More Related Content
More from คุณครูเกตุชัย ปิ่นทอง
More from คุณครูเกตุชัย ปิ่นทอง (10)
กษัตริย์ไทยสมัยธนบุรีกับการพัฒนาชาติไทย
- 4. 1.3 การปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ
- เมื่อพระเจ้าตากสินกู้เอกราชได้
สาเร็จ ก็ทรงรวมประเทศเป็นหนึ่ง
เดียวโดยการปราบปรามชุมนุม
พิษณุโลก ชุมนุมเจ้าพิมาย ชุมนุม
นครศรีธรรมราช และชุมนุมเจ้า
พระฝาง เป็นชุมนุมสุดท้าย
- 5. ขณะที่พระเจ้าตากสิน ฯ ขึ้นครองราชย์สมบัตินั้น บ้านเมืองเศรษฐกิจตกต่า
ที่สุดขาดแคลนข้าวปลาอาหาร เกิดความอดอยากยากแค้น มีปล้นสะดมแบ่งชิง
อาหารอยู่ทั่วไป และยังเกิดภัยธรรมชาติซ้าเติม พระเจ้าตากสิน ฯ ได้ทรง
แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยกุศโลบาย ดังต่อไปนี้
- 6. 2.1 พระราชทานข้าวสารให้บรรดาข้าราชการ ทหาร ลพเรือนทั้งไทย และจีน
2.2 ทรงซื้อข้าวสารจากจีนในราคาที่แพง ทาให้จีนนาข้าวมาขายที่กรุงธนบุรี
มากขึ้น ทาให้ข้าวสารราคาถูกลง
2.3 ให้ประชาชนทานาปีละ 2 ครั้ง
2.4 ทรงปราบปรามโจรผู้ร้ายที่ปล้นสะดม โดยใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
2.5 ปรับปรุงพื้นที่นอกกาแพงเมืองให้เป็นทะเลตมเพื่อปลูกข้าว
- 7. 3.1 การสร้างสังฆมณฑล จากการเสียกรุงครั้งที่ 2 วัด พระคัมภีร์ ถูกเผาผลาญ
พระสงฆ์กระจัดกระจาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ดังนี้
3.1.1 โปรดเกล้าให้ประชุมสงฆ์ที่วัดบางหว้าใหญ่ แล้วเลือกตั้งสมเด็จ
พระสังฆราช และแต่งตั้งพระเถรานุเถระต่าง ๆ ให้ไปอยู่ตามพระอารามต่าง ๆ
3.1.2 จับสึกพระสงฆ์ในหัวเมืองฝ่ ายเหนือพวกเจ้าพระฝาง กระทาผิด
ละเมิดพระวินัยบัญญัติ
- 8. 3.2 ทรงรวบรวม และสังคายนาพระไตรปิฎก ดังนี้
3.2.1 เมื่อปราบชุมนุมเจ้านครที่เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว ได้ยืมคัมภีร์
พระไตรปิฎกของเมืองนครศรีธรรมราชมาคัดลอกไว้ที่กรุงธนบุรี
3.2.2 ทรงนาพระไตรปิฎกจากเมืองสวางคบุรีลงมาสอบทานกับต้นฉบับที่
ได้มาจากเมืองนครศรีธรรมราช
3.2.3 นิมนต์พระไปยังกัมพูชา และเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อรวบรวม
คัมภีร์พระวิสุทธิมรรค เข้ามาคัดลอกสร้างไว้ในกรุงธนบุรี
- 9. 3.3 การสร้าง และปฎิสังขรณ์วัดที่สาคัญ ได้แก่
3.3.1 วัดบางยี่เรือใต้ หรือวัดบางยี่เรือนอก
ทรงบูรณปฏิสังขรณ์มากที่สุด เพราะเป็นวัดที่ถวาย
พระเพลิงศพของพระราชมารดาในพระองค์ และเป็น
วัดที่พระองค์ประทับแรมเพื่อเจริญพระกรรมฐาน
- 12. 4.1 กวี และวรรณกรรม
4.1.1 สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์
4.1.2 หลวงสรชิต (หน) แต่งเรื่อง ลิลิตเพชรมงกุฎ อิเหนาคาฉันท์
4.1.3 นายสวน มหาดเล็ก แต่งโคลงยอพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
4.1.4 พระยามหานุภาพ แต่งนิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน เรียก
อีกอย่างว่า นิราศเมืองกวางตุ้ง
- 17. 4.4 นาฏกรรม หรือนาฏศิลป์ ทรงโปรดเกล้าให้นา
ละครหญิงของเจ้านคร เข้ามาเป็นครูฝึกสมทบกับ
พวกละครต่าง ๆ ที่ทรงรวบรวมได้มาจากที่อื่น
ฝึกหัดเป็นละครหลวงขึ้นใหม่ในกรุงธนบุรี
