More Related Content Similar to สถาปัตยกรรมและการออกแบบฐานข้อมูล Similar to สถาปัตยกรรมและการออกแบบฐานข้อมูล (20) สถาปัตยกรรมและการออกแบบฐานข้อมูล1. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล และ แบบ
จำา ลองข้อ มูล
Database Architecture and Data
Model
Introduction to
Database
อ.อัจฉรา สุมังเกษตร
Introduction to Database
2. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
“สถาปัต ยกรรม”
จะเป็นการศึกษาถึงโครงสร้าง
องค์ประกอบหลักของระบบ และหน้าที่ในแต่ละองค์
ประกอบ รวมทังการสื่อสารหรือการติดต่อกับส่วน
้
อื่น ๆ ทีเกี่ยวข้อง ในระบบฐานข้อมูล โปรแกรม
่
ประยุกต์ไม่ได้ขึ้นอยูกับโครงสร้างข้อมูลทีมการ
่
่ ี
เปลี่ยนแปลงเนื่องจากการจัดโครงสร้างของระบบ
ฐานข้อมูล สถาบันANSI-SPARC ( American
National Standards Institute : ANSI and
Standards Planning and Requirements
Committee : SPARC) มีการแบ่งระดับของข้อมูล
Introduction to Database
3. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
ระดับ ภายใน
( Internal Level)
เป็นระดับของการจัดเก็บฐานข้อมูลในหน่วยเก็บ
ข้อมูลสำารองจริง ๆ ว่ามีโครงสร้างข้อมูลจัดเก็บ
อย่างไร (how) ในฐานข้อมูล โดยโครงสร้างข้อมูล
ในแต่ละแบบจะมีผลต่อประสิทธิภาพของความเร็ว
ในการเข้าถึง (access) ด้วย
Introduction to Database
4. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
ระดับ แนวคิด
(Conceptual Level)
เป็นโครงสร้างหลักของระบบโดยรวม เป็นระดับ
ของการออกแบบฐานข้อมูล ว่าจะเก็บข้อมูลอะไร
(what) และมุงเน้นความสัมพันธ์ (relationship)
่
ระหว่างข้อมูล ผลลัพธ์ทได้จะทำาให้เกิดสิงทีเรียกว่า
ี่
่ ่
Schema (มุมมองระบบ) ในระดับนีจะเรียกว่า
้
Conceptual Schema อธิบายว่า ฐานข้อมูลที่
สร้างประกอบด้วยEntityอะไรบ้าง แต่ละEntity
ประกอบด้วยเขตข้อมูล(Attribute)ใดบ้าง และ
ความสัมพันธ์(Relationship)แต่ละEntityเป็น
Introduction to Database
อย่างไร
5. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
: การกำาหนดความสัมพันธ์ระหว่าง
ตาราง แบ่งออกเป็น
1. ความสัม พัน ธ์แ บบหนึง ต่อ หนึง (one-to่
่
one relationship) : เป็นความสัมพันธ์
ระหว่างentityหนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับ
อีกentityหนึ่งเพียงหนึ่งรายการเท่านั้น เช่น
1
พนักงาน(Staff) หนึ่งคนจะดูแลหนึงสาขา ในขณะ
่
1
Staff
Manages
Branch
ทีสาขาจะมีหัวหน้าพนักงานดูแลได้เพียงหนึงคน
่
่
Relationship
รูปความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง
Introduction to Database
6. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
2. ความสัม พัน ธ์แ บบหนึง ต่อ กลุ่ม (one-to่
many relationship) : เป็นความสัมพันธ์
ระหว่าง entity หนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับอีก
entity หนึ่งมากกว่าหนึ่งรายการ เช่น สาขาหนึง
่
จะมีพนักงานอยู่หลายคน โดยที่พนักงานหลาย ๆ
คนจะสังกัดอยู่หนึ่งสาขา
Branch
1
Is Allocated
M
Staff
รูปความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม
Introduction to Database
7. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
3. ความสัม พัน ธ์แ บบกลุ่ม ต่อ กลุ่ม (many-tomany relationship) : เป็นความสัมพันธ์แบบ
หลายรายการระหว่างentityทังสอง เช่น บ้านเช่า
