More Related Content
Similar to โครงงานวิทย์ งานคอม
Similar to โครงงานวิทย์ งานคอม (20)
More from Aungkana Na Na (20)
โครงงานวิทย์ งานคอม
- 1. บทที 1ทีมาและความสํ าคัญ
ทีมาและความสํ าคัญ
ปั จจุบนโลกของเรากําลังประสบกัญหาสภาวะโลกร้อน ซึ งเป็ นปั ญหาทีสําคัญมากสังเกตได้จากการที
ั
อุณหภูมิของโลกสู งขึ'นเรื อยๆ สาเหตุหลักของปั ญหานี'เกิดจาก “ปรากฏการณ์เรื อนกระจก” เนืองจากก๊าซ
คาร์ บอนไดออกไซด์ คลอโรฟลูออไรคาร์ บอน ไนตรัสออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน และก๊าศมีเทนจะกักเก็บ
ความร้อนบางส่ วนไว้ในโลกไม่ให้สะท้อนกลับสู่ ช' นบรรยากาศ ซึ งก๊าซเหล่านี'ลวนแล้วแต่ได้มาจากการเผาไหม้
ั ้
เชื'อเพลิงจําพวกนํ'ามันหรื อถ่านหิ น สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม การตัดไม้ทาลายป่ า การเผาขยะ รวมไปถึง
ํ
การเผากระดาษก็เป็ นส่ วนหนึงของการเกิดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์เหมือนกัน เกิดผลกระทบทําให้สิงแวดล้อม
และภูมิอากาศของโลกเกิดการเปลียนแปลง ทําให้เกิด “สภาวะโลกร้อน”ขึ'น ดังนั'นกลุ่มของข้าพเจ้าได้ตระหนัก
และเล็งเห็นถึงปั ญหาดังกล่าวจึงได้จดทําโครงงานเปเปอร์ มาเช่จากกระดาษหนังสื อพิมพ์ข' ึนเพือช่วยลดปั ญหา
ั
สภาวะโลกร้อน
ในปั จจุบนก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มีการเพิมขึ'นอย่างรวดเร็ วในปริ มาณทีมากขึ'น การเผากระดาษก็ถือ
ั
เป็ นส่ วนหนึงทีทําให้ก๊าซชนิดนี'เพิมปริ มาณขึ'นอย่างรวดเร็ วเหมือนกัน ทางกลุ่มของข้าพเจ้าจึงมีความตระหนัก
และเล็งเห็นถึงปั ญหาสภาวะโลกร้อนทีเกิดจากการเผากระดาษนี'จึงคิดลดปริ มาณก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จากการ
เผากระดาษ จึงได้คิดทีจะจัดทําโครงงานนี'ข' ึนมาโดยการนําเอากระดาษหนังสื อพิมพ์ทีไม่ใช้แล้ว มาสร้างสรรค์
ุ่
ปั' นแต่ง เป็ นชิ'นงานทีมีราคาแถมขั'นตอนการทําไม่ยงยาก ลงทุนไม่มาก ซึ งชิ'นงานบางอย่างทีเราพบเจอใน
ชีวตประจําวันก็ลวนประดิษฐ์มาจากเศษหนังสื อพิมพ์เหล่านี'ท' งสิ' น
ิ ้ ั
วัตถุประสงค์
1. เพือลดปริ มาณขยะ (เศษกระดาษ) ในสังคมให้มีจานวนลดลง
ํ
2. ชิ'นงานทีได้สามารถใช้งานได้จริ งในชี วตประจําวัน และมีประสิ ทธิ ภาพ
ิ
3. เป็ นอีกวิธีหนึงทีช่วยในการลดปั ญหาโลกร้อน
ขอบเขตการศึกษา
ได้ชิ'นงานทีเกิดจากการสร้างสรรค์เปเปอร์ มาเช่จานวน 3 ชิ'น
ํ
ประโยชน์ ทได้ รับ
ี
1. ปริ มาณขยะ (เศษกระดาษ) มีจานวนลดลง
ํ
2. ชิ'นงานทีได้สามารถใช้งานได้จริ งในชี วตประจําวัน
ิ
3. เป็ นส่ วนหนึงในการช่วยลดปั ญหาภาวะโลกร้อน
- 2. วิธีดําเนินการ
1. ตั'งชือโครงงานทีสนใจ
2. ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกียวกับเรื องทีสนใจ
3. รวบรวมข้อมูล
4. แบ่งหน้าทีในการทํางาน
