More Related Content
Similar to โครงงานคอม (20)
More from Thitaree Permthongchuchai
More from Thitaree Permthongchuchai (20)
โครงงานคอม
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่ างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2556
ชื่อโครงงาน ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี สิ่งไหนทาให้พืชเจริญเติบโตได้ดีกว่ากัน
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1. น.ส.ฐิตารีย์ เพิ่มทองชูชัย เลขที่ 28 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2น.ส.อภิชญา สังข์ทอง เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1น.ส.ฐิตารีย์ เพิ่มทองชูชัย เลขที่ 28
2น.ส.อภิชญา สังข์ทอง เลขที่ 45
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน
(ภาษาไทย) ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี สิ่งไหนทาให้พืชเจริญเติบโตได้ดีกว่ากัน
ชื่อโครงงาน
(ภาษาอังกฤษ) Manure and chemical fertilizer. Which makes plants grow better.
ประเภทโครงงาน โครงงานประเภททดลองเปรียบเทียบ
ชื่อผู้ทา
1. น.ส.ฐิตารีย์ เพิ่มทองชูชัย เลขที่ 28 ชั้น ม.6 ห้อง 6
2น.ส.อภิชญา สังข์ทอง
เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่อที่ปรึกษา
ครูเขือนทอง มูลวรรณ์
่
ระยะเวลาดาเนินงาน _________________________________________________________
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนเรามากขึ้น ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี สิ่งปะดิษฐ์ต่าง ๆ รวมไป
ถึงวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรด้วย คณะผู้จัดทาได้เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ที่เกิดขึ้นในชุมชนที่คณะผู้จัดทาอาศัยอยู่
เกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยเคมีในคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งยังคงใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์อยู่ และในขณะเดียวกันราคาที่
แตกต่างกันมากของปุ๋ยทั้งสองชนิดและคุณภาพตามราคาของปุ๋ยอาจเป็นอีกปัจจัยที่ทาให้ผู้ใช้เลือกปุ๋ยชนิดต่าง ๆ
คณะผู้จัดทาจึงได้คิดทาโครงงานเกี่ยวกับการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของปุ๋ยสองชนิดนี้ขึ้นเพื่อจะหาข้อสรุปว่า
แท้จริงแล้วปุ๋ยชนิดใดจะมีคุณภาพเหมาะสมกับราคามากกว่ากัน
- 3. 3
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาข้อดีและช้อเสียของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอก
2.เพื่อดูการเจริญเติมโตของพืชที่นามาทดลอง
3.เพื่อทดสอบคุณภาพ พืช
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
-ปุ๋ยเคมี และ ปุ๋ยคอกคืออะไร
-ชนิดพืชที่จามาปลูกต้องมีระยะเวลาการเจริญเติบโตเหมาะแก่การทางานส่ง
-ประหยัดงบประมาณไม่เกินตัว
-วิธีการดูแลรักษา
-วิธีการเก็บเกี่ยว
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ความรู้เกี่ยวกับปุ๋ยคอก
ปุ๋ยคอก (Farm Manure) หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ที่ประกอบด้วย อุจจาระ ปัสสาวะของสัตว์ต่างๆ เช่น โค
กระบือ เป็ด ไก่ แพะ แกะ ค้างคาว และสัตว์อื่นๆ ผสมกับเศษอาหารต่างๆ เข้าไปด้วย ในปุ๋ยคอกจึงมีจุลินทรีย์อินทรีย์
ต่างๆ มากมาย มีทั้งพวกที่เป็นฮิวมัสแล้ว และส่วนของอาหารที่ยังสลายตัวไม่หมด มีทั้งส่วนที่เป็นเซลลูโลสลิกนินและ
สารอินทรีย์อื่นๆ นอกจากนั้นยังพบว่ามีวิตามินและฮอร์โมนพืช เช่น กรดอะมิโน ไทอามีน (Thiamine) ไบโอ
ดิน (Biotin) และไพริด็อกซิน (Pyridoxine) ในประเทศไทยนอกจากการทาการเกษตรด้านการเพาะปลูกพืชแล้ว ยังมี
การเลี้ยงสัตว์ด้วยโดยเฉพาะการเลี้ยงสุกร วัว ควาย และไก่ จะมีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ
ไทย ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ดังกล่าวจานวนมาก ทาให้ได้มูลสัตว์ในปริมาณมากด้วย ซึ่งมูลจากสัตว์ต่างๆ เหล่านั้น เมื่อ
นามาผ่านกระบวนการหมักแล้ว จะได้ปุ๋ยคอกที่สามารถนามาใช้ในพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรได้อย่างดี
ปุ๋ยคอก มีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมค่อนข้างต่า โดยหยาบ ๆ แล้วก็จะมี
ไนโตรเจนประมาณ 0.5 % N ฟอสฟอรัส 0.25 % P2O5 และโพแทสเซียม 0.5 % K2O
ปุ๋ยขี้ไก่และขี้เป็ด จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้หมู และขี้หมูจะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าขี้วัว และขี้ควาย ปุ๋ยคอก
ใหม่ ๆ จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าปุ๋ยคอกที่เก่าและเก็บไว้นาน ทั้งนี้เนื่องจากส่วนของปุ๋ยที่ ละลายได้ง่าย จะถูกชะ
ล้างออกไปหมด บางส่วนก็กลายเป็นก๊าซสูญหายไป ดังนั้นการเก็บรักษาปุ๋ยคอกอย่างระมัดระวังก่อนนาไปใช้ จะช่วย
รักษาคุณค่าของปุ๋ยคอกไม่ให้เสื่อมคุณค่าอย่างรวดเร็ว
ความรู้เกี่ยวกับปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยเคมี (Chemical fertilizers) หมายถึงปุ๋ยที่ได้จากสารอนินทรีย์ หรืออินทรีย์สังเคราะห์ ซึ่ง มีธาตุอาหาร
หลัก NPK โดยมีขบวนการตั้งต้นมาจากก๊าซแอมโมเนีย (NH3) ซึ่งได้มาจากการสังเคราะห์น้ามัน และเมื่อนามารวมกับ
กรด โดยผ่านขบวนการทางเคมี จะได้ธาตุ N P K ออกมาเป็นแม่ปุ๋ยสูตรต่างๆ แล้วแต่ว่าจะใช้ กรด ชนิดใดในการทา
- 4. 4
ปฏิกิริยา (ดังนั้นหากใช้ปุ๋ยเคมีไม่ถูกวิธีจะทาให้ดินเป็นกรด)
ประเทศไทยยังไม่มีโรงงานผลิตแม่ปุ๋ย เพราะต้นทุนการผลิตสูง จึงนาเข้าแม่ปุ๋ยมาจากต่างประเทศ เช่น ยูเรีย
แอมโมเนียเหลว หินฟอสเฟตและโพแทสเซียมคลอไรด์ เป็นต้น เมื่อโรงงานปุ๋ยในประเทศได้แม่ปุ๋ยมาแล้ว จึงผลิตปุ๋ย
โดยนาแม่ปุ๋ยมาผสมปั้นเป็นเม็ด โดยมีแม่ปุ๋ยตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปตามสูตรที่ต้องการเช่น ปุ๋ยสูตร15–15–15หมายความ
ว่า จะนาแม่ปุ๋ยมาคานวณให้ในเนื้อปุ๋ย 100กิโลกรัมมี ไนโตรเจน(N)อยู่15กิโลกรัม ฟอสฟอรัส(P)อยู่15กิโลกรัม และมี
โปแตสเซียม(K)อยู่15กิโลกรัม รวมเป็น45กิโลกรัม และอีก55กิโลกรัมที่เหลือจะเป็นสารเติมแต่ง(ฟิลเลอร์) เพื่อให้ได้
ปริมาณครบจานวน100กิโลกรัม ซึ่งฟิลเลอร์ที่เติมเข้าไปก็คือ ดินขาว(Clay) นั้นเอง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าปุ๋ยเคมีที่
เกษตรกรซื้อ จะเป็นดินขาวอย่างน้อย 50เปอร์เซ็นต์(%) ดินขาวจะมีส่วนช่วยในการปั้นเม็ดให้กลมสวย ทาให้เม็ดปุ๋ยมี
ความแข็งไม่แตกร่วนในขณะเก็บไว้นานๆ รวมถึงช่วยเหนี่ยวรั้งไนโตรเจน(N) ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักตัวหนึ่งในเนื้อปุ๋ย
ไม่ให้สลายตัวไปกับอากาศเร็วเกินไป แต่ดินขาวเองไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพืชแต่กลับเป็นข้อเสีย เพราะดินขาวจะ
แทรกตัวไปอัดแน่นอยู่ในช่องว่างของดิน และยึดเกาะเม็ดดินให้จับตัวกันแน่นขึ้น พร้อมกับขับไล่อากาศที่มีอยู่ในดิน
ออกไป ดังนั้นดินที่มีการใช้ปุ๋ยเคมีติดต่อกันมาโดยตลอด จะมีสภาพเป็นกรดและแข็งกระด้าง
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. เลือกหัวข้อโครงงาน
2. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปุ๋ยคอกปุ๋ยเคมี ชนิดของพืชที่ต้องการนามาทดลอง
3. เริ่มศึกษาข้อมูล วิธีการดูแลรักษา วิธีการใส่ปุ๋ย
4. จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทาการทดลอง
5. ลงมือปฏิบัติ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.ปุ๋ยคอก
2.ปุ๋ยเคมี
3.เมล็ดพันธุ์ผักกวางตุ้ง
4.ดิน
5.กระถาง
6.เสียม
7.พลั่ว
งบประมาณ
1.ปุ๋ยคอก 50 บาท
2.ปุ๋ยเคมี 50 บาท
3.เมล็ดพันธุ์ 30 บาท
รวมเงิน
130 บาท