More Related Content
More from SuriwiphaSriwanna
More from SuriwiphaSriwanna (9)
12
- 2. ประวัติความเป็นมาของการแนะแนว
แฟรงค์ พาร์สันส์ (Frank Parsons) เป็น
ผู้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวกับ บุคคลทางานที่ถนัดและ
ความสนใจย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของงาน
แฟรงค์ พาร์สันส์ ได้ก่อตั้งสานักงานการอาชีพขึ้น
ที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1908 และ
ได้เขียนหนังสือเรื่อง “การเลือกอาชีพ”
- 10. บริการแนะแนวกับการพัฒนานักเรียน
บริการแนะแนว
บริการแนะแนว เป็นบริการที่ช่วยให้นักเรียน
ได้รู้จัก และเข้าใจตนเอง ทั้งด้านการศึกษา อาชีพ
ส่วนตัวและสังคม สามารถตัดสินใจเลือกทางเดิน
สาหรับตนเองได้อย่างชาญฉลาด ตลอดจนเข้าใจผู้อื่น
และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
- 13. บริการให้การปรึกษา
การปรึกษาเชิงจิตวิทยา หมายถึง กระบวนการที่มี
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้การปรึกษากับผู้รับการปรึกษา โดย
ผู้ให้การปรึกษา ประยุกต์ใช้หลักการ/แนวคิดทางจิตวิทยามา
เอื้ออานวยให้ผู้รับการปรึกษาได้ตระหนักในประสบการณ์ของ
ตนผ่านการสนทนาระหว่างผู้ให้การปรึกษาและผู้รับการ
ปรึกษา โดยให้ผู้รับการปรึกษาได้สารวจตนเอง เพื่อรู้จัก
เข้าใจ และยอมรับตนเองในสิ่งที่เป็นปัญหาได้มากขึ้น และ
สามารถแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง
- 21. ความหมายของการปรึกษา
การปรึกษา หมายถึง กระบวนการที่มีปฏิสัมพันธ์
ระหว่างบุคคล อาศัยการสื่อสารแบบสองทาง ระหว่าง
บุคคลหนึ่งในฐานะผู้ให้การปรึกษา ซึ่งทาหน้าที่
เอื้ออานวยให้อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับการปรึกษาได้
สารวจ และทาความเข้าใจถึงสิ่งที่เป็นปัญหาและ
แสวงหาหนทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตนเอง
- 28. 2. ขั้นการสารวจปัญหา
ขั้นสารวจปัญหา
ผู้ให้การปรึกษาจะต้องใช้ทักษะต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสและกระตุ้นให้
ผู้รับการปรึกษาเล่าถึงปัญหาต่างๆ เพื่อสารวจปัญหาและความ
ต้องการของผู้รับการปรึกษา ตลอดจนได้เรียนรู้ความคิด ความรู้สึก
และพฤติกรรมของตนเอง จนได้พบปัญหาและรับรู้ความต้องการหรือ
ท่าทีที่ตนเองมีต่อปัญหา ซึ่งในขั้นการสารวจปัญหานี้ จะใช้ระยะเวลา
มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับพื้นฐานสติปัญญาความสามารถ ลักษณะ
นิสัยของผู้รับการปรึกษา และความชานาญในการใช้ทักษะของผู้ให้
การปรึกษา
- 35. ข้อควรระวัง
คาถามที่ไม่ควรใช้ คือ คาว่า "ทาไม" เพราะผู้ฟังจะรู้สึก
เหมือนถูกตาหนิ อาจไม่ได้รับคาตอบที่แท้จริง หรือกระทบ
ต่อการสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดี เช่น
" ทาไมคุณยังไม่บอกผลเลือดแก่ภรรยาคุณ "
คาถามที่ควรใช้
