SlideShare a Scribd company logo
ใบความรู้ ที 2.3 เทคโนโลยีการรับส่ งข้ อมูลในเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
        ตัวกลางหรื อสายเชื อมโยง เป็ นส่ วนทีทําให้เกิดการเชื อมต่อระหว่างอุปกรณ์ ต่างๆ เข้าด้วยกัน
และอุปกรณ์นียอมให้ข่าวสารข้อมูลเดินทางผ่าน จากผูส่งไปสู่ ผรับ สื อกลางทีใช้ในการสื อสารข้อมูลมี
                                                      ้        ู้
   ่
อยูหลายประเภท แต่ละประเภทมความแตกต่างกันในด้านของปริ มาณข้อมูล ทีสื อกลางนัน ๆ สามารถ
นําผ่านไปได้ในเวลาขณะใดขณะหนึ ง การวัดปริ มาณหรื อความจุในการนําข้อมูลหรื อ ทีเรี ยกกันว่า
แบบด์วิดท์ (bandwidth) มีหน่วยเป็ นจํานวนบิตข้อมูลต่อวินาที (bit per second : bps) ลักษณะของ
ตัวกลางต่างๆ มีดงต่อไปนี
                ั

สื อกลางประเภทมีสาย
                                                                  ่
         เช่น สายโทรศัพท์ เคเบิลใยแก้วนําแสง เป็ นต้น สื อทีจัดอยูในการสื อสารแบบมีสายทีนิ ยมใช้ใน
ปั จจุบน ได้แก่
       ั
         1. สายทองแดงแบบไม่ ห้ ุมฉนวน (Unshield Twisted Pair)
                               ั                           ั
         มีราคาถูกและนิยมใช้กนมากทีสุ ด ส่ วนใหญ่มกใช้กบระบบโทรศัพท์ แต่สายแบบนีมักจะถูก
                                                     ั
รบกวนได้ง่าย และไม่ค่อยทนทาน




        2. สายทองแดงแบบหุ้มฉนวน (Shield Twisted Pair)
        มีลกษณะเป็ นสองเส้น มีแนวแล้วบิดเป็ นเกลียวเข้าด้วยกันเพือลดเสี ยงรบกวน มีฉนวนหุ ้มรอบ
           ั
นอก มีราคาถูก ติดตังง่าย นําหนักเบาและ การรบกวนทางไฟฟ้ าตํา สายโทรศัพท์จดเป็ นสายคู่บิดเกลียว
                                                                            ั
แบบหุ มฉนวน
      ้




วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                              พีรญา ดุนขุนทด
3. สายโคแอคเชี ยล (Coaxial)
          สายแบบนี จะประกอบด้วยตัวนําที ใช้ในการส่ งข้อมูลเส้ นหนึ งอยู่ตรงกลางอี กเส้ นหนึ งเป็ น
สายดิน ระหว่างตัวนําสองเส้นนีจะมีฉนวนพลาสติก กันสายโคแอคเชี ยลแบบหนาจะส่ งข้อมูลได้ไกล
หว่าแบบบางแต่มีราคาแพงและติดตังได้ยากกว่า
          สายเคเบิลแบบโคแอกเชี ยลหรื อเรี ยกสัน ๆ ว่า "สายโคแอก" จะเป็ นสายสื อสารทีมีคุณภาพที
กว่าและราคาแพงกว่า สายเกลียวคู่ ส่ วนของสายส่ งข้อมูลจะอยูตรงกลางเป็ นลวดทองแดงมีชนของตัว
                                                              ่                          ั
เหนี ยวนําหุ ้มอยู่ 2 ชัน ชันในเป็ นฟั นเกลียวหรื อชันแข็ง ชันนอกเป็ นฟั นเกลียว และคันระหว่างชัน
ด้วยฉนวนหนา เปลือกชันนอกสุ ดเป็ นฉนวน สายโคแอกสามารถม้วนโค้งงอได้ง่าย มี 2 แบบ
คือ 75 โอมห์ และ 50 โอมห์ ขนาดของสายมีตงแต่ 0.4 - 1.0 นิ ว ชันตัวเหนี ยวนําทําหน้าทีป้ องกัน
                                                  ั
การสู ญเสี ยพลังงานจากแผ่รังสี เปลือกฉนวนหนาทําให้สายโคแอกมีความคงทนสามารถฝังเดินสายใต้
พืนดินได้ นอกจากนันสาย โคแอกยังช่วยป้ องกัน "การสะท้อนกลับ" (Echo) ของเสี ยงได้อีกด้วยและ
ลดการ รบกวนจากภายนอกได้ดีเช่นกัน
          สายโคแอกสามารถส่ งสัญญาณได้ ทังในช่องทางแบบเบสแบนด์และแบบบรอดแบนด์ การส่ ง
สัญญาณในเบสแบนด์สามารถทําได้เพียง 1 ช่องทางและเป็ นแบบครึ งดูเพล็กซ์ แต่ในส่ วนของการส่ ง
สัญญาณ ในบรอดแบนด์จะเป็ นเช่นเดียวกับสายเคเบิลทีวี คือสามารถส่ งได้พร้อมกันหลายช่องทาง ทัง
ข้อ มู ล แบบดิ จิ ต อลและแบบอนาล็ อ ก สายโคแอกของเบสแบนด์ ส ามารถส่ ง สั ญ ญาณได้ไ กล
ถึง 2 กม. ในขณะทีบรอดแบนด์ส่งได้ไกลกว่าถึง 6 เท่า โดยไม่ตองเครื องทบทวน หรื อเครื องขยาย
                                                                 ้
สัญญาณเลย ถ้าอาศัยหลักการมัลติ เพล็กซ์ สัญญาณแบบ FDM สายโคแอกสามารถมี ช่องทาง
(เสี ยง) ได้ถึง 10,000 ช่องทางในเวลาเดียวกัน อัตราเร็ วในการส่ งข้อมูลมีได้สูงถึง 50 เมกะบิตต่อ
วินาที หรื อ 800 เมกะบิตต่อวินาที ถ้าใช้เครื องทบทวนสัญญาณทุก ๆ 1.6 กม. ตัวอย่างการใช้สายโค
                                    ั
แอกในการส่ งสัญญาณข้อมูลที ใช้กนมากในปั จจุบน คือสายเคเบิ ลที วี และสายโทรศัพท์ทางไกล
                                                    ั
(อนาล็อก) สายส่ งข้อมูลในระบบเครื อข่ายท้องถิน หรื อ LAN (ดิจิตอล) หรื อใช้ในการเชื อมโยงสัน ๆ
ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์




         4. ใยแก้ วนําแสง (Optic Fiber)
         ทําจากแก้วหรื อพลาสติกมีลกษณะเป็ นเส้นบางๆ คล้าย เส้นใยแก้วจะทําตัวเป็ นสื อในการส่ ง
                                    ั
แสงเลเซอร์ ทีมีความเร็ วในการส่ งสัญญาณเท่ากับ ความเร็ วของแสง
         หลักการทัวไปของการสื อสารในสายไฟเบอร์ ออปติกคือการเปลียนสัญญาณ (ข้อมูล) ไฟฟ้ าให้
เป็ นคลืนแสงก่อน จากนันจึงส่ งออกไปเป็ นพัลส์ ของแสง ผ่านสายไฟเบอร์ ออปติกสายไฟเบอร์ ออปติก


วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                             พีรญา ดุนขุนทด
ทําจากแก้วหรื อพลาสติกสามารถส่ งลําแสง ผ่านสายได้ทีละหลาย ๆ ลําแสงด้วยมุมทีต่างกัน ลําแสงที
ส่ งออกไปเป็ นพัลส์นนจะสะท้อนกลับไปมาทีผิวของสายชันในจนถึงปลายทาง
                     ั
            จากสัญญาณข้อมูลซึ งอาจจะเป็ นสัญญาณอนาล็อกหรื อดิจิตอล จะผ่านอุปกรณ์ ทีทําหน้าที
มอดู เ ลตสั ญ ญาณเสี ย ก่ อ น จากนันจะส่ ง สั ญ ญาณมอดู เลต ผ่า นตัว ไดโอดซึ งมี 2 ชนิ ด
คือ LED ไดโอด (light Emitting Diode) และเลเซอร์ ไดโอด หรื อ ILD ไดโอด (Injection Leser
Diode) ไดโอดจะมี หน้าที เปลี ยนสัญญาณมอดู เลตให้เป็ นลําแสงเลเซอร์ ซึงเป็ นคลื นแสงในย่านที
มองเห็นได้ หรื อเป็ นลําแสงในย่านอินฟราเรดซึ งไม่สามารถมองเห็นได้ ความถีย่านอินฟราเรดทีใช้จะ
    ่
อยูในช่วง 1014-1015 เฮิรตซ์ ลําแสงจะถูกส่ งออกไปตามสายไฟเบอร์ ออปติก เมือถึงปลายทางก็จะมี
ตัวโฟโต้ไดโอด (Photo Diode) ทีทําหน้าทีรับลําแสงทีถูกส่ งมาเพือเปลียนสัญญาณแสงให้กลับไปเป็ น
สัญญาณมอดูเลตตามเดิ ม จากนันก็จะส่ งสัญญาณผ่านเข้าอุปกรณ์ ดีมอดูเลต เพือทําการดี มอดูเลต
สัญญาณมอดูเลตให้เหลือแต่สัญญาณข้อมูลทีต้องการ
          สายไฟเบอร์ ออปติกสามารถมีแบนด์วดท์ (BW) ได้กว้างถึง 3 จิกะเฮิรตซ์ (1 จิกะ = 109) และ
                                              ิ
มีอตราเร็ วในการส่ งข้อมูลได้ถึง 1 จิกะบิต ต่อวินาที ภายในระยะทาง 100 กม. โดยไม่ตองการเครื อง
      ั                                                                            ้
ทบทวนสั ญ ญาณเลย สายไฟเบอร์ อ อปติ ก สามารถมี ช่ อ งทางสื อสารได้ ม ากถึ ง 20,000-
60,000 ช่องทาง สําหรับการส่ งข้อมูลในระยะทางไกล ๆ ไม่เกิน 10 กม. จะสามารถมีช่องทางได้มาก
ถึง 100,000 ช่องทางทีเดียว




        ข้ อดีของใยแก้ วนําแสดงคือ
        1. ป้ องกันการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้ าได้มาก
        2. ส่ งข้อมูลได้ระยะไกลโดยไม่ตองมีตวขยายสัญญาณ
                                          ้   ั
        3. การดักสัญญาณทําได้ยาก ข้อมูลจึงมีความปลอดภัยมากกว่าสายส่ งแบบอืน
        4. ส่ งข้อมูลได้ดวยความเร็ วสู งและสามารถส่ งได้มาก ขนาดของสายเล็กและนําหนักเบา
                         ้



วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                          พีรญา ดุนขุนทด
สื อกลางประเภทไม่ มีสาย
         ระบบไมโครเวฟ (Microwave System)
        การส่ งสัญญาณข้อมูลไปกลับคลืนไมโครเวฟเป็ นการส่ งสัญญาณข้อมูลแบบรับช่วงต่อๆ กันจาก
หอ (สถานี) ส่ ง-รับสัญญาณหนึงไปยังอีกหอหนึง แต่ละหาจะครอบคลุมพืนทีรับสัญญาณประมาณ 30-
50 กม. ระยะห่างของแต่ละหอคํานวณง่าย ๆ ได้จาก
สู ตร
           d = 7.14 (1.33h)1/2 กม.
      เมือ d = ระยะห่างระหว่างหอ h = ความสู งของหอ




                                               ั
           การส่ งสัญญาณข้อมูลไมโครเวฟมักใช้กนในกรณี ทีการติดตังสายเคเบิลทําได้ไม่สะดวก เช่ น
ในเขตเมืองใหญ่ ๆ หรื อในเขตทีป่ าเขา แต่ละสถานี ไมโครเวฟจะติดตังจานส่ ง-รับสัญญาณข้อมูล ซึ งมี
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ฟุต สัญญาณไมโครเวฟเป็ นคลืนย่านความถีสู ง (2-10 จิกะเฮิรตซ์) เพือ
ป้ องกันการแทรกหรื อรบกวนจากสัญญาณอืน ๆ แต่สัญญาณอาจจะอ่อนลง หรื อหักเหได้ในทีมีอากาศ
ร้อนจัด พายุหรื อฝน ดังนันการติดตังจาน ส่ ง-รับสัญญาณจึงต้องให้หนหน้าของจานตรงกัน และหอยิง
                                                                 ั
สู งยิงส่ งสัญญาณได้ไกล
           ปั จจุบนมีการใช้การส่ งสัญญาณข้อมูลทางไมโครเวฟกันอย่างแพร่ หลาย สําหรับการสื อสาร
                  ั
ข้อมูลในระยะทางไกล ๆ หรื อระหว่างอาคาร โดยเฉพาะในกรณี ทีไม่สะดวกทีจะใช้สายไฟเบอร์ ออ
ปติก หรื อการสื อสารดาวเทียม อีกทังไมโครเวฟยังมีราคาถูกกว่า และติดตังได้ง่ายกว่า และสามารถ
ส่ งข้อมูลได้คราวละมาก ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามปั จจัยสําคัญทีทําให้สือกลางไมโครเวฟเป็ นทีนิ ยม คือ
ราคาทีถูกกว่า

วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                          พีรญา ดุนขุนทด
การสื อสารด้ วยดาวเทียม (Satellite Transmission)
           ทีจริ งดาวเทียมก็คือสถานี ไมโครเวฟลอยฟ้ านันเอง ซึ งทําหน้าทีขยายและทบทวนสัญญาณ
                                                          ่
ข้อมูล รับและส่ งสัญญาณข้อมูลกับสถานี ดาวเทียม ทีอยูบนพืนโลก สถานี ดาวเทียมภาคพืนจะทําการ
ส่ งสัญญาณข้อมูล ไปยังดาวเทียมซึ งจะหมุนไปตามการหมุนของโลกซึ งมีตาแหน่ งคงทีเมือเทียมกับ
                                                                          ํ
                                                        ่
ตําแหน่งบนพืนโลก ดาวเทียมจะถูกส่ งขึนไปให้ลอยอยูสูงจากพืนโลกประมาณ 23,300 กม. เครื อง
                                                                                    ํ
ทบทวนสัญญาณของดาวเทียม (Transponder) จะรับสัญญาณข้อมูลจากสถานี ภาคพืนซึ งมีกาลังอ่อนลง
มากแล้วมาขยาย จากนันจะทําการทบทวนสัญญาณ และตรวจสอบตําแหน่งของสถานี ปลายทาง แล้ว
จึงส่ งสัญญาณข้อมูลไปด้วยความถีในอีกความถีหนึงลงไปยังสถานีปลายทาง การส่ งสัญญาณข้อมูลขึน
ไปยังดาวเทียมเรี ยกว่า "สัญญาณอัปลิ งก์" (Up-link) และการส่ งสัญญาณข้อมูลกลับลงมายังพืนโลก
เรี ยกว่า "สัญญาณ ดาวน์-ลิงก์ (Down-link)
           ลักษณะของการรับส่ งสัญญาณข้อมูลอาจจะเป็ นแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) หรื อแบบแพร่
สัญญาณ (Broadcast) สถานี ดาวเทียม 1 ดวง สามารถมีเครื องทบทวนสัญญาณดาวเทียมได้ถึง 25
เครื อง และสามารถครอบคลุมพืนทีการส่ งสัญญาณได้ถึง 1 ใน 3 ของพืนผิวโลก ดังนันถ้าจะส่ ง
สัญญาณข้อมูลให้ได้รอบโลกสามารถทําได้โดยการส่ งสัญญาณผ่านสถานีดาวเทียมเพียง 3 ดวงเท่านัน




                                                                 ่    ั
    ระหว่างสถานี ดาวเทียม 2 ดวง ทีใช้ความถีของสัญญาณเท่ากันถ้าอยูใกล้กนเกินไปอาจจะทําให้
เกิดการรบกวนสัญญาณ ซึ งกันและกันได้ เพือหลีกเลียงการรบกวน หรื อชนกันของสัญญาณดาวเทียม
จึงได้มีการกําหนดมาตรฐานระยะห่างของสถานีดาวเทียม และย่านความถีของสัญญาณดังนี

วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                          พีรญา ดุนขุนทด
1. ระยะห่ างกัน 4 องศา (วัดมุ มเที ยงกับจุ ดศูนย์กลางของโลก) ให้ใช้ย่านความถี ของ
สัญญาณ 4/6 จิกะเฮิรตซ์ หรื อย่าน C แบนด์โดยมีแบนด์วิดท์ของสัญญาณอัป-ลิงก์เท่ากับ 5.925-6.425
จิกะเฮิรตซ์ และมีแบนด์วดท์ของสัญญาณดาวน์-ลิงก์เท่ากับ 3.7-4.2 จิกะเฮิรตซ์
                              ิ
           2. ระยะห่ างกัน 3 องศา ให้ใช้ย่านความถีของสัญญาณ 12/14 จิกะเฮิรตซ์ หรื อย่าน KU
แบนด์ โดยมีแบนด์วิดท์ของสัญญาณอัป-ลิ งก์เท่ากับ 14.0-14.5 จิกะเฮิรตซ์ และมีแบนด์วิดท์ของ
สัญญาณดาวน์-ลิงก์เท่ากับ 11.7-12.2 จิกะเฮิรตซ์
            นอกจากนี สภาพอากาศ เช่ น ฝนหรื อพายุ ก็สามารถทําให้สัญญาณผิดเพียนไปได้เช่ นกัน
สํ า ห รั บ ก า ร ส่ ง สั ญ ญ า ณ ข้ อ มู ล นั น ใ น แ ต่ ล ะ เ ค รื อ ง ท บ ท ว น สั ญ ญ า ณ จ ะ มี แ บ น ด์ วิ ด ท์
เท่ากับ 36 เมกะเฮิรตซ์ และมีอตราเร็ วการส่ งข้อมูลสู งสุ ดเท่ากับ 50 เมกะบิตต่อวินาที
                                     ั
            ข้ อเสี ย ของการส่ งสัญญาณข้อมูลทางดาวเทียมคือ สัญญาณข้อมูลสามารถถูกรบกวนจาก
สัญญาณภาคพืนอืน ๆ ได้ อีกทังยังมีเวลาประวิง(Delay Time) ในการส่ งสัญญาณเนื องจากระยะทาง
ขึน-ลง ของสัญญาณ และทีสําคัญคือ มีราคาสู งในการลงทุนทําให้ค่าบริ การสู งตามขึนมาเช่นกัน

