More Related Content
Similar to ระบบหายใจ (Respiration)
Similar to ระบบหายใจ (Respiration) (20)
ระบบหายใจ (Respiration)
- 3. ระบบหายใจ
มนุษย์ทุกคนต้องหายใจเพื่อมีชีวิตอยู่ การหายใจเข้า อากาศ
ผ่านไปตามอวัยวะของระบบหายใจตามลาดับ ดังนี้
1.จมูก (Nose)
จมูกส่วนนอกเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตรงกึ่งกลางของ
ใบหน้า รูปร่างของจมูกมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมพีระมิด
ฐานของรูปสามเหลี่ยมวางปะ ติดกับหน้าผากระหว่างตา
สองข้าง สันจมูกหรือดั้งจมูก มีรูปร่างและขนาดต่างๆกัน
ยื่นตั้งแต่ฐานออกมาข้างนอกและลงข้างล่างมาสุดที่ปลาย
จมูก อีกด้านหนึ่งของรูปสามเหลี่ยมห้อยติดกับริมฝีปากบน
รู จมูกเปิดออกสู่ภายนกทางด้านนี้ รูจมูกทาหน้าที่เป็น
ทางผ่านของอากาศที่หายใจเข้าไปยังช่องจมูกและกรองฝุ่น
ละอองด้วย
- 4. 2. หลอดคอ (Pharynx)
เมื่ออากาศผ่านรูจมูกแล้วก็ผ่านเข้าสู่
หลอดคอ ซึ่งเป็นหลอดตั้งตรงยาว
ประมาณยาวประมาณ 5 " หลอดคอ
ติดต่อทั้งช่องปากและช่องจมูก จึง
แบ่งเป็นหลอดคอส่วนจมูก กับ หลอดคอ
ส่วนปาก โดยมีเพดานอ่อนเป็นตัวแยก
สองส่วนนี้ออกจากกัน โครงของหลอด
คอประกอบด้วยกระดูกอ่อน 9 ชิ้น
ด้วยกัน ชิ้นที่ใหญ่ทีสุด คือกระดูกธัย
รอยด์ ที่เราเรียกว่า "ลูกกระเดือก" ใน
ผู้ชายเห็นได้ชัดกว่าผู้หญิง
- 5. 3. หลอดเสียง (Larynx)
เป็นหลอดยาวประมาณ 4.5 cm ในผู้ชาย
และ 3.5 cm ในผู้หญิง หลอดเสียง
เจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ตามอายุ ในวัยเริ่ม
เป็นหนุ่มสาว หลอดเสียงเจริญขึ้นอย่าง
รวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ชาย เนื่องจากสาย
เสียง (Vocal cord) ซึ่งอยู่ภายในหลอด
เสียงนี้ยาวและหนาขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป
จึงทาให้เสียงแตกพร่า การเปลี่ยนแปลงนี้
เกิดจากฮอร์โมนของเพศชาย
- 6. 4. หลอดลม (Trachea)
เป็นส่วนที่ต่ออกมาจากหลอดเสียง ยาวลงไปในทรวงอก ลักษณะรูปร่างของหลอดลมเป็นหลอด
กลมๆ ประกอบด้วยกระดูกอ่อนรูปวงแหวน หรือรูปตัว U ซึ่งมีอยู่ 20 ชิ้น วางอยู่ทางด้านหลังของ
หลอดลม ช่องว่าง ระหว่างกระดูกอ่อนรูปตัว U ที่วางเรียงต่อกันมีเนื้อเยื่อและกล้ามเนือเรียบมายึด
้
ติดกัน การที่หลอดลมมีกระดูกอ่อนจึงทาให้เปิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีโอกาสที่จะแฟบเข้าหากันได้โดย
แรงดันจากภายนอก จึงรับประกันได้ว่าอากาศเข้าได้ตลอดเวลา หลอดลม ส่วนที่ตรงกับ
กระดูกสันหลังช่วงอกแตกแขนงออกเป็น
