือtonsocial
 
ภาคเหนือเจ้า3
ภาคเหนือเจ้า3ภาคเหนือเจ้า3
ภาคเหนือเจ้า3
aoysumatta
 
บทที่ 1.docx
บทที่ 1.docxบทที่ 1.docx
บทที่ 1.docx
louiskuplouiskup
 
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
kai2910
 
โครงงานคอมอาเซ ยน
โครงงานคอมอาเซ ยนโครงงานคอมอาเซ ยน
โครงงานคอมอาเซ ยนSupitcha Promsampan
 
ก่อเจดีย์ทราย
ก่อเจดีย์ทรายก่อเจดีย์ทราย
ก่อเจดีย์ทราย
ชิตชัย โพธิ์ประภา
 

Similar to ภาคเหนือ (20)

ประเพณีและวัฒนธรรม 5 ภาค สีขาว
ประเพณีและวัฒนธรรม 5 ภาค สีขาวประเพณีและวัฒนธรรม 5 ภาค สีขาว
ประเพณีและวัฒนธรรม 5 ภาค สีขาว
 
งานสังคม ภาคเหนือ
งานสังคม ภาคเหนืองานสังคม ภาคเหนือ
งานสังคม ภาคเหนือ
 
งานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลางงานคนไทยภาคกลาง
งานคนไทยภาคกลาง
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
ภูมิศาสตร์ประเทศไทย22
 
ภาคใต้
ภาคใต้ภาคใต้
ภาคใต้
 
ประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการประกาศคุณูปการ
ประกาศคุณูปการ
 
ฮารีรายอ
ฮารีรายอฮารีรายอ
ฮารีรายอ
 
ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย
 
ชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วยชาวกูย,กวย,ส่วย
ชาวกูย,กวย,ส่วย
 
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 
ภาคเหนือเจ้า3
ภาคเหนือเจ้า3ภาคเหนือเจ้า3
ภาคเหนือเจ้า3
 
บทที่ 1.docx
บทที่ 1.docxบทที่ 1.docx
บทที่ 1.docx
 
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
โครงงานระบบนิเวศน์ในประเทศสิงค์โปร์บูรณาการผ่านเว็บไซต์
 
โครงงานคอมอาเซ ยน
โครงงานคอมอาเซ ยนโครงงานคอมอาเซ ยน
โครงงานคอมอาเซ ยน
 
4
44
4
 
5
55
5
 
ก่อเจดีย์ทราย
ก่อเจดีย์ทรายก่อเจดีย์ทราย
ก่อเจดีย์ทราย
 
File
FileFile
File
 
Bioosm
BioosmBioosm
Bioosm
 

More from Chittraporn Phalao

Ex. Unit testing
Ex. Unit testingEx. Unit testing
Ex. Unit testing
Chittraporn Phalao
 
ชุมชนบ้านบุเปือย
ชุมชนบ้านบุเปือยชุมชนบ้านบุเปือย
ชุมชนบ้านบุเปือย
Chittraporn Phalao
 
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
Chittraporn Phalao
 
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
Chittraporn Phalao
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนChittraporn Phalao
 
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊ส
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊สการผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊ส
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊สChittraporn Phalao
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานChittraporn Phalao
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงาน
Chittraporn Phalao
 

More from Chittraporn Phalao (9)

Ex. Unit testing
Ex. Unit testingEx. Unit testing
Ex. Unit testing
 
ชุมชนบ้านบุเปือย
ชุมชนบ้านบุเปือยชุมชนบ้านบุเปือย
ชุมชนบ้านบุเปือย
 
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์
 
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
วิวัฒนาการ การสื่อสารของมนุษย์
 
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
 
Asean ( Combodia )
Asean ( Combodia )Asean ( Combodia )
Asean ( Combodia )
 
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊ส
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊สการผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊ส
การผลิตโซเดียมไฮดรอกไซด์และแก๊ส
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงาน
 
โครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงานโครงสร้างผังงาน
โครงสร้างผังงาน
 

Recently uploaded

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
NuttavutThongjor1
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
pakpoomounhalekjit
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
SweetdelMelon
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
CholapruekSangkamane1
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
NuttavutThongjor1
 
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
Postharvest Technology Innovation Center
 

Recently uploaded (6)

Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdfRecap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
Recap JavaScript and TypeScript.pdf Recap JavaScript and TypeScript.pdf
 
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.pptโรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
โรคทางพันธุกรรมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม.ppt
 
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
โครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิตโครงงานคณิต...
 
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกันbio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
bio62สอวน.ชีววิทยา-ชีววิทยาปี62-ข้อสอบแข่งกัน
 
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
Fullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack Nest.js and Next.js.pdfFullstack N...
 
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
กำหนดการ “การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 21”
 

