SlideShare a Scribd company logo
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรไทย 
โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
• บทคัดย่อ 
• ในปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมาขึน้ ซึง้การดูแลสุขภาพนัน้มีมาตัง้แต่ 
สมัยโบราณ โดยใช้สมุนไพรหรือผักผลไม้หรือดอกไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ 
นามาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคงคุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคไว้ 
เช่นเดิม นา้ดื่ม สมุนไพร คือส่วนหนงึ่ของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พร้อมกับพัฒนา 
ศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยงั่ยืนคู่สังคมไทย และสภาพแวดล้อมไทยต่อไป 
นา้เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบัน การบริโภค นา้เพื่อสุขภาพมียอดเพิ่มขึน้ทวั่โลก 
เพราะ ทุกคนตระหนักแล้วว่าเครื่องดื่ม ประเภทนี้ไม่เพียงชว่ยดับกระหายเท่านัน้ แต่ยังมี 
สารอาหารมากมายด้วย ในประเทศไทยจานวนคนที่ดื่มนา้เพื่อสุขภาพเป็นประจามีเพิ่มขึน้ 
อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดี นา้เพื่อสุขภาพอุดมไปด้วย วิตามิน ซีและเอ 
ซงึ่มีประโยชน์ แก่ร่ายกายในการป้องกันโรค บางประเทศนัน้ให้ความสาคัญของการ กินผัก 
ผลไม้ มากในทวีปเอเชีย เช่น ฮ่องกง รัฐบาล มีการรณรงค์ ให้ประชาชนรับประทานผลไม้ 
สามส่วนและผักอีกสองส่วนเป็นประจาทุกวัน สิ่งที่เห็นได้ว่า ประชาชนให้ความสาคัญต่อ 
การดื่มนา้ผักผลไม้มากขึน้ เช่น บาร์ หลายแหง่หันมาจาหนา่ยนา้ผลไม้ด้วย แสดงว่าคนหนุ่ม 
สาวกาลังนิยมและดื่มนา้เพื่อสุขภาพมากขึน้ ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหานา้เพื่อสุขภาพไม่ 
เติมนา้ตาลมากขึน้ คนทวั่ไปชอบนา้เพื่อบรรจุกระป๋อง เพราะความสะดวกเก็บไว้ได้นาน 
ราคาย่อมเยาและรสชาติอร่อยคนทวั่ไปเริ่มซือ้นา้ผลไม้มารับประทานที่บ้าน หลายคน 
ตระหนักว่านา้เพื่อสุขภาพสาคัญต่อภาวะโภชนาการดังนัน้ในแต่ละวัน ผู้คนจึงดื่มนา้ผลไม้ 
มากพอสมควร
กิตติกรรมประกาศ 
โครงงานนีส้าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ คุณครูผู้สอนที่ 
ให้ความรู้และคาแนะนา ตรวจทานและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วย 
ความเอาใจใส่ทุกขัน้ตอน เพื่อให้โครงงานฉบับนีส้มบูรณ์ที่สุด และ 
เพื่อนๆทุกคนที่ช่วยกันค้นคว้าหาข้อมูลในการทาโครงงานครัง้นี้ 
ขอขอบคุณพระคุณครอบครัวคณะผู้จัดทา ที่อยู่เบอื้งหลังใน 
ความสาเร็จ ที่คอยให้ความช่วยเหลือและให้กาลังใจตลอดมา
บทที่1 
บทนา 
1.1 ที่มาและความสา คัญของโครงงาน 
กินอยู่อย่างไทย ตามแบบภูมิปัญญาไทยเพื่อบารุงสุขภาพ โดยใช้สมุนไพรหรือผัก 
ผลไม้หรือดอกไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ นามาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคง 
คุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคไว้เช่นเดิม นา้ดื่ม สมุนไพร คือส่วนหนงึ่ของการ 
อนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พร้อมกับพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยงั่ยืนคู่สังคมไทย และ 
สภาพแวดล้อมไทยต่อไป 
นา้เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบัน การบริโภค นา้เพื่อสุขภาพมียอดเพิ่มขึน้ทวั่โลก เพราะ ทุก 
คนตระหนักแล้ววา่เครื่องดื่ม ประเภทนี้ไม่เพียงช่วยดับกระหายเท่านัน้ แตยั่งมีสารอาหาร 
มากมายด้วย ในประเทศไทยจานวนคนที่ดื่มนา้เพื่อสุขภาพเป็นประจามีเพิ่มขึน้อย่างเห็นได้ชัด 
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดี นา้เพื่อสุขภาพอุดมไปด้วย วิตามิน ซีและเอ ซงึ่มีประโยชน์ แก่ร่าย 
กายในการป้องกันโรค บางประเทศนัน้ให้ความสาคัญของการ กินผักผลไม้ มากในทวีปเอเชีย เช่น 
ฮ่องกง รัฐบาล มีการรณรงค์ ให้ประชาชนรับประทานผลไม้สามส่วนและผักอีกสองส่วนเป็น 
ประจาทุกวัน สิ่งที่เห็นได้ว่า ประชาชนให้ความสาคัญต่อการดื่มนา้ผักผลไม้มากขึน้ เช่น บาร์ 
หลายแห่งหันมาจาหน่ายนา้ผลไม้ด้วย แสดงว่าคนหนุ่มสาวกาลังนิยมและดื่มนา้เพื่อสุขภาพมาก 
ขึน้ ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหานา้เพื่อสุขภาพไม่เติมนา้ตาลมากขึน้ คนทวั่ไปชอบนา้เพื่อบรรจุ 
กระป๋อง เพราะความสะดวกเก็บไว้ได้นานราคาย่อมเยาและรสชาติอร่อยคนทวั่ไปเริ่มซือ้นา้ผลไม้ 
มารับประทานที่บ้าน หลายคนตระหนักว่านา้เพื่อสุขภาพสาคัญต่อภาวะโภชนาการดังนัน้ในแต่ 
ละวัน ผู้คนจึงดื่มนา้ผลไม้มากพอสมควร
• 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 
1. เพื่อนาเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน 
2. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ 
3. เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย 
4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก ผลไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆของไทย 
• 1.3 สมมติฐานของโครงงาน 
สามารถเรียนรู้ถึงประโยชน์ และโทษของผัก ผลไม้ไทย และเพื่อที่จะสร้างผลงาน 
ออกมาให้เป็นข้อคิดที่ดีและเป็นประโยชน์แก่สังคมไทยได้ 
• 1.4 ขอบเขตของโครงงาน 
1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย 
• 2. ศึกษาค้นคว้าการทาสมุนไพรไทย 
• 3. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร 
• 4.ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร 
• 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 
1.ผู้คนที่หันกลับมาดูแลรักษาสุขภาพมากขนึ้ 
2.นา้ผักและผลไม้ช่วยให้สุขภาพดี 
3. ทาให้ทราบถึงประสิทธิภาพของสมุนไพรชนิดนัน้ๆ
1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 
• สมุนไพร หมายถึง ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุ ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับ 
สารอื่นตามตารับยา เพื่อบาบัดโรค บารุง ร่างกาย หรือใช้เป็นยาพิษ 
• ผัก คือพืชที่มนุษย์นาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชอาทิ ผล ใบ ราก ดอก หรือลาต้น มาประกอบ 
อาหาร ซึ่งไม่นับรวมผลไม้ ถั่ว สมุนไพร และเครื่องเทศ แต่เห็ด ซึ่งในทางชีววิทยาจัดเป็น 
พวกเห็ดรา ก็นับรวมเป็นผักด้วย 
• ผลไม้หมายถึง ผลที่เกิดจากการขยายพันธ์โุดยอาศัยเพศของพืชบางชนิด ซงึ่มนุษย์สามารถ 
รับประทานได้ และส่วนมากจะไม่ทาเป็นอาหารคาว ตัวอย่างผลไม้ 
เช่น กล้วย มะม่วง รวมถึง มะเขือเทศ ที่สามารถจัดได้ว่าเป็นทัง้ผักและผลไม้ 
• ดอกไม้ หมายถึง ส่วนหนึ่งของพรรณไม้ที่ผลิออกจากต้นหรือกิ่ง มีหน้าที่ทาให้เกิดผลและ 
เมลด็เพื่อสืบพันธ์ุมีเกสรและเรณูเป็นเครื่องสืบพันธ์ุเรียกเต็มว่าดอกไม้ ลวดลายที่เป็นดอก 
เป็นดวงตามผืนผ้าเป็นต้น (ปาก) ค่าตอบแทนที่บุคคลหนึ่งต้องใช้ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง 
เพื่อการที่ได้ใช้เงินของบุคคลนัน้ หรือเพื่อทดแทนการไม่ชาระหนีห้รือชาระหนีไ้ม่ถูกต้อง 
เรียกเต็มว่า ดอกเบีย้ ลักษณะนามของสิ่งของบางอย่าง เช่น ข้าวโพดดอกหนงึ่ สว่านหนงึ่ 
ดอก.(โบ) ก. ทา เช่น ดอกขายหูขายตา ดอกบนาพารู้. (ลอ).ว. คาประกอบให้ได้ความชัดขึน้ 
เช่น ฉันดอก ไม่ใช่คนอื่น ทาไม่ได้ดอก (ปาก) มักพูดว่า หรอก เช่น ไม่ไปหรอก. ก. หลอก 
เช่น บ้างดอกล้อแล้วโลมคืน. (ม. คาหลวง ชูชก).
บทที่2 
เอกสารและงานที่เก่ยีวข้อง 
สมุนไพร หมายถึง "ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุ ที่ใช้ 
เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตารับยา เพื่อบาบัดโรค บารุง ร่างกาย 
หรือใช้เป็นยาพิษ" หากนาเอาสมุนไพรตัง้แต่สองชนิดขึน้ไปมาผสม 
รวมกันซึ่งจะเรียกว่า ยา ในตารับยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจ 
ประกอบด้วยสัตว์และแร่ธาตุอีกด้วย เราเรียกพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่เป็น 
ส่วนประกอบของยานีว้่า เภสัชวัตถุพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น 
เร่ว กระวานกานพลูและจันทน์เทศ เป็นต้น พืชเหล่านีถ้้านามาปรุง 
อาหารเราจะเรียกว่า เครื่องเทศ
• ความหมาย 
• คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ 
ทาเป็นเครื่องยา สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ 
โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อันหมายถึงทัง้การส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค 
ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร 
หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น 
พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลาต้น ใบ ดอก ผลฯลฯ ซงึ่มิได้ผ่านขัน้ตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ 
ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหนั่ให้เป็นชิน้เล็กลง บด 
เป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทวั่ไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักนึก 
ถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเท่านัน้ 
• ลักษณะพืชสมุนไพร นัน้ตัง้แต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซงึ่ เชื่อกันอีก 
ด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ ก็เป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทัง้สนิ้เพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมี 
คุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านัน้
• พืชสมุนไพร หรือวัตถุธาตุนี้หรือตัวยาสมุนไพรนี้แบ่งออกเป็น 5 ประการ ดังนี้ 
• รูป ได้แก่ ใบไม้ ดอกไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ กระพีไ้ม้ รากไม้ เมล็ด 
• สี มองแล้วเห็นว่าเป็นสีเขียวใบไม้ สีเหลือง สีแดง สีส้ม สีม่วง สีนา้ตาล สีดา 
• กลิ่น ให้รู้ว่ามรกลิ่น หอม เหม็น หรือกลิ่นอย่างไร 
• รส ให้รู้ว่ามีรสอย่างไร รสจืด รสฝาด รสขม รสเคม็ รสหวาน รสเปรีย้ว รสเย็น 
• ชื่อ ต้องรู้ว่ามีชื่ออะไรในพืชสมุนไพรนัน้ ๆ ให้รู้ว่า ขิงเป็นอย่างไร ข่า เป็นอย่างไร ใบขีเ้หล็กเป็น 
อย่างไร 
• ประเภทของยาเภสัชวัตถุ 
• ในพระราชบัญญัติยาฉบับที่3 ปีพุทธศักราช 2522 ได้แบ่งยาที่ได้จากเภสัชวัตถุนีไ้ว้เป็น 2 
ประเภทคือ ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาที่ใช้ในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณหรือในการ 
บาบัดโรคของสัตว์ ซงึ่มีปรากฏอยู่ในตารายาแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ หรือยาที่รัฐมนตรี 
ประกาศให้เป็นยาแผนโบราณ หรือได้รับอนุญาตให้ขึน้ทะเบียนตารับยาเป็นยาแผนโบราณ 
• ยาสมุนไพร หมายถึงยาที่ได้จากพืชสัตว์แร่ธาตุที่ยังมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพสมุนไพร 
นอกจากจะใช้เป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ใช้เตรียมเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นอาหารเสริม 
เป็นส่วนประกอบในเครื่องสาอาง ใช้แต่งกลิ่น แต่งสีอาหารและยา ตลอดจนใช้เป็นยาฆ่าแมลง 
อีกด้วย ในทางตรงกันข้าม มีสมุนไพรจานวนไม่น้อยที่มีพิษ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้เกินขนาดจะมี 
พิษถึงตายได้ ดังนัน้การใช้สมุนไพรจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังและใช้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันมี 
การตื่นตัวในการนาสมุนไพรมาใช้พัฒนาประเทศมากขนึ้
• บทบาททางเศรษฐกิจ 
• สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกระทรวง 
สาธารณสุขได้ดาเนิน โครงการ สมุนไพรกับสาธารณสุขมูลฐาน โดยเน้นการนา 
สมุนไพรมาใช้บาบัดรักษาโรคใน สถานบริการสาธารณสุขของรัฐมากขึน้ และ 
ส่งเสริมให้ปลูกสมุนไพรเพื่อใช้ภายในหมู่บ้านเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้สมุนไพร 
มากยิ่งขึน้ อันเป็นวิธีหนงึ่ที่จะช่วยประเทศชาติประหยัดเงินตราในการสงั่ซอื้ยา 
สาเร็จรูปจากต่างประเทศได้ปีละเป็นจานวนมาก 
• การศึกษาเพิ่มเติม ปัจจุบันมีผู้พยายามศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนายาสมุนไพรให้ 
สามารถนามาใช้ในรูปแบบที่สะดวกยงิ่ขึน้ เช่น นามาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล ตอก 
เป็นยาเม็ด เตรียมเป็นครีมหรือยาขีผึ้ง้เพื่อใช้ทาภายนอก เป็นต้น ในการศึกษาวิจัย 
เพื่อนาสมุนไพรมาใช้เป็นยาแผนปัจจุบันนัน้ ได้มีการวิจัยอย่างกว้างขวาง โดย 
พยายามสกัดสารสาคัญจากสมุนไพรเพื่อให้ได้สารที่บริสุทธิ์ ศึกษาคุณสมบัติ 
ทางด้านเคมี ฟิสิกส์ของสารเพื่อให้ทราบว่าเป็นสารชนิดใด ตรวจสอบฤทธิ์ด้านเภสัช 
วิทยาในสัตว์ทดลองเพื่อดูให้ได้ผลดีในการรักษาโรคหรือไม่เพียงใด ศึกษาความเป็น 
พิษและผลข้างเคียง เมื่อพบว่าสารชนิดใดให้ผลในการรักษาที่ดี โดยไม่มีพิษหรือมี 
พิษข้างเคียงน้อยจึงนาสารนัน้มาเตรียมเป็นยารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อทดลองใช้ 
ต่อไป
• การเก็บรักษาสมุนไพร 
• 1.ควรเก็บยาสมุนไพรไว้ในที่แห้งและเย็น สถานที่เก็บสมุนไพรนัน้ต้องมี 
อากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อขับไล่ความอับชืน้ที่อาจจะก่อให้เกิดเชือ้ราใน 
สมุนไพรได้ 
• 2.สมุนไพรที่จะเก็บรักษานัน้ต้องแห้งไม่เปียกชืน้ หากเสี่ยงต่อการขึน้ราได้ 
ควรนาสมุนไพรนัน้ออกมาตากแดดอย่างสม่าเสมอ 
• 3.ในการเก็บสมุนไพรนัน้ควรแยกประเภทของสมุนไพรในการรักษาโรค เพื่อ 
ป้องกันการหยิบยาผิดซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ 
• 4.ควรตรวจดูความเรียบร้อยในการเก็บสมุนไพรบ่อย ๆ ว่ามีสัตว์หรือแมลง 
ต่างๆ เข้าไปทาลายหรือก่อความเสียหายกับสมุนไพรที่เก็บรักษาหรือไม่ ถ้ามี 
ควรหาทางป้องกันเพื่อรักษาคุณภาพของสมุนไพร
• การใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้ 
• 1. ใช้ให้ถูกต้น สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซา้กันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน 
จึงต้องรู้จักสมุนไพร และใช้ให้ถูกต้น 
• 2.ใช้ให้ถูกส่วน ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด จะมีฤทธิ์ไม่ 
เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อนก็มีฤทธิ์ต่างกันด้วย จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้ 
• 3.ใช้ให้ถูกขนาด สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็น 
อันตราย หรือเกิดพิษต่อร่างกายได้ 
• 4.ใช้ให้ถูกวิธี สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า บางชนิดใช้ต้ม 
จะต้องรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง 
• 5.ใช้ให้ถูกกับโรค เช่น ท้องผูกต้องใช้ยาระบาย ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ผาดสมานจะทาให้ 
ท้องผูกยิ่งขึน้
• วิธีการปรุงยาสมุนไพร โดย แพทย์หญิงนันทพร นิลวิเศษ และคนอื่นๆ 
• ตารายาไทยส่วนใหญ่กล่าวถึงวิธีปรุงยาไว้ 24 วิธี แต่บางตาราเพิ่มวิธีที่ 25 คือ วิธี 
กวนยา ทาเป็นขีผึ้ง้ปิดแผลไว้ด้วย 
ในจานวนวิธีปรุงยาเหล่านีมี้ผู้อธิบายรายละเอียดวิธีปรุงที่ใช้บ่อยๆ ไว้ดังนีคื้อ 
ยาต้ม 
การเตรียม ปริมาณที่ใช้โดยทวั่ไป คือ 1 กามือ เอาสมุนไพรมาขดมัดรวมกันเป็นท่อน 
กลมยาวขนาด 1 ฝ่ามือ กว้างขนาดใช้มือกาได้โดยรอบพอดี ถ้าสมุนไพรนัน้แข็ง นามาขดมัด 
ไม่ได้ให้หนั่เป็นท่อนยาว 5-6 นวิ้ฟุต กว้าง ๑/๒นวิ้ฟุต แล้วเอามารวมกันให้ได้ขนาด 1 กามือ 
การต้ม เทนา้ลงไปพอให้นา้ท่วมยาเล็กน้อย(ประมาณ 3-4 แก้ว) ถ้าปริมาณยาที่ระบุ 
ไว้น้อยมาก เช่น ใช้เพียง 1 หยิบมือ ให้เทนา้ลงไป 1 แก้ว (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) ต้มให้ 
เดือดนาน 10-30 นาที แล้วแต่ว่าต้องการให้นา้ยาเข้มข้นหรือเจือจาง ยาต้มนีต้้องกินใน 
ขณะที่ยายังอุ่นๆ 
ยาชง 
การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งชง โดยหนั่ต้นสมุนไพรสดให้เป็นชิน้เล็กๆ บางๆ แล้ว 
ผงึ่แดดให้แห้ง ถ้าต้องการให้ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวให้เอาไปควั่เสียก่อนจนมีกลิ่นหอม 
การชง ใช้สมุนไพร 1 ส่วน เติมนา้เดือดลงไป 10 ส่วน ปิดฝาตัง้ทงิ้ไว้15-20 นาที
• ยาดอง 
การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งดอง โดยบดต้นไม้ยาให้แหลกพอหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบาง 
หลวมๆ เผื่อยาพองตัวเวลาอมนา้ 
การดอง เติมเหล้าโรงให้ท่วมห่อยา ตัง้ทิง้ไว้ 7 วัน 
ยาปั้นลูกกลอน 
การเตรียม หนั่สมุนไพรสดให้เป็นแว่นบางๆ ผงึ่แดดให้แห้ง บดเป็นผงในขณะที่ยายังร้อน 
แดดอยู่เพราะยาจะกรอบบดได้ง่าย 
การปั้นยา ใช้ผงยาสมุนไพร 2 ส่วน ผสมกับนา้ผึง้หรือนา้เชื่อม 1 ส่วน ตัง้ทิง้ไว้ 2-3 
ชวั่โมง เพื่อให้ยาปั้นได้ง่ายไม่ติดมือ ปั้นยาเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 
เซนติเมตร เสร็จแล้วผึ่งแดดจนแห้ง จากนัน้อีก 2 สัปดาห์ให้นามาผงึ่แดดซา้อีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้ 
เชือ้ราขนึ้ยา 
ยาตา ค้นัเอาน้ากิน 
การเตรียม นาสมุนไพรสดๆ มาตาให้ละเอียดหรือจนกระทงั่เหลว ถ้าตัวยาแห้งไปให้เติมนา้ 
ลงไปจนเหลว 
การคัน้คัน้เอานา้ยาจากสมุนไพรที่ตาไว้นัน้มารับประทาน สมุนไพรบางอย่าง เช่น กระทือก 
ระชายให้นาไปเผาไฟให้สุกเสียก่อนจึงค่อยตา 
ยาพอก 
การเตรียม ใช้สมุนไพรสดตาให้แหลกที่สุดให้พอเปียกแตไ่ม่ถึงกับเหลว ถ้ายาแห้งให้เติมนา้ 
หรือเหล้าโรงลงไป 
การพอก เมื่อพอกยาแล้วต้องคอยหยอดนา้ให้ยาเปียกชืน้อยู่เสมอ เปลี่ยนยาวันละ 3 ครัง้
• ศัพท์ท่ใีช้ในการปรุงยา 
• ในการปรุงยาผู้ปรุงยังจาเป็นต้องรู้เกี่ยวกับคาบางคา ได้แก่ 
ทัง้ห้า หมายถึง ต้น ราก ใบ ดอก และผล 
ส่วน หมายถึง ส่วนในการตวง (ปริมาตร)ไม่ใช่การชงั่นา้หนัก 
กระสายยา หมายถงึ ตัวละลายยา เชน่ นา้ และนา้ปูนใส เป็นต้น 
การสะตุหมายถึงการแปรรูปลักษณะของบางอย่าง เช่น เกลือ สารส้ม หรือเครื่องยาให้เป็นผง 
บริสุทธิ์โดยวิธีทาให้สลายตัวด้วยไฟ เพื่อให้สิ่งที่ไม่ต้องการซึ่งเป็นมลทินระเหยหมดไปหรือเพื่อให้เครื่อง 
ยามีฤทธิ์อ่อนลงโดยอาจเติมสารบางอย่าง เช่น นา้มะนาว นา้มะลิ เป็นต้นทัง้นีขึ้น้อยู่กับเครื่องยาหรือ 
สมุนไพรนัน้ๆ 
ประสะ มีความหมาย 3 ประการคือ 
1. การทาความสะอาดตัวยา หรือการล้างยา เช่น การทาความสะอาดเหง้าขิง เหง้าข่า 
2. การใช้ปริมาณยาหลักเท่ากับยาทัง้หลายเชน่ ยาประสะกะเพรา มีกะเพราเป็นหลัก และตัว 
ยาอื่นๆ อีก ๖ ชนิด การปรุงจะใช้กะเพรา 6 ส่วน ตัวยาอื่นๆ อย่างละ 1 ส่วน รวม 6 ส่วนเท่ากะเพรา 
3. การทาให้พิษหรือสิ่งที่ไม่ต้องการของตัวยาอ่อนลง โดยที่ตัวยาที่ต้องการคงสภาพเดิม 
เช่น ประสะมหาหิงค์ุหมายถึงการทาให้กลิ่นเหม็นของมหาหิงค์ุลดลง โดยใช้นา้ใบกะเพราต้มเดือดมา 
ละลายมหาหิงค์ุ
• กาหนดอายุของยา 
• จะเห็นว่าการปรุงยาไทย มักใช้สมุนไพรหลายชนิด และใช้ 
วิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลในการรักษา และ 
คานึงถึงความปลอดภัยไปพร้อมกัน จึงกาหนดอายุของยาไว้ด้วยดังนี้ 
1. ยาผงที่ผสมด้วยใบไม้ล้วนๆ มีอายุได้ประมาณ 3-6 เดือน 
2. ยาผงที่ผสมด้วยแก่นไม้ล้วนๆ มีอายุได้ระหว่าง 6-8 เดือน 
3. ยาผงที่ผสมด้วยใบไม้และแก่นไม้อย่างละเท่ากัน มีอายุได้ 
ประมาณ 5-6 เดือน
• อายุของยาที่เป็นเม็ดเป็นแท่ง หรือลูกกลอนมีกา หนดอายุไว้ดังนี้ 
1. ยาเม็ดที่ผสมด้วยใบไม้ล้วนๆ มีอายุประมาณ 6-8 เดือน 
2. ยาเม็ดที่ผสมด้วยแก่นไม้ล้วนๆ มีอายุประมาณ 1 ปี 
3. ยาเม็ดที่ผสมด้วยหัวหรือเหง้าของพืช รวมกับแก่นไม้ มีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง 
ทัง้ยาเม็ดและยาผง ถ้าเก็บรักษาไว้ดีจะมีอายุยืนยาวกว่าที่กาหนดไว้ และถ้าเก็บรักษาไม่ดี 
ก็อาจเสื่อมเร็วกว่ากาหนดได้ 
• ข้อควรรู้เกี่ยวกับการปรุงยา 
1. ถ้าไม่ได้บอกไว้ว่าให้ใช้สมุนไพรสดหรือแห้ง ให้ถือว่าใช้สมุนไพรสด 
2. ยาที่ใช้กินถ้าไม่ได้ระบุวิธีปรุงไว้ ให้เข้าใจว่าใช้วิธีต้ม 
3. ยาที่ใช้ภายนอกร่างกายถ้าไม่ได้ระบุวิธีปรุงไว้ ให้เข้าใจว่าใช้วิธีตาพอก 
4. ยากิน ให้กินวันละ 3 ครัง้ก่อนอาหาร 
5. ยาต้ม ให้กินครัง้ละ 1/2 - 1 แก้ว ยาดองเหล้า และยาตาคัน้เอานา้กินครัง้ละ 1/2 - 1 
ช้อนโต๊ะ ยาผง กินครัง้ละ 1-2 ช้อนชา ยาปั้นลูกกลอนกินครัง้ละ 1-2 เม็ด (ขนาด 
เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร) และยาชง ให้กินครัง้ละ 1 แก้ว
บทที่3 
ข้นัตอนการดา เนินการ 
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 
1. กล้องดิจิตอล 
2. เอกสารเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ 
3. เอกสารการทาสมุนไพร 
4. ดินสอ ปากกา กระดาษ 
5. คอมพิวเตอร์เครื่องปริน้
• ข้นัตอนการดา เนินงาน 
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ ว่ามีเนือ้หามากน้อยเพียงใด 
และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทา 
เนือ้หาต่อไป 
3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน 
• 4. จัดทาข้อเสนอโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา 
5. นาเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครูที่ 
ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนือ้หาและการนาเสนอที่น่าสนใจต่อไป 
ทัง้นีเ้มื่อได้รับคาแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึน้ 
• 6. นาเสนออาจารย์ผู้สอนผ่านทางblogger
• บทที่4 
• ผลการดาเนินงาน 
• ในการจัดทาโครงงานสมุนไพรไทยจากผัก ผลไม้ ผู้จัดทาโครงงาน มี 
วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในการเรียนรู้ 
เรื่องสมุนไพรไทย อีกทัง้ยังสอดแทรกสาระความรู้ในเรื่องต่าง ๆเกี่ยวกับ 
