รายงานบทที่1-5 กลุ่ม7 ม.5/4

1. เรื่อง ภาวะโลกร้อน
Global Warming
นายพงศภัค กมลศรี
นายภาณุวัฒน์ พานิชกุล
นายกันตนิษฐ์ วังศรี
นายธนลักษณ์ ธัญญาผล
ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5/4
โครงงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา IS (I๓o๒o๒)
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๙
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
สานักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8

2. เรื่อง ภาวะโลกร้อน
Global Warming
นายพงศภัค กมลศรี
นายภาณุวัฒน์ พานิชกุล
นายกันตนิษฐ์ วังศรี
นายธนลักษณ์ ธัญญาผล
ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5/4
โครงงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา IS (I๓o๒o๒)
ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๙
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี
ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
สานักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต

3. คำนำ
โครงงำนเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชำ กำรศึกษำค้นคว้ำและสร้ำงองค์ควำมรู้ IS ชั้นมัธยมศึกษำปีที่
5/4 โดยมีจุดประสงค์ เพื่อกำรศึกษำค้นคว้ำหำควำมรู้ด้วยตนเอง
ซึ่งโครงงำนเล่มนี้มีเนื้อหำควำมรู้เกี่ยวกับปัญหำของภำวะโลกร้อน สำเหตุของภำวะโลกร้อน
สภำพแวดล้อมของบุคคลและสภำพแวดล้อมของสถำนที่ และวิธีกำรแก้ปัญหำของภำวะโลกร้อน
คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้มำทำในโครงงำน เนื่องจำกเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและสำมำรถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ในกำรจัดทำโครงงำนประกอบสื่อกำรเรียนรู้ในครั้งนี้ ผู้จัดทำขอขอบคุณ คุณครูทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม
ผู้ให้คำปรึกษำและข้อเสนอแนะต่ำงๆเกี่ยวกับรูปเล่มของโครงงำน
เพื่อนๆทุกคนที่ให้ควำมร่วมมือและช่วยเหลือมำโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ำโครงงำนเล่มนี้จะให้ควำมรู้
และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษำทุกๆท่ำนต่อไป
คณะผู้จัดทำ

4. กิตติกรรมประกำศ
กำรค้นคว้ำงำนฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เนื่องจำกผู้ค้นคว้ำได้รับควำมช่วยเหลือ
ดูแลเอำใจใส่เป็นอย่ำงดี โดยเฉพำะอำจำรย์ที่ปรึกษำ ในกำรแนะนำตรวจทำน แก้ไข ให้ข้อเสนอแนะ
ติดตำมควำมก้วำวหยน้ำในกำรดำเนินงำนโครงงำน
ผู้ค้นคว้ำรู้สึกซำยซึ้งในควำมกรุณำของอำจำรย์เป็นอย่ำงยิ่ง และขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกำสนี้
ขอขอบคุณ อำจำรย์ทรงศักดิ์ โพธิ์เอี่ยม ครูผู้สอนวิชำ IS
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กำญจนบุรี ที่ได้กรุณำให้ข้องเสนอแนะ แก้ไข
และให้แนวคิดต่ำงๆ ทีเป็นประโยชน์
ขอขอบคุณ สมำชิกในกลุ่มที่เคยช่วยเหลือซึ่งกันแลกกัน คอยให้กำลังใจ
ช่วยดำเนินงำนให้โครงงำนนี้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี
ผู้ค้นคว้ำรู้สึกซำบซึ้งในควำมกรุณำและควำมปรำรถนำดีของทุกๆท่ำนเป็นอย่ำงยิ่ง
จึงกรำบขอบคุณในโอกำสนี้
คณะผู้จัดทำ

5. สารบัญ
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
กิตติกรรมประกำศ ข
สำรบัญ ค
สำรบัญรูปภำพ ง
สำรบัญตำรำง จ
บทที่ 1 บทนำ 1
วัตถุประสงค์ 1
ขอบเขตกำรศึกษำ 1
ผลที่คำดว่ำจะได้รับ 1
สมมติฐำน 1
บทที่ 2 เอกสำรที่เกี่ยวข้อง 2
ภำวะโลกร้อน 2
ผลกระทบของภำวะโลกร้อน 3
บทที่ 3 วิธีกำรดำเนินงำน 5
บทที่ 4 ผลกำรศึกษำ 6
บทที่ 5 สรุป อภิปรำยและข้อเสนอแนะ 8