หลอดลมแขนงใหญ่ (Bronchi) ข้างซ้ายและขวา
เมื่อเข้าสู่ปอดก็แตกแขนงเป็นหลอดลมเล็กในปอด
หรือที่เรียกว่า หลอดลมฝอย (Bronchiole)
และไปสุดที่ถุงลม (Aveolus) ซึ่งเป็นการที่อากาศอยู่
ใกล้กับเลือดในปอดมากที่สุด จึงเป็นบริเวณ
แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน กับคาร์บอนไดออกไซด์
- 7. 5. ปอด (Lung)
ปอดมีอยู่สองข้าง วางอยู่ในทรวงอก มีรูปร่างคล้ายกรวย มีปลายหรือยอดชี้ขึ้นไปข้างบนและไปสวม
พอดีกับช่องเปิดแคบๆของทรวงอก ซึ่งช่องเปิดแคบๆนี้ประกอบขึ้นด้วยซี่โครงบนของกระดูกสันอก
และกระดูกสันหลัง ฐานของปอดแต่ละข้างจะใหญ่และวางแนบสนิทกับกระบังลม
ระหว่างปอด 2 ข้าง จะพบว่ามีหัวใจอยู่ ปอดข้างขวาจะโตกว่าปอดข้างซ้ายเล็กน้อย และมีอยู่ 3 ก้อน
ส่วนข้างซ้ายมี 2 ก้อน
หน้าที่ของปอดคือ การนาก๊าซ CO2 ออกจากเลือด และนาออกซิเจนเข้าสู่เลือด ปอดจึงมีรูปร่างใหญ่
มีลักษณะยืดหยุ่นคล้ายฟองน้า
6. เยื่อหุมปอด (Pleura)
้
เป็นเยื่อที่บางและละเอียดอ่อน เปียกชื้น และเป็นมันลื่น หุ้มผิวภายนอกของปอด เยื่อหุ้มนี้ ไม่
เพียงคลุมปอดเท่านัน ยังไปบุผิวหนังด้านในของทรวงอกอีก หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึงว่า เยื่อ
้ ่
หุ้มปอดซึ่งมี 2 ชั้น ระหว่าง 2 ชั้นนี้มี ของเหลวอยู่นิดหน่อย เพื่อลดแรงเสียดสี ระหว่างเยื่อหุ้มมี
โพรงว่าง เรียกว่าช่องระหว่างเยื่อหุ้มปอด
- 9. กระบวนการในการหายใจ
ในการหายใจนั้นมีโครงกระดูกส่วนอกและ กล้ามเนื้อบริเวณอกเป็นตัวช่วยขณะ
หายใจเข้า กล้าม เนื้อหลายมัดหดตัวทาให้ทรวงอกขยายออกไปข้างหน้า และยกขึ้น
บน ในเวลาเดียวกันกะบังลมจะลดต่าลง การกระทาทั้งสองอย่างนี้ทาให้โพรงของ
ทรวงอกขยาย ใหญ่มากขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อหยุดทางานและหย่อนตัวลง ทรวงอกยุบ
ลงและความดันในช่องท้องจะดันกะบังลม กลับขึ้นมาอยู่ในลักษณะเดิม
กระบวนการเข่นนี้ทาให้ ความดันในปอดเพิ่มขึ้น เมื่อความดันในปอดเพิ่มขึ้นสูง กว่า
ความดันของบรรยากาศ อากาศจะถูกดันออกจาก ปอด ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า ปัจจัย
ประการแรกที่ทาให้ อากาศมีการเคลื่อนไหวเข้าออกจากปอดได้นั้น เกิด จากความ
ดันที่แตกต่างกันนั่นเอง
- 10. ระบบการหายใจ (respiratory system)
ระบบการหายใจ คือ ระบบที่ประกอบด้วยอวัยวะเกี่ยวข้องกับการหายใจ
เป็นการนาอากาศเข้าและออกจากร่างกายส่งผลให้แก๊สออกซิเจนทา
ปฏิกิริยากับสารอาหาร ได้พลังงาน น้า และแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์
กระบวนการหายใจเกิดขึ้นกับทุกเซลล์ตลอดเวลา การหายใจจาเป็นต้อง
อาศัย โครงสร้าง 2 ชนิดคือ กล้ามเนื้อกะบังลม และกระดูกซี่โครง ซึ่งมี
กลไกการทางานของระบบหายใจ ดังนี้
- 11. C6H12O6 + O2 CO2 + H2O + ATP
น ้ำตำลโมเลกุลเดี่ยว + ออกซิเจน คำร์ บอนไดออกไซด์ + น ้ำ + พลังงำน
- 15. การแลกเปลียนก๊าซและการใช้
่
ออกซิเจน
เมื่อเราหายใจเข้า อากาศภายนอกเข้าสู่
อวัยวะ ของระบบหายใจไปยังถุงลมใน
ปอด ที่ผนังของถุงลมมีหลอดเลือด
แดงฝอยติดอยู่ ดังนั้นอากาศจึงมี
โอกาสใกล้ชิดกับเม็ดเลือดแดงมาก
ออกชิเจนก็จะผ่านผนังนี้เข้าสู่เม็ด
เลือดแดง และคาร์บอนไดออกไชด์ก็
จะออกจากเม็ดเลือดผ่านผนังออกมา
สู่ถุงลม ปกติในอากาศมีออกชิเจน
ร้อยละ 20 แต่อากาศที่เราหายใจมี
ออกซิเจนร้อยละ 13
- 16. การแลกเปลียนแก๊สทีถงลม
่ ่ ุ
อากาศเมื่อเข้าสู่ปอดจะไปอยู่ในถุงลม ซึ่งมีลักษณะ
กลมคล้ายลูกองุ่น ซึ่งปอดแต่ละข้างจะมีถุงลมข้างละ
150 ล้านถุง แต่ละถุงมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ถึง
0.1 มิลลิเมตร ถุงลมทุกอันจะมีหลอดเลือดฝอยมา
ห่อหุ้มไว้ การแลกเปลี่ยนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ออกซิเจน ไนโตรเจน และไอน้า ผ่านเข้าออกถุงลมโดย
ผ่านเยื่อบางๆของถุงลม
เลือดจากหัวใจมาสู่ปอด เป็นเลือดที่มีออกซิเจนต่า
คาร์บอนไดออกไซด์สูง เมื่อมาสู่ถุงลมจะมีการ
แลกเปลี่ยนแก๊สโดยออกซิเจนในถุงลมจะแพร่เข้าสู่เส้น
เลือด ขณะเดียวกันคาร์บอนไดออกไซด์ในเส้นเลือดจะ
แพร่เข้าสู่ถุงลม แล้วขับออกทางลมหายใจออก
- 18. การดารงประสิทธิภาพการทางานของระบบ
หายใจ 1. รักษาสุขภาพให้ดี โดยการ รับประทานอาหาร พักผ่อน และออกกาลังกายอย่าง
สม่าเสมอ
2. แต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ เหมาะสมกับฤดูกาล เพื่อป้องกันการเป็นหวัด
3. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
4. ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือจาม
5. ไม่ใช้สิ่งของปนกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
ู6. อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ ไม่อับชื้นแออัด โดยเฉพาะสถานที่ที่มควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่มี
ี
ก๊าซพิษ คือไนโตรเจนไดออกไซด์ ทาให้เป็นโรคถุงลมโป่งพอง
7. ระวังการกระแทกอย่างแรงกับอวัยวะการหายใจ ได้แก่หน้าอก และปอด
8. ไม่เลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ ไว้ในบ้าน เพราะขนสัตว์ก่อให้เกิดโรค
- 19. โรคของระบบการหายใจ