5. นําเสนอโครงงานต่อครู ทีปรึ กษา
6. ครู ทีปรึ กษาเห็นชอบและให้ขอเสนอแนะ
้
นิยามศัพท์
-
- 3. บทที 2 เอกสารทีเกียวข้ อง
ภาวะโลกร้ อน (Global Warming)
บรรยากาศของโลกประกอบด้วย ก๊าซไนโตรเจน 78% ก๊าซออกซิ เจน 21% ก๊าซอาร์ กอน 0.9% นอกจากนั'น
่
เป็ น ไอนํ'า ก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จานวนเล็กน้อย แม้วาไนโตรเจนออกซิ เจน และอาร์ กอน จะเป็ นองค์ประกอบ
ํ
หลักของบรรยากาศแต่ก็มิได้มีอิทธิ พลต่ออุณหภูมิของโลก ในทางตรงกันข้ามก๊าซโมเลกุลใหญ่ เช่นไอนํ'า
่
คาร์ บอนไดออกไซด์ มีเทน ไนตรัสออกไซด์ และโอโซนแม้จะมีอยูในบรรยากาศเพียงเล็กน้อยแต่มีความสามารถ
ในการดูดกลืนรังสี อินฟราเรด ทําให้อุณหภูมิพ'นผิวโลกอบอุ่น เหมาะแก่การดํารงชีวตเราเรี ยกก๊าซจําพวกนี'วา
ื ิ ่
“ก๊าซเรื อนกระจก” (Greenhouse gas) เนืองจากคุณสมบัติในการเก็บกักความร้อน หากปราศจากก๊าซเรื อนกระจก
แล้วพื'นผิวโลกจะมีอุณหภูมิเพียง -18 องศาเซลเซี ยส ซึ งนันก็หมายความว่านํ'าทั'งหมดบนโลกนี'จะกลายเป็ น
นํ'าแข็ง
ภาพที 1 ประโยชน์ ของภาวะเรือนกระจก
ไอนํา (H2O)
<
่ ่ ั
ไอนํ'า เป็ นก๊าซเรื อนกระจกทีมีมากทีสุ ดบนโลก มีอยูในอากาศประมาณ 0 – 4% ขึ'นอยูกบลักษณะภูมิประเทศ
่
ภูมิอากาศ และอุณหภูมิในบริ เวณเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรและชายทะเล จะมีไอนํ'าอยูมากส่ วนในบริ เวณเขต
หนาวแถบขั'วโลก อุณหภูมิตาจะมีไอนํ'าในบรรยากาศเพียงเล็กน้อย ไอนํ'าเป็ นสิ งจําเป็ นต่อสิ งมีชีวตไอนํ'าเป็ นส่ วน
ํ ิ
หนึงของวัฏจักรนํ'าในธรรมชาติ นํ'าสามารถเปลียนสถานะไปมาทั'ง 3 สถานะ จึงเป็ นตัวพาและกระจายความร้อน
แก่บรรยากาศและพื'นผิวไอนํ'าเกิดขึ'นโดยฝี มือมนุษย์ 2 วิธี คือจากการเผาไหม้เชื'อเพลิงหรื อก๊าซธรรมชาติและจาก
การหายใจและคายนํ'าของสัตว์และพืชในการทําเกษตรกรรม
- 4. ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (CO2)
ในยุคเริ มแรกของโลกและระบบสุ ริยะ มีก๊าซคาร์ บอนได ออกไซด์ในบรรยากาศถึง 98% เนื องจากดวงอาทิตย์ยงมี ั
ขนาดเล็กและแสงอาทิตย์ยงไม่สว่างเท่าทุกวันนี'ก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ช่วยทําให้โลกอบอุ่นเหมาะสําหรับเป็ น
ั
่
ถินทีอยูอาศัยของสิ งมีชีวตครั'นกาลเวลาผ่านไปดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่ข' ึนนํ'าฝนได้ละลายคาร์ บอนไดออกไซด์
ิ
ในอากาศ ลงมายังพื'นผิวแพลงตอนบางชนิดและพืชตรึ งก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในอากาศมาสร้างเป็ นอาหาร
โดยการสังเคราะห์ดวยแสง ทําให้ภาวะเรื อนกระจกลดลงโดยธรรมชาติก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์เกิดขึ'นจากการ
้
หลอมละลายของหิ นปูนซึ งโผล่ข' ึนมาจากปล่องภูเขาไฟ และการหายใจของสิ งมีชีวต ิ