6. บทที่ 1
ที่มาและความสาคัญ
ภ ำ ว ะ โ ล ก ร้อ น เ ป็ น ปั ญ ห ำ ส ำคัญ ที่ ม นุ ษ ย์ โ ล ก ทุ ก ค น ค ว ร ต ร ะ ห นั ก ถึ ง
บำง คน อำจจะคิดว่ำก็เป็ น แค่ภ ำวะที่ อุณ ห ภู มิพื้น ผิวโลกสู ง ขึ้ น คงไม่มีอะไรร้ำยแรง
ภำวะโลกร้อน ภำวะโลกร้อน หมำยถึง กำรเปลี่ยนแปลงภูมิอำกำศที่เกิดจำกกำรกระทำของมนุษย์
ที่ทำใ ห้อุณห ภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่ มสู ง ขึ้น เรำจึงเรี ยกว่ำ ภ ำวะ โลกร้อน (GlobalWarming)
กิ จ ก ร ร ม ข อ ง ม นุ ษ ย์ ที่ ท ำ ใ ห้ เ กิ ด ภ ำ ว ะ โ ล ก ร้ อ น คื อ
กิจ ก ร ร ม ที่ ท ำใ ห้ ป ริ ม ำ ณ ก๊ ำซ เรื อ น ก ร ะ จ ก ใ น บ ร ร ย ำ ก ำศ เพิ่ ม ม ำก ขึ้ น ได้ แ ก่
กำรเพิ่มปริมำณก๊ำซเรือนกระจกโดยตรง เช่น เผำไหม้เชื้อเพลิง และ กำรเพิ่มปริมำณก๊ำซเรือนกระจก
คือกำรตัดไม้ทำลำยป่ำ
1.2 วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับภำวะโลกร้อน
2. เพื่อปลูกฝังให้คนมีจิตสำนึกเกี่ยวกับรักษำต้นไม้
1.3 เศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อประยุกต์ใช้ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงในกำรจัดกำรปัญหำขยะ ที่มุ่งศึกษำค้นคว้ำ รวบรวม
แ ล ะ วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ ป รั ช ญ ำ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง
เพื่อค้นหำชุดคำอธิบำยในกำรจัดกำรแยกและนำมำแก้ไขดัดแปลงขยะตำมแนวเศรษฐกิจพอเพียง
1.4 ประโยชน์ที่ได้รับ
1. มีจิตสำนึกในกำรรักษำต้นไม้
2. ลดกำรใช้ถุงพลำสติก
3. รู้ถึงสำเหตุของภำวะโลกร้อน

7. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1 ภาวะโลกร้อน
ภำวะโลกร้อน คือ ภำวะโลกร้อน คือกำรที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจำกภำวะเรือน กระจก
ห รื อ ที่ เ ร ำ รู้ จัก กัน ดี ใ น ชื่ อ ว่ำ Green house effect ซึ่ ง มี ต้ น เ ห ตุ จ ำ ก ก ำ ร ที่ ม นุ ษ ย์
ได้เพิ่มปริมำณก๊ำซคำร์บอน ไดออกไซด์ จำก กำรเผำไหม้เชื้อเพ ลิงต่ำงๆ กำรขน ส่ง และ
กำรผลิตในโรงงำน อุตสำหกรรม น อกจำกนั้ น มนุ ษย์เรำยังได้เพิ่มก๊ำซกลุ่มไนตรัสออกไซด์
และ คลอโรฟ ลูโรคำร์ บอ น ( CFC) เข้ำไป อีก ด้วย พ ร้อมๆกับ กำรที่ เรำตัดและ ทำลำย
ป่ ำไม้จำน วน มห ำศำลเพื่อสร้ำง สิ่ ง อำน วย ควำมส ะ ดวกใ ห้แก่มนุ ษย์ ทำใ ห้ กลไกใ น
กำรดึงเอำก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ออกไป จำกระบบบรรยำกำศถูกลดทอน ประสิทธิ ภำพล ง
และในที่สุดสิ่งต่ำงๆที่เรำได้กระทำ ต่อโลกได้หวนกลับมำสู่เรำในลักษณะของ ภำวะโลกร้อน
ส ำ เห ตุ ภ ำ ว ะ โ ล ก ร้ อ น ส ำเ ห ตุ ภ ำ ว ะ โ ล ก ร้ อ น เป็ น ภั ย พิ บั ติ ที่ ม ำ ถึ ง
โดยที่เรำทุกคนต่ำงทรำบถึงสำเหตุของกำรเกิดเป็นอย่ำงดี นั่นคือ กำรที่มนุษย์เผำผลำญเชื้อเพลิงฟอสซิลเช่น
ถ่ำน หิ น น้ ำมัน แล ะ ก๊ำซ ธรรมช ำติ เพื่ อ ผลิต พ ลัง ง ำน ท ำใ ห้ เกิดก๊ำซ เรื อ น กระ จก
ซึ่งเป็นสำเหตุสำคัญในกำรเกิดภำวะโลกร้อน
ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas)
เป็ น ก๊ำซ ที่ มีคุณ ส มบัติ ใ น ก ำรดู ด ซับค ลื่ น รัง สี ค วำมร้อ น ห รื อรัง สี อิ น ฟ ำเรด ได้ดี
ก๊ำซ เห ล่ำนี้ มีค วำมจำเป็ น ต่อ ก ำรรัก ษ ำอุ ณ ห ภู มิใ น บ ร รยำก ำศ ข อ ง โล ก ใ ห้ ค ง ที่
ซึ่ ง ห ำ ก บ ร ร ย ำ ก ำ ศ โ ล ก ไ ม่ มี ก๊ ำ ซ เ รื อ น ก ร ะ จ ก ใ น ชั้ น บ ร ร ย ำ ก ำ ศ
ดังเช่นดำวเครำำะห์ดวงอื่นๆในระบบสุริยะแล้ว จะทำให้อุณหภูมิในตอนกลำงวันนั้นร้อนจัด
และในตอนกลำงคืนนั้นหนำวจัดเนื่องจำกก๊ำซเหล่ำนี้ดูดคลื่นรังสีควำมร้อนไว้ในเวลำกลำงวัน แล้วค่อยๆ
แผ่รังสีควำมร้อนออกมำในเวลำกลำงคืน ทำให้อุณหภูมิในบรรยำกำศโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่ำงฉับพลัน
มีก๊ำซจำนวนมำกที่มีคุณสมบัติในกำรดูดซับคลื่นรังสีควำมร้อน และถูกจัดอยู่ในกลุ่มก๊ำซเรือนกระจก
ซึ่งมีทั้งก๊ำซที่เกิดขึ้นเองตำมธรรมชำติและเกิดจำกกิจกรรมของมนุษย์ ก๊ำซเรือนกระจกที่สำคัญคือไอน้ำ
ก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ โอโซน มีเทนและไนตรัสออกไซด์
สำรซีเอฟซี (CFCหรือ Chlorofluorocarbon) ซึ่งใช้เป็นสำรทำควำมเย็นและใช้ในกำรผลิตโฟม
แต่ไม่ถูกกำหนดในพิธีสำรเกียวโต เนื่องจำกเป็นสำรที่ถูกจำกัดกำรใช้ในพิธีสำรมอนทรีออลแล้ว