1. โรคถุงลมโป่งพอง ( ephysema)
โรคถุงลมโป่งพอง เป็นโรคที่เนื้อปอดถูก
ทาลาย ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจน
ลดลง ทาให้ผู้ป่วยมีอาการ หอบเหนื่อย
หายใจลาบาก
สาเหตุของโรค สาเหตุของถุงลมโป่งพอง ที่
พบบ่อยที่สุด ได้แก่ การสูบบุหรี่ นอกจากนั้น
ยังอาจเกิดจาก การสูดดมสิ่งที่เป็นพิษ เช่น
มลภาวะ ไอเสีย ฝุ่น สารเคมี เป็นระยะเวลา
นาน ๆ
- 20. โรคปอดจากการทางาน
โรคปอดดา (Anthracosis)เกิดจากการสะสมผงถ่านคาร์บอนในปอดปริมาณมาก
ซิลิโคซีส (Silicosisi) เกิดจากการหายใจเอาฝุ่นของซิลิคอนไดออกไซด (์ Sillicon dioxide) เข้าไป
( silica ซิลิกา สารประกอบชนิดหนึ่ง สูตร
เคมีคือ SiO2 จุดหลอมเหลว 1,700 oC จุด
เดือด 2,230 oC เป็นของแข็งไม่มีสีมี
โครงสร้างผลึก 5 รูปแบบ ในธรรมชาติอยู่ใน
รูปของทราย คอวตซ์และหินบางชนิดใช้ใน
อุตสาหกรรมการผลิตแก้ว ผงขัด วัสดุทน
ไฟ และผลิตภัณฑ์เซรามิก เป็นต้น) ซึง
แอสเบสโตซีส (Asbestosis) ่
เกิดขึ ้นจำกกำรหำยใจเอำฝุ่ นในโรงงำนทำ
เฟอร์ นิเจอร์ ซึงมีกลินและฝุ่ นของสีน ้ำยำ
่ ่
เคลือบเงำ
- 21. 3. โรคหืด คือ โรคของหลอดลมที่มีการตีบหรืออุดตันอันเนืองมาจากมีการอักเสบ
่
ของหลอดลม มีการหดเกร็งของกล้ามเนือหลอดลม มีเสมหะที่เหนียวออกมามาก
้
โรคหืด มีลักษณะสาคัญ 3 ประการ
1.หลอดลมที่มีการตีบหรืออุดตันเป็นๆหายๆการตีบหรืออุดตันเกิด
จาก กล้าเนื้อหลอดลมหดตัว เยื่อบุบวม มีการอักเสบ เสมหะมาก
2.มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมร่วมด้วย
3.หลอดลมมีสภาพไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น ควันต่างๆ
กลิ่นที่แรง สารก่อภูมิแพ้
- 22. อาการทีเ่ กียวข้องกับการหายใจ มีดังนี้
่
1. การจามเกิดจากการหายใจเอาอากาศที่ไม่สะอาดเข้าไปในร่างกาย ร่างกายจึง
พยายามขับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกมานอกร่างกาย โดยการหายใจเข้าลึกแล้ว
หายใจออกทันที
2. การหาวเกิดจากการที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมอยู่ในเลือดมาก
เกินไป จึงต้องขับออกจากร่างกาย โดย การหายใจเข้ายาวและลึก เพื่อรับแก๊ส
ออกซิเจนเข้าปอดและแลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือด
3. การสะอึกเกิดจากกะบังลมหดตัวเป็นจังหวะๆ ขณะหดตัวอากาศจะถูกดันผ่าน
ลงสู่ปอดทันที ทาให้สายเสียงสั่น เกิดเสียงขึ้น
4. การไอ เป็นการหายใจอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปใน
กล่องเสียงและหลอดลม ร่างกายจะมี การหายใจเข้ายาวและหายใจออกอย่างแรง