SlideShare a Scribd company logo
บทที่ 4
หน่ว ยของสิ่ง มี
     ชีว ต
         ิ

                   1
หน่ว ยของสิ่ง มีช ีว ิต




                          2
เซลล์ (cell)

        ?
คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของ
สิงมีชีวิต
  ่

                            3
Robert Hooke


                      ?
• เป็นคนแรกที่เห็นเซลล์จากการใช้
  กล้องจุลทรรศน์ชนิดเลนส์ประกอบ ที่
  ประดิษฐ์ขึ้นเอง
• ศึกษาไม้คอร์กภาพที่เห็นเป็นห้องสี่เหลี่ยมกล
  วงๆคล้ายรังผึ้ง ได้ตั้งชื่อสิงที่มองเห็นว่า เซล
                               ่
  ลูเล(cellulae) เป็นเซลล์ที่ตายแล้ว             4
5
Anton van Leewenhoek


                   ?
• มองเป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิตเป็นคนแรก โดย
  เรียกสิ่งที่เห็นว่า animalicules ซึ่งหมายถึง
  สัตว์ตัวล็กๆ

                                             6
7
Matthias Jakop Schleiden และ
        Theodor Schwann


                  ?
• เสนอทฤษฏีเซลล์ (cell theory) ว่า เซลล์
  ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของเซลล์ และ
  ผลิตภัณฑ์เซลล์

                                           8
9
GENERAL BODY ORGANIZATION
                                        IN ANIMALS
-สิ่ง มีช ว ิต หลายเซลล์ (multicellular organism) มี
          ี
 การจัด เรีย งตัว ของหน่ว ยต่า ง ๆ เป็น ลำา ดับ ขั้น ดัง นี้
                       เซลล์
-เซลล์เ ป็น หน่ว ย
ย่อ ยทีเ ล็ก ทีส ุด
       ่       ่     เนื้อ เยื่อ
-ในแต่ล ะลำา ดับ ขั้น
จะมีก ารทำา งานร่ว ม อวัย วะ
กัน อย่า งเป็น ระบบ
                     ระบบอวัย วะ


             สิ่ง มีช ีว ิต หนึ่ง หน่ว ย

                                                           10
การศึก ษาเซลล์
 ศึก ษาด้ว ยกล้อ งจุล ทรรศน์
ทำา ให้ส ามารถเห็น รายละเอีย ด
โครงสร้า งของเซลล์
 ศึก ษาด้ว ยวิธ แ ยกชิ้น ส่ว นของ
                  ี
เซลล์โ ดยการเหวี่ย งด้ว ยความเร็ว
ที่ต ่า งๆกัน organelles ที่แ ยกออก
มาสามารถนำา ไปศึก ษาโครงสร้า ง
และหน้า ที่ข องมัน                11
Light microscope

      VS.
Electron microscope


       ?
               12
13
Electron micrographs




Transmission electron   Scanning electron
micrographs (TEM)       micrographs (SEM)



                                       14
คำา ถาม?



           15
Different Types of Light Microscope: A Comparison

Brightfield
                                         Phase-contrast
(unstained
specimen)

Brightfield                                  Differential-
(stained                                     interference-
specimen)                                    contrast
                                             (Nomarski)

Fluorescene                                  Confocal


              Human Cheek Epithelial Cells              16
Cell Fractionation
      วิธ ก ารแยกชิน ส่ว นของเซลล์ท ำา ได้โ ดย
          ี        ้
การเหวี่ย งด้ว ยความเร็ว ที่ต า งๆกัน organelles
                              ่
ที่แ ยกออกมาสามารถนำา ไปศึก ษาโครงสร้า ง
และหน้า ที่ข องมัน




                                             17
The size range
of cells

 ชนิด ของ        เส้น ผ่า
 เซลล์           ศูน ย์ก ลาง
Myoplasmas      0.1 - 1.0
แบคทีเ รีย      ไมครอน

ส่ว นใหญ่ข อง 1.0 - 10.0
eukaryotic cell ไมครอน
                10.0 - 100.0
                ไมครอน


                            18
Prokaryotic and Eukaryotic cell
  สิง มีช ีว ิต ประกอบด้ว ยเซลล์ เซลล์
     ่
แบ่ง เป็น 2 ชนิด คือ
     1. prokaryotic cell
     2. eukaryotic cell
     มีโ ครงสร้า งแตกต่า งกัน ดั้ง นี้

                                         19
Prokaryotic cell
   (pro=before; karyon=kernel)
พบเฉพาะใน Kingdom Monera
ไม่ม ีน ิว เคลีย สแท้จ ริง , ไม่ม ีเ ยือ หุ้ม
                                        ่
นิว เคลีย ส
สารพัน ธุก รรมอยู่ใ นบริเ วณที่เ รีย ก
ว่า nucleoid
ไม่ม ี organelles ที่ม ีเ ยือ หุ้ม
                             ่
ได้แ ก่ bacteria,blue green algae               20
A prokaryotic cell




                     21
Eukaryotic cell
       (eu=true; karyon=kernel)
พบใน Kingdoms Protista, Fungi, Plante
และ Animalia
มีน ิว เคลีย สที่แ ท้จ ริง , หุ้ม ด้ว ยเยื่อ หุ้ม
นิว เคลีย ส
สารพัน ธุก รรมอยู่ใ นนิว เคลีย ส
ภายใน cytoplasm ประกอบด้ว ย cytosol
และมี organellesเที่ม เ ยื่อ หุ้ม
                      ี
Cytoplasm = บริ วณภายในเซลล์ท ั้ง หมด
ยกเว้น ส่ว นของนิว เคลีย ส
Cytosol = สารกิ่ง ของเหลงภายใน cytoplasm
                                      22
Animal cell




              23
Plant cell




             24
เยือ หุ้ม เซลล์ (Cell
                        ่
                              membrane)
• Plasma membrane
• Cytoplasmic membrane
ทำา หน้า ที่เ ป็น เยือ เลือ กผ่า น
                     ่
- Semipermeable membrane
- Differentially membrane
- Selectively permeable membrane

                                      25
The plasma membrane




                      26
หน้า ที่ข อง cell
membrane
   • ควบคุมการผ่านเข้าออกของสาร อาจเปลี่ยน
     รูปร่างเป็นไมโครวิลไลและเยื่อไมอีลิน




                                             27
ความสำา คัญ ของการแบ่ง ส่ว นย่อ ย
ภายในไซโตพลาสซึม
       ภายในไซโตพลาสซึม ของ
eukaryotic cell มีค วามซับ ซ้อ นใน
เรื่อ งโครงสร้า งเพื่อ ให้อ ัต ราส่ว นของ
พืน ที่ผ ิว ต่อ ปริม าตรพอเหมาะต่อ
  ้
ความต้อ งการในการทำา งานของ
เซลล์ โดยมีเ ยือ ภายในเซลล์
                   ่
(internal membrane) ซึง มีบ ทบาท
                          ่
สำา คัญ คือ                             28
 แบ่ง ไซโตพลาสซึม เป็น ส่ว นย่อ ยๆ
(compartment)
 ภายในส่ว นย่อ ยๆแต่ล ะส่ว นมีข องเหลว
หรือ โปรตีน ที่เ ฉพาะเจาะจงต่อ ปฏิก ิร ิย า
ชีว เคมีท ี่แ ตกต่า งกัน
 มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ การเกิด เมตาบอริซ ึม
ของเซลล์ เพราะที่เ ยื่อ มีเ อนไซม์ห ลายชนิด
เป็น ส่ว นประกอบอยู่
 ภายในส่ว นย่อ ยมีส ภาพแวดล้อ มที่แ ตก
ต่า งกัน ซึ่ง มีค วามเฉพาะเจาะจงต่อ
กระบวนการเมตาบอริซ ม      ึ            29
นิว เคลีย ส (nucleus)
     เป็น ออร์แ กเนลล์ข นาดใหญ่ท ี่ม ี
เยือ หุ้ม นิว เคลีย สแยกออกจากไซโต
   ่
พลาสซึม ในเซลล์พ วกยูค าริโ อต
ภายในบรรจุย น ซึง ควบคุม การทำา งาน
                  ี ่
ของเซลล์ มีข นาดโดยเฉลี่ย ประมาณ
5 ไมครอน


                                     30
The nucleus
  and the
 envelope




         31
Nuclear envelope มีล ัก ษณะดัง นี้
เป็น เยือ 2 ชัน มีช อ งว่า งตรงกลางกว้า ง
         ่     ้     ่
ประมาณ 20-40 nm
มีร ู (nuclear pores) แทรกอยู่ท ั่ว ไป เป็น ทาง
ให้ส ารต่า งๆ โดยเฉพาะ rRNA, mRNA และ
nucleoprotein ผ่า นเข้า ออกได้
 ผิว ด้า นในของเยื่อ หุ้ม นิว เคลีย สมีช น
                                          ั้
บางๆของโปรตีน ยึด ติด อยู่ ความสำา คัญ ของ
ชัน นีย ัง ไม่ท ราบแน่ช ด อาจช่ว ยรัก ษารูป
  ้ ้                   ั
ทรงของนิว เคลีย ส
                                             32


Nucleolus
      มีล ัก ษณะเป็น เม็ด กลมขนาดเล็ก
ในนิว เคลีย ส ในหนึ่ง เซลล์อ าจมีห นึ่ง
หรือ สองเม็ด มองเห็น ชัด ขณะเซลล์
ไม่ม ีก ารแบ่ง ตัว ประกอบด้ว ย
nucleolar organizers และ ribosome ที่
กำา ลัง สร้า งขึ้น nucleolus ทำา หน้า ที่
สร้า ง ribosome
     (nucleolar organizers เป็น ส่ว น
พิเ ศษของโครโมโซมที่ม ย ีน ที่เ กี่ย วกับ
                          ี                 33
นิว เคลีย สทำา หน้า ที่ค วบคุม การสร้า ง
โปรตีน ในไซโตพลาสซึม
 Messenger RNA (mRNA) transcribed in the nucleus
               from DNA instructions
                          ⇓
     Passes through nuclear pores into cytoplasm
                          ⇓
   Attaches to ribosomes where the genetic message
         is translated into primary structure
                                                   34
Ribosomes




เป็น organelles ที่ไ ม่ม ีเ ยือ หุ้ม ทำา หน้า ที่ส ร้า ง
                              ่
โปรตีน มี 2 ส่ว นย่อ ย (subunit) สร้า งจาก
nucleolus ในเซลล์ท ี่ม ก ารสร้า งโปรตีน สูง
                           ี
จะพบว่า มี nucleolus และ ribosome เป็น 35
Ribosome มี 2 ชนิด คือ
       1. free ribosomes ทำา หน้า ที่ส ร้า งโปรตีน
ที่ใ ช้ใ น cytosol เช่น เอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ
เมตาบอริซ ึม ใน cytoplasm
      2. bound ribosomes เป็น ribosome ที่
เกาะอยู่ด ้า นผิว นอกของ ER ทำา หน้า ที่ส ร้า ง
โปรตีน ที่จ ะถูก ส่ง ต่อ ไปรวมกับ organelles
อืน ๆ และโปรตีน ที่จ ะถูก ส่ง ออกไปใช้น อก
  ่
เซลล์ ในเซลล์ท ี่ส ร้า งโปรตีน เช่น เซลล์ต บ      ั
อ่อ นหรือ ต่อ มอื่น ที่ส ร้า งนำ้า ย่อ ยจะมี bound
ribosomes เป็น จำา นวนมาก                           36
The Endomembrane system
 ประกอบด้ว ย
 1. Nuclear envelop
 2. Endoplasmic reticulum
 3. Golgi apparatus
 4. Lysosomes
 5. Vacuoles
 6. Plasma membrane
                            37
Endoplasmic reticulum (ER)
              (Endoplasmic = อยู่ใ นไซโต
              พลาสซึม , reticulum = ร่า งแห)
                       เป็น organelles ที่ม ีเ ยื่อ
              หุ้ม มีล ัก ษณะเป็น ท่อ แบนหรือ
              กลม กระจายอยู่ใ น cytosol
              ช่อ งภายในท่อ เรีย กว่า
              cisternal space ซึ่ง ท่อ นี้ม ีก าร
              เชื่อ มติด ต่อ กับ ช่อ งว่า งที่อ ยู่
              ระหว่า งเยื่อ หุ้ม นิว เคลีย สชั้น
              นอกและชั้น ในด้ว ย




                                            38
ER มี 2 ชนิด คือ
1. Rough endoplasmic reticulum (RER)
มีไ รโบโซมเกาะติด อยู่ท ี่เ ยื่อ หุ้ม ด้า นนอก
ทำา ให้ม องเห็น ขรุข ระ ทำา หน้า ที่ส ร้า งโปรตีน
ที่ส ง ออกไปนอกเซลล์ (secondary protein)
     ่
โดยไรโบโซมที่เ กาะอยู่น ส ร้า งโปรตีน แล้ว
                             ี้
ผ่า นเยื่อ ของ ER เข้า ไปใน cisternal space
แล้ว หลุด ออกไปจาก ER เป็น transport
vesicle ส่ง ออกไปใช้ภ ายนอกเซลล์โ ดยตรง
หรือ นำา ไปเชือ มกับ เยื่อ ของ Golgi complex
                ่
เพื่อ เพิ่ม คาร์โ บไฮเดรตแก่โ ปรตีน ที่ส ร้า งขึ้น
                                                 39
กลายเป็น glycoprotein ก่อ นส่ง ออกไปใช้
2. Smooth endoplasmic reticulum (SER)
•ไม่ม ไ รโบโซมมาเกาะที่เ ยื่อ หุ้ม ด้า นนอก
      ี
จึง มองเห็น เป็น ผิว เรีย บๆ ท่อ ของ SER
เชือ มติด ต่อ กับ RER ได้
   ่
•SER ไม่เ กี่ย วกับ การสร้า งโปรตีน ส่ว น
ใหญ่ม ค วามสำา คัญ เกี่ย วกับ การสร้า ง
       ี
ฮอร์โ มนชนิด สเตอรอยด์ และไขมัน
•ลดความเป็น พิษ ของสารพิษ
•ในเซลล์ก ล้า มเนื้อ SER ทำา หน้า ที่ค วบคุม
การเก็บ และปล่อ ยแคลเซี่ย มเพื่อ ควบคุม 40
The Golgi apparatus




                      41
Golgi complex
       มีล ัก ษณะเป็น ถุง แบนหลายถุง เรีย ง
ซ้อ นกัน เรีย กว่า Golgi cisternar บริเ วณ
ตรงกลางเป็น ท่อ แคบและปลายสองข้า ง
โป่ง ออก และมีก ลุ่ม ของถุง กลม (vesicles)
อยู่ร อบๆ Golgi complex มีโ ครงสร้า งที่เ ป็น
2 หน้า คือ cis face และ trans face ที่ท ำา
หน้า ที่ร ับ และส่ง cis face เป็น ส่ว นของถุง
แบนที่น ูน อยูใ กล้ก ับ ER transport vesicles ที่
                ่
ถูก สร้า งมาจาก RER เคลื่อ นที่เ ข้า มารวม
กับ Golgi complex ทางด้า น cis face ส่ว น
trans face เป็น ด้า นที่เ ว้า ของถุง แบน เป็น 42
หน้า ที่ข อง Golgi complex คือ
เสริม สร้า งคาร์โ บไฮเดรดให้ก ับ โปรตีน ที่
สร้า งมาจาก RER ให้เ ป็น glycoprotein เพื่อ
ส่ง ออกไปภายนอกเซลล์
เก็บ สะสมและกระจายสิง ที่เ ซลล์ส ร้า งขึ้น
                        ่
โดยเก็บ ไว้ภ ายใน secondary granules เพื่อ
ส่ง ออกนอกเซลล์ โดยกระบวนการ
exocytosis
สร้า ง primary lysosomes ซึ่ง บรรจุ
hydrolytic enzymes นำ้า ย่อ ยเหล่า นีม ก เป็น
                                     ้ ั
พวก glycoprotein โดยมีก ารเติม                  43
Lysosomes
(a) Lysosomes in a white blood cell




                                  44
(b) A Lysosome in action
          Peroxi
          some      Mitocho
                    ndrion
          fragm
          ent       fragme
                    nt


Lysoso
me


                              45
Lysosomes
เป็น ออร์แ กเนลล์ท ี่ม ีเ ยือ หุ้ม รูป กลม
                              ่
ขนาดเล็ก ภายในบรรจุ hydrolytic
enzyme หรือ lysosomal enzyme หลาย
ชนิด ที่ท ำา หน้า ที่ย ่อ ยโมเลกุล ขนาดใหญ่
ได้แ ก่ polysaccharides, fats และ nucleic
acids
เอ็น ไซม์ต ่า งๆเหล่า นี้ ทำา งานดีท ี่ส ุด ที่
pH 5 lysosomal membrane ทำา หน้า ที่
รัก ษาสภาพแวดล้อ มภายในให้เ หมาะแก่         46

                                                 +
ถ้า lysosome ฉีก ขาดจะไม่ส ามารถ
ทำา งานได้ด ี หรือ เอ็น ไซม์อ าจออกมา
ทำา อัน ตรายให้แ ก่เ ซลล์ไ ด้
จากที่ก ล่า วมาจะเห็น ได้ว ่า การแบ่ง ไซ
โตพลาสซึม เป็น ส่ว นย่อ ยๆด้ว ย
membrane มีค วามสำา คัญ ต่อ การทำา งาน
ของเซลล์ม าก
Hydrolytic enzyme และ lysosomal
membrane สร้า งมาจาก RER และส่ง
ต่อ ไปยัง Golgi complex แล้ว แยกออก  47
The formation and functions of lysosomes




                                     48
หน้า ที่ข อง lysosome
เป็น แหล่ง ย่อ ยภายในเซลล์ (intracellular
digestion) ตย. เช่น
    • อมีบ ากิน อาหารโดยวิธ ี phagocytosis
    เกิด เป็น food vacuole ซึ่ง จะรวมกับ
    lysosome เอ็น ไซม์ใ นcytosome จะทำา
    หน้า ที่ย ่อ ยอาหารนั้น
    • เซลล์ข องคน เช่น macrophage ก็
    สามารถทำา ลายสิง แปลกปลอมทีเ ข้า มา
                        ่             ่
    ในเซลล์ด ้ว ยวิธ ี phagocytosis และถูก 49
    ย่อ ยโดย lysosome ได้เ ช่น กัน
เกี่ย วข้อ งกับ การย่อ ย organelles ในไซโต
พลาสซึม เพื่อ นำา สารต่า งๆกลับ มาใช้ส ร้า ง
organelles ใหม่อ ก (autophagy)
                  ี
Lysosome สร้า งเอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ
การเกิด metamorphosis ของการพัฒ นา
ของตัว อ่อ นในพวกสัต ว์ส ะเทิน นำ้า สะเทิน
บก
มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ เมตาบอริซ ึม ต่า งๆใน
ร่า งกายเป็น อย่า งมาก ถ้า หากมีค วามผิด
ปกติใ นการทำา งานของเอ็น ไซม์ใ นไลโซ
โซม จะทำา ให้เ กิด โรคต่า งๆได้
                                           50
Vacuoles
     เป็น organelles ที่ม ีล ัก ษณะเป็น
เยือ หุ้ม แต่ม ข นาดใหญ่ก ว่า vesicles มี
   ่           ี
แบบต่า งๆได้แ ก่ food vacuole,
contractile vacuole และ central vacuole



                                        51
The plant cell vacuole




                    52
Relationships among organelles of the
       endomembrane system




                                        53
Membranous organelles
 อืน ๆ
   ่
  1. Energy transcucers ได้แ ก่
   Mitochondria
   Chloroplast
  2. Peroxisomes (microbodies)    54
The mitochondrion, site of cellular respiration