ก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มีปริ มาณเพิมขึ'น เนื องจากการเผาไหม้ในรู ปแบบต่างๆเช่น การเผาไหม้เชื'อเพลิง โรงงาน
่
อุตสาหกรรมการเผาป่ าเพือใช้พ'ืนทีสําหรับอยูอาศัยและการทําปศุสัตว์การเผาป่ าเป็ นการปล่อยก๊าซ
คาร์ บอนไดออกไซด์ข' ึนสู่ ช' นบรรยากาศได้โดยเร็ วทีสุ ดเนื องจากต้นไม้มีคุณสมบัติในการตรึ งก๊าซ
ั
คาร์ บอนไดออกไซด์ไว้ก่อนทีจะลอยขึ'นสู่ ช' นบรรยากาศ ดังนั'นเมือพื'นทีป่ าลดน้อยลงก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จึง
ั
่
ลอยขึ'นไปสะสม อยูในบรรยากาศได้มากยิงขึ'นและทําให้พลังงานความร้อนสะสมบนผิวโลกและในบรรยากาศ
เพิมขึ'นประมาณ 1.56 วัตต์/ตารางเมตร (ปริ มาณนี'ยงไม่คิดรวมผลกระทบทีเกิดขึ'นทางอ้อม)
ั
ภาพที 2 กราฟแสดงปริมาณก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ ทเพิมขึนในแต่ ละปี
ี <
- 5. ภาพที 2 แสดงปริ มาณก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ทีเพิมขึ'น ตั'งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็ นต้นมา เส้นกราฟเป็ น
ลักษณะฟันปลา สู งตําสลับกันในแต่ละรอบปี มีค่าต่างกันประมาณ 5 - 6 ppm ((part per million - ส่ วนต่ออากาศ
หนึงล้านส่ วน) ในฤดูร้อนมีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์นอยลงเนืองจากพืชตรึ งก๊าซเอาไว้สร้างอาหารมากกว่าใช้
้
หายใจส่ วนในฤดูหนาวมีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มากขึ'นเนื องจากพืชคายก๊าซออกมาจากการหายใจมากกว่าการ
ตรึ งเพือสร้างอาหารอย่างไรก็ตามเมือพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว อุณหภูมิมีแนวโน้มสู งขึ'นในแต่ละปี
ก๊ าซมีเทน (CH4)
ก๊าซมีเทนเกิดขึ'นจากการย่อยสลายของซากสิ งมีชีวตแม้วามีก๊าซมีเทนอยูในอากาศเพียง 1.7 ppm แต่ก๊าซมีเทนมี
ิ ่ ่
คุณสมบัติของก๊าซเรื อนกระจกสู งกว่าก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์กล่าวคือ ด้วยปริ มาตรทีเท่ากันก๊าซมีเทนสามารถ
ดูดกลืนรังสี อินฟราเรดได้ดีกว่าก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ก๊าซมีเทนมีปริ มาณเพิมขึ'นเนืองจากการทํานาข้าว ปศุ
สัตว์และการเผาไหม้มวลชีวภาพ การเผาไหม้เชื'อเพลิงประเภทถ่านหิ น นํ'ามันและก๊าซธรรมชาติการเพิมขึ'นของ
ก๊าซมีเทนส่ งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเรื อนกระจกมากเป็ นอันดับสอง รองจากก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์
พลังงานรวมทีเกิดขึ'นโดยเฉลีย 0.47 วัตต์/ตารางเมตร
ก๊ าซไนตรัสออกไซด์ (N2O)
ก๊าซไนตรัสออกไซด์ในธรรมชาติ เกิดจากการย่อยสลายซากสิ งมีชิวตโดยแบคทีเรี ยก๊าซไนตรัสมีปริ มาณเพิมขึ'น
ิ
