More Related Content
Similar to หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างข้อมูล
Similar to หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างข้อมูล (20)
More from Wareerut Suwannalop
More from Wareerut Suwannalop (6)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างข้อมูล
- 1. หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โครงสร้างข้อมูล<br />เป็นวิธีจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ <br />การใช้งานโครงสร้างข้อมูล ต้องมีขั้นตอนวิธีที่เหมาะสม จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />การออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ดีจะช่วยลดเวลาในการกระทำการและลดการใช้งานในพื้นที่ความจำด้วย<br />ชนิดของโครงสร้างข้อมูล<br />1.โครงสร้างข้อมูลเบื้องต้น (Primitive Data Structure) เป็นชนิดข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างข้อมูลอื่นมาเป็นส่วนประกอย เมื่อต้องการเก็บค่าสามารถเรียกใช้งานได้ทันที บางครั้งเรียกว่าชนิดข้อมูลพื้นฐาน(Base Type)หรือสร้างมาให้ใช้ด้วยภาษานั้นๆ ส่วนโครงสร้างข้อมูลแบบอื่น ๆ จะมีโครงสร้างข้อมูลอื่นเป็นส่วนประกอบ เมื่อต้องการใช้จะต้องกำหนดรูปแบบรายละเอียดโครงสร้างขึ้นมาก่อนเรียกว่าข้อมูลชนิดผู้ใช้กำหนด (Uses-definedType)ดังนี้ 1. โครงสร้างข้อมูลแบบเรียบง่าย (Simple Data Structure) จะมีสมาชิกที่เป็นโครงสร้างข้อมูลอื่นเป็นส่วนประกอบมีรูปแบบง่ายๆไม่ซับซ้อนสามารถทำความเข้าใจและสร้างขึ้นมาใช้งานได้ง่าย 2.โครงสร้างข้อมูลเชิงเส้น (Linear Data Structure) เป็นโครงสร้างที่ความซับซ้อนมากขึ้น ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นโครงสร้างข้อมูลอื่นจัดเรียงต่อกันเป็นแนวเส้น 3.โครงสร้างข้อมูลไม่เป็นเชิงเส้น (Nonlinear Data Structure) เป็นโครงสร้างที่มีความซับซ้อนเช่นกัน ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นโครงสร้างข้อมูลอื่นจัดเรียงกันในรูปแบบไบนารี่ที่จัดเรียงสมาชิกมีการแยกออกเป็นสองทาง และแบบ N- อาร์เรย์ ที่จัดเรียงสมาชิกมีการแยกออกได้หลายทางหลายรูปแบบไม่แน่นอน 4.โครงสร้างการจัดการแฟ้มข้อมูล (FileOrganization) เป็นโครงสร้างสำหรับนำข้อมูลเก็บไว้ในหน่วยความจำสำรองโดยข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบโครงสร้างข้อมูลอื่นและมีวิธีการจัดการโดยการนำโครงสร้างข้อมูลอื่นๆมาช่วย โครงสร้างข้อมูลต่างๆที่กล่าวมาอาจต้องมีการควบคุมการทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและส่วนที่มาเกี่ยวข้องให้เป็นไปตามที่ต้องการเรียกว่า โครงสร้างข้อมูลนามธรรม ลักษณะโครงสร้างจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนข้อมูลและส่วนปฏิบัติการ โดนภายในจะมีรายลเอียดการทำงานต่าง ๆ ประกอบด้วยโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลและอัลกอริทึมเมื่อใดที่เรียกใช้งานโครงสร้างนามธรรมในส่วนรายละเอียดการทำงานจะไม่ถูกเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบโดยถูกปิดบังไว้จะเห็นว่าโครงสร้างข้อมูลซับซ้อนจะเป็นโครงสร้างข้อมูลนามธรรมที่ต้องมีส่วนการจัดเก็บข้อมูลและส่วนปฏิบัติการ<br />ลักษณะของข้อมูล<br />ข้อมูลที่มีความถูกต้องและเชื่อถือได้ (accuracy) ข้อมูลจะมีความถูกต้องและเชื่อถืได้มากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นกับวิธีการที่ใช้ในการควบคุมข้อมูลนำเข้า และการควบคุมการประมวลผลการควบคุมข้อมูลนำเข้าเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลนำเข้ามีความถูกต้องเชื่อถือได้ เพราะถ้าข้อมูลนำเข้าไม่มีความถูกต้องแล้วถึงแม้จะใช้วิธีการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่ดีเพียงใด ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่มีความถูกต้อง หรือนำไปใช้ไม่ได้ ข้อมูลนำเข้าจะต้องเป็นข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบว่าถูกต้องแล้ว ข้อมูลบางอย่างอาจต้องแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้อง ซึ่งอาจต้องพิมพ์ข้อมูลมาตรวจเช็คด้วยมือก่อน การประมวลผลถึงแม้ว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลนำเข้าแล้วก็ตาม ก็อาจทำให้ได้ข้อมูลที่ผิดพลาดได้ เช่น เกิดจากการเขียนโปรแกรมหรือใช้สูตรคำนวณผิดพลาดได้ ดังนั้นจึงควรกำหนดวิธีการควบคุมการประมวลผลซึ่งได้แก่ การตรวจเช็คยอดรวมที่ได้จากการประมวลผลแต่ละครั้ง หรือการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์กับข้อมูลสมมติที่มีการคำนวณด้วยว่ามีความถูกต้องตรงกันหรือไม่<br />ข้อมูลตรงตามความต้องการของผู้ใช้ (relevancy) ได้แก่ การเก็บเฉพาะข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการเท่านั้น ไม่ควร เก็บข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน เพราะจะทำให้เสียเวลาและเสียเนื้อที่ในหน่วยเก็บข้อมูล แต่ทั้งนี้ข้อมูลที่เก็บจะต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย<br /> ข้อมูลมีความทันสมัย (timeliness) ข้อมูลที่ดีนั้นนอกจากจะเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้องเชื่อถือได้แล้วจะ ต้องเป็นข้อมูลที่ทันสมัย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำเอาผลลัพธ์ที่ได้ไปใช้ได้ทันเวลา นั่นคือจะต้องเก็บข้อมูลได้รวดเร็วเพื่อทันความต้องการของผู้ใช้<br />การเรียงลำดับข้อมูล<br /> <br />การค้นหาข้อมูล<br />ปัจจุบันนี้เสิร์ชเอ็นจิ้น (search engine) กลายมาเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการท่องโลกอินเตอร์เนต เพราะหากไม่มีบริการช่วยค้นหาข้อมูลเหล่านี้เราต้องใช้เวลานับหลายชั่วโมง หรือเป็นวันที่จะค้นหาข้อมูล ที่เราต้องการ จะใช้งานครบซึ่งเสิร์ชเอ็นจิ้น ก็มีมากมาย หลายเจ้า ให้เราได้เลือกใช้งานกันซึ่งแต่ละเจ้าก็มีวิธีการที่ใช้ค้นหาาข้อมูลที่แตกต่างกัน เราสามารถแบ่ง เว็บไซต์ ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่<br />การบริการค้นหาโดยใช้ อินเด็กซ์ (index)<br />การบริการค้นหา ข้อมูลตามหมวดหมู่ (directory)<br />การค้นหาโดยใช้อินเด็กซ์<br />เราคง เคยได้ยินชื่อ เสิร์ช เอ็นจิ้น อย่าง อัลตาวิสต้า (AltaVista/www.altavista.digital.com) และฮ็อทบ็อท (HotBot/www.hotbot.com) ทั้งสอง เป็นตัวอย่างของเสิร์ช เอ็นจิ้นนี้ หลักการคือ เขาจะมีโปรแกรมตัวหนึ่ง เป็นตัวสแกน ไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เรียกว่า โปรแกรม สไปเดอร์ การค้นหา ข้อมูลโดยใ ช้ อินเด็กซ์<br />การค้นหาตามหมวดหมู่<br />เสิร์ช เอ็นจิ้น ชื่อดังอีก 2 ตัว ได้แก่ ยาฮู (Yahoo!/www.yahoo.com)และแมกเจลแลน (Magellan/www.magellan.com) เลือกใช้เทคนิคนี้ โดยใช้มนุษย์ เป็นคนจัดหมวดหมู่ ของเว็บไซต์ และคอย ปรับปรุงให้ขอมูล ทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากบัญชี รายชื่อเว็บไซต์ ได้ผ่านการจัด หมวดหมู่โดยมนุษย์ ดังนั้น ในรายชื่อก็จะมี รายละเอียด คร่าว ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ ที่เพิ่มเติม ลงไป ข้อของการค้นหาแบบนี้คือ จะสามารถตีกรอบผลลัพธ์ ออกมาตรง กับความ ต้องการ มากขึ้น เช่น เราลองใส่คำว่า quot;
Spiderquot;
ในยาฮู! ค้นหาดู เราจะได้รายการของ หมวดหมู่ออกมา<br />ส่วนบนของฟอร์ม<br />ส่วนล่างของฟอร์ม<br />