More Related Content
More from Anan Pakhing (10)
โคลนติดล้อ ๑
- 4. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ที่มาของเรื่อง :
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทความเรื่
อง
โคลนติดลอ้
ซึ่ง
มีทงั้หมด ๑๒ ตอน ลงพิมพ์ใน หนงัสือพิมพ์ไทย
ระหว่างวันที่
๒๘ เมษายน – ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๘
บทความเรื่องนี้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษในชื่อว่า
Clog on Our Wheels
ลงพิมพ์ใน หนงัสือพิมพ์สยามออบเซอร์เวอร์
ฉบับวันที่
๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๘
- 6. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ประเด็นสา คญั:
๑. คนซึ่งเล่าเรียนสาเร็จออกมาจากโรงเรียนล้วนแต่มีความหวังฝัง
อย่วู่าจะได้มาเป็นเสมียนหรือเป็นเลขานุการ
๒. คนจา พวกนี้สู้อดทนต่อความลาบากเพื่อแสวงหาและรักษา
ตาแหน่งเสมียนของเขา
๔. เขาก็ยังนึกว่าตัวเขาดีกว่าชาวนา และข้อที่ร้ายนั้น
พวกเราทงั้หลายก็พลอยยอมให้เขาคิดเห็นเช่นนนั้เสียด้วย
- 7. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ประเด็นสา คญั
๔. การเป็นชาวนา ชาวสวนหรือคนทางาน
การอื่น
ๆ นั้น ก็มีเกียรติยศเท่ากับที่
จะเป็น
ผูท้า งานดว้ยปากกาเหมือนกนั?
๕. เมื่
อไรจึงจะบังเกิดความรู้สึกเกียรติยศแห่งการงานอื่น
ๆ นอกจากงานที่
ทา
ดว้ยปากกาและพิมพ์ดีด?
- 8. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ประเด็นสา คญั :
๖. ถ้าเรายังคงแสดงความเห็นโดยประการต่าง ๆ ว่าเสมียนเป็นบุคคลชั้นที่
สูงกว่า
ชาวนา ชาวสวน หรือพ่อคา้อยู่ตราบใด พวกหนุ่ม ๆ ของเราก็คงจะทะเยอทะยาน
ฝักใฝ่ในทางเป็นเสมียนอยู่ตราบนนั้คา ตอบแห่งปัญหาดงักล่าว เป็นความผิดของ
เราทงั้หลายดว้ยกนั มิใช่ความผิดของหน่มุๆ
๗.คนเราที่
ปล่อยให้ชีวิตล่วงไปโดยทา การ
เป็นเสมียนเสียนานแลว้ จะไปทา งานการ
อะไรอื่น
ก็ไม่สามารถจะทาได้
- 9. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ประเด็นสา คญั :
๘. ถ้าเราจะสอนเขาทั้งหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่
จะเป็นผูเ้พาะความ
สมบรูณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อคา้และช่างต่างๆ จะไม่ดีกว่า
หรือ?
๙. ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่ม ๆ ของเราจะทา ประโยชน์ให้แก่บา้นเมืองโดย
ทางการเป็นเสมียนมากกว่าทางอื่น
ๆ? เราจะมีข้าวของเครื่อ
งใช้อื่
น ๆ ได้
อย่างไร ถ้าเราไม่อุดหนุนคนจาพวกที่
จะเพาะสิ่ง
ของนนั้ ๆ ขึ้น?