ประโยชน์ ของเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
         1. การแลกเปลียนข้ อมูลทําได้ ง่าย
          โดยผูใช้ในเครื อข่ายสามารถทีจะดึ งข้อมูลจากส่ วนกลาง หรื อข้อมูลจากผูใช้คนอืนมาใช้ได้
                 ้                                                                 ้
อย่างรวดเร็ วและง่ายดาย เหมือนกับการดึงข้อมูลมาใช้จากเครื องของตนเอง และนอกจากดึงไฟล์ขอมูล        ้
มาใช้แล้ว ยังสามารถคัดลอกไฟล์ไปให้ผอืนได้อีกด้วย
                                          ู้
         2. ใช้ ทรัพยากรร่ วมกันได้
         อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทีเชือมต่อกับเครื อข่ายนัน ถือว่าเป็ นทรัพยากรส่ วนกลางทีผูใช้ในเครื อข่าย
                                                                                       ้
ทุกคน สามารถใช้ได้โดยการสังงานจากเครื องคอมพิวเตอร์ ของ ตัวเองผ่านเครื อข่ายไปยังอุปกรณ์นน           ั
เช่น มีเครื องพิมพ์ส่วนกลางในเครื อข่าย เป็ นต้น ซึ งทําให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดวย
                                                                                ้
         2. ใช้ โปรแกรมร่ วมกัน
         ผูใช้ในเครื อข่ายสามารถทีจะรันโปรแกรมจาก เครื องคอมพิวเตอร์ ส่วนกลาง เช่ น โปรแกรม
            ้
Word, Excel, Power Point ได้ โดยไม่จาเป็ นจะต้องจัดซื อโปรแกรม สําหรับคอมพิวเตอร์ ทุกเครื อง เป็ น
                                        ํ
การประหยัดงบประมาณในการจัดซือ และยังประหยัดเนือทีในหน่วยความจําด้วย
         3. ทํางานประสานกันเป็ นอย่ างดี
         ก่อนทีเครื อข่ายจะเป็ นทีนิยม องค์กรส่ วนใหญ่จะใช้คอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม หรื อ
มินิคอมพิวเตอร์ ในการจัดการงาน และข้อมูลทุกอย่างในองค์กร แต่ปัจจุบนองค์กรสามารถกระจายงาน
                                                                           ั
              ั
ต่าง ๆ ให้กบหลาย ๆ เครื อง แล้วทํางานประสานกัน เช่น การใช้เครื อข่ายในการจัดการระบบงานขาย
โดยให้เครื องหนึงทําหน้าทีจัดการการเกียวกับใบสังซื อ อีกเครื องหนึงจัดการกับระบบสิ นค้าคงคลัง เป็ น
ต้น
วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                                              พีรญา ดุนขุนทด
4. ติดต่ อสื อสารสะดวก รวดเร็ว
         เครื อข่ายนับว่าเป็ นเครื องมือทีใช้ในการติดต่อสื อสาร ได้เป็ นอย่างดี ผูใช้สามารถแลกเปลียน
                                                                                  ้
                                ่
ข้อมูล กับเพือนร่ วมงานทีอยูคนละที ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ ว
         6. เรียกข้ อมูลจากบ้ านได้
         เครื อข่า ยในปั จจุ บนมักจะมี การติ ดตังคอมพิวเตอร์ เครื องหนึ งเป็ นเซิ ร์ฟเวอร์ เพื อให้ผูใ ช้
                              ั                                                                      ้
สามารถเข้าใช้เครื อข่ายจากระยะไกล เช่น จากทีบ้าน โดยใช้ติดตังโมเด็มเพือใช้หมุนโทรศัพท์เชื อมต่อ
เข้ากับเครื องเซิ ร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์ เครื องนันก็จะเป็ นส่ วนหนึงของเครื อข่าย




ข้อมูลอ้างอิง:
http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_network2.htm
http://www.chakkham.ac.th/technology/network/equ.html




วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2                                                                   พีรญา ดุนขุนทด

More Related Content

What's hot

ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์jansaowapa
 
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ตบทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
Wanphen Wirojcharoenwong
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
Narathip Limkul
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์kru P
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1Nattapon
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
apisak smutpha
 
Utp
UtpUtp
ใบความรู้ที่ 3
ใบความรู้ที่ 3ใบความรู้ที่ 3
ใบความรู้ที่ 3Nattapon
 
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูลบทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูลNattapon
 
ระบบอินเตอร์เน็ต
ระบบอินเตอร์เน็ตระบบอินเตอร์เน็ต
ระบบอินเตอร์เน็ต
Wanphen Wirojcharoenwong
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ARAM Narapol
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
Wanphen Wirojcharoenwong
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลsawalee kongyuen
 
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407Pitchayut Wongsriphuak
 
การสื่อสารข้อมูล!!
การสื่อสารข้อมูล!!การสื่อสารข้อมูล!!
การสื่อสารข้อมูล!!Nattha Nganpakamongkhol
 
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
Worawut Thongchan
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
Nipat Deenan
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ดุลยวัต วิไลพันธุ์
 

What's hot (19)

ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ใบความรุ้ 2 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ตบทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและอินเตอร์เน็ต
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1
 
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
 
Utp
UtpUtp
Utp
 
ใบความรู้ที่ 3
ใบความรู้ที่ 3ใบความรู้ที่ 3
ใบความรู้ที่ 3
 
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูลบทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล
บทที่ 3 การสื่อสารข้อมูล
 
ระบบอินเตอร์เน็ต
ระบบอินเตอร์เน็ตระบบอินเตอร์เน็ต
ระบบอินเตอร์เน็ต
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล
 
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407
คลื่นวิทยุ(กฤตัชญ์ หัตถกร)407
 
การสื่อสารข้อมูล!!
การสื่อสารข้อมูล!!การสื่อสารข้อมูล!!
การสื่อสารข้อมูล!!
 
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
พื้นฐานระบบโทรคมนาคม(Basic telecommunications)
 
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การสื่อสารและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
Unit3
Unit3Unit3
Unit3
 

Viewers also liked

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยีหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
lukhamhan school
 
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสารช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
Paksorn Runlert
 
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)Puangkaew Kingkaew
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
Por Oraya
 
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศเทวัญ ภูพานทอง
 
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์Piyanoot Ch
 
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3พงศธร ภักดี
 
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
Praphaphun Kaewmuan
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ปิยะดนัย วิเคียน
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
อรยา ม่วงมนตรี
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันChaiwit Khempanya
 
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ตแผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ตRungdawan Rungrattanachai
 

Viewers also liked (13)

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยีหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ระบบเทคโนโลยี
 
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสารช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
ช่องทางสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสาร
 
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)
ใบความรู้เรื่อง การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (1)
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูล และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ
 
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทที่2เรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3
แผนการสอน ระบบเครือข่าย ม.3
 
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
ใบความรู้เรื่อง ข้อมูลและสารสนเทศ
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
หน่วยที่ 2 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2
 
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวันเทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีสารสนเทศกับชีวิตประจำวัน
 
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ตแผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ต
แผนการจัดการเรียนรู้อินเตอร์เน็ต
 
แผนการสอนคอมพิวเตอร์ ม.1-3
แผนการสอนคอมพิวเตอร์ ม.1-3แผนการสอนคอมพิวเตอร์ ม.1-3
แผนการสอนคอมพิวเตอร์ ม.1-3
 

Similar to 2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Communication Concept 3
Communication Concept 3Communication Concept 3
Communication Concept 3
Jenchoke Tachagomain
 