Editor's Notes
- การกู้อิสรภาพ สาเหตุของการหลบหนีออกจากรุงศรีอยุธยาของพระยาตาก เพราะเกิดความท้อใจในความอ่อนแอของพระเจ้าเอกทัศน์ และมองไม่เห็นหนทางที่จะเอาชนะข้าศึกได้ จึงตัดสินใจฝ่าวงล้อมของพม่าออกไปทางทิศตะวันออกไปตั้งมั่นครั้งแรกที่เมืองระยอง และเข้ายึดเมืองจันทบุรี เมืองตราดตามลำดับ ทำให้พระยาตากมีอำนาจสิทธิ์ขาดในหัวเมืองชายทะเลตะวันออกทั้งหมด การที่พระยาตากได้เมืองจันทบุรี และเมืองตราดไว้ในอำนาจ ทำให้บรรดาพ่อค้าสำเภาจีนยอมอ่อนน้อม ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ประกอบกับได้มีมิตรสหาย ข้าราชการเก่าร่นเดียวกันได้เล็ดลอดหนีข้าศึกจากกรุงศรีอยุธยามาเข้าร่วมเป็นพรรคพวก ทำให้พระยาตากได้แม่ทัพนายกองที่มีความสามารถมาร่วมงานมากขึ้น เมื่อพระยาตากสะสมกำลังได้เพียงพอแล้ว ก็นกกองทัพเรือประมาณ 100 ลำเศษ กำลังทหาร 5,000 คนออกจากเมืองจันทบุรีมุ่งหน้าสู่อ่าวไทย และยาตรามาทางปากแม่น้ำสมุทรปราการ แม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าโจมตีเมืองธนบุรี สามารถจับนายทองอินคนไทยที่ไปเข้าด้วยกับพม่าประหารชีวิต จากนั้นก็นำทัพรุดขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยา เข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้นได้สำเร็จ ตัวสุกี้พระนายกอง แม่ทัพใหญ่ของพม่าตายในสนามรบ สรุปได้ว่า กรุงศรีอยุธยาได้กลับคืนมาเป็นของคนไทยอีกครั้ง ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1129 ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2310 รวมเวลาที่ใช้กู้เอกราชได้ 7 เดือน
- การสถาปนากรุงธนบุรี เมื่อพระยาตากทรงขับไล่พม่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว ก็ทรงรวบรวมผู้คน และทรัพย์สมบัติ ตลอดจนขุดพระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ขึ้นมาถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี จากนั้นก็ทรงคิดปฏิสังขรณ์พระนครศรีอยุธยาให้กลับคืนเป็นราชธานีดังเดิม แต่หลังจากสำรวจดูความพินาศเสียหายของปราสาทราชมณเทียร และวัดวาอารามทั้งปวงแล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อพยพผู้คนเคลื่อนย้ายลงมาทางใต้ ตั้งราชธานีขึ้นใหม่ที่เมืองธนบุรี เรียกนามราชธานีว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
- การปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเมื่อเสร็จศึกจากพม่า ก็ดำเนินการปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ เพื่อความเป็นเอกภาพทางการเมือง โดยดำเนินการปราบปรามตามลำดับ ดังนี้ 3.4.1 การปราบปรามชุมนุมเจ้าพระยาพิษณุโลก สมเด็จพระเจ้าตากสินได้ยกทัพไปปราบปราม มีการรบพุ่งกันที่ตำบลเกยชัย เขตเมืองกำแพงเพชร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงถูกปืนยิงที่พระชงฆ์ได้รับบาดเจ็บจึงต้องยกทัพกลับ เจ้าพระยาพิษณุโลกจึงแต่งตั้งตนเป็นกษัตริย์ ราชาภิเษกได้ 7 วัน ก็ประชวรและถึงแก่พิราลัย พระอินทรอากร น้องชายได้ขึ้นครองเมืองแทน และในที่สุดก็ถูก เจ้าพระฝางยกทัพโจมตีจนได้รับชัยชนะ และผนวกเอาชุมนุมพิษณุโลกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมนุมเจ้าพระฝาง 3.4.2 การปราบชุมนุมเจ้าพิมาย เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินหายจากอาการบาดเจ็บ จึงโปรดให้ พระราชวรินทร์ และพระมหามนตรี ยกทัพไปปราบ เจ้าพิมายได้ยกทัพออกมาต่อสู้แต่ก็แตกพ่าย กรมหมื่นเทพพิพิธรู้ข่าวว่าเจ้าพิมายพ่ายแพ้จึงหนีไปหลบภัยที่เมืองเวียงจันทน์ แต่ขุนชนะ กรมเมืองนครราชสีมาได้ติดตามจับตัวมาถวายสมเด็จพระเจ้าตากสิน กรมหมื่นเทพพิพิธได้แสดงกิริยากระด้างกระเดื่องไม่ยอมอ่อนน้อม สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงรับสั่งให้ประหารชีวิตเสีย 3.4.3 การปราบปรามชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงโปรดเกล้าให้ เจ้าพระยาจักรี (หมุด) เป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปปราบ แต่แม่ทัพกรุงธนบุรีที่ยกไปไม่ปรองดองสามัคคีกัน ทำให้ไม่สามารถปราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราชได้ สมเด็จพระเจ้าตากสินต้องยกกองทัพเรือลงไปบัญชาการด้วยพระองค์เองจึงสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ เจ้านครฯได้หนีไปเมืองปัตตานี พระยาปัตตานีได้จับตัวส่งคืนให้ไทย เจ้านครฯจึงยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงโปรดให้คุมตัวเจ้านครฯมาที่กรุงธนบุรี และให้รับราชการ ส่วนเมืองนครศรีธรรมราชโปรดให้ เจ้าหลานยาเธอเจ้านราสุริยวงศ์ ปกครอง 3.4.4 การปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝาง สมเด็จพระเจ้าตากสินโปรดให้ยกทัพใหญ่ทั้งทัพบก และทัพเรือไปปราบปราม โดยมีพระยายมราช (บุญมา) เป็นแม่ทัพหน้า ยกไปโจมตีเมืองพิษณุโลก ส่วนพระองค์เป็นทัพหลวงยกไปโจมตีเมืองสวางคบุรี เจ้าพระฝางพยายามสู้รบอยู่ได้ 3 วัน สู้ไม่ได้จึงหลบหนีไป เมื่อเสร็จศึกจึงโปรดเกล้าให้ เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช ครองเมืองพิษณุโลก ดูแลราชการในหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งปวง และแต่งตั้งแม่ทัพนายกองที่มีความชอบเป็นเจ้าเมืองเหนือปกครองเมืองต่าง ๆ เพื่อเป็นเมืองหน้าด่านป้องกันข้าศึกยกมารุกรานหัวเมืองฝ่ายเหนือ การที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ ได้สำเร็จ ทำให้คนไทยที่แตกแยกได้กลับมารวมเป็นกลุ่มก้อน อาณาจักรธนบุรีเริ่มมีขอบเขตแน่ชัด มีความมั่นคงเข้มแข็งมากขึ้น พระองค์ใช้เวลาปราบปรามรวบรวมประเทศเป็นปึกแผ่นประมาณ 3 ปีเศษ ( พ.ศ. 2311 - พ.ศ. 2313)
- บทละคนเรื่องรามเกียรติ์ มี 4 ตอน แบ่งออกเป็น 4 เล่มสมุดไทย เนื้อเรื่อง และโวหารหนักไปในทางธรรม และทางอิทธิปาฏิหาริย์ ๑.ตอนพระมงกุฎประลองศร ๒.ตอนหนุมานเกี้ยวนางวานริน ๓.ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ ๔.ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด
นิราศเมืองกวางตุ้ง เป็นกลอนสุภาพ พรรณนาถึงเรื่องราวการเดินทางของคณะทูตที่ออกไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงจีนในมัยธนบุรี จัดเป็นเอกสารที่มีความสำคัญทั้งด้านวรรณคดี และประวัติศาสตร์