โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
จัดทาโดย
นางสาววรรณนภา ทรัพย์มูล เลขที่ 6
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3
รายวิชา ง30207 โครงงานคอมพิวเตอร์
ปีการศึกษา 2557
โรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา
สานักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา เขตที่ 28
โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี
ผู้จัดทา นางสาววรรณนภา ทรัพย์มูล
ครูที่ปรึกษา 1 อาจารย์ยุพา ภูมิฐาน
ตาแหน่ง ครู อันดับ คศ. 2
สถานศึกษา โรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา อาเภอเมืองยโสธร
สานักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา เขต 28
ปีการศึกษา2557
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานนี้สาเร็จขึ้นได้ด้วยการศึกษาการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข
นี้ได้รับการสนับสนุนจาก ดร. เสน่ห์ แสนจันทร์ ผู้อานวยการโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา ซึ่งได้เน้นกระบวน
การคิดและวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
ขอขอบคุณ คุณครูยุพา ภูมิฐาน ที่อานวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน
คอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่ให้คาแนะนาต่างๆ
แก่ผู้จัดทา
คณะผู้จัดทาต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่กล่าวถึงข้างต้นและที่ไม่ได้กล่าวถึงเป็นอย่างมากที่ให้
ความร่วมมือและช่วยเหลือในเรื่องข้อมูล และหลักฐานที่เป็นประโยชน์
ท้ายสุดนี้ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่อง การดารงชีวิต
อย่างมีความสุขของผู้สนใจต่อไป
คณะผู้จัดทา
หัวข้อโครงงาน : การดารงชีวิตอย่างมีความสุข
ประเภทของโครงงาน : โครงงานโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ผู้เสนอโครงงาน : นางสาวงวรรณนภา ทรัพย์มูล ม6/3 เลขที่ 6
ครูที่ปรึกษาโครงงาน : นางสาวยุพา ภูมิฐาน
ปีการศึกษา : 2557
บทคัดย่อ
การจัดทาโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1).เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการดารงชีวิต
ของมนุษย์(2).เพื่อให้มนุษย์รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข (3). เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์
ผลการศึกษาและจัดทาโครงงานพบว่า ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และใน
อนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณา
ในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข
ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์
ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จึงจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ข้าเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษา
เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นการศึกษาที่มาของการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ประโยชน์ในด้าน
ต่างๆของการดารงชีวิต และได้จัดทาโครงงาน เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข ขึ้นเพื่อประกอบการเรียนใน
รายวิชาคอมพิวเตอร์
สารบัญ
เรื่อง หน้า
เกี่ยวกับโครงงาน ก
กิตติกรรมประกาศ ข
บทคัดย่อ ค
บทที่ 1 บทนา 1
- ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 1-2
- วัตถุประสงค์ 2
- ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า 2
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3
บทที่ 2เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง 4-8
บทที่ 3 วิธีการจัดทาโครงงาน 9
- วัสดุและอุปกรณ์ 9
- วิธีการจัดทาโครงงาน 9
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ 13
- สรุปผลการศึกษา 13
- ประโยชน์ที่ได้จากโครงงาน 13
- ข้อเสนอแนะ 13
บรรณานุกรม 14
ภาคผนวก 15
ข้อมูลผู้จัดทา 16
บทที่ 1
บทนา
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆในทิศทางที่ไม่แน่นอน
ตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่า
จะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข
การที่ครอบครัวมีความสุขย่อมต้องควบคู่ไปกับสังคมสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบกันไปมาก
ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่สังคมมีปัญหายาเสพติด เกม ความรุนแรง ปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆปัญหาอารมณ์ ผลที่ตามมาส่งผล
กระทบต่อครอบครัวไม่เพียงแต่เป็นความกังวลว่าอาจโดนทาร้ายถูกรังแกจากกลุ่มสังคมที่มีปัญหา แต่ยังรวมถึงความกลัวที่คิดว่า
ลูกหลานนั้นมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุก ๆ คนในสังคมจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งป้ องกันเสริม
ความแข็งแรงทั้งกายและใจให้กับทุกคนในสังคมของเรา การตั้งต้นควรเริ่มจากตนเอง สารวจตนเองว่า
.....ท่านเป็นคนอย่างไร
.....ท่านมีจุดดี จุดด้อยในด้านใด
.....ท่านมีจุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิตอย่างไร
.....ท่าน มีความสุขไหม
ที่สาคัญ คนรอบข้างที่อยู่กับท่านมีความสุขเหมือนท่านหรือเปล่า คาถามเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาในการคิด พิจารณา หลายๆ
คนอาจคิดว่าไมเห็นมีอะไร ทาไมจึงต้องรู้สิ่งเหล่านี้ ถ้ามองให้ดีสิ่งที่ถามมาเป็นคาถามที่หากอ่านผ่านๆ สิ่งเหล่านนี้ก็จะผ่านไป
แต่ถ้ามองและคิดอย่างไตร่ตรองจะเป็นการทาความรู้จักกับตนเอง เช่นท่านอาจบอกว่าท่านเป็นคนวิตกกังวล กลัว ไม่มั่นใจในการทา
สิ่งต่าง ๆ แต่เป็นคนดี
จุดดี คือ ขยัน รับผิดชอบการทางานมากๆ
จุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิต คือ ความถูกต้อง ยุติธรรม การทาทุกอย่างให้ดีที่สุดดังนั้นสิ่งที่
จะเกิดขึ้นกับท่านได้มากที่สุด คือ ถึงแม้ท่านจะมีความสุข ประสบความสาเร็จในการทางาน ในทางกลับกัน
ท่านอาจจะเหนื่อยมาก ท้อแท้มีความคาดหวังในบางครั้งที่มากเกินไปจนเครียดสะสม สุดท้ายสังคมจะได้รับ
ผลกระทบจากความเครียดนั้น
ท่านหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทางานได้ช้าลงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เคยทาได้ เป็นต้น
หลังจากที่รู้จักกับตนเองแล้ว ถือว่าท่านมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนั่นคือ การรู้จักตนเอง ย่อมนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีและนามา
ซึ่งความสุขส่วนหลักการเปลี่ยนแปลงตนเองมีหลักการง่าย ๆ คือ ท่านลองถามตนเองว่า
.....ท่านมีความทุกข์ไหม
.....ท่านเหนื่อยไหม
.....ท่านท้อแท้หรือเปล่า
ถ้าใช่ ท่านควรรีบจัดการกับตนเอง ลุกขึ้น และลองเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิมๆ เปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสม บางครั้งถ้ายังจัดการ
ไม่ได้ให้ตั้งสติให้ได้ก่อน ถ้ายังไม่พร้อมคิด ให้เก็บไว้ชั่วคราวแล้วจึงค่อยมาจัดการเมื่อพร้อมกว่านี้ แนวคิดที่ควรเปลี่ยน ได้แก่
.....โลกนี้ทุกอย่างต้องยุติธรรม
.....ทาไมไม่มีใครเข้าใจฉัน
. ....ทาไม่ถึงเป็นอย่างนี้
การเปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสมจะช่วยให้ท่านมีความสุข ความคิดและอารมณ์ควรเหมาะสม เป็นแนวคิดที่ไม่สุดโต่ง
จนเกินไป เช่น โลกนี้อาจมีบางครั้งที่ไม่ยุติธรรมได้ ไม่มีใครเข้าใจจิตใจตัวเองเลยไม่มีใครรู้ว่าทาไมถึงเป็นแบบนี้ และถึงแม้คิดก็ไม่
สามารถหาคาตอบได้ว่าเพราะอะไร (ป่วยการที่จะคิด)
ดังที่กล่าวมาตอนต้น ถ้าท่านมีความสุข คนรอบข้างท่านก็จะมีความสุขตามไปด้วย ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคน
จะร่วมรู้จัก รักตนเอง.....รักคนอื่น และรักสังคมของเรา....