" เพราะอะไรคุณจึงยังไม่บอกผลเลือดแก่ภรรยาของคุณ "
เป็นคาถามที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลน่าตอบมากกว่า
- 36. ง . การเงียบ ระหว่างการพูดคุยกัน อาจมีช่วงจังหวะหนึ่งที่ผู้รับคาปรึกษาไม่พูด
อะไรเลย ผู้ให้คาปรึกษาจะต้องพิจารณาว่า ผู้รับคาปรึกษาเงียบเพราะอะไร อาจ
เนื่องจากเรื่องที่จะ พูดเป็นความลับและรู้สึกลาบากใจที่จะเปิดเผย กาลังคิดอยู่ว่า
จะพูดอย่างไรดี ผู้ให้คาปรึกษาควร เงียบให้เวลาเขาด้วย แต่ไม่ควรปล่อยให้เกิด
ความ เงียบอยู่นานเกิน 2 - 3 นาที ถ้านานเกินไปอาจ ต้องกระตุ้นให้เขาได้พูด
ออกมา เช่น ถามความรู้สึกหรือความคิด
ของผู้รับคาปรึกษาในขณะนั้น
จ. การทวนความ คือการทบทวนเรื่องราวที่ผู้รับคาปรึกษาเล่าให้ฟัง เพื่อทดสอบ
ว่า มีความเข้าใจตรงกัน และยังสามารถช่วยให้ผู้รับคาปรึกษารู้สึกว่า ผู้ให้
คาปรึกษาสนใจและเข้าใจ
- 37. ฉ. การสะท้อนความรู้สึก
คือ การจับใจความ หรือจับความรู้สึกของผู้รับคาปรึกษา เพื่อสะท้อนให้ผู้รับ
คาปรึกษาทราบถึงความคิด และความรู้สึกได้เห็นเด่นชัด ช่วยให้ผู้รับ
คาปรึกษา เกิดความไว้วางใจ และกล้าเปิดเผยตนเองมากขึ้น เพราะเข้าใจ
ความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้น และที่ สาคัญ คือเป็นการช่วยลดอารมณ์ ลด
ความรู้สึกที่มีต่อปัญหาให้คลี่คลายลง เกิดสติปัญญาในการ มองปัญหาของ
ตนเองด้วยความเป็นจริงมากขึ้น
ตัวอย่าง การสะท้อนความรู้สึกที่ช่วยให้เขารับรู้และเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริง
ของเขา
< "คุณรู้สึกว่าเพื่อนบ้านแสดงความรังเกียจที่ทราบว่าคุณติดเชื้อเอดส์หรือคะ"
- 38. คำที่ใช้แสดงควำมรู ้สึก
ควำมสุข ควำมทุกข์ ควำมกลัว ควำมไม
แน่นอน
ควำมโกรธ
สุขใจ ท้อใจ ตื่นกลัว ประหลาดใจ เสียใจ
พอใจ เจ็บใจ กังวล สนเท่ห์ คับแค้นใจ
สมหวัง ผิดหวัง ตกใจ สับสน ราคาญใจ
ดีใจ ขมขื่น น้อยใจ ไม่แน่ใจ ยุ่งยากใจ
ร่าเริงใจ เศร้าซึม ปกป้อง ลังเลใจ เบื่อหน่าย
สนุก ทุกข์ใจ กลัว วุ่นวายใจ โกรธ
สบาย ลาบากใจ เครียด หมกมุ่น ทรมาน
ยินดี สิ้นหวัง ประสาท สังหรณ์ใจ ฉุนเฉียว
สดชื่น เปลี่ยวใจ ไม่สะดวกใจ กวนใจ บ้า
ตื่นเต้น หดหู่ใจ ลาบากใจ แปลกใจ รุนแรง
ชอบใจ เหงา ไม่ปลอดภัย อึดอัดใจ เจ็บใจ
- 39. ช. การแกะรอย
คือ การใช้เทคนิคของการฟัง การถาม การทวนความ
การสะท้อนความรู้สึก และ การเงียบ มาใช้เพื่อติดตาม
ความคิด ความรู้สึกของเขา ให้เขาได้มองเห็นความคิด
ความรู้สึก และปัญหาที่เขามีอยู่ ได้ด้วยตนเอง เพื่อให้
เกิดความเข้าใจปัญหา สาเหตุ และความต้องการที่
แท้จริงของเขาอย่างกระจ่างชัด
- 40. ซ. การสรุป คือ การรวบรวมสิ่งที่พูดกันมาทั้งหมดออกมาให้
ได้ใจความสาคัญ อาจจะสรุปเนื้ อหาหรือความรู้สึกในกรณีที่มี
เรื่องพูดคุยกันยาว ๆ หรือเพื่อให้มีความต่อเนื่องจาก ครั้งที่
แล้ว และเพื่อช่วยให้ผู้รับคาปรึกษาเข้าใจปัญหาของตน ได้