สุขภาพ รวมทัง้เพื่อปลูกฝังการรักษาสุขภาพ นาเสนอผลงานออกมาเผยแพร่ 
ในรูปแบบต่างๆตลอดจนสามารถนาความรู้ที่ได้จากการทาโครงงานไป 
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เพื่อนาไปเป็นแนวทางในการรักษาสุขภาพ และ 
โรคภัยไข้เจ็บได้ จากการดาเนินการดังกล่าว มีผลการดาเนินงานดังนี้
• กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด 
• เสาวรส 
• ชื่ออื่น : สุคนธรส (ภาคกลาง) 
• สรรพคุณ : ลดไขมันในเส้นเลือด 
• วิธีและปริมาณที่ใช้ : ใช้ผลที่แก่จัด ไม่จากัดจานวน ล้างสะอาด ผ่าครึ่ง 
คัน้เอาแต่นา้ เติมเกลือและนา้ตาลเล็กน้อย ให้รสกลมกล่อมตามชอบ 
ใช้ดื่มเป็นนา้ผลไม้ ลดไขมันในเส้นเลือด
• กระเจี๊ยบ 
• ชื่ออื่น : กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรีย้ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง 
• สรรพคุณ : 
• กลีบเลยี้งของดอก หรือกลีบที่เหลอือยู่ที่ผล 
• เป็นยาลดไขมันในเส้นเลอืด และช่วยลดนา้หนักด้วย 
• ลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด 
• นา้กระเจี๊ยบทาให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง 
• ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี 
• นา้กระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่ง 
• ช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลงั่ของกรดในกระเพาะ 
• เพิ่มการหลงั่นา้ดีจากตับ 
• เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริคอยู่ด้วย 
• ใบ แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก 
• ดอก แก้โรคนิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลาไส้ให้ 
ลงสู่ทวารหนัก 
• ผล ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายนา้ รักษาแผลในกระเพาะ 
• เมล็ด บารุงธาตุ บารุงกาลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด 
• นอกจากนีไ้ด้บ่งสรรพคุณโดยไมไ่ด้ระบุว่าใช้ส่วนใด ดังนีคื้อ แก้อ่อนเพลีย บารุงกาลัง บารุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ 
ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายนา้ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาไส้ ลดไขมันในเลือด บารุง 
โลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน 
นอกจากใช้เดี่ยวๆ แล้ว ยังใช้ผสมในตารับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ใช้ถ่ายพยาธิตัวจี๊ด
• กลุ่มยารักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลือ้น 
• กุ่มบก 
• ชื่ออื่น : ผักกุ่ม 
• สรรพคุณ : 
• ใบ - ขับลม ฆ่าแม่พยาธิ เช่น พวกตะมอย และทาแก้เกลือ้นกลาก 
• เปลือก - ร้อน ขับลม แก้นิ่ง แก้ปวดท้อง ลงท้อง คุมธาตุ 
• กระพี้- ทาให้ขีหู้แห้งออกมา 
• แก่น - แก้ริดสีดวง ผอม เหลือง 
• ราก - แก้มานกษัย อันเกิดแต่กองลม
• ขมนิ้ 
• ชื่ออื่น : ขมิน้ (ทวั่ไป) ขมิน้แกง ขมิน้หยอก ขมิน้หัว (เชียงใหม่) ขีมิ้น้หมิน้ 
(ภาคใต้) 
• ส่วนที่ใช้: เหง้าแก่สด และแห้ง 
• สรรพคุณ : 
• 1. เป็นยาภายใน 
- แก้ท้องอืด 
- แก้ท้องร่วง 
- แก้โรคกระเพาะ 
• 2. เป็นยาภายนอก 
- ทาแก้ผื่นคัน โรคผิวหนัง พุพอง 
- ยารักษาชันนะตุและหนังศีรษะเป็นเม็ดผื่นคัน
• นมอิน 
• ช่อือื่น : นมอิน (สุราษฎร์ธานี); ผักปอดบก (ภาคเหนือ); แพงพวยบก, แพงพวยฝรั่ง 
(กรุงเทพมหานคร) 
• ส่วนที่ใช้: ใบ ราก ทัง้ต้นสดหรือแห้ง 
• สรรพคุณ : 
• ใบ - บารุงหัวใจ ช่วยย่อย 
• ราก 
- แก้บิด ขับพยาธิ ใช้ห้ามเลือด 
- รักษามะเร็งในเม็ดเลือด 
• ทั้งต้น 
- แก้เบาหวาน ลดความดัน 
- รสจืด เย็นจัด ใช้แก้ร้อน 
- ขับปัสสาวะ แก้บวม ถอนพิษสาแดง ถอนพิษต่างๆ แก้ไอแห้งๆ เกิดจากร้อน 
- แก้อาการตัวเหลืองอันเกิดจากพิษสุรา 
- แก้โรคหนองใน หัด ผื่นคันและแผลอักเสบอื่นๆ
บทที่5 
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 
• 5.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 
1. เพื่อนาเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน 
2. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ 
3 เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย 
4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก ผลไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆของไทย 
• 5.2 ขอบเขตของโครงงาน 
1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย 
2. ศึกษาค้นคว้าการทาสมุนไพรไทย 
3. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร 
4.ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร
• 5.3วิธีการดาเนิน 
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ ว่ามีเนือ้หามากน้อย 
เพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูล 
ไว้เพื่อจัดทาเนือ้หาต่อไป 
3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน 
4. จัดทาข้อเสนอโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา 
5. นาเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครู 
ที่ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนือ้หาและการนาเสนอที่น่าสนใจ 
ต่อไป ทัง้นีเ้มื่อได้รับคาแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึน้ 
6. จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยนาเสนอเป็นรูปเล่ม
• 5.1 สรุปผลการศึกษา 
จากการศึกษาทดลองโครงงานเรื่อง สมุนไพรไทยในปัจจุบัน โดยแยกการศึกษาดังนี้ 
• 1. สมุนไพรที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันผู้ป่วยที่เป็น 
โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดเพิ่มขึน้เรื่อยๆ ซงึ่เกิดจากไม่รักษาสุขภาพ ไม่ออกกาลัง 
กาย และที่สาคัญกินอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป จึงเป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้มี 
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดเพิ่มมากขึน้ ซงึ่ในประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วย 
ลดไขมันในเส้นเลือดนัน้ก็คือ เสาวรส ซงึ่เสาวรสเป็นไม้เถา เถามีลักษณะกลม ใบ เป็น 
ใบเดี่ยว ผลเป็นรูปไข่หรือไข่ยาว มีหลายพันธ์ุ บางพันธ์ุ ผิวผลสีม่วง สีเหลือง สีส้มอม 
นา้ตาล เปลือกผล เรียบ เนือ้รับประทานได้ มีเมล็ดจานวนมาก อยู่ตรงกลางอีกทัง้ยังมี 
กระเจี๊ยบ ซงึ่กระเจี๊ยบมีลักษณะไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธ์ุลาต้นสีม่วงแดง 
ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรือ 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออก 
ที่ซอกใบกระเจี๊ยบได้รับความนิยมมากในเรื่องของนา้กระเจี๊ยบ ซงึ่คนไทยจะนามาต้ม 
แล้วนาไปดื่ม และใบยังสามารถแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะอีกด้วย
• 2. สมุนไพรรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลอื้น ผลการศึกษาพบว่า คนไทยมักจะมี 
ปัญหากับผิวหนังเป็นจานวนมาก ซงึ่ผิวหนังเป็นเนือ้เยื่อส่วนนอกสุดของร่างกายที่ห่อหุ้ม 
โครงสร้างและอวัยวะทุกอย่างไว้ ซงึ่ในแต่ละบริเวณจะมีความหนา-บางแตกต่างกัน ขึน้อยู่ 
กับพืน้ที่ที่ต้องรองรับ และถูกเสียดสีอันที่จริงแล้วผิวหนังของคนเราก็มีเชือ้แบคทีเรียอาศัย 
อยู่นะครับ เรียกว่าเป็นเชือ้ประจาถิ่น (Normal Flora) ซงึ่โดยปกติจะไม่ทาให้เกิดโรค 
ครับ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพของผิวหนังไปจากเดิม เช่น มีบาดแผล มีโรคผิวหนังอื่น 
ๆ อยู่ก่อน สุขอนามัยไม่ดี หรือผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่า เชือ้เหล่านีก้็มีโอกาสทาให้เกิดโรคได้ 
ตัวที่ก่อให้เกิดการติดเชือ้มากที่สุด ได้แก่Staphylococcus 
aureus และ Staphylococcus pyogenes โรคผิวหนังอักเสบจากเชือ้ 
แบคทีเรียที่พบมาก ได้แก่แผลพุพอง (impetiongo) เป็นการติดเชือ้ของชัน้หนังกาพร้า 
ส่วนใหญ่เกิดจากสุขอนามัยไม่ดี หรือละเลยบาดแผลเล็ก ๆ จะลุกลามจึงพบได้บ่อยในเด็ก 
เล็ก ส่วนมากบาดแผลเกิดขึน้ที่ใบหน้าบริเวณรอบจมูก เนื่องจากการแกะ เกา และตามแขน- 
ขาทวั่ไป เริ่มแรกเป็นเพียงผื่น
• แดงเล็ก ๆ มีอาการคัน แล้วกลายเป็นตุ่มนา้พองใส เมื่อแตกออกพืน้แผลจะเป็นสีแดง 
มีนา้เหลืองไหล พอแห้งจะตกเป็นสะเก็ดเหลืองเกาะที่แผล ถ้าเกิดที่หนังศีรษะมีชื่อ 
เรียกว่าชันนะตุ หากปล่อยไว้นานแผลอาจลุกลามขยายใหญ่ขึน้ หรือกินลึกลงไปมาก 
ขึน้ และเข้าสู่กระแสเลือดได้ผิวหนังอักเสบ (Cellulitis)เป็นการอักเสบของเนือ้เยื่อ 
ชัน้หนังแท้และลึกลงไปยังชัน้ได้ผิวหนัง ลักษณะเป็นผื่นแดงจัด ลามอย่างรวดเร็ว 
กดเจ็บและออกร้อน แยกจากไฟลามทุ่งได้จากขอบเขตที่ไม่ชัดเจน มักพบว่ามีอาการ 
ใช้และต่อมนา้เหลืองโตร่วมด้วย พบได้บ่อยในรายที่ประสบอุบัติเหตุผู้ป่วยเบาหวาน 
อ้วน หรือติดสุรา ซงึ่ประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษานัน้ก็คือ กุ่มบก ซงึ่กุ่มบก 
เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 6-10 ม. ใบประกอบแบบนิว้มือ มีใบย่อย 3 ใบ ซงึ่ใบจะ 
ช่วยในการขับลม ฆ่าแม่พยาธิ เช่น พวกตะมอย และทาแก้เกลอื้นกลาก และแก่นยัง 
ช่วยแก้ริดสีดวง ผอม เหลือง และยังมีขมิน้ซงึ่ขมิน้สามารถหาได้ตามท้องตลาดทวั่ไป 
ขมิน้ยังสามารถเป็นยาภายในแก้ท้องอืด แก้ท้องร่วง และแก้โรคกระเพาะอีกด้วย
• 3. สมุนไพรแก้มะเร็ง ผลการศึกษาพบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง 
กว่า 100,000 รายในจานวนนัน้กว่า 60,000 รายที่เสียชีวิตถือเป็นโรคร้ายแรงที่ 
ใกล้ตัวเรามากขึน้ทุกที โรคมะเร็ง คือ การกลายพันธ์ุในยีนส์ซงึ่ปกติในร่างกายเรามีเซลล์ 
อยู่หลายชนิด แต่ละชนิดเมื่อเราอายุมากขึน้จะมีเซลล์บางส่วนตายไปจึงเกิดการสร้าง 
เซลล์ใหม่ขึน้มา ซงึ่ต้องอาศัยแม่แบบจากเซลล์เดิมเป็นต้นแบบ เช่น ตับแท้จริงแล้วตับมี 
อายุไม่ถึง 4 เดือน ผิวหนังมีอายุแค่21 วันก็ตาย เลือดก็มีอายุประมาณ 90 วัน ใน 
ระหว่างที่ใช้แม่แบบเดิมนานเข้าก็เกิดการผิดพลาดเนื่องจากตัวแม่แบบโดนโจมตี ซึ่งอาจ 
ถูกโจมตีโดยไวรัส แบคทีเรีย เชือ้รา รังสี อย่างเช่นคนที่ขึน้เครื่องบินบ่อยๆ ก็มีรังสีคอสมิก 
และสมุนไพรไทยที่ช่วยแก้โรคมะเร็งก็คือ ทองคันชงั่ มีลักษณะเป็นดอกสีขาว ออกเป็นช่อ 
ตามซอก ซงึ่ใบรากช่วยแก้กลากเกลือ้น รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แก้ 
พิษงู แก้พยาธิวงแหวนตาผิวหนัง และยังมีนมอิน นมอินเป็นไม้ล้มลุก ดอกจะมีหลายสี 
เช่นสีขาว สีชมพู ซึ่งใบช่วยบารุงหัวใจ ช่วยย่อย และรากช่วยแก้บิด ขับพยาธิ ใช้ห้าม 
เลือดรักษามะเร็งในเม็ดเลือด
• 5.4 ข้อเสนอแนะ 
1. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผัก ผลไม้ และดอกไม้มากกว่านี้ 
2. ควรมีศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ 
3. ควรมีการจาแนะสมุนไพรรักษาโรคมากกว่านี้

More Related Content

What's hot

หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชหน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
Preeda Kholae
 
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
Nontagan Lertkachensri
 
โครงงานการทำขนมเค้ก
โครงงานการทำขนมเค้กโครงงานการทำขนมเค้ก
โครงงานการทำขนมเค้ก
Ploy Siriwanna
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5kessara61977
 
ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกใน
amixdouble
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
Sutthiluck Kaewboonrurn
 
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทยโครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
Eakkamol Dechudom
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทchaipalat
 
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดโครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดBio Beau
 
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วนโครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
Mai Natthida
 
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
โทโต๊ะ บินไกล
 
โครงงานประโยชน์ของผลไม้
โครงงานประโยชน์ของผลไม้โครงงานประโยชน์ของผลไม้
โครงงานประโยชน์ของผลไม้
greatzaza007
 
สมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็กสมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็กAriaty KiKi Sang
 
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์Maikeed Tawun
 
โครงงานไอเอส1
โครงงานไอเอส1โครงงานไอเอส1
โครงงานไอเอส1Ocean'Funny Haha
 
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
Kruthai Kidsdee
 
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดโครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดพัน พัน
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงWann Rattiya
 
กากกาแฟสครับผิว
กากกาแฟสครับผิวกากกาแฟสครับผิว
กากกาแฟสครับผิวJitrapron Tongon
 

What's hot (20)

หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชหน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
หน่วยที่ 5 ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
 
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
 
โครงงานการทำขนมเค้ก
โครงงานการทำขนมเค้กโครงงานการทำขนมเค้ก
โครงงานการทำขนมเค้ก
 
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
โครงงานสำรวจพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนนักเรียนชั้น ม.4-5
 
ปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกในปกนอก ปกใน
ปกนอก ปกใน
 
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
หลักการทรงงาน 23 ข้อกับการประยุกต์ใช้
 
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทยโครงงานเรื่อง อาหารไทย
โครงงานเรื่อง อาหารไทย
 
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บทตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
ตัวอย่างการเขียนโครงงาน 5 บท
 
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูดโครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
โครงงานวิทยาศาสตร์แชมพูสระผมมะกรูด
 
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วนโครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
โครงงาน สมุนไพรลดความอ้วน
 
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
เค้าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์
 
โครงงานประโยชน์ของผลไม้
โครงงานประโยชน์ของผลไม้โครงงานประโยชน์ของผลไม้
โครงงานประโยชน์ของผลไม้
 
สมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็กสมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็ก
 
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
แบบฝึกหัดการหาสัดส่วนจีโนไทป์ฟีโนไทป์
 
โครงงานไอเอส1
โครงงานไอเอส1โครงงานไอเอส1
โครงงานไอเอส1
 
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
แบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่อต้านยาไอซ์ในโรงเรียน (1)
 
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุดโครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
โครงงาน เรื่อง การย้อมผ้าจากเปลือกมังคุด
 
สารบัญ.
สารบัญ.สารบัญ.
สารบัญ.
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 11 เรื่องกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
 
กากกาแฟสครับผิว
กากกาแฟสครับผิวกากกาแฟสครับผิว
กากกาแฟสครับผิว
 

Similar to โครงงาน

สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียนสอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
duangkaew
 
ความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรWaree Wera
 
พืชสมุนไพร
พืชสมุนไพรพืชสมุนไพร
พืชสมุนไพร
krittiyanee16
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
fruit_jakgrapan
 
กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33
Kan Chaya
 
Thai herbs
Thai herbsThai herbs
Thai herbs
Sarocha Somboon
 
2562_computer project
2562_computer project2562_computer project
2562_computer project
Sarocha Somboon
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1เล้ง ยอดดี
 
ยาและสารเสพติดให้โทษ
ยาและสารเสพติดให้โทษยาและสารเสพติดให้โทษ
ยาและสารเสพติดให้โทษ
พัน พัน
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2เล้ง ยอดดี
 
Plant ser 143_60_1
Plant ser 143_60_1Plant ser 143_60_1
Plant ser 143_60_1
Wichai Likitponrak
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4เล้ง ยอดดี
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3เล้ง ยอดดี
 
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
Junee Sara
 
สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
Waree01
 
ชุดประจำชาติอาเวียน
ชุดประจำชาติอาเวียนชุดประจำชาติอาเวียน
ชุดประจำชาติอาเวียนpolykamon15
 
สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
sasimaphon2539
 

Similar to โครงงาน (20)

สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียนสอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
สอนการใช้สมุนไพรสำหรับนักเรียน
 
ความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพรความหมายของสมุนไพร
ความหมายของสมุนไพร
 
พืชสมุนไพร
พืชสมุนไพรพืชสมุนไพร
พืชสมุนไพร
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33กลุ่มที่ 33
กลุ่มที่ 33
 
Thai herbs
Thai herbsThai herbs
Thai herbs
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
2562_computer project
2562_computer project2562_computer project
2562_computer project
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 1
 
ยาและสารเสพติดให้โทษ
ยาและสารเสพติดให้โทษยาและสารเสพติดให้โทษ
ยาและสารเสพติดให้โทษ
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 2
 
Plant ser 143_60_1
Plant ser 143_60_1Plant ser 143_60_1
Plant ser 143_60_1
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 4
 
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3
แบบสำรวจการรู้จักสมุนไพรไทยของวัยรุ่น 3
 
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
ความรู้ทั่วไปเรื่องยา (ภญโมเรศ)
 