                                            55
Mitochondria
พบใน eukaryotic cell เกือ บทุก ชนิด ในเซลล์บ าง
ชนิด อย่า งมีเ พีย งหนึง อัน ทีม ข นาดใหญ่ หรือ ใน
                           ่    ่ ี
เซลล์บ างชนิด อาจมี mitochondria เป็น จำา นวนร้อ ย
หรือ พัน ทัง นีข ึ้น กับ กิจ กรรมของเซลล์น น ๆ
           ้ ้                             ั้
Mitochondria มีเ ยือ หุม 2 ชั้น มีล ัก ษณะเป็น สองวง
                        ่ ้
ซ้อ นกัน แต่ล ะชั้น ของ phospholipid bilayer จะมี
ลัก ษณะเฉพาะตัว ทีเ กิด จากโมเลกุล ของโปรตีน ที่
                      ่
ฝัง ตัว บนเยือ แต่ล ะชั้น
             ่
เยื่อ หุม ชั้น นอกเรีย บ ส่ว นเยื่อ ชั้น ในจะมีก ารโป่ง
         ้
ยืน เข้า ข้า งในเรีย กว่า cristae เยือ หุม ทัง สองชั้น แบ่ง
  ่                                   ่ ้ ้
mitochondria เป็น ช่อ งภายใน 2 ส่ว น ได้แ ก่ ช่อ งที่  56
อยูร ะหว่า งเยือ ชั้น นอกและเยือ ชั้น ใน
    ่            ่               ่
ในช่อ งทั้ง สองมีเ อ็น ไซม์ต ่า งชนิด กัน ที่
เกี่ย วข้อ งกับ กระบวนการหายใจระดับ
เซลล์ (cellular respiration) แต่ล ะขั้น ตอน
กัน
     •ที่บ ริเ วณ cristae ของเยื่อ หุ้ม ชัน ในมี
                                          ้
     เอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ electron
     transport chain และ การสัง เคราะห์
     ATP
     •ใน matrix บรรจุเ อ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ ง
     กับ Kreb’s cycle และ Beta oxidation
     ของกรดไขมัน เป็น ต้น                      57
The chloroplast, site of photosynthesis




                                    58
Chloroplast
      Chloroplast เป็น plastids ชนิด หนึง ของ    ่
เซลล์พ ืช ที่ม ร งควัต ถุส เ ขีย ว ที่เ รีย กว่า
               ี           ี
chlorophyll ซึ่ง ประกอบด้ว ยเอ็น ไซม์แ ละ
โมเลกุล ของสารที่ท ำา ให้เ กิด กระบวนการ
สัง เคราะห์ด ้ว ยแสง
     Chloroplast มีเ ยื่อ หุ้ม 2 ชัน หุ้ม ล้อ ม
                                   ้
รอบของเหลวที่เ รีย กว่า stroma ภายในมีถ ุง
แบน thylakoids ซึ่ง ซ้อ นกัน เป็น ตัง เรีย กว่า
                                     ้
granum
                                                59
Peroxisomes




              60
Peroxisomes (microbodies)
เป็น organelles ทีพ บในเซลล์ย ค าริโ อตเกือ บทุก
                     ่               ู
ชนิด มีล ัก ษณะเป็น ถุง ทีม เ ยือ หุม ชั้น เดีย ว ภายใน
                           ่ ี ่ ้
มี granular core ซึ่ง เป็น ทีร วมของเอ็น ไซม์ย อ มติด
                             ่                     ้
สีเ ข้ม
เอ็น ไซม์ช นิด ต่า งๆทำา หน้า ทีเ กี่ย วข้อ งกับ การ
                                   ่
สร้า งหรือ ทำา ลาย hydrogen peroxide (H2O2) เพือ     ่
ป้อ งกัน ไม่ใ ห้เ กิด สารพิษ ขึ้น ภายในเซลล์
             RH2 + O2      Oxidase
                                     R + H2O2

             2H2O2      catalase
                                     2H2O + O2

     ในเซลล์ต ับ พบมี peroxisomes ขนาดใหญ่ จึง
                                             61
การลำา เลีย งสารผ่า นเยื่อ หุ้ม
                   เซลล์
            (Traffic Across
             Membranes)
เยือ หุ้ม เซลล์ม ีส มบัต ิท ี่ย อมให้ส ารบาง
   ่
อย่า งผ่า นเข้า ไปในเซลล์ไ ด้ง า ยกว่า
                                  ่
สารบางอย่า งชนิด อื่น เรีย กว่า
selective permeability ดัง นั้น เยือ หุ้ม
                                    ่
เซลล์จ ะควบคุม ชนิด และอัต ราการ
ลำา เลีย งโมเลกุล ของสารผ่า นเข้า และ
ออกจากเซลล์
                                           62
Selective permeability ของเยือ หุ้ม เซลล์
                             ่
   ขึ้น อยูก ับ
           ่
1. Phospholipid bilayer
   1.1 โมเลกุล ไม่ม ีข ั้ว ไฟฟ้า (nonpolar
  (hydrophobic) molecules) เช่น hydrocarbons
  และ O2 ซึ่ง สามารถละลายได้ใ นเยื่อ หุ้ม
  เซลล์จ ะผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์ไ ด้ง า ยกว่า สารอื่น
                                     ่
      และเมือ เปรีย บเทีย บระหว่า งสาร 2 ชนิด
             ่
  ที่ล ะลายในไขมัน ได้เ ท่า กัน สารที่ม ีข นาด
  เล็ก กว่า สามารถผ่า นไปได้ด ีก ว่า
                                                 63
1.2 โมเลกุล มีข ั้ว ไฟฟ้า (polar (hydrophilic)
molecules)
 โมเลกุล ขนาดเล็ก ที่ม ข ั้ว ไฟฟ้า แต่ไ ม่ม อ ิ
                        ี                    ี
ออน (small, polar uncharged molecules)เช่น
H2O, CO2 สามารถผ่า นเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์
(synthetic membranes) ได้ง ่า ย
 โมเลกุล ขนาดใหญ่ท ี่ม ข ั้ว ไฟฟ้า แต่ไ ม่ม ีอ ิ
                            ี
ออน (large, polar uncharged molecules) เช่น
นำ้า ตาลกลูโ คส ผ่า นเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์ไ ด้ไ ม่
ง่า ย
 สารที่ม อ ิอ อน (ions) ทุก ชนิด ถึง แม้ว ่า จะมี
          ี
                                                64
-        2. Specific integral transport
proteins
โมเลกุล ของนำ้า CO2 และ สารที่ไ ม่ม ข ั้ว       ี
ไฟฟ้า (nonpolar molecules) สามารถผ่า น
เยื่อ หุ้ม เซลล์ไ ด้ง า ยเช่น เดีย วกับ เยื่อ หุ้ม
                      ่
สัง เคราะห์
เยื่อ หุ้ม เซลล์ต า งจากเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์
                   ่
คือ มีส มบัต ย อมให้ส ารบางอย่า งที่ม อ ิอ อน
              ิ                           ี
และสารที่ม ข ั้ว ไฟฟ้า ขนาดกลางผ่า นได้
                ี
โดยสารเหล่า นี้ผ า นเข้า ไปที่ transport
                     ่
proteins                                             65
Diffusion and Passive transport
      การแพร่ (diffusion) หมายถึง
การเคลื่อ นที่ข องโมเลกุล ของสารจาก
บริเ วณที่ม ค วามเข้ม ข้น ของสาร
            ี
มากกว่า ไปยัง บริเ วณที่ม ค วามเข้ม ข้น
                                ี
ของสารน้อ ยกว่า จนกว่า จะอยูใ น      ่
สภาพสมดุล (dynamic equilibrium)
เมื่อ อยูใ นสภาพสมดุล แล้ว โมเลกุล
         ่
ของสารยัง คงเคลื่อ นอยูแ ต่เ คลื่อ นที่
                              ่
ด้ว ยอัต ราเร็ว เท่า กัน ทั้ง สองบริเ วณ
                                      66
การแพร่ข องโมเลกุล ของสารผ่า น
เยือ หุ้ม เซลล์ เรีย กว่า passive transport
   ่
เซลล์ไ ม่ต ้อ งใช้พ ลัง งานที่จ ะทำา ให้เ กิด
การแพร่ข ึ้น และเยื่อ หุ้ม เซลล์ม ีส มบัต ิ
selective permeable ดัง นั้น อัต ราการ
แพร่ข องสารชนิด ต่า งๆจะไม่เ ท่า กัน
   นำ้า จะสามารถแพร่ผ ่า นเยือ หุ้ม
                                  ่
เซลล์ไ ด้อ ย่า งอิส ระซึ่ง มีค วามสำา คัญ
มากสำา หรับ การดำา รงอยูข องเซลล์
                             ่
                                            67
การแพร่ข องโมเลกุล ของสาร
     ผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์




(a) โมเลกุล ของสารเคลื่อ นทีจ ากบริเ วณทีม ค วาม
                              ่             ่ ี
เข้ม ข้น มากกว่า ไปยัง บริเ วณทีม ค วามเข้ม ข้น น้อ ย
                                 ่ ี
กว่า จนกระทั่ง อยู่ใ นสภาพสมดุล (dynamic
equilibrium) เมือ อยูใ นสภาพสมดุล แล้ว โมเลกุล
                 ่   ่
ของสารยัง คงเคลื่อ นทีอ ยูแ ต่อ ัต ราการเคลื่อ นที่
                        ่ ่
ของสารจากทัง สองด้า นของเยือ หุม เซลล์เ ท่า กัน
               ้                  ่ ้
                                                    68
(b) ในกรณีน ี้ แสดงสารละลายของสี 2
ชนิด ที่อ ยู่ค นละด้า นของเยือ หุ้ม เซลล์
                                  ่
โมเลกุล ของสารสีเ ขีย วจะเคลื่อ นที่ไ ปยัง
ด้า นซ้า ย ทั้ง ๆที่ต อนเริ่ม ต้น ความเข้ม ข้น
ของสารในด้า นซ้า ยสูง กว่า
                                                 69
ตัว อย่า งการแพร่ใ นสิ่ง มีช ว ิต
                             ี
        ได้แ ก่ การหายใจของสัต ว์ ขณะ
หายใจเข้า ก๊า ซออกซิเ จนจากอากาศ
ที่ผ ่า นเข้า ไปในถุง ลมในปอดมีค วาม
เข้ม ข้น สูง กว่า ในเส้น เลือ ดฝอย
ออกซิเ จนจึง แพร่จ ากถุง ลมเข้า ไปใน
เส้น เลือ ดฝอย และในขณะเดีย วกัน
คาร์บ อนไดออกไซด์จ ะแพร่จ าก
เส้น เลือ ดเข้า สูถ ุง ลม
                   ่
                                    70
Osmosis




       Osmosis หมายถึง การแพร่ข องโมเลกุล ของ
นำ้า จากบริเ วณทีม โ มเลกุล ของนำ้า หนาแน่น
                 ่ ี
มากกว่า หรือ สารละลายทีเ จือ จางกว่า
                            ่
(hypoosmotic solution)ไปยัง บริเ วณทีม ี  ่  71
The water balance of living cells




ลูก ศรแสดงทิศ ทางการเคลื่อ นทีข องโมเลกุล ของ
                                        ่
                                                     72
นำ้า ผ่า นเซลล์ส ต ว์ซ ึ่ง ไม่ม ผ นัง เซลล์ และเซลล์พ ช
                 ั              ี                     ื
The contractile vacuole of Paramesium : an
evolutionary adaptation for osmoregulation
           Filling vacuole




          Contracting vacuole




                                         73
Facilitated diffusion




Transport proteins ช่ว ยในการนำา โมเลกุล ของ
สารผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์จ ากบริเ วณทีม ีค วามเข้ม
                                     ่
ข้น ของสารสูง ไปยัง บริเ วณทีม ีค วามเข้ม ข้น ตำ่า
                                 ่
กว่า เรีย กกระบวนการนีว ่า facilitated diffusion
                           ้
โดยเซลล์ไ ม่ต ้อ งใช้พ ลัง งาน                  74
Active transport
     บางครั้ง เซลล์ต ้อ งการลำา เลีย งสาร
จากที่ม ีค วามเข้ม ข้น ตำ่า ไปยัง ที่ม ค วาม
                                       ี
เข้ม ข้น สูง กว่า กระบวนการนี้เ รีย กว่า
active transport ซึ่ง ต้อ งการพลัง งานคือ
ATP
       ตัว อย่า งเช่น เซลล์ข ับ NA+ ออก
นอกเซลล์แ ละนำา K+ เข้า ไปในเซลล์
ซึ่ง เรีย กว่า Sodium-potassium pump
                                          75
The sodium-potassium pump




                            76
Sodium-potassium pump
     กระบวนการเริ่ม ต้น จาก Na+ จับ
กับ โปรตีน ซึ่ง เป็น transport protein
แล้ว ATP ให้พ ลัง งานแก่โ ปรตีน ทำา ให้
โปรตีน เปลี่ย นรูป ร่า งและปล่อ ย Na+
ผ่า นเยือ หุ้ม เซลล์อ อกไป ขณะ
        ่
เดีย วกัน K+ เข้า จับ กับ โปรตีน ทำา ให้
โปรตีน เปลี่ย นแปลงรูป ร่า งอีก ครั้ง หนึ่ง
ทำา ให้ K+ ถูก ปล่อ ยเข้า ไปในเซลล์
แล้ว โปรตีน กลับ มีร ูป ร่า งเหมือ นเดิม อีก
                                          77
Diffusion
              Passive
              transport
Facilitated
transport




Active
transport

                     78
An electrogenic pump




Electrogenic pump เป็น transport protein
ที่ท ำา ให้เ กิด ความต่า งศัก ดิ์ท ี่เ ยือ หุ้ม เซลล์
                                         ่
                                                        79
An electrogenic pump
ตัว อย่า งเช่น
    Na+/K+ pump เป็น electrogenic
pump ที่ส ำา คัญ ของเซลล์ส ต ว์
                           ั
    Proton pump เป็น electrogenic
pump ที่ส ำา คัญ ของเซลล์พ ืช แบคทีเ รีย
และพวกเห็ด รา รวมทั้ง mitochondria
และ chloroplasts ใช้ proton pump ใน
การสัง เคราะห์ ATP                    80
Cotransport
      เป็น กระบวนการร่ว มที่เ กิด จาก ATP
pump ตัว เดีย วทำา งานแล้ว มีผ ลไปทำา ให้
transport protein ตัว ต่อ ไปทำา งานเพื่อ นำา สาร
เข้า สูเ ซลล์
       ่


                               ตัว อย่า งเช่น ใน
                               เซลล์พ ืช ใช้
                               proton pump ร่ว ม
                               กับ transport
                               protein ที่น ำา
                               sucrose–H+ เข้า ไป
                                               81
                               ในเซลล์
Exocytosis and endocytosis
transport large molecules
     สารที่ม ีโ มเลกุล ขนาดใหญ่
เช่น โปรตีน และ          คาร์โ บ
ไฮเครต ผ่า นออกนอกเซลล์ด ้ว ย
กระบวนการ exocytosis และเข้า ไป
ในเซลล์ด ว ยกระบวนการ
          ้
endocytosis

                                   82
Endocytosis มี 3 แบบ ได้แ ก่
       1. Phagocytosis
     2. Pinocytosis
     3. Receptor-mediated endocytosis




                                    83
Phagocytosis




Phagocytosis เป็น การนำา สารทีเ ป็น ของแข็ง เข้า
                               ่
เซลล์ โดยเซลล์ย ื่น ส่ว น cytoplasm ไปโอบล้อ ม
สารของแข็ง นั้น แล้ว เข้า ไปในเซลล์ เป็น food
vacuole แล้ว food vacuole นัน จะไปรวมกับ
                             ้
lysosome ซึ่ง ภายในมี hydrolytic enzymes ที่จ ะ
ย่อ ยสลายสารนั้น ต่อ ไป อมีบ ากิน แบคทีเ รีย ด้ว ย
                                               84
Pinocytosis




Pinocytosis เป็น การนำา สารที่เ ป็น ของเหลว
เข้า เซลล์ โดยเยื่อ หุ้ม เซลล์เ ว้า เข้า ไปเพื่อ
นำา สารเข้า ไป กลายเป็น ถุง เล็ก ๆอยูใ น  ่
                                                 85
cytoplasm
Receptor-mediated endocytosis




Receptor-mediated endocytosis เป็น การนำา สาร
เฉพาะบางชนิด เข้า ไปในเซลล์ โดยที่ผ ิว เซลล์
มี receptor เฉพาะสำา หรับ สารบางอย่า งเข้า มา
จับ แล้ว ถูก นำา เข้า ไปในเซลล์เ ป็น ถุง เล็ก ๆ เมื่อ
ผ่า นการย่อ ยแล้ว receptor สามารถถูก นำา มา 86

More Related Content

What's hot

เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
Y'tt Khnkt
 
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
gifted10
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
พัน พัน
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1Sumarin Sanguanwong
 
รูปร่างลักษณะของเซลล์
รูปร่างลักษณะของเซลล์รูปร่างลักษณะของเซลล์
รูปร่างลักษณะของเซลล์dnavaroj
 
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียงติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
Wichai Likitponrak
 
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
Pinutchaya Nakchumroon
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์
chawisa44361
 
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
Pinutchaya Nakchumroon
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์Krupol Phato
 
โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.itualeksuriya
 
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
Kittiya GenEnjoy
 
Cell
CellCell
2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์
Wichai Likitponrak
 
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cellชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
kasidid20309
 

What's hot (20)

เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
 
เซลล์
เซลล์เซลล์
เซลล์
 
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
410 Bio002 2 เซลพฐ กล้อง -ดุลยภาพสมช
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 
รูปร่างลักษณะของเซลล์
รูปร่างลักษณะของเซลล์รูปร่างลักษณะของเซลล์
รูปร่างลักษณะของเซลล์
 
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียงติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
ติวสอบเตรียมเซลล์และลำเลียง
 
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิตบทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 3 เซลล์ของสิ่งมีชีวิต
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์
 
สรุปเซลล์
สรุปเซลล์สรุปเซลล์
สรุปเซลล์
 
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 ดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
 
โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์โครงสร้างของเซลล์
โครงสร้างของเซลล์
 
โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.โอลิมปิก สอวน.
โอลิมปิก สอวน.
 
Part cell&homeo acr_2
Part cell&homeo acr_2Part cell&homeo acr_2
Part cell&homeo acr_2
 
Doc4
Doc4Doc4
Doc4
 
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
 
Cell
CellCell
Cell
 
2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์2ติวสสวทเซลล์
2ติวสสวทเซลล์
 
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cellชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
ชีววิทยา เรื่อง พิ้นฐานเซลล์ ตอนที่ 1 general cell
 
Cell
CellCell
Cell
 

Viewers also liked

หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืชหน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
Anima หนูรุ้ง
 
P O W E R P O I N T2
P O W E R P O I N T2P O W E R P O I N T2
P O W E R P O I N T2Apple
 
Biografía de robert hooke
Biografía de robert hookeBiografía de robert hooke
Biografía de robert hookeHernando Simanca
 
El microscopio de Robert Hooke
El microscopio de Robert HookeEl microscopio de Robert Hooke
El microscopio de Robert HookeMichael Valarezo
 
México precolombino
México precolombinoMéxico precolombino
México precolombino
epiazzav
 
Introduccion al estudio de la celula
Introduccion al estudio de la celulaIntroduccion al estudio de la celula
Introduccion al estudio de la celula
Diego Malisa Castro
 
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศkrupornpana55
 
Sales en sopa de letras(1)
Sales en sopa de letras(1)Sales en sopa de letras(1)
Sales en sopa de letras(1)muffska
 
Niveles de organización de la materia.
Niveles de organización de la materia.Niveles de organización de la materia.
Niveles de organización de la materia.
Jorge Ramìrez Valdovinos
 
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIIILos Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
jo93
 
ตำแหน่งของวัตถุ
ตำแหน่งของวัตถุตำแหน่งของวัตถุ
ตำแหน่งของวัตถุdnavaroj
 
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4lenguaje2010micro
 
Introduccion al cuerpo humano
Introduccion al cuerpo humanoIntroduccion al cuerpo humano
Introduccion al cuerpo humanosaulcarvajal1984
 
Sesion 01 2015
Sesion 01 2015Sesion 01 2015
แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่
Supaluk Juntap
 
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3 แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
Supaluk Juntap
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตsupreechafkk
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศKhwankamon Changwiriya
 
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
Thepsatri Rajabhat University
 

Viewers also liked (20)

หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืชหน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
หน่วยของสิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตของพืช
 
P O W E R P O I N T2
P O W E R P O I N T2P O W E R P O I N T2
P O W E R P O I N T2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
Biografía de robert hooke
Biografía de robert hookeBiografía de robert hooke
Biografía de robert hooke
 
El microscopio de Robert Hooke
El microscopio de Robert HookeEl microscopio de Robert Hooke
El microscopio de Robert Hooke
 
México precolombino
México precolombinoMéxico precolombino
México precolombino
 
Introduccion al estudio de la celula
Introduccion al estudio de la celulaIntroduccion al estudio de la celula
Introduccion al estudio de la celula
 
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
 
Sales en sopa de letras(1)
Sales en sopa de letras(1)Sales en sopa de letras(1)
Sales en sopa de letras(1)
 
Niveles de organización de la materia.
Niveles de organización de la materia.Niveles de organización de la materia.
Niveles de organización de la materia.
 
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIIILos Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
Los Jesuitas Humanistas del siglo XVIII
 
ตำแหน่งของวัตถุ
ตำแหน่งของวัตถุตำแหน่งของวัตถุ
ตำแหน่งของวัตถุ
 
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4
Personajes influyentes en el desarrollo de la Microbiología. Grupo 4
 
Introduccion al cuerpo humano
Introduccion al cuerpo humanoIntroduccion al cuerpo humano
Introduccion al cuerpo humano
 
Sesion 01 2015
Sesion 01 2015Sesion 01 2015
Sesion 01 2015
 
แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่แรงและการเคลื่อนที่
แรงและการเคลื่อนที่
 
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3 แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
แรงและการเคลื่อนที่ พลังงาน ม.3
 
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิตหน่วยของสิ่งมีชีวิต
หน่วยของสิ่งมีชีวิต
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เรียนรู้ชั้นบรรยากาศ
 
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
 

Similar to หน่วยของสิ่งมีชีวิต

Pont มุนี
Pont มุนีPont มุนี
Pont มุนีmu_nin
 
M.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติวM.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติวWeeraphon Parawach
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)Thanyamon Chat.
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์Issara Mo
 
Cell and structure of cell
Cell and structure of cellCell and structure of cell
Cell and structure of cellPhattarawan Wai
 
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemsupreechafkk
 
Cell2558
Cell2558Cell2558
monera-new.pptx
monera-new.pptxmonera-new.pptx
monera-new.pptx
PangAcoustica
 
สรุปชีวะ l คะแนนจัง
สรุปชีวะ l คะแนนจังสรุปชีวะ l คะแนนจัง
สรุปชีวะ l คะแนนจัง
Kha Nan
 
Cell and structure of cell
Cell and structure of cellCell and structure of cell
Cell and structure of cellPhattarawan Wai
 
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์  cell transportชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์  cell transport
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
kasidid20309
 

Similar to หน่วยของสิ่งมีชีวิต (20)

4
44
4
 
4
44
4
 
Pont มุนี
Pont มุนีPont มุนี
Pont มุนี
 
B03
B03B03
B03
 
M.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติวM.4 สอนเสริมติว
M.4 สอนเสริมติว
 
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต(สอน)
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์
 
เซลล์
เซลล์เซลล์
เซลล์
 
Cell2
Cell2Cell2
Cell2
 
เซลล์
เซลล์เซลล์
เซลล์
 
Cell and structure of cell
Cell and structure of cellCell and structure of cell
Cell and structure of cell
 
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive systemระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
ระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต - Reprodutive system
 
Cell2558
Cell2558Cell2558
Cell2558
 
4
44
4
 
4
44
4
 
monera-new.pptx
monera-new.pptxmonera-new.pptx
monera-new.pptx
 
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
 
สรุปชีวะ l คะแนนจัง
สรุปชีวะ l คะแนนจังสรุปชีวะ l คะแนนจัง
สรุปชีวะ l คะแนนจัง
 
Cell and structure of cell
Cell and structure of cellCell and structure of cell
Cell and structure of cell
 
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์  cell transportชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์  cell transport
ชีววิทยา เรื่อง การลำเลียงสารระหว่างเซลล์ cell transport
 

หน่วยของสิ่งมีชีวิต

  • 3. เซลล์ (cell) ? คือ หน่วยที่เล็กที่สุดของ สิงมีชีวิต ่ 3
  • 4. Robert Hooke ? • เป็นคนแรกที่เห็นเซลล์จากการใช้ กล้องจุลทรรศน์ชนิดเลนส์ประกอบ ที่ ประดิษฐ์ขึ้นเอง • ศึกษาไม้คอร์กภาพที่เห็นเป็นห้องสี่เหลี่ยมกล วงๆคล้ายรังผึ้ง ได้ตั้งชื่อสิงที่มองเห็นว่า เซล ่ ลูเล(cellulae) เป็นเซลล์ที่ตายแล้ว 4
  • 5. 5
  • 6. Anton van Leewenhoek ? • มองเป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิตเป็นคนแรก โดย เรียกสิ่งที่เห็นว่า animalicules ซึ่งหมายถึง สัตว์ตัวล็กๆ 6
  • 7. 7
  • 8. Matthias Jakop Schleiden และ Theodor Schwann ? • เสนอทฤษฏีเซลล์ (cell theory) ว่า เซลล์ ประกอบไปด้วยองค์ประกอบของเซลล์ และ ผลิตภัณฑ์เซลล์ 8
  • 9. 9
  • 10. GENERAL BODY ORGANIZATION IN ANIMALS -สิ่ง มีช ว ิต หลายเซลล์ (multicellular organism) มี ี การจัด เรีย งตัว ของหน่ว ยต่า ง ๆ เป็น ลำา ดับ ขั้น ดัง นี้ เซลล์ -เซลล์เ ป็น หน่ว ย ย่อ ยทีเ ล็ก ทีส ุด ่ ่ เนื้อ เยื่อ -ในแต่ล ะลำา ดับ ขั้น จะมีก ารทำา งานร่ว ม อวัย วะ กัน อย่า งเป็น ระบบ ระบบอวัย วะ สิ่ง มีช ีว ิต หนึ่ง หน่ว ย 10
  • 11. การศึก ษาเซลล์  ศึก ษาด้ว ยกล้อ งจุล ทรรศน์ ทำา ให้ส ามารถเห็น รายละเอีย ด โครงสร้า งของเซลล์  ศึก ษาด้ว ยวิธ แ ยกชิ้น ส่ว นของ ี เซลล์โ ดยการเหวี่ย งด้ว ยความเร็ว ที่ต ่า งๆกัน organelles ที่แ ยกออก มาสามารถนำา ไปศึก ษาโครงสร้า ง และหน้า ที่ข องมัน 11
  • 12. Light microscope VS. Electron microscope ? 12
  • 13. 13
  • 14. Electron micrographs Transmission electron Scanning electron micrographs (TEM) micrographs (SEM) 14
  • 16. Different Types of Light Microscope: A Comparison Brightfield Phase-contrast (unstained specimen) Brightfield Differential- (stained interference- specimen) contrast (Nomarski) Fluorescene Confocal Human Cheek Epithelial Cells 16
  • 17. Cell Fractionation วิธ ก ารแยกชิน ส่ว นของเซลล์ท ำา ได้โ ดย ี ้ การเหวี่ย งด้ว ยความเร็ว ที่ต า งๆกัน organelles ่ ที่แ ยกออกมาสามารถนำา ไปศึก ษาโครงสร้า ง และหน้า ที่ข องมัน 17
  • 18. The size range of cells ชนิด ของ เส้น ผ่า เซลล์ ศูน ย์ก ลาง Myoplasmas 0.1 - 1.0 แบคทีเ รีย ไมครอน ส่ว นใหญ่ข อง 1.0 - 10.0 eukaryotic cell ไมครอน 10.0 - 100.0 ไมครอน 18
  • 19. Prokaryotic and Eukaryotic cell สิง มีช ีว ิต ประกอบด้ว ยเซลล์ เซลล์ ่ แบ่ง เป็น 2 ชนิด คือ 1. prokaryotic cell 2. eukaryotic cell มีโ ครงสร้า งแตกต่า งกัน ดั้ง นี้ 19
  • 20. Prokaryotic cell (pro=before; karyon=kernel) พบเฉพาะใน Kingdom Monera ไม่ม ีน ิว เคลีย สแท้จ ริง , ไม่ม ีเ ยือ หุ้ม ่ นิว เคลีย ส สารพัน ธุก รรมอยู่ใ นบริเ วณที่เ รีย ก ว่า nucleoid ไม่ม ี organelles ที่ม ีเ ยือ หุ้ม ่ ได้แ ก่ bacteria,blue green algae 20
  • 22. Eukaryotic cell (eu=true; karyon=kernel) พบใน Kingdoms Protista, Fungi, Plante และ Animalia มีน ิว เคลีย สที่แ ท้จ ริง , หุ้ม ด้ว ยเยื่อ หุ้ม นิว เคลีย ส สารพัน ธุก รรมอยู่ใ นนิว เคลีย ส ภายใน cytoplasm ประกอบด้ว ย cytosol และมี organellesเที่ม เ ยื่อ หุ้ม ี Cytoplasm = บริ วณภายในเซลล์ท ั้ง หมด ยกเว้น ส่ว นของนิว เคลีย ส Cytosol = สารกิ่ง ของเหลงภายใน cytoplasm 22
  • 25. เยือ หุ้ม เซลล์ (Cell ่ membrane) • Plasma membrane • Cytoplasmic membrane ทำา หน้า ที่เ ป็น เยือ เลือ กผ่า น ่ - Semipermeable membrane - Differentially membrane - Selectively permeable membrane 25
  • 27. หน้า ที่ข อง cell membrane • ควบคุมการผ่านเข้าออกของสาร อาจเปลี่ยน รูปร่างเป็นไมโครวิลไลและเยื่อไมอีลิน 27
  • 28. ความสำา คัญ ของการแบ่ง ส่ว นย่อ ย ภายในไซโตพลาสซึม ภายในไซโตพลาสซึม ของ eukaryotic cell มีค วามซับ ซ้อ นใน เรื่อ งโครงสร้า งเพื่อ ให้อ ัต ราส่ว นของ พืน ที่ผ ิว ต่อ ปริม าตรพอเหมาะต่อ ้ ความต้อ งการในการทำา งานของ เซลล์ โดยมีเ ยือ ภายในเซลล์ ่ (internal membrane) ซึง มีบ ทบาท ่ สำา คัญ คือ 28
  • 29.  แบ่ง ไซโตพลาสซึม เป็น ส่ว นย่อ ยๆ (compartment)  ภายในส่ว นย่อ ยๆแต่ล ะส่ว นมีข องเหลว หรือ โปรตีน ที่เ ฉพาะเจาะจงต่อ ปฏิก ิร ิย า ชีว เคมีท ี่แ ตกต่า งกัน  มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ การเกิด เมตาบอริซ ึม ของเซลล์ เพราะที่เ ยื่อ มีเ อนไซม์ห ลายชนิด เป็น ส่ว นประกอบอยู่  ภายในส่ว นย่อ ยมีส ภาพแวดล้อ มที่แ ตก ต่า งกัน ซึ่ง มีค วามเฉพาะเจาะจงต่อ กระบวนการเมตาบอริซ ม ึ 29
  • 30. นิว เคลีย ส (nucleus) เป็น ออร์แ กเนลล์ข นาดใหญ่ท ี่ม ี เยือ หุ้ม นิว เคลีย สแยกออกจากไซโต ่ พลาสซึม ในเซลล์พ วกยูค าริโ อต ภายในบรรจุย น ซึง ควบคุม การทำา งาน ี ่ ของเซลล์ มีข นาดโดยเฉลี่ย ประมาณ 5 ไมครอน 30
  • 31. The nucleus and the envelope 31
  • 32. Nuclear envelope มีล ัก ษณะดัง นี้ เป็น เยือ 2 ชัน มีช อ งว่า งตรงกลางกว้า ง ่ ้ ่ ประมาณ 20-40 nm มีร ู (nuclear pores) แทรกอยู่ท ั่ว ไป เป็น ทาง ให้ส ารต่า งๆ โดยเฉพาะ rRNA, mRNA และ nucleoprotein ผ่า นเข้า ออกได้  ผิว ด้า นในของเยื่อ หุ้ม นิว เคลีย สมีช น ั้ บางๆของโปรตีน ยึด ติด อยู่ ความสำา คัญ ของ ชัน นีย ัง ไม่ท ราบแน่ช ด อาจช่ว ยรัก ษารูป ้ ้ ั ทรงของนิว เคลีย ส 32 
  • 33. Nucleolus มีล ัก ษณะเป็น เม็ด กลมขนาดเล็ก ในนิว เคลีย ส ในหนึ่ง เซลล์อ าจมีห นึ่ง หรือ สองเม็ด มองเห็น ชัด ขณะเซลล์ ไม่ม ีก ารแบ่ง ตัว ประกอบด้ว ย nucleolar organizers และ ribosome ที่ กำา ลัง สร้า งขึ้น nucleolus ทำา หน้า ที่ สร้า ง ribosome (nucleolar organizers เป็น ส่ว น พิเ ศษของโครโมโซมที่ม ย ีน ที่เ กี่ย วกับ ี 33
  • 34. นิว เคลีย สทำา หน้า ที่ค วบคุม การสร้า ง โปรตีน ในไซโตพลาสซึม Messenger RNA (mRNA) transcribed in the nucleus from DNA instructions ⇓ Passes through nuclear pores into cytoplasm ⇓ Attaches to ribosomes where the genetic message is translated into primary structure 34
  • 35. Ribosomes เป็น organelles ที่ไ ม่ม ีเ ยือ หุ้ม ทำา หน้า ที่ส ร้า ง ่ โปรตีน มี 2 ส่ว นย่อ ย (subunit) สร้า งจาก nucleolus ในเซลล์ท ี่ม ก ารสร้า งโปรตีน สูง ี จะพบว่า มี nucleolus และ ribosome เป็น 35
  • 36. Ribosome มี 2 ชนิด คือ 1. free ribosomes ทำา หน้า ที่ส ร้า งโปรตีน ที่ใ ช้ใ น cytosol เช่น เอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ เมตาบอริซ ึม ใน cytoplasm 2. bound ribosomes เป็น ribosome ที่ เกาะอยู่ด ้า นผิว นอกของ ER ทำา หน้า ที่ส ร้า ง โปรตีน ที่จ ะถูก ส่ง ต่อ ไปรวมกับ organelles อืน ๆ และโปรตีน ที่จ ะถูก ส่ง ออกไปใช้น อก ่ เซลล์ ในเซลล์ท ี่ส ร้า งโปรตีน เช่น เซลล์ต บ ั อ่อ นหรือ ต่อ มอื่น ที่ส ร้า งนำ้า ย่อ ยจะมี bound ribosomes เป็น จำา นวนมาก 36
  • 37. The Endomembrane system ประกอบด้ว ย 1. Nuclear envelop 2. Endoplasmic reticulum 3. Golgi apparatus 4. Lysosomes 5. Vacuoles 6. Plasma membrane 37
  • 38. Endoplasmic reticulum (ER) (Endoplasmic = อยู่ใ นไซโต พลาสซึม , reticulum = ร่า งแห) เป็น organelles ที่ม ีเ ยื่อ หุ้ม มีล ัก ษณะเป็น ท่อ แบนหรือ กลม กระจายอยู่ใ น cytosol ช่อ งภายในท่อ เรีย กว่า cisternal space ซึ่ง ท่อ นี้ม ีก าร เชื่อ มติด ต่อ กับ ช่อ งว่า งที่อ ยู่ ระหว่า งเยื่อ หุ้ม นิว เคลีย สชั้น นอกและชั้น ในด้ว ย 38
  • 39. ER มี 2 ชนิด คือ 1. Rough endoplasmic reticulum (RER) มีไ รโบโซมเกาะติด อยู่ท ี่เ ยื่อ หุ้ม ด้า นนอก ทำา ให้ม องเห็น ขรุข ระ ทำา หน้า ที่ส ร้า งโปรตีน ที่ส ง ออกไปนอกเซลล์ (secondary protein) ่ โดยไรโบโซมที่เ กาะอยู่น ส ร้า งโปรตีน แล้ว ี้ ผ่า นเยื่อ ของ ER เข้า ไปใน cisternal space แล้ว หลุด ออกไปจาก ER เป็น transport vesicle ส่ง ออกไปใช้ภ ายนอกเซลล์โ ดยตรง หรือ นำา ไปเชือ มกับ เยื่อ ของ Golgi complex ่ เพื่อ เพิ่ม คาร์โ บไฮเดรตแก่โ ปรตีน ที่ส ร้า งขึ้น 39 กลายเป็น glycoprotein ก่อ นส่ง ออกไปใช้
  • 40. 2. Smooth endoplasmic reticulum (SER) •ไม่ม ไ รโบโซมมาเกาะที่เ ยื่อ หุ้ม ด้า นนอก ี จึง มองเห็น เป็น ผิว เรีย บๆ ท่อ ของ SER เชือ มติด ต่อ กับ RER ได้ ่ •SER ไม่เ กี่ย วกับ การสร้า งโปรตีน ส่ว น ใหญ่ม ค วามสำา คัญ เกี่ย วกับ การสร้า ง ี ฮอร์โ มนชนิด สเตอรอยด์ และไขมัน •ลดความเป็น พิษ ของสารพิษ •ในเซลล์ก ล้า มเนื้อ SER ทำา หน้า ที่ค วบคุม การเก็บ และปล่อ ยแคลเซี่ย มเพื่อ ควบคุม 40
  • 42. Golgi complex มีล ัก ษณะเป็น ถุง แบนหลายถุง เรีย ง ซ้อ นกัน เรีย กว่า Golgi cisternar บริเ วณ ตรงกลางเป็น ท่อ แคบและปลายสองข้า ง โป่ง ออก และมีก ลุ่ม ของถุง กลม (vesicles) อยู่ร อบๆ Golgi complex มีโ ครงสร้า งที่เ ป็น 2 หน้า คือ cis face และ trans face ที่ท ำา หน้า ที่ร ับ และส่ง cis face เป็น ส่ว นของถุง แบนที่น ูน อยูใ กล้ก ับ ER transport vesicles ที่ ่ ถูก สร้า งมาจาก RER เคลื่อ นที่เ ข้า มารวม กับ Golgi complex ทางด้า น cis face ส่ว น trans face เป็น ด้า นที่เ ว้า ของถุง แบน เป็น 42
  • 43. หน้า ที่ข อง Golgi complex คือ เสริม สร้า งคาร์โ บไฮเดรดให้ก ับ โปรตีน ที่ สร้า งมาจาก RER ให้เ ป็น glycoprotein เพื่อ ส่ง ออกไปภายนอกเซลล์ เก็บ สะสมและกระจายสิง ที่เ ซลล์ส ร้า งขึ้น ่ โดยเก็บ ไว้ภ ายใน secondary granules เพื่อ ส่ง ออกนอกเซลล์ โดยกระบวนการ exocytosis สร้า ง primary lysosomes ซึ่ง บรรจุ hydrolytic enzymes นำ้า ย่อ ยเหล่า นีม ก เป็น ้ ั พวก glycoprotein โดยมีก ารเติม 43
  • 44. Lysosomes (a) Lysosomes in a white blood cell 44
  • 45. (b) A Lysosome in action Peroxi some Mitocho ndrion fragm ent fragme nt Lysoso me 45
  • 46. Lysosomes เป็น ออร์แ กเนลล์ท ี่ม ีเ ยือ หุ้ม รูป กลม ่ ขนาดเล็ก ภายในบรรจุ hydrolytic enzyme หรือ lysosomal enzyme หลาย ชนิด ที่ท ำา หน้า ที่ย ่อ ยโมเลกุล ขนาดใหญ่ ได้แ ก่ polysaccharides, fats และ nucleic acids เอ็น ไซม์ต ่า งๆเหล่า นี้ ทำา งานดีท ี่ส ุด ที่ pH 5 lysosomal membrane ทำา หน้า ที่ รัก ษาสภาพแวดล้อ มภายในให้เ หมาะแก่ 46 +
  • 47. ถ้า lysosome ฉีก ขาดจะไม่ส ามารถ ทำา งานได้ด ี หรือ เอ็น ไซม์อ าจออกมา ทำา อัน ตรายให้แ ก่เ ซลล์ไ ด้ จากที่ก ล่า วมาจะเห็น ได้ว ่า การแบ่ง ไซ โตพลาสซึม เป็น ส่ว นย่อ ยๆด้ว ย membrane มีค วามสำา คัญ ต่อ การทำา งาน ของเซลล์ม าก Hydrolytic enzyme และ lysosomal membrane สร้า งมาจาก RER และส่ง ต่อ ไปยัง Golgi complex แล้ว แยกออก 47
  • 48. The formation and functions of lysosomes 48
  • 49. หน้า ที่ข อง lysosome เป็น แหล่ง ย่อ ยภายในเซลล์ (intracellular digestion) ตย. เช่น • อมีบ ากิน อาหารโดยวิธ ี phagocytosis เกิด เป็น food vacuole ซึ่ง จะรวมกับ lysosome เอ็น ไซม์ใ นcytosome จะทำา หน้า ที่ย ่อ ยอาหารนั้น • เซลล์ข องคน เช่น macrophage ก็ สามารถทำา ลายสิง แปลกปลอมทีเ ข้า มา ่ ่ ในเซลล์ด ้ว ยวิธ ี phagocytosis และถูก 49 ย่อ ยโดย lysosome ได้เ ช่น กัน
  • 50. เกี่ย วข้อ งกับ การย่อ ย organelles ในไซโต พลาสซึม เพื่อ นำา สารต่า งๆกลับ มาใช้ส ร้า ง organelles ใหม่อ ก (autophagy) ี Lysosome สร้า งเอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ การเกิด metamorphosis ของการพัฒ นา ของตัว อ่อ นในพวกสัต ว์ส ะเทิน นำ้า สะเทิน บก มีบ ทบาทสำา คัญ ต่อ เมตาบอริซ ึม ต่า งๆใน ร่า งกายเป็น อย่า งมาก ถ้า หากมีค วามผิด ปกติใ นการทำา งานของเอ็น ไซม์ใ นไลโซ โซม จะทำา ให้เ กิด โรคต่า งๆได้ 50
  • 51. Vacuoles เป็น organelles ที่ม ีล ัก ษณะเป็น เยือ หุ้ม แต่ม ข นาดใหญ่ก ว่า vesicles มี ่ ี แบบต่า งๆได้แ ก่ food vacuole, contractile vacuole และ central vacuole 51
  • 52. The plant cell vacuole 52
  • 53. Relationships among organelles of the endomembrane system 53
  • 54. Membranous organelles อืน ๆ ่ 1. Energy transcucers ได้แ ก่ Mitochondria Chloroplast 2. Peroxisomes (microbodies) 54
  • 55. The mitochondrion, site of cellular respiration 55
  • 56. Mitochondria พบใน eukaryotic cell เกือ บทุก ชนิด ในเซลล์บ าง ชนิด อย่า งมีเ พีย งหนึง อัน ทีม ข นาดใหญ่ หรือ ใน ่ ่ ี เซลล์บ างชนิด อาจมี mitochondria เป็น จำา นวนร้อ ย หรือ พัน ทัง นีข ึ้น กับ กิจ กรรมของเซลล์น น ๆ ้ ้ ั้ Mitochondria มีเ ยือ หุม 2 ชั้น มีล ัก ษณะเป็น สองวง ่ ้ ซ้อ นกัน แต่ล ะชั้น ของ phospholipid bilayer จะมี ลัก ษณะเฉพาะตัว ทีเ กิด จากโมเลกุล ของโปรตีน ที่ ่ ฝัง ตัว บนเยือ แต่ล ะชั้น ่ เยื่อ หุม ชั้น นอกเรีย บ ส่ว นเยื่อ ชั้น ในจะมีก ารโป่ง ้ ยืน เข้า ข้า งในเรีย กว่า cristae เยือ หุม ทัง สองชั้น แบ่ง ่ ่ ้ ้ mitochondria เป็น ช่อ งภายใน 2 ส่ว น ได้แ ก่ ช่อ งที่ 56 อยูร ะหว่า งเยือ ชั้น นอกและเยือ ชั้น ใน ่ ่ ่
  • 57. ในช่อ งทั้ง สองมีเ อ็น ไซม์ต ่า งชนิด กัน ที่ เกี่ย วข้อ งกับ กระบวนการหายใจระดับ เซลล์ (cellular respiration) แต่ล ะขั้น ตอน กัน •ที่บ ริเ วณ cristae ของเยื่อ หุ้ม ชัน ในมี ้ เอ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ งกับ electron transport chain และ การสัง เคราะห์ ATP •ใน matrix บรรจุเ อ็น ไซม์ท ี่เ กี่ย วข้อ ง กับ Kreb’s cycle และ Beta oxidation ของกรดไขมัน เป็น ต้น 57
  • 58. The chloroplast, site of photosynthesis 58
  • 59. Chloroplast Chloroplast เป็น plastids ชนิด หนึง ของ ่ เซลล์พ ืช ที่ม ร งควัต ถุส เ ขีย ว ที่เ รีย กว่า ี ี chlorophyll ซึ่ง ประกอบด้ว ยเอ็น ไซม์แ ละ โมเลกุล ของสารที่ท ำา ให้เ กิด กระบวนการ สัง เคราะห์ด ้ว ยแสง Chloroplast มีเ ยื่อ หุ้ม 2 ชัน หุ้ม ล้อ ม ้ รอบของเหลวที่เ รีย กว่า stroma ภายในมีถ ุง แบน thylakoids ซึ่ง ซ้อ นกัน เป็น ตัง เรีย กว่า ้ granum 59
  • 61. Peroxisomes (microbodies) เป็น organelles ทีพ บในเซลล์ย ค าริโ อตเกือ บทุก ่ ู ชนิด มีล ัก ษณะเป็น ถุง ทีม เ ยือ หุม ชั้น เดีย ว ภายใน ่ ี ่ ้ มี granular core ซึ่ง เป็น ทีร วมของเอ็น ไซม์ย อ มติด ่ ้ สีเ ข้ม เอ็น ไซม์ช นิด ต่า งๆทำา หน้า ทีเ กี่ย วข้อ งกับ การ ่ สร้า งหรือ ทำา ลาย hydrogen peroxide (H2O2) เพือ ่ ป้อ งกัน ไม่ใ ห้เ กิด สารพิษ ขึ้น ภายในเซลล์ RH2 + O2 Oxidase R + H2O2 2H2O2 catalase 2H2O + O2 ในเซลล์ต ับ พบมี peroxisomes ขนาดใหญ่ จึง 61
  • 62. การลำา เลีย งสารผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์ (Traffic Across Membranes) เยือ หุ้ม เซลล์ม ีส มบัต ิท ี่ย อมให้ส ารบาง ่ อย่า งผ่า นเข้า ไปในเซลล์ไ ด้ง า ยกว่า ่ สารบางอย่า งชนิด อื่น เรีย กว่า selective permeability ดัง นั้น เยือ หุ้ม ่ เซลล์จ ะควบคุม ชนิด และอัต ราการ ลำา เลีย งโมเลกุล ของสารผ่า นเข้า และ ออกจากเซลล์ 62