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการดารงชีวิตของมนุษย์
2. เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์ให้รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข
3. เพื่อเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติการดารงชีวิตอย่างมีความสุขผ่าน Slide share
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
7.1 รวบรวมเนื้อหาสาระ เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
7.2 ออกแบบจัดทาเนื้อหาโดยใช้โปรแกรม Microsoft office word 2007
7.3 จัดทาเนื้อหาสาระโดยใช้โปรแกรม Microsoft office power point 2007
7.4 นาเนื้อหาเรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขไปแสดงยผ่านโปรแกรม
Slide Share
7.5 ผู้คนสามารถเข้าไปดู เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยผ่าน Slide Share
7.6 อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดทาโครงงาน ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
Pro Cessor : inte (R) Pentium(R)CPU2020m @2.40GHz2.40GHz
Lnstalledmemory(RAM) : 4.00GB(3.89GBusabie)
System TyPe : 64-bit operating System,x64-based processor
Pen and Touch : no Pen or Touch lnput is available for this Display
2. ระบบปฏิบัติการ : Microsoft Windows 8 pro
3. เว็บไซต์ : www.Slide Share com.
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
10.1 สามารถนามาใช้ในชีวิตประจาวันได้
10.2 สามารถสื่อสารให้คนอื่นได้รับรู้ในการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
10.3 สามารถนามาพัฒนาด้านจิตใจและอารมณ์ของตนเองได้
บทที่ 2
เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทาโครงงานการคอมพิวเตอร์ ข้าพเจ้า จัดทาโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1).เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา
การดารงชีวิตของมนุษย์(2).เพื่อให้มนุษย์รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข(3).เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์
ผลการศึกษาและจัดทาโครงงานพบว่า ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้
ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึกที่เกี่ยวกับสังคม
และวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัว
และสังคมมีความสุข
ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดารงชีวิตอย่างมีความสุขในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
จึงจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุขข้าเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุขซึ่งเป็นการศึกษา
ที่มาของการดารงชีวิตอย่างมีความสุขประโยชน์ในด้านต่างๆของการดารงชีวิตและได้จัดทาโครงงานเรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
ขึ้นเพื่อประกอบการเรียนในรายวิชาคอมพิวเตอร์
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การดารงชีวิตอย่างมีความสุข
คนที่มีความสุข คือคนที่มีความสมหวัง เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงานประสบความสาเร็จตามความปรารถน
มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล มีอารมณ์
มั่นคง มีความอดทนและมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริงในชีวิต ทาตัว
ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมกล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกาย
และจิตใจ เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดารงชีวิตประจาวัน
ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่น ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า
ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข อาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ คือ
1. พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด คนที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี
ย่อมมีจิตใจร่าเริง สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง ย่อมเจ็บป่วยเสมอ ทาให้มีอารมณ์หงุดหงิด ราคาญใจ ดังนั้นเราจึงควร
รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีการพักผ่อนเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกาย
และเครื่องใช้ ตลอดจนหมั่นออกกาลังกายอยู่เสมอ
2. รู้จักตนเองอย่างแท้จริง
ควรสารวจตัวเองว่า เป็นคนอย่างไร มีความสามารถทางใด แค่ไหน มีความสนใจและต้องการสิ่งใด มีอะไรเป็นข้อดีและข้อเสีย
พยายามทางแก้ไขข้อบกพร้องและส่งเสริมส่วนที่ดี จะทาให้เราตั้งเป้าหมายของชีวิตได้เหมาะสมกับความเป็นจริง ตลอดจนมีโอกาส
พบกับความสาเร็จและความสมหวังได้มาก
3. จงเป็นผู้มีความหวัง
เราควรตั้งความหวังไว้เสมอ แม้เวลาที่ตกต่าก็อย่าทอดอาลัย จงคิดหวังเสมอว่าเราจะไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป สักวันหนึ่งเราอาจ
จะดีขึ้นได้
4. ต้องกล้าเผชิญกับความกลัวและความกังวลใจต่าง ๆ
ในชีวิตของเรานี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ที่ทาให้กลัวเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น เมื่อรู้สึกกลัวอะไรต้องพยายามค้นหาความจริงว่าสิ่งนั้น
คืออะไร อย่าปล่อยจิตใจให้หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล
5. ไม่ควรเก็บกดอารมณ์ที่ตึงเครียด
ควรหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือไม่สบายใจ โดยหาทางออกในสิ่งที่สังคมยอมรับและเป็นไปในทางที่พึงปรารถนา
6. จงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน
การมีอารมณ์ขันช่วยให้มีอารมณ์ผ่อนคลาย ไม่ควรมองการไกลในแง่เอาเป็นเอาตายมากเกินไป
7. การยอมรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเอง
การรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง จะช่วยให้เรายอมรับข้อบกพร่อง หรือความผิดพลาดของตนเอง และให้อภัยในความ
ผิดพลาดของผู้อื่นได้
8. ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทาอยู่
การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทาอยู่ จะทาให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทาให้ชีวิตน่าสนใจ มีความกระตือรือร้น
ในการทางาน มีกาลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่างๆ มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ทาให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ
9. มีความต้องการพอเหมาะพอควรและมีความยืดหยุ่นได้
ต้องมีเหตุผล รู้จักความพอดีเกี่ยวกับความต้องการ ความปรารถนา ความทะเยอทะยาน ควรมีความคิดใฝ่ฝันที่ใกล้เคียงกับความ
สามารถและความเป็นจริง จะช่วยให้เราวางแผนต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อประสบความสาเร็จตามเป้าหมายได้
10. อย่าพะวงเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปหรืออย่าคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา
เช่น คิดว่าตัวเองจะต้องเด่น ต้องดี ต้องสาคัญกว่าผู้อื่น การคิดแต่เรื่องของตัวเองจะทาให้เราไม่มีความสุขเลย เพราะไม่ว่าเราจะคิด
อะไร ทาอะไรหรือไปที่ไหน จะต้องตกอยู่ในภาวะของการแข่งขันตลอดเวลา
11. การยอมรับสภาพของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น
เพราะการเปรียบเทียบจะทาให้เราเกิดความน้อยเนื้อต่าใจว่า ทาไมเราจึงไม่โชคดีอย่างคนอื่น แต่เราอาจไม่ทราบว่า คนอื่นเขาก็
มีความทุกข์เหมือนกัน
12. การยึดคติว่า จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
การทาสิ่งใดให้ใครโดยหวังผลตอบแทน ย่อมจะทาให้ผิดหวังได้มากเพราะมัวแต่กังวลอยู่ว่าเราจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนหรือ
ไม่ มากน้อยเพียงใด เมื่อไม่ได้รับตามที่ตนคาดหวังก็จะผิดหวังทาให้ไม่มีความสุข คิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอยู่เสมอ
13. การหาเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง หรือใครก็ได้ที่สามารถระบายความทุกข์และปรึกษาหารือได้เพราะการมีเพื่อนจะทา
ให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลก
14. จงปล่อยให้เหตุการณ์บางอย่างผ่านไปตามแนวทางของมัน
อย่าไปฝืนหรือเอาจริงเอาจังเกินไป เมื่อทาอะไรไม่สาเร็จก็เกิดอารมณ์ตึงเครียด จงหยุดพักเสียระยะหนึ่งแล้วค่อยหันกลับมาทา
ใหม่ หรือเปลี่ยนแนวทางการกระทาเสียใหม่
15. จงตระหนักว่า เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด เมื่อพลาดหวังหรือผิดหวัง
จงอดทนและมีความหวังต่อไป ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาโดยการทาลายตัวเองต้องนึกไว้เสมอว่าถ้าเราปล่อยให้เวลา
ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ความเจ็บปวดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด
16. อย่าปล่อยให้เวลาว่างไปวันหนึ่ง ๆ โดยไม่ทาอะไร
การปล่อยให้เวลาว่าง จะทาให้คิดฟุ้ งซ่าน ต้องพยายามหางานอดิเรกที่ตนสนใจทา เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬาอ่าน
หนังสือ ฯลฯ โดยเฉพาะงานอดิเรกที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ จะช่วยบารุงจิตใจให้ชีวิตมีความสุขสดชื่น และมีความสงบ
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อเสนอแนะ หรือแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างกว้าง ๆ การที่จะดารงชีวิตอยู่ให้มีความสุข
เพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลว่า จะนาหลักการหรือแนวทางไปดัดแปลงปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนแค่ไหน เพียงใด และจริงจังหรือไม่
โครงงานที่เกี่ยวข้อง
ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่
แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคน
พบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข
การที่ครอบครัวมีความสุขย่อมต้องควบคู่ไปกับสังคมสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบกันไป
มาก ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่สังคมมีปัญหายาเสพติด เกม ความรุนแรง ปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆ ปัญหาอารมณ์ ผลที่ตามมา
ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไม่เพียงแต่เป็นความกังวลว่าอาจโดนทาร้าย ถูกรังแกจากกลุ่มสังคมที่มีปัญหา แต่ยังรวมถึงความกลัวที่
คิดว่าลูกหลานนั้นมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกๆ คนในสังคมจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งป้องกันเสริมความแข็งแรงทั้งกาย
และใจให้กับทุกคนในสังคมของเรา การตั้งต้นควรเริ่มจากตนเอง สารวจตนเองว่า
.....ท่านเป็นคนอย่างไร
.....ท่านมีจุดดี จุดด้อยในด้านใด
.....ท่านมีจุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิตอย่างไร
.....ท่าน มีความสุขไหม
ที่สาคัญ คนรอบข้างที่อยู่กับท่านมีความสุขเหมือนท่านหรือเปล่า
คาถามเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาในการคิด พิจารณา หลาย ๆ คนอาจคิดว่าไมเห็นมีอะไร ทาไมจึงต้องรู้สิ่งเหล่านี้
ถ้ามองให้ดีสิ่งที่ถามมาเป็นคาถามที่หากอ่านผ่าน ๆ สิ่งเหล่านนี้ก็จะผ่านไป แต่ถ้ามองและคิดอย่างไตร่ตรองจะเป็นการทาความรู้จัก
กับตนเอง เช่น ท่านอาจบอกว่าท่านเป็นคนวิตกกังวล กลัว ไม่มั่นใจในการทาสิ่งต่างๆ แต่เป็นคนดี
จุดดี คือ ขยัน รับผิดชอบการทางานมาก ๆ
จุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิต คือ ความถูกต้อง ยุติธรรม การทาทุกอย่างให้ดีที่สุด
ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับท่านได้มากที่สุด คือ ถึงแม้ท่านจะมีความสุข ประสบความสาเร็จในการทางาน ในทางกลับกัน
ท่านอาจจะเหนื่อยมาก ท้อแท้ มีความคาดหวังในบางครั้งที่มากเกินไปจนเครียดสะสม สุดท้ายสังคมจะได้รับผลกระทบจากความเครียด
นั้นท่านหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทางานได้ช้าลงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เคยทาได้เป็นต้น หลังจาก
ที่รู้จักกับตนเองแล้ว ถือว่าท่านมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนั่นคือ การรู้จักตนเอง ย่อมนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี และนามาซึ่งความสุข
ส่วนหลักการเปลี่ยนแปลงตนเองมีหลักการง่ายๆ คือ ท่านลองถามตนเองว่า
.....ท่านมีความทุกข์ไหม
.....ท่านเหนื่อยไหม
.....ท่านท้อแท้หรือเปล่า
ถ้าใช่ ท่านควรรีบจัดการกับตนเอง ลุกขึ้น และลองเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิม ๆ เปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสม บางครั้งถ้ายังจัดการไม่ได้ให้ตั้ง
สติให้ได้ก่อน ถ้ายังไม่พร้อมคิด ให้เก็บไว้ชั่วคราวแล้วจึงค่อยมาจัดการเมื่อพร้อมกว่านี้ แนวคิดที่ควรเปลี่ยน ได้แก่
.....โลกนี้ทุกอย่างต้องยุติธรรม
.....ทาไมไม่มีใครเข้าใจฉัน
.....ทาไม่ถึงเป็นอย่างนี้
การเปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสมจะช่วยให้ท่านมีความสุข ความคิดและอารมณ์ควรเหมาะสม เป็นแนวคิดที่ไม่สุดโต่งจนเกินไป
เช่น โลกนี้อาจมีบางครั้งที่ไม่ยุติธรรมได้ ไม่มีใครเข้าใจจิตใจตัวเองเลย ไม่มีใครรู้ว่าทาไมถึงเป็นแบบนี้ และถึงแม้คิดก็ไม่สามารถหาคาตอบได้
ว่าเพราะอะไร (ป่วยการที่จะคิด)
ดังที่กล่าวมาตอนต้น ถ้าท่านมีความสุข คนรอบข้างท่านก็จะมีความสุขตามไปด้วย ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนจะร่วมรู้จัก
รักตนเอง.....รักคนอื่น และรักสังคมของเรา....