8. กิจกรรมต่ำง ๆ ของมนุษย์ กำลังเพิ่มปริมำณก๊ำซเรือนกระจกเหล่ำนี้ (อำจยกเว้นไอน้ำ)
– กำรเผำไหม้เชื้อเพลิงจำกถ่ำนหิน น้ำมันและก๊ำซธรรมชำติ
– กำรตัดไม้ทำลำยป่ำทำให้เกิดก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์
– กำรทำกำรเกษตรและกำรปศุสัตว์ปล่อยก๊ำซมีเทนและไนตรัสออกไซด์
– ควันจำกท่อไอเสียรถยนต์ปล่อยก๊ำซโอโซน
2.2 ผลกระทบของภาวะโลกร้อน
2 . 2 . 1 . ผ ล ก ร ะ ท บ ด้ ำ น นิ เ ว ศ วิ ท ย ำ
แถบขั้วโลกได้รับผลกระทบมำกสุดและก่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงมำกมำย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งภูเขำน้ำแข็ง
ก้อ น น้ ำแ ข็ ง จ ะ ล ะ ล ำยอ ย่ำ ง ร ว ด เร็ ว ท ำใ ห้ ร ะ ดับ น้ ำท ะ เ ล ท ำง ขั้ วโ ล ก เพิ่ ม ขึ้ น
แ ล ะ ไ ห ล ล ง สู่ ทั่ ว โ ล ก ท ำ ใ ห้ เ กิ ด น้ ำ ท่ ว ม ไ ด้ ทุ ก ท วี ป
นอกจำกนี้ จะพลอยทำให้สัตว์ทำงทะเลเสียชีวิตเพรำะระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง ส่วนทวีปยุโรป
ยุ โ ร ป ใ ต้ ภู มิ ป ร ะ เ ท ศ จ ะ ก ล ำ ย เ ป็ น พื้ น ที่ ล ำ ด เ อี ย ง เ กิ ด ค ว ำ ม แ ห้ ง แ ล้ ง
ในหลำยพื้นที่ปัญหำอุทกภัยจะเพิ่มขึ้นเนื่องจำกธำรน้ำแข็งบนบริเวณยอดเขำสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะจะละลำย
จนหมด ขณะที่เอเชียอุณหภูมิจะสูงขึ้นเกิดฤดูกำลที่แห้งแล้ง มีน้ ำท่วม ผลิตผลทำงอำหำรลดลง
ร ะ ดับ น้ ำ ท ะ เล สู ง ขึ้ น ส ภ ำว ะ อ ำ ก ำ ศ แ ป ร ป ร ว น อ ำจ ท ำ ใ ห้ เกิ ด พ ำ ยุ ต่ำง ๆ
ม ำ ก ม ำ ย เ ข้ ำ ไ ป ท ำ ล ำ ย บ้ ำ น เ รื อ น ที่ อ ยู่ อ ำ ศั ย ข อ ง ป ร ะ ช ำ ช น
ซึ่ ง ปั จ จุ บั น ก็ เ ห็ น ผ ล ก ร ะ ท บ ไ ด้ ชั ด ไ ม่ ว่ ำ จ ะ เ ป็ น ใ ต้ ฝุ่ น ก ก
แต่แถบทวีปอเมริกำเหนืออุตสำหกรรมกำรผลิตอำหำรจะได้รับผลประโยชน์เนื่องจำกอำกำศที่อุ่นขึ้น พร้อม
ๆ กั บ ทุ่ ง ห ญ้ ำ ใ ห ญ่ ข อ ง แ ค น ำ ด ำ แ ล ะ ทุ่ ง ร ำ บ ใ ห ญ่ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก ำ
นักวิจัยได้มีกำรคำดประมำณอุณหภูมิผิวโลกในอีก 100 ปี ข้ำงหน้ำ หรือประมำณปี 2643 ว่ำ
อุ ณ ห ภู มิจ ะ สู ง ขึ้ น จ ำก ปั จจุ บัน รำว 4 .5 อ ง ศ ำเซ ล เซี ยส เนื่ อ ง จ ำก ค ำด ก ำรณ์ ว่ำ
จะมีกำรปล่อยก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ถึงร้อยละ 63 และก๊ำซมีเทนร้อยละ 27 ของก๊ำซเรือนกระจก
สำห รับประเทศไทยมีอุณหภูมิสู งขึ้น ประมำณ 1 องศำเซลเซียส ในช่วง 40 ปี อย่ำงไรก็ตำม
หำกอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 2- 4 องศำเซลเซียส จะทำให้พำยุไต้ฝุ่ น เปลี่ยนทิศทำง เกิดควำมรุนแรง
และมีจำน วน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ในอน ำคต น อกจำกนี้ ฤดูร้อนจะขยำยเวลำยำวนำนขึ้ น
ในขณะที่ฤดูหนำวจะสั้นลง
2 .2 .2 . ผ ล ก ร ะ ท บ ด้ ำ น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ รั ฐ ที่ เ ป็ น เ ก ำ ะ เ ล็ ก ๆ
ของทวีปอเมริกำจะได้รับผลจำกระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกัดกร่อนชำยฝั่ง จะสร้ำงควำมเสียหำยแก่ระบบนิเวศ
แน วปะกำรังจะถูกทำลำย ปลำทะเลประสบปั ญหำ เนื่ องจำกระบบนิ เวศที่แปรเปลี่ยน ไป
ธุรกิจท่องเที่ยวทำงทะเลที่สำคัญจะสูญเสียรำยได้มหำศำลนอกจำกนี้ ในเอเชียยังมีโอกำสร้อยละ 66-90