  • 63. Selective permeability ของเยือ หุ้ม เซลล์ ่ ขึ้น อยูก ับ ่ 1. Phospholipid bilayer 1.1 โมเลกุล ไม่ม ีข ั้ว ไฟฟ้า (nonpolar (hydrophobic) molecules) เช่น hydrocarbons และ O2 ซึ่ง สามารถละลายได้ใ นเยื่อ หุ้ม เซลล์จ ะผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์ไ ด้ง า ยกว่า สารอื่น ่ และเมือ เปรีย บเทีย บระหว่า งสาร 2 ชนิด ่ ที่ล ะลายในไขมัน ได้เ ท่า กัน สารที่ม ีข นาด เล็ก กว่า สามารถผ่า นไปได้ด ีก ว่า 63
  • 64. 1.2 โมเลกุล มีข ั้ว ไฟฟ้า (polar (hydrophilic) molecules)  โมเลกุล ขนาดเล็ก ที่ม ข ั้ว ไฟฟ้า แต่ไ ม่ม อ ิ ี ี ออน (small, polar uncharged molecules)เช่น H2O, CO2 สามารถผ่า นเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์ (synthetic membranes) ได้ง ่า ย  โมเลกุล ขนาดใหญ่ท ี่ม ข ั้ว ไฟฟ้า แต่ไ ม่ม ีอ ิ ี ออน (large, polar uncharged molecules) เช่น นำ้า ตาลกลูโ คส ผ่า นเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์ไ ด้ไ ม่ ง่า ย  สารที่ม อ ิอ อน (ions) ทุก ชนิด ถึง แม้ว ่า จะมี ี 64
  • 65. -        2. Specific integral transport proteins โมเลกุล ของนำ้า CO2 และ สารที่ไ ม่ม ข ั้ว ี ไฟฟ้า (nonpolar molecules) สามารถผ่า น เยื่อ หุ้ม เซลล์ไ ด้ง า ยเช่น เดีย วกับ เยื่อ หุ้ม ่ สัง เคราะห์ เยื่อ หุ้ม เซลล์ต า งจากเยื่อ หุ้ม สัง เคราะห์ ่ คือ มีส มบัต ย อมให้ส ารบางอย่า งที่ม อ ิอ อน ิ ี และสารที่ม ข ั้ว ไฟฟ้า ขนาดกลางผ่า นได้ ี โดยสารเหล่า นี้ผ า นเข้า ไปที่ transport ่ proteins 65
  • 66. Diffusion and Passive transport การแพร่ (diffusion) หมายถึง การเคลื่อ นที่ข องโมเลกุล ของสารจาก บริเ วณที่ม ค วามเข้ม ข้น ของสาร ี มากกว่า ไปยัง บริเ วณที่ม ค วามเข้ม ข้น ี ของสารน้อ ยกว่า จนกว่า จะอยูใ น ่ สภาพสมดุล (dynamic equilibrium) เมื่อ อยูใ นสภาพสมดุล แล้ว โมเลกุล ่ ของสารยัง คงเคลื่อ นอยูแ ต่เ คลื่อ นที่ ่ ด้ว ยอัต ราเร็ว เท่า กัน ทั้ง สองบริเ วณ 66
  • 67. การแพร่ข องโมเลกุล ของสารผ่า น เยือ หุ้ม เซลล์ เรีย กว่า passive transport ่ เซลล์ไ ม่ต ้อ งใช้พ ลัง งานที่จ ะทำา ให้เ กิด การแพร่ข ึ้น และเยื่อ หุ้ม เซลล์ม ีส มบัต ิ selective permeable ดัง นั้น อัต ราการ แพร่ข องสารชนิด ต่า งๆจะไม่เ ท่า กัน นำ้า จะสามารถแพร่ผ ่า นเยือ หุ้ม ่ เซลล์ไ ด้อ ย่า งอิส ระซึ่ง มีค วามสำา คัญ มากสำา หรับ การดำา รงอยูข องเซลล์ ่ 67
  • 68. การแพร่ข องโมเลกุล ของสาร ผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์ (a) โมเลกุล ของสารเคลื่อ นทีจ ากบริเ วณทีม ค วาม ่ ่ ี เข้ม ข้น มากกว่า ไปยัง บริเ วณทีม ค วามเข้ม ข้น น้อ ย ่ ี กว่า จนกระทั่ง อยู่ใ นสภาพสมดุล (dynamic equilibrium) เมือ อยูใ นสภาพสมดุล แล้ว โมเลกุล ่ ่ ของสารยัง คงเคลื่อ นทีอ ยูแ ต่อ ัต ราการเคลื่อ นที่ ่ ่ ของสารจากทัง สองด้า นของเยือ หุม เซลล์เ ท่า กัน ้ ่ ้ 68
  • 69. (b) ในกรณีน ี้ แสดงสารละลายของสี 2 ชนิด ที่อ ยู่ค นละด้า นของเยือ หุ้ม เซลล์ ่ โมเลกุล ของสารสีเ ขีย วจะเคลื่อ นที่ไ ปยัง ด้า นซ้า ย ทั้ง ๆที่ต อนเริ่ม ต้น ความเข้ม ข้น ของสารในด้า นซ้า ยสูง กว่า 69
  • 70. ตัว อย่า งการแพร่ใ นสิ่ง มีช ว ิต ี ได้แ ก่ การหายใจของสัต ว์ ขณะ หายใจเข้า ก๊า ซออกซิเ จนจากอากาศ ที่ผ ่า นเข้า ไปในถุง ลมในปอดมีค วาม เข้ม ข้น สูง กว่า ในเส้น เลือ ดฝอย ออกซิเ จนจึง แพร่จ ากถุง ลมเข้า ไปใน เส้น เลือ ดฝอย และในขณะเดีย วกัน คาร์บ อนไดออกไซด์จ ะแพร่จ าก เส้น เลือ ดเข้า สูถ ุง ลม ่ 70
  • 71. Osmosis Osmosis หมายถึง การแพร่ข องโมเลกุล ของ นำ้า จากบริเ วณทีม โ มเลกุล ของนำ้า หนาแน่น ่ ี มากกว่า หรือ สารละลายทีเ จือ จางกว่า ่ (hypoosmotic solution)ไปยัง บริเ วณทีม ี ่ 71
  • 72. The water balance of living cells ลูก ศรแสดงทิศ ทางการเคลื่อ นทีข องโมเลกุล ของ ่ 72 นำ้า ผ่า นเซลล์ส ต ว์ซ ึ่ง ไม่ม ผ นัง เซลล์ และเซลล์พ ช ั ี ื
  • 73. The contractile vacuole of Paramesium : an evolutionary adaptation for osmoregulation Filling vacuole Contracting vacuole 73
  • 74. Facilitated diffusion Transport proteins ช่ว ยในการนำา โมเลกุล ของ สารผ่า นเยื่อ หุ้ม เซลล์จ ากบริเ วณทีม ีค วามเข้ม ่ ข้น ของสารสูง ไปยัง บริเ วณทีม ีค วามเข้ม ข้น ตำ่า ่ กว่า เรีย กกระบวนการนีว ่า facilitated diffusion ้ โดยเซลล์ไ ม่ต ้อ งใช้พ ลัง งาน 74
  • 75. Active transport บางครั้ง เซลล์ต ้อ งการลำา เลีย งสาร จากที่ม ีค วามเข้ม ข้น ตำ่า ไปยัง ที่ม ค วาม ี เข้ม ข้น สูง กว่า กระบวนการนี้เ รีย กว่า active transport ซึ่ง ต้อ งการพลัง งานคือ ATP ตัว อย่า งเช่น เซลล์ข ับ NA+ ออก นอกเซลล์แ ละนำา K+ เข้า ไปในเซลล์ ซึ่ง เรีย กว่า Sodium-potassium pump 75
  • 77. Sodium-potassium pump กระบวนการเริ่ม ต้น จาก Na+ จับ กับ โปรตีน ซึ่ง เป็น transport protein แล้ว ATP ให้พ ลัง งานแก่โ ปรตีน ทำา ให้ โปรตีน เปลี่ย นรูป ร่า งและปล่อ ย Na+ ผ่า นเยือ หุ้ม เซลล์อ อกไป ขณะ ่ เดีย วกัน K+ เข้า จับ กับ โปรตีน ทำา ให้ โปรตีน เปลี่ย นแปลงรูป ร่า งอีก ครั้ง หนึ่ง ทำา ให้ K+ ถูก ปล่อ ยเข้า ไปในเซลล์ แล้ว โปรตีน กลับ มีร ูป ร่า งเหมือ นเดิม อีก 77
  • 78. Diffusion Passive transport Facilitated transport Active transport 78
  • 79. An electrogenic pump Electrogenic pump เป็น transport protein ที่ท ำา ให้เ กิด ความต่า งศัก ดิ์ท ี่เ ยือ หุ้ม เซลล์ ่ 79
  • 80. An electrogenic pump ตัว อย่า งเช่น Na+/K+ pump เป็น electrogenic pump ที่ส ำา คัญ ของเซลล์ส ต ว์ ั Proton pump เป็น electrogenic pump ที่ส ำา คัญ ของเซลล์พ ืช แบคทีเ รีย และพวกเห็ด รา รวมทั้ง mitochondria และ chloroplasts ใช้ proton pump ใน การสัง เคราะห์ ATP 80
  • 81. Cotransport เป็น กระบวนการร่ว มที่เ กิด จาก ATP pump ตัว เดีย วทำา งานแล้ว มีผ ลไปทำา ให้ transport protein ตัว ต่อ ไปทำา งานเพื่อ นำา สาร เข้า สูเ ซลล์ ่ ตัว อย่า งเช่น ใน เซลล์พ ืช ใช้ proton pump ร่ว ม กับ transport protein ที่น ำา sucrose–H+ เข้า ไป 81 ในเซลล์
  • 82. Exocytosis and endocytosis transport large molecules สารที่ม ีโ มเลกุล ขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน และ คาร์โ บ ไฮเครต ผ่า นออกนอกเซลล์ด ้ว ย กระบวนการ exocytosis และเข้า ไป ในเซลล์ด ว ยกระบวนการ ้ endocytosis 82
  • 83. Endocytosis มี 3 แบบ ได้แ ก่        1. Phagocytosis 2. Pinocytosis 3. Receptor-mediated endocytosis 83
  • 84. Phagocytosis Phagocytosis เป็น การนำา สารทีเ ป็น ของแข็ง เข้า ่ เซลล์ โดยเซลล์ย ื่น ส่ว น cytoplasm ไปโอบล้อ ม สารของแข็ง นั้น แล้ว เข้า ไปในเซลล์ เป็น food vacuole แล้ว food vacuole นัน จะไปรวมกับ ้ lysosome ซึ่ง ภายในมี hydrolytic enzymes ที่จ ะ ย่อ ยสลายสารนั้น ต่อ ไป อมีบ ากิน แบคทีเ รีย ด้ว ย 84
  • 85. Pinocytosis Pinocytosis เป็น การนำา สารที่เ ป็น ของเหลว เข้า เซลล์ โดยเยื่อ หุ้ม เซลล์เ ว้า เข้า ไปเพื่อ นำา สารเข้า ไป กลายเป็น ถุง เล็ก ๆอยูใ น ่ 85 cytoplasm
  • 86. Receptor-mediated endocytosis Receptor-mediated endocytosis เป็น การนำา สาร เฉพาะบางชนิด เข้า ไปในเซลล์ โดยที่ผ ิว เซลล์ มี receptor เฉพาะสำา หรับ สารบางอย่า งเข้า มา จับ แล้ว ถูก นำา เข้า ไปในเซลล์เ ป็น ถุง เล็ก ๆ เมื่อ ผ่า นการย่อ ยแล้ว receptor สามารถถูก นำา มา 86