เนืองจากอุตสาหกรรมทีใช้กรดไนตริ กในกระบวนการผลิต เช่น อุตสาหกรรมผลิตเส้นใยไนลอน อุตสาหกรรม
เคมีและพลาสติกบางชนิดก๊าซไนตรัสออกไซด์ทีเพิมขึ'นส่ งผลกระทบโดยตรงต่อการเพิมพลังงานความร้อน
สะสมบนพื'นผิวโลกประมาณ 0.14 วัตต์/ตารางเมตรนอกจากนั'นเมือก๊าซไนตรัสออกไซด์ลอยขึ'นสู่ บรรยากาศชั'น
สตราโตสเฟี ยร์ มนจะทําปฏิกิริยากับก๊าซโอโซนทําให้เกราะป้ องกันรังสี อลตราไวโอเล็ตของโลกลดน้อยลง
ั ั
สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFC)
่
มีแหล่งกําเนิดจากโรงงานอุตสาหกรรม และอุปกรณ์เครื องใช้ในชีวตประจําวันเช่น ตูเ้ ย็น เครื องปรับอากาศแม้วา
ิ
จะมีการจํากัดการใช้ก๊าซประเภทนี'ให้นอยลง 40% เมือเทียบกับสิ บกว่าปี ก่อนแต่ปริ มาณสารคลอโรฟลูออโร
้
่
คาร์ บอนทียังคงสะสมอยูในชั'นบรรยากาศยังเป็ นต้นเหตุทีทําให้มีพลังงานความร้อนสะสมบนพื'นผิวโลกประมาณ
0.28 วัตต์ต่อตารางเมตรนอกจากนี'สารคลอโรฟลูออโรคาร์ บอนยังทําลายชั'นโอโซนในบรรยากาศชั'นสตราโตส
เฟี ยร์
โอโซน (O3)
โอโซนเป็ นก๊าซทีมีคุณสมบัติความเป็ นก๊าซเรื อนกระจกมากทีสุ ดทําให้เกิดพลังงานความร้อนสะสมบนพื'นผิวโลก
ประมาณ 2.85 วัตต์/ตารางเมตรก๊าซโอโซนเกิดขึ'นจากการเผาไหม้มวลชีวภาพและการสันดาปของเครื องยนต์มีอยู่
่
ในหมอกควันซึ งเกิดจากการจราจรและโรงงานก๊าซโอโซนทีอยูในบรรยากาศชั'นโทรโพสเฟี ยร์ (บนพื'นผิวโลก)
เป็ นพิษต่อร่ างกาย แต่ก๊าซโอโซนในบรรยากาศชั'นสตราโตสเฟี ยร์ ดูดกลืนรังสี อลตราไวโอเล็ตไม่ให้ส่องลงมาทํา
ั
่
อันตรายต่อสิ งมีชีวตทีอาศัยอยูบนพื'นโลก
ิ
- 6. ภาพที 3 กราฟแสดงอัตราการเพิมพลังงานของก๊ าซเรือนกระจก
กราฟในภาพที 3 แสดงอัตราการเพิมปริ มาณของก๊าซเรื อน กระจกแต่ละชนิดนับตั'งแต่ปี พ.ศ.2400 เป็ นต้นมาจะ
่
เห็นได้วาก๊าซเรื อนกระจกในบรรยากาศมีปริ มาณเพิมขึ'นนับตั'งแต่การเติบโตทางอุตสาหกรรมในปี พ.ศ.2443 เป็ น
ต้นมาและได้หยุดใช้สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอน (CFC) ตั'งแต่ พ.ศ.2530 เนื องจากการประชุมนานาชาติ
ทีเมืองมอนทรี ล ประเทศแคนนาดา (Montreal Protocol) อย่างไรก็ตามยังมีสารนี'ตกค้างในบรรยากาศอีกนับร้อยปี
(รายละเอียดในตารางที 2)
นักวิทยาศาสตร์ ทาการศึกษาอุณหภูมิของโลกย้อนกลับไปในอดีตสี แสนปี โดยการวิเคราะห์ฟองอากาศในแท่ง
ํ
นํ'าแข็งซึ งทําการขุดเจาะทีสถานีวจยวอสต็อก ทวีปแอนตาร์ คติกพบว่าอุณหภูมิของโลกแปรผันตามปริ มาณก๊าซ
ิั
คาร์ บอนไดออกไซด์ ดังกราฟในภาพที 4 นันก็หมายความว่า การเพิมปริ มาณก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์เข้าสู่
บรรยากาศของโลกยุคปั จจุบนย่อมทําให้อุณหภูมิของพื'นผิวโลกสู งขึ'นตามไปด้วย
ั
ภาพที 4 กราฟแสดงความสั มพันธ์ ระหว่ างอุณหภูมิและปริมาณก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์