Mindmap เลขที่ 13
Mindmap เลขที่ 13Mindmap เลขที่ 13
Mindmap เลขที่ 13mook_suju411
 
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารMrpopovic Popovic
 
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
supatra2011
 
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
Mrpopovic Popovic
 
งานนำเสนอ..
งานนำเสนอ..งานนำเสนอ..
งานนำเสนอ..Aekk Aphat
 
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลYmalte
 
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลwatnawong
 
Network
NetworkNetwork
Networksa
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ครูเพชร
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ครูเพชร
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ครูเพชร
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ครูเพชร
 
ใบความรู้ที่ 5 เพชร
ใบความรู้ที่ 5 เพชรใบความรู้ที่ 5 เพชร
ใบความรู้ที่ 5 เพชรครูเพชร
 
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407Aommy Arpajai
 
Ch4 communication and network
Ch4 communication and networkCh4 communication and network
Ch4 communication and networkNittaya Intarat
 
Comunication netw01 11
Comunication netw01 11Comunication netw01 11
Comunication netw01 11paween
 
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003Peerapas Trungtreechut
 
ใบงานที่ 2.2
ใบงานที่  2.2ใบงานที่  2.2
ใบงานที่ 2.2Meaw Sukee
 

Similar to 2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (20)

Communication Concept 3
Communication Concept 3Communication Concept 3
Communication Concept 3
 
Mindmap เลขที่ 13
Mindmap เลขที่ 13Mindmap เลขที่ 13
Mindmap เลขที่ 13
 
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 8 ตัวกลางในการสื่อสาร
 
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
การสื่อสารและระบบเครือข่าย (Communication and Network)
 
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสารเทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
เทอม 1 คาบ 9 สื่อกลางในการสื่อสาร
 
งานนำเสนอ..
งานนำเสนอ..งานนำเสนอ..
งานนำเสนอ..
 
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล
 
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูลใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
ใบงานหน่วยที่ 2 ทิศทางการส่งและชนิดของสัญญาณข้อมูล
 
Network
NetworkNetwork
Network
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5
 
ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5ใบความรู้ที่ 5
ใบความรู้ที่ 5
 
ใบความรู้ที่ 5 เพชร
ใบความรู้ที่ 5 เพชรใบความรู้ที่ 5 เพชร
ใบความรู้ที่ 5 เพชร
 
4
44
4
 
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
 
Ch4 communication and network
Ch4 communication and networkCh4 communication and network
Ch4 communication and network
 
Comunication netw01 11
Comunication netw01 11Comunication netw01 11
Comunication netw01 11
 
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003คลื่น ไมโครเวฟ 2003
คลื่น ไมโครเวฟ 2003
 
ใบงานที่ 2.2
ใบงานที่  2.2ใบงานที่  2.2
ใบงานที่ 2.2
 

More from Meaw Sukee

Pix2
Pix2Pix2
Pix
PixPix
Report
ReportReport
Report
Meaw Sukee
 
Google classroom
Google classroomGoogle classroom
Google classroom
Meaw Sukee
 
Plan10
Plan10Plan10
Plan10
Meaw Sukee
 
Plan9
Plan9Plan9
Plan9
Meaw Sukee
 
Plan
PlanPlan
Edit
EditEdit
Problem
ProblemProblem
Problem
Meaw Sukee
 
Peeraya
PeerayaPeeraya
Peeraya
Meaw Sukee
 
ตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่มตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่ม
Meaw Sukee
 
Training_edmodo
Training_edmodoTraining_edmodo
Training_edmodoMeaw Sukee
 

More from Meaw Sukee (20)

Pix2
Pix2Pix2
Pix2
 
Pix
PixPix
Pix
 
Report
ReportReport
Report
 
Google classroom
Google classroomGoogle classroom
Google classroom
 
Plan10
Plan10Plan10
Plan10
 
Plan9
Plan9Plan9
Plan9
 
Plan
PlanPlan
Plan
 
Edit
EditEdit
Edit
 
Problem
ProblemProblem
Problem
 
Peeraya
PeerayaPeeraya
Peeraya
 
ตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่มตัวอย่างเล่ม
ตัวอย่างเล่ม
 
Cal 190856
Cal 190856Cal 190856
Cal 190856
 
Total pub
Total pubTotal pub
Total pub
 
Public
PublicPublic
Public
 
Total pub
Total pubTotal pub
Total pub
 
Bro
BroBro
Bro
 
Training_edmodo
Training_edmodoTraining_edmodo
Training_edmodo
 
Frame
FrameFrame
Frame
 
Frame
FrameFrame
Frame
 
Table
TableTable
Table
 

Recently uploaded

1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
Prachyanun Nilsook
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 

Recently uploaded (10)

1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 

2.3 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  • 1. ใบความรู้ ที 2.3 เทคโนโลยีการรับส่ งข้ อมูลในเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ ตัวกลางหรื อสายเชื อมโยง เป็ นส่ วนทีทําให้เกิดการเชื อมต่อระหว่างอุปกรณ์ ต่างๆ เข้าด้วยกัน และอุปกรณ์นียอมให้ข่าวสารข้อมูลเดินทางผ่าน จากผูส่งไปสู่ ผรับ สื อกลางทีใช้ในการสื อสารข้อมูลมี ้ ู้ ่ อยูหลายประเภท แต่ละประเภทมความแตกต่างกันในด้านของปริ มาณข้อมูล ทีสื อกลางนัน ๆ สามารถ นําผ่านไปได้ในเวลาขณะใดขณะหนึ ง การวัดปริ มาณหรื อความจุในการนําข้อมูลหรื อ ทีเรี ยกกันว่า แบบด์วิดท์ (bandwidth) มีหน่วยเป็ นจํานวนบิตข้อมูลต่อวินาที (bit per second : bps) ลักษณะของ ตัวกลางต่างๆ มีดงต่อไปนี ั สื อกลางประเภทมีสาย ่ เช่น สายโทรศัพท์ เคเบิลใยแก้วนําแสง เป็ นต้น สื อทีจัดอยูในการสื อสารแบบมีสายทีนิ ยมใช้ใน ปั จจุบน ได้แก่ ั 1. สายทองแดงแบบไม่ ห้ ุมฉนวน (Unshield Twisted Pair) ั ั มีราคาถูกและนิยมใช้กนมากทีสุ ด ส่ วนใหญ่มกใช้กบระบบโทรศัพท์ แต่สายแบบนีมักจะถูก ั รบกวนได้ง่าย และไม่ค่อยทนทาน 2. สายทองแดงแบบหุ้มฉนวน (Shield Twisted Pair) มีลกษณะเป็ นสองเส้น มีแนวแล้วบิดเป็ นเกลียวเข้าด้วยกันเพือลดเสี ยงรบกวน มีฉนวนหุ ้มรอบ ั นอก มีราคาถูก ติดตังง่าย นําหนักเบาและ การรบกวนทางไฟฟ้ าตํา สายโทรศัพท์จดเป็ นสายคู่บิดเกลียว ั แบบหุ มฉนวน ้ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 2. 3. สายโคแอคเชี ยล (Coaxial) สายแบบนี จะประกอบด้วยตัวนําที ใช้ในการส่ งข้อมูลเส้ นหนึ งอยู่ตรงกลางอี กเส้ นหนึ งเป็ น สายดิน ระหว่างตัวนําสองเส้นนีจะมีฉนวนพลาสติก กันสายโคแอคเชี ยลแบบหนาจะส่ งข้อมูลได้ไกล หว่าแบบบางแต่มีราคาแพงและติดตังได้ยากกว่า สายเคเบิลแบบโคแอกเชี ยลหรื อเรี ยกสัน ๆ ว่า "สายโคแอก" จะเป็ นสายสื อสารทีมีคุณภาพที กว่าและราคาแพงกว่า สายเกลียวคู่ ส่ วนของสายส่ งข้อมูลจะอยูตรงกลางเป็ นลวดทองแดงมีชนของตัว ่ ั เหนี ยวนําหุ ้มอยู่ 2 ชัน ชันในเป็ นฟั นเกลียวหรื อชันแข็ง ชันนอกเป็ นฟั นเกลียว และคันระหว่างชัน ด้วยฉนวนหนา เปลือกชันนอกสุ ดเป็ นฉนวน สายโคแอกสามารถม้วนโค้งงอได้ง่าย มี 2 แบบ คือ 75 โอมห์ และ 50 โอมห์ ขนาดของสายมีตงแต่ 0.4 - 1.0 นิ ว ชันตัวเหนี ยวนําทําหน้าทีป้ องกัน ั การสู ญเสี ยพลังงานจากแผ่รังสี เปลือกฉนวนหนาทําให้สายโคแอกมีความคงทนสามารถฝังเดินสายใต้ พืนดินได้ นอกจากนันสาย โคแอกยังช่วยป้ องกัน "การสะท้อนกลับ" (Echo) ของเสี ยงได้อีกด้วยและ ลดการ รบกวนจากภายนอกได้ดีเช่นกัน สายโคแอกสามารถส่ งสัญญาณได้ ทังในช่องทางแบบเบสแบนด์และแบบบรอดแบนด์ การส่ ง สัญญาณในเบสแบนด์สามารถทําได้เพียง 1 ช่องทางและเป็ นแบบครึ งดูเพล็กซ์ แต่ในส่ วนของการส่ ง สัญญาณ ในบรอดแบนด์จะเป็ นเช่นเดียวกับสายเคเบิลทีวี คือสามารถส่ งได้พร้อมกันหลายช่องทาง ทัง ข้อ มู ล แบบดิ จิ ต อลและแบบอนาล็ อ ก สายโคแอกของเบสแบนด์ ส ามารถส่ ง สั ญ ญาณได้ไ กล ถึง 2 กม. ในขณะทีบรอดแบนด์ส่งได้ไกลกว่าถึง 6 เท่า โดยไม่ตองเครื องทบทวน หรื อเครื องขยาย ้ สัญญาณเลย ถ้าอาศัยหลักการมัลติ เพล็กซ์ สัญญาณแบบ FDM สายโคแอกสามารถมี ช่องทาง (เสี ยง) ได้ถึง 10,000 ช่องทางในเวลาเดียวกัน อัตราเร็ วในการส่ งข้อมูลมีได้สูงถึง 50 เมกะบิตต่อ วินาที หรื อ 800 เมกะบิตต่อวินาที ถ้าใช้เครื องทบทวนสัญญาณทุก ๆ 1.6 กม. ตัวอย่างการใช้สายโค ั แอกในการส่ งสัญญาณข้อมูลที ใช้กนมากในปั จจุบน คือสายเคเบิ ลที วี และสายโทรศัพท์ทางไกล ั (อนาล็อก) สายส่ งข้อมูลในระบบเครื อข่ายท้องถิน หรื อ LAN (ดิจิตอล) หรื อใช้ในการเชื อมโยงสัน ๆ ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 4. ใยแก้ วนําแสง (Optic Fiber) ทําจากแก้วหรื อพลาสติกมีลกษณะเป็ นเส้นบางๆ คล้าย เส้นใยแก้วจะทําตัวเป็ นสื อในการส่ ง ั แสงเลเซอร์ ทีมีความเร็ วในการส่ งสัญญาณเท่ากับ ความเร็ วของแสง หลักการทัวไปของการสื อสารในสายไฟเบอร์ ออปติกคือการเปลียนสัญญาณ (ข้อมูล) ไฟฟ้ าให้ เป็ นคลืนแสงก่อน จากนันจึงส่ งออกไปเป็ นพัลส์ ของแสง ผ่านสายไฟเบอร์ ออปติกสายไฟเบอร์ ออปติก วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 3. ทําจากแก้วหรื อพลาสติกสามารถส่ งลําแสง ผ่านสายได้ทีละหลาย ๆ ลําแสงด้วยมุมทีต่างกัน ลําแสงที ส่ งออกไปเป็ นพัลส์นนจะสะท้อนกลับไปมาทีผิวของสายชันในจนถึงปลายทาง ั จากสัญญาณข้อมูลซึ งอาจจะเป็ นสัญญาณอนาล็อกหรื อดิจิตอล จะผ่านอุปกรณ์ ทีทําหน้าที มอดู เ ลตสั ญ ญาณเสี ย ก่ อ น จากนันจะส่ ง สั ญ ญาณมอดู เลต ผ่า นตัว ไดโอดซึ งมี 2 ชนิ ด คือ LED ไดโอด (light Emitting Diode) และเลเซอร์ ไดโอด หรื อ ILD ไดโอด (Injection Leser Diode) ไดโอดจะมี หน้าที เปลี ยนสัญญาณมอดู เลตให้เป็ นลําแสงเลเซอร์ ซึงเป็ นคลื นแสงในย่านที มองเห็นได้ หรื อเป็ นลําแสงในย่านอินฟราเรดซึ งไม่สามารถมองเห็นได้ ความถีย่านอินฟราเรดทีใช้จะ ่ อยูในช่วง 1014-1015 เฮิรตซ์ ลําแสงจะถูกส่ งออกไปตามสายไฟเบอร์ ออปติก เมือถึงปลายทางก็จะมี ตัวโฟโต้ไดโอด (Photo Diode) ทีทําหน้าทีรับลําแสงทีถูกส่ งมาเพือเปลียนสัญญาณแสงให้กลับไปเป็ น สัญญาณมอดูเลตตามเดิ ม จากนันก็จะส่ งสัญญาณผ่านเข้าอุปกรณ์ ดีมอดูเลต เพือทําการดี มอดูเลต สัญญาณมอดูเลตให้เหลือแต่สัญญาณข้อมูลทีต้องการ สายไฟเบอร์ ออปติกสามารถมีแบนด์วดท์ (BW) ได้กว้างถึง 3 จิกะเฮิรตซ์ (1 จิกะ = 109) และ ิ มีอตราเร็ วในการส่ งข้อมูลได้ถึง 1 จิกะบิต ต่อวินาที ภายในระยะทาง 100 กม. โดยไม่ตองการเครื อง ั ้ ทบทวนสั ญ ญาณเลย สายไฟเบอร์ อ อปติ ก สามารถมี ช่ อ งทางสื อสารได้ ม ากถึ ง 20,000- 60,000 ช่องทาง สําหรับการส่ งข้อมูลในระยะทางไกล ๆ ไม่เกิน 10 กม. จะสามารถมีช่องทางได้มาก ถึง 100,000 ช่องทางทีเดียว ข้ อดีของใยแก้ วนําแสดงคือ 1. ป้ องกันการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้ าได้มาก 2. ส่ งข้อมูลได้ระยะไกลโดยไม่ตองมีตวขยายสัญญาณ ้ ั 3. การดักสัญญาณทําได้ยาก ข้อมูลจึงมีความปลอดภัยมากกว่าสายส่ งแบบอืน 4. ส่ งข้อมูลได้ดวยความเร็ วสู งและสามารถส่ งได้มาก ขนาดของสายเล็กและนําหนักเบา ้ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 4. สื อกลางประเภทไม่ มีสาย ระบบไมโครเวฟ (Microwave System) การส่ งสัญญาณข้อมูลไปกลับคลืนไมโครเวฟเป็ นการส่ งสัญญาณข้อมูลแบบรับช่วงต่อๆ กันจาก หอ (สถานี) ส่ ง-รับสัญญาณหนึงไปยังอีกหอหนึง แต่ละหาจะครอบคลุมพืนทีรับสัญญาณประมาณ 30- 50 กม. ระยะห่างของแต่ละหอคํานวณง่าย ๆ ได้จาก สู ตร d = 7.14 (1.33h)1/2 กม. เมือ d = ระยะห่างระหว่างหอ h = ความสู งของหอ ั การส่ งสัญญาณข้อมูลไมโครเวฟมักใช้กนในกรณี ทีการติดตังสายเคเบิลทําได้ไม่สะดวก เช่ น ในเขตเมืองใหญ่ ๆ หรื อในเขตทีป่ าเขา แต่ละสถานี ไมโครเวฟจะติดตังจานส่ ง-รับสัญญาณข้อมูล ซึ งมี เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ฟุต สัญญาณไมโครเวฟเป็ นคลืนย่านความถีสู ง (2-10 จิกะเฮิรตซ์) เพือ ป้ องกันการแทรกหรื อรบกวนจากสัญญาณอืน ๆ แต่สัญญาณอาจจะอ่อนลง หรื อหักเหได้ในทีมีอากาศ ร้อนจัด พายุหรื อฝน ดังนันการติดตังจาน ส่ ง-รับสัญญาณจึงต้องให้หนหน้าของจานตรงกัน และหอยิง ั สู งยิงส่ งสัญญาณได้ไกล ปั จจุบนมีการใช้การส่ งสัญญาณข้อมูลทางไมโครเวฟกันอย่างแพร่ หลาย สําหรับการสื อสาร ั ข้อมูลในระยะทางไกล ๆ หรื อระหว่างอาคาร โดยเฉพาะในกรณี ทีไม่สะดวกทีจะใช้สายไฟเบอร์ ออ ปติก หรื อการสื อสารดาวเทียม อีกทังไมโครเวฟยังมีราคาถูกกว่า และติดตังได้ง่ายกว่า และสามารถ ส่ งข้อมูลได้คราวละมาก ๆ ด้วย อย่างไรก็ตามปั จจัยสําคัญทีทําให้สือกลางไมโครเวฟเป็ นทีนิ ยม คือ ราคาทีถูกกว่า วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 5. การสื อสารด้ วยดาวเทียม (Satellite Transmission) ทีจริ งดาวเทียมก็คือสถานี ไมโครเวฟลอยฟ้ านันเอง ซึ งทําหน้าทีขยายและทบทวนสัญญาณ ่ ข้อมูล รับและส่ งสัญญาณข้อมูลกับสถานี ดาวเทียม ทีอยูบนพืนโลก สถานี ดาวเทียมภาคพืนจะทําการ ส่ งสัญญาณข้อมูล ไปยังดาวเทียมซึ งจะหมุนไปตามการหมุนของโลกซึ งมีตาแหน่ งคงทีเมือเทียมกับ ํ ่ ตําแหน่งบนพืนโลก ดาวเทียมจะถูกส่ งขึนไปให้ลอยอยูสูงจากพืนโลกประมาณ 23,300 กม. เครื อง ํ ทบทวนสัญญาณของดาวเทียม (Transponder) จะรับสัญญาณข้อมูลจากสถานี ภาคพืนซึ งมีกาลังอ่อนลง มากแล้วมาขยาย จากนันจะทําการทบทวนสัญญาณ และตรวจสอบตําแหน่งของสถานี ปลายทาง แล้ว จึงส่ งสัญญาณข้อมูลไปด้วยความถีในอีกความถีหนึงลงไปยังสถานีปลายทาง การส่ งสัญญาณข้อมูลขึน ไปยังดาวเทียมเรี ยกว่า "สัญญาณอัปลิ งก์" (Up-link) และการส่ งสัญญาณข้อมูลกลับลงมายังพืนโลก เรี ยกว่า "สัญญาณ ดาวน์-ลิงก์ (Down-link) ลักษณะของการรับส่ งสัญญาณข้อมูลอาจจะเป็ นแบบจุดต่อจุด (Point-to-Point) หรื อแบบแพร่ สัญญาณ (Broadcast) สถานี ดาวเทียม 1 ดวง สามารถมีเครื องทบทวนสัญญาณดาวเทียมได้ถึง 25 เครื อง และสามารถครอบคลุมพืนทีการส่ งสัญญาณได้ถึง 1 ใน 3 ของพืนผิวโลก ดังนันถ้าจะส่ ง สัญญาณข้อมูลให้ได้รอบโลกสามารถทําได้โดยการส่ งสัญญาณผ่านสถานีดาวเทียมเพียง 3 ดวงเท่านัน ่ ั ระหว่างสถานี ดาวเทียม 2 ดวง ทีใช้ความถีของสัญญาณเท่ากันถ้าอยูใกล้กนเกินไปอาจจะทําให้ เกิดการรบกวนสัญญาณ ซึ งกันและกันได้ เพือหลีกเลียงการรบกวน หรื อชนกันของสัญญาณดาวเทียม จึงได้มีการกําหนดมาตรฐานระยะห่างของสถานีดาวเทียม และย่านความถีของสัญญาณดังนี วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 6. 1. ระยะห่ างกัน 4 องศา (วัดมุ มเที ยงกับจุ ดศูนย์กลางของโลก) ให้ใช้ย่านความถี ของ สัญญาณ 4/6 จิกะเฮิรตซ์ หรื อย่าน C แบนด์โดยมีแบนด์วิดท์ของสัญญาณอัป-ลิงก์เท่ากับ 5.925-6.425 จิกะเฮิรตซ์ และมีแบนด์วดท์ของสัญญาณดาวน์-ลิงก์เท่ากับ 3.7-4.2 จิกะเฮิรตซ์ ิ 2. ระยะห่ างกัน 3 องศา ให้ใช้ย่านความถีของสัญญาณ 12/14 จิกะเฮิรตซ์ หรื อย่าน KU แบนด์ โดยมีแบนด์วิดท์ของสัญญาณอัป-ลิ งก์เท่ากับ 14.0-14.5 จิกะเฮิรตซ์ และมีแบนด์วิดท์ของ สัญญาณดาวน์-ลิงก์เท่ากับ 11.7-12.2 จิกะเฮิรตซ์ นอกจากนี สภาพอากาศ เช่ น ฝนหรื อพายุ ก็สามารถทําให้สัญญาณผิดเพียนไปได้เช่ นกัน สํ า ห รั บ ก า ร ส่ ง สั ญ ญ า ณ ข้ อ มู ล นั น ใ น แ ต่ ล ะ เ ค รื อ ง ท บ ท ว น สั ญ ญ า ณ จ ะ มี แ บ น ด์ วิ ด ท์ เท่ากับ 36 เมกะเฮิรตซ์ และมีอตราเร็ วการส่ งข้อมูลสู งสุ ดเท่ากับ 50 เมกะบิตต่อวินาที ั ข้ อเสี ย ของการส่ งสัญญาณข้อมูลทางดาวเทียมคือ สัญญาณข้อมูลสามารถถูกรบกวนจาก สัญญาณภาคพืนอืน ๆ ได้ อีกทังยังมีเวลาประวิง(Delay Time) ในการส่ งสัญญาณเนื องจากระยะทาง ขึน-ลง ของสัญญาณ และทีสําคัญคือ มีราคาสู งในการลงทุนทําให้ค่าบริ การสู งตามขึนมาเช่นกัน ประโยชน์ ของเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ 1. การแลกเปลียนข้ อมูลทําได้ ง่าย โดยผูใช้ในเครื อข่ายสามารถทีจะดึ งข้อมูลจากส่ วนกลาง หรื อข้อมูลจากผูใช้คนอืนมาใช้ได้ ้ ้ อย่างรวดเร็ วและง่ายดาย เหมือนกับการดึงข้อมูลมาใช้จากเครื องของตนเอง และนอกจากดึงไฟล์ขอมูล ้ มาใช้แล้ว ยังสามารถคัดลอกไฟล์ไปให้ผอืนได้อีกด้วย ู้ 2. ใช้ ทรัพยากรร่ วมกันได้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทีเชือมต่อกับเครื อข่ายนัน ถือว่าเป็ นทรัพยากรส่ วนกลางทีผูใช้ในเครื อข่าย ้ ทุกคน สามารถใช้ได้โดยการสังงานจากเครื องคอมพิวเตอร์ ของ ตัวเองผ่านเครื อข่ายไปยังอุปกรณ์นน ั เช่น มีเครื องพิมพ์ส่วนกลางในเครื อข่าย เป็ นต้น ซึ งทําให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดวย ้ 2. ใช้ โปรแกรมร่ วมกัน ผูใช้ในเครื อข่ายสามารถทีจะรันโปรแกรมจาก เครื องคอมพิวเตอร์ ส่วนกลาง เช่ น โปรแกรม ้ Word, Excel, Power Point ได้ โดยไม่จาเป็ นจะต้องจัดซื อโปรแกรม สําหรับคอมพิวเตอร์ ทุกเครื อง เป็ น ํ การประหยัดงบประมาณในการจัดซือ และยังประหยัดเนือทีในหน่วยความจําด้วย 3. ทํางานประสานกันเป็ นอย่ างดี ก่อนทีเครื อข่ายจะเป็ นทีนิยม องค์กรส่ วนใหญ่จะใช้คอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่ เช่น เมนเฟรม หรื อ มินิคอมพิวเตอร์ ในการจัดการงาน และข้อมูลทุกอย่างในองค์กร แต่ปัจจุบนองค์กรสามารถกระจายงาน ั ั ต่าง ๆ ให้กบหลาย ๆ เครื อง แล้วทํางานประสานกัน เช่น การใช้เครื อข่ายในการจัดการระบบงานขาย โดยให้เครื องหนึงทําหน้าทีจัดการการเกียวกับใบสังซื อ อีกเครื องหนึงจัดการกับระบบสิ นค้าคงคลัง เป็ น ต้น วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด
  • 7. 4. ติดต่ อสื อสารสะดวก รวดเร็ว เครื อข่ายนับว่าเป็ นเครื องมือทีใช้ในการติดต่อสื อสาร ได้เป็ นอย่างดี ผูใช้สามารถแลกเปลียน ้ ่ ข้อมูล กับเพือนร่ วมงานทีอยูคนละที ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ ว 6. เรียกข้ อมูลจากบ้ านได้ เครื อข่า ยในปั จจุ บนมักจะมี การติ ดตังคอมพิวเตอร์ เครื องหนึ งเป็ นเซิ ร์ฟเวอร์ เพื อให้ผูใ ช้ ั ้ สามารถเข้าใช้เครื อข่ายจากระยะไกล เช่น จากทีบ้าน โดยใช้ติดตังโมเด็มเพือใช้หมุนโทรศัพท์เชื อมต่อ เข้ากับเครื องเซิ ร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์ เครื องนันก็จะเป็ นส่ วนหนึงของเครื อข่าย ข้อมูลอ้างอิง: http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_network2.htm http://www.chakkham.ac.th/technology/network/equ.html วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.2 พีรญา ดุนขุนทด