7
77
7
 
สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
 
ชุดประจำชาติอาเวียน
ชุดประจำชาติอาเวียนชุดประจำชาติอาเวียน
ชุดประจำชาติอาเวียน
 
สมุนไพรไทย
สมุนไพรไทยสมุนไพรไทย
สมุนไพรไทย
 

โครงงาน

  • 1. โครงงาน เรื่อง สมุนไพรไทย โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
  • 2. • บทคัดย่อ • ในปัจจุบันคนไทยเริ่มหันมาดูแลสุขภาพกันมาขึน้ ซึง้การดูแลสุขภาพนัน้มีมาตัง้แต่ สมัยโบราณ โดยใช้สมุนไพรหรือผักผลไม้หรือดอกไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ นามาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคงคุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคไว้ เช่นเดิม นา้ดื่ม สมุนไพร คือส่วนหนงึ่ของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พร้อมกับพัฒนา ศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยงั่ยืนคู่สังคมไทย และสภาพแวดล้อมไทยต่อไป นา้เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบัน การบริโภค นา้เพื่อสุขภาพมียอดเพิ่มขึน้ทวั่โลก เพราะ ทุกคนตระหนักแล้วว่าเครื่องดื่ม ประเภทนี้ไม่เพียงชว่ยดับกระหายเท่านัน้ แต่ยังมี สารอาหารมากมายด้วย ในประเทศไทยจานวนคนที่ดื่มนา้เพื่อสุขภาพเป็นประจามีเพิ่มขึน้ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดี นา้เพื่อสุขภาพอุดมไปด้วย วิตามิน ซีและเอ ซงึ่มีประโยชน์ แก่ร่ายกายในการป้องกันโรค บางประเทศนัน้ให้ความสาคัญของการ กินผัก ผลไม้ มากในทวีปเอเชีย เช่น ฮ่องกง รัฐบาล มีการรณรงค์ ให้ประชาชนรับประทานผลไม้ สามส่วนและผักอีกสองส่วนเป็นประจาทุกวัน สิ่งที่เห็นได้ว่า ประชาชนให้ความสาคัญต่อ การดื่มนา้ผักผลไม้มากขึน้ เช่น บาร์ หลายแหง่หันมาจาหนา่ยนา้ผลไม้ด้วย แสดงว่าคนหนุ่ม สาวกาลังนิยมและดื่มนา้เพื่อสุขภาพมากขึน้ ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหานา้เพื่อสุขภาพไม่ เติมนา้ตาลมากขึน้ คนทวั่ไปชอบนา้เพื่อบรรจุกระป๋อง เพราะความสะดวกเก็บไว้ได้นาน ราคาย่อมเยาและรสชาติอร่อยคนทวั่ไปเริ่มซือ้นา้ผลไม้มารับประทานที่บ้าน หลายคน ตระหนักว่านา้เพื่อสุขภาพสาคัญต่อภาวะโภชนาการดังนัน้ในแต่ละวัน ผู้คนจึงดื่มนา้ผลไม้ มากพอสมควร
  • 3. กิตติกรรมประกาศ โครงงานนีส้าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ต้องขอขอบพระคุณ คุณครูผู้สอนที่ ให้ความรู้และคาแนะนา ตรวจทานและแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วย ความเอาใจใส่ทุกขัน้ตอน เพื่อให้โครงงานฉบับนีส้มบูรณ์ที่สุด และ เพื่อนๆทุกคนที่ช่วยกันค้นคว้าหาข้อมูลในการทาโครงงานครัง้นี้ ขอขอบคุณพระคุณครอบครัวคณะผู้จัดทา ที่อยู่เบอื้งหลังใน ความสาเร็จ ที่คอยให้ความช่วยเหลือและให้กาลังใจตลอดมา
  • 4. บทที่1 บทนา 1.1 ที่มาและความสา คัญของโครงงาน กินอยู่อย่างไทย ตามแบบภูมิปัญญาไทยเพื่อบารุงสุขภาพ โดยใช้สมุนไพรหรือผัก ผลไม้หรือดอกไม้ที่หาได้ไม่ยากในวิถีชีวิตแบบ ไทย ๆ นามาปรุงแต่งให้เป็นเครื่องดื่ม โดยยังคง คุณค่าตัวยาในการส่งเสริมสุขภาพหรือรักษาโรคไว้เช่นเดิม นา้ดื่ม สมุนไพร คือส่วนหนงึ่ของการ อนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย พร้อมกับพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรเพื่อให้ยงั่ยืนคู่สังคมไทย และ สภาพแวดล้อมไทยต่อไป นา้เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบัน การบริโภค นา้เพื่อสุขภาพมียอดเพิ่มขึน้ทวั่โลก เพราะ ทุก คนตระหนักแล้ววา่เครื่องดื่ม ประเภทนี้ไม่เพียงช่วยดับกระหายเท่านัน้ แตยั่งมีสารอาหาร มากมายด้วย ในประเทศไทยจานวนคนที่ดื่มนา้เพื่อสุขภาพเป็นประจามีเพิ่มขึน้อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดี นา้เพื่อสุขภาพอุดมไปด้วย วิตามิน ซีและเอ ซงึ่มีประโยชน์ แก่ร่าย กายในการป้องกันโรค บางประเทศนัน้ให้ความสาคัญของการ กินผักผลไม้ มากในทวีปเอเชีย เช่น ฮ่องกง รัฐบาล มีการรณรงค์ ให้ประชาชนรับประทานผลไม้สามส่วนและผักอีกสองส่วนเป็น ประจาทุกวัน สิ่งที่เห็นได้ว่า ประชาชนให้ความสาคัญต่อการดื่มนา้ผักผลไม้มากขึน้ เช่น บาร์ หลายแห่งหันมาจาหน่ายนา้ผลไม้ด้วย แสดงว่าคนหนุ่มสาวกาลังนิยมและดื่มนา้เพื่อสุขภาพมาก ขึน้ ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหานา้เพื่อสุขภาพไม่เติมนา้ตาลมากขึน้ คนทวั่ไปชอบนา้เพื่อบรรจุ กระป๋อง เพราะความสะดวกเก็บไว้ได้นานราคาย่อมเยาและรสชาติอร่อยคนทวั่ไปเริ่มซือ้นา้ผลไม้ มารับประทานที่บ้าน หลายคนตระหนักว่านา้เพื่อสุขภาพสาคัญต่อภาวะโภชนาการดังนัน้ในแต่ ละวัน ผู้คนจึงดื่มนา้ผลไม้มากพอสมควร
  • 5. • 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อนาเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน 2. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ 3. เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย 4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก ผลไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆของไทย • 1.3 สมมติฐานของโครงงาน สามารถเรียนรู้ถึงประโยชน์ และโทษของผัก ผลไม้ไทย และเพื่อที่จะสร้างผลงาน ออกมาให้เป็นข้อคิดที่ดีและเป็นประโยชน์แก่สังคมไทยได้ • 1.4 ขอบเขตของโครงงาน 1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย • 2. ศึกษาค้นคว้าการทาสมุนไพรไทย • 3. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร • 4.ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร • 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.ผู้คนที่หันกลับมาดูแลรักษาสุขภาพมากขนึ้ 2.นา้ผักและผลไม้ช่วยให้สุขภาพดี 3. ทาให้ทราบถึงประสิทธิภาพของสมุนไพรชนิดนัน้ๆ
  • 6. 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ • สมุนไพร หมายถึง ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุ ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับ สารอื่นตามตารับยา เพื่อบาบัดโรค บารุง ร่างกาย หรือใช้เป็นยาพิษ • ผัก คือพืชที่มนุษย์นาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชอาทิ ผล ใบ ราก ดอก หรือลาต้น มาประกอบ อาหาร ซึ่งไม่นับรวมผลไม้ ถั่ว สมุนไพร และเครื่องเทศ แต่เห็ด ซึ่งในทางชีววิทยาจัดเป็น พวกเห็ดรา ก็นับรวมเป็นผักด้วย • ผลไม้หมายถึง ผลที่เกิดจากการขยายพันธ์โุดยอาศัยเพศของพืชบางชนิด ซงึ่มนุษย์สามารถ รับประทานได้ และส่วนมากจะไม่ทาเป็นอาหารคาว ตัวอย่างผลไม้ เช่น กล้วย มะม่วง รวมถึง มะเขือเทศ ที่สามารถจัดได้ว่าเป็นทัง้ผักและผลไม้ • ดอกไม้ หมายถึง ส่วนหนึ่งของพรรณไม้ที่ผลิออกจากต้นหรือกิ่ง มีหน้าที่ทาให้เกิดผลและ เมลด็เพื่อสืบพันธ์ุมีเกสรและเรณูเป็นเครื่องสืบพันธ์ุเรียกเต็มว่าดอกไม้ ลวดลายที่เป็นดอก เป็นดวงตามผืนผ้าเป็นต้น (ปาก) ค่าตอบแทนที่บุคคลหนึ่งต้องใช้ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เพื่อการที่ได้ใช้เงินของบุคคลนัน้ หรือเพื่อทดแทนการไม่ชาระหนีห้รือชาระหนีไ้ม่ถูกต้อง เรียกเต็มว่า ดอกเบีย้ ลักษณะนามของสิ่งของบางอย่าง เช่น ข้าวโพดดอกหนงึ่ สว่านหนงึ่ ดอก.(โบ) ก. ทา เช่น ดอกขายหูขายตา ดอกบนาพารู้. (ลอ).ว. คาประกอบให้ได้ความชัดขึน้ เช่น ฉันดอก ไม่ใช่คนอื่น ทาไม่ได้ดอก (ปาก) มักพูดว่า หรอก เช่น ไม่ไปหรอก. ก. หลอก เช่น บ้างดอกล้อแล้วโลมคืน. (ม. คาหลวง ชูชก).
  • 7. บทที่2 เอกสารและงานที่เก่ยีวข้อง สมุนไพร หมายถึง "ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และ แร่ธาตุ ที่ใช้ เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตารับยา เพื่อบาบัดโรค บารุง ร่างกาย หรือใช้เป็นยาพิษ" หากนาเอาสมุนไพรตัง้แต่สองชนิดขึน้ไปมาผสม รวมกันซึ่งจะเรียกว่า ยา ในตารับยา นอกจากพืชสมุนไพรแล้วยังอาจ ประกอบด้วยสัตว์และแร่ธาตุอีกด้วย เราเรียกพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุที่เป็น ส่วนประกอบของยานีว้่า เภสัชวัตถุพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น เร่ว กระวานกานพลูและจันทน์เทศ เป็นต้น พืชเหล่านีถ้้านามาปรุง อาหารเราจะเรียกว่า เครื่องเทศ
  • 8. • ความหมาย • คาว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ ทาเป็นเครื่องยา สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อันหมายถึงทัง้การส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลาต้น ใบ ดอก ผลฯลฯ ซงึ่มิได้ผ่านขัน้ตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหนั่ให้เป็นชิน้เล็กลง บด เป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทวั่ไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักนึก ถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเท่านัน้ • ลักษณะพืชสมุนไพร นัน้ตัง้แต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซงึ่ เชื่อกันอีก ด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ ก็เป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทัง้สนิ้เพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมี คุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านัน้
  • 9. • พืชสมุนไพร หรือวัตถุธาตุนี้หรือตัวยาสมุนไพรนี้แบ่งออกเป็น 5 ประการ ดังนี้ • รูป ได้แก่ ใบไม้ ดอกไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ กระพีไ้ม้ รากไม้ เมล็ด • สี มองแล้วเห็นว่าเป็นสีเขียวใบไม้ สีเหลือง สีแดง สีส้ม สีม่วง สีนา้ตาล สีดา • กลิ่น ให้รู้ว่ามรกลิ่น หอม เหม็น หรือกลิ่นอย่างไร • รส ให้รู้ว่ามีรสอย่างไร รสจืด รสฝาด รสขม รสเคม็ รสหวาน รสเปรีย้ว รสเย็น • ชื่อ ต้องรู้ว่ามีชื่ออะไรในพืชสมุนไพรนัน้ ๆ ให้รู้ว่า ขิงเป็นอย่างไร ข่า เป็นอย่างไร ใบขีเ้หล็กเป็น อย่างไร • ประเภทของยาเภสัชวัตถุ • ในพระราชบัญญัติยาฉบับที่3 ปีพุทธศักราช 2522 ได้แบ่งยาที่ได้จากเภสัชวัตถุนีไ้ว้เป็น 2 ประเภทคือ ยาแผนโบราณ หมายถึง ยาที่ใช้ในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณหรือในการ บาบัดโรคของสัตว์ ซงึ่มีปรากฏอยู่ในตารายาแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ หรือยาที่รัฐมนตรี ประกาศให้เป็นยาแผนโบราณ หรือได้รับอนุญาตให้ขึน้ทะเบียนตารับยาเป็นยาแผนโบราณ • ยาสมุนไพร หมายถึงยาที่ได้จากพืชสัตว์แร่ธาตุที่ยังมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพสมุนไพร นอกจากจะใช้เป็นยาแล้ว ยังใช้ประโยชน์เป็นอาหาร ใช้เตรียมเป็นเครื่องดื่ม ใช้เป็นอาหารเสริม เป็นส่วนประกอบในเครื่องสาอาง ใช้แต่งกลิ่น แต่งสีอาหารและยา ตลอดจนใช้เป็นยาฆ่าแมลง อีกด้วย ในทางตรงกันข้าม มีสมุนไพรจานวนไม่น้อยที่มีพิษ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้เกินขนาดจะมี พิษถึงตายได้ ดังนัน้การใช้สมุนไพรจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังและใช้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันมี การตื่นตัวในการนาสมุนไพรมาใช้พัฒนาประเทศมากขนึ้