การเพิมขึนของระดับนําในมหาสมุทร
< <
อุณหภูมิของบรรยากาศมีความสัมพันธ์ต่อการเปลียนสถานะของนํ'าบนโลกอุณหภูมิทีสู งขึ'นจะทําให้อตราการ
ั
ระเหยของนํ'ามากขึ'นรวมถึงอัตราการหลอมละลายของแผ่นนํ'าแข็งขั'วโลกก็จะมากขึ'นตามไปด้วยถ้าหากอุณหภูมิ
ของบรรยากาศลดตําลงอัตราการควบแน่นของไอนํ'าในบรรยากาศก็จะมากขึ'นรวมถึงอัตราการเยือกแข็งของนํ'าใน
มหาสมุทรก็จะมากขึ'นเช่นกัน กราฟในภาพที 5 แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของอุณหภูมิของบรรยากาศและ
่
ระดับนํ'าทะเลในมหาสมุทรในช่วงศตวรรษทีแล้วจะเห็นได้วาระดับนํ'าทะเลสู งขึ'นนับตั'งแต่ปี พ.ศ.2450 เป็ นต้น
มาซึ งเป็ นผลมาจากอุณหภูมิของบรรยากาศทีสู งขึ'นเนื องจากการเพิมปริ มาณของก๊าซเรื อนกระจก
- 7. ภาพที 5 กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและระดับนํ'าทะเล
เมือประมาณ 2 หมืนปี มาแล้วโลกเป็ นยุคนํ'าแข็ง ร้อยละ 30 ของพื'นทวีปทั'งหมดถูกปกคลุมด้วยแผ่นนํ'าแข็ง
นับตั'งแต่ข' วโลกเหนือลงมาจรดตอนกลางของทวีปอเมริ กาเหนื อ ยุโรป และเอเชียระดับนํ'าทะเลในยุคนั'น ตํากว่า
ั
ปั จจุบนประมาณ 110 – 140 เมตรในเอเชียอาคเนย์ บริ เวณทะเลอันดามันและทะเลจีนใต้เกือบทั'งหมดเคยแห้ง
ั
กลายเป็ นแผ่นดินทั'งนี'เนื องจากนํ'าทะเลทีระเหยขึ'นไปเป็ นไอนํ'าในบรรยากาศไปควบแน่นเป็ นหิ มะและตก ลงมา
สะสมตัวกันบนยอดเขาและพื'นทีตอนเหนือกลายเป็ นแผ่นนํ'าแข็งต่อมาเมือโลกอุ่นขึ'นเนืองจากปริ มาณก๊าซเรื อน
กระจกทีปรับตัวเองตามธรรมชาติ ระดับนํ'าทะเลจึงสู งขึ'นจนมีระดับใกล้เคียงกับทุกวันนี'แต่ทว่าในช่วงศตวรรษที
ผ่านมา ได้มีการตัดไม้ทาลายป่ าและทําอุตสาหกรรมหนักทําให้ปริ มาณก๊าซเรื อนกระจกเพิมขึ'นอย่างรวดเร็ วจน
ํ
เกิด ปรากฏการณ์โลกร้อน (Global warming) และหากอัตราการเพิมขึ'นของก๊าซเรื อนกระจกยังคงเป็ นเช่นนี'แผ่น
นํ'าแข็งขั'วโลกจะละลายทําให้ระดับนํ'าทะเลสู งขึ'น
การละลายของแผ่นนํ'าแข็งขั'วโลกนอกจากจะส่ งผลให้ระดับนํ'าทะเลสู งขึ'นแล้วยังทําให้อลบีโดของโลกลดลง
ั
อีกด้วย กล่าวคือพื'นทีสี ขาวซึ งทําหน้าทีสะท้อนรังสี จากดวงอาทิตย์คืนสู่ อวกาศลดน้อยลง (นํ'าทะเลมีอลบีโดย
ั
น้อยกว่าก้อนนํ'าแข็ง) พื'นทีสี เข้มเช่นนํ'าทะเลจะดูดความร้อนได้ดีข' ึนและส่ งผลซํ'าเติมทําให้อุณหภูมิของโลกและ
ระดับนํ'าทะเลสู งขึ'นไปอีกอย่างรวดเร็ ว บริ เวณพื'นทีเกาะและทีราบลุ่มชายฝังทะเล เช่นตอนใต้ของประทศ
เวียดนามและประเทศกัมพูชาจะถูกนํ'าท่วม ดังภาพที 6 ความเค็มของนํ'าทะเลซึ งเจือจางลงเนืองจากการละลายของ
นํ'าแข็งจะส่ งผลให้การไหลเวียนของกระแสนํ'าในมหาสมุทรเปลียนทิศทางและความจุความร้อนเปลียนไปส่ ง
ผลกระทบให้เกิดการเปลียนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกอย่างรุ นแรง