ภาคเหนือ

  • 1. ภาคเหนือ ภ า ค เ ห นื อ เป็ น ภู มิ ภ า ค ที่ อ ยู่ ด้ า น บ น สุ ด ข อ ง ไ ท ย มีลัก ษ ณ ะภูมิป ระเทศ อัน ประก อบ ไป ด้ว ย เทื อก เข าสลับ ซับ ซ้ อ น ที่ต่อเนื่องมาจากทิวเข าฉานโยมาในประเทศ พ ม่า และประเทศลาว ภาคเหนือมีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาเหมือนกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเ ท ศ การที่มีระดับน้าทะเลสูงและมีเส้นละติจูดอยู่ตอนบนทาให้สภาพอากาศของภา ค เ ห นื อ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ต า ม ฤ ดู ก า ล อ ย่ า ง เห็ น ไ ด้ ชั ด เ ช่ น มี ฤ ดู ห น า ว ที่ ห น า ว เ ย็ น ก ว่ า ภู มิ ภ า ค อื่ น ๆ ทางด้านประวัติศาสตร์ของภาคเหนือมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับอาณาจั กรล้านนา ประวัติศาสตร์ บริเวณ พื้ นที่ภาค เห นื อ แต่เดิมเป็ นที่ตั้งข องอาณ าจักรล้านน า ซึ่งสถาปนาอาณาจักรขึ้นมาในปี พุ ทธศักราช 1835 โดยพญามังราย และสถาปนาเมืองห ลวงอย่างเป็ นทางการในปี พุ ทธ ศักราช 1 8 3 9 ในชื่อนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ อาณาจักรล้านนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 1835 เกิด จ าก ก ารยุ บ รว ม กัน ข อ งอ าณ า จัก รใน ช่ วงยุ ค ก่อ น ห น้ า คื อ หิรัญนครเงินยางเชียงแสน และ หริภุญชัย ภูมิศาสตร์
  • 2. แผนที่แสดงภูมิประเทศของภาคเหนือ ภูมิประเทศของภาคเหนือเต็มไปด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน แ ล ะ มี พื้ น ที่ ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ห ล า ย จุ ด เ ช่ น พื้นที่ทางด้านตะวันตกสุดของประเทศที่อาเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ทางด้านเหนื อสุดข องประเทศที่อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จุดสูงสุดของประเทศที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ภ าค เห นื อ ยังเป็ น พื้ น ที่ แ ร ก ข อ งป ร ะเท ศ ที่ แ ม่ น้ า โข งไ ห ล ผ่า น ซึ่งจุดแรกที่แม่น้าโขงไหลผ่านประเทศไทยอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคา อาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ภาคเหนือมีพื้นที่รวมทั้งหมด 93,690.85 ตร.กม คิดเป็ นสัดส่วนร้อยละ 0.06 ข อ งพื้ น ที่ บ น ผิว โล ก แ ล ะห าก เที ย บ จ าก ข น า ด พื้ น ที่ แ ล้ว ภาค เห นื อจ ะมี ข น าด พื้ น ที่ ใกล้เคี ย งกับป ระเท ศ ฮังการีม ากที่ สุ ด และมีขนาดเล็กกว่าประเทศเกาหลีใต้เล็กน้อย เขตแดนติดกับประเทศเพื่ อนบ้านและภูมิภาคอื่น ๆ ของภาคเหนื อ เ รี ย ง ต า ม เ ข็ ม น า ฬิ ก า ไ ด้ แ ก่ ทิศ ต ะวัน ต ก แ ละ ทิศ เห นื อ ติด กับ ส าธ ารณ รัฐแ ห่งส ห ภ าพ พ ม่ า ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทิศใต้ติดกับภาคกลาง (พิษณุโลก สุโขทัย) และภาคตะวันตก (ตาก) ประเพณีภาคเหนือ และวัฒนธรรมประเพณีภาคเหนือ วัฒนธรรมในท้องถิ่นของภาคเหนือ แบ่งออกได้ดังนี้
  • 3. วัฒนธรรมทางภาษาถิ่น ช าวไท ย ท างภ า ค เห นื อ มี ภ าษ าล้าน น าที่ นุ่ ม น วล ไพ เรา ะ ซึ่งมีภาษาพู ดและภาษาเขียนที่เรียกว่า "คาเมือง" ของภาคเห นือเอง โ ด ย ก า ร พู ด จ ะ มี ส า เนี ย ง ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป ต า ม พื้ น ที่ ปัจจุบันยังคงใช้พูดติดต่อสื่อสารกัน วัฒนธรรมการแต่งกาย การแต่งกายพื้นเมืองของภาคเหนือมีลักษณะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติของก ลุ่ ม ช น ค น เ มื อ ง เนื่องจากผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์ของแ ต่ละพื้นถิ่น ปัจจุบัน ชาวเชียงใหม่ได้มีการฟื้ นฟูวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นเมืองขึ้น ซึ่งมีหลายรูปแบบตามเผ่าพันธุ์ของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรล้านนาใน อ ดี ต เป็นการประยุกต์รูปแบบของเสื้อผ้าในยุคดั้งเดิมมาแต่งโดยพยายามรักษาควา ม เ ป็ น เ อ ก ลั ก ษ ณ์ ข อ ง ช า ว พื้ น เ มื อ ง เ ชี ย ง ใ ห ม่ ไ ว้ จึงได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบในรูปแบบการแต่งกายพื้นเมืองโดยคณะ อนุกรรมการวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่เมื่อปีพุทธศักราช 2534 วัฒนธรรมการกิน
  • 4. ช า ว เห นื อ มี วัฒ น ธ ร ร ม ก า ร กิ น ค ล้า ย กับ ค น อี ส า น คื อ กิน ข้าวเห นี ยวและปลาร้า ซึ่ งภาษ าเห นื อเรีย กว่า ข้าวนิ่ งและฮ้า ส่วนกรรมวิธีการปรุงอาหารของภาคเหนือจะนิยมการต้ม ปิ้ ง แกง หมก ไม่นิยมใช้น้ามัน ส่วนอาหารขึ้นชื่อเรียกว่าถ้าได้ไปเที่ยวต้องไปลิ้มลอง ได้แก่ น้าพริกหนุ่ม, น้าพริกอ่อง, น้าพริกน้าปู, ไส้อั่ว, แกงโฮะ, แกงฮังเล, แคบหมู, ผักกาดจอ ลาบหมู, ลาบเนื้อ, จิ้นส้ม (แหนม), ข้าวซอย, ขนมจีนน้าเงี้ยว เป็นต้น น อ ก จ า ก นี้ ช า ว เ ห นื อ ช อ บ กิ น ห ม า ก แ ล ะ อ ม เมี่ ย ง โด ย น าใบ เมี ย งที่ เป็ น ส่วน ใบ อ่อน ม าห มัก ให้มีรส เปรี้ย วอม ฝ าด เมื่อหมักได้ระยะเวลาที่ต้องการ จะนาใบเมี่ยงมาผสมเกลือเม็ด หรือน้าตาล แ ล้ ว แ ต่ ค ว า ม ช อ บ ซึ่ ง น อ ก จ า ก ก า ร อ ม เ มี่ ย ง แ ล้ ว
  • 5. คนล้านนาโบราณมีความนิยมสูบบุหรี่ที่มวนด้วยใบตองกล้วยมวนหนึ่งขนาดเ ท่านิ้วมือ และยาวเกือบคืบ ชาวบ้านเรียกจะเรียกบุหรี่ชนิดนี้ว่า ขี้โย หรือ บุ ห รี่ ขี้ โ ย ที่ นิ ย ม สู บ กัน ม าก อ าจ เนื่ อ ง ม าจ าก อ าก าศ ห น าวเย็ น เพื่อทาให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนา-ความเชื่อ ชาวล้านนามีความผูกพันอยู่กับการนับถือผีซึ่งเชื่อว่ามีสิ่งเร้าลับให้ความคุ้มคร องรักษาอยู่ ซึ่งสามารถพบเห็นได้จากการดาเนินชีวิตประจาวัน เช่น เมื่ อ เ ว ล า ที่ ต้ อ ง เ ข้ า ป่ า ห รื อ ต้ อ ง ค้ า ง พั ก แ ร ม อ ยู่ ใ น ป่ า จ ะ นิ ย ม บ อ ก ก ล่ า ว แ ล ะ ข อ อ นุ ญ า ต เจ้ า ที่ -เจ้ า ท า ง อ ยู่ เส ม อ และเมื่อเวลาที่กินข้าวในป่าจะแบ่งอาหารบางส่วนให้เจ้าที่อีกด้วย เช่นกัน ซึ่งเหล่านี้แสด งให้เห็นว่าวิถีชีวิตที่ยังคงผูกผันอยู่กับการนับถือผีสาง แบ่งประเภท ได้ดังนี้ - ผีบรรพบุรุษ มีหน้าที่คุ้มครองเครือญาติและครอบครัว - ผีอารักษ์ หรือผีเจ้าที่เจ้าทาง มีหน้าที่คุ้มครองบ้านเมืองและชุมชน - ผีขุนน้า มีหน้าที่ให้น้าแก่ไร่นา - ผีฝาย มีหน้าที่คุ้มครองเมืองฝาย - ผี ส บ น้ า ห รื อ ผี ป า ก น้ า มีหน้าที่คุ้มครองบริเวณที่แม่น้าสองสายมาบรรจบกัน - ผีวิญญาณประจาข้าว เรียกว่า เจ้าแม่โพส - ผีวิญญาณประจาแผ่นดิน เรียกว่า เจ้าแม่ธรณี