  • 10. • บทบาททางเศรษฐกิจ • สมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกระทรวง สาธารณสุขได้ดาเนิน โครงการ สมุนไพรกับสาธารณสุขมูลฐาน โดยเน้นการนา สมุนไพรมาใช้บาบัดรักษาโรคใน สถานบริการสาธารณสุขของรัฐมากขึน้ และ ส่งเสริมให้ปลูกสมุนไพรเพื่อใช้ภายในหมู่บ้านเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้สมุนไพร มากยิ่งขึน้ อันเป็นวิธีหนงึ่ที่จะช่วยประเทศชาติประหยัดเงินตราในการสงั่ซอื้ยา สาเร็จรูปจากต่างประเทศได้ปีละเป็นจานวนมาก • การศึกษาเพิ่มเติม ปัจจุบันมีผู้พยายามศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนายาสมุนไพรให้ สามารถนามาใช้ในรูปแบบที่สะดวกยงิ่ขึน้ เช่น นามาบดเป็นผงบรรจุแคปซูล ตอก เป็นยาเม็ด เตรียมเป็นครีมหรือยาขีผึ้ง้เพื่อใช้ทาภายนอก เป็นต้น ในการศึกษาวิจัย เพื่อนาสมุนไพรมาใช้เป็นยาแผนปัจจุบันนัน้ ได้มีการวิจัยอย่างกว้างขวาง โดย พยายามสกัดสารสาคัญจากสมุนไพรเพื่อให้ได้สารที่บริสุทธิ์ ศึกษาคุณสมบัติ ทางด้านเคมี ฟิสิกส์ของสารเพื่อให้ทราบว่าเป็นสารชนิดใด ตรวจสอบฤทธิ์ด้านเภสัช วิทยาในสัตว์ทดลองเพื่อดูให้ได้ผลดีในการรักษาโรคหรือไม่เพียงใด ศึกษาความเป็น พิษและผลข้างเคียง เมื่อพบว่าสารชนิดใดให้ผลในการรักษาที่ดี โดยไม่มีพิษหรือมี พิษข้างเคียงน้อยจึงนาสารนัน้มาเตรียมเป็นยารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อทดลองใช้ ต่อไป
  • 11. • การเก็บรักษาสมุนไพร • 1.ควรเก็บยาสมุนไพรไว้ในที่แห้งและเย็น สถานที่เก็บสมุนไพรนัน้ต้องมี อากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อขับไล่ความอับชืน้ที่อาจจะก่อให้เกิดเชือ้ราใน สมุนไพรได้ • 2.สมุนไพรที่จะเก็บรักษานัน้ต้องแห้งไม่เปียกชืน้ หากเสี่ยงต่อการขึน้ราได้ ควรนาสมุนไพรนัน้ออกมาตากแดดอย่างสม่าเสมอ • 3.ในการเก็บสมุนไพรนัน้ควรแยกประเภทของสมุนไพรในการรักษาโรค เพื่อ ป้องกันการหยิบยาผิดซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ • 4.ควรตรวจดูความเรียบร้อยในการเก็บสมุนไพรบ่อย ๆ ว่ามีสัตว์หรือแมลง ต่างๆ เข้าไปทาลายหรือก่อความเสียหายกับสมุนไพรที่เก็บรักษาหรือไม่ ถ้ามี ควรหาทางป้องกันเพื่อรักษาคุณภาพของสมุนไพร
  • 12. • การใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ควรปฏิบัติดังนี้ • 1. ใช้ให้ถูกต้น สมุนไพรมีชื่อพ้องหรือซา้กันมากและบางท้องถิ่นก็เรียกไม่เหมือนกัน จึงต้องรู้จักสมุนไพร และใช้ให้ถูกต้น • 2.ใช้ให้ถูกส่วน ต้นสมุนไพรไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก เปลือก ผล เมล็ด จะมีฤทธิ์ไม่ เท่ากัน บางทีผลแก่ ผลอ่อนก็มีฤทธิ์ต่างกันด้วย จะต้องรู้ว่าส่วนใดใช้เป็นยาได้ • 3.ใช้ให้ถูกขนาด สมุนไพรถ้าใช้น้อยไป ก็รักษาไม่ได้ผล แต่ถ้ามากไปก็อาจเป็น อันตราย หรือเกิดพิษต่อร่างกายได้ • 4.ใช้ให้ถูกวิธี สมุนไพรบางชนิดต้องใช้สด บางชนิดต้องปนกับเหล้า บางชนิดใช้ต้ม จะต้องรู้วิธีใช้ให้ถูกต้อง • 5.ใช้ให้ถูกกับโรค เช่น ท้องผูกต้องใช้ยาระบาย ถ้าใช้ยาที่มีฤทธิ์ผาดสมานจะทาให้ ท้องผูกยิ่งขึน้
  • 13. • วิธีการปรุงยาสมุนไพร โดย แพทย์หญิงนันทพร นิลวิเศษ และคนอื่นๆ • ตารายาไทยส่วนใหญ่กล่าวถึงวิธีปรุงยาไว้ 24 วิธี แต่บางตาราเพิ่มวิธีที่ 25 คือ วิธี กวนยา ทาเป็นขีผึ้ง้ปิดแผลไว้ด้วย ในจานวนวิธีปรุงยาเหล่านีมี้ผู้อธิบายรายละเอียดวิธีปรุงที่ใช้บ่อยๆ ไว้ดังนีคื้อ ยาต้ม การเตรียม ปริมาณที่ใช้โดยทวั่ไป คือ 1 กามือ เอาสมุนไพรมาขดมัดรวมกันเป็นท่อน กลมยาวขนาด 1 ฝ่ามือ กว้างขนาดใช้มือกาได้โดยรอบพอดี ถ้าสมุนไพรนัน้แข็ง นามาขดมัด ไม่ได้ให้หนั่เป็นท่อนยาว 5-6 นวิ้ฟุต กว้าง ๑/๒นวิ้ฟุต แล้วเอามารวมกันให้ได้ขนาด 1 กามือ การต้ม เทนา้ลงไปพอให้นา้ท่วมยาเล็กน้อย(ประมาณ 3-4 แก้ว) ถ้าปริมาณยาที่ระบุ ไว้น้อยมาก เช่น ใช้เพียง 1 หยิบมือ ให้เทนา้ลงไป 1 แก้ว (ประมาณ 250 มิลลิลิตร) ต้มให้ เดือดนาน 10-30 นาที แล้วแต่ว่าต้องการให้นา้ยาเข้มข้นหรือเจือจาง ยาต้มนีต้้องกินใน ขณะที่ยายังอุ่นๆ ยาชง การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งชง โดยหนั่ต้นสมุนไพรสดให้เป็นชิน้เล็กๆ บางๆ แล้ว ผงึ่แดดให้แห้ง ถ้าต้องการให้ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวให้เอาไปควั่เสียก่อนจนมีกลิ่นหอม การชง ใช้สมุนไพร 1 ส่วน เติมนา้เดือดลงไป 10 ส่วน ปิดฝาตัง้ทงิ้ไว้15-20 นาที
  • 14. • ยาดอง การเตรียม ปกติใช้สมุนไพรแห้งดอง โดยบดต้นไม้ยาให้แหลกพอหยาบๆ ห่อด้วยผ้าขาวบาง หลวมๆ เผื่อยาพองตัวเวลาอมนา้ การดอง เติมเหล้าโรงให้ท่วมห่อยา ตัง้ทิง้ไว้ 7 วัน ยาปั้นลูกกลอน การเตรียม หนั่สมุนไพรสดให้เป็นแว่นบางๆ ผงึ่แดดให้แห้ง บดเป็นผงในขณะที่ยายังร้อน แดดอยู่เพราะยาจะกรอบบดได้ง่าย การปั้นยา ใช้ผงยาสมุนไพร 2 ส่วน ผสมกับนา้ผึง้หรือนา้เชื่อม 1 ส่วน ตัง้ทิง้ไว้ 2-3 ชวั่โมง เพื่อให้ยาปั้นได้ง่ายไม่ติดมือ ปั้นยาเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร เสร็จแล้วผึ่งแดดจนแห้ง จากนัน้อีก 2 สัปดาห์ให้นามาผงึ่แดดซา้อีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้ เชือ้ราขนึ้ยา ยาตา ค้นัเอาน้ากิน การเตรียม นาสมุนไพรสดๆ มาตาให้ละเอียดหรือจนกระทงั่เหลว ถ้าตัวยาแห้งไปให้เติมนา้ ลงไปจนเหลว การคัน้คัน้เอานา้ยาจากสมุนไพรที่ตาไว้นัน้มารับประทาน สมุนไพรบางอย่าง เช่น กระทือก ระชายให้นาไปเผาไฟให้สุกเสียก่อนจึงค่อยตา ยาพอก การเตรียม ใช้สมุนไพรสดตาให้แหลกที่สุดให้พอเปียกแตไ่ม่ถึงกับเหลว ถ้ายาแห้งให้เติมนา้ หรือเหล้าโรงลงไป การพอก เมื่อพอกยาแล้วต้องคอยหยอดนา้ให้ยาเปียกชืน้อยู่เสมอ เปลี่ยนยาวันละ 3 ครัง้
  • 15. • ศัพท์ท่ใีช้ในการปรุงยา • ในการปรุงยาผู้ปรุงยังจาเป็นต้องรู้เกี่ยวกับคาบางคา ได้แก่ ทัง้ห้า หมายถึง ต้น ราก ใบ ดอก และผล ส่วน หมายถึง ส่วนในการตวง (ปริมาตร)ไม่ใช่การชงั่นา้หนัก กระสายยา หมายถงึ ตัวละลายยา เชน่ นา้ และนา้ปูนใส เป็นต้น การสะตุหมายถึงการแปรรูปลักษณะของบางอย่าง เช่น เกลือ สารส้ม หรือเครื่องยาให้เป็นผง บริสุทธิ์โดยวิธีทาให้สลายตัวด้วยไฟ เพื่อให้สิ่งที่ไม่ต้องการซึ่งเป็นมลทินระเหยหมดไปหรือเพื่อให้เครื่อง ยามีฤทธิ์อ่อนลงโดยอาจเติมสารบางอย่าง เช่น นา้มะนาว นา้มะลิ เป็นต้นทัง้นีขึ้น้อยู่กับเครื่องยาหรือ สมุนไพรนัน้ๆ ประสะ มีความหมาย 3 ประการคือ 1. การทาความสะอาดตัวยา หรือการล้างยา เช่น การทาความสะอาดเหง้าขิง เหง้าข่า 2. การใช้ปริมาณยาหลักเท่ากับยาทัง้หลายเชน่ ยาประสะกะเพรา มีกะเพราเป็นหลัก และตัว ยาอื่นๆ อีก ๖ ชนิด การปรุงจะใช้กะเพรา 6 ส่วน ตัวยาอื่นๆ อย่างละ 1 ส่วน รวม 6 ส่วนเท่ากะเพรา 3. การทาให้พิษหรือสิ่งที่ไม่ต้องการของตัวยาอ่อนลง โดยที่ตัวยาที่ต้องการคงสภาพเดิม เช่น ประสะมหาหิงค์ุหมายถึงการทาให้กลิ่นเหม็นของมหาหิงค์ุลดลง โดยใช้นา้ใบกะเพราต้มเดือดมา ละลายมหาหิงค์ุ
  • 16. • กาหนดอายุของยา • จะเห็นว่าการปรุงยาไทย มักใช้สมุนไพรหลายชนิด และใช้ วิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลในการรักษา และ คานึงถึงความปลอดภัยไปพร้อมกัน จึงกาหนดอายุของยาไว้ด้วยดังนี้ 1. ยาผงที่ผสมด้วยใบไม้ล้วนๆ มีอายุได้ประมาณ 3-6 เดือน 2. ยาผงที่ผสมด้วยแก่นไม้ล้วนๆ มีอายุได้ระหว่าง 6-8 เดือน 3. ยาผงที่ผสมด้วยใบไม้และแก่นไม้อย่างละเท่ากัน มีอายุได้ ประมาณ 5-6 เดือน
  • 17. • อายุของยาที่เป็นเม็ดเป็นแท่ง หรือลูกกลอนมีกา หนดอายุไว้ดังนี้ 1. ยาเม็ดที่ผสมด้วยใบไม้ล้วนๆ มีอายุประมาณ 6-8 เดือน 2. ยาเม็ดที่ผสมด้วยแก่นไม้ล้วนๆ มีอายุประมาณ 1 ปี 3. ยาเม็ดที่ผสมด้วยหัวหรือเหง้าของพืช รวมกับแก่นไม้ มีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง ทัง้ยาเม็ดและยาผง ถ้าเก็บรักษาไว้ดีจะมีอายุยืนยาวกว่าที่กาหนดไว้ และถ้าเก็บรักษาไม่ดี ก็อาจเสื่อมเร็วกว่ากาหนดได้ • ข้อควรรู้เกี่ยวกับการปรุงยา 1. ถ้าไม่ได้บอกไว้ว่าให้ใช้สมุนไพรสดหรือแห้ง ให้ถือว่าใช้สมุนไพรสด 2. ยาที่ใช้กินถ้าไม่ได้ระบุวิธีปรุงไว้ ให้เข้าใจว่าใช้วิธีต้ม 3. ยาที่ใช้ภายนอกร่างกายถ้าไม่ได้ระบุวิธีปรุงไว้ ให้เข้าใจว่าใช้วิธีตาพอก 4. ยากิน ให้กินวันละ 3 ครัง้ก่อนอาหาร 5. ยาต้ม ให้กินครัง้ละ 1/2 - 1 แก้ว ยาดองเหล้า และยาตาคัน้เอานา้กินครัง้ละ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ ยาผง กินครัง้ละ 1-2 ช้อนชา ยาปั้นลูกกลอนกินครัง้ละ 1-2 เม็ด (ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร) และยาชง ให้กินครัง้ละ 1 แก้ว
  • 18. บทที่3 ข้นัตอนการดา เนินการ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 1. กล้องดิจิตอล 2. เอกสารเกี่ยวกับสมุนไพรต่างๆ 3. เอกสารการทาสมุนไพร 4. ดินสอ ปากกา กระดาษ 5. คอมพิวเตอร์เครื่องปริน้
  • 19. • ข้นัตอนการดา เนินงาน 1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ ว่ามีเนือ้หามากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทา เนือ้หาต่อไป 3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน • 4. จัดทาข้อเสนอโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา 5. นาเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครูที่ ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนือ้หาและการนาเสนอที่น่าสนใจต่อไป ทัง้นีเ้มื่อได้รับคาแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึน้ • 6. นาเสนออาจารย์ผู้สอนผ่านทางblogger
  • 20. • บทที่4 • ผลการดาเนินงาน • ในการจัดทาโครงงานสมุนไพรไทยจากผัก ผลไม้ ผู้จัดทาโครงงาน มี วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ในการเรียนรู้ เรื่องสมุนไพรไทย อีกทัง้ยังสอดแทรกสาระความรู้ในเรื่องต่าง ๆเกี่ยวกับ สุขภาพ รวมทัง้เพื่อปลูกฝังการรักษาสุขภาพ นาเสนอผลงานออกมาเผยแพร่ ในรูปแบบต่างๆตลอดจนสามารถนาความรู้ที่ได้จากการทาโครงงานไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน เพื่อนาไปเป็นแนวทางในการรักษาสุขภาพ และ โรคภัยไข้เจ็บได้ จากการดาเนินการดังกล่าว มีผลการดาเนินงานดังนี้