กราฟแสดงการเพิมขึ'นของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในชั'นบรรยากาศโลก
ในรอบ 50 ปี ทีผ่านมา จาก 310ppm ขึ'นมาเป็ น 380ppm ในปั จจุบน
ั
ทีมา : NOAA/Scripps Institution of Oceanography
- 8. ก๊ าซเรือนกระจกประกอบด้ วยก๊ าซทีสํ าคัญ คือ
53 % ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ (380ppm)
ทุกวันนี'ในชั'นบรรยากาศมีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ 380 โมเลกุลในทุกๆ 1ล้านโมเลกุลของมวลอากาศ หรื อ
380ppm (parts per million) และมีการเพิมขึ'นประมาณปี ละ 1 เปอร์ เซ็นต์ เมือเทียบกับราว 100 ปี ก่อนในยุคปฏิวติ
ั
่
อุตสาหกรรมระดับความเข้มของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในชั'นบรรยากาศอยูทีประมาณ 280 ppm
่
นักวิทยาศาสตร์ คาดการณ์วา ในอีก 100 ปี ข้างหน้าถ้าไม่มีการแก้ไขหรื อชะลอการใช้พลังงานจากเชื'อเพลิง
ฟอสซิ ลความเข้มข้นของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์จะเพิมขึ'นเป็ นเกือบ 1,000 ppm ซึ งเป็ นการเพิมในอัตราทีเร็ ว
กว่าทีผ่านมาอย่างมาสาเหตุทีก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์เพิมสู งขึ'นเรื อยๆ ในชั'นบรรยากาศนั'นนอกจากว่ามาจาก
การเผาไหม้เชื' อเพลิงฟอสซิ ลแล้วสาเหตุสาคัญอีกประการหนึงคือการตัดไม้ทาลายป่ าและเผาป่ าเพือเปลียนเป็ น
ํ ํ
พื'นทีการเกษตรเนื องจากต้นไม้มีคุณสมบัติทีดีในการดูดซับก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ไม่ให้ลอยขึ'นสู่ ช' น ั
บรรยากาศ เมือพื'นทีป่ าลดน้อยลงปริ มาณก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในอากาศจึงสู งขึ'นและการเผาป่ ายังทําให้ซาก
่
พืชซากสัตว์ทีอยูในดินถูกทําลายกลายเป็ นก๊าซชนิดนี'เพิมขึ'นในชั'นบรรยากาศด้วยเมือ 10 ปี ก่อน นักวิทยาศาสตร์
ได้สารวจวัดปริ มาณคาร์ บอนไดออกไซด์และอุณหภูมิของโลกย้อนกลับไปเมือ 650,000 ปี ก่อนโดยวิเคราะห์จาก
ํ
่ ั
แท่งนํ'าแข็งทีอยูลึกลงไปใต้ผิวโลกและได้ขอสรุ ปว่าอุณหภูมิของโลกมีความสัมพันธ์กบปริ มาณก๊าซ
้
คาร์ บอนไดออกไซด์ในชั'นบรรยากาศ เมือช่วงเวลาใดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์มากอุณหภูมิของโลกก็จะ
สู งขึ'น
17% ก๊ าซมีเทน (1.8ppm)
่
เป็ นก๊าซทีเกิดจากปลูกข้าว การเลี'ยงสัตว์และการเผาไหม้ของเชื'อเพลิงฟอสซิ ลแม้วาก๊าซมีเทนในชั'นบรรยากาศจะ
มีเพียงเล็กน้อยแต่โมเลกุลของก๊าซมีเทนสามารถดูดกลืนรังสี ความร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ถึง 25
เท่าปั ญหาการปลดปล่อยก๊าซมีเทนในชั'นบรรยากาศได้กลายเป็ นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย
กล่าวคือทีผ่านมาเวลามีการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยปั ญหาภาวะเรื อนกระจกประเทศทีพัฒนาแล้วซึ งส่ วน
ใหญ่เป็ นประเทศอุตสาหกรรมทีปลดปล่อยก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ในปริ มาณมากจะพยายามยกประเด็นว่า
ประเทศกําลังพัฒนาซึ งส่ วนใหญ่เป็ นประเทศเกษตรกรรมก็ปลดปล่อยก๊าซมีเทนมากด้วยเช่นกันโดยยกตัวอย่าง
การปลูกข้าวแบบให้น' าท่วมขังเพือเป็ นการควบคุมวัชพืชซึ งจะทําให้ดินขาดออกซิ เจน แบคทีเรี ยบางชนิ ดจึงผลิต
ํ
ก๊าซมีเทนมากขึ'นและเนืองจากก๊าซมีเทนสามารถเก็บกักความร้อนได้ดีกว่าดังนั'นประเทศพัฒนาแล้วจึงพยายาม
กดดันให้ประเทศกําลังพัฒนาร่ วมรับผิดชอบด้วยในระดับหนึง
13% ก๊ าซโอโซนระดับผิวโลก (0.03ppm)
่
เมืออยูในชั'นบรรยากาศสู งๆก๊าซโอโซนจะช่วยปกป้ องโลกจากรังสี อลตราไวโอเลตแต่โอโซนทีอยูในระดับผิว
ั ่
โลกจะทําหน้าทีเป็ นสารออกซิ แดนท์ซึงจะทําปฏิกิริยากับเนื'อเยือของสิ งมีชีวตถือได้วาเป็ นก๊าซโอโซนทีแม้จะอยู่
ิ ่
ในบรรยากาศของโลกเพียงเล็กน้อยแต่มีความสามารถในการดูดกลืนรังสี อินฟราเรด ทําให้โลกอบอุ่นขึ'นด้วย
- 9. 12% ก๊ าซไนตรัสออกไซด์ (0,3ppm)
โรงงานอุตสาหกรรมทีผลิตเส้นใยไนลอน อุตสาหกรรมเคมีและพลาสติกใช้กรดไนตริ กในกระบวนการผลิตจะ
ปลดปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ข' ึนสู่ ช' นบรรยากาศรวมไปถึงปุ๋ ยไนโตรเจนทีใช้ในการทําการเกษตรและแม้วาใน
ั ่
ธรรมชาติจะมีการปล่อยก๊าซชนิดนี' ออกมาแต่ก๊าซไนตรัสออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรมมีปริ มาณเพิมขึ'นอย่าง
รวดเร็ วส่ งผลให้ความร้อนในชั'นบรรยากาศเพิมขึ'น
5 % ก๊ าซซีเอฟซี (1ppm)
่
ก๊าซชนิดนี'เป็ นก๊าซทีมีสารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์ บอนมีใช้อยูในเครื องปรับอากาศ ตูเ้ ย็น สเปรย์ นํ'ายา
ดับเพลิง ฯลฯเป็ นตัวการสําคัญทีทําให้เกิดรู โหว่ของโอโซนในชั'นบรรยากาศทําให้รังสี อลตราไวโอเลตส่ องลง
ั
มาถึงพื'นโลกได้มากขึ'นแม้วาปั จจุบนทัวโลกได้รณรงค์ลดการปล่อยก๊าซซี เอฟซี ลงได้ถึง 40 %แต่ทียังหลงเหลืออยู่
่ ั
ในชั'นบรรยากาศก็มีส่วนในการดูดกลืนรังสี อินฟราเรดจนเกิดความร้อนสะสมขึ'นประมาณ 0.28 วัตต์/ตารางเมตร
กระดาษจะใช้เวลาในการย่อยสลาย 8-13 กก./ปี การใช้กระดาษ รี ไซเคิล 1 ตันจึง สามารถลดการปล่อยก๊าซเรื อน
กระจกได้ถึง 7 ตัน
- 10. บทที 3 อุปกรณ์ และขั<นตอนการทํา
อุปกรณ์
1. กระดาหนังสื อพิมพ์ทีไม่ใช้แล้ว
2. กรรไกร
3. กาว หรื อ แป้ งเปี ยก
4. แม่แบบทีต้องการ
5. สี โปสเตอร์
6. คัตเตอร์
7. เทปกาว
ขั<นตอนการทําหมูออมสิ น และไข่ ออมสิ น
1. ตัดกระดาษหนังสื อพิมพ์เป็ นชิ'นเล็กๆขนาดประมาณ 1x2 เซนติเมตร
2. ทากาวทีแม่แบบแล้วนํากระดาษหนังสื อพิมพ์ติดให้ทว ทิ'งไว้ไห้แห้ง
ั
3. เมือแม่แบบแข็งตัวดีแล้วใช้มีดคัตเตอร์ กรี ดออกเป็ น 2 ส่ วน
4. ติดเทปกาวตามรอยให้ติดกันและตกแต่งระบายสี ตามใจชอบ
5. ได้ชิ'นงานทีมีชือว่า “ไข่ออมสิ น”
และ “หมูออมสิ น”
สถานทีปฏิบัติงาน
- โรงเรี ยนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
ระยะเวลาในการดําเนินงาน
ตั'งแต่วนที 5 มกราคม 2556 – วันที 5 กุมภาพันธ์ 2556
ั
- 11. บทที 5 อภิปรายและสรุ ปผล
จากการทําโครงงานเปเปอร์ มาเช่ ลดโลกร้อนแล้วจะพบว่ากระดาษทีนํามาประดิษฐ์เปเปอร์ มาเช่น' นถ้า
ั
นําไปเผาจะทําให้เกิดกลุ่มควันทําให้เกิดก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ ซึ งเป็ นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน แต่ถา
้
นํามาประดิษฐ์ สร้างสรรค์เป็ นชิ'นงานอย่างอืนแล้ว จะเป็ นการช่วยลดการเผากระดาษ และช่วยลดปั ญหาภาวะโลก
ร้อนด้วย สําหรับชิ'นงานทีได้จากการทําโครงงานเปเปอร์ มาเช่ ลดโลกร้อนนั'น จะได้ชิ'นงาน จํานวน 3 ชิ'น ได้แก่
หมูออมสิ น ไข่ออมสิ น ละกล่องกระดาษทิชชู สําหรับหมูออมสิ นนั'นใช้กระดาษไปทั'งหมด 200 กรัม ไข่ออม
สิ นใช้กระดาษไปทั'งหมด 200 กรัม และกล่องกระดาษทิชชูใช้กระดาษไปทั'งหมด 300 กรัม รวมแล้วโครงงานเป
เปอร์ มาเช่ ลดโลกร้อนนี'ใช้กระดาษไปทั'งสิ' น 700 กรัม สามารถลดปริ มาณกระดาษทีเหลือใช้ได้ถึง 60 % ลดก๊าซ
คาร์ บอนไดออกไซด์ทีจะก่อตัวในชั'นบรรยากาศได้ถึง 0.60 ppm. กระปุกออมสิ นทั'ง 2 แบบ และกล่องกระดาษ
ทิชชูทีได้จากการทําโครงงานนี'มีประสิ ทธิ ภาพและสามารถใช้งานได้จริ งในชีวตประจําวัน
ิ
- 12. บทที 4 ผลการทดลอง
350
300
250
200
150 การเพิมของก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์
100
50
0
จากการทดลองทําโครงงานเปเปอร์ มาเช่ ลดโลกร้อนนี'ทางกลุ่มของพวกเราพบว่า ใช้กระดาษ
หนังสื อพิมพ์ไปทั'งหมด 700 กรัม โดยหมูออมสิ นใช้กระดาษ 200 กรัม ไข่ออมสิ นใช้กระดาษ 200 กรัม และกล่อง
กระดาษทิชชูใช้กระดาษ 300 กรัม ซึ งชิ'นงานทีเราได้น' นล้วนมีประสิ ทธิ ภาพและสามารถใช้งานได้จริ งใน
ั
ชีวตประจําวันถึง 60%
ิ
- 13. กราฟแท่ งแสดงการลดปริมาณของก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์
400
300
200
100
การเพิมของก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์
0
การลดของก๊ าซคาร์ บอนไดออไซด์
-100
-200
-300
-400
จากการทดลองทําโครงงานเปเปอร์ มาเช่ ลดโลกร้อนนี'ทางกลุ่มของพวกเราพบว่า ปริ มาณก๊าซ
คาร์ บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างเห็นได้ชด สังเกตได้จากกราฟด้านบนนี' กระดาษทีใช้ทาหมูออมสิ น สามารถลด
ั ํ
ปริ มาณการเผาได้ถึง 200 กรัม ไข่ออมสิ นสามารถลดปริ มาณการเผากระดาษได้ถึง 200 กรัม และกล่องกระดาษ
ทิชชูสามารถลดได้ถึง 300 กรัม หรื อสามารถลดปริ มารก๊าซคาร์ บอนไดออกไซด์ทีเกิดจากการเผาได้มาถึง
0.5 ppm.