บทที่ 3
วิธีการจัดทาโครงงาน
วัสดุและอุปกรณ์
วัสดุและอุปการณ์ที่ใช้ในการจัดทาโครงงานได้แก่
1.โน๊ตบุ๊ค
2.เครื่องปลิ้น
3.กระดาษA4
4.ปากกา
วิธีการจัดทาโครงงาน
1. การวิเคราะห์ระบบ เป็นขั้นตอนของการคัดเลือกหัวข้อ การศึกษาค้นคว้าข้อมูลและการจัดทาข้อเสนอโครงงาน
2. การออกแบบระบบ เป็นการออกแบบลักษณะเนื้อหา
3. การบารุงรักษาระบบ เป็นการจัดทารายงานโครงงานการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
บทที่ 4
ผลการศึกษา
จากการศึกษาเรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยผ่าน Slide Share ในการจัดทาโครงงานครั้งนี้
ผู้จัดทาได้รับความรู้เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุขอย่างมากคือการดารงชีวิตอย่างมีความสุข คนที่มีความสุข คือคนที่มี
ความสมหวัง เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงานประสบความสาเร็จตามความปรารถนา มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล มีอารมณ์มั่นคง มีความอดทนและมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริง
ในชีวิต ทาตัวให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมกล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดารงชีวิตประจาวัน
ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่น ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้น
ไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข อาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ คือ
1. พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด คนที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี
ย่อมมีจิตใจร่าเริง สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง ย่อมเจ็บป่วยเสมอ ทาให้มีอารมณ์หงุดหงิด ราคาญใจ ดังนั้นเราจึงควร
รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีการพักผ่อนเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกาย
และเครื่องใช้ ตลอดจนหมั่นออกกาลังกายอยู่เสมอ
2. รู้จักตนเองอย่างแท้จริง
ควรสารวจตัวเองว่า เป็นคนอย่างไร มีความสามารถทางใด แค่ไหน มีความสนใจและต้องการสิ่งใด มีอะไรเป็นข้อดีและข้อเสีย
พยายามทางแก้ไขข้อบกพร้องและส่งเสริมส่วนที่ดี จะทาให้เราตั้งเป้าหมายของชีวิตได้เหมาะสมกับความเป็นจริง ตลอดจนมีโอกาส
พบกับความสาเร็จและความสมหวังได้มาก
3. จงเป็นผู้มีความหวัง
เราควรตั้งความหวังไว้เสมอ แม้เวลาที่ตกต่าก็อย่าทอดอาลัย จงคิดหวังเสมอว่าเราจะไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป สักวันหนึ่งเรา
อาจจะดีขึ้นได้
4. ต้องกล้าเผชิญกับความกลัวและความกังวลใจต่าง ๆ
ในชีวิตของเรานี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ที่ทาให้กลัวเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น เมื่อรู้สึกกลัวอะไรต้องพยายามค้นหาความจริงว่าสิ่งนั้นคืออะไร
อย่าปล่อยจิตใจให้หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล
5. ไม่ควรเก็บกดอารมณ์ที่ตึงเครียด
ควรหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือไม่สบายใจ โดยหาทางออกในสิ่งที่สังคมยอมรับและเป็นไปในทางที่พึงปรารถนา
6. จงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน
การมีอารมณ์ขันช่วยให้มีอารมณ์ผ่อนคลาย ไม่ควรมองการไกลในแง่เอาเป็นเอาตายมากเกินไป
7. การยอมรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเอง
การรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง จะช่วยให้เรายอมรับข้อบกพร่อง หรือความผิดพลาดของตนเอง และให้อภัยในความ
ผิดพลาดของผู้อื่นได้
8. ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทาอยู่
การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทาอยู่ จะทาให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทาให้ชีวิตน่าสนใจ มีความกระตือรือร้น
ในการทางาน มีกาลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่างๆ มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ทาให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ
9. มีความต้องการพอเหมาะพอควรและมีความยืดหยุ่นได้
ต้องมีเหตุผล รู้จักความพอดีเกี่ยวกับความต้องการ ความปรารถนา ความทะเยอทะยาน ควรมีความคิดใฝ่ฝันที่ใกล้เคียงกับความ
สามารถและความเป็นจริง จะช่วยให้เราวางแผนต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อประสบความสาเร็จตามเป้าหมายได้
10. อย่าพะวงเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปหรืออย่าคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา
เช่น คิดว่าตัวเองจะต้องเด่น ต้องดี ต้องสาคัญกว่าผู้อื่น การคิดแต่เรื่องของตัวเองจะทาให้เราไม่มีความสุขเลย เพราะไม่ว่าเราจะคิด
อะไร ทาอะไรหรือไปที่ไหน จะต้องตกอยู่ในภาวะของการแข่งขันตลอดเวลา
11. การยอมรับสภาพของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น
เพราะการเปรียบเทียบจะทาให้เราเกิดความน้อยเนื้อต่าใจว่า ทาไมเราจึงไม่โชคดีอย่างคนอื่น แต่เราอาจไม่ทราบว่า คนอื่นเขาก็มี
ความทุกข์เหมือนกัน
12. การยึดคติว่า จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
การทาสิ่งใดให้ใครโดยหวังผลตอบแทน ย่อมจะทาให้ผิดหวังได้มากเพราะมัวแต่กังวลอยู่ว่าเราจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่
มากน้อยเพียงใด เมื่อไม่ได้รับตามที่ตนคาดหวังก็จะผิดหวังทาให้ไม่มีความสุข คิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอยู่เสมอ
13. การหาเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง หรือใครก็ได้ที่สามารถระบายความทุกข์และปรึกษาหารือได้
เพราะการมีเพื่อนจะทาให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลก
14. จงปล่อยให้เหตุการณ์บางอย่างผ่านไปตามแนวทางของมัน
อย่าไปฝืนหรือเอาจริงเอาจังเกินไป เมื่อทาอะไรไม่สาเร็จก็เกิดอารมณ์ตึงเครียด จงหยุดพักเสียระยะหนึ่ง แล้วค่อยหันกลับมาทาใหม่
หรือเปลี่ยนแนวทางการกระทาเสียใหม่
15. จงตระหนักว่า เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด เมื่อพลาดหวังหรือผิดหวัง
จงอดทนและมีความหวังต่อไป ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาโดยการทาลายตัวเองต้องนึกไว้เสมอว่า ถ้าเราปล่อยให้เวลา
ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ความเจ็บปวดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด
16. อย่าปล่อยให้เวลาว่างไปวันหนึ่ง ๆ โดยไม่ทาอะไร
การปล่อยให้เวลาว่าง จะทาให้คิดฟุ้งซ่าน ต้องพยายามหางานอดิเรกที่ตนสนใจทา เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ฯลฯ
โดยเฉพาะงานอดิเรกที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ จะช่วยบารุงจิตใจให้ชีวิตมีความสุขสดชื่น และมีความสงบที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียง
ข้อเสนอแนะ หรือแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างกว้าง ๆ การที่จะดารงชีวิตอยู่ให้มีความสุขเพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลว่า จะนาหลักการ
หรือแนวทางไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนแค่ไหน เพียงใด และจริงจังหรือไม่
บทที่ 5
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
จากการจัดทาโครงงานพบว่าการดารงชีวิตอย่างมีความสุขก็คือ การที่เราได้ทาอะไรบางอย่างเพื่อสังคมและส่วนรวมและการ
ที่เรารู้จักใช้ชีวิตประจาวันโดยใช้ทฤษฎีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการดารงชีวิตในปัจุบัน
และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่นดังนั้น
ความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
ข้อเสนอแนะ
1.อยากให้มนุษย์เรารู้จักการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
2.ควรมีการจัดทาสื่อการเรียนการสอนการดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว
3.ควรให้คาแนะนาความรู้แก่ประชาชนในหลายๆด้าน
บรรณานุกรม
“kapook”การดารงชีวิตอย่างมีความสุข. Com [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก:http:/hilight.kapook.com/view/68531.
9 พฤศจิกายน 2557.
ชื่อ นางสาววรรณนภา นามสกุล ทรัพย์มูล
อายุ 18 ปี
ที่อยู่ 109 หมู่ 2 บ้านเดิด ตาบลเดิด อาเภอเมือง จังหวัดยโสธร
เบอร์โทรศัพท์ 0872427350
ข้อมูลผู้จัดทา

เรื่อง การดำรงชีวิตอย่างมีความสุข

  • 1.
    โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี จัดทาโดย นางสาววรรณนภา ทรัพย์มูลเลขที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3 รายวิชา ง30207 โครงงานคอมพิวเตอร์ ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา สานักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา เขตที่ 28
  • 2.
    โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ผู้จัดทานางสาววรรณนภา ทรัพย์มูล ครูที่ปรึกษา 1 อาจารย์ยุพา ภูมิฐาน ตาแหน่ง ครู อันดับ คศ. 2 สถานศึกษา โรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา อาเภอเมืองยโสธร สานักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา เขต 28 ปีการศึกษา2557
  • 3.