  • 21. • กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด • เสาวรส • ชื่ออื่น : สุคนธรส (ภาคกลาง) • สรรพคุณ : ลดไขมันในเส้นเลือด • วิธีและปริมาณที่ใช้ : ใช้ผลที่แก่จัด ไม่จากัดจานวน ล้างสะอาด ผ่าครึ่ง คัน้เอาแต่นา้ เติมเกลือและนา้ตาลเล็กน้อย ให้รสกลมกล่อมตามชอบ ใช้ดื่มเป็นนา้ผลไม้ ลดไขมันในเส้นเลือด
  • 22. • กระเจี๊ยบ • ชื่ออื่น : กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรีย้ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง • สรรพคุณ : • กลีบเลยี้งของดอก หรือกลีบที่เหลอือยู่ที่ผล • เป็นยาลดไขมันในเส้นเลอืด และช่วยลดนา้หนักด้วย • ลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด • นา้กระเจี๊ยบทาให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง • ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี • นา้กระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่ง • ช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลงั่ของกรดในกระเพาะ • เพิ่มการหลงั่นา้ดีจากตับ • เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริคอยู่ด้วย • ใบ แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก • ดอก แก้โรคนิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลาไส้ให้ ลงสู่ทวารหนัก • ผล ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายนา้ รักษาแผลในกระเพาะ • เมล็ด บารุงธาตุ บารุงกาลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด • นอกจากนีไ้ด้บ่งสรรพคุณโดยไมไ่ด้ระบุว่าใช้ส่วนใด ดังนีคื้อ แก้อ่อนเพลีย บารุงกาลัง บารุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายนา้ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาไส้ ลดไขมันในเลือด บารุง โลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน นอกจากใช้เดี่ยวๆ แล้ว ยังใช้ผสมในตารับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ใช้ถ่ายพยาธิตัวจี๊ด
  • 23. • กลุ่มยารักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลือ้น • กุ่มบก • ชื่ออื่น : ผักกุ่ม • สรรพคุณ : • ใบ - ขับลม ฆ่าแม่พยาธิ เช่น พวกตะมอย และทาแก้เกลือ้นกลาก • เปลือก - ร้อน ขับลม แก้นิ่ง แก้ปวดท้อง ลงท้อง คุมธาตุ • กระพี้- ทาให้ขีหู้แห้งออกมา • แก่น - แก้ริดสีดวง ผอม เหลือง • ราก - แก้มานกษัย อันเกิดแต่กองลม
  • 24. • ขมนิ้ • ชื่ออื่น : ขมิน้ (ทวั่ไป) ขมิน้แกง ขมิน้หยอก ขมิน้หัว (เชียงใหม่) ขีมิ้น้หมิน้ (ภาคใต้) • ส่วนที่ใช้: เหง้าแก่สด และแห้ง • สรรพคุณ : • 1. เป็นยาภายใน - แก้ท้องอืด - แก้ท้องร่วง - แก้โรคกระเพาะ • 2. เป็นยาภายนอก - ทาแก้ผื่นคัน โรคผิวหนัง พุพอง - ยารักษาชันนะตุและหนังศีรษะเป็นเม็ดผื่นคัน
  • 25. • นมอิน • ช่อือื่น : นมอิน (สุราษฎร์ธานี); ผักปอดบก (ภาคเหนือ); แพงพวยบก, แพงพวยฝรั่ง (กรุงเทพมหานคร) • ส่วนที่ใช้: ใบ ราก ทัง้ต้นสดหรือแห้ง • สรรพคุณ : • ใบ - บารุงหัวใจ ช่วยย่อย • ราก - แก้บิด ขับพยาธิ ใช้ห้ามเลือด - รักษามะเร็งในเม็ดเลือด • ทั้งต้น - แก้เบาหวาน ลดความดัน - รสจืด เย็นจัด ใช้แก้ร้อน - ขับปัสสาวะ แก้บวม ถอนพิษสาแดง ถอนพิษต่างๆ แก้ไอแห้งๆ เกิดจากร้อน - แก้อาการตัวเหลืองอันเกิดจากพิษสุรา - แก้โรคหนองใน หัด ผื่นคันและแผลอักเสบอื่นๆ
  • 26. บทที่5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ • 5.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อนาเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน 2. เพื่อส่งเสริมให้คนหันมารักสุขภาพ 3 เพื่อต้องการศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรไทย 4. เพื่อศึกษาประโยชน์ของผัก ผลไม้ และดอกไม้ชนิดต่างๆของไทย • 5.2 ขอบเขตของโครงงาน 1. ศึกษาค้นคว้าสมุนไพรไทย 2. ศึกษาค้นคว้าการทาสมุนไพรไทย 3. ศึกษาความเป็นมาของสมุนไพร 4.ศึกษาตามโครงงานสมุนไพร
  • 27. • 5.3วิธีการดาเนิน 1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน 2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ ว่ามีเนือ้หามากน้อย เพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูล ไว้เพื่อจัดทาเนือ้หาต่อไป 3. ศึกษาการพัฒนาขอสมุนไพรไทยในอดีตและปัจจุบัน 4. จัดทาข้อเสนอโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา 5. นาเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาทราบซึ่งครู ที่ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนือ้หาและการนาเสนอที่น่าสนใจ ต่อไป ทัง้นีเ้มื่อได้รับคาแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึน้ 6. จัดทาเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยนาเสนอเป็นรูปเล่ม
  • 28. • 5.1 สรุปผลการศึกษา จากการศึกษาทดลองโครงงานเรื่อง สมุนไพรไทยในปัจจุบัน โดยแยกการศึกษาดังนี้ • 1. สมุนไพรที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ผลการศึกษาพบว่า ปัจจุบันผู้ป่วยที่เป็น โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดเพิ่มขึน้เรื่อยๆ ซงึ่เกิดจากไม่รักษาสุขภาพ ไม่ออกกาลัง กาย และที่สาคัญกินอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป จึงเป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้มี ผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดเพิ่มมากขึน้ ซงึ่ในประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วย ลดไขมันในเส้นเลือดนัน้ก็คือ เสาวรส ซงึ่เสาวรสเป็นไม้เถา เถามีลักษณะกลม ใบ เป็น ใบเดี่ยว ผลเป็นรูปไข่หรือไข่ยาว มีหลายพันธ์ุ บางพันธ์ุ ผิวผลสีม่วง สีเหลือง สีส้มอม นา้ตาล เปลือกผล เรียบ เนือ้รับประทานได้ มีเมล็ดจานวนมาก อยู่ตรงกลางอีกทัง้ยังมี กระเจี๊ยบ ซงึ่กระเจี๊ยบมีลักษณะไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธ์ุลาต้นสีม่วงแดง ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรือ 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออก ที่ซอกใบกระเจี๊ยบได้รับความนิยมมากในเรื่องของนา้กระเจี๊ยบ ซงึ่คนไทยจะนามาต้ม แล้วนาไปดื่ม และใบยังสามารถแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะอีกด้วย
  • 29. • 2. สมุนไพรรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลอื้น ผลการศึกษาพบว่า คนไทยมักจะมี ปัญหากับผิวหนังเป็นจานวนมาก ซงึ่ผิวหนังเป็นเนือ้เยื่อส่วนนอกสุดของร่างกายที่ห่อหุ้ม โครงสร้างและอวัยวะทุกอย่างไว้ ซงึ่ในแต่ละบริเวณจะมีความหนา-บางแตกต่างกัน ขึน้อยู่ กับพืน้ที่ที่ต้องรองรับ และถูกเสียดสีอันที่จริงแล้วผิวหนังของคนเราก็มีเชือ้แบคทีเรียอาศัย อยู่นะครับ เรียกว่าเป็นเชือ้ประจาถิ่น (Normal Flora) ซงึ่โดยปกติจะไม่ทาให้เกิดโรค ครับ แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพของผิวหนังไปจากเดิม เช่น มีบาดแผล มีโรคผิวหนังอื่น ๆ อยู่ก่อน สุขอนามัยไม่ดี หรือผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่า เชือ้เหล่านีก้็มีโอกาสทาให้เกิดโรคได้ ตัวที่ก่อให้เกิดการติดเชือ้มากที่สุด ได้แก่Staphylococcus aureus และ Staphylococcus pyogenes โรคผิวหนังอักเสบจากเชือ้ แบคทีเรียที่พบมาก ได้แก่แผลพุพอง (impetiongo) เป็นการติดเชือ้ของชัน้หนังกาพร้า ส่วนใหญ่เกิดจากสุขอนามัยไม่ดี หรือละเลยบาดแผลเล็ก ๆ จะลุกลามจึงพบได้บ่อยในเด็ก เล็ก ส่วนมากบาดแผลเกิดขึน้ที่ใบหน้าบริเวณรอบจมูก เนื่องจากการแกะ เกา และตามแขน- ขาทวั่ไป เริ่มแรกเป็นเพียงผื่น
  • 30. • แดงเล็ก ๆ มีอาการคัน แล้วกลายเป็นตุ่มนา้พองใส เมื่อแตกออกพืน้แผลจะเป็นสีแดง มีนา้เหลืองไหล พอแห้งจะตกเป็นสะเก็ดเหลืองเกาะที่แผล ถ้าเกิดที่หนังศีรษะมีชื่อ เรียกว่าชันนะตุ หากปล่อยไว้นานแผลอาจลุกลามขยายใหญ่ขึน้ หรือกินลึกลงไปมาก ขึน้ และเข้าสู่กระแสเลือดได้ผิวหนังอักเสบ (Cellulitis)เป็นการอักเสบของเนือ้เยื่อ ชัน้หนังแท้และลึกลงไปยังชัน้ได้ผิวหนัง ลักษณะเป็นผื่นแดงจัด ลามอย่างรวดเร็ว กดเจ็บและออกร้อน แยกจากไฟลามทุ่งได้จากขอบเขตที่ไม่ชัดเจน มักพบว่ามีอาการ ใช้และต่อมนา้เหลืองโตร่วมด้วย พบได้บ่อยในรายที่ประสบอุบัติเหตุผู้ป่วยเบาหวาน อ้วน หรือติดสุรา ซงึ่ประเทศไทยก็มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษานัน้ก็คือ กุ่มบก ซงึ่กุ่มบก เป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 6-10 ม. ใบประกอบแบบนิว้มือ มีใบย่อย 3 ใบ ซงึ่ใบจะ ช่วยในการขับลม ฆ่าแม่พยาธิ เช่น พวกตะมอย และทาแก้เกลอื้นกลาก และแก่นยัง ช่วยแก้ริดสีดวง ผอม เหลือง และยังมีขมิน้ซงึ่ขมิน้สามารถหาได้ตามท้องตลาดทวั่ไป ขมิน้ยังสามารถเป็นยาภายในแก้ท้องอืด แก้ท้องร่วง และแก้โรคกระเพาะอีกด้วย
  • 31. • 3. สมุนไพรแก้มะเร็ง ผลการศึกษาพบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง กว่า 100,000 รายในจานวนนัน้กว่า 60,000 รายที่เสียชีวิตถือเป็นโรคร้ายแรงที่ ใกล้ตัวเรามากขึน้ทุกที โรคมะเร็ง คือ การกลายพันธ์ุในยีนส์ซงึ่ปกติในร่างกายเรามีเซลล์ อยู่หลายชนิด แต่ละชนิดเมื่อเราอายุมากขึน้จะมีเซลล์บางส่วนตายไปจึงเกิดการสร้าง เซลล์ใหม่ขึน้มา ซงึ่ต้องอาศัยแม่แบบจากเซลล์เดิมเป็นต้นแบบ เช่น ตับแท้จริงแล้วตับมี อายุไม่ถึง 4 เดือน ผิวหนังมีอายุแค่21 วันก็ตาย เลือดก็มีอายุประมาณ 90 วัน ใน ระหว่างที่ใช้แม่แบบเดิมนานเข้าก็เกิดการผิดพลาดเนื่องจากตัวแม่แบบโดนโจมตี ซึ่งอาจ ถูกโจมตีโดยไวรัส แบคทีเรีย เชือ้รา รังสี อย่างเช่นคนที่ขึน้เครื่องบินบ่อยๆ ก็มีรังสีคอสมิก และสมุนไพรไทยที่ช่วยแก้โรคมะเร็งก็คือ ทองคันชงั่ มีลักษณะเป็นดอกสีขาว ออกเป็นช่อ ตามซอก ซงึ่ใบรากช่วยแก้กลากเกลือ้น รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แก้ พิษงู แก้พยาธิวงแหวนตาผิวหนัง และยังมีนมอิน นมอินเป็นไม้ล้มลุก ดอกจะมีหลายสี เช่นสีขาว สีชมพู ซึ่งใบช่วยบารุงหัวใจ ช่วยย่อย และรากช่วยแก้บิด ขับพยาธิ ใช้ห้าม เลือดรักษามะเร็งในเม็ดเลือด
  • 32. • 5.4 ข้อเสนอแนะ 1. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบผัก ผลไม้ และดอกไม้มากกว่านี้ 2. ควรมีศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ 3. ควรมีการจาแนะสมุนไพรรักษาโรคมากกว่านี้