- 10. โคลนติดลอ้ ตอนความนิยมเป็นเสมียน
ประเด็นสา คญั :
๑๐. ขา้พเจา้คิดเสมอว่า เกษตรกรรมคอืรากฐานของชีวิต วิทยาศาสตร์คือ
รากฐานของการพฒันา
๑๑. แพทย์และวิศวะเป็นอาชีพที่สา คญัและจา เป็นอย่างมากต่อการดา รงชีวิต
ของมนุษย์ แต่ผูอ้่านมีขอ้แยง้ขา้พเจา้หรือไม่ว่าแพทย์และวิศวะ ไม่สรา้งการ
พฒันาให้สงัคมไดดี้เท่านกัวิจยั
๑๓ . ตอนที่ข้าพเจา้เป็นเด็กเตรียมสอบม.สี่ ข้าพเจา้บอกทางบ้านว่า จะเรียน
สายภาษา เพราะเป็นสิ่งที่ชอบและคิดว่าตัวเองทา ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่กลับ
ได้รับคาตอบมาว่า บ้านเราไม่ได้มีเงินมากพอที่
จะเลี้ยงคนว่างงานไปทงั้ชีวิต
- 11. สรุป
ความนิยมเป็นเสมียนเป็นโคลนกอ้นใหญ่กอ้นหนึ่งที่กีดขวางความเจริญ
ของประเทศ
เสมียนหมายถึงเจา้หน้าที่ที่ทา งานกับหนังสือ
ความนิยมเป็นเสมียนหมายถึงการนิยมเขา้รับราชการ
การรับราชการเป็นค่านิยมของสังคมในสมัยนั้นผูมี้การศึกษามีค่านิยม
ดังกล่าวและตอ้งการทา งานในเมืองหลวงจึงไม่สนใจที่จะกลับไปประกอบ
ประกอบอาชีพที่ภูมิลา เนาของตนความนิยมเป็นเสมียนจึงนับเป็นค่านิยมที่
ค่านิยมที่บั่นทอนความเจริญกา้วหน้าของประเทศ
- 12. คุณค่าของเรื่องดา้นวรรณศิลป์
ดี :จงใจให้ผ้อู่านอ่านตงั้แต่ต้นจนจบเพราะมีเนื้อหาสาระที่เป็น
-.เป็นบทความที่
ประโยชน์เนื้อความแสดงแนวคิดสา คัญเน้นความชัดเจนตลอดเรื่องการลา ดับ
ความแต่ละย่อหน้าเป็นการแสดงแนวคิดที่ต่อเนื่อ
-.การใชภ้าษาน่าสนใจ :ใชภ้าษาได้ราบรื่น ลา ดับคา ในประโยคและเนื้อความ
ทุกย่อหน้าได้อย่างเหมาะสมการแสดงเหตุผลประกอบความคิดเห็นมีความ
ชัดเจน
-.ใชศิ้ลปะในการประพนัธ์ :ตงั้ชื่อเรื่องให้แปลกใหม่เพื่อเรียกความสนใจของ
ผู้อ่านการใชโ้วหารเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจชัดเจน การตั้งคา ถามเพื่อสะกิดใจ
ให้คิดและการโน้มน้าวใจโดยใชภ้าษาที่เร้าความรู้สึกเพื่อให้ผูอื้่นเกิดวา#มคิด
คล้อยตาม
- 13. คุณค่าของเรื่องดา้นสังคม
ี่
ปลุกใจให้ตื่นตัวในเรื่องความรักชาติกระตุ้นให้เห็นปัญหาทกีดขวางความเจริญ
ของชาติและเกิดความสา นึกที่จะร่วมมือกันแก้ปัญหานั้น
เตือนสติผู้ทมีค่านิยมผิดๆเห็นแก่ตัวเห็นแก่ความสุขแลความสะดวกสบายใน
ี่
เมืองหลวงให้หันไปทา งานเพื่อความเจริญในทอ้งถิ่นตน
โน้มน้าวให้สังคมส่วนรวมร่วมมือกันในการเปลี่ย
นแปลงค่านิยมที่ไมถู่กต้อง
ของคนรุ่นใหม่
มีความทันสมัยเพราะในปัจจุบันแม้ค่านิยมเกี่ยวกับการรับราชการจะเปลี่ยนไป
บ้างแล้วแต่ค่านิยมเกี่ยวกับการใชชี้วิตในเมืองหลวงและการมองอาชีพ
เกษตรกรว่าตา่ ต้อยก็ยังคงมีอยู่