9. ที่อำจเกิดฝนกระหน่ำและมรสุมอย่ำงรุนแรง รวมถึงเกิดควำมแห้งแล้งในฤดูร้อนที่ยำวนำน ทั้งนี้ ในปี 2532-
2545 ประเทศไทยเกิดควำมเสียหำยจำกอุทกภัย พำยุและภัยแล้ง คิดเป็นมูลค่ำเสียหำยทำงเศรษฐกิจมำกกว่ำ
70,000 ล้ำนบำท รำยงำน ”GlobalDeserts Outlook” ของโครงกำรสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชำชำติ
เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนำยน ชี้ว่ำ ภำยใน 50 ปี ข้ำงหน้ำ ระบบนิเวศวิทยำทะเลทรำย
จะเปลี่ยน แปลงไปทั้งด้ำนชีววิทยำ เศรษฐกิจและวัฒน ธรรม ปัจจุบัน พืชและสัตว์ทะเลทรำย
คื อ แ ห ล่ ง ท รั พ ย ำ ก ร มี คุ ณ ค่ ำ ส ำ ห รั บ ผ ลิ ต ย ำ แ ล ะ ธั ญ ญ ำ ห ำ ร ใ ห ม่ ๆ
ที่ทำให้ไม่ต้องสิ้น เปลืองน้ ำและยังมีช่องทำงเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่เป็ นมิตรกับธรรมช ำติ เช่น
กำรทำฟำร์มกุ้งและบ่อปลำในทะเลทรำยรัฐอำริโซนำและทะเลทรำยเน เจฟในอิสรำเอล อย่ำงไรก็ตำม
ทะ เล ทรำยที่ มีอยู่ 12 แห่ง ทั่วโลก กำลัง เผชิ ญ ปั ญ ห ำใ ห ญ่ ไม่ใ ช่เรื่ อ ง กำรข ยำยตัว
แต่เป็นควำมแห้งแล้งเนื่องจำกโลกร้อน ธำรน้ำแข็งซึ่งส่งน้ำมำหล่อเลี้ยงทะเลทรำยในอเมริกำใต้กำลังละลำย
น้ำใต้ดินเค็มขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจำกน้ำมือมนุษย์ ซึ่งหำกไม่มีกำรลงมือป้องกันอย่ำงทันท่วงที
ระบบนิเวศวิทยำและสัตว์ป่ำในทะเลทรำยจะสูญหำยไปภำยใน 50 ปีข้ำงหน้ำ ในอนำคตประชำกร 500
ล้ ำ น ค น ที่ อ ำ ศั ย อ ยู่ใ น เ ข ต ท ะ เ ล ท ร ำ ย ทั่ ว โ ล ก จ ะ อ ยู่ ไ ม่ ไ ด้ อี ก ต่ อ ไ ป
เพรำะอุณหภูมิสูงขึ้นและน้ำถูกใช้จนหมดหรือเค็มจนดื่มไม่ได้
2 .2 .3 . ผ ล ก ร ะ ท บ ด้ ำ น สุ ข ภ ำ พ ภ ำ ว ะ โ ล ก ร้ อ น ไ ม่ เ พี ย ง
ท ำ ใ ห้ ร ะ บ บ นิ เว ศ เป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป แ ต่มี สิ่ ง ซ่อ น เร้ น ที่ แ อ บ แ ฝ ง ม ำ พ ร้ อ ม
ปรำกฏกำรณ์นี้ด้วยว่ำโลกร้อนขึ้นจะสร้ำงสภำวะที่พอเหมำะพอควรให้เชื้อโรคเจริญเติบโตอย่ำงรวดเร็ว
โลกร้อน ขึ้นจะก่อให้เกิด สภำพ แวดล้อมที่เห มำะสมแก่กำรฟักตัวของเชื้อโรคและศัตรูพืช
ที่เป็นอำหำรของมนุษย์บำงชนิดโรคที่ฟักตัวได้ดีในสภำพร้อนชื้นของโลกจะสำมำรถเพิ่มขึ้นมำกในอีก20
ปี ข้ำง ห น้ ำ ทั้ ง จะ มีก ำรติ ด เชื้ อ เพิ่ ม ม ำก ขึ้ น ใ น โ รค ม ำล ำเรี ย ไข้ส่ ำ อ หิ วำต ก โร ค
และอำหำรเป็นพิษนักวิทยำศำสตร์ในที่ประชุมองค์กำรอนำมัยโลก และ London Schoolof Hygiene and
TropicalMedicine วิทยำลัยศึกษำด้ำน สุขอนำมัยและเวช ศำสตร์เขตร้อน ของอังกฤษ แถลงว่ำ
ในแต่ละปีประชำชนรำว 160,000 คนเสียชีวิตเพรำะได้รับผลกระทบจำกภำวะโลกร้อน ตั้งแต่โรคมำลำเรีย
ไปจนถึงกำรขำดแคลนสุขอนำมัยที่ดี และตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้อำจเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่ำตัวในอีก 17ปีข้ำงหน้ำ
แถลงกำรณ์ของคณะแพทย์ระดับโลกระบุว่ำ เด็กในประเทศกำลังพัฒนำจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมำกที่สุด
เช่น ใ น ป ร ะ เท ศ แ ถ บ แ อ ฟ ริ ก ำ ล ะ ติ น อ เม ริ ก ำ แ ล ะ เอ เชี ย ต ะ วัน อ อ ก เฉี ย ง ใ ต้
ที่จะต้องเผชิญกับกำรแพร่ขยำยของกำรขำดแคลน สุขอนำมัยโรคท้องร่วง และโรคมำเลเรีย
ท่ำมกลำงอุณหภูมิโลกร้อนขึ้น น้ำท่วม และภัยแล้ง

10. ที่มำ : สถิติของอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 ปี จนถึงปี 2000

11. บทที่3
วิธีการดาเนินงาน
ในการจัดทาโครงงานการศึกษาเชิงวิชาการ เรื่องภาวะโลกร้อน
ผู้จัดทาโครงงานมีวิธีขั้นตอนการดาเนินงานดังต่อไปนี้
3.1 ในการศึกษาค้นคว้าเรื่อง ภาวะโลกร้อน มีวิธีการดังนี้
3.1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โปรแกรม Microsoft Word
3.1.2 กาหนดขอบเขตในการศึกษาค้นคว้า
3.1.3 วิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้เรื่อง ภาวะโลกร้อน
3.2 วิธีการดาเนินงาน
3.2.2 ศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวกับหัวข้อของโครงงาน
ว่าเราสามารถนามาประยุกต์อย่างไร และเกี่ยวข้อง
กับเศรษฐกิจพอเพียง
3.2.3 ศึกษาการจัดทารูปแบบหน้ากระดาษและหัวข้อต่างกก่อนลงมือพิมพ์เนื้อหา
3.2.4 พิมพ์เนื้อหาเสร็จแล้ว จึงส่งไฟล์งานให้ครูที่ปรึกษาโครงงานตรวจสอบ
3.2.5 นาโครงงานกลับมาแก้ไข ในจุดที่ครูที่ปรึกษาแนะนามา
3.2.6
สรุปผลการทางานแล้วทาสไลด์นาเสนอเพื่อเตรียมนาเสนอแก่ครูที่ปรึกษาโครงงานและเพื่อนกในห้
องเรียน