    กิตติกรรมประกาศ โครงงานนี้สาเร็จขึ้นได้ด้วยการศึกษาการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข นี้ได้รับการสนับสนุนจากดร. เสน่ห์ แสนจันทร์ ผู้อานวยการโรงเรียนสอนแก้วว่องไววิทยา ซึ่งได้เน้นกระบวน การคิดและวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ขอขอบคุณ คุณครูยุพา ภูมิฐาน ที่อานวยความสะดวกในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงงาน คอมพิวเตอร์ เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่ให้คาแนะนาต่างๆ แก่ผู้จัดทา คณะผู้จัดทาต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่กล่าวถึงข้างต้นและที่ไม่ได้กล่าวถึงเป็นอย่างมากที่ให้ ความร่วมมือและช่วยเหลือในเรื่องข้อมูล และหลักฐานที่เป็นประโยชน์ ท้ายสุดนี้ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่อง การดารงชีวิต อย่างมีความสุขของผู้สนใจต่อไป คณะผู้จัดทา
  • 4.
    หัวข้อโครงงาน : การดารงชีวิตอย่างมีความสุข ประเภทของโครงงาน: โครงงานโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ผู้เสนอโครงงาน : นางสาวงวรรณนภา ทรัพย์มูล ม6/3 เลขที่ 6 ครูที่ปรึกษาโครงงาน : นางสาวยุพา ภูมิฐาน ปีการศึกษา : 2557 บทคัดย่อ การจัดทาโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1).เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการดารงชีวิต ของมนุษย์(2).เพื่อให้มนุษย์รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข (3). เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์ ผลการศึกษาและจัดทาโครงงานพบว่า ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และใน อนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณา ในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จึงจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ข้าเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษา เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นการศึกษาที่มาของการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ประโยชน์ในด้าน ต่างๆของการดารงชีวิต และได้จัดทาโครงงาน เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข ขึ้นเพื่อประกอบการเรียนใน รายวิชาคอมพิวเตอร์
  • 5.
    สารบัญ เรื่อง หน้า เกี่ยวกับโครงงาน ก กิตติกรรมประกาศข บทคัดย่อ ค บทที่ 1 บทนา 1 - ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 1-2 - วัตถุประสงค์ 2 - ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า 2 - ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3 บทที่ 2เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง 4-8 บทที่ 3 วิธีการจัดทาโครงงาน 9 - วัสดุและอุปกรณ์ 9 - วิธีการจัดทาโครงงาน 9
  • 6.
    บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 13 - สรุปผลการศึกษา 13 - ประโยชน์ที่ได้จากโครงงาน 13 - ข้อเสนอแนะ 13 บรรณานุกรม 14 ภาคผนวก 15 ข้อมูลผู้จัดทา 16
  • 7.
    บทที่ 1 บทนา ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ในปัจจุบัน สังคมวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆในทิศทางที่ไม่แน่นอน ตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่า จะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข การที่ครอบครัวมีความสุขย่อมต้องควบคู่ไปกับสังคมสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบกันไปมาก ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่สังคมมีปัญหายาเสพติด เกม ความรุนแรง ปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆปัญหาอารมณ์ ผลที่ตามมาส่งผล กระทบต่อครอบครัวไม่เพียงแต่เป็นความกังวลว่าอาจโดนทาร้ายถูกรังแกจากกลุ่มสังคมที่มีปัญหา แต่ยังรวมถึงความกลัวที่คิดว่า ลูกหลานนั้นมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุก ๆ คนในสังคมจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งป้ องกันเสริม ความแข็งแรงทั้งกายและใจให้กับทุกคนในสังคมของเรา การตั้งต้นควรเริ่มจากตนเอง สารวจตนเองว่า .....ท่านเป็นคนอย่างไร .....ท่านมีจุดดี จุดด้อยในด้านใด .....ท่านมีจุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิตอย่างไร .....ท่าน มีความสุขไหม
  • 8.
    ที่สาคัญ คนรอบข้างที่อยู่กับท่านมีความสุขเหมือนท่านหรือเปล่า คาถามเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาในการคิดพิจารณา หลายๆ คนอาจคิดว่าไมเห็นมีอะไร ทาไมจึงต้องรู้สิ่งเหล่านี้ ถ้ามองให้ดีสิ่งที่ถามมาเป็นคาถามที่หากอ่านผ่านๆ สิ่งเหล่านนี้ก็จะผ่านไป แต่ถ้ามองและคิดอย่างไตร่ตรองจะเป็นการทาความรู้จักกับตนเอง เช่นท่านอาจบอกว่าท่านเป็นคนวิตกกังวล กลัว ไม่มั่นใจในการทา สิ่งต่าง ๆ แต่เป็นคนดี จุดดี คือ ขยัน รับผิดชอบการทางานมากๆ จุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิต คือ ความถูกต้อง ยุติธรรม การทาทุกอย่างให้ดีที่สุดดังนั้นสิ่งที่ จะเกิดขึ้นกับท่านได้มากที่สุด คือ ถึงแม้ท่านจะมีความสุข ประสบความสาเร็จในการทางาน ในทางกลับกัน ท่านอาจจะเหนื่อยมาก ท้อแท้มีความคาดหวังในบางครั้งที่มากเกินไปจนเครียดสะสม สุดท้ายสังคมจะได้รับ ผลกระทบจากความเครียดนั้น ท่านหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทางานได้ช้าลงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เคยทาได้ เป็นต้น หลังจากที่รู้จักกับตนเองแล้ว ถือว่าท่านมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนั่นคือ การรู้จักตนเอง ย่อมนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีและนามา ซึ่งความสุขส่วนหลักการเปลี่ยนแปลงตนเองมีหลักการง่าย ๆ คือ ท่านลองถามตนเองว่า .....ท่านมีความทุกข์ไหม .....ท่านเหนื่อยไหม .....ท่านท้อแท้หรือเปล่า ถ้าใช่ ท่านควรรีบจัดการกับตนเอง ลุกขึ้น และลองเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิมๆ เปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสม บางครั้งถ้ายังจัดการ ไม่ได้ให้ตั้งสติให้ได้ก่อน ถ้ายังไม่พร้อมคิด ให้เก็บไว้ชั่วคราวแล้วจึงค่อยมาจัดการเมื่อพร้อมกว่านี้ แนวคิดที่ควรเปลี่ยน ได้แก่ .....โลกนี้ทุกอย่างต้องยุติธรรม .....ทาไมไม่มีใครเข้าใจฉัน . ....ทาไม่ถึงเป็นอย่างนี้
  • 9.
    การเปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสมจะช่วยให้ท่านมีความสุข ความคิดและอารมณ์ควรเหมาะสม เป็นแนวคิดที่ไม่สุดโต่ง จนเกินไปเช่น โลกนี้อาจมีบางครั้งที่ไม่ยุติธรรมได้ ไม่มีใครเข้าใจจิตใจตัวเองเลยไม่มีใครรู้ว่าทาไมถึงเป็นแบบนี้ และถึงแม้คิดก็ไม่ สามารถหาคาตอบได้ว่าเพราะอะไร (ป่วยการที่จะคิด) ดังที่กล่าวมาตอนต้น ถ้าท่านมีความสุข คนรอบข้างท่านก็จะมีความสุขตามไปด้วย ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคน จะร่วมรู้จัก รักตนเอง.....รักคนอื่น และรักสังคมของเรา.... วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการดารงชีวิตของมนุษย์ 2. เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์ให้รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข 3. เพื่อเผยแพร่แนวทางการปฏิบัติการดารงชีวิตอย่างมีความสุขผ่าน Slide share ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 7.1 รวบรวมเนื้อหาสาระ เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข 7.2 ออกแบบจัดทาเนื้อหาโดยใช้โปรแกรม Microsoft office word 2007 7.3 จัดทาเนื้อหาสาระโดยใช้โปรแกรม Microsoft office power point 2007 7.4 นาเนื้อหาเรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขไปแสดงยผ่านโปรแกรม Slide Share 7.5 ผู้คนสามารถเข้าไปดู เรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยผ่าน Slide Share
  • 10.