  • 6. ทั้งนี้ ชาวล้านนาจะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ ในช่วงระหว่างเดือน 4 เหนือเป็ ง (มกราคม) จนถึง 8 เหนือ (พฤษภาคม) เช่น ที่อาเภอเชียงคา จังห วัด พ ะเย า จะมี การเลี้ย งผี เสื้อ บ้าน เสื้อ เมือ ง ซึ่ งเป็ น ผี บรร พ บุรุษ ข องช าวไทลื้อ พ อห ลังจากนี้ อีกไม่นานก็จะมีการเลี้ย งผีลัวะ ห รือประเพ ณี บูช าเสาอินทขิล ซึ่งเป็ นประเพ ณี เก่าแก่ข องค นเมือง ไม่นับรวมถึงการ เลี้ยงผีมด ผีเม็ง และการเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะของ ชาวลั๊วะ ซึ่งจะทยอยทากันต่อจากนี้ ส่วนช่วงกลางฤดูร้อนจะมีการลงเจ้าเข้าทรงตามหมู่บ้านต่าง ๆ อาจเป็ นเพราะความเชื่อที่ว่าการลงเจ้าเป็ นการพบปะพูดคุยกับผีบรรพบุรุษ ซึ่ ง ใ น ปี ห นึ่ ง จ ะ มี ก า ร ล ง เ จ้ า ห นึ่ ง ค รั้ ง และจะถือโอกาสทาพิธีรดน้าดาหัวผีบรรพ บุรุษไปด้วย ยังมีพิธีเลี้ย ง "ผีมดผีเม็ง" ที่จัดขึ้นครั้งเดียวในหนึ่งปี โดยจะต้องหาฤกษ์ยามที่เหมาะสม ก่อนวันเข้าพรรษา จะทาพิธีอัญเชิญผีเม็งมาลง เพื่อขอใช้ช่วยปกปักษ์รักษา คุ้มครองชาวบ้านที่เจ็บป่วย และจัดหาดนตรีเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม คนล้านนามีความเชื่อในการเลี้ยงผีเป็นพิธีกรรมที่สาคัญ แ ม้ ว่ า ก า ร ด า เนิ น ชี วิต ข อ ง จ ะ ร า บ รื่ น ไ ม่ ป ร ะ ส บ ปั ญ ห า ใ ด แต่ก็ยังไม่ลืมบรรพบุรุษที่เคยช่วยเหลือให้มีชีวิตที่ปกติสุขมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ยังค งพ บเรือน เล็กๆ ห ลังเก่าตั้งอยู่กลางห มู่บ้านเสมอ ห รือเรีย กว่า "หอเจ้าที่ประจาหมู่บ้าน" เมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท ความเชื่อดังกล่าวจึงส่งผลให้ขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวเหนือ เช่น ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวเหนื อ (พ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย) เมื่อไปวัดฟัง ธรรมก็จะประกอบพิธีเลี้ยงผี คือ จัดหาอาหารคาว-หวานเซ่น สังเวยผีปู่ย่าด้วย แม้ปัจจุบันในเขตตัวเมืองของภาคเหนือจะมีการนับถือผีที่อาจเปลี่ยนแปลงและ เหลือน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านในชนบทยังคงมีการปฏิบัติกันอยู่
  • 7. ประเพณีของภาคเหนือ ประเพณี ของภาคเหนื อ เกิดจากการผสมผสานการดาเนินชีวิต แ ล ะ ศ า ส น า พุ ท ธ ค ว า ม เ ชื่ อ เ รื่ อ ง ก า ร นั บ ถื อ ผี ส่งผลทาให้มีประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของประเพณีที่จะแตกต่างกันไปตามฤดู กา ล ทั้ง นี้ ภ า ค เห นื อ จะ มี งาน ป ระเพ ณี ใน รอ บ ปี แ ท บ ทุ ก เดื อ น จึงขอยกตัวอย่างประเพณีภาคเหนือบางส่วนมานาเสนอ ดังนี้ สงกรานต์งานประเพณี ถือเป็นช่วงแรกของการเริ่มต้นปี๋ใหม่เมือง หรือสงกรานต์งานประเพณี โดยแบ่งออกเป็น - วันที่ 13 เมษาย น หรือวันสังข ารล่อง ถือเป็ นวันสิ้นสุดของปี โ ด ย จ ะ มี ก า ร ยิ ง ปื น ยิ ง ส โ พ ก แ ล ะ จุ ด ป ร ะ ทั ด ตั้ ง แ ต่ ก่ อ น ส ว่ า ง เพื่ อ ขั บ ไ ล่ สิ่ ง ไ ม่ ดี วันนี้ต้องเก็บกวาดบ้านเรือน และ ทาความสะอาดวัด - วันที่ 14 เมษายน หรือวันเนา ตอนเช้าจะมีการจัดเตรียมอาหาร แ ล ะ เค รื่ อ ง ไ ท ย ท า น ส า ห รั บ ง า น บุ ญ ใ น วัน รุ่ ง ขึ้ น ตอนบ่ายจะไปขนทรายจากแม่น้าเพื่อนาไปก่อเจดีย์ทรายในวัด เป็นการทดแทนทรายที่เหยียบติดเท้าออกจากวัดตลอดทั้งปี
  • 8. - วันที่ 15 เมษาย น ห รือวันพ ญ าวัน เป็ น วันเริ่มศักราช ให ม่ มีการทาบุญถวายขันข้าว ถวายตุง ไม้ค้าโพธิ์ที่วัดสรงน้าพระพุทธรูป พระธาตุและรดน้าดาหัวขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ - วัน ที่ 16-17 เม ษ า ย น ห รื อ วัน ป า ก ปี แ ละ วัน ป าก เดื อ น เป็ น วั น ท า พิ ธี ท า ง ไ ส ย ศ า ส ต ร์ ส ะ เด า ะ เค ร า ะ ห์ และบูช า สิ่งศักดิ์สิท ธิ์ต่า ง ๆ ทั้งนี้ ช าวล้านนา มีค วา มเชื่ อว่า การท าพิ ธี สื บ ช ะต าจะช่ วย ต่อ อายุ ให้ต น เอง ญ าติพี่ น้ อ ง แ ล ะ บ้ า น เ มื อ ง ใ ห้ ยื น ย า ว ท า ใ ห้ เกิ ด ค ว า ม เจ ริ ญ รุ่ ง เรื อ ง แ ล ะ ค ว า ม เป็ น สิ ริม ง ค ล โดยแบ่งการสืบชะตาแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คือ การสืบชะตาคน, การสืบชะตาบ้าน และการสืบชะตาเมือง แ ห่ น า ง แ ม ว ร ะ ห ว่ า ง เดื อ น พ ฤ ษ ภ า ค ม ถึ ง สิ ง ห า ค ม เป็ นช่วงของการเพาะปลูก หากปี ใดฝนแล้งไม่มีน้า จะทาให้นาข้าวเสียหาย ชาวบ้านจึงพึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ทาพิธีขอฝนโดยการแห่นางแมว โดยมีความเชื่อกันว่าหากกระทาเช่นนั้นแล้วจะช่วยให้ฝนตก
  • 9. ประเพ ณี ปอยน้อย /บวช ลูกแก้ว/แห ล่ส่างลองเป็ นประเพ ณี บวช หรือการบรรพชาของชาวเหนือ นิยมจัดภายในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม ห รื อ เม ษ า ย น ต อ น ช่ ว ง เช้ า ซึ่ ง เก็ บ เกี่ ย ว พื ช ผ ล เส ร็ จ แ ล้ ว ใ น พิ ธี บ ว ช จ ะ มี ก า ร จั ด ง า น เฉ ลิ ม ฉ ล อ ง อ ย่ า ง ยิ่ ง ใ ห ญ่ มีการแห่งลูกแก้วหรือผู้บวชที่จะแต่งตัวอย่างสวยงามเลียนแบบเจ้าชายสิทธัตถ ะ เพ ราะถื อค ตินิย มว่าเจ้าช าย สิทธัต ถะได้เสด็จออกบวช จนต รัสรู้ แ ล ะ นิ ย ม ใ ห้ ลู ก แ ก้ ว ขี่ ม้ า ขี่ ช้ า ง ห รื อ ขี่ ค อ ค น เป รี ย บ เห มื อ น ม้ า กั ณ ฐ ก ะ ม้ า ท ร ง ข อ ง เจ้ า ช า ย สิ ท ธั ต ถ ะ ปัจจุบันประเพ ณี บวชลูกแก้วที่มีชื่อเสีย ง คือ ประเพ ณี บวชลูกแก้ว ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ป ร ะ เ พ ณี ป อ ย ห ล ว ง ห รื อ ง า น บุ ญ ป อ ย ห ล ว ง เป็ น เอก ลัก ษ ณ์ ข อ งช าวล้าน น าซึ่ งเป็ น ผ ลดี ต่อ ส ภ าพ ท างสังค ม ถื อ ว่ า เ ป็ น ก า ร ใ ห้ ช า ว บ้ า น ไ ด้ ม า ท า บุ ญ ร่ ว ม กั น ร่ ว ม กั น จั ด ง า น ท า ใ ห้ เกิ ด ค ว า ม ส า มั ค คี ใ น ก า ร ท า ง า น งานทาบุญปอยหลวงยังเป็นการรวมญาติพี่น้องที่อยู่ต่างถิ่นได้มีโอกาสทาบุญร่ ว ม กั น และมีการสืบทอดประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาครั้งแต่บรรพชนไม่ให้สูญหายไป จากสังคม ช่ วงเวล าจัด งาน เริ่ม จ าก เดื อ น 5 จน ถึงเดื อ น 7 เห นื อ (ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายนหรือเดือนพฤษภาคมของทุกปี ) ระยะเวลา 3-7 วัน
  • 10. ประเพณียี่เป็ ง (วันเพ็ญเดือนยี่) หรืองานลอยกระทง โดยจะมีงาน "ตามผางผะติ้ป" (จุดประทีป) ซึ่งชาวภาคเหนือตอนล่างจะเรียกประเพณีนี้ว่า “พิธีจองเปรียง” หรือ “ลอยโขมด” เป็นงานที่ขึ้นชื่อที่จังหวัดสุโขทัย ป ร ะ เ พ ณี ล อ ย โ ค ม ช า ว ล้ า น น า จัง ห วัด เชี ย ง ใ ห ม่ ที่ มี ค ว า ม เ ชื่ อ ใ น ก า ร ป ล่ อ ย โคมลอยซึ่งทาด้วยกระดาษสาติดบนโครงไม้ไผ่แล้วจุดตะเกียงไฟตรงกลางเพื่ อให้ไอความร้อนพาโคมลอยขึ้นไปในอากาศเป็ นการปล่อยเคราะห์ปล่อยโศกแ ละเรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ ให้ไปพ้นจากตัว
  • 11. ป ร ะเพ ณี ต า น ตุ ง ในภาษาถิ่นล้านน า ตุง ห มาย ถึง "ธ ง" จุดประสงค์ของการทาตุงในล้านนาก็คือ การทาถวายเป็ นพุ ทธบูช า ช าว ล้า น น าถื อ ว่าเป็ น ก าร ท าบุ ญ อุ ทิศ ให้ แ ก่ผู้ ที่ ล่วงลับ ไ ป แ ล้ว หรือถวายเพื่อเป็ นปัจจัยส่งกุศลให้แก่ตนไปในชาติหน้า ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่ อต าย ไปแ ล้วก็จะได้เกาะยึด ช าย ตุง ขึ้น สวรรค์ พ้ น จา กขุ มน รก วันที่ถวายตุงนั้นนิยมกระทาในวันพญาวันซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรา นต์