12. บทที่ 4
ผลการศึกษา
ในกำรศึกษำค้นคว้ำเรื่อง ภำวะโลกร้อน ผู้ศึกษำค้นคว้ำได้กำหนดวัตถุประสงค์และสมมุติฐำน
ไว้ดังนี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ควำมรู้เกี่ยวกับภำวะโลกร้อน
2. เพื่อให้ทุกคนหันมำใช้ถุงผ้ำแทนถุงพลำสติก
3. เพื่อปลูกฝังให้คนมีจิตสำนึกเกี่ยวกับรักษำต้นไม้
สมมุติฐำน
ถ้ำลดกำรใช้ถุงพลำสติกแล้วหันมำใช้ถุงผ้ำแทนจะทำให้มีกำรทิ้งถุงพลำสติกน้อยลง
และจะทำมีกำรย่อยสลำยน้อยขึ้น
สรุปผลกำรศึกษำได้ดังนี้
1. ภำวะโลกร้อนจำกกำรย่อยสลำยถุงพลำสติก
1.1 ตอนนี้เรำกำลังเผชิญกับปัญหำภำวะโลกร้อน เช่น แหล่งกำรใช้ถุงพลำสติกเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้เกิดกำรย่อยสลำยเยอะและนำนจึงทำให้ผลเสียต่อสิ่งรอบข้ำง และ ทำให้เกิดกำรเหม็นเน่ำ
2. สำเหตุของที่มำของถุงพลำสติก
2.1 ไปซื้อของในเซเว่น
2.2 ถุงผ้ำมีรำคำที่แพงกว่ำถุงพลำสติก
2.3 ควำมสะดวกในกำรพกไปทำธุระต่ำงๆ
3. วิธีกำรป้องกันกำรใช้ถุงพลำสติก
3.1 แจกถุงผ้ำ
3.2 ลดกำรผลิตถุงพลำสติก
4. วิธีกำรลดภำวะโลกร้อน
4.1 รณรงค์ให้มีจิตสำนึกในกำรปลูกต้นไม้ให้เป็นที่ โดยเริ่มจำกคนกลุ่มเล็กๆ เช่น จิตอำสำ
4.2 กำรให้ควำมรู้เกี่ยวกับข้อเสียของถุงพลำสติก

13. บทที่ 5
สรุป อภิปรายและข้อเสนอแนะ
จำกกำรศึกษำค้นคว้ำเรื่อง ภำวะโลกร้อน
ผลกำรศึกษำพบว่ำ ปริมำณถุงพลำสติกมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันๆกำรเพิ่มขึ้นของถุงพลำสติกจำนวนมำกส่วน
ใหญ่จะมีสำเหตุมำจำกกำรที่ถุงพลำสติกสะดวกกว่ำกำรพกถุงผ้ำมำเอง
สิ่งที่สำคัญถ้ำคนเรำช่วยกันลดใช้ถุงพลำสติกและ รู้จักใช้เฉพำะตอนที่จำเป็นจริงๆ
แต่ถ้ำไม่จำเป็นเรำก็ใช้ถุงผ้ำแทนจะทำให้ปริมำณของถุงพลำสติกนั้นลดลงได้และควรมีจิตสำนึกในกำรใช้ถุ
งพลำสติก
ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป
1. รณรงค์ให้หันมำสนใจเรื่องกำรใช้ถุงผ้ำ
2. ควรมีกิจกรรมกำรปลูกจิตสำนึกให้กับประชำชนทั่วไป
กำรบูรณำกำรปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
ประกอบด้วย 3 ห่วง ดังนี้
ห่วงที่ 1 ควำมพอประมำณ :ใช้สิ่งของ แค่เท่ำที่จำเป็น
ห่วงที่ 2 มีเหตุผล : เลือกซื้อใช้สิ่งของให้เหมำะสมและจำเป็นเพื่อลดถุงพลำสติก
ห่วงที่ 3 มีภูมิคุ้มกันในตัวเอง : ศึกษำกำรเกี่ยวกับถุงผ้ำ เพื่อให้ทุกคนหันมำใช้ถุงผ้ำมำกขึ้น
เงื่อนไข
1.เงื่อนไขควำมรู้ (รอบคอบ รอบรู้ ระมัดระวัง)
มีควำมรู้ในกำรใช้ถุงผ้ำแทนถุงพลำสติก เพื่อจะลดปริมำณถุงพลำสติกให้น้อยลงจำกเดิม
2.เงื่อนไขคุณธรรม (ซื้อสัตย์สุจริต มีสติปัญญำ ขยะอดทน แบ่งปัน)
หมั่นศึกษำหำควำมรู้ด้วยตนเองโดยที่ไม่จ้ำงผู้อื่น

14. บรรณำนุกรม
นำงสำวภัสรำ กัววงศ์.2560.ภำวะโลกร้อน(ออนไลน์). แหล่งที่มำ
:https://krupenka.wordpress.com/2013/01/31/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB
%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%
E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/.21 มกรำคม 2560
kapook.2560.ภำวะโลกร้อน มำลดโลกร้อนกันดีกว่ำ(ออนไลน์).แหล่งที่มำ:
https://hilight.kapook.com/view/5233 .25 มกรำคม 2560

15. ภำคผนวก