้
หลาย ๆ หลังสามารถประกาศโฆษณาลงใน
หนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับได้ ในขณะที่
N
หนัNewspaper หลายฉบับก็สามารถลงโฆษณาบ้าน
งสือพิมพ์ M Is Allocated
Property_for
_Rent
เช่าได้หลายหลังเช่นกัน
รูปความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
Introduction to Database
8. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
ระดับ ภายนอก
(External Level)
เป็นระดับการมองหรือวิว(View)ของข้อมูลภายใน
ฐานข้อมูลสำาหรับผู้ใช้งานแต่ละคน เป็นระดับทีมี
่
การนำาข้อมูลจากฐานข้อมูลไปใช้งาน โดยผู้ใช้
แต่ละคนสามารถเลือกอ่านข้อมูลเฉพาะที่ตนสนใจ
หรือต้องการใช้เท่านั้น วิวของข้อมูลจะถูกดึงมา
จาก Conceptual Schema และสิ่งทีใช้อธิบายวิว
่
ข้อมูลทีถูกดึงมาจากฐานข้อมูลทีอยู่ในระดับ
่
่
Conceptual นีจะเรียกว่า External Schema
้
Introduction to Database
หรือ Subschema(มุมมองผู้ใช้งาน) ซึงสามารถมี
่
9. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
ประโยชน์ข องสถาปัต ยกรรม
3 ระดับ
1. มุม มองข้อ มูล ของผู้ใ ช้ง าน (View of each
user)
สถาปัตยกรรมฐานข้อมูลในแต่ละระดับจะมี DBMS
ทำาหน้าทีแปล(Map) ระดับข้อมูลจากระดับหนึงไป
่
่
อีกระดับหนึง ซึ่ง DBMS จะต้องมีการตรวจสอบ
่
Schema เพื่อให้เกิดความถูกต้องตรงกัน
การMapหรือการแปลระดับข้อมูลจะทำาให้เกิด
ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ระดับ ความคิด และระดับ ภายนอก : ทำาให้ผู้
ใช้งานฐานข้อมูลสามารถมีมมมองข้อมูลที่แตกต่าง
ุ
Introduction to Database
กัน
10. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
2. ระดับ แนวคิด และระดับ ภายใน : ทำาให้ผู้ใช้
งานฐานข้อมูลไม่จำาเป็นต้องทราบว่าข้อมูลที่
ต้องการใช้นนถูกจัดเก็บอยูอย่างไรในดิสก์ จะเป็น
ั้
่
หน้าทีของ DBMS ทีจะดูว่าข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการนัน
่
่
้
ถูกจัดเก็บอยู่ ณ ตำาแหน่งใดในดิสก์ แล้วทำาการดึง
ข้อมูลนันจากดิสก์มาให้แก้ผู้ใช้
้
2. ความเป็น อิส ระของข้อ มูล (Data
Independence)
คือ ผู้ใช้ไม่จำาเป็นต้องแก้ไขโปรแกรมทุกครั้งเมื่อมี
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือข้อมูลในระดับ
Introduction to Database
แนวคิดและระดับภายใน โดยจะปล่อยให้ DBMS
11. สถาปัต ยกรรมฐานข้อ มูล (Database
Architecture)
1.ความอิส ระของข้อ มูล ทางลอจิค ัล (Logical
Data Independence) คือ การเปลี่ยนแปลง คือ
การเปลี่ยนแปลงในโครงร่างแนวคิด เช่น การเพิ่ม
การเปลี่ยนแปลง Attribute หรือ ความสัมพันธ์ใด
ๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงร่างภายนอกทีผู้ใช้ใช้
่
งานอยู่
2.ความอิส ระของข้อ มูล ทางฟิส ิ
คอล(Physical Data Independence) คือ ผล
ของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไฟล์นั้นจะไม่ส่ง
ผลกระทบใด ๆ ต่อ โครงร่างแนวคิดและระดับ
Introduction งลำาดับ
ภายใน เช่น เปลี่ยนโครงสร้างไฟล์แบบเรียto Database
12. สมาชิก ในกลุ่ม
1.นาย
ทีปกร แสนดี ม.5/3 เลขที่ 3
2.นาย วิชญ์พล กาญจนกำาเนิด ม.5/3 เลขที่ 11
3.นาย ณัฐพร คำามะนาง ม.5/3 เลขที่ 15
4.นาย นัฐพงษ์ คิ้ววงศ์งาม ม.5/3 เลขที่ 16
5.นาย ภานรินทร์ จิตธรรม ม.5/3 เลขที่ 18
6.นาย ปานเทพ บุญมนภัทร ม.5/3 เลขที่ 22
Introduction to Database