เด่นชัดยิ่งขึ้นการใช้เทคนิค ต่าง ๆ ดังกล่าวในขั้นตอน การ
สารวจและทาความเข้าใจปัญหา จะช่วยให้ ผู้รับคาปรึกษาเริ่ม
เข้า ใจปัญหาของตนเอง เกิดความกระจ่าง แจ้งต่อปัญหา
สาเหตุและความต้องการของตนเอง พร้อมที่จะคิดแก้ไข
ปัญหาต่อไป
- 41. 3. ขั้นตอนเข้าใจปัญหา สาเหตุ และความต้องการ
ขั้นตอนนี้ สาคัญที่สุดถือเป็นหัวใจของกระบวนการให้การ
ปรึกษา ซึ่งผู้ให้การปรึกษาต้องใช้ทักษะเพื่อให้ผู้รับการปรึกษา
เกิดความกระจ่างชัดในสาเหตุของปัญหา ได้สารวจความคิด
และความรู้สึกที่ตนเองมีต่อประสบการณ์ บุคคล หรือปัญหาที่
เกิดขึ้น สามารถแยกแยะปัญหานาและปัญหาที่แท้จริงได้ สรุป
ประเด็นปัญหาที่ผู้รับการปรึกษาต้องการแก้ไข ตลอดจนนา
ปัญหาที่ค้นพบมาจัดลาดับความสาคัญ ความเร่งด่วนรวมทั้ง
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขและไม่แก้ไขปัญหา
- 42. จากขั้นตอนการสารวจ และขั้นทาความเข้าใจปัญหา อาจพบปัญหา
หลาย ๆ อย่าง ที่มีความรุนแรงแตกต่างกัน ผู้ให้คาปรึกษาจะเป็น
ผู้ช่วยให้ผู้รับคาปรึกษาได้เห็นความสาคัญของปัญหาแต่ละอย่าง
ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากปัญหา 3 ด้าน ดังนี้
ก. ปัญหาด้านความไม่รู้ - ไม่เข้าใจ
จะต้องให้ความรู้หรือให้ข้อมูลอย่างถูก ต้องชัดเจน เข้าใจง่าย โดยให้เป็น
ช่วง ๆ ในเวลาที่เหมาะสม และมีการตรวจสอบความเข้าใจตรงกัน ด้วย
เทคนิคการถาม การทวนความ และการสรุปความ แล้วให้ผู้รับคาปรึกษา
เป็นผู้พิจารณาว่า เหมาะสมหรือพอใจหรือไม่
- 43. ข. ปัญหาด้านอารมณ์ - ความรู้สึก
อาจใช้เทคนิคของการให้กาลังใจ การสนับสนุนช่วยให้ผู้รับ
คาปรึกษารู้สึกว่ามิได้เผชิญปัญหาโดยลาพัง เกิดความคิดริเริ่มที่จะสู้
ชีวิตต่อไป และ เกิดมั่นใจในตนเองมากขึ้น
ค. ปัญหาความไม่รู้ในแนวทางปฏิบัติ
ผู้ให้คาปรึกษาต้องสรุปปัญหาของผู้ รับคาปรึกษา อาจทาได้โดยให้
การเสนอแนะเพื่อให้ผู้รับคาปรึกษาได้พูดและช่วยให้เขาได้คิด
พิจารณาสิ่งที่เป็นปัญหา เรียงลาดับความสาคัญของปัญหา
ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาหลาย ๆ ทาง เห็นข้อดี - ข้อเสีย ของ
ทางเลือกต่าง ๆ และตัดสินใจเลือกทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
- 45. 5. ขั้นตอนการยุติการให้คาปรึกษา
ขั้นตอนการยุติการให้คาปรึกษา แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
ก. การยุติการให้คาปรึกษาแต่ละครั้ง เป็นการยุติการพูดคุยกัน
ผู้ให้คาปรึกษาอาจใช้วิธี สรุปประเด็นสาคัญ ๆ ของการพูดคุย และ
แนวทางที่จะนากลับไปปฏิบัติ แล้วนัดพบกันใหม่ หรืออาจให้ ผู้รับ
คาปรึกษาเป็นผู้สรุปเอง เพื่อทบทวนความเข้าใจในสิ่งที่กาลังพูดคุย
กันอยู่ในขณะนั้น และสามารถที่จะนาไปปฏิบัติ โดยผู้ให้คาปรึกษา
เป็นผู้ให้กาลังใจ หรือสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติตามที่พูดคุยกัน แล้ว
นัดพบกันใหม่