  • 12. ป ร ะ เ พ ณี ก ร ว ย ส ล า ก ห รื อ ต า น ก๋ ว ย ส ล า ก เป็ น ประเพ ณี ข องช าวพุ ท ธ ที่ มีก ารท าบุญ ให้ท านรับ พ รจากพ ร ะ จะทาให้เกิด สิริมงคลแก่ต นและอุทิศ ส่วนกุศ ลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เ ป็ น ก า ร ร ะ ลึ ก ถึ ง บุ ญ คุ ณ ข อ ง ผู้ มี พ ร ะ คุ ณ และเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของคนในชุมชน ประเพณีขึ้นขันดอกอินทขิล บูชาเสาหลักเมืองเชียงใหม่ ป ร ะ เ พ ณี ล อ ย ก ร ะ ท ง ส า ย เพื่ อ บู ช า แ ม่ ค ง ค า ขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในน้าและอธิษฐานบูชารอยพระพุทธบาท
  • 13. ประเพณีแล้อุ๊ป๊ ะดะก่า เป็นการเตรียมอาหารเพื่อนาไปถวาย (ทาบุญ) ข้าวพระพุทธในวันพระของชาวไทยใหญ่ ประเพณีแข่งเรือยาว จังหวัดน่าน ประเพณีเวียนเทียนกลางน้า วัดติโลกอาราม จังหวัดพะเยา
  • 14. ประเพณีอู้สาว คาว่า “อู้” เป็ นภาษาไทยภาคเหนือแปลว่า “พุดกัน คุยกัน สนทนากัน สนทนากัน” ดังนั้น “อู้สาว” ก็คือ พูดกับสาว คุยกับสาว หรือแอ่วสาวการอู้สาวเป็นการพดคุยกันเป็นทานองหรือเป็นกวีโวหาร น อ ก จ า ก ง า น เ ท ศ ก า ล ป ร ะ จ า ท้ อ ง ถิ่ น แ ล้ ว ยังมีประเพณีความเชื่อดั้งเดิมของชนชาติไทยเผ่าต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ไทยยวน ไ ท ย ลื้ อ ไ ท ย ใ ห ญ่ ไ ท ย พ ว น ลัว ะ แ ล ะ พ ว ก แ ม ง ไ ด้ แ ก่ ป ร ะ เ พ ณี กิ น ว อ ข อ ง ช า ว ไ ท ย ภู เ ข า เ ผ่ า ลี ซ อ ประเพณีบุญกาฟ้าของชาวไทยพวนหรือไทยโข่ง เพลงพื้นบ้านในภาคเหนือ วัฒ น ธ ร ร ม เพ ล ง พื้ น บ้ า น ท้ อ ง ถิ่ น ใน ข อ ง ภ า ค เห นื อ เน้นความเพ ลงที่มีค วามสนุกสนาน สามารถใช้ร้องเล่นได้ทุกโอกาส ไม่จากัดฤดู ไม่จากัดเทศกาล ส่วนใหญ่นิยมใช้ร้องเพลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ และการพักผ่อนหย่อนใจ โดยลักษณะการขับร้องและท่วงทานองจะ อ่อนโยน ฟังดูเนิบนาบนุ่มนวล สอดคล้องเครื่องดนตรีหลัก ได้แก่ ปี่ ซึง สะล้อ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถจัดประเภทของเพลงพื้นบ้านของภาคเหนือได้ 4 ประเภท ดังนี้ - เพลงซอ คือการร้องเพลงร้องโต้ตอบกันระหว่างชายหญิง เพื่อเกี้ยวพาราสีกัน โดยมีการบรรเลงปี่ สะล้อและซึง เคล้าคลอไปด้วย - เพลงค่าว ซึ่งเป็นบทขับร้องที่มีทานองสูงต่า ไพเราะ - เ พ ล ง จ๊ อ ย ค ล้ า ย ก า ร ขั บ ล า น า โ ด ย มี ผู้ ร้ อ ง ห ล า ย ค น เป็ นการนาบทประพันธ์ของภาคเหนือ นามาขับร้องเป็ นทานองสั้น ๆ โดยเนื้อหาเป็นการระบายความในใจ แสดงอารมณ์ความรัก ความเงียบเหงา ทั้งนี้ มีผู้ขับร้องเพี ยงคน เดีย ว โดย จะใช้ด นตรีบรรเลงห รือไม่ก็ได้
  • 15. ยกตัวอย่างเช่น จ๊อยให้กับคนรักรู้คนในใจ จ๊อยประชันกันระหว่างเพื่อนฝูง และจ๊อยเพื่ออวยพรในโอกาสต่าง ๆ หรือจ๊อยอาลา - เพลงเด็ก มีลักษณะคล้ายกับเพลงเด็กของภาคอื่น ๆ คือ เพลงกล่อมเด็ก เพ ลงปลอบเด็ก และเพ ลงที่เด็กใช้ร้องเล่นกันได้แก่ เพ ลงกล่อมลูก หรือเพ ลงฮื่อลูก และเพ ลงสิกจุ่ง-จา (สิก จุ่ง-จา ห มายถึง เล่นชิงช้า) ซึ่งการสิกจุ่งจาเป็ นการละเล่น ข องภาค เห นื อ จะผู้เล่น มีกี่ค น ก็ได้ โด ย ชิงช้าทาด้วย เชื อกเส้น เดี ย วสอด เข้าไปในรูกระบอ กไม้ซ าง แล้วผูกปลายเชือกทั้งสองไว้กับต้นไม้หรือใต้ถุนบ้าน ส่ ว น วิ ธี เ ล่ น คื อ แ ก ว่ ง ชิ ง ช้ า ไ ป ม า ใ ห้ สู ง ม า ก ๆ บทร้องประกอบผู้เล่นจะร้องตามจังหวะที่ชิงช้าแกว่งไกวไปมา ดังนี้ "สิกจุ่งจา อีหล้าจุ่งจ๊อย ขึ้นดอยน้อย ขึ้นดอยหลวง เก็บผักขี้ขวง ใส่ซ้าทังลุ่ม เก็บฝักกุ่ม ใส่ซ้าทั้งสน เจ้านายตน มาปะคนหนึ่ง ตีตึ่งตึง หื้ออย่าสาวฟังควักขี้ดัง หื้ออย่าสาวจูบ แปงตูบน้อย หื้ออย่าสาวนอน ขี้ผองขอน หื้ออย่าสาวไหว้ ร้อยดอกไม้ หื้ออย่าสาวเหน็บ จักเข็บขบหู ปูหนีบข้าง ช้างไล่แทง แมงแกงขบเขี้ยว เงี้ยวไล่แทง ตกขุมแมงดิน ตีฆ้องโม่ง ๆ " นิทานพื้นบ้าน นิทาน เรื่อง ลานนางคอย
  • 16. นิทานของภาค ข องแต่ละภาค มักเต็มไปด้วย สาระ คติสอนใจ พ ร้ อ ม ค ว า ม ส นุ ก ส น า น เ พ ลิ ด เ พ ลิ น อา จมี ค วาม แ ต ก ต่างกัน ไป ต าม แ ต่ลัก ษ ณ ะส าคัญ ข อง ภู มิภ า ค ส่วนนิทานพื้ นบ้านจากภาคเห นื อมักเป็ นตานานของสถานที่ต่าง ๆ หรือความเป็ นมาและสาเหตุของสถานที่เหล่านั้นเล่าสืบต่อกันมาช้านาน เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน และได้สาระที่เป็ นคติสอนใจ อาทิ ค ว า ม ดี ค ว า ม ก ตั ญ ญู ค ว า ม ซื่ อ สั ต ย์ รวมถึงยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นภาคเหนือ อีกด้วย ยกตัวอย่างนิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ได้แก่ เรื่อง ลานนางคอย จังหวัดแพร่ ถ้ า ผ า น า ง เ ป็ น ถ้ า ส ว ย ง า ม อ ยู่ ใ น จั ง ห วั ด แ พ ร่ ป า ก ถ้ า อ ยู่ ภู เ ข า สู ง จ า ก พื้ น ดิ น ป ร ะ ม า ณ 50 เ ม ต ร มีบัน ได ไต่เลีย บเลี้ย ววกขึ้น ไปจน สุ ด ท าง บัน ได เป็ น ดินแ ละหิน มีลาน กว้างเป็ น ที่นั่ งพัก ก่อน จะเข้าสู่ถ้าด้าน ข วามื อเป็ น ซ อกเข า มีทางขึ้นไปไม่สูง ข้างบนมีลานหินเล็ก ๆ ซึ่งเป็นที่นั่ง เรียกกันว่า ลานนางคอย เ รื่ อ ง ถ้ า ผ า น า ง แ ล ะ ล า น น า ง ค อ ย มี อ ยู่ ว่ า ค รั้ น อ า ณ า จั ก ร แ ส น ห วี ยั ง เ จ ริ ญ รุ่ ง เ รื อ ง
  • 17. เจ้าผู้ค รองนค รมีราช ธิดาผู้สิริโฉมงดงามมาก นามว่านางอรัญญ นี วันหนึ่งนางเสด็จประพาสโดยเรือพระที่นั่งเกิดมีพายุใหญ่พัดกระหน่ามา ท า ใ ห้ เรื อ พ ร ะ ที่ นั่ ง พ ลิ ก ค ว่า น า ง อ รัญ ญ นี พ ลัด ต ก ล ง ใ น น้ า ฝี พ าย หนุ่มคนห นึ่งได้กระโด ลงไปช่วย ชีวิตนางไว้ได้ ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองคนก็ได้ลอบติดต่อรักใคร่กันโดยปิดบังไม่ให้พระราชบิดาของนางล่วงรู้ จนนา งอรัญ ญนี ตั้งค รรภ์ขึ้น พ ระราช บิด าข องนางกริ้วมา ก สั่งให้โบยนางและกักขังไว้ แต่คนรักของนางก็ได้ลอบเข้าไปหาถึงในที่คุมขัง แ ล ะ พ า น า ง ห ล บ ห นี ไ ป เมื่ อเจ้าค รอ งน ค รท รงท ราบ ก็สั่งให้ท ห ารออกติด ต าม ค น ทั้งสอ ง ท ห า ร ขี่ ม้ า ทั น ทั้ ง ส อ ง ค น ที่ ซ อ ก เ ข า แ ห่ ง ห นึ่ ง แ ล ะ ยิ ง ธ นู ไ ป ห ม า ย จ ะ เ อ า ชี วิ ต ช า ย ห นุ่ ม แ ต่ ธ นู พ ล า ด ไ ป ถู ก น า ง อ รั ญ ญ นี ไ ด้ รั บ บ า ด เ จ็ บ ส า หั ส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้า น า ง อ รั ญ ญ นี รู้ ตั ว ว่ า ค ง ไ ม่ ร อ ด ชี วิ ต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้าแห่งนี้ตลอดไป ช า ย ห นุ่ ม จึ ง จ า ใ จ ต้ อ ง จ า ก ไ ป ต า ม ค า ข อ ร้ อ ง ข อ ง น า ง ส่ว น น า งอ รัญ ญ นี ก็ นั่ งม อ ง ดู ส า มี ค ว บ ม้ า ห นี ห่ า งไ ป จ น ลับ ต า และสิ้นใจตายอยู่ในถ้าแห่งนั้น ลานที่นางนั่งดูสามีค วบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลานนางคอย ส่วนถ้าแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้าผานาง เรื่อง เมืองลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
  • 18. เมื องลับแ ลเป็ น อาเภ อเล็ก ๆ แห่งห นึ่ งในจังห วัด อุต รดิต ถ์ แต่เดิมคงเป็ นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคด เคี้ย ว ทาให้คนที่ไม่ชานาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล มี ต า น า น เล่า ว่า ค รั้ ง ห นึ่ ง มี ช า ย ค น ห นึ่ ง เข้ า ไ ป ใ น ป่ า ได้ เห็ น ห ญิ งส าว ส วย ห ล าย ค น เดิ น อ อ ก ม า ค รั้น ม า ถึงช าย ป่ า น า ง เห ล่ า นั้ น ก็ เอ า ใ บ ไ ม้ ที่ ถื อ ม า ไ ป ซ่ อ น ไ ว้ ใ น ที่ ต่ า ง ๆ แ ล้ ว ก็ เ ข้ า ไ ป ใ น เ มื อ ง ด้ ว ย ค ว า ม ส ง สั ย ชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีห ญิงสาวค น ห นึ่งห าใบ ไม้ไม่พ บ เพ ราะช าย ห นุ่ มแ อบห ยิบ ม า นางวิตกเดือดร้อนมาก ช า ย ห นุ่ ม จึ ง ป ร า ก ฏ ตั ว ใ ห้ เ ห็ น แ ล ะ คื น ใ บ ไ ม้ ใ ห้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลั บ แ ล ห ญิ ง ส า ว ก็ ยิ น ย อ ม นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง น าง อ ธิ บ าย ว่า ค น ใ น ห มู่บ้ าน นี้ ล้ว น มี ศี ล ธ รร ม ถื อ ว าจ าสัต ย์ ใ ค ร ป ร ะ พ ฤ ติ ผิ ด ก็ ต้ อ ง อ อ ก จ า ก ห มู่ บ้ า น ไ ป
  • 19. ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แ ล้ ว น า ง ก็ พ า ช า ย ห นุ่ ม ไ ป พ บ ม า ร ด า ข อ ง น า ง ช า ย ห นุ่ ม เกิ ด ค ว า ม รัก ใ ค ร่ ใ น ตั ว น า ง จึ ง ข อ อ า ศั ย อ ยู่ ด้ ว ย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วัน ห นึ่ งข ณ ะที่ภ รรย าไ ม่อ ยู่บ้าน ช าย ห นุ่ ม ผู้เลี้ย งบุต รอ ยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ผู้เป็ นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้ว ๆ" ม า ร ด า ข อ ง ภ ร ร ย า ไ ด้ ยิ น เข้ า ก็ โ ก ร ธ ม า ก ที่ บุ ต ร เข ย พู ด เท็ จ เ มื่ อ บุ ต ร ส า ว ก ลั บ ม า ก็ บ อ ก ใ ห้ รู้ เ รื่ อ ง ฝ่ าย ภ ร รย า ข อ งช า ย ห นุ่ ม เสี ย ใจ ม า ก ที่ ส ามี ไ ม่รัก ษ า วาจ าสัต ย์ น า ง บ อ ก ใ ห้ เ ข า อ อ ก จ า ก ห มู่ บ้ า น ไ ป เ สี ย แล้วนางก็ จัด ห าย่ามใส่เสบีย งอาห ารและข องใช้ ที่จาเป็ น ให้สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจานวนมาก จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทาอย่างไรก็จาต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระห ว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาห นักขึ้น เรื่อย ๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ค รั้น เดิ น ท า ง ก ลับ ไ ป ถึง ห มู่ บ้ า น เดิ ม บ ร ร ด าญ า ติ มิ ต ร ต่ า ง ก็ ซั ก ถ า ม ว่ า ห า ย ไ ป อ ยู่ ที่ ไ ห น ม า เ ป็ น เ ว ล า น า น ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขา ทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ป ร า ก ฏ ว่ า ข มิ้ น นั้ น ก ลับ ก ล า ย เป็ น ท อ ง ค า ทั้ ง แ ท่ ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ป ร า ก ฏ ว่ า ข มิ้ น เ ห ล่ า นั้ น ไ ด้ ง อ ก เป็ น ต้ น ไ ม้ ห ม ด แ ล้ ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่ง ที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตาม เครื่องดนตรีพื้นบ้าน
  • 20. สะล้อ ห รือทะล้อ เป็ นเครื่องสายบรรเลง ด้วยการสี ใช้คัน ชักอิสระ ตัวสะล้อที่เป็น แหล่งกาเนิดเสียงทา ด้วยกะลามะพร้าว ซึ ง เป็ น เค รื่อ งส าย ช นิ ด ห นึ่ ง ใช้ บ รร เลงด้ว ย ก ารดี ด ท า ด้วยไม้สักหรือไม้เนื้อแข็ง
  • 21. กลองเต่งถิ้ง เป็ นกลองสองหน้า ทาด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง หรือไม้ เนื้ออ่อน ตะหลดปด หรือมะหลดปด เป็นกลองสองหน้า ขนาดยาวประมาณ 100 เซนติเมตร กลองตึ่งโนง เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตัวกลองจะยาว มากขนาด 3-4 เมตร
  • 22. กลองสะบัดชัยโบราณ เดิมใช้ตียามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นสิริมงคล และเป็ นขวัญกาลังใจให้แก่เหล่าทห ารหาญในการต่อ สู้ให้ได้ชัยชนะ ซึ่งปัจจุบันพบเห็นในขบวนแห่หรืองานแสดงศิลปะพื้นบ้านในระยะหลังโดยทั่ว ไป ลีลาในการตีมีลักษณะโลดโผนเร้าใจมีการใช้อวัยวะหรือส่วนต่าง ๆ ข อ งร่างก าย เช่ น ศ อก เข่า ศี รษ ะ ป ระกอ บใน ก ารตี กลอ งด้ว ย ทาให้การแสดงการตีกลองสะบัดชัยเป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้ชม การแสดงพื้นเมืองภาคเหนือ
  • 24. ขบวนประกวด แม่หญิงขี่รถถีบกางจ้อง (เชียงใหม่) ฟ้ อนเทียน โอกาสที่แสดงนิยม โชว์ในงานพระราชพิธี หรือวันสาคัญทางศาสนา ต้อ น รับ แ ข ก บ้าน แ ข ก เมื อ ง งาน ม งค ล แ ละ งาน รื่น เริงทั่ ว ไ ป ในที่นี้จะแสดงตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ ได้แก่ ฟ้ อนภูไท , ฟ้อนเทียน, ฟ้ อนเล็บ หรือฟ้อนเมือง, ฟ้ อนดาบ, ฟ้อนเงี้ยว, ฟ้ อนลาวแพน, ฟ้ อนรัก, ฟ้ อนด วงเดือน , ฟ้ อนด วงด อกไม้, ฟ้ อนมาลัย , ฟ้ อนไต , ฟ้อนโยคีถวายไฟ, ระบาชาวเขา, ราลาวกระทบไม้, รากลองสะบัดชัย
  • 25. การแบ่งเขต การปกครอง จังหวัดในภาคเหนือ กาหนดโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติเมื่อปี พ .ศ . 2 5 2 1 แ ล ะ ป ร ะ ก า ศ ใ ช้ โ ด ย ร า ช บัณ ฑิ ต ย ส ถ า น [1 ] เป็นการแบ่งตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ประเพณี สังคม วัฒนธรรมและภาษา เป็ น ก า ร แ บ่ ง ร ะ บ บ 6 ภู มิ ภ า ค ป ร ะก อ บ ไ ป ด้ ว ย 9 จัง ห วัด ตามลักษณะภูมิภาคตามธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขา ถ้าแบ่งเป็ นระบบ 4 ภูมิภาค จะมีอีก 8 จังหวัดทางภาคกลางตอนบนเพิ่มเข้ามาเป็น 17 จังหวัด จังหวัดในภาคเหนือที่แบ่งตามราชบัณฑิตยสถานมี 9 จังหวัด ได้แก่ ตราประ จา จังหวัด ชื่อจังหวัด อักษรไทย ชื่อจังหวั ด อักษรโร มัน จานวนประช ากร (คน) พื้นที่ (ตร.กม. ) ความหนาแ น่น (คน/ตร.กม .) จังหวัดเชียงรา ย Chiang Rai 1,198,218 11,678 .4 102.6 จังหวัดเชียงให ม่ Chiang Mai 1,640,479 20,107 .0 81.6 จังหวัดน่าน Nan 476,363 11,472 .1 41.5 จังหวัดพะเยา Phayao 486,304 6,335. 1 76.8 จังหวัดแพร่ Phrae 460,756 6,538. 6 70.5 จังหวัดแม่ฮ่อง สอน Mae Hong Son 242,742 12,681 .3 19.1
  • 26. จังหวัดลาปาง Lampa ng 761,949 12,534 .0 60.8 จังหวัดลาพูน Lamph un 404,560 4,505. 9 89.8 จังหวัดอุตรดิต ถ์ Uttarad it 462,618 7,838. 6 59.0 น อ ก จ า ก ก า ร แ บ่ ง ต า ม ร า ช บั ณ ฑิ ต ย ส ถ า น แ ล้ ว ยังมีหน่วยงานที่เคยจัดแบ่งภูมิภาคของประเทศไทยขึ้นเพื่อกาหนดแผนบริหาร งานด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นการแบ่งภูมิภาคอย่างไม่เป็นทางการได้แก่ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร พั ฒ น า ก า ร เศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช า ติ โดยกาห นดให้ภาคเห นือประกอบด้วย 17 จังหวัด[1] ประกอบด้วย 9 จังหวัดภาคเหนือข้างต้น กับอีก 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กาแพงเพชร นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี จังห วัด ทั้ง 9 ข อ งภ าค เห นื อ ใน ก ารแ บ่งเช่ น นี้ อ าจเรีย ก ว่า ภาคเหนือตอนบน ซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็ นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนามาก่อน (ส าห รับ จัง ห วัด อุ ต ร ดิ ต ถ์ แ ล ะ จังห วัด ต า ก เค ย เป็ น บ าง ส่ว น ) แล ะมี ภ าษ าถิ่น เป็ น ค าเมื อ ง ส่วน 8 จังห วัด ที่ เห ลือ อาจ เรีย กว่า ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดนครสวรรค์ อั น เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง ก า ร ค ม น า ค ม ที่ ส า คั ญ ปัจจุบันการแบ่งแบบนี้ไม่นิยมใช้อ้างอิงในเอกสารของทางราชการและบทควา มทางวิชาการอื่น ๆ เนื่องจากราชบัณฑิตยสถานได้กาหนดให้จังหวัดเหล่านี้ เป็นจังหวัดในเขตภาคกลาง ยกเว้นจังหวัดตากอยู่ในภาคตะวันตก ประชากรศาสตร์ ภาษา พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลาพูน ลาปาง แ พ ร่ น่ า น แ ล ะ บ า ง ส่ ว น ข อ ง จั ง ห วั ด อุ ต ร ดิ ต ถ์ เ ค ย เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง อ า ณ า จั ก ร ล้ า น น า
  • 27. ท า ใ ห้ เกิ ด ลัก ษ ณ ะ ข อ ง ตั ว อั ก ษ ร แ ล ะ ส า เนี ย ง เฉ พ า ะ ถิ่ น เรียกว่าอักษรธรรมล้านนา (ตั๋วเมือง) และภาษาถิ่นพายัพ (กาเมือง) สถิติประชากร อันดั บ จังหวัด จานวน (คน) (31 ธันวาค ม 2558) จานวน (คน) (31 ธันวาค ม 2557) จานว น (คน) (31 ธันวา คม 2556 ) จานวน (คน) (31 ธันวาค ม 2555) จานวน (คน) (31 ธันวาค ม 2554) จานวน (คน) (31 ธันวาค ม 2553) 1 เชียงใหม่ 1,728, 242 1,678, 284 1,666 ,888 1,655, 642 1,646, 144 1,640, 479 2 เชียงราย 1,277, 950 1,207, 699 1,204 ,660 1,200, 423 1,198, 656 1,198, 218 3 ลาปาง 752,3 56 753,0 13 754,8 62 756,81 1 757,53 4 761,94 9 4 พะเยา 482,6 45 484,4 54 486,7 44 488,12 0 486,47 2 486,30 4 5 น่าน 479,5 18 478,2 64 477,9 12 477,67 3 476,61 2 476,36 3 6 อุตรดิตถ์ 459,7 68 460,4 00 460,9 95 461,29 4 461,04 0 462,61 8 7 แพร่ 452,3 46 454,0 83 456,0 74 457,60 7 458,75 0 460,75 6
  • 28. 8 ลาพูน 406,3 85 405,4 68 405,2 68 404,67 3 403,95 2 404,56 0 9 แม่ฮ่องสอ น 273,7 64 248,1 78 246,5 49 244,35 6 244,04 8 242,74 2 — รวม 6,312, 974 6,169, 843 6,159 ,952 6,146, 599 6,133, 208 6,133, 989 การศึกษา สถาบันอุดมศึกษาที่สาคัญในภาคเหนือ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - มหาวิทยาลัยพะเยา - มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง - มหาวิทยาลัยแม่โจ้ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่พายัพ เชียงใหม่ เขตพื้นที่เชียงราย เขตพื้นที่ลาปาง เขตพื้นที่น่าน - มหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มภาคเหนือ วิทยาเขตเชียงใหม่ วิทยาเขตเชียงราย วิทยาเขตลาปาง วิทยาเขตอุตรดิตถ์ - มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่
  • 29. - มหาวิทยาลัยเนชั่น ลาปาง การขนส่ง การขนส่งทางอากาศ - ท่าอากาศยานเชียงใหม่ - ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย - ท่าอากาศยานน่านนคร - ท่าอากาศยานลาปาง - ท่าอากาศยานแพร่ - ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน - ท่าอากาศยานปาย การขนส่งทางบก ดูเพิ่มเติมที่: รายชื่อทางหลวงแผ่นดินในประเทศไทย/หมวด 1 และ ทางรถไฟสายเหนือ - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข1 - ลาปาง-งาว-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข11 - อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลาปาง-ลาพูน-เชียงใหม่ - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข101 - สุโขทัย-เด่นชัย-แพร่-น่าน-ด่านพรมแดน - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข103 - งาว-ร้องกวาง - ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข105 สถานที่สาคัญ ภาพพาโนรามาภูชี้ฟ้ า
  • 30. อุทยานแห่งชาติ ในภาคเหนือตอนบนเป็นดอยสูงสลับซับซ้อนหลายชั้น มีอุทยานแห่งชาติสาคัญหลายแห่ง เช่น จังหวัดเชียงใหม่  อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย  อุทยานแห่งชาติขุนขาน  อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก  อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา  อุทยานแห่งชาติผาแดง  อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้  อุทยานแห่งชาติแม่โถ  อุทยานแห่งชาติแม่วาง  อุทยานแห่งชาติศรีลานนา  อุทยานแห่งชาติห้วยน้าดัง  อุทยานแห่งชาติออบขาน  อุทยานแห่งชาติออบหลวง จังหวัดลาพูน  อุทยานแห่งชาติแม่ปิง  อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จังหวัดเชียงราย  อุทยานแห่งชาติดอยหลวง  อุทยานแห่งชาติขุนแจ  อุทยานแห่งชาติลาน้ากก จังหวัดลาปาง  อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน  อุทยานแห่งชาติดอยจง  อุทยานแห่งชาติแม่วะ  อุทยานแห่งชาติถ้าผาไท จังหวัดพะเยา  อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง  อุทยานแห่งชาติแม่ปืม  อุทยานแห่งชาติภูซาง จังหวัดอุตรดิตถ์  อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว  อุทยานแห่งชาติลาน้าน่าน  อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ เขื่อน เขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่สาคัญ ได้แก่  เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์  เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่  เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่  เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลาปาง  เขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลาปาง เทือกเขาที่สาคัญ  ทิวเขาแดนลาว
  • 31.  ทิวเขาถนนธงชัย  ทิวเขาหลวงพระบาง  ทิวเขาผีปันน้า  ทิวเขาดอยมอนกุจู  ทิวเขาดอยอินทนนท์  ทิวเขาขุนตาน  ทิวเขาพลึง  ทิวเขาดอยภูสอยดาว สถานที่ท่องเที่ยวในภาคเหนือ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ แต่เดิมดอยอินทนนท์มีชื่อว่า “ดอยห ลวง” ห รือ “ดอยอ่างกา” ดอยหลวง ห มายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่าดอยอ่างกานั้น มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากด อย อินทนนท์ไปทางทิศ ตะวันต ก 3 00 เมต ร มี ห น อ ง น้ า อ ยู่ แ ห่ ง ห นึ่ ง ลั ก ษ ณ ะ เ ห มื อ น อ่ า ง น้ า แต่ก่อนนี้มีฝูงกาไปเล่นน้ากันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา ต่อมาจึงรวมเรียกว่า ดอยอ่างกา ดอยอินทนนท์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งพาดผ่านจากประเทศเนป า ล ภู ฐ า น พ ม่ า แ ล ะ ม า สิ้ น สุ ด ที่ นี่ สิ่งที่น่าสนใจของดอยนี้ไม่เพียงแต่เป็ นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความ สู ง 2 ,5 6 5 เม ต ร จ า ก ร ะ ดั บ น้ า ท ะ เล ป า น ก ล า ง เท่ า นั้ น แต่สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นป่าดงดิบ ป่าสน ป่ า เ บ ญ จ พ ร ร ณ
  • 32. และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมเกือ บ ทั้งวัน แ ละบ างค รั้งน้ าค้างยังก ลาย เป็ น น้ า ค้างแ ข็ ง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ก า ร เ ดิ น ท า ง ระยะทางจากตัวเมืองขึ้นไปจนถึงยอดดอยอินทนนท์ประมาณ 106 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง ถึงห ลัก กิโ ล เม ต ร ที่ 5 7 ก่อ น ถึง อ า เภ อ จ อ ม ท อ ง 1 กิโ ล เม ต ร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 48 กิโลเมตรถึงยอดดอยอินทนนท์ เป็นถนนลาดยางอย่างดีแต่ทางค่อนข้างสูงชัน ร ถ ที่ น า ขึ้ น ไ ป จ ะ ต้ อ ง มี ส ภ า พ ดี ผู้ที่ ไม่มี ร ถ ย น ต์ ส่วน ตัวส าม าร ถนั่ งรถ ส อ งแ ถ วส าย เชี ย งให ม่ - จ อ ม ท อ ง บ ริ เ ว ณ ป ร ะ ตู เ ชี ย ง ใ ห ม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารหรือที่น้าตกแม่กล า ง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจาทางไปจนถึงที่ทาการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 3 1 แ ล ะห มู่บ้า น ใ ก ล้เคี ย ง แ ต่ห าก ต้ อ งก าร จ ะไ ป ยังจุ ด ต่ าง ๆ ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาท ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่บริเวณกิโลเ มตรที่ 9 ของเส้นทางห มายเลข 1009 มีเจ้าหน้าที่คอยให้คาแนะนา และมีนิทรรศการเกี่ยวกับธรรมชาติ สัตว์ป่า และอื่น ๆ บ ริ เ ว ณ ที่ ท า ก า ร มี สิ่ ง อ า น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก พ ร้ อ ม สารองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โทร. 0 2562 0760 หรือ เว็บไซต์ www.dnp.go.th อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0 5335 5728, 0 5331 1608, เว็บไซต์ www.doiinthanon.com ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
  • 33. เดิน ท างต าม ถน น ห้ วย แ ก้ว ผ่า น อ นุ ส าว รีย์ ค รูบ าศ รีวิชั ย ไ ป ต า ม ท า ง ค ด เ คี้ ย ว ขึ้ น เ ข า ร ะ ห ว่ า ง ท า ง จ ะ ม อ ง เ ห็ น ตั ว เมื อ ง เ ชี ย ง ใ ห ม่ อ ยู่ เ บื้ อ ง ล่ า ง ระยะทางจากเชิงดอยถึงวัดประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็ นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้จะต้องขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุกันทุก คน ถ้าหากใครไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือเสมือนว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่ ต า ม ป ร ะ วั ติ แ ห่ ง ด อ ย สุ เ ท พ นั้ น เ ชื่ อ กั น ว่ า เดิ ม ภู เ ข า แ ห่ ง นี้ เ ป็ น ที่ อ ยู่ ข อ ง ฤ า ษี น า ม ว่ า " สุ เ ท ว ะ " ซึ่ ง ต ร ง กับ ค า ว่ า สุ เท พ อัน เป็ น ที่ ม า ข อ ง ชื่ อ ด อ ย สู ง แ ห่ ง นี้ โด ย วัด พ ระธ าตุ ด อย สุ เท พ นี้ สร้างขึ้น เมื่อต้นพุ ท ธ ศ ต วรรษที่ 19 ในสมัย พ ระเจ้ากือนาธ รรมิกราช เจ้าห ลวงเมืองเชี ยงใ ห ม่องค์ที่ 6 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้ทรงอัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ต า ม ต า น า น เ ล่ า ว่ า พระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงแยกพ ระบรมสารีริกธาตุไว้เป็ นสองส่วน โ ด ย อั ญ เชิ ญ อ ง ค์ ห นึ่ ง บ ร ร จุ ไ ว้ ที่ พ ร ะ ธ า ตุ วั ด ส ว น ด อ ก ส่ ว น อี ก อ ง ค์ ห นึ่ ง ไ ด้ อั ญ เ ชิ ญ ขึ้ น บ น ห ลั ง ช้ า ง ม ง ค ล โดยพระเจ้ากือนาธรรมิกราชทรงตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทายว่าหากช้างเชือกนั้นห ยุ ด ล ง ต ร ง ที่ ใ ด ก็ จ ะ ใ ห้ ส ร้ า ง พ ร ะ ธ า ตุ ขึ้ น ณ ที่ แ ห่ ง นั้ น ซึ่ ง ช้ า งเชื อ ก ดังก ล่า ว ได้ ม า ห ยุ ด ลง ต ร งย อ ด ด อ ย สุ เท พ แ ห่ ง นี้ โ ด ย ท า ทั ก ษิ ณ า ว ร ร ต ส า ม ร อ บ ก่ อ น ที่ จ ะ ล้ ม ล ง ( ต า ย ) ดังนั้นพระเจ้ากือนาธรรมิกราชจึงทรงรับสั่งให้สร้างพระบรมธาตุอันเป็นที่ประ ดิ ษ ฐ า น อ ง ค์ พ ร ะ บ ร ม ส า รี ริ ก ธ า ตุ ณ ย อ ด ด อ ย สุ เ ท พ
  • 34. อ ยู่ คู่ ฟ้ า คู่ ดิ น เ ชี ย ง ใ ห ม่ ม า นั บ แ ต่ นั้ น วัด พ ระธ าตุ ด อย สุ เท พ ตั้งอยู่ท างทิศ ต ะวันต กข อ งเมือ งเชี ย งให ม่ ผู้ที่เดินทางมาสักการะที่วัดแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ได้อย่ างชัดเจน นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดนาคไป 300 ขั้น เพื่อไปยังวัด หรือใช้บริการรถกระเช้าขึ้น-ลงดอยสุเทพได้ ระหว่างเวลา 05.30-19.30 น. งานประเพณีเตียวขึ้นดอยเพื่อสักการะพระธาตุดอยสุเทพจัดเป็นประจาทุกปี โ ด ย มี ขึ้ น ก่ อ น ห น้ า วั น วิ ส า ข บู ช า 1 คื น ในงานจะมีขบวนแห่น้าสาห รับสรงพระธาตุโด ยมีพระสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนจากชุมชนต่าง ๆ มาร่วมขบวนแห่ขึ้นดอยเป็นจานวนมาก ค ว า ม เ ชื่ อ แ ล ะ วิ ธี ก า ร บู ช า เชื่ อกันว่าห ากมาสักการะและอธิษ ฐาน ข อพ รพ ระธ าตุด อย สุเท พ จะมีแต่ความสาเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้ ใ น ก า ร สัก ก า ร ะ พ ร ะ ธ า ตุ นั้ น ค ว ร เต รี ย ม ข้ า ว ต อ ก ด อ ก ไ ม้ ธูปเทีย นแล้วเดินเวียนข วา 3 รอบ พ ร้อมกล่าวคานมัสการพ ระธ าตุ โ ด ย ตั้ ง จิ ต อ ธิ ษ ฐ า น ข อ ใ ห้ ส ม ห วั ง ใ น สิ่ ง ที่ ป ร า ร ถ น า และควรไห ว้พ ระธาตุให้ค รบทั้ง 4 ทิศ ซึ่งให้อานิสงส์ที่ต่างกัน คือ ทิ ศ เ ห นื อ ข อ ใ ห้ มี ปั ญ ญ า ดุ จ พ ร ะ จั ท ร์ เ พ็ ญ ทิ ศ ใ ต้ ข อ ใ ห้ ไ ด้ เป็ น พ ร ะ ภิ ก ษุ ส ง ฆ์ ไ ด้ บ ว ช ใ น บ ว ร พุ ท ธ ศ า ส น า ทิ ศ ต ะ วั น อ อ ก ข อ ใ ห้ ไ ด้ ขึ้ น ส ว ร ร ค์ ทิ ศ ต ะ วั น ต ก เ ป็ น ก า ร เ ค า ร พ บู ช า สู ง สุ ด ต่ อ พ ร ะ ธ า ตุ สิ่งที่ ไ ม่ค วร พ ล าด เมื่ อ ไ ด้ม าน มัส ก า รพ ร ะธ า ตุ ด อ ย สุ เท พ แ ล้ว ค ว ร ม า ก ร า บ อ นุ ส า ว รี ย์ ค รู บ า ศ รี วิ ชั ย นั ก บุ ญ แ ห่ ง ล้ า น น า ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ก า ร เ ดิ น ท า ง จากตัวเมืองสามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยและสวนสัตว์ เ ชี ย ง ใ ห ม่ สาหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถส่วนตัวสามารถเดินทางมาที่วัดโดยรถสองแถวป ระจาทางจากบริเวณห น้ามห าวิทยาลัย เชี ยงให ม่ด้านถนนห้วยแก้ว ซึ่งบริการระหว่างเวลาประมาณ 05.00-17.00 น. ดอยอ่างขาง
  • 35. ตั้งอยู่ที่ตาบลอ่างขาง อาเภอฝาง ห่างจากเขตแดนไทยพม่าเพียง 5 กิโลเมตร การเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 137 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านยางที่ตลาดแม่ข่า เข้าไปอีกประมาณ 25 กิโลเมต ร เป็ นทางลาด ย าง สูงและค ด เคี้ย ว ต้ อ ง ใ ช้ ร ถ ส ภ า พ ดี แ ล ะ มี ก า ลั ง สู ง ค น ขั บ ช า น า ญ หรือจะหาเช่ารถสองแถวได้ที่ตลาดแม่ข่า อ่ า ง ข า ง เป็ น ภ า ษ า เ ห นื อ ห ม า ย ถึ ง อ่ า ง สี่ เห ลี่ ย ม ซึ่งได้ชื่ อมาจากลักษณ ะพื้ นที่เป็ นแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเข าสูง อ ยู่ สู ง จ า ก ร ะ ดั บ น้ า ท ะ เ ล 1,400 เ ม ต ร ทาให้อากาศบนดอยหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม- ม ก ร า ค ม อ า ก า ศ เย็ น จ น น้ า ค้ า ง ก ล า ย เ ป็ น น้ า ค้ า ง แ ข็ ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว สถานที่น่าสนใจบนดอยมีหลายแห่ง ได้แก่ ส ถ า นี เ ก ษ ต ร ห ล ว ง อ่ า ง ข า ง เป็ นสถานี วิจัยแห่งแรกของโครงการห ลวง เรื่องกาเนิด ข องสถานี ฯ แห่งนี้เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่าครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภู มิพลอดุลยเดชเสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้และทอดพระเนตรลง มาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็ นหมู่บ้าน จึงมีพระดารัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่ อ เส ด็ จ พ ร ะรา ช ด า เนิ น ล งม า ท อ ด พ ร ะเน ต ร เห็ น ทุ่ งด อ ก ฝิ่ น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละ ถั ก เ ปี ย ย า ว แ ต่ ง ก า ย สี ด า ส ะ พ า ย ด า บ พระองค์มีพ ระราชดารัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่ นให้เป็ นแปลงเกษตร สถานี ฯ จึงเกิด ขึ้นเมื่อพ .ศ . 2512มีโค รงการวิจัยผ ลไม้ ไม้ด อกเมืองห นาว
  • 36. ง า น ส า ธิ ต พื ช ไ ร่ พื ช น้ า มั น โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่ นของชาวเขา และทาการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง พรรณไม้ที่ปลูก - ไม้ผ ล เช่น บ๊วย ท้อ พลัม แอปเปิ ล สาลี่ พ ลับ กีวี องุ่น ราสป์ เบอร์รี กาแฟพันธุ์อาราบิกา นัตพันธุ์ต่างๆ - ไม้ดอก เช่น แกลดิโอลัส เยอบีราพันธุ์ยุโรป สแตติส ยิบโซฟิลลา คาร์เนชั่น อัลสโตรมีเรีย ลิลี ไอริส แดฟโฟดิล - ผัก เช่น ซูกินี เบบีแครอต กระเทียมต้น หอมญี่ปุ่น ผักกาดฝรั่ง แรดิช เฟนเนล มันฝรั่ง ถั่วแดงหลวง และถั่วพันธุ์อื่นๆ
  • 37. นางพญาเสือโคร่ง ใน พื้ น ที่ ด อ ย อ่ า งข า ง ยัง มี ก า ร ฟื้ น ฟู ส ภ า พ ป่ าโ ด ย ต ร ง ด้ ว ย ก า ร ป ลู ก ป่ า ด้ ว ย พ ร ร ณ ไ ม้ ห ล า ย ช นิ ด ละการทิ้งพื้ นที่แนวป่ าให้พ รณไม้เกิด และเติบโต เองโด ยธ รรมชาติ มีทั้งพรรณไม้ท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ไม้ก่อ แอปเปิ ลป่ า นางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระ และพรรณไม้โตเร็วจากไต้ห วัน 5 ชนิด คือ กระถินด อย เมเปิลหอม การบูร จันทน์ทอง และเพาโลเนีย ที่ ส ถ า นี ฯ ยังเป็ นแหล่งเที่ยวชมวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้านชาวไทยภูเขาต่างๆ ได้แก่ เผ่ามูเซอดา ปะหล่อง และจีนฮ่อ รวมทั้งชมความงามตามธรรมชาติของผืนป่า กิจ ก ร รม ดู น ก ซึ่ งมี น ก ทังน ก ป ร ะจ าถิ่ น แ ล ะน ก ห าย า ก ต่า งถิ่ น พร้อมผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย งานส่งเสริมเกษตรกรจาหน่ายใต้ตราสินค้า " ด อ ย ค า " แ ล ะ ที่ พั ก ทั้ ง ใ น รู ป แ บ บ รี ส อ ร์ ท บ้านพักแบบกระท่อมและลานกางเต็นท์พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบริการ ส ว น บ อ น ไ ซ อ ยู่ ใ น บ ริ เ ว ณ ส ถ า นี ฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดั ด แ ต่ ง โ ด ย ใ ช้ เ ท ค นิ ค บ อ น ไ ซ ส ว ย ง า ม น่ า ช ม แ ล ะ ใ น บ ริ เ ว ณ เ ดี ย ว กั น ยั ง มี ส ว น ส มุ น ไ พ ร ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
  • 38. ห มู่ บ้ า น คุ้ ม ตั้ ง อ ยู่ ใ ก ล้ กั บ ส ถ า นี ฯ เ ป็ น ชุ ม ช น เ ล็ ก ๆประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยให ญ่ ช า ว พ ม่ า แ ล ะ ช า ว จี น ฮ่ อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว จุ ด ช ม วิ ว กิ่ ว ล ม อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง แ ล ะ บ้ า น มู เ ซ อ ข อ บ ด้ ง ท า ง ห นึ่ ง ส า ม า ร ถ ช ม ท ะ เล ห ม อ ก แ ล ะ วิ ว พ ร ะ อ า ทิ ต ย์ ทั้ ง ขึ้ น แ ล ะ ต ก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้ วย
  • 39. ห มู่ บ้ า น น อ แ ล ตั้ ง อ ยู่ บ ริ เ ว ณ ช า ย แ ด น ไ ท ย -พ ม่ า ค น ที่ นี่ เ ป็ น ช า ว เ ข า เ ผ่ า ป ะ ห ล่ อ ง เ ชื้ อ ส า ย พ ม่ า แ ต่ เ ดิ ม ค น ก ลุ่ ม นี้ อ ยู่ ใ น พ ม่ า แ ล ะ พึ่ ง อ พ ย พ ม า มี ภ าษ า แ ล ะ วัฒ น ธ ร ร ม เป็ น ข อ งต น เอ ง นั บ ถื อ ศ าส น าพุ ท ธ ทุ ก วั น พ ร ะ ผู้ ค น ที่ นี่ ห ยุ ด อ ยู่ บ้ า น ถื อ ศี ล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดน ไทย-พม่า
  • 40. ห มู่ บ้ า น ข อ บ ด้ ง เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่ามูเซอดาและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มี วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ อ ย่ า ง เ รี ย บ ง่ า ย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตรและด้าน หั ต ถ ก ร ร ม พื้ น บ้ า น ( เ ช่ น อ า บู แ ค เป็ นกาไลถักด้วยห ญ้าไข่เห ามีสีสันและลวด ลาย ในแบบของมูเซ อ) บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจาลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ค รู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกา สเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านโดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็ นส่วน ตั ว ข อ ง เ ข า ม า ก เ กิ น ไ ป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อยที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งเพื่อ ช่ ว ย อ ธิ บ า ย วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง พ ว ก เ ข า ใ ห้ ผู้ ม า เ ยื อ น ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกจิตสานึกและสร้างความรักในท้องถิ่นให้เด็ก ๆ ด้วย ห มู่ บ้ า น ห ล ว ง ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโ ลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่ กิจกรรมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง มีหลายอย่างที่สามารถทาได้เช่น เดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ขี่ล่อล่องไพร เป็นต้น
  • 41. สิ่งอานวยความสะดวกสาหรับคนพิการและผู้สูงอายุ - ทางลาด มีทางลาดหลายจุด ส่วนใหญ่มีความชัน ควรมีผู้ช่วยเหลือผู้ที่ใช้ Wheel Chair ในการขึ้นทางลาด - ป้ าย สัญ ลักษ ณ์ มีห ลาย จุด ได้แก่ทางไปลิฟ ต์ ด้านห น้ าลิฟ ต์ และบริเวณห้องส้วม - ห้องส้วม มีห้องส้วมเฉพาะสาหรับคนพิการแบบไม่แยกเพศจานวน 2 ชุด - ลิฟต์ ทางพระธาตุดอยสุเทพจัดลิฟต์สาหรับคนพิการไว้ 1 ตัว - ราวจับ มีราวจับบริเวณบันไดและทางลาดเกือบทุกจุด อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี อ นุ ส า ว รี ย์ พ ร ะ น า ง จ า ม เ ท วี ตั้ ง อ ยู่ ต า บ ล ใ น เ มื อ ง บ ริ เ ว ณ ส ว น ส า ธ า ร ณ ะ ห น อ ง ด อ ก ห่ า ง จ า ก ศ า ล า ก ล า ง จั ง ห วั ด ป ร ะ ม า ณ ๑ กิโลเมตรสร้างขึ้นเพื่อเป็ นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวีซึ่งเป็ นองค์ปฐมกษัตริย์ แ ห่ ง น ค ร ห ริ ภุ ญ ไ ช ย พระนางเป็ นปราชญ์ที่มีคุณธรรมความสามารถและกล้าหาญได้นาพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้จนมีความรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุ บั น ส ม เ ด็ จ พ ร ะ บ ร ม โ อ ร ส า ธิ ร า ช ส ย า ม กุ ฏ ร า ช กุ ม า ร ได้เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ ๒ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ แม่สาย