More Related Content
Similar to Adtivities1 (20)
Adtivities1
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน รู้จักภาษาญี่ปุ่น
พร้อมเทคนิคการจาคันจิ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวกุลพักตร์ แจ้งจันทร์ เลขที่ 29 ชั้น ม.6 ห้อง 12
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาวกุลพักตร์ แจ้งจันทร์ เลขที่ 29
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
รู้จักภาษาญี่ปุ่น พร้อมเทคนิคการจาคันจิ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Learn Japanese and the kanji
ประเภทโครงงาน เพิ่มเทคนิคการสื่อสารเฉพาะภาษา
ชื่อผู้ทา นางสาวกุลพักตร์ แจ้งจันทร์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในการศึกษาไทยในปัจจุบันยังเน้นการท่องจาหลักการใช้ ไวยากรณ์ ซึ่งทาให้นักเรียนส่วนใหญ่ต้องอ่านท่องจา
คาศัพท์ หลักไวยากรณ์ จนไม่รู้วิธีการใช้ในชีวิตประจาวันจริง จึงได้คิดโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อพัฒนา และสร้างความ
เข้าใจในการใช้ภาษายังไงให้จาง่ายถูกต้องและสามารถปรับใช้ในสถานะการจริงได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ยังสามารถเส
ริงสร้างทักษะการจาและไหวพริบให้กับผู้อ่านบทความมากขึ้นอีกด้วย เช่นการจาคันจิด้วยรูปภาพต่างๆตามตัวคันจิ
นั้นๆ พร้อมทั้งฝึกพูดภาษาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังสามารถอ่านออกเสียงตัวอักษะได้อย่างถูกต้องอีกด้วย แม้โครงงานนี้จะ
ดูเหมือนสร้างมาเพื่อคนเฉพาะกลุ่มแต่อาจจะมีประโยชน์กับผู้อยากรู้และเข้าใจในภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อเพิ่มและเสริมสร้างทักษะการจ าให้ดีมากขึ้น
2.เพื่อเสริมสร้างทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ไปในตัว
3.ฝึกให้ผู้อ่านบทความได้ฝึกฝน และหาแนวทางการเรียนด้วยตัวเอง
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 4-5 เดือน ส าหรับคนที่ยังเขียนตัวอักษรของญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ส าหรับคนที่เขียนได้ทั้ง
ฮิระกะนะ และ คะตะคะนะ ได้ไม่เกิน 3 เดือนก็สามารถเริ่มสื่อสารได้
- 3. 3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
เทคนิคเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตนเอง
1. มี passion ในการเรียน ถ้าจะบอกว่าข้อแรกนี้สาคัญที่สุดก็คงจะไม่ผิดเพราะข้อเสียของการเรียนด้วยตัวเอง
ฉะนั้นเราต้องมีความต้องการที่จะเรียนจริงๆ มีความหลงไหลที่จะเรียน หากไม่มีข้อนี้แล้วการจะเรียนให้ส าเร็จก็ยาก
แล้วละ หลายคนอาจจะชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่น ชอบคนญี่ปุ่น ชอบเที่ยวญี่ปุ่น ชอบฟังเพลงญี่ปุ่น ชอบเล่นเกมญี่ปุ่น
สิ่งเหล่านี้ก็สามารถเป็นแรงผลักดันที่ดีในการเรียนภาษาญี่ปุ่นได้
2. ฝึกจาตัว ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ ให้ได้ก่อน ภาษาญี่ปุ่นมีตัวอักษร ฮิระงะนะ และ คะตะคะนะ อย่างละ 46
ตัว ให้ฝึกเขียนและจาให้ได้ครบทุกตัวก่อน รวมไปถึง การฝึกผสมตัวอักษรและวิธีการอ่าน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถหา
ดูได้เยอะแยะมากมายบนอินเตอร์เน็ต หนึ่งในเคล็ดลับ การฝึกจาของผมก็คือ ทาฉลากตัวอักษรทั้งหมดใส่ในกล่อง
เวลาอยู่ว่างๆก็หยิบขึ้นฉลากขึ้นมา แล้วให้อ่านตัวอักษรนั้น ให้ได้เร็วที่สุด
3. หาหนังสือดีๆเพื่อใช้ในการเรียน หลังจากที่จาฮิระงะนะ และ คะตะคะนะได้พอประมาณแล้ว ให้หาหนังสือดีๆมา
เพื่อใช้ประกอบการเรียน โดยหนังสือ ดีๆ นั้นมีมากมาย แต่ที่หลายคนแนะนาเบื้องต้นก็คงจะเป็น みんなの日
本語 (มินนะ โนะ นิฮงโกะ) ทั้ง 4 เล่ม นอกจากนี้ที่อยากจะแนะนาก็มีหนังสือ “คันจิที่มาและความหมาย” ซึ่งมีอยู่
4 เล่มด้วยกัน นามาใช้ฝึกคันจิควบคู่ ไปกับการเรียนจาก มินนะ โนะ นิฮงโกะ
เริ่มฝึกตัว คันจิ ควบคู่ไปกับการเรียน หลายคนอาจจะคิดว่าคันจิยากและน่าเบื่อ ในตอนเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่น
อาจจะยังไม่ต้องเริ่มฝึกคันจิก็ได้ แต่ให้เรียนรู้ และมีคาศัพท์ที่เรารู้สักประมาณหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยเริ่มฝึกคันจิ
ตามมาทีหลัง แนะนาว่าอย่าฝึกจาคาใหม่ที่เรายังไม่รู้ แต่ให้จาคันจิจากคาศัพท์ที่เรารู้อยู่แล้ว
5. เทคนิคการจดจาด้วยภาพและการเชื่อมโยง วิธีการจดจาศัพท์ใหม่ๆ ที่ใช้อยู่เสมอและได้ผลดีที่สุดนั่นก็คือ การจดจา
ด้วยภาพและการเชื่อมโยง ยกตัวอย่างคาว่า – 車 (คุรุมะ) แปลว่า รถ นึกถึงภาพ “คุณครูขับรถมา” > ครูมา > คุรุ
มะ – 食べる (ทะเบะรุ) แปลว่า กิน นึกถึงภาพ “ก่อนกินข้าวต้องทาท่า ตะเบ๊ะ” > ตะเบ๊ะ > ทะเบะรุ – 写真
(ชะชิง) แปลว่า รูปถ่าย นึกถึงภาพ “เห็นรูปจนชาชิน” > ชาชิน > ชะชิง
6. สร้างสิ่งแวดล้อมของตนเองให้เป็นญี่ปุ่นมากที่สุด คอมพิวเตอร์ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างๆ โทรศัพท์มือถือ ถ้าเป็นไปได้
ให้เปลี่ยนเป็นภาษาญี่ปุ่นให้หมด ถ้ามีคาไหนที่ไม่ เข้าใจก็ให้เปิดค้นหาความหมายเอา นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับที่
อยากจะแนะนาอีกอย่างคือ เขียนคาศัพท์แปะไว้บน สิ่งของต่างๆในบ้านเลย ถ้าเราได้เห็นมันอยู่ทุกวันๆ รับรองว่าต้อง
จาได้อย่างแน่นอน
7. อ่านแค่หนังสือ ไม่พอสาหรับการเรียนรู้ หนังสือเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเรียนเท่านั้น บนโลกนี้มีสื่อการเรียนรู้อีก
มากมายนอกจากในหนังสือ เช่น หาเพลง ญี่ปุ่นมาฟังแล้วทาความเข้าใจความหมาย หาหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นมาดู แต่
อย่ามัวแต่อ่านซับไตเติ้ลนะ ไม่งั้นก็ไม่มี ประโยชน์อะไร ให้ใช้หูคอยฟังภาษาญี่ปุ่นไปด้วย เวลาที่เราเจอคาศัพท์ที่รู้จัก
จากในหนังหรือการ์ตูน มันรู้สึกภูมิใจ อย่างบอกไม่ถูกเลย
8. สงสัยตรงไหนให้หาคาตอบเดี๋ยวนั้นเลย สมมติว่ากาลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ แล้วอยู่ดีๆเกิดนึกแวบเข้ามาในหัวว่า “คา
นี้ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าอะไรนะ รู้สึกคุ้นๆจัง”
4
- 4. 4
ถ้าเป็นแบบนี้อย่าปล่อยผ่านครับ ให้เปิดหาคาตอบของความสงสัยเดี๋ยวนั้นเลย แล้วคาตอบของความสงสัยนั้นมันจะ
จาฝังหัวเราอัตโนมัติเลยละ
9. ทบทวนให้มากที่สุด Herman Ebbinghaus ได้ทาการทดสอบความจาหลังการเรียนรู้คาที่ไม่มีความหมายใน
ช่วงเวลาที่ต่างๆกัน พบว่า คนเราจะจาได้100%ในช่วงเริ่มต้น เมื่อเวลาผ่านไป20นาที ความจาจะเหลือ60% 1ชั่วโมง
ผ่านไปจะจาได้50% 9 ชั่วโมงผ่านไปจะจาได้40% และภายใน1วัน ความจาจะเหลือประมาณ30%
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ให้ผู้เรียนเริ่มการศึกษาตัวอักษร ฮิระกะนะ จากนั้นให้ผู้ที่จะศึกษาภาษาญี่ปุ่นเริ่มตัวอักษร และ
ฟังซีดีที่มาพร้อมกับหนังสือ มินนะ โนะ นิฮงโกะ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1.หนังสือ มินนะ โนะ นิฮงโกะ เล่มที่ 1-2
2.สมุดจด ดินสอ ปากกา
3. คอมพิวเตอร์ และหูฟัง
งบประมาณ
ประมาณ 640.- (ค่าหนังสือ มินนะ โนะ นิฮงโกะ)
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดั
บ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน