สมาชิกกลุ่ม 1.นายกิตติ สันติภราภพ เลขที่ 2 2.นายจักรกฤษณ์ ยันต์มโนมัย เลขที่ 12 3.นางสาวพรทิพย์ โพธ์เงิน เลขที่ 30 4.นางสาวสิริกร วิจิตรสิริโชติ เลขที่ 31 5.นางสาวสุดารัตน์ จันทร์ชาวใต้ เลขที่ 32 6.นางสาวณัฐธิดา ชลอทรัพย์ เลขที่ 37 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/3

2. สถาปัตยกรรมระบบฐานข้อมูล คือ
โครงสร้างของข้อมูลภายในระบบฐานข้อมูล แบ่ง
สถาปัตยกรรมของฐานข้อมูลออกเป็น 3 ระดับ
ประกอบด้วย
1.ระดับภายใน (Internal Level)
2.ระดับแนวความคิด(Conceptual Level)
3.ระดับภายนอก(External Level)

3. 1. ระดับภายนอก (External level)
มาจากแบบฟอร์มเอกสาร ว่ามีอะไรในเอกสารบ้าง
หรือจากผู้ใช้ที่แต่ละคนเป็นการรวบรวมข้อมูล
อย่างง่าย ๆ จากผู้ใช้เพื่อให้กับนักวิเคราะห์นาไป
ศึกษา
ผู้ใช้คนที่หนึ่ง : (รหัส, ชื่อ)
ผู้ใช้คนที่สอง : (รหัส, ที่อยู่)

4. 2.ระดับความคิด (Conceptual level)
ตีความออกมาเป็นตารางโดยนาแบบฟอร์มต่าง ๆ มา
รวมกัน เพื่อแสดงความต้องการของผู้ใช้ในรูปที่สมบูร์์
อาจมีการวิเคราะห์ และออกแบบโดยผ่านขั้นตอน
มากมาย ทั้ง E-R หรือ Normalization จนเสร็จสิ้น
พนักงาน (รหัส, ชื่อ, ที่อยู่) ในแบบสคีมา(Schema)หรือ
person (id, name, address) ในแบบสคีมา(Schema)

5. 3.ระดับภายใน (Internal level)
ตีความในระดับการจัดเก็บข้อมูลจริง เป็นหน้าที่ขอผู้ออกแบบ
อย่างแท้จริง
วัตถุประสงค์ที่ต้องแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
•ให้ผู้ใช้สามารถใช้ข้อมูลชุดเดียวกันได้หลายๆคนโดยไม่มี
ผลกระทบต่อผู้อื่นที่กาลังใช้งานฐานข้อมูลอยู่
•ผู้ใช้ไม่จาเป็นต้องสนใจโครงสร้างภายในฐานข้อมูล ปล่อยให้
เป็นหน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล(DBMS)
•ผู้บริหารฐานข้อมูลสาสารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฐานข้อมูล
ได้โดยไม่กระทบกับผู้ใช้ฐานข้อมูล

6. ความเป็นอิสระของข้อมูล (Data Independence)
ความเป็นอิสระของข้อมูล คือการที่ผู้ใช้สามารถ
เปลี่ยนแปลงข้อมูลในระดับแนวความคิด หรือระดับ
ภายในได้โดยไม่กระทบกับโปรแกรมที่เรียกใช้ ผู้ใช้ยัง
มองเห็นโครงสร้างข้อมูลในระดับ ภายนอกเหมือนเดิม
และใช้งานได้ตามปกติ โดยมี DBMS เป็นตัว
จัดการในการเชื่อมต่อข้อมูลในระดับภายนอกกับระดับ
แนวความคิด และเชื่อมข้อมูลระดับแนวความคิดกับ
ระดับภายใน

7. ความเป็นอิสระของข้อมูลแบ่งออกเป็น2 ลักษณะคือ
• ความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงตรรกะ (Logical Data
Independence) คือ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลระดับ
แนวความคิดโดยไม่กระทบต่อผู้ใช้งาน
• ความเป็นอิสระของข้อมูลเชิงกายภาพ (Physical Data
Independence) คือ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลระดับภายใน
โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้ระดับแนวความคิด

8. ประโยชน์ของการจัดแบ่งข้อมูลออกเป็นลาดับชั้น
•ผู้ใช้งานไม่จาเป็นต้องสนใจรายละเอียดของโครงสร้างในการ
จัดเก็บข้อมูล
•ผู้ใช้แต่ละคนสามารถนาข้อมูลชุดเดียวกัน มาใช้งานที่แตกต่าง
กัน และจัดรูปแบบการ แสดงผลต่างๆ ให้แตกต่างกันตามความ
ต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้ โดยไม่กระทบกับโครงสร้าง
•มีความเป็นอิสระของข้อมูลกับตัวโปรแกรม คือ สามารถแก้ไข
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ข้อมูลได้โดยไม่ต้องทาการแก้ไข
โปรแกรม

9. การแปลงรูป (Mapping)
คือ การถ่ายทอดมุมมองจากสถาปัตยกรรมในระดับที่
สูงกว่า ไปยังระดับที่ต่ากว่า ซึ่งแบ่งเป็น 2 ลักษ์ะคือ
- การแปลงรูประหว่างระดับภายนอกกับระดับ
แนวความคิด
- การแปลงรูปจากระดับแนวความคิดกับระดับภายใน

10. การออกแบบฐานข้อมูล
การออกแบบฐานข้อมูล (Designing Databases) มี
ความสาคัญต่อการจัดการระบบฐานข้อมูล (DBMS) ทั้งนี้
เนื่องจากข้อมูลที่อยู่ภายในฐานข้อมูลจะต้องศึกษาถึง
ความสัมพันธ์ของข้อมูล โครงสร้างของข้อมูลการเข้าถึง
ข้อมูลและกระบวนการที่โปรแกรมประยุกต์จะเรียกใช้
ฐานข้อมูล ดังนั้น เราจึงสามารถแบ่งวิธีการสร้างฐานข้อมูล
ได้3 ประเภท

11. 1. รูปแบบข้อมูลแบบลาดับขั้น หรือโครงสร้างแบบลาดับขั้น
(Hierarchical data model)
2. รูปแบบข้อมูลแบบเครือข่าย (Network data Model)
3. รูปแบบความสัมพันธ์ข้อมูล (Relation data model)