    7.6 อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดทาโครงงาน ดังนี้ 1.คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค Pro Cessor : inte (R) Pentium(R)CPU2020m @2.40GHz2.40GHz Lnstalledmemory(RAM) : 4.00GB(3.89GBusabie) System TyPe : 64-bit operating System,x64-based processor Pen and Touch : no Pen or Touch lnput is available for this Display 2. ระบบปฏิบัติการ : Microsoft Windows 8 pro 3. เว็บไซต์ : www.Slide Share com. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 10.1 สามารถนามาใช้ในชีวิตประจาวันได้ 10.2 สามารถสื่อสารให้คนอื่นได้รับรู้ในการดารงชีวิตอย่างมีความสุข 10.3 สามารถนามาพัฒนาด้านจิตใจและอารมณ์ของตนเองได้
  • 11.
    บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทาโครงงานการคอมพิวเตอร์ ข้าพเจ้าจัดทาโครงงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1).เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา การดารงชีวิตของมนุษย์(2).เพื่อให้มนุษย์รู้จักใช้ชีวิตให้มีความสุข(3).เพื่อพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์ ผลการศึกษาและจัดทาโครงงานพบว่า ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึกที่เกี่ยวกับสังคม และวิถีชีวิตของแต่ละคนพบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัว และสังคมมีความสุข ข้าพเจ้าจึงได้ตระหนักถึงความสาคัญของการดารงชีวิตอย่างมีความสุขในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จึงจัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุขข้าเจ้าจึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุขซึ่งเป็นการศึกษา ที่มาของการดารงชีวิตอย่างมีความสุขประโยชน์ในด้านต่างๆของการดารงชีวิตและได้จัดทาโครงงานเรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ขึ้นเพื่อประกอบการเรียนในรายวิชาคอมพิวเตอร์ เอกสารที่เกี่ยวข้อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุข คนที่มีความสุข คือคนที่มีความสมหวัง เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงานประสบความสาเร็จตามความปรารถน มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล มีอารมณ์ มั่นคง มีความอดทนและมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริงในชีวิต ทาตัว ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมกล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดารงชีวิตประจาวัน
  • 12.
    ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเองและมองผู้อื่น ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข อาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ คือ 1. พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด คนที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ย่อมมีจิตใจร่าเริง สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง ย่อมเจ็บป่วยเสมอ ทาให้มีอารมณ์หงุดหงิด ราคาญใจ ดังนั้นเราจึงควร รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีการพักผ่อนเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกาย และเครื่องใช้ ตลอดจนหมั่นออกกาลังกายอยู่เสมอ 2. รู้จักตนเองอย่างแท้จริง ควรสารวจตัวเองว่า เป็นคนอย่างไร มีความสามารถทางใด แค่ไหน มีความสนใจและต้องการสิ่งใด มีอะไรเป็นข้อดีและข้อเสีย พยายามทางแก้ไขข้อบกพร้องและส่งเสริมส่วนที่ดี จะทาให้เราตั้งเป้าหมายของชีวิตได้เหมาะสมกับความเป็นจริง ตลอดจนมีโอกาส พบกับความสาเร็จและความสมหวังได้มาก 3. จงเป็นผู้มีความหวัง เราควรตั้งความหวังไว้เสมอ แม้เวลาที่ตกต่าก็อย่าทอดอาลัย จงคิดหวังเสมอว่าเราจะไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป สักวันหนึ่งเราอาจ จะดีขึ้นได้ 4. ต้องกล้าเผชิญกับความกลัวและความกังวลใจต่าง ๆ ในชีวิตของเรานี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ที่ทาให้กลัวเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น เมื่อรู้สึกกลัวอะไรต้องพยายามค้นหาความจริงว่าสิ่งนั้น คืออะไร อย่าปล่อยจิตใจให้หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล 5. ไม่ควรเก็บกดอารมณ์ที่ตึงเครียด ควรหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือไม่สบายใจ โดยหาทางออกในสิ่งที่สังคมยอมรับและเป็นไปในทางที่พึงปรารถนา
  • 13.
    6. จงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน การมีอารมณ์ขันช่วยให้มีอารมณ์ผ่อนคลาย ไม่ควรมองการไกลในแง่เอาเป็นเอาตายมากเกินไป 7.การยอมรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเอง การรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง จะช่วยให้เรายอมรับข้อบกพร่อง หรือความผิดพลาดของตนเอง และให้อภัยในความ ผิดพลาดของผู้อื่นได้ 8. ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทาอยู่ การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทาอยู่ จะทาให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทาให้ชีวิตน่าสนใจ มีความกระตือรือร้น ในการทางาน มีกาลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่างๆ มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ทาให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ 9. มีความต้องการพอเหมาะพอควรและมีความยืดหยุ่นได้ ต้องมีเหตุผล รู้จักความพอดีเกี่ยวกับความต้องการ ความปรารถนา ความทะเยอทะยาน ควรมีความคิดใฝ่ฝันที่ใกล้เคียงกับความ สามารถและความเป็นจริง จะช่วยให้เราวางแผนต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อประสบความสาเร็จตามเป้าหมายได้ 10. อย่าพะวงเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปหรืออย่าคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา เช่น คิดว่าตัวเองจะต้องเด่น ต้องดี ต้องสาคัญกว่าผู้อื่น การคิดแต่เรื่องของตัวเองจะทาให้เราไม่มีความสุขเลย เพราะไม่ว่าเราจะคิด อะไร ทาอะไรหรือไปที่ไหน จะต้องตกอยู่ในภาวะของการแข่งขันตลอดเวลา 11. การยอมรับสภาพของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะการเปรียบเทียบจะทาให้เราเกิดความน้อยเนื้อต่าใจว่า ทาไมเราจึงไม่โชคดีอย่างคนอื่น แต่เราอาจไม่ทราบว่า คนอื่นเขาก็ มีความทุกข์เหมือนกัน 12. การยึดคติว่า จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ การทาสิ่งใดให้ใครโดยหวังผลตอบแทน ย่อมจะทาให้ผิดหวังได้มากเพราะมัวแต่กังวลอยู่ว่าเราจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนหรือ ไม่ มากน้อยเพียงใด เมื่อไม่ได้รับตามที่ตนคาดหวังก็จะผิดหวังทาให้ไม่มีความสุข คิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอยู่เสมอ 13. การหาเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง หรือใครก็ได้ที่สามารถระบายความทุกข์และปรึกษาหารือได้เพราะการมีเพื่อนจะทา ให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลก
  • 14.
    14. จงปล่อยให้เหตุการณ์บางอย่างผ่านไปตามแนวทางของมัน อย่าไปฝืนหรือเอาจริงเอาจังเกินไป เมื่อทาอะไรไม่สาเร็จก็เกิดอารมณ์ตึงเครียดจงหยุดพักเสียระยะหนึ่งแล้วค่อยหันกลับมาทา ใหม่ หรือเปลี่ยนแนวทางการกระทาเสียใหม่ 15. จงตระหนักว่า เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด เมื่อพลาดหวังหรือผิดหวัง จงอดทนและมีความหวังต่อไป ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาโดยการทาลายตัวเองต้องนึกไว้เสมอว่าถ้าเราปล่อยให้เวลา ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ความเจ็บปวดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด 16. อย่าปล่อยให้เวลาว่างไปวันหนึ่ง ๆ โดยไม่ทาอะไร การปล่อยให้เวลาว่าง จะทาให้คิดฟุ้ งซ่าน ต้องพยายามหางานอดิเรกที่ตนสนใจทา เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬาอ่าน หนังสือ ฯลฯ โดยเฉพาะงานอดิเรกที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ จะช่วยบารุงจิตใจให้ชีวิตมีความสุขสดชื่น และมีความสงบ ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อเสนอแนะ หรือแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างกว้าง ๆ การที่จะดารงชีวิตอยู่ให้มีความสุข เพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลว่า จะนาหลักการหรือแนวทางไปดัดแปลงปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนแค่ไหน เพียงใด และจริงจังหรือไม่ โครงงานที่เกี่ยวข้อง ในปัจจุบัน สังคม วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงไป และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงนี้ยังดาเนินไปเรื่อยๆ ในทิศทางที่ไม่ แน่นอนตามธรรมชาติ ถ้าให้ทุกคนลองพิจารณาในด้านความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวกับสังคมและวิถีชีวิตของแต่ละคน พบว่าจะไม่เหมือนกัน ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทุกท่านจะทาอย่างไรให้ทุกคนในครอบครัวและสังคมมีความสุข การที่ครอบครัวมีความสุขย่อมต้องควบคู่ไปกับสังคมสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบกันไป มาก ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่สังคมมีปัญหายาเสพติด เกม ความรุนแรง ปัญหาพฤติกรรมต่าง ๆ ปัญหาอารมณ์ ผลที่ตามมา ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไม่เพียงแต่เป็นความกังวลว่าอาจโดนทาร้าย ถูกรังแกจากกลุ่มสังคมที่มีปัญหา แต่ยังรวมถึงความกลัวที่ คิดว่าลูกหลานนั้นมีโอกาสมากขึ้นในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้
  • 15.
    ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกๆ คนในสังคมจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งป้องกันเสริมความแข็งแรงทั้งกาย และใจให้กับทุกคนในสังคมของเราการตั้งต้นควรเริ่มจากตนเอง สารวจตนเองว่า .....ท่านเป็นคนอย่างไร .....ท่านมีจุดดี จุดด้อยในด้านใด .....ท่านมีจุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิตอย่างไร .....ท่าน มีความสุขไหม ที่สาคัญ คนรอบข้างที่อยู่กับท่านมีความสุขเหมือนท่านหรือเปล่า คาถามเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาในการคิด พิจารณา หลาย ๆ คนอาจคิดว่าไมเห็นมีอะไร ทาไมจึงต้องรู้สิ่งเหล่านี้ ถ้ามองให้ดีสิ่งที่ถามมาเป็นคาถามที่หากอ่านผ่าน ๆ สิ่งเหล่านนี้ก็จะผ่านไป แต่ถ้ามองและคิดอย่างไตร่ตรองจะเป็นการทาความรู้จัก กับตนเอง เช่น ท่านอาจบอกว่าท่านเป็นคนวิตกกังวล กลัว ไม่มั่นใจในการทาสิ่งต่างๆ แต่เป็นคนดี จุดดี คือ ขยัน รับผิดชอบการทางานมาก ๆ จุดมุ่งหมายในการดาเนินชีวิต คือ ความถูกต้อง ยุติธรรม การทาทุกอย่างให้ดีที่สุด ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับท่านได้มากที่สุด คือ ถึงแม้ท่านจะมีความสุข ประสบความสาเร็จในการทางาน ในทางกลับกัน ท่านอาจจะเหนื่อยมาก ท้อแท้ มีความคาดหวังในบางครั้งที่มากเกินไปจนเครียดสะสม สุดท้ายสังคมจะได้รับผลกระทบจากความเครียด นั้นท่านหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ทางานได้ช้าลงและมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เคยทาได้เป็นต้น หลังจาก ที่รู้จักกับตนเองแล้ว ถือว่าท่านมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนั่นคือ การรู้จักตนเอง ย่อมนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี และนามาซึ่งความสุข ส่วนหลักการเปลี่ยนแปลงตนเองมีหลักการง่ายๆ คือ ท่านลองถามตนเองว่า .....ท่านมีความทุกข์ไหม .....ท่านเหนื่อยไหม .....ท่านท้อแท้หรือเปล่า
  • 16.
    ถ้าใช่ ท่านควรรีบจัดการกับตนเอง ลุกขึ้นและลองเปลี่ยนวิถีชีวิตเดิม ๆ เปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสม บางครั้งถ้ายังจัดการไม่ได้ให้ตั้ง สติให้ได้ก่อน ถ้ายังไม่พร้อมคิด ให้เก็บไว้ชั่วคราวแล้วจึงค่อยมาจัดการเมื่อพร้อมกว่านี้ แนวคิดที่ควรเปลี่ยน ได้แก่ .....โลกนี้ทุกอย่างต้องยุติธรรม .....ทาไมไม่มีใครเข้าใจฉัน .....ทาไม่ถึงเป็นอย่างนี้ การเปลี่ยนแนวคิดที่ไม่เหมาะสมจะช่วยให้ท่านมีความสุข ความคิดและอารมณ์ควรเหมาะสม เป็นแนวคิดที่ไม่สุดโต่งจนเกินไป เช่น โลกนี้อาจมีบางครั้งที่ไม่ยุติธรรมได้ ไม่มีใครเข้าใจจิตใจตัวเองเลย ไม่มีใครรู้ว่าทาไมถึงเป็นแบบนี้ และถึงแม้คิดก็ไม่สามารถหาคาตอบได้ ว่าเพราะอะไร (ป่วยการที่จะคิด) ดังที่กล่าวมาตอนต้น ถ้าท่านมีความสุข คนรอบข้างท่านก็จะมีความสุขตามไปด้วย ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกคนจะร่วมรู้จัก รักตนเอง.....รักคนอื่น และรักสังคมของเรา....
  • 17.
    บทที่ 3 วิธีการจัดทาโครงงาน วัสดุและอุปกรณ์ วัสดุและอุปการณ์ที่ใช้ในการจัดทาโครงงานได้แก่ 1.โน๊ตบุ๊ค 2.เครื่องปลิ้น 3.กระดาษA4 4.ปากกา วิธีการจัดทาโครงงาน 1. การวิเคราะห์ระบบเป็นขั้นตอนของการคัดเลือกหัวข้อ การศึกษาค้นคว้าข้อมูลและการจัดทาข้อเสนอโครงงาน 2. การออกแบบระบบ เป็นการออกแบบลักษณะเนื้อหา 3. การบารุงรักษาระบบ เป็นการจัดทารายงานโครงงานการดารงชีวิตอย่างมีความสุข
  • 18.
    บทที่ 4 ผลการศึกษา จากการศึกษาเรื่อง การดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยผ่านSlide Share ในการจัดทาโครงงานครั้งนี้ ผู้จัดทาได้รับความรู้เรื่องการดารงชีวิตอย่างมีความสุขอย่างมากคือการดารงชีวิตอย่างมีความสุข คนที่มีความสุข คือคนที่มี ความสมหวัง เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงานประสบความสาเร็จตามความปรารถนา มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล มีอารมณ์มั่นคง มีความอดทนและมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริง ในชีวิต ทาตัวให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมกล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดารงชีวิตประจาวัน ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่น ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้น ไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข อาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ คือ 1. พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เป็นที่ทราบกันแล้วว่า สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด คนที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ย่อมมีจิตใจร่าเริง สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง ย่อมเจ็บป่วยเสมอ ทาให้มีอารมณ์หงุดหงิด ราคาญใจ ดังนั้นเราจึงควร รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีการพักผ่อนเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกาย และเครื่องใช้ ตลอดจนหมั่นออกกาลังกายอยู่เสมอ 2. รู้จักตนเองอย่างแท้จริง ควรสารวจตัวเองว่า เป็นคนอย่างไร มีความสามารถทางใด แค่ไหน มีความสนใจและต้องการสิ่งใด มีอะไรเป็นข้อดีและข้อเสีย พยายามทางแก้ไขข้อบกพร้องและส่งเสริมส่วนที่ดี จะทาให้เราตั้งเป้าหมายของชีวิตได้เหมาะสมกับความเป็นจริง ตลอดจนมีโอกาส พบกับความสาเร็จและความสมหวังได้มาก
  • 19.
    3. จงเป็นผู้มีความหวัง เราควรตั้งความหวังไว้เสมอ แม้เวลาที่ตกต่าก็อย่าทอดอาลัยจงคิดหวังเสมอว่าเราจะไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ตลอดไป สักวันหนึ่งเรา อาจจะดีขึ้นได้ 4. ต้องกล้าเผชิญกับความกลัวและความกังวลใจต่าง ๆ ในชีวิตของเรานี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ที่ทาให้กลัวเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น เมื่อรู้สึกกลัวอะไรต้องพยายามค้นหาความจริงว่าสิ่งนั้นคืออะไร อย่าปล่อยจิตใจให้หวาดกลัวโดยไม่มีเหตุผล 5. ไม่ควรเก็บกดอารมณ์ที่ตึงเครียด ควรหาทางระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวหรือไม่สบายใจ โดยหาทางออกในสิ่งที่สังคมยอมรับและเป็นไปในทางที่พึงปรารถนา 6. จงเป็นผู้มีอารมณ์ขัน การมีอารมณ์ขันช่วยให้มีอารมณ์ผ่อนคลาย ไม่ควรมองการไกลในแง่เอาเป็นเอาตายมากเกินไป 7. การยอมรับข้อบกพร่องและข้อผิดพลาดของตนเอง การรู้จักตนเองและเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง จะช่วยให้เรายอมรับข้อบกพร่อง หรือความผิดพลาดของตนเอง และให้อภัยในความ ผิดพลาดของผู้อื่นได้ 8. ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทาอยู่ การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทาอยู่ จะทาให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทาให้ชีวิตน่าสนใจ มีความกระตือรือร้น ในการทางาน มีกาลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่างๆ มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ทาให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ 9. มีความต้องการพอเหมาะพอควรและมีความยืดหยุ่นได้ ต้องมีเหตุผล รู้จักความพอดีเกี่ยวกับความต้องการ ความปรารถนา ความทะเยอทะยาน ควรมีความคิดใฝ่ฝันที่ใกล้เคียงกับความ สามารถและความเป็นจริง จะช่วยให้เราวางแผนต่าง ๆ ไว้เป็นระยะ ๆ เพื่อประสบความสาเร็จตามเป้าหมายได้ 10. อย่าพะวงเกี่ยวกับตนเองมากเกินไปหรืออย่าคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลา เช่น คิดว่าตัวเองจะต้องเด่น ต้องดี ต้องสาคัญกว่าผู้อื่น การคิดแต่เรื่องของตัวเองจะทาให้เราไม่มีความสุขเลย เพราะไม่ว่าเราจะคิด อะไร ทาอะไรหรือไปที่ไหน จะต้องตกอยู่ในภาวะของการแข่งขันตลอดเวลา
  • 20.
    11. การยอมรับสภาพของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะการเปรียบเทียบจะทาให้เราเกิดความน้อยเนื้อต่าใจว่า ทาไมเราจึงไม่โชคดีอย่างคนอื่นแต่เราอาจไม่ทราบว่า คนอื่นเขาก็มี ความทุกข์เหมือนกัน 12. การยึดคติว่า จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ การทาสิ่งใดให้ใครโดยหวังผลตอบแทน ย่อมจะทาให้ผิดหวังได้มากเพราะมัวแต่กังวลอยู่ว่าเราจะได้รับอะไรเป็นการตอบแทนหรือไม่ มากน้อยเพียงใด เมื่อไม่ได้รับตามที่ตนคาดหวังก็จะผิดหวังทาให้ไม่มีความสุข คิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอยู่เสมอ 13. การหาเพื่อนสนิทสักคนหนึ่ง หรือใครก็ได้ที่สามารถระบายความทุกข์และปรึกษาหารือได้ เพราะการมีเพื่อนจะทาให้เรารู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลก 14. จงปล่อยให้เหตุการณ์บางอย่างผ่านไปตามแนวทางของมัน อย่าไปฝืนหรือเอาจริงเอาจังเกินไป เมื่อทาอะไรไม่สาเร็จก็เกิดอารมณ์ตึงเครียด จงหยุดพักเสียระยะหนึ่ง แล้วค่อยหันกลับมาทาใหม่ หรือเปลี่ยนแนวทางการกระทาเสียใหม่ 15. จงตระหนักว่า เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด เมื่อพลาดหวังหรือผิดหวัง จงอดทนและมีความหวังต่อไป ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือหลีกเลี่ยงปัญหาโดยการทาลายตัวเองต้องนึกไว้เสมอว่า ถ้าเราปล่อยให้เวลา ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ความเจ็บปวดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด 16. อย่าปล่อยให้เวลาว่างไปวันหนึ่ง ๆ โดยไม่ทาอะไร การปล่อยให้เวลาว่าง จะทาให้คิดฟุ้งซ่าน ต้องพยายามหางานอดิเรกที่ตนสนใจทา เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ฯลฯ โดยเฉพาะงานอดิเรกที่เกี่ยวพันกับธรรมชาติ จะช่วยบารุงจิตใจให้ชีวิตมีความสุขสดชื่น และมีความสงบที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียง ข้อเสนอแนะ หรือแนวทางในการปฏิบัติตนอย่างกว้าง ๆ การที่จะดารงชีวิตอยู่ให้มีความสุขเพียงใดขึ้นอยู่กับบุคคลว่า จะนาหลักการ หรือแนวทางไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนแค่ไหน เพียงใด และจริงจังหรือไม่
  • 21.
    บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลการศึกษา จากการจัดทาโครงงานพบว่าการดารงชีวิตอย่างมีความสุขก็คือ การที่เราได้ทาอะไรบางอย่างเพื่อสังคมและส่วนรวมและการ ที่เรารู้จักใช้ชีวิตประจาวันโดยใช้ทฤษฎีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการดารงชีวิตในปัจุบัน และมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่นดังนั้น ความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือยากจน แนวความคิดทางด้านจิตวิทยาเกี่ยวกับการดารงชีวิตอย่างมีความสุข ข้อเสนอแนะ 1.อยากให้มนุษย์เรารู้จักการดารงชีวิตอย่างมีความสุข 2.ควรมีการจัดทาสื่อการเรียนการสอนการดารงชีวิตอย่างมีความสุขโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 3.ควรให้คาแนะนาความรู้แก่ประชาชนในหลายๆด้าน
  • 22.
  • 23.
    ชื่อ นางสาววรรณนภา นามสกุลทรัพย์มูล อายุ 18 ปี ที่อยู่ 109 หมู่ 2 บ้านเดิด ตาบลเดิด อาเภอเมือง จังหวัดยโสธร เบอร์โทรศัพท์ 0872427350 ข้อมูลผู้จัดทา