More Related Content
Similar to 2013 07-28 12-22-07-0.779627 (20)
More from Wichai Likitponrak (20)
2013 07-28 12-22-07-0.779627
- 3. ชื่อหนังสือ : ครูวิจัย...ครูผูสรางการเรียนรู
ผูเขียน : ไพโรจน คีรีรัตน
ขวัญฤทัย วงษสวัสดิ์
สวรรยา พรวิบูลภาค
นราพร อาษาพันธ
พิมพครั้งแรก : ตุลาคม 2553
ผูพิมพ : โครงการครุวิจัย สกว.
ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร
อ.หาดใหญ จ.สงขลา 90112
E-mail : kruvijai.trf@gmail.com
Homepage : http://kruvijai.wordpress.com
Tel/Fax : 074-446523, 074-287207
Mobile : 081-541278, 081-5402587
- 4. คํานํา
โครงการครุวิจัย สกว.
- การเรียนดวยกระบวนการวิจัย 1
- ศูนยพี่เลี้ยง 6 ศูนย 2
- ผลการสังเคราะหโครงการครุวิจัยป 2553 4
- การศึกษาผลการรวมโครงการครุวิจัย ป 2553 7
เรื่องเลาประสบการณจัดการเรียนรู
ไดประสบการณตั้งชุมนุมอนุรักษ จัดคายแกนนํา และเครือขายครู... จักรายุทธ พลทะสอน 11
จัดตั้งชุมนุมนักวิทยาศาสตรรุนเยาว... จิตรา สอนพงษ 12
จัดแสดงซากดึกดําบรรพ... วุฒิศักดิ์ บุญแนน 13
พบกระบวนการเรียนรูสําหรับนักเรียน... อมฤทธิ์ พิณพาทย 14
เปนวิทยากรธรณีวิทยา... กาญจนา โปะประนม 15
สอนนักเรียนสรางสรรคจิตนาการ... นรินทร ผิวทอง 16
จัดทัศนศึกษาแหลงเรียนรู... ณรงคฤทธิ์ ประเสริฐสุข 16
สอนซากดึกดําบรรพในชีววิทยาเรื่องวิวัฒนาการ... เจษฎา นาจันทอง 17
ดอกไมไรคา…แตสรางการเรียนรูอยางมหันต... อรนุช เสียงดัง 18
ทําโครงงานวิทยาศาสตร... อรัญญา หมอกไชย 18
ซึมซับการวิจัยปรับเปลี่ยนวิธีสอน... สมจิต ผอมเซง 19
ไดวิธีสืบเสาะความรู ถายทอดใหลูกศิษย... นิกร สีกวนชา 20
กอตั้งชมรมอัจฉริยะภาพทางวิทยาศาสตร... สาโรจน ทองนาค 21
วิจัยในชั้นเรียน... ฐิติสิทธิ นิลโสม 22
ตั้งพิพิธภัณฑ ดิน หิน แร ในหองเรียน... ยุพิน ขันธวิชัย 23
นํานักเรียนออกนอกหองเรียน... มินตรา มีสงา 24
ชุมนุมนักสืบ และนักวิจัยนอย... รุงทิพย สุกใส 25
สื่อการสอน: ฟอสซิลและหิน... ทวีทรัพย โพธิสมภาร 26
ชมรมวิทยาศาสตรสิ่งแวดลอม... กมลรัตน วงศรักษา 27
เรื่องเลาของครูเปยก... กิตติชัย บุษราคัม 28
สอนวิทยาศาสตรแบบเชื่อมโยงความสัมพันธของธรรมชาติรอบตัว ... นวลจันทร มัครินทร 29
สารบัญ
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยไดโนเสารภูกุมขาว จ.กาฬสินธุ กรมทรัพยากรธรณี
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยสิ่งแวดลอมศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแกน จ.ขอนแกน
- 5. ไดขุมพลังแหงรู สรางสรรคความงามผานกิจกรรมโรงเรียน... คนึงนิจ ณ นาน 30
ใชการทําโยเกิรตเปนโครงงาน... ศิรประภา สุรชน 31
ไดใชเทคนิครวมทํากับลูกศิษย... จตุรงค กมลเลิศ 32
การจัดการเรียนรูแบบโครงงาน ... ผอ.ชูศรี กาญจนวงศ 34
ตั้งชุมนุมพฤกษศาสตร ... นภาภรณ สมสะอาด 36
เปลี่ยนทรรศนะของครูและนักเรียน ... บังออน จุลพล 37
ฝกทําวิจัยชวยสรางการเปลี่ยนแปลงในวิธีการสอน ... ปยรัตน พิมพสวัสดิ์ 38
สอนโครงงานและอนุรักษสิ่งแวดลอม... พรทิพย รินไธสง 39
จุดประกายความคิดในการทําโครงงาน... พัชนุช แสนกัน 40
มุมมองที่เปลี่ยนไปกับการนําวิจัยมาใชในการเรียน... เมธาวี สายสิน 41
ไดประยุกตใชการเรียนการสอน และประเมินเด็กได... วราพร โยธาภักดี 42
สอนนักเรียนทําโครงงาน... สุคนธ จารุสาร 43
พัฒนาการสอนสิ่งแวดลอม... จรูญลักษณ แสนพิสาน 47
นํานักเรียนไปศึกษานอกหองเรียน... อรทัย นิติพงษอนุพร 48
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยวิทยาศาสตรทางทะเล เกาะสีชัง จ.ชลบุรี จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
จากครุวิจัยสีชังมาสู รร.ประโคนชัยพิทยาคม จ.บุรีรัมย... นิพนธ ประทุมวงค 49
สอนกลุมสาระภาษาตางประเทศดวยกระบวนการวิจัย... ณาตยา อุทยารัตน 50
โครงงานวิจัยเชิงบูรณาการ... เบญจนา กลอมแกว 50
เรื่องเลาประสบการณสูการปฏิบัติจากโครงการ ครุวิจัย’ 53... วัชรินทร จันทิมา 51
เรื่องเลาจากโครงการ ครุวิจัย’ 53 สูการปฏิบัติ... จันทนา สุปนะ 52
เลาประสบการณการนําทักษะกระบวนการวิจัยไปใชในหองเรียน... ธีระรัตน อุบลรัตน 53
จากการเรียนรูวิทยาศาสตรทางทะเลสูหองเรียน... ปยา รพีธรรม 54
สื่อและนวัตกรรม... สุภาพร หินนอย 55
ทําตูอบแหงไดเอง... กฤตินันท สอวิหค 57
ไดกระบวนการคิด... กิตติชัย ปญญารมย 57
กระบวนการฝกการคิดที่เปนระบบ... ธีรวัฒน บุรวิศิษฐ 58
เปลี่ยนมุมมองของ...การจัดการเรียนรู... นิตยา อุดทาคํา 59
สรางชุมนุมยุววิจัย... ไพศาล วงคกระโซ 60
พลัง(งาน) มิเคยสูญหาย: จัดการเรียนรูแบบสงเสริมการทํางานเปนกลุม... ฟูซียะห เจะกา 61
กระตุนนักเรียนทําโครงงาน... รัชนีกร นําชัย 62
สื่อการสอนเตาแกสชีวมวล... รุงคราญ วิริยัง 63
ไดกระบวนการสอนทําโครงงาน... วรรณกร กุลศรี 64
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยพลังงาน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร จ.สงขลา
- 6. ประดิษฐเครื่องอบแหงสอนนักเรียน... สมาแอ กาเซ็ง 65
ไดแนวทางพัฒนาและอุทิศตน... สลิลลา ชาญเชี่ยว 66
เรียนรูพลังงานลม... สุภาภรณ เสารสิงห 67
รูจักตั้งคําถามและสอนวิเคราะหขอมูล... อัจฉรียา นารีวงศ 68
การเรียนการสอนบนหลักการวิจัยไดสรางจิตสํานึกใหม... ภัชรินทร เลิศบุรุษ 69
ไดปุยหมักแทนกาซชีวภาพ และครูในโรงเรียนเปลี่ยนไป... อําไพ กลับทับลังค 70
ฝกลูกศิษย ... สิรภพ กาฬสุวรรณ 71
มุมมองเปดกวางและรูจักตัวเอง... รณภบ สําเภาทอง 72
ไดเรียนวิจัย: ไดประสบการณแปลกใหม... ยุทธศาสตร ฮาดดา 73
สื่อการสอนเรื่องไบโอแกส... จรูญ อินเอก 74
ประยุกตใชสอนเรื่องเซลล... สุนันทา สุวรรณะ 75
สอนแบบผูเรียนสรางความรูไดดวยตนเอง... ดวงแข เพชรเรือนทอง 76
พาครูสอนแบบโครงงาน... เฉลิม ปานมา 77
ใหนักเรียนทํากาซชีวภาพจากเศษอาหารกลางวัน... ธีระพันธ จุลแกว 78
ใชสอนและฝกกระบวนการ... ไพบูรณ วิมลรัตน 79
ผสานกาซชีวมวลกับหนวยการเรียนรูความรอนและของไหล... สุริยะพร นาชัยเงิน 80
เรื่องเลา...หลังกลับสูโรงเรียน... นพกนก รองรัตน 80
จากประสบการณวิจัยสูการเรียนรูแบบโครงงาน... อนุจิตร จันทรศรี 81
สอนเด็กประถมทําโครงงาน... ศิริขวัญ จันทรมณี 82
จากแดนใตสูเวทีความรูที่ราบสูง... ไสว ทองอินทร 83
ไดเทคนิคจัดกิจกรรมการสอน... ซูเฟยน ยูโซะ 85
หาคําตอบจากคําถาม ทําไม... ศักดิ์ระพี ทองหนูนุย 86
เลาใหเพื่อนครูฟง... สาโรจน สังขทอง 87
ความรูจากฝกทําวิจัย.....ถายทอดสูเด็ก... ถาวร หนูสุข 88
การเรียนวิทยาศาสตรไมใชการเรียนจากหนังสือ... ยงจิตร ศิลาพิมพ 89
การใชปญหาเปนฐานแหงการเรียนรู... พุทธพงษ พงษพวงเพชร 90
การพัฒนาการคิดสูการพัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร... สุทิน ฝาย 91
การขึ้นรูปเครื่องแกงคั่วกลิ้ง... วารุณี ธรรมขันธ 91
บูรณาการความรูที่ไดกับอาหาร... สุธีปกา หมื่นชนะ 92
ไดรูกระบวนการและสนับสนุนลูกศิษยทําโครงงาน... ศิริพร สุคนธ 93
ครูกับการเรียนรู... ยุพาพรรณ วรรณสาย 94
ประสบการณสูงานวิจัยในโรงเรียน... รัชนี มุงวัฒนกุล 95
ฝกทําวิจัย นําไปใชกับการสอนคณิตศาสตร... พิรุณพร อินถา 96
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร จ.สงขลา
- 7. เครื่องแกงสมภาคใต…เปนถั่วเหลืองแมฮองสอน... นฤนาท วัฒนวงษ 97
บทความประสบการณครุวิจัย... วรลักษณาวลัย ยงสืบชาติ 98
จากการฝกสูการปฏิบัติจริง... อุษณี ขุนจันทร 99
สิ่งที่เรียนรูจาก มอ. กับการรอ ของเด็กดอย... บรรเจิด ถาบุญเรือง 100
"ความรูจากหอขนม"... ณัฐพงศ มนตออน 103
สิ่งที่ไดนําความรู ประสบการณที่ไดรับจากโครงการฯ ไปใช... สุธารัตน อนุกูลประเสริฐ 103
ชุมนุมรูรักษบึงโขงหลง... สุทธิรัตน ศรีสงคราม 104
ตัวแทนศูนยฯ ไปแขงขั้นในระดับเขตการศึกษา... สุมาลี สังเกิด 105
การนําความรูจากการอบรมครุวิจัย กลับไปใชในโรงเรียน... เกศินี อินถา 105
ความรูจากการอบรม...สูการใชงาน... วีระศักดิ์ วัฒนราช 106
หลังจากไดเขารวมโครงการครุวิจัย... จรัสพงษ มูลใจ 108
การเปดโลกกวางดวยโครงงานกับนักเรียนในชนบท... เกษมศักดิ์ ดอกผึ้ง 109
ประสบการณที่กลับมาจากอบรม “ครุวิจัย53”... ชัยเรือง ไชยคลัง 109
ลอมวง(เลา)...ชาว “We Kru 2” ... อรุณนภา คําแอ 110
การทดลองใชประสบการณการวิจัย... จรรยา ศักดิ์ดา 111
จุดสิ้นสุด…ของการเริ่มตน: สอนโครงงานวิทยาศาสตร... กอบวิทย พิริยะวัฒน 112
ครู..โครงการครุวิจัย สกว.
รายชื่อครูฝกอบรมครุวิจัย สกว. ป 2549 - ป 2553 115
เรื่องเลา ศูนยครุวิจัยนวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยา
เขตพระราชวังสนามจันทร จ.นครปฐม
- 9. - 1 -
1. การเรียนดวยกระบวนการวิจัย
การวิจัย เปนกระบวนการที่เริ่มดวยคําถามหรือปญหาที่สงสัย จึงกระตุนใหอยากรู ดวยการ
ออกแบบ (คนควา เสาะหา และทดลอง) เพื่อใหไดขอมูลและหลักฐาน ที่เพียงพอสําหรับการทําความ
เขาใจ ที่จะสรุปเปนความรู ผูทําวิจัยรูยังไมพอ ตองทําใหผูอื่นรูดวย เพื่อชวยตรวจสอบความถูกตอง
โครงการครุวิจัย เปนโครงการสนับสนุนทุนฝกทําวิจัยอยางเขมขน 1 เดือนเต็ม ที่ศูนยพี่เลี้ยง ซึ่ง
มี 6 ศูนย โครงการนี้มีวัตถุประสงคสนับสนุนครูทุกระดับ ทุกสาระ ไปเรียนความรูวิทยาศาสตร ซึ่งความรู
ที่เรียนสวนใหญไมมีในตําราสอนที่โรงเรียน แตเปนความรูทีพี่เลี้ยงคัดเลือกและกลั่นกรอง เอามาสอนครู
ดวยกระบวนการสอนที่เรียกวา การวิจัย
ครูที่สมัครเขารวมโครงการ จะฝกเขียนขอเสนอโครงการ เพื่อบอกเลาวาตัวเองมีความสนใจเรื่อง
อะไร เรื่องนั้นมีความสําคัญอยางไร คาดวาจะทําอะไรบางในชวง1 เดือนที่ฝกวิจัย และจะนําความรูที่ได
ไปใชประโยชนอะไรบาง
โครงการครุวิจัยใชขอเสนอโครงการดังกลาว ในการคัดเลือกครูที่มีสมบัติเหมาะสม ใหแกศูนยพี่
เลี้ยงตาง ๆ การใหครูเขียนขอเสนอโครงการ เปนพัฒนาครูในขั้นแรก ครูเหลานี้จะมีเปาหมายชัดเจน
ในการฝกทําวิจัย 1 เดือน ศูนยพี่เลี้ยงแตละศูนยจะจัดการสอนแตกตางกันบาง ตามบริบทของ
ศาสตรแตละแขนง แตก็มีขั้นตอนเหมือนกัน คือ สอนความรูพื้นฐาน สอนทักษะการใชเครื่องมืออุปกรณ
สอนการแกไขปรับปรุงขอเสนอโครงการ ซึ่งทําใหครูไดเรียนรูจุดออนของตัวเอง สอนการเก็บขอมูล ฝก
นําเสนอรายงานความกาวหนา 2-3 ครั้ง ฝกการเขียนรายงานวิจัย เขียนบทความวิจัย ทําโปสเตอร
และเขียนเลาประสบการณ บางศูนยฝกทําสื่อการสอนดวย
หากพิจารณาใหดี จะเห็นวาครูไดรับการฝกทําวิจัยครบทุกขั้นตอน อาจจะดีกวาโครงงาน
นักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่สําคัญไดเกิดการแลกเปลี่ยนความเห็นกับพี่เลี้ยง 2-3 อาทิตย ในระหวาง
วิเคราะหและสังเคราะหขอมูล ความเขมขนและมีครบทุกขั้นตอน ทําใหครูไดความรูอยางแทจริงภายใน
ระยะเวลาอันสั้น ซึ่งไมมีการอบรมที่ไหนทําไดอยางนี้
การเขารวมโครงการนี้ ครูไดความรูมากมาย ไมเฉพาะเพียงเรื่องเดียวที่ตนทํา แตไดเรียนรูงาน
ของครูคนอื่นในศูนยเดียวกัน และไดเห็นผลงานวิจัยของครูทุกศูนย ที่ครูสามารถเลือกนํากลับไปใชที่
โรงเรียน นอกจากนี้ในแตละป ศูนยพี่เลี้ยงตาง ๆ ก็ไดพัฒนาการสอนเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ใหแกกระบวนการ อีกไมนานคงจะไดนวัตกรรม “การจัดการเรียนรูดวยกระบวนการวิจัย”
ในยุคของ “ความรู” สําคัญกวา “แรงกาย” มวลความรูที่เพิ่มขึ้นเปนสองเทาทุก ๆ 3-4 ป หากจะ
เรียนรูใหทัน จําเปนตองพัฒนาศักยภาพการเรียนรูใหม ทดแทนการเรียนแบบเดิม ซึ่งไดผลชาและไมรู
จริง อาจเปน “การเรียน” คูกับ “การทําวิจัย” ซึ่งไดถูกทดลองแลวในโครงการครุวิจัย พบวา มี
ประสิทธิภาพสูง ทําใหครูที่ไมมีความรู สามารถเรียน เขาใจ และทําเปน ในเรื่องใหม ภายในชวงเวลาสั้น
ๆ 1 เดือน วิธีนี้ทําใหครูสามารถคนควาและสรางความรูไดดวยตนเอง
ครูเรียนไดมาก ไดทั้งความรูใหมและวิธีการสอน บางคนอาจไดชุดทดลอง ที่จะนําไปใหนักเรียน
ทําการทดลองตอไดที่โรงเรียน การฝกทําวิจัยแบบนี้ครูไดรับความรูที่ชัดและใชเปน
- 10. - 2 -
2. ศูนยพี่เลี้ยง 6 ศูนย
2.1. ครุวิจัยไดโนเสาร
ศูนยวิจัยไดโนเสาร ภูกุมขาว จ.กาฬสินธุ มีความแตกตางจากศูนยวิจัยอื่นๆ เนื่องจากเปน
ศูนยวิจัยที่ไมไดอยูในสถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัย การวิจัยจึงสอนบนพื้นฐานการลงมือปฏิบัติ
(ทํา)ใหเห็นจริงของนักวิจัยพี่เลี้ยง และนําครูลงมือปฏิบัติจริง ทําการทดลอง เก็บขอมูลตัวอยางจริง หาก
มีขอผิดพลาดก็จะแกไขไปตามสถานการณเฉพาะหนา เชน การปรับแกขอเสนอโครงการของครู ที่ไดรับ
คัดเลือกเขารวมฝกทําวิจัยที่ศูนยวิจัยไดโนเสาร โดยเริ่มจากการปรับพื้นฐานความรูของครูทุกคน ใหมี
ความเขาใจในเรื่องธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาเสียกอน จากนั้นจึงพาครูไปลงพื้นที่เพื่อไปเห็นของจริง
แลวกลับมาปรับแกขอเสนอโครงการของตัวเอง ใหเปนไปในแนวทางเดียวกัน กับความมุงหมายของ
ศูนยวิจัย
การสอนของศูนยวิจัยไดโนเสาร ไมไดมุงเนนหาคําตอบของสิ่งมีชีวิตใหมๆ หรือทฤษฎีใหมๆ แต
เปนการบูรณาการระหวาง “กระบวนการวิจัย” กับ “กระบวนการจัดการเรียนรู” เขาดวยกัน รวมทั้ง
เชื่อมโยงสิ่งที่มีอยูในทองถิ่น หรือรอบๆ โรงเรียน เขามาเปนสวนหนึ่งของการจัดการเรียนรูดวย
หลังเสร็จสิ้นการอบรม ครูจะไดทั้งเนื้อหาสาระ กระบวนการ และประสบการณทํางานจริงที่หนา
งาน ซึ่งความรูเหลานี้สามารถถายทอดไปสูนักเรียนได
2.2. ศูนยครุวิจัยสิ่งแวดลอม
ศูนยนี้อยูคณะวิทยาศาสตรอนามัยสิ่งแวดลอม มหาวิทยาลัยขอนแกน เริ่มกระบวนการสอน
ตั้งแตการทบทวนทฤษฎีและหลักการดานวิทยาศาสตรสิ่งแวดลอม การสํารวจพื้นที่เก็บตัวอยาง การฝก
ใชเครื่องมือและอุปกรณๆ การเก็บขอมูลภาคสนาม การบรรยายหลักการวิเคราะหขอมูลเพื่อเขียน
รายงานวิจัย
วัตถุประสงคของศูนยพี่เลี้ยงเพื่อพัฒนาศักยภาพครูดวยกระบวนการวิจัยจากประสบการณนอก
หองเรียน เพิ่มความรูความเขาใจในการหลักการทางวิยาศาสตรใหเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต พัฒนาใหครูเกิด
ทักษะการปรับปรุงแผนการสอนโดยใชการวิจัย และที่สําคัญคือ เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนการสอน
ของครูที่สามารถสรางแรงบันดาลใจในการเรียนรูของนักเรียนได ศูนยพี่เลี้ยงจึงจัดรูปแบบเหมือน
โรงเรียน โดยมีผูอํานวยการศูนยเปรียบเสมือนผูอํานวยการโรงเรียน พี่เลี้ยงเปรียบเสมือนครู และครู
เปรียบเสมือนนักเรียน การสอนครูดวยกระบวนการแบบนี้ จะทําใหครูไดเรียนรูวา จะไปประยุกตใชกับ
นักเรียนที่โรงเรียนของตนเองอยางไร
2.3. ศูนยครุวิจัยวิทยาศาสตรทางทะเล
ศูนยวิทยาศาสตรทางทะเล สีชัง จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มีกระบวนการสอนเริ่มตั้งแตการ
คัดเลือกขอเสนอโครงการโดยมีเกณฑในการคัดเลือกดังนี้ คือ เปนงานที่ตรงตามความเชี่ยวชาญของ
ศูนย, เปนงานที่ครูไดเรียนรูและใชสอนในระดับโรงเรียนได, เปนงานที่ตองมีภาคปฏิบัติ/ทดลอง ซึ่งเปน
กิจกรรมที่ไปเปนการทดลองของนักเรียนได, เปนการศึกษาในพื้นที่ของศูนย แตสามารถประยุกตตอใน
- 11. - 3 -
พื้นที่ของตนเองได, งานตองสอดคลองกับวัตถุประสงคของโครงการครุวิจัย สกว., สามารถดําเนินการ
ไดภายใน 1 เดือน
จากนั้นศูนยพี่เลี้ยงจะทําการแยกขอเสนอโครงการของครูออกเปนกลุมยอย จัดหานักวิจัยประจํา
กลุมคอยเปนพี่เลี้ยงใหครูในการปรับแกขอเสนอโครงการ หาขอมูลทําวิจัย แลกเปลี่ยนความรูกับครู
ตลอด จนการทํากิจกรรมวิจัยเสร็จสิ้น ซึ่งกิจกรรมวิจัยของศูนยวิทยาศาสตรทางทะเลแบงเปน 4 ชวง
หลัก คือ
1.การบรรยายกอนทําวิจัย เพื่อใหความรูดานวิทยาศาสตรทางทะเลแกครู รวมทั้งความรูเกี่ยวกับ
งาน เฉพาะแตละกลุมยอยเพื่อใชในภาคปฏิบัติ
2.กิจกรรมการสาธิตการปฏิบัติงานภาคสนามทดลองฝกปฏิบัติงานวิจัย เพื่อเพิ่มทักษะการฝก
ปฏิบัติ/ความมั่นใจในการใชเครื่องมือตางในการทํางานวิจัย
3.การแบกทํางานวิจัยตามความสนใจของครู (เก็บตัวอยางภาคสนามและทําวิจัยใน
หองปฏิบัติการ)
4.การเขียนรายงานและนําเสนอผลงานวิจัย
2.4. ศูนยครุวิจัยพลังงาน
ศู น ย ค รุ วิ จั ย พ ลั ง ง า น ดํ า เ นิ น ก า ร โ ด ย ส ถ า น วิ จั ย เ ท ค โ น โ ล ยี พ ลั ง ง า น
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร หาดใหญ ในชวง 2 สัปดาหแรกการสอนเนนไปที่การเรียนรูวิธีวิจัย
เครื่องมือวัด ความรูพื้นฐาน ทฤษฎีเฉพาะสําหรับการทําวิจัย จากพี่เลี้ยงกลุม และเสริมดวยการเรียนรู
จากแหลงเรียนรูภายในพื้นที่ โดยการพาครูไปเรียนรูวิถีชีวิตชาวบานในลุมทะเลสาบสงขลา เรียนรูการ
วิจัยโดยชาวบานเพื่อปกปองรักษาทรัพยากรธรรมชาติใน อ.ละงู จ.สตูล
หลังจากนั้น ในสองสัปดาหสุดทาย จะเขาสูชวงการลงมือฝกทําวิจัยของครู ศูนยพี่เลี้ยงไดจัดการ
ติดตามการทํางานของครูเปนระยะๆ โดยการเสนอรายงานความกาวหนาทุกสัปดาห ซึ่งทั้งสิ้น 3 ครั้ง ซึ่ง
แจงใหทราบลวงหนาในคูมือของศูนยพี่เลี้ยง ทั้งนี้ไดจัดพี่เลี้ยงประจํากลุม ใหการดูแลและใหคําแนะนําครู
อยางใกลชิด
ครูที่มาฝกทําวิจัยที่ศูนยพลังงาน จะไดทั้งความรูทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ รูจักวางแผนการทํางาน
ออกแบบชุดทดลอง มีวินัย เรียนรูสังคมพหุวัฒนธรรม และไดฝกการเขียนงานวิชาการ อยางเขมขน
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม
2.5. ศูนยครุวิจัยอุตสาหกรรมเกษตร
ศูนยอุตสาหกรรมเกษตร อยูที่คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร
หาดใหญ สอนการวิจัยโดยใหครูเริ่มตนจากการสังเกตและตั้งคําถามวา ทําไม” เพื่อคนหาปญหาที่
แทจริง ฝกใหครูมองปญหาจากสิ่งที่อยูรอบตัวๆ แลวนํามาคนหาคําตอบดวยการวิจัย มีพี่เลี้ยงประจํา
กลุมคอยใหคําปรึกษา และมีการจัดเวทีเล็กๆ ทุก 2 วัน เนนการใหพี่เลี้ยงและครูไดรวมกันแลกเปลี่ยน
เรียนรู และระดมความคิดเห็นกัน เพื่อสามารถแกไขขอผิดพลาดตางๆ ไดอยางรวดเร็ว เชน ผลการ
- 12. - 4 -
ทดลองของครูบางกลุม ไมไดผลตามแผนที่วางไว ก็เอาเขาที่ประชุมระดมความคิดกันวา ควรทําอยางไร
เปนตน
ศูนยพี่เลี้ยงเนนการฝกครูใหเปนผูรูจักสังเกต คิด วิเคราะห อันเปนพื้นฐานใหเกิดการเรียนรูดวย
ตัวเอง ครูสามารถนําไปบูรณาการกับการเรียนการสอนที่โรงเรียนได
2.6. ศูนยครุวิจัยนวัตกรรม และการจัดการเทคโนโลยีอาหาร
ศูนยนี้ตั้งอยูมหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม มีความมุงเนนที่กระบวนการคิดของครู ซึ่งเปน
กระบวนการแรกที่สําคัญ ในการชวยใหครูไมไปยึดติดกับองคความรูที่มีอยู เพราะจะทําใหคุณครูสนใจ
แตเพียง "วิธีทํา" แตไมไดสนใจ "วิธีการ" หรือกระบวนการของการวิจัยที่แทจริง
ดังนั้นรูปแบบการจัดการของศูนยนี้ มีพี่เลี้ยงแตละคนรับผิดชอบกลุมยอย และมุงเนนไปที่
กิจกรรมที่ "โดน" และใหคุณครูเห็นวา "นาสนุก" ที่จะทํา โดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแลครูในแตละกลุมยอย พี่
เลี้ยงจะตองทําใหครูเห็นความสําคัญของ "ทักษะการแสวงหาความรู” โดยทําใหครูเห็นวา ตัวพี่เลี้ยง
เองก็ไมรูในบางเรื่องเชนกัน จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกันกับคุณครูในกลุม วาจะทําอยางไรถึงจะรู
ได รวมกับครูในการแสวงหาขอมูลหรือความรู สําหรับนํามาใชเปนเครื่องมือ ในการชวยตอบคําถามกับ
ขอสงสัย ที่เกิดขึ้นในระหวางกระบวนการทําวิจัย
ทั้งนี้ดวยกระบวนการจัดการดังกลาวทั้งหมดนี้ ทางทีมพี่เลี้ยงทุกคนไดอธิบายใหครูทุกคน ได
เห็นวาแทจริงแลวกระบวนการที่เกิดขึ้นในแตละกลุมนั้นยอมแตกตางกัน ซึ่งความแตกตางกันของวิธีการ
(กระบวนการคิด) นี้ยอมสามารถสรางสิ่งใหมขึ้นมาไดเสมอ และเรียกกระบวนการเหลานี้วา "นวัตกรรม"
3. ผลการสังเคราะหโครงการครุวิจัยป 2553
โครงการครุวิจัยนี้ คาดหวังวา ครูที่ผานการฝกทําวิจัย 1 เดือนเต็ม คงจะสามารถนําศาสตรดาน
การสอนที่ตนชํานาญ มายกระดับหรือปรับแตงความรูที่ไดจาการเรียนครั้งนี้ เพื่อนําไปใชอยางเหมาะสม
กับการใชสอนในหองเรียน
จากเวทีประชุมนําเสนอผลงานครุวิจัยประจําป 2553 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ไดคําแนะนํา
จากผูทรงคุณวุฒิ 3 ทาน ดังนี้
ดร.เลขา ปยะอัจฉริยะ ไดใหขอคิดวา หนาที่ของการจัดการการศึกษา ไมใชหนาที่ของ
กระทรวงศึกษาธิการ เพียงอยางเดียว การที่ สกว. และศูนยวิจัย หรือมหาวิทยาลัย เขามามีสวนรวมใน
การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน นับไดวาเปนการเปดมิติใหม ในการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานสําหรับ
ลูกหลานเรา โดยกระทรวงศึกษาธิการตองมีหนาที่โดยตรงในการสืบสานนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ซึ่งถือเปนนวัตกรรมของการพัฒนาครูอีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อมหาวิทยาลัยที่เนนใหการศึกษา การบริการ
ทางวิชาการตอสังคม ไดลงมาเชื่อมโยงระหวางการอุดมศึกษาตอการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- 13. - 5 -
กระบวนการฝกทําวิจัยที่ผานมาหนึ่งเดือน เปนกระบวนการที่ครูพยายามพัฒนาตนเอง โดยมีพี่
เลี้ยงคอยใหการกระจาง กระตุน และคอยชี้แนะแตไมชี้นํา ใหไปตัดสินใจในการพัฒนาตนเอง ได
ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน วิธีคิดและพฤติกรรม ที่เห็นชัด คือ พฤติกรรมการออกแบบการจัดการเรียนการ
สอน โดยเฉพาะในวิชาที่เราสอบตกทั่วประเทศ คือ วิชาที่เนนใหรูจักคิดอยางมีเหตุผล คิดเปนระบบ นั่น
คือวิชาวิทยาศาสตร เพราะวิชาวิทยาศาสตรไมไดสําคัญที่เนื้อหา แตอยูที่หนาที่ของครู ไมวาจะสอนวิชา
อะไร หนาที่ของทาน ตองสรางแรงบัลดาลใจ ใหลูกศิษยเกิดความตองการที่จะเรียนรู เพราะฉะนั้นถาจะ
สรางแรงบัลดาลใจ ตองใหรักที่จะคิดอยางมีเหตุผล คิดเปนระบบ แลววิชาที่สอนตรงในประเด็นนี้คือวิชา
วิทยาศาสตร แตวิชาสังคม ภาษาไทย และอื่นๆ ตองอาศัยการคิดที่เปนระบบเหมือนกัน
นอกจากครูจะไดพัฒนาตนเองฝกฝนจิตใจ แลวปรับพฤติกรรมเพื่อใหเอื้อตอการเรียนรูอยางมี
ความสุข สิ่งที่ไดจากการฝกอบรมของครูในหนึ่งเดือน มีความเห็นวา การวิจัย การเรียนรู และการสอน
คือเรื่องเดียวกัน เพราะการวิจัยคือเครื่องมือการเรียนรู และเชื่อมโยงไปสูการสอน การเรียนที่ไมเครียด
ซึ่งตองขจัด 2 อยางออกไป คือ ความเครียด และความกลัว เพื่อใหผูเรียนเกิดความสุขและสนุกในการ
เรียน
รศ.สุชาตา ชินะจิตร ไดกลาววาเราคาดหวังวา อยากเห็นเด็กทําอะไรบาง แตเราไมเคยทํากับ
ครู ทําใหเกิดคําถามวา การพัฒนาครูจะทําอยางไร โครงการครุวิจัยไดใชกระบวนการวิจัยเปน
เครื่องมือ เปนสวนที่ทําใหเกิดการเรียนรูไดดวยการลงมือทํา เปนพื้นที่ใหผูเรียนเปนศูนยกลาง
สิ่งที่โครงการครุวิจัยทําคือ การเขาถึงกระบวนการและเขาถึงบทบาทของตัวเอง เราเห็นการ
เรียนรูของทุกคนที่เขามาเกี่ยวของ ครู พี่เลี้ยง มหาวิทยาลัย ผูจัดการ และ สกว. เอง ก็ไดเรียนรูไป
ดวยกัน
การแลกเปลี่ยนบทบาทของพี่เลี้ยง พี้เลี้ยงในที่นี้ คือ คุณครูนั่นเอง เพราะเมื่อครูกลับไปก็จะไป
ทําหนาที่คลายๆ พี่เลี้ยงใหกับนักเรียน มีทาทีเหมือนกับพี่เลี้ยง คือ สรางความสุข สรางแรงบัลดาลใจให
เกิดการเรียนรู
การเรียนรูที่ตางระดับ ตางประสบการณ ซึ่งมีคุณคามาก สิ่งเหลานี้เกิดขึ้นไมไดถาเปนการอบรม
แบบสื่อการเรียนทั่วไป วิทยากรก็ไมไดเรียนรูเพราะรูอะไร มาก็พูดไปอยางนั้น แตที่ศูนยพี่เลี้ยงครูมา
เรียนรูเพื่อจะเปนผูชวยพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงไดเรียนรูครูในหลายๆ ดาน มีกระบวนการทางสังคมที่เกิดขึ้นดวย
การแลกเปลี่ยนกัน เปนความรูสึกที่ดีตอกัน เอื้ออาทรตอกัน รูจักวาคนเปนอยางไร จัดการอยางไรที่จะ
บรรลุเปาหมายรวมกัน อยูรวมกันอยางไรอยางจึงจะมีความสุข ชวยสงเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน เกิดเปน
Social network ซึ่งสามารถที่จะแชรความรูดวยกัน เปนองคความรูที่เขมแข็ง
รศ.ดร.สุธีระ ประเสริฐสรรพ ไดกลาวสรุปวา ครูมีโอกาสที่จะพัฒนากระบวนการ มากกวาที่
ครูเขาใจ ขณะนี้ครูจํานวนหนึ่งยังเขาใจกระบวนการวิจัย วาเปนวิธีการวิจัย ซึ่งความเขาใจกระบวนการ
จริงๆ แลว เราจะเขาใจระบบตั้งคําถาม ระบบคิด ระบบเก็บขอมูล การออกแบบ ระบบวิเคราะห ระบบ
เชื่อมโยงไปสูการแกปญหาและไปสูปญญา
- 14. - 6 -
กระบวนการวิจัยนี้นําใหเกิด การคิดแบบตรรกะ ซึ่งก็คือ วัฒนธรรมของความเชื่อในเหตุและผล
วัฒนธรรมของความเปนวิทยาศาสตร การวิจัยขอมูลการเกิดปรากฏการณตางๆ มันเชื่อมโยงใหเราเขา
ใจความเปนเหตุและผล
ปจจุบันนี้สังคมไทยมีวัฒนธรรมความเปนเหตุและผลต่ํามาก ทําใหวัฒนธรรมที่มีกลายเปน
วัฒนธรรมที่ตองพึ่งพาคนอื่น วัฒนธรรมอํานาจจึงเกิดขึ้น การพัฒนาสังคมจึงไปไมรอด เพราะฉะนั้นเรา
ตองสรางวัฒนธรรมใหมขึ้นมา คือวัฒนธรรมที่เปนเหตุเปนผล คือ กระบวนการวิจัย
อีกสิ่งหนึ่งที่ครูจะได คือความสามารถเขาใจสรรพสิ่งในภาพรวม เชนคุณครูที่ไปศูนยไดโนเสาร
จะเขาใจในสวนนี้ เขาใจวิวัฒนาการโลกในหลายหมื่นลานป ไดเห็นในสิ่งที่ไมเคยเห็น ไดเห็นความ
เปลี่ยนแปลงทีละนอย ซึ่งเราไมเคยเห็นในชีวิตประจําวัน เพราะชีวิตเราสั้นมาก 70-80 ป เราก็ตายไป แต
สิ่งที่ครูศูนยไดโนเสารเห็นคือพัฒนาการของโลก ของเปลือกโลก ซึ่งเปนวิวัฒนาการหลายหมื่นลานป ทํา
ใหเราจะเห็นวาชีวิตเรานั้นสั้นนิดเดียว เปนสิ่งที่ทําใหครูเปลี่ยนวิธีคิด เห็นภาพรวม เห็นการเชื่อมโยง
เห็นสังคมในเชิงวิวัฒนาการมากขึ้น
การทําวิจัยครั้งนี้ไดสรางสังคมกลุมหนึ่ง คือเริ่มมีคนเชื่อวาวิจัยมิใชสัมปทานที่ผูกขาดโดย
มหาวิทยาลัย และงานวิจัยมิใชเครื่องหมายการคาจดทะเบียน ของคนที่มีปริญญาสูง ปริญญาโทหรือ
ปริญญาเอก สองคํานี้สําคัญมากเพราะในระบบการคิดของบานเราขณะนี้ยังเปนงานวิจัยเปนสัมปทานที่
ผูกขาดโดยมหาวิทยาลัย ซึ่งเราไดระบายความคิดนี้ออกไปแลว
วิจัยในแนวทางนี้มิใชวิจัยเพื่อผลเลิศในเรื่องขององคความรู แตเปนการวิจัย เพื่อแนวคิดในการ
เปลี่ยนกระบวนการคิดของคน ใหหันมาเชื่อในเหตุและผลและเพิ่งตนเองมากขึ้น ความคิดที่เปนเหตุและ
ผลทําใหคนรูจักวาอะไรมันเกิดจากอะไร แลวการเพิ่งพาตนเองจะมากขึ้น การพึ่งพาคนอื่นจะนอยลง
สังคมนี้จะไมมีภาระมาก เพราะฉะนั้นถาเรานํากระบวนการวิจัยมาสูการพัฒนา ยอมรับวาวิจัยเปนสิทธิ์
ของทุกคน ทุกคนมีสิทธิ์ทําได ไมใชเปนเครื่องหมายการคาจดทะเบียนอยูที่ผูใดผูหนึ่ง ประเทศของเราจะ
พัฒนาไดอีกเยอะมาก
- 15. - 7 -
4. การศึกษาผลการรวมโครงการครุวิจัย ป 2553
4.1. ขอมูลผูตอบแบบสอบถาม
การศึกษาครั้งนี้ ไดสงแบบสอบถาม ไปถามผูอํานวยการโรงเรียน ที่สงครูเขารวมโครงการวิจัย
ใน ป 2553 จํานวนทั้งหมด 170 โรงเรียน ไดรับคําตอบเพียงรอยละ 33.5 แสดงวา โรงเรียนสวนใหญ
ยังไมใหความสําคัญกับโครงการครุวิจัย
ตารางที่ 1 ขอมูลของผูอํานวยการโรงเรียนที่ตอบแบบสอบถาม
ขอมูลทั่วไป จํานวน(คน) รอยละ
1 จํานวนโรงเรียนที่ตอบแบบสอบถาม 57 33.5
2 เพศ ชาย 45 78.9
หญิง 12 21.1
3 ภูมิภาค เหนือ 7 12.1
ตะวันออกเฉียงเหนือ 24 42.1
กลาง 3 5.3
ตะวันออก 6 10.5
ตะวันตก 1 1.8
ใต 16 28.1
4.2. ผลการสงครูรวมโครงการครุวิจัย สกว.
จากการสอบถามประโยชน 2 ประเด็น คือ ประโยชนที่โรงเรียนไดรับ และ ความรูที่ครูได
นําไปใชสอน ที่ทําใหเกิดผล 2 ประการ คือ การเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติและความคิดสรางสรรค และมี
ความเขาใจในวิธีการวิจัย ดังแสดงในตารางที่ 2 ปรากฏผลการศึกษาชี้ใหเห็นวา ทุกหัวขอมีคะแนนอยู
ในระดับดี (4.1-4.4) แสดงวา โครงการครุวิจัยสกว. คอนขางมีประโยชนตอโรงเรียน
ตารางที่ 2 โรงเรียนไดประโยชนจากการสงครูเขารวมโครงการครุวิจัย
สิ่งที่ไดรับ
ผูตอบ
รอยละ
คะแนน
เฉลี่ย
ครูเขารวมโครงการครุวิจัยครั้งนี้ โรงเรียนไดประโยชนในระดับใด 84.9 4.2
ครูมีความรู นําไปเลา/ถายทอดใหครูทานอื่น 81.4 4.1
ครูมีความรู นําไปใชสอน (บรรยาย) 84.2 4.2
ครูมีความรู นําไปใชจัดกิจกรรมโครงงาน หรือสอนแบบทดลอง 87.7 4.4
ครูเปลี่ยนแปลงดานการเสนอแนะ / คิดสรางสรรค / ทัศนคติ 88.1 4.4
ครูเปลี่ยนแปลงดานความกระตือรือรน 88.1 4.4
ครูเขาใจวิธีการวิจัย 86.3 4.3
- 16. - 8 -
4.3. ความตองการสงครูเขารวมโครงการในป 2554
จากการสอบถามโรงเรียนที่สงครูเขารวมโครงการครุวิจัยป 2553 พบวา มีความสนใจสงครู
เขารวมโครงการครุวิจัยในป 2554 จํานวนทั้งหมด 112 คน โดยครูสวนใหญรอยละ 29.7 สนใจจะไป
ศูนยสิ่งแวดลอม ครูที่แหลือก็สนใจไปศูนยตาง ๆ ในระดับใกลเคียงกัน ดังในรูปที่ 1 และจากการถามวา
โรงเรียนตองการความรูอะไร พบวาโรงเรียนจํานวนรอยละ 75- 80 ตองการความรูดาน สิ่งแวดลอม
พลังงาน เทคโนโลยีอาหาร และ อุตสาหกรรมอาหาร และมีรอยละ 70-75 ตองการความรูดาน
วิทยาศาสตรทางทะเล และธรณีวิทยา แสดงวา ความรูของพี่เลี้ยงศูนยตาง ยังเปนที่สนใจของโรงเรียน
นอกจากนี้ ยังไดสอบถามถึงความรูอื่น ๆ พบวา โรงเรียนตองการความรูดานปญหาและแนวทาง
พัฒนาดานสิ่งแวดลอม ทั้งเรื่องอากาศ เสียง ดิน/เกษตร และน้ํา, มลพิษทางอากาศและเสียง, ดานดารา
ศาสตร โลก, ดานพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาด, ดานสังคม/จิตวิทยา/ภาษาศาสตร, ดานการผลิตสื่อ
การสอนดานธรณีวิทยา, ดานการผลิตสื่อการสอน/นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ, ดานการวิจัยในชั้นเรียน, ดาน
ภูมิปญญาทองถิ่น/ภาษาและวัฒนธรรม, และความตอเนื่องของการพัฒนาครูภายใตโครงการครุวิจัยที่
ยั่งยืน
รูปที่ 1 ความสนใจในการสงครูไปฝกทําวิจัย
4.4. แนวทางการพัฒนาครูดวยโครงการครุวิจัย
- โรงเรียนจํานวนรอยละ 84.2 เห็นดวยกับแนวทางการพัฒนาครูดวยการใหครูฝกทําวิจัย ซึ่ง
จะทําใหไดทั้งความรูจากพี่เลี้ยง และไดวิธีการวิจัย ครูสามารถนําไปสอนและจัดกิจกรรมเรื่องโครงงาน
(วิทยาศาสตร) ไดถูกตอง สามารถสอนใหนักเรียนทําวิจัยอยางงาย แนวทางนี้ใหผลอยางเปนรูปธรรม
นอกจากนี้ ครูที่เขารวมโครงการสามารถปรับใชในการทําวิทยฐานะได, สามารถสรางองค
ความรูที่อยูรอบกายมาสูหองเรียนไดดีมาก, สามารถถายทอดความรูที่ไดสูลูกศิษยและเพื่อนๆ ใน
0 5 10 15 20 25 30 35
อื่น ๆ
ศูนยอุตสาหกรรมเกษตร
ศูนยไดโนเสาร
ศูนยเทคโนโลยีอาหาร
ศูนยวิทยาศาสตรทางทะเล
ศูนยพลังงาน
ศูนยสิ่งแวดลอม
ความสนใจ (%)
- 17. - 9 -
โรงเรียน, เปนกระบวนการพัฒนาครูที่ถูกตอง, เปนระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร สามารถใชในการ
แกปญหาไดหลากหลายสาขา, เปนการพัฒนาโดยเนนประสบการณตรง เรียนรูจากการปฏิบัติจริง, ครูได
ประสบการณในเชิงลึก, สามารถไปถายทอดไดอยางถูกตอง
- ควรเพิ่มการผลิตสื่อนวัตกรรมในการเรียนการสอน, ควรมีการติดตามผลงานของครูที่เขา
รวมโครงการ หรือใหทุนครูที่เขารวมโครงการกลับมาสรางผลงานที่โรงเรียนอยางตอเนื่อง, ครูที่โรงเรียน
หลายครูกลัวมากเมื่อพูดถึงการวิจัย
4.5. ขอเสนอแนะ
- โรงเรียนรอยละ 66.7 มีความเห็นคลายๆ กัน คือ การมีโอกาสไดรับทุนในการฝกวิจัย ถือวา
ตัวครูและโรงเรียนไดประโยชนอยางมากมาย และสามารถนําผลการวิจัยมาใชประโยชนในโรงเรียนได
ตรงกับความตองการของโรงเรียน ทําใหครูมีคุณภาพครู เพื่อความกาวหนาของครู, การไปอบรมในชวง
ปดเทอมจึงไมมีผลกระทบตอโรงเรียน
- โรงเรียนรอยละ 19.3 มีความเห็นวา ควรสนับสนุนทุนใหครูที่เขาฝกทําวิจัย สําหรับเปนคาทํา
วิจัยของนักเรียน เปนตนทุนใหครูสานตอโครงการ จัดซื้อสื่อและวัสดุการเรียนการสอนเพิ่มในวิชา
วิทยาศาสตร, เผยแพรและสงเสริมการพัฒนาโครงงานนักเรียนตอ เพราะงบประมาณจากโรงเรียนมี
จํากัด
- โรงเรียนรอยละ 1.8 มีความเห็นวา ครูไมมีการเปลี่ยนแปรงการสอน หรือสอนนักเรียนใหทํา
โครงงานวิจัยตอ, จึงเสนอแนวทาง วาควรทําเปนเอกสารสรุปกิจกรรม บทเรียนการเรียนรูทุกครั้ง ทุก
กิจกรรม
- แนะนําใหชวยวิจัย “ปญหาในการเรียนการสอน” ตามเนื้อหาหลักสูตรและที่พบในสภาพ
ปจจุบัน
- ครูระดับประถมศึกษาใชวิจัยในการสอนนอย สวนใหญเนนการใหความรู เพื่อใหนักเรียนทํา
ขอสอบ NT, O-Net ใหไดคะแนนสูงๆ ดังนั้นจึงเนนใหนักเรียนฝกทําแบบทดสอบมากๆ
- ชวยสงเสริมใหครูคิดเรื่องที่จะทําวิจัยเอง ลงมือปฏิบัติ แกปญหา ตามกระบวนการวิจัย โดย
ศูนยพี่เลี้ยงใหคําแนะนํา จนไดผลการวิจัยที่ดี, เปดโอกาสใหครูที่ผานการอบรม นําประสบการณที่เคยใช
ในโรงเรียนเสนอผลงานวิจัยในการประชุมทางวิชาการ
- ควรพัฒนาครูเปนระยะ เชน ฝกอบรมกระบวนการวิจัย กิจกรรมพัฒนาความรู และการจัดการ
เรียนการสอน, ติดตามผลงานการวิจัยมาใชในการสอน และมีเวทีใหแสดงผลงาน
- สงเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห หรือทักษะการคิดของนักเรียน ดวยงานวิจัยที่สงเสริมการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนใหนักเรียนสามารถทําวิจัยเล็กๆ ได, ปรับปรุงหลักสูตรกอน กําหนดเปน
นโยบายของหนวยงาน “ครูทําวิจัย เด็กทําโครงงาน”, ใหครูตระหนักเห็นวาผลการวิจัย ที่เปนเครื่องมือ
ที่แกปญหาไดจริง และใหความรู พรอมกับทําจริง (ใหทุน) และนําเอาผลวิจัยไปใชประโยชนไดจริง
- 18. - 10 -
- สรางกลุมเครือขาย และนิเทศติดตามใกลชิด, ใหคุณครูไดนําเสนอผลงาน และจัดนิทรรศการ
ผลงานทางวิชาการ สัมมนา ไดแลกเปลี่ยนเรียนรูเรื่องการวิจัย เพื่อพัฒนาความคิดใหสูงขึ้น และครูจะ
ไดทําวิจัยเชิงลึกตามลักษณะงานและความสามารถของครู
- การฝกทําวิจัยทําใหมุมมองครูเปลี่ยนไป ครูสามารถจินตนาการ โดยใชรูปแบบการวิจัย สอน
เด็กเปนนักวิจัยได และจะเปนการดีถาครู 1 คน สามารถสรางยุววิจัยได 5 คน, ปรับทัศนคติในการทํา
วิจัย ครูตองเขาใจวา “วิจัยไมใชเรื่องยาก” และปรับพฤติกรรมใหครูในโรงเรียนเรียนรูวาวิจัย ใหเปนสวน
หนึ่งของกระบวนการสอน
- เพิ่มเวทีเพื่อใหครูไดแสดงผลงาน จะทําใหครูมีแรงจูงใจ ที่จะทําผลงานมากขึ้น สนับสนุน
ประสานงานกับหนวยงานตนสังกัดของครู ที่จะสรรหาผลตอบแทนเพื่อเลื่อนวิทยาฐานะ จะทําใหครูมี
ความสนใจและมีขวัญกําลังใจในการสรางสรรคผลงานมากขึ้น, ใหครูทําวิจัยในเรื่องที่สนใจ ภาคเรียนละ
1 เรื่อง โดยสอดคลองกับบทเรียน อาจใหเพื่อนครูหรือนักเรียนมีสวนรวมดวย
- สรางสื่อสําหรับใหครูเรียนรูได แมวาจะไมไดเดินทางไปรวมโครงการ
- ควรเนนและมีการติดตามทุกๆ ระยะ 3 เดือน/ครั้ง จะดีมาก
- ครูจะตองมีความสนใจ และตองการที่จะศึกษา และประยุกตใชกระบวนการวิจัยในการจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนใหสอดคลองกับเนื้อหา และมีการติดตามผลการวิจัยตลอดเวลา สามารถแกไข
ปญหาไดเมื่อพบขอมูลที่ไดจากการศึกษา
- ฝกอบรมการทําวิจัยใหกับครู เหมือนกับโครงการครุวิจัย เพราะครูไดฝกการลงมือปฏิบัติการ
ทําวิจัยจริงๆ ไดเกิดทักษะจริงๆ ไมควรจัดอบรมแบบเขม 2-3 วัน เพราะครูจะไมไดลงมือปฏิบัติจริงๆ
- ใหอาจารยมหาวิทยาลัยเปนพี่เลี้ยงตอ หลังจากกลับไปที่โรงเรียน เพื่อใหครูฝกทําวิจัยในชั้น
เรียน, จัดอบรมพัฒนาตอยอดงานวิจัยหลังจากที่ครูกลับไปทําวิจัยที่โรงเรียน
- 21. - 11 -
ไดประสบการณไปตั้งชุมนุม
อนุรักษ จัดคายแกนนํา และ
เครือขายครู
จักรายุทธ พลทะสอน
โรงเรียนบึงโขงหลงวิทยาคม จ.หนองคาย
E-mail: jakrayut@gmail.com
ครุวิจัยศูนยไดโนเสาร ภูกุมขาว ป 2553
ครุวิจัยใหอะไรกับพื้นที่ชุมน้ําบึงโขงหลง
จากการที่ไดมีโอกาสฝกทําวิจัยในโครงการครุ
วิจัย กับศูนยวิจัยไดโนเสาร พิพิธภัณฑสิรินธรภูกุมขาว
จังหวัดกาฬสินธุ ทําใหไดเรียนรู “กระบวนการจัดการ
เรียนรู“ ตามสภาพจริง โดยยึดผูเรียนเปนสําคัญ
ระหวางฝกทําวิจัยกับวิทยากรพี่เลี้ยง ไดรับความรู
และความสุข กับการเรียน จึงอยากใหนักเรียนไดมี
ความรูสึกแบบนั้นบาง
เพราะความพยายามแสวงหาเทคนิค วิธีการ
สอน ที่ทําใหนักเรียนรูสึกวา วิชาฟสิกสเปนวิชาที่นา
เรียน สนุก และไดความรู ทั้งที่ความจริงแลวฟสิกสเปน
วิชาที่ทาทาย ชวนใหคนหาความลับของธรรมชาติ ถา
เรารูเชนนั้นจะสนุกสนานกับวิชานี้มาก
ในทองถิ่นของขาพเจา เปนที่ตั้งของพื้นที่ชุม
น้ําบึงโขงหลง จ.หนองคาย (อีกหนอยก็จะกลายเปน
จังหวัดบึงกาฬ) ที่มีความสําคัญระดับนานาชาติ ลําดับ
ที่ 1098 และลําดับที่ 2 ของประเทศไทย และยังมีพื้นที่
ใกลเคียงกับ อุทยานแหงชาติภูลังกา อุทยานแหงชาติ
ภูวัว ภูสิงห ภูทอก รวมทั้งเชื่อมโยงกับแมน้ําโขง และ
แมน้ําสงคราม
ขาพเจาไดนําแนวคิด ประสบการณ จากการ
ที่ไดไปรวมโครงการครุวิจัย มาพัฒนาตอยอดจากสิ่งที่
มีอยูเดิม ดังนี้
จัดตั้งชุมนุมรูรักษภูลังกา เพื่อใหนักเรียนได
เรียนรูเกี่ยวกับความเปนมาของภูลังกา กอนจะมาเปน
อุทยานแหงชาติในปจจุบัน เพื่อสรางจิตสํานึกของ
เยาวชน ในการรวมกันอนุรักษ ใหอุทยานแหงชาติภู
ลังกาเปนแหลงตนน้ํา แหลงอาหาร ยาสมุนไพรตอไป
พานักเรียนในรายวิชาโลก ดาราศาสตรและ
อวกาศ ออกไปเรียนรูภายนอก เรื่องหิน ดิน การ
เปลี่ยนแปลงทางลักษณะธรณีวิทยา ในพื้นที่อุทยาน
แหงชาติภูลังกา
คายแกนนํา จัดกิจกรรมการตรวจวัด
คุณภาพน้ําในพื้นที่ชุมน้ําบึงโขงหลง รวมกับโรงเรียน
เครือขายที่อยูรอบพื้นที่ชุมน้ําบึงโขงหลง เพื่อเฝาระวัง
คุณภาพน้ําใหมีคุณภาพดีตลอดไป
สรางเครือขายครูวิทยรักษบึง ขึ้นมาเพื่อเปน
เวทีแลกเปลี่ยน รวมกันเฝาระวัง และสรางกิจกรรม
สรางจิตสํานึกใหกับนักเรียนในโรงเรียนเครือขาย
กิจกรรมที่กําลังดําเนินการอยู จะชวยให
ผูเรียนไดพัฒนาศักยภาพของตนเอง รวม ทั้งมี
คุณธรรมจริยธรรม มีจิตสํานึกในการอนุรักษพื้นที่ชุม
น้ําบึงโขงหลงใหคงอยูตลอดไป
桹¹íÒ¡ÒõÃǨÇa´¤u³ÀÒ¾¹éíÒ
¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¡ÒÃe»ÅÕè¹æ»Å§·Ò§¸Ã³ÕÇi·ÂÒ
ที่มา:
http://kruvijai.wordpress.com/2010/10/11/jakkrayut/
- 22. - 12 -
จัดตั้งชุมนุมนักวิทยาศาสตร
รุนเยาว
จิตรา สอนพงษ
โรงเรียนกุดสะเทียนวิทยาคาร จ.หนองบัวลําภู
E-mail: kruphysics.2@gmail.com
ครุวิจัยไดโนเสารภูกุมขาว ป 2553
จากประสบการณการฝกทําวิจัยในโครงการ
ครุวิจัย ศูนยวิจัยไดโนเสารภูกุมขาว อ.สหัสขันธ จ.
กาฬสินธุ ขอบอกวาไดรับประโยชนจากตรงนี้มาก ทั้ง
ในเรื่องความรู ทักษะกระบวนการวิจัย ประสบการณ
การเรียนรูทั้งในหองปฏิบัติการและการศึกษานอก
สถานที่ รวมทั้งมวลประสบการณที่ไดจากการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากเพื่อนครูดวยกัน
เมื่อกลับมาสูโรงเรียนไดนําความรูที่ไดมา
บูรณาการเขากับการจัดการเรียนการสอน โดยจัดตั้ง
ชุมนุมนักวิทยาศาสตรรุนเยาวกุดสะเทียนวิทย ขึ้น
สําหรับแนวทางในการจัดการเรียนการสอนนั้นไดใช
วิธีการเรียนรูที่เนนการสงเสริมใหเด็กทําโครงงานเพื่อ
ไดใชทักษะทางวิทยาศาสตร และจัดใหเด็กไดทดลอง
ในสนาม คือ สอนทั้งทฤษฎี ใหลงมือปฏิบัติ และ
พยายามใหเด็กนักเรียนสังเกตแลวแสดงความคิดเห็น
เปนการสรุปบทเรียนจากที่ไดลงมือปฏิบัติ ซึ่งใน
ชุมนุมนักวิทยาศาสตรรุนเยาวกุดสะเทียนวิทยนี้ จะมี
ทั้งนักเรียนม.ตน คือ ม.1-ม.3 และนักเรียนชั้นม.ปลาย
คือ ม.5 โดยใหเด็กม.ตนรวมกลุมกันทําโครงงาน ม.1
เนนเรียนพื้นฐานวิธีการ ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร และการคํานวณ สวนม.2 เรียนเรื่องการ
เขียนเคาโครงงานทางวิทยาศาสตร และการทดลอง
ยอยตาง ๆ เชน การทดลองสังเกตดิน หิน และแรธาตุ
ในหิน ที่พบในบริเวณรอบๆหมูบานของแตละคน
เพื่อศึกษาวาเปนหินอะไร และเกิดในยุคไหน เปนตน
และนักเรียนชั้นม.3 เปนการทําโครงงาน ซึ่งเราจะเนน
การใชภูมิปญญาทองถิ่นมาประยุกตใช เชน สียอมผา
จากเปลือกไมในธรรมชาติ ซึ่งโครงงานที่ใหเด็กทําจะ
เปนเหมือนกันทําวิจัยยอย เพราะตองเขียนบทที่ 1
ที่มาและเหตุผล บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวของ บทที่ 3
วิธีการทดลอง บทที่ 4 วิเคราะหขอมูล และบทที่ 5
สรุปผล ซึ่งวิธีการนี้เปนการฝกกระบวนการทาง
วิทยาศาสตรใหเด็กนําไปใชในชีวิตประจําวันได เพราะ
มีการพิสูจนโดยมีหลักการ และเหตุผลดวยการทดลอง
วิเคราะหขอมูลวาเกิดอะไรขึ้นหรือเกิดขึ้นเพราะอะไร
แลวนําสิ่งที่คนพบเหลานั้นมาสรุปเปนผลการวิจัย ซึ่ง
การไดเรียนโดยใชวิธีการนี้จะทําใหเด็กเปนคนมีเหตุผล
มากขึ้น และสําหรับนักเรียนชั้น ม.5 นอกจากจะเด็กจะ
ทําโครงงานวิทยาศาสตรแลว ยังไดพานักเรียนทํา
โครงการหุนยนตขึ้น โดยสวนมากจะเปนเด็กที่สนใจ
ดานการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร และแมคคาทอ
นิกสหรือการเคลื่อนไหวดานวิทยาศาสตร ซึ่งเด็กจะได
ฝกการคนควาขอมูลการเขียนโปรแกรมจากแหลงตาง
ๆ และลงมือประกอบหุนยนต โดยใชพื้นฐานความรู
ดานวิทยาศาสตรที่เรียนมาประสานกับโปรแกรมที่
เขียนขึ้นดวยตัวเอง
อยางไรก็ตามสิ่งที่ภาคภูมิใจคือ เด็กรูจักวิธี
คิด มีวิธีแกปญหาที่เหมาะสม มีความมั่นใจและมี
ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงขึ้น เพราะในการทําโครงงาน
เด็กจะตองคิดและตัดสินใจเลือกใชเทคโนโลยีใหเปน
ประโยชนกับโครงงานอยางเหมาะสม ในระหวางที่ทํา
โครงงานเด็กก็ตองสื่อสารกับครูที่ปรึกษาใหเขาใจ และ
เมื่อโครงงานสําเร็จจะตองมีการนําเสนอโครงงาน คือ
เด็กตองสามารถทําใหบุคคลอื่น ๆ เขาใจในสิ่งที่ทําดวย
ซึ่งสิ่งเหลานี้เปนคุณลักษณะที่พึงประสงคของคนไทย
ในอนาคต และของการเปนนักวิทยาศาสตรที่ดีของ
ชาติตอไป
ที่มา: http://kruvijai.wordpress.com/2010/10/13/jittra/
- 23. - 13 -
จัดแสดงซากดึกดําบรรพ
วุฒิศักดิ์ บุญแนน
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
E-mail: wutthisakcomplete@gmail.com
ศูนยครุวิจัยไดโนเสารภูกุมขาว ป 2553
สวัสดีครับ ผมวุฒิศักดิ์ บุญแนน โรงเรียน
สาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ไดเขารวมโครงการครุ
วิจัย ป 2553 ที่ศูนยวิจัยไดโนเสารภูกุมขาว จังหวัด
กาฬสินธุ ความรูและประสบการณที่ไดรับจากการรวม
โครงการ
สิ่งแรกที่ไดนํามาใชคือ การจัดแสดง ตัวอยาง
หิน ตัวอยางไมกลายเปนหิน และตัวอยาง fossil ที่เก็บ
ตัวอยางมาจากการเขารวมโครงการ นํามาจัดแสดงที่
หองปฏิบัติการวิทยาศาสตรของโรงเรียน และใชเปนสื่อ
การสอน ในเรื่องของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และสื่อ
การสอนเรื่องหิน แร ซึ่งเปนสิ่งสําคัญมาก เพราะ
นักเรียนสวนใหญไมรูจักวิธีการดูลักษณะของหิน ไม
รูจักการดูลักษณะ fossil ไมรูจักไมกลายเปนหิน
ประการที่สองการตอยอดความรู โดยการนํา
นักเรียนเขียนขอสนอโครงการยุววิจัยยางพารา เพื่อจะ
ไดนําเอาความรูระเบียบวิธีวิจัย มาใชฝกประสบการณ
การเรียนรูใหกับนักเรียนและประการที่สาม การตอยอด
กระบวนการ เรียนรู โดยนําเสนอโครงการ การสราง
นวัตกรรมการเรียนรู กับสํานักงานสงเสริมสังคมแหง
การเรียนรูและพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) เพื่อจัด
โครงการนักสืบเสาะธรณีวิทยาและซากดึกดําบรรพ
(Inquiry Geology and Fossil Project ) เพื่อนํา
นักเรียนฝกประสบการณการเรียนรู จากแหลงเรียนรู
และแหลงทรัพยากร ที่มีจํานวนมากในภูมิภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และฝกประสบการณการสืบ
เสาะหาความรู โดยใชทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร โดยมีครูและผูเชี่ยวชาญของศูนยวิจัยและ
การศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
และผูเชี่ยวชาญของกรมทรัพยากรธรณี คือ ดร.วราวุธ
สุธีธร เปนที่ปรึกษาและเปนวิทยากรใหความรู และ
สรางสื่อสารคดีถายทอดไปยังกลุมเพื่อนๆ โรงเรียนอื่น
หรือจัดกิจกรรมถายทอดความรู ใหกับกลุมเพื่อนๆ
โรงเรียนอื่นตอไป
จากประสบการณที่ไดรับ มิไดเปนแคความรู
และประสบการณเทานั้น แตรวมถึงความสัมพันธอันดี
ระหวางครูกับหนวยงานศูนยพี่เลี้ยง รวมทั่งเพื่อนๆ ครู
โรงเรียนอื่น ที่จะประสานสัมพันธความรวมมือทางดาน
วิชาการ เพื่อจะพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติ พัฒนา
ผลงานทางวิชาการของครู สิ่งเหลานี้คือ ประโยชน
มากมาย ที่เกิดขึ้นจากโครงการครุวิจัย ของ สกว.
ดังนั้นถาจะพัฒนาการเรียนการสอนของ
ประเทศ พัฒนาความรูทางดานวิชาการของเยาวชน ที่
มีคาแนวโนมต่ําลงที่ผูใหญหลายๆ คนก็ทราบ ก็จะตอง
พัฒนากระบวนการ เรียนรูของครูและกระบวนการ
เรียนรูของเยาวชน ที่ไมยึดติดกรอบเฉพาะในโรงเรียน
หรือในหลักสูตรอยางเดียว ในความคิดของกระผม
รัฐบาลใชงบประมาณมหาศาล ในการทําหลายๆ
สิ่ง แตถาใชงบประมาณกับการพัฒนาการศึกษา คงทํา
ใหคนในชาติและเยาวชนของชาติไดประโยชน
ที่มา: http://kruvijai.wordpress.com/2010/08